Friday, April 4, 2025

โซเชียลจับตา "ตึกถล่ม-อาฟเตอร์ช็อก" ประเด็นร้อนหลังแผ่นดินไหว


          จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ริกเตอร์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งแรงสั่นสะเทือนถึงหลายพื้นที่ของประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลต่ออาคารสูงมีรายงานตึกถล่มและผู้เสียชีวิตทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและเฝ้าติดตามสถานการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด
          บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในช่วงวันที่ 28-31 มีนาคม 2568 ด้วยเครื่องมือ Social Listening (DXT360) พบว่าประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจโดยมีเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) สูงสุดคือ "ตึกถล่ม" (37%) รองลงมาคือ อาฟเตอร์ช็อก (27%) การช่วยเหลือผู้รอดชีวิต (26%) การสัญจร (5%) และความมั่นคงของอาคาร (5%)
          และจากการเก็บข้อมูล พบว่าประชาชนใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการรายงานเหตุการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
  • ตึกถล่ม (37%)

          อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ซึ่งกำลังก่อสร้างบนถนนกำแพงเพชร 2 ใกล้ตลาดนัดจตุจักร พังถล่มลงมาภายในไม่กี่นาทีหลังจากกรุงเทพฯ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในเมียนมา ส่งผลให้มีคนงานเสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก สร้างความตื่นตระหนกในวงกว้าง โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากตั้งคำถามถึงมาตรฐานการก่อสร้างอาคารในไทย และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอย
  • อาฟเตอร์ช็อก (27%)

          แม้แผ่นดินไหวหลัก (Mainshock) จะผ่านไปแล้ว แต่จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า มีอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังเหตุการณ์ แม้จะไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติมแต่ก็เพิ่มความวิตกกังวลให้กับประชาชนอย่างมาก บนโซเชียลมีเดียมีการพูดถึงอาการเวียนหัว บ้านสั่นไหว และความหวั่นใจว่าจะเกิดแผ่นดินไหวซ้ำอีก
  • การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากตึกถล่ม (26%)

          ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหลังแผ่นดินไหว กระแสความห่วงใยจากประชาชนหลั่งไหลผ่านโซเชียลมีเดีย ผู้คนส่งต่อกำลังใจให้ทีมกู้ภัยที่กำลังปฏิบัติงาน เสี่ยงอันตรายเพื่อตรวจสอบซากอาคารและค้นหาผู้ที่อาจติดอยู่ใต้โครงสร้าง โดยหนึ่งในทีมที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากคือ "ทีม K9" สุนัขกู้ภัย ซึ่งลงพื้นที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่อาคารถล่ม ด้วยความทุ่มเทและมีประสิทธิภาพทำให้เป็นกระแสไวรัลอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนยกให้เป็น "ฮีโร่ในนาทีวิกฤติ" ที่เข้าถึงจุดเสี่ยงก่อนใคร
  • รถไฟฟ้า BTS และ MRT ปิดการจราจรติดขัดคนกรุงต้องเดินกลับบ้าน (5%)

          หลังเกิดแผ่นดินไหว ระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ อย่างรถไฟ้ฟ้า BTS และ MRT ต้องหยุดให้บริการทันทีเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ผู้โดยสารจำนวนมากตกค้างอยู่บนสถานี ขณะเดียวกัน การจราจรบนถนนหลายสายกลายเป็นอัมพาต เนื่องจากผู้คนจำนวนมากพากันออกจากอาคารและเดินทางกลับที่พักพร้อมกัน รถแท็กซี่และรถโดยสารที่ไม่เพียงพอทำให้หลายคนต้องตัดสินใจ "เดินเท้ากลับบ้าน" แม้ในระยะทางที่ไกลกว่าปกติ กลายเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของหลายคนที่ไม่มีวันลืม
  • ความมั่นคงของโครงสร้างอาคาร (5%)

          หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของอาคารสูงถูกสั่นคลอน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมรวมถึงผู้ที่ทำงานอยู่ในอาคารสูง แม้หลายอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง แต่การพบรอยร้าวเล็ก ๆ หรือได้ยินเสียงแตกร้าวของโครงสร้างก็สร้างความกังวลและตื่นตระหนกให้กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาคารสูงอย่างมาก
          จากกระแสความวิตกกังวล ทำให้ประเด็นเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการกล่าวถึงบริษัท ฤทธา (RITTA) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำของไทยอย่างกว้างขวางในแง่บวก หลายโครงการที่ดำเนินการสร้างโดยบริษัทนี้ได้รับคำชื่นชมว่าได้รับผลกระทบน้อยมากจากเหตุแผ่นดินไหว แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานโครงสร้างที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือของงานก่อสร้าง จนกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงในโซเชียลมีเดีย
          กทมหน่วยงานที่ถูกพูดถึง (Mention) มากที่สุด
          วิเคราะห์จากข้อมูล Mentions บนโซเชียลมีเดีย หน่วยงานใดบ้างที่สังคมมองว่าขยับได้ทันในภาวะวิกฤต:
          หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิด สังคมยังตั้งคำถามถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐว่า "พร้อมรับมือแค่ไหน?" เพราะไม่ใช่ทุกหน่วยงานที่มีแผนชัดเจน บางแห่งได้รับคำชมจากการตอบสนองรวดเร็ว ขณะที่บางแห่งถูกวิจารณ์จากความล่าช้าหรือความเงียบ ในช่วงวิกฤตที่กรุงเทพฯ ต้องการความช่วยเหลือสูงสุด นี่คือภาพรวมของหน่วยงานที่สังคมออนไลน์มองว่า "ขยับได้ทัน" ต่อเหตุการณ์
          กทม. (52%)
          แผ่นดินไหวในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาส่งแรงสั่นสะเทือนถึงไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สั่งตั้งวอร์รูมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบและรายงานความเสียหายในทันที ขณะที่การจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ติดหนักขั้นวิกฤติ และรถไฟฟ้าทุกสายปิดให้บริการเนื่องจากความปลอดภัย
          ท่ามกลางความโกลาหล กทม. เปิดสวนสาธารณะตลอด 24ชั่วโมง เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่เหตุอาคารกำลังก่อสร้างของ สตง. ถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้สูญหายจำนวนมาก ผู้ว่าฯ ชัชชาติ และทีมงานลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
          จากการปฏิบัติงานของ กทม. และผู้ว่าฯ ชัชชาติ สังคมออนไลน์ต่างชื่นชมการทำงานที่รวดเร็วและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชน สื่อสารข้อมูล รวมถึงประสานงานความช่วยเหลือให้ผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
          กรมอุตุนิยมวิทยา (20%)
          หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศทันที ระบุว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในหลายจังหวัดรวมถึงกรุงเทพฯ
          อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นในสังคมคือ ทำไมไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า? ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาชี้แจงว่า "แผ่นดินไหวยังไม่สามารถพยากรณ์ได้การป้องกันและบรรเทาภัยแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้ระบบตรวจวัดที่มีมาตรฐานสากลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง"
          แม้ไม่สามารถเตือนล่วงหน้าได้ แต่หลังเหตุการณ์ กรมอุตุฯ ได้เฝ้าระวังและรายงาน อาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) อย่างต่อเนื่อง ผ่านเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดียของหน่วยงาน โดยอัปเดตตำแหน่ง ความลึก และขนาดของแรงสั่นสะเทือนแบบเรียลไทม์ ทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนใช้เป็นข้อมูลหลักในการติดตามสถานการณ์
          นอกจากกรุงเทพมหานครและกรมอุตุนิยมวิทยา ยังมีหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่ถูกจับตาถึงบทบาทในการรับมือต่อสถานการณ์ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (12%) กรมโยธาธิการและผังเมือง (10%) และ กสทช. (6%)


          10 อันดับสื่อไทยรายงานแผ่นดินไหวยอดเอ็นเกจฯเฟซบุ๊กพุ่ง
          ในช่วงวิกฤตที่ประชาชนต้องการข้อมูลที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือเพื่อประเมินสถานการณ์ สื่อจึงมีบทบาทสำคัญในการส่งต่อข้อเท็จจริงเพื่อลดความสับสน ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของ Dataxet พบว่า สื่อไทยที่มียอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) บน Facebook สูงที่สุดในช่วงวันที่ 28-31 มี.ค. 2568 ได้แก่ ข่าวสด มียอดรวมอยู่ที่ 4.29 ล้านครั้ง รองลงมา ไทยรัฐ มียอดรวม 4.23 ล้านครั้ง และอีจัน ยอดรวมอยู่ที่ 2.80 ล้านครั้ง


