Monday, October 31, 2022

CGTN: จีนเผยแนวทางการพัฒนาชนบทในขั้นต่อไป

 จีนได้รับประโยชน์จากชัยชนะในการขจัดความยากจนสัมบูรณ์ (absolute poverty) และพร้อมแล้วสำหรับการพัฒนาการเกษตรและชนบทครั้งใหม่ ในขณะที่ความพยายามฟื้นฟูชนบทกำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง

รายงานในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เน้นย้ำว่าจีนจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรและชนบทเป็นอันดับแรก ตลอดจนรวบรวมและขยายความสำเร็จในการบรรเทาความยากจน และเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงทางอาหารในทุกด้าน

ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครั้งแรกของผู้นำจีนหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงการยกระดับการฟื้นฟูชนบทอย่างครอบคลุม และการพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อพัฒนาการเกษตรและชนบทให้ทันสมัย

เขากล่าวว่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชนบท รวมถึงรวบรวมและขยายความสำเร็จของจีนในการบรรเทาความยากจน ในระหว่างการตรวจเยี่ยมเมืองเหยียนอัน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และเมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ตั้งแต่วันพุธถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา

ยกระดับการฟื้นฟูชนบท

ทันทีที่ลงจากรถไฟเมื่อช่วงบ่ายวันพุธ นายสี จิ้นผิง ได้มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหนานโกว ในเมืองเหยียนอัน

นายสี จิ้นผิง ได้เยี่ยมชมสวนผลไม้และพูดคุยกับชาวบ้าน โดยสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกต้นแอปเปิลและการเก็บเกี่ยว พันธุ์แอปเปิล ราคาขายแอปเปิล และรายได้ที่ได้รับ เขายังสอบถามด้วยว่าหมู่บ้านนี้พัฒนาการปลูกแอปเปิลและอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างไร

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า เขาเคยอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลส่านซีนานเจ็ดปี และในช่วงเวลานั้น เขาได้เห็นชาวบ้านอยู่อย่างยากลำบาก และเขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น

"ตอนนี้ชาวบ้านมีงานทำและมีรายได้มั่นคง ส่วนเด็ก ๆ ก็มีการศึกษาที่ดี และผู้สูงอายุก็ได้รับการประกันสุขภาพ" นายสี จิ้นผิง กล่าว "ชีวิตความเป็นอยู่กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ"

ดังที่นายสี จิ้นผิง กล่าวไว้ว่า "การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือของมณฑลส่านซีสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีน" โดยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในชนบท รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเกษตร และการสร้างชนบทที่สวยงาม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูชนบท

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทของจีนระบุว่า รายได้ที่ใช้จ่ายได้จริงต่อหัวของชาวบ้านในชนบทอยู่ที่ 18,931 หยวน (ราว 2,981.96 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 9.7%

การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตในชนบทเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การฟื้นฟูชนบท นายหง เทียนอวิ๋น (Hong Tianyun) รองหัวหน้าสำนักฟื้นฟูชนบทแห่งชาติ ระบุว่า ห้องน้ำตามบ้านเรือนในชนบทกว่า 40 ล้านห้องได้รับการปรับปรุงใหม่ และอัตราการบำบัดน้ำเสียในชนบทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 28% นับตั้งแต่จีนเปิดตัวแคมเปญยกระดับสภาพแวดล้อมในชนบทเป็นเวลาสามปี ในปี 2561

ทำงานให้หนัก

นายสี จิ้นผิง สนับสนุนให้ชาวบ้านกล้าได้กล้าเสีย พึ่งพาตนเอง และทำงานให้หนัก ในระหว่างตรวจเยี่ยมคลองหงฉี (คลองธงแดง) ในเมืองหลินโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน เมื่อเช้าวันศุกร์

คลองหงฉีเป็นโครงการชลประทานที่สำคัญและผลงานทางวิศวกรรมที่สำคัญของช่วงทศวรรษ 2500 โดยชาวบ้านใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ คลองนี้ข้ามภูเขาไท่หางที่สูงชันเพื่อนำน้ำไปยังอำเภอหลินเซียนที่แห้งแล้ง ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อเมืองหลินโจว