          AmarinTV มียอดรวม 2.0 ล้านครั้ง Drama-addict มียอดรวม 9.98 แสนครั้ง มติชน มียอดรวม 9.53 แสนครั้ง The Standard มียอดรวม 9.03 แสนครั้ง Ch7HD มียอดรวม 8.91 แสนครั้ง ThaiPBS มียอดรวม 8.35 แสนครั้ง และ ข่าวช่อง8 มียอดเอ็นเกจเมนต์รวม 7.98 แสนครั้ง
          โซเชียลชื่นชมแห่แชร์น้ำใจ "ร้านอาหารช่วงฉุกเฉิน
          ท่ามกลางความโกลาหล ร้านอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เมื่อลูกค้าต้องรีบออกจากร้านเพื่อหาที่หลบภัยโดยยังไม่ได้ชำระเงิน อย่างไรก็ตาม หลายร้านเลือกความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับแรก พร้อมแสดงความมีน้ำใจด้วยการ "ยกเว้นค่าอาหาร" และขอบคุณลูกค้าที่ติดต่อกลับมาชำระเงินภายหลัง สร้างกระแสชื่นชมและได้รับเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) สูงในโซเชียลมีเดีย
          ร้านที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ เอ็มเค เรสโตรองต์ (MK Restaurants) 66% รองลงมา สุกี้ตี๋น้อย (Suki Teenoi) 19% ไอเบอร์รี่ (iberry) 10% มากุโระ (Maguro) 2% และโอ้กะจู๋ (OHKAJHU) 1% และ อื่นๆ 2% ตามลำดับ
          โซเชียลมีเดียกับบทบาทสำคัญช่วงภัยพิบัติ
          ในช่วงเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลักเนื่องจากขาดการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ เช่น ระบบ SMS หรือ Emergency Alert ที่ควรทำหน้าที่สื่อสารยามฉุกเฉิน
          จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้โซเชียลมีเดียในช่วงเวลาดังกล่าว พบรูปแบบที่น่าสนใจ ดังนี้:
  • การรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์: ผู้คนมักโพสต์ทันทีที่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นโพสต์สอบถามข้อมูล, โพสต์แจ้งเตือนผู้อื่น, โพสต์เนื้อหาตลกหรือมีม หรือโพสต์เพื่อสร้างความตระหนักรู้
  • การใช้แฮชแท็กยอดนิยม: มีการใช้แฮชแท็กอย่างกว้างขวาง เช่น #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม เพื่อรวบรวมข้อมูลและติดตามสถานการณ์
  • การแชร์คลิปวิดีโอและภาพถ่าย: ประชาชนจำนวนมากมีส่วนร่วมในการแชร์ภาพจากกล้องวงจรปิดหรือคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์จริง ซึ่งช่วยให้เห็นภาพสถานการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

          โซเชียลมีเดียกลายเป็นศูนย์กลางในการติดตามข่าวสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และเฝ้าระวังเหตุการณ์ โดยประชาชนใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการแจ้งเหตุ แชร์คลิปวิดีโอความเสียหาย และแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคารสูง
          ข้อมูลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อทุกภาคส่วนในการวางแผนรับมือและให้ความช่วยเหลือผู้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว แม้สถานการณ์จะคลี่คลายลง แต่เสียงจากโลกออนไลน์ยังคงสะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาฟเตอร์ช็อก และมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งให้ความสำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนต่อไป
          ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมข้อมูลจาก DXT360 (Social Listening and Media Monitoring Platform) ของบริษัทดาต้าเซ็ตจำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 28-31 มีนาคม 2568
          เกี่ยวกับ DXT360
          DXT360 เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้ทั้งจากโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ สื่อบรอดคาสท์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voices) คอนเทนต์จาก Influencers และ KOLs ไปจนถึงข่าวจากสื่อมวลชน ที่รวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Dashboard ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละราย (Customizable Dashboard) จึงทำให้เข้าใจและเห็น Insight ในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้เห็นทิศทางการสื่อสารของแบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถุงขยะ HERO ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว

          ถุงขยะ HERO ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน มอบถุงขยะ ให้จิตอาสา, มูลนิธิหน่วยงานที่กำลังลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว
          จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 7.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้การก่อสร้างอาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ความสูง 30 ชั้น บริเวณ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เกิดถล่มเสียหาย อย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง โดยมีหน่วยงาน มูลนิธิ ต่างๆลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
          เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา บริษัท คิงส์แพค อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตถุงขยะ ถุงซิป และ ถุงพลาสติก ทุกชนิด ภายใต้แบรนด์ ฮีโร่ (Hero) ที่จำหน่ายทั้งใน และต่างประเทศ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นต่อการใช้ถุงขยะ ได้จัดทีมงานเข้ามอบถุงขยะจำนวน 20,000 ใบ ให้แก่ให้จิตอาสา,หน่วยงาน, มูลนิธิ ที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว
          นอกจากการสนับสนุนในครั้งนี้ แบรนด์ ฮีโร่ (Hero) ยังขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย อาสาสมัคร และทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย กำลังใจ เพื่อคนไทย ไม่ยอมแพ้






Thursday, April 3, 2025

บริดจสโตนรับรางวัลเกียรติยศ “The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance” ในงานประกาศรางวัล “2025 TMA Annual Supplier Conference” สะท้อนความมุ่งมั่นเติบโตอย่างยั่งยืนในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับโตโยต้า




คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด  (ที่ 6 จากซ้าย) ในงานมอบรางวัล “2025 TMA Annual Supplier Conference”
          บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด นำโดยคุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการ รับรางวัลทรงเกียรติ "The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance" ในงานมอบรางวัล "2025 TMA Annual Supplier Conference" จากคุณโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจของโตโยต้าที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นด้านคุณภาพประจำปี พ.ศ.2567สะท้อนความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ บริการ และโซลูชั่นสู่ความพรีเมียมเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับได้อย่างมั่นใจให้กับลูกค้า และพร้อมเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนกับโตโยต้า

คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด (ขวา)
พร้อมด้วย
คุณโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (ซ้าย)

          งานประกาศรางวัล 2025 TMA Annual Supplier Conference จัดขึ้นโดยบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคและเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน สนับสนุนสมาชิกกลุ่มโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น เสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การขาย และการปฏิบัติงานด้านอื่นๆ ภายในภูมิภาค เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านวิศวกรรมและการสนับสนุนการผลิต ซึ่งวัตถุประสงค์ของงานประกาศรางวัลดังกล่าวจัดขึ้น เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ซัพพลายเออร์ที่มีผลงานดีและผ่านเกณฑ์ของโตโยต้าทั้งภายในประเทศและทั่วภูมิภาคเอเชีย
          งานประกาศรางวัล 2025 TMA Annual Supplier Conference จัดขึ้นโดยบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคและเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน สนับสนุนสมาชิกกลุ่มโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น เสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การขาย และการปฏิบัติงานด้านอื่นๆ ภายในภูมิภาค เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านวิศวกรรมและการสนับสนุนการผลิต ซึ่งวัตถุประสงค์ของงานประกาศรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติให้แก่ซัพพลายเออร์ที่มีผลงานดีและผ่านเกณฑ์ของโตโยต้าทั้งภายในประเทศและทั่วภูมิภาคเอเชีย
          คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า "นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจจากความทุ่มเทของทีมผู้บริหารและพนักงานบริดจสโตนที่พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริการและธุรกิจยางรถยนต์ที่ครบวงจร และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางครอบคลุมความต้องการของลูกค้าโตโยต้า เรายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับแบรนด์บริดจสโตน และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ด้วยเป้าหมายหลักขับเคลื่อนความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเติบโตไปอย่างมั่นคงร่วมกับโตโยต้า"
รางวัล “The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance”
คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด (กลาง) พร้อมด้วยทีมผู้บริหารจากส่วนงานธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์

          เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:
          บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

Bridgestone Receives "The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance" in "2025 TMA Annual Supplier Conference", Enhancing Strong Partnership for Sustainable Growth with Toyota

 

Mr. Akihito Ishii, Managing Director of Thai Bridgestone Co., Ltd. (6th left)
in the 2025 TMA Annual Supplier Conference”

          Thai Bridgestone Co., Ltd., led by Mr. Akihito Ishii, Managing Director received the prestigious award, "The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance" at the "2025 TMA Annual Supplier Conference". The award was presented by Mr. Noriaki Yamashita, President of Toyota Motor Thailand Co., Ltd., held at Centara Life Government Complex Hotel & Convention Centre Chaeng Watthana. This award was recognized Bridgestone for its outstanding quality performance in 2024, reflecting the company's commitment to enhancing the quality of premium tires, services, and solutions as well as delivering a superior driving experience for customers and sustainable growth alongside Toyota.