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า คลองหงฉีเป็นอนุสรณ์แห่งความมุ่งมั่นและกล้าหาญของชาวบ้านในอำเภอหลินเซียนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

เขากระตุ้นให้คนรุ่นใหม่สานต่อจิตวิญญาณดังกล่าว และมีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษข้อที่สอง ในการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน "เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่พิเศษ และควรดำเนินชีวิตไปตามนั้น"

"ความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรม"

ในการตรวจเยี่ยมเมืองอันหยางทางตอนกลางของจีน นายสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรม ในระหว่างเยี่ยมชมซากเมืองโบราณหยิน (Yin Ruins) ในช่วงบ่ายวันศุกร์

ในบริเวณซากโบราณสถานของเมืองหยิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงสุดท้ายของราชวงศ์ซาง (1600-1046 ปีก่อนคริสตกาล) มีการค้นพบตัวอักษรที่สลักบนกระดูกเสี่ยงทาย (oracle bone script) ซึ่งถือเป็นจารึกที่เก่าแก่ที่สุดของจีน

ในปี 2471 คณะนักโบราณคดีชาวจีนได้ค้นพบความซับซ้อนของซากปรักหักพัง และโบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 2549

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า วัฒนธรรมจีนโบราณสามารถรักษาไว้ได้ดียิ่งขึ้นด้วยการขุดค้น การศึกษา และการอนุรักษ์โบราณวัตถุทางวัฒนธรรม

ท้ายที่สุด ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้ชาวจีนเพิ่มความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมจีน และมีความมั่นใจและภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติมากขึ้น

https://news.cgtn.com/news/2022-10-28/Xi-stresses-rural-revitalization-in-inspections-to-Shaanxi-Henan-1eveRpINXA4/index.html

ซาอุดีอาระเบียเปิดตัวเขตเศรษฐกิจที่มีนวัตกรรมสูงสุดในโลก ณ กรุงริยาด

 เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเปิดตัวในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการขนส่ง และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งซาอุดีอาระเบีย

  • เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการนี้มีการบูรณาการอย่างแท้จริง โดยมีการนำเสนอคุณค่าที่พัฒนาร่วมกับนักลงทุนกลุ่มแรกของโครงการ ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่างแอปเปิล
  • เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเสริมสร้างสถานะความได้เปรียบในการแข่งขันของซาอุดีอาระเบีย ในการเป็นประเทศผู้ค้าชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตรวดเร็วที่สุดในตะวันออกกลาง อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจตามยุทธศาสตร์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 หรือ Vision 2030 ในการเชื่อมต่อราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกับโลก
  • เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการซึ่งมีที่ตั้งเชิงกลยุทธ์นี้ จะให้บริการผู้มีแนวโน้มเป็นลูกค้าหลายพันล้านคนในแอฟริกา เอเชีย และยุโรปอย่างเข้าถึงได้ง่าย และจะช่วยเพิ่มสมรรถนะด้านการขนส่งสินค้าของซาอุดีอาระเบียเป็นมากกว่า 4.5 ล้านตันต่อปี

ผู้นำจากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระดับโลกรวมตัวกันในริยาด เพื่อเข้าร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งซาอุดีอาระเบีย (General Authority for Civil Aviation หรือ GACA) ในการเฉลิมฉลองการเปิดตัวเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการ (Special Integrated Logistics Zone) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีการบูรณาการอย่างแท้จริง

ขนาดของตลาดซาอุดีอาระเบีย

ด้วยพื้นที่ 3 ล้านตารางเมตร เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการมีที่ตั้งเชิงกลยุทธ์เพื่อให้บริการผู้มีแนวโน้มเป็นลูกค้าหลายพันล้านคนในแอฟริกา เอเชีย และยุโรปอย่างเข้าถึงได้ง่าย และใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ของสินค้า รวมถึงระบบคลังสินค้าที่เหนือชั้นซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับอีคอมเมิร์ซ เพื่อทำให้มีการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างนักลงทุน ซัพพลายเออร์ ศุลกากร และหน่วยงานภาครัฐ