Mr. Akihito Ishii, Managing Director of Thai Bridgestone Co., Ltd. (right)
with Mr. Noriaki Yamashita, President of Toyota Motor Thailand Co., Ltd. (left)

          The 2025 TMA Annual Supplier Conference was organized by Toyota Motor Asia (Thailand) Co., Ltd., the regional corporate headquarters and a subsidiary of Toyota Motor Corporation. The company supports Toyota Group members across Asia and other regions, fostering collaboration in product development, manufacturing, sales, and operations within the region. Additionally, it strengthens engineering capabilities and manufacturing support. The purpose of this award ceremony is to recognize and honor outstanding suppliers who have met Toyota's performance criteria, both domestically and across the Asia region.
          Mr. Akihito Ishii, Managing Director of Thai Bridgestone Co., Ltd., addressed that "Bridgestone is proud to receive the award which serves as a testament to our relentless dedication of managements and employees in developing quality and comprehensive products, services, and solutions in tire business that align with mobility lifestyles and meet the diverse needs of Toyota's customers. We are committed to enhancing Bridgestone brand and advancing toward carbon neutrality across the entire value chain, with core mission to drive sustainability in Thailand's automotive industry and achieve stable growth alongside Toyota."

The Winner of 2024 Outstanding Performance Supplier in Quality Performance”

Mr. Akihito Ishii, Managing Director of Thai Bridgestone Co., Ltd. (middle)
with managements of OE Business team 

          About Bridgestone in Thailand:
          Bridgestone is a global leader in tires and rubber building on its expertise to provide solutions for safe and sustainable mobility. In Thailand, Thai Bridgestone Co., Ltd. (TBSC) is a leading manufacturer in the Thai automotive industry, while Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd. (BSTL) is the exclusive importer & distributor, and supervises the marketing strategy for Bridgestone, Firestone and Dayton branded tires in Thailand. Bridgestone is a brand trusted by its customers, dealers and business partners. Bridgestone offers a diverse product portfolio of premium tires and advanced solutions backed by innovative technologies, improving the way people around the world move, live, work and play.

ร.ร.นานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ จัดการแข่งขันกีฬากระชับมิตร นักเรียนและผู้ปกครองจากไบรท์ตันคอลเลจทั่วโลกเข้าร่วมกิจกรรม เน้นมิตรภาพ การพัฒนาตนเอง และความเคารพซึ่งกันและกัน

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ ภูมิใจเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาที่รวมเครือข่ายโรงเรียนไบรท์ตัน คอลเลจ จากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้บรรยากาศแห่งไมตรีจิต สนามแข่งขันได้ต้อนรับนักเรียนผู้มากความสามารถ คณาจารย์ผู้ทุ่มเท และผู้ปกครองที่ให้การสนับสนุน จากนานาประเทศ มาร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งมิตรภาพข้ามพรมแดนด้านการกีฬาอย่างงดงามเหนือคำบรรยาย

Nick Gallop ครูใหญ่ และ Graeme Owton ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ กล่าวต้อนรับผู้เข้าแข่งขันอย่างอบอุ่น ขบวนพาเหรดสีสันสดใสนำโดยรถตุ๊ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างโดดเด่น เคลื่อนผ่านท่ามกลางเสียงเชียร์จากนักเรียนโรงเรียนเจ้าภาพและโรงเรียนที่มาเยือน พิธีการจบลงด้วยการเดินรอบสนามอย่างสง่างาม สร้างบรรยากาศแห่งความตื่นเต้นก่อนเริ่มการแข่งขัน

ท้องฟ้าสดใสต้อนรับวันแรกแห่งการแข่งขันกรีฑาและว่ายน้ำ นักกีฬาจากเครือโรงเรียนไบรท์ตัน คอลเลจ ทุกสาขาประชันทักษะอันยอดเยี่ยม ทั้งแข่งขันด้วยความมุ่งมั่นและส่งกำลังใจให้กัน สะท้อนค่านิยมแห่งการใฝ่รู้ ความมั่นใจ และความเมตตา เสียงเชียร์ก้องสนามเป็นเครื่องพิสูจน์มิตรภาพอันงดงามท่ามกลางการแข่งขัน

ความงดงามของการแข่งขันปีนี้มิได้อยู่แค่ทักษะที่เป็นเลิศของนักกีฬา แต่เป็นหัวใจที่เปี่ยมด้วยน้ำใจและมิตรภาพ ทุกคนล้วนแสดงความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และเติบโต ด้วยความเข้าใจว่าความสำเร็จแท้จริงนั้นมิใช่เพียงเหรียญรางวัลที่ห้อยคอ แต่คือการก้าวข้ามขีดจำกัดของตนและพลังแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน

วันที่สองของการแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยมีการแข่งขันฟุตบอลชาย บาสเกตบอลหญิง และเน็ตบอลหญิง บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคักเร้าใจ ทีมต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว การคิดเชิงกลยุทธ์ และน้ำใจนักกีฬา สนามแข่งขันทั้งในร่มและกลางแจ้งเต็มไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น ขณะที่โรงเรียนต่างๆ ต่อสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำของความเป็นเลิศทางกีฬา

วันสุดท้ายการแข่งขันทวีความเข้มข้นด้วยศึกบาสเกตบอลชายและฟุตบอลหญิง แต่แล้วฟ้าแปรปรวน พายุฝนถาโถมกระหน่ำสนามกะทันหัน ทำให้เกมฟุตบอลต้องหยุดชะงัก และเพิ่มสีสันแห่งความตื่นเต้นแบบไม่คาดฝัน แม้ว่าจะเผชิญอุปสรรค นักกีฬาทุกคนยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพ ทุ่มเททุกหยาดเหงื่อ มิใช่เพียงเพื่อตำแหน่งแชมป์ แต่เพื่อประกาศจิตวิญญาณนักกีฬาอย่างแท้จริง

บรรยากาศของการแข่งขันเต็มไปด้วยพลังแห่งมิตรภาพและกำลังใจ โดยมีผู้ชมร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น คอยส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจทีมของตนอย่างเต็มที่ สะท้อนถึงจิตวิญญาณของการแข่งขันที่เป็นมิตร และเมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ความภาคภูมิใจและความสำเร็จร่วมกันได้แผ่ขยายไปทั่วทุกมุมของสนาม

การแข่งขันในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเฟ้นหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนไบรท์ตันที่เข้มแข็ง เสริมสร้างมิตรภาพ และเฉลิมฉลองค่านิยมร่วมกันของครอบครัวโรงเรียนนานาชาติไบรท์ตันคอลเลจ อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันประเภทบุคคล นักกีฬาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมได้รับการยกย่องอย่างสมเกียรติ โดยมีการมอบเหรียญรางวัลและถ้วยรางวัลให้แก่ผู้ที่คว้าอันดับที่ 1 ถึง 3 เพื่อเป็นเกียรติแก่ความมุ่งมั่นและความทุ่มเท

การแข่งขันปิดฉากอย่างงดงามด้วยงานกาลาดินเนอร์ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จด้านกีฬาและมิตรภาพใหม่ที่เกิดขึ้น ก่อนปิดท้ายด้วย ทัวร์วัฒนธรรมในกรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมไทยอย่างใกล้ชิด เป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของการแข่งขันครั้งนี้

การแข่งขัน Brighton College International Schools Games ตอกย้ำว่าสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะคือมิตรภาพ การพัฒนาตนเอง และความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมหลักของโรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ ซึ่งก็คือความใฝ่รู้ ความมั่นใจ และความมีเมตตา ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สมดุล ซึ่งนักเรียนสามารถเติบโตทั้งด้านวิชาการ กีฬา และชีวิตส่วนตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ

โรงเรียนนานาชาติ ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ ขอเชิญครอบครัวที่สนใจเข้าร่วม Open House สัมผัสบรรยากาศของ โรงเรียนนานาชาติระดับโลก และค้นพบโอกาสทางการศึกษาที่เหนือระดับ!


วันที่ 8 พฤษภาคม ค.. 2025 เวลา 08:45 .