 "การเปิดตัวเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการในวันนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงวิสัยทัศน์ 2030 และการสนับสนุนอย่างไม่ลดละของพระองค์ท่านในด้านนี้ ทำให้ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับโลกที่เชื่อมสามทวีปเข้าด้วยกัน และดึงดูดบริษัทรายใหญ่ที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกมาสู่ราชอาณาจักร ขณะที่ภาคโลจิสติกส์ของเราได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยยุทธศาสตร์แห่งชาติด้านคมนาคมและโลจิสติกส์" นายซาเลห์ บิน นัสเซอร์ อัล-จัสเซอร์ (Saleh bin Nasser Al-Jasser) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการขนส่งของซาอุดีอาระเบีย กล่าว

"เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเป็นตัวส่งเสริมที่สำคัญสำหรับภาคโลจิสติกส์ของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีคุณค่าที่ส่งมอบให้แก่บริษัทข้ามชาติด้วยแรงจูงใจทางภาษีและการกำกับดูแลที่ดีกว่า เขตโลจิสติกส์แห่งนี้จะเสริมสร้างสถานะของซาอุดีอาระเบียในการเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดและเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด ประกอบกับการเป็นประเทศผู้ค้าเชิงกลยุทธ์ชั้นนำในตะวันออกกลาง ตลอดจนจะสานต่อพันธกิจของวิสัยทัศน์ 2030 ในการเชื่อมต่อราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกับโลก" นายซาเลห์ บิน นัสเซอร์ อัล-จัสเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการขนส่งของซาอุดีอาระเบีย กล่าวเพิ่มเติม

ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างของภาคโลจิสติกส์ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ภายในพ.ศ. 2573 ซาอุดีอาระเบียกำลังเพิ่มสมรรถนะด้านการขนส่งสินค้าเป็นมากกว่า 4.5 ล้านตันต่อปี และเพิ่มสัดส่วนของภาคคมนาคมและโลจิสติกส์ในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ จากปัจจุบัน 6% เป็น 10% เช่นนี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ดึงดูดการลงทุนสู่ภายในประเทศ และเพิ่มรายได้ที่ไม่ได้เกิดจากน้ำมันของภาคนี้เป็นประมาณ 45,000 ล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย (12,000 ล้านดอลลาร์) ต่อปีภายในปี 2573

แนวทางการกำกับดูแลที่เอื้อต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน

เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเป็นตัวส่งเสริมหลักของเป้าหมายเหล่านี้ ขณะที่แพ็คเกจแรงจูงใจและกลไกการกำกับดูแลพัฒนาขึ้นโดยได้รับคำแนะนำจากบริษัทระหว่างประเทศชั้นนำ เพื่อให้คุณค่าที่ส่งมอบของเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการนี้มีความเหนือชั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในระดับโลก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งซาอุดีอาระเบียได้ออกแบบเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทระหว่างประเทศชั้นนำของโลก โดยทำให้แน่ใจว่าบริษัทชั้นนำของโลกเหล่านั้นจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงเป็นพิเศษสำหรับการตั้งฐานในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการกำกับดูแล เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานจากทั่วโลก

"ยุทธศาสตร์ด้านการบินแห่งซาอุดีอาระเบียได้ลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ในอนาคตของราชอาณาจักร ซึ่งสร้างเรื่องราวการเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการเป็นโอกาสในการเข้าร่วมตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ในการก้าวอย่างรวดเร็วของซาอุดีอาระเบียสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของตะวันออกกลาง เราได้วางมาตรการกำกับดูแลไว้พร้อมที่จะให้ความยืดหยุ่นอย่างสูงสุดสำหรับธุรกิจระดับโลกเมื่อเข้ามาดำเนินงานในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย" นายซาเลห์ บิน นัสเซอร์ อัล-จัสเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและการขนส่งของซาอุดีอาระเบีย กล่าวเพิ่มเติม

โมเดลแบบบูรณาการไม่เหมือนที่อื่นใด ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้านห่วงโซ่คุณค่า