ลงทะเบียนได้ที่นี่: https://bit.ly/BCB-Openhouse-May25-data

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

โทร: +66 2 136 7898

อีเมล: admissions@brightoncollege.ac.th

โอกาสพิเศษในการสัมผัสประสบการณ์ที่ โรงเรียนนานาชาติ ไบรท์ตัน คอลเลจ เป็นโรงเรียนนานาชาติสัญชาติอังกฤษที่ได้รับรางวัล British International School of the Year พบกับคุณครูผู้มีความสามารถ และสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยที่ทางโรงเรียนมีให้ ทุกครอบครัวจะได้ค้นพบว่าโรงเรียนส่งเสริมความมั่นใจ ความใฝ่รู้ และความเมตตาในตัวเด็กทุกคนอย่างไร

เป็นครั้งแรกที่ โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ วิภาวดี เปิดประตูสู่แคมปัสใหม่ล่าสุด! มาร่วมงาน Open House เพื่อ ค้นพบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม ที่รอคอยนักเรียนในเดือนพฤษภาคม 2025

อย่าพลาดโอกาสพิเศษนี้ลงทะเบียนตอนนี้เลย! https://bit.ly/BCBV-Openhouse-May25-data



เมืองอู่จื่อซาน ในมณฑลไห่หนานของจีน เฉลิมฉลอง "เทศกาลสามเดือนสาม" สืบสานวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์

 

          สำนักประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการเทศบาลเมืองอู่จื่อซาน
          ในประเทศจีนมีคำกล่าวที่ว่า "ถ้ายังไม่ได้ไปอู่จื่อซาน ถือว่ายังไปไม่ถึงไห่หนาน" เมืองอู่จื่อซานดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกด้วยระบบนิเวศป่าฝนเขตร้อนและวัฒนธรรมอันหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยผู้มาเยือนเมืองอู่จื่อซานระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 2 เมษายน ต่างได้สัมผัสกับการเฉลิมฉลอง "เทศกาลสามเดือนสาม" หรือ "ซานเยว่ซาน" ซึ่งมีการร้องเพลงและเต้นรำอย่างครึกครื้นไปทั่วทั้งเมือง
          เมืองอู่จื่อซานทางตอนกลางของไห่หนานคือแหล่งหลอมรวมกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายกลุ่ม สำหรับปีนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสำนักประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการเทศบาลเมืองอู่จื่อซาน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมหลากหลายรวม 12 รายการ โดยนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสกับพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของกลุ่มชาติพันธุ์หลี ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูและความเคารพต่อมรดกทางวัฒนธรรมยาวนานกว่า 3,000 ปี ตลอดจนลิ้มลองอาหารท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น ข้าวสามสี ปลาหมัก และไวน์ซานหลานที่เรียงรายบนโต๊ะจีนยาว 1,200 เมตร รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมโบราณของจีนอีกมากมาย เช่น การรำกระทบไม้พร้อมกัน 1,000 คน การแข่งเรือมังกร และการล่องแพไม้ไผ่ลำเดียว
          นอกเหนือจากการเป็นแหล่งรวมกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว เมืองอู่จื่อซานยังเป็นสวรรค์สำหรับช่างฝีมืออีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม นิทรรศการศิลปะ "Our Expression: Li Plant Dyeing & Rattan Weaving Art Exhibition" ได้จัดขึ้นที่ตำบลเหมาต้าว โดยชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมด้วยศิลปินและนักออกแบบชาวจีนที่มีชื่อเสียง 25 ชีวิต เช่น หยวนป๋อ (Yuan Bo), เทียนตงหมิง (Tian Dongming) และหลิวหน่า (Liu Na) ทั้งนี้ เสวียหมิง (Xue Ming) ผู้กำกับศิลป์ของงาน กล่าวว่า "ผลงานของสตรีในท้องถิ่นทั้งมีเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์และมีความเป็นสากล เมื่อพวกเราเหล่าศิลปินได้ร่วมมือกับพวกเธอ เราต่างสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน"
          ยิ่งไปกว่านั้น เมืองอู่จื่อซานยังมีทิวทัศน์ป่าฝนเขตร้อนที่ไม่มีที่ไหนเทียบได้ ด้วยพื้นที่ป่าปกคลุมมากถึง 86% จึงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชั้นยอด เมื่อเดินไปตามท้องถนนจะเห็นต้นไม้ใหญ่และพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ทุกที่ คุณภาพอากาศที่ยอดเยี่ยมดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเมืองนี้มีไอออนลบในอากาศมากกว่า 50,000 ไอออนต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานอากาศสะอาดขององค์การอนามัยโลกถึง 50 เท่า