คุณค่าที่ส่งมอบของเขตโลจิสติกส์พิเศษแห่งนี้ไม่สามารถหาได้จากที่อื่นใด ประกอบด้วยประโยชน์ทางภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการให้บริการและการผลิตและการประกอบชิ้นส่วน จึงช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทข้ามชาติและซัพพลายเออร์บริษัทเหล่านั้นซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ในเขตโลจิสติกส์นี้เพื่อขายในซาอุดีอาระเบียและทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) มีการเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจด้วยการเป็นเจ้าของโดยต่างชาติ 100% กระบวนการตั้งบริษัทที่ได้รับการปรับปรุง กระบวนการออกใบรับรองและใบอนุญาตที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และโครงสร้างบริษัทที่ยอมรับได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยส่งเสริมความสะดวกให้กับธุรกิจอย่างไร้รอยต่อ

"ระบบคลังสินค้าขาเข้าและขาออกที่เหนือชั้นของเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างนักลงทุน ซัพพลายเออร์ ศุลกากร และหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งช่วยเร่งความรวดเร็วของกระบวนการ อีกทั้งยังมีระบบคลังสินค้าบริหารจัดการโดยผู้ขาย (Vendor Managed Inventory) แบบบูรณาการ ทำให้มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากขึ้นสำหรับนักลงทุน นักลงทุนที่มีฐานอยู่ในเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการสามารถจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในสี่ชั่วโมง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับการจัดส่งสินค้าจากตำแหน่งที่ตั้งอื่น ๆ นอกราชอาณาจักร" นายอาวัด เอ อัลสุลามี (Awad A. AlSulami) รองประธานฝ่ายโลจิสติกส์และเขตเศรษฐกิจพิเศษ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย กล่าว

"เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการ ซึ่งให้การบูรณาการในทุกระดับ ทั้งการบูรณาการความคิดด้วยการทำงานร่วมกัน โดยออกแบบร่วมกับผู้นำในหมวดธุรกิจเพื่อผู้นำในหมวดธุรกิจ และการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยี ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ต่อเนื่องที่ไร้รอยต่อทั้งขาเข้าและขาออก แนวทางเชิงนวัตกรรมเอื้อให้บริษัทสามารถเข้าถึงตลาดซาอุดีอาระเบียได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีผลประโยชน์ในทุกจุดของห่วงโซ่คุณค่า" นายอาวัด เอ อัลสุลามี กล่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการได้ที่ www.silz.gaca.gov.sa 

ดูข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งซาอุดีอาระเบียได้ที่ https://gaca.gov.sa/web/en-gb/page/gaca-media-center 

เกี่ยวกับเขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการ

เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการ ( Special Integrated Logistics Zone) เป็นเขตโลจิสติกส์พิเศษแห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย และได้รับการพัฒนาโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งซาอุดีอาระเบีย (GACA) เขตโลจิสติกส์พิเศษนี้ได้รับการกำหนดพื้นฐานทางกฎหมายโดยพระราชโองการเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 และบูรณาการแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการกำกับดูแล เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้สำหรับธุรกิจข้ามชาติ

เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการตั้งอยู่ภายในบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติคิงคาลิด (King Khalid International Airport) ในกรุงริยาด จึงเชื่อมต่อธุรกิจเข้ากับตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง พร้อมทั้งให้การเชื่อมต่อทางอากาศกับส่วนอื่น ๆ ของโลก

เขตโลจิสติกส์พิเศษนี้ออกแบบทั้งหมดโดยผู้นำในอุตสาหกรรม รวมถึงบริษัทแอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) เพื่อบริษัทห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก โดยเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งเดียวในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ที่มีทั้งระบบคลังสินค้าบริหารจัดการโดยผู้ขาย (VMI) และให้ประโยชน์ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าที่มีการเคลื่อนย้ายชั่วคราวระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเขตโลจิสติกส์แห่งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการซ่อมแซม การซ่อมบำรุง บริการหลังการขาย ตลอดจนการผลิตและบริการประกอบชิ้นส่วน

เขตโลจิสติกส์พิเศษแบบบูรณาการมีคุณค่าที่ส่งมอบไม่เหมือนที่อื่นใด ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงด้านภาษี ทำให้ผู้ใช้พื้นที่สามารถลดเวลาและต้นทุนได้อย่างมากในการจัดส่งสินค้าแก่ผู้บริโภคในซาอุดีอาระเบีย เขตโลจิสติกส์พิเศษแห่งนี้มีระบบคลังสินค้าขาเข้าและขาออกที่เหนือชั้น ซึ่งช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างนักลงทุน ซัพพลายเออร์ ศุลกากร และรัฐบาล

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1933083/GACA_Logo.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1933084/SILZ_Logo.jpg

WORLD'S MOST INNOVATIVE ECONOMIC ZONE LAUNCHED IN RIYADH

 The Special Integrated Logistics Zone launched on 31st October 2022 in Riyadh by HE the Minister of Transport & Logistics and the General Authority for Civil Aviation.

  • The Special Integrated Logistics Zone is truly integrated, with a value proposition that has been developed alongside its first batch of investors, including the global technology leader Apple.
  • The Special Integrated Logistics Zone is strengthening Saudi Arabia's competitive position as the largest, fastest growing and leading trading nation in the Middle East, and continuing Vision 2030's mission to connect the Kingdom to the world.
  • The strategically located integrated special logistics zone will serve billions of potential customers in easy reach in Africa, Asia and Europe and help to significantly increase Saudi's cargo capacity to more than 4.5 million tons per annum.

Leaders from the global logistics industry are in Riyadh today to join Saudi Arabia's General Authority for Civil Aviation (GACA) in celebrating the launch of the Special Integrated Logistics Zone, a truly integrated special economic zone.

Scale of Saudi Market

Spanning 3 million-square-meters, the Special Integrated Logistics Zone is strategically located to serve billions of potential customers in easy reach across Africa, Asia and Europe and uses technology designed to streamline the movement of goods, including best-in-class inventory systems optimized for e-commerce, providing direct linkages between investors, suppliers, customs, and government entities.

"The launch of the Special Integrated Logistics Zone today is a testimony to Vision 2030 and the relentless support of His Royal Highness for the sector, positioning the Kingdom as a global logistics hub connecting three continents, attracting the largest companies in the world to the Kingdom as our logistics sector is transformed by the National Transport and Logistics Strategy" said Saleh bin Nasser AlJasser, Saudi Arabia's Minister of Transport and Logistics.

"The Special Integrated Logistics Zone is a vital enabler for Saudi Arabia's logistics sector because it offers a unique value proposition to multinationals based on enhanced fiscal and regulatory incentives. It will strengthen Saudi Arabia's position as the largest, fastest growing market and leading strategic trading nation in the Middle East and continue Vision 2030's mission to connect the Kingdom to the world," Saleh bin Nasser AlJasser, Saudi Arabia's Minister of Transport and Logistics, added.

As part of the wider transformation of the Kingdom's logistics sector, by 2030 Saudi Arabia is significantly increasing its cargo capacity to more than 4.5 million tons per annum and increasing the contribution of the transport and logistics sector to national gross domestic product from the current six percent to 10 percent. This will help to fuel business growth, attract inward investment, and increase the sector's non-oil revenues to about SR 45 billion ($12 billion) a year by 2030.

Ultra-competitive Regulatory Approach

The Special Integrated Logistics Zone is a key enabler of these objectives and the package of incentives and regulatory mechanisms have been developed in consultation with leading international companies to ensure that the Special Integrated Logistics Zone value proposition is unmatched globally. GACA has designed the Special Integrated Logistics Zone to respond to the needs of the world's leading international corporations, ensuring that the world's leading companies can have an ultra-competitive position for their base in the Kingdom. The Special Integrated Logistics Zone is a fully integrated special economic zone that integrates best practice in regulation, technology and infrastructure from around the world.

"The Saudi Aviation Strategy is investing $100 billion in the Kingdom's future, creating an unprecedented growth story. The Special Integrated Logistics Zone is an opportunity to participate from the outset in Saudi Arabia's rapid emergence as the Middle East's pre-eminent logistics hub, and we have put the regulatory measures in place to give maximum flexibility for global businesses when they enter the Kingdom," Saleh bin Nasser AlJasser, Saudi Arabia's Minister of Transport and Logistics, continued.

Uniquely Integrated Model Driving Value Chain Efficiencies

The zone's unique value proposition includes Value Added Tax advantages on servicing and on manufacturing and assembly, reducing the cost for multinationals and their third-party suppliers, who reassemble products in the zone for onward sale in Saudi Arabia and the wider MENA region. Ease of doing business has been enhanced by 100% foreign ownership, streamlined incorporation processes, expedited certification and permit procedures and allowable company structures - helping facilitate businesses seamlessly.

"The Special Integrated Logistics Zone's best-in-class inbound and outbound inventory systems provide direct linkages between investors, suppliers, customs and government agencies accelerating the speed of processing and integrated Vendor Managed Inventory, meaning more flexibility and cost efficiencies for investors. An investor based in the Special Integrated Logistics Zone can already deliver a product to a customer within four hours - saving significant time and cost when compared to delivering a product from any other location outside of the Kingdom," said Awad A. AlSulami, Vice President, Logistics & Special Economic Zones at GACA.

"We have developed a product at the Special Integrated Logistics Zone that offers integration at every level. Integration of thought, through collaboration, designed with sector leaders for sector leaders and integration of supply chains, through technology, providing a non-stop, seamless, experience, inbound and outbound. An innovative approach allows companies to access the Saudi market faster and with benefits at every point in the value chain," Awad A. AlSulami continued.

You can find all news about the Special Integrated Logistics Zone on the www.silz.gaca.gov.sa.

You can find all the news of the General Authority of Civil Aviation in the media center on our website.

About the Special Integrated Logistics Zone

The Special Integrated Logistics Zone is Saudi Arabia's first Special Logistics Zone and has been developed by the General Authority of Civil Aviation (GACA). The zone was given its legislative basis by Royal Order in October 2018 and integrates regulatory, technological and infrastructure best practice to create the best possible operating environment for multinational businesses.

The Special Integrated Logistics Zone is located within the parameters of King Khalid International Airport in Riyadh - connecting businesses with the largest consumer market in the Middle East and offering air connectivity to the rest of the world.

The zone was designed from the ground up with industry leaders, including Apple Inc, for the world's leading supply chain and logistics companies. It is the only SEZ in GCC that offers both Vendor Managed Inventory (VMI) and gives VAT advantages to goods which are temporarily transferred between the mainland and the zone for purposes of repair, maintenance, after-sales services and manufacturing and assembly services.

The Special Integrated Logistics Zone has a unique value proposition that goes beyond tax, allowing tenants to drastically reduce time and cost taken to deliver goods to Saudi consumers. The zone features best-in-class inbound and outbound inventory systems which provides direct linkages between investors, suppliers, customs and government. 

Logo - https://mma.prnewswire.com/media/1933083/GACA_Logo.jpg
Logo - https://mma.prnewswire.com/media/1933084/SILZ_Logo.jpg

Now & Beyond TV Forum- Grow side by side without harming, run in parallel without interfering

 



The 20th National Congress of the Communist Party of China has drawn a blueprint for China for the next five years and beyond. What's its significance to the world? What can the world expect from China in the years forward? And what will Chinese modernization bring to the global community? CGTN organized a special panel discussion titled "Now and Beyond," hosted by CGTN anchor Liu Xin, to discuss the path forward for China and the world with decision makers and global thinkers.

"The true China message was a message of multilateralism," says Professor Jeffrey Sachs, the director of the Center for Sustainable Development at Columbia University, when commenting on the biased coverage of U.S. media on the national congress. "China wants a multilateral world under the UN Charter very explicitly. It doesn't seek domination; it doesn't seek conflict in any way. And the message is absolutely explicit…What we need is dialogue, we need better understanding," Professor Sachs emphasizes.

"President Xi's central message to the world is that China does want to commit itself to a peaceful world and pursues peaceful co-existence," Xie Tao, professor and dean of the School of International Relations and Diplomacy at Beijing Foreign Studies University, echoes Professor Sachs's comment, adding that "China does not impose or export its own values, institutions to other countries, neither does China would like to see other countries to tell us what you should do. China has a massive population. China is very different from many other countries. And China is going to achieve national rejuvenation through a Chinese path to modernization," Xie states.

This is the first time that Chinese modernization is written into a report to the national congress and it's the blueprint for China's future. Martin Jacques, senior fellow at the Department of Politics and International Studies at Cambridge University, points out that Under American-style globalization, inequality spread across virtually all society. He notes that a key aspect of Chinese modernization is about common prosperity, and that if China can reverse the trend of inequality and create a more equitable environment, that'd have great impact around the world. "In the 21st century, whatever is good for the China needs to be good for the rest of the world. And whatever is good for the rest of the world needs to be good for China. This is the 21st century, we are living in the same planet," says the former foreign minister of Spain Arancha Gonzalez Laya.

Benyamin Poghosyan, the director of the Center for Political and Economic Strategic Studies, says that the attempts to divide the world into black and white is very concerning and that medium and smaller powers appreciate that China does not see the world through confrontation lenses as such a division would put medium and smaller powers in a difficult place. As inflation, energy crisis, food crisis and other challenges threatens everyone, cooperation between greater powers are much anticipated.

Many countries don't want to choose between China and the U.S., former UN Environment Executive Director and Under-Secretary-General of the United Nations Erik Solheim points out. The South African Ambassador to China Siyabonga Cyprian Cwele says that there are a lot of things countries can learn from China. South African and other countries will not be made to choose but will accept anyone who respect their systems and be partner with them, says Cwele. Partnerships is what many countries are looking for, not coercions.

"You can lead either, by example, or generosity, or multilateral cooperation; or you can lead by coercion, you can lead by predation and the unilateral action," Professor Xie says, "China obviously has pursued the first route." He believes that global leadership for China is about providing benefits to the rest of the world, not for the claim of hegemony.

"All living things may grow side by side without harming one another, and different roads may run in parallel without interfering with one another," General Secretary Xi Jinping quoted an ancient Confucius philosophy in his report to the 20th national congress of the CPC. In a world where conflict and differences seem to trump cooperation and management, respect for differences and finding ways to move forward together is craved by many countries. China seeks a peaceful path to modernization and partnership with the global community.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1933339/image.jpg

Video - https://www.youtube.com/watch?v=kj2vD1_Xef8


BeyonCa: A New Age of Super Premium Smart EVs


Premium smart electric vehicle (EV) maker BeyonCa announced its global debut on October 30, showcasing the BeyonCa Gran Turismo Opus 1, a creation made possible by the company's unique position and capabilities.

Comprising an elite team of car industry veterans, as well as technology experts from consumer electronics and Internet companies, BeyonCa will set the standard for a super-premium EV.

BeyonCa will transcend the mindset of today's automotive industry through its ecosystem of use cases and solutions offered in, around and beyond the car. Supported by an AI-based smart cockpit that monitors the user's health status in real time, and the world's first in-cabin cloud doctor service, BeyonCa will look out for the well-being of its drivers and passengers.

Weiming Soh, Founder and Chairman of BeyonCa, said: "The BeyonCa GT Opus 1 truly signifies what BeyonCa stands for, as we set out to define the super-premium smart EV segment. The result of our team's work is the perfect combination of design, craftsmanship, comfort, sportiness, and an amazing experience."

"The 'smart' part is incredibly important in defining the super-premium EV space. Our philosophy is that technologies are here to serve a purpose, but should not be the purpose itself. Rather, we will consolidate and integrate advanced technologies, and shift from function-driven to scenario-driven methodology. BeyonCa will offer users meaningful products with integrated super-premium user experience where users will enjoy the real value of services in the car, around the car, and beyond the car."

Christian Klingler, Co-Founder of BeyonCa, said: "BeyonCa has a very clear idea, to define what it means to be a smart, super-premium car brand. We will enhance the characteristics of what makes something premium, including world-class quality. This quality is incredibly important to me throughout my career, and is both seen and felt, like when you first pick up a luxury bag or luggage. It can be achieved only by obsessing over every millimeter of what you are making. This philosophy permeates through BeyonCa, and it is combined with unbeatable world-class design."

BeyondCa GT Opus 1: Igniting excitement for car and technology lovers

The BeyonCa GT Opus 1 exemplifies the personality of a next generation super premium EV, designed by a team with decades of experience creating super premium and luxury cars.

Dirk van Braeckel, Chief Design Officer of BeyonCa, is an award-winning designer, with more than 40 years of automotive design experience, of which 20 were spent as chief designer. During his career, he has brought to the world the most iconic GT model in recent history.

Hans-Joachim Rothenpieler, CTO of BeyonCa, has decades of experience in the super premium car segment, and he has been involved in the development of dozens of iconic models in this space.

The company also spearheads the auto industry by appointing an in-house Chief Health Officer, Dr.Tim Guo. A cardiovascular specialist with over 27 years' experience at numerous international hospital groups, Dr. Guo will supervise a team of "cloud doctors" and study use cases to benefit future car users. 

Eying global expansion

From day one, BeyonCa is committed to being a true global company. It now has global offices in five cities across three countries including three R&D offices in China, a design center in Munich, and a Singapore office which will become an R&D hub.  

Future plans

BeyonCa is expected to roll out its first mass-produced car model in 2024.

Dongfeng Group is one of BeyonCa's strategic investment partners. The company also has funding from other international financial investors.

photo: https://mma.prnewswire.com/media/1933308/Chairman_and_Founder_of_BeyonCa.jpg
photo caption: Chairman and Founder of BeyonCa

photo: https://mma.prnewswire.com/media/1933309/BeyonCa_GT_Opus_1.jpg
photo caption: BeyonCa GT Opus 1


CGTN: How is China ushering in a new stage of rural development?

Capitalizing on its victory in eradicating absolute poverty, China is now ready for a new round of agricultural and rural development as the efforts to propel rural vitalization are in full swing.

The report to the 20th National Congress of the Communist Party of China (CPC) stressed the country will continue to put agricultural and rural development first, consolidate and expand achievements in poverty alleviation, and reinforce the foundations for food security on all fronts.

In his first inspection after the conclusion of the 20th CPC National Congress, Chinese President Xi Jinping stressed advancing rural revitalization across the board and striving tirelessly to achieve agricultural and rural modernization.

He said it's necessary to prioritize the development of agricultural and rural areas, and consolidate and expand China's achievements in poverty alleviation during his visit to Yan'an in northwest China's Shaanxi Province and the city of Anyang in central China's Henan Province from Wednesday to Friday.

Advancing rural vitalization

Getting off the train on Wednesday afternoon, Xi headed directly to the village of Nangou in Yan'an.

In an orchard there, Xi chatted with local villagers, asking in detail about how they grew apple trees and picked fruits, what species of apple they planted, at what prices their apples were sold, and their income. He also inquired about how the village developed apple planting and other industries.

Xi said that he lived in northern Shaanxi for seven years. During that time, he saw villagers live in harsh conditions, and he kept thinking about ways to make their lives better.

"Now villagers have jobs and stable income, while children have a good education and the elderly are covered by medical insurance," Xi said. "Lives are getting better and better."

As Xi mentioned "the changes in northern Shaanxi reflect the changes in China." Recent years have seen solid progress in fostering rural industries, promoting the application of agricultural technologies and building beautiful countryside when pursuing rural vitalization.

According to the Chinese Ministry of Agriculture and Rural Affairs, the per capita disposable income of rural residents reached 18,931 yuan (about 2,981.96 U.S. dollars) in 2021, an increase of 9.7 percent in real terms.

The improvement of the rural living environment is part of the implementation of the rural vitalization strategy. According to Hong Tianyun, deputy head of the National Rural Revitalization Administration, more than 40 million rural household toilets had been refurbished, and the rural sewage treatment rate has reached around 28 percent since China launched a three-year rural living environment upgrade campaign in 2018.

Hard work urged

Xi called for the enterprising spirit of self-reliance and hard work when he visited the Hongqi Canal, or the Red Flag Canal, in Linzhou City of central China's Henan Province on Friday morning.

The canal, a key irrigation project and major engineering feat of the 1960s, took local people almost 10 years to complete. It was built across the steep Taihang Mountain to bring water to the parched Linxian County, which is now known as Linzhou City.

The Red Flag Canal itself is a monument to the heroic spirit of the people of Linxian County who did not resign themselves to fate or give in to defeat, Xi said.

He urged the younger generation to carry forward the spirit and contribute to the realization of the Second Centenary Goal of building China into a great modern socialist country in all respects. "We are living in an extraordinary time and should live up to it."

'Cultural confidence'

During his inspection to the central Chinese city of Anyang, Xi also underscored the importance of building cultural confidence when he visited the Yin Ruins on Friday afternoon.

The ruins boast archaeological remnants of the ancient city of Yin, the last capital of the Shang Dynasty (1600-1046 B.C.). The oracle bone scripts discovered within the ruins are considered to be the oldest Chinese inscriptions.

In 1928, Chinese archaeologists discovered the complex of the ruins, which