Wuzhishan in Hainan, China, Celebrates the Culture of Ethnic Groups in the March 3rd Festival

 

          The Publicity Department of Wuzhishan Municipal Committee
          There is a saying in China that "if you don't go to Wuzhishan, you have never been in Hainan." Indeed, Wuzhishan, famous for its tropical rainforest ecosystem and ethnic minority culture, is attracting visitors from all over the world. Those who are in town from March 28th to April 2nd find the whole city celebrating the March 3rd Festival with singing and dancing.
          Central Hainan's Wuzhishan is a melting pot of many ethnic groups. This year, 12 colorful activities have been arranged by the authorities, including the Publicity Department of the Wuzhishan Municipal Party Committee. Tourists can feel people's respect and gratitude to their heritage of more than 3,000 years at the Li ancestor worship ceremony, enjoy local delicacies such as three-color rice, fermented fish, and Shanlan wine at the 1,200-meter-long table banquet, or join the age-old Chinese activities such as 1,000-people bamboo pole dancing, dragon boat racing, and single bamboo drifting.
          In addition to the enchanting minority vibe, Wuzhishan is also a paradise for craftsmen. On March 29th, the Our Expression: Li Plant Dyeing & Rattan Weaving Art Exhibition was inaugurated at Maodao Town. The exhibits are co-created by locals and 25 well-known Chinese artists and designers, including Yuan Bo, Tian Dongming, and Liu Na. Xue Ming, the event's art director, stated, "The works of the local women are both ethnic and international. When we artists collaborate with them, we inspire each other spontaneously."
          Moreover, the city's tropical rainforest landscape is unparalleled. With a forest coverage rate of 86%, Wuzhishan is a premium health tourism destination. Strolling on the streets, people can see large trees and luxuriant vegetation everywhere. The superb air quality has attracted numerous travelers who hope to improve their wellness. After all, there are more than 50,000 negative air ions per cubic centimeter, exceeding the WHO standard for clean air by 50 times.

บริหารต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยภาครัฐบริหารจัดการค่าใช้จ่าย AWS อย่างมืออาชีพด้วย AWS Billing Service by NT

 

          การนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ในภาครัฐเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ลดต้นทุน และเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้คลาวด์เพื่อปรับปรุงระบบการทำงานให้มีความคล่องตัว ลดภาระในการดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการรองรับปริมาณข้อมูลและการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของคลาวด์คือความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลสามารถลดการลงทุนล่วงหน้าในอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา นอกจากนี้ การใช้โมเดล "จ่ายตามการใช้งาน" (Pay-as-you-go) ยังช่วยให้สามารถควบคุมงบประมาณและปรับใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมกับความต้องการจริง
          ขณะเดียวกัน คลาวด์ยังช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถพัฒนาและให้บริการดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบบริการประชาชน การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
          NT ในฐานะพาร์ทเนอร์ระดับ Advanced Tier ของ Amazon Web Services (หรือ AWS) จึงมีความเข้าใจในความต้องการของหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ NT แนะนำอีกหนึ่งบริการที่มีชื่อว่า AWS Billing Service by NT ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานบริการ AWS ได้โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิตในการจ่ายค่าใช้บริการ พร้อมชำระค่าใช้บริการเป็นสกุลเงินบาท รวมทั้งทำรายงานค่าใช้บริการสรุปตามงวดการใช้งาน ช่วยให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายและการบัญชีได้สะดวกมากขึ้น เช่น การออกใบแจ้งหนี้แทนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต การชำระค่าบริการด้วยสกุลเงินบาท การออกใบกำกับภาษีให้กับหน่วยงานราชการ การทำรายงานสรุปค่าการใช้งาน และสามารถหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ เป็นต้น
          ทีมงาน NT พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนและติดตั้งการใช้งาน ผู้ที่สนใจสามารถรับเครดิตทดลองใช้งาน AWS ได้ฟรี ที่ ntcloud@nc.ntplc.co.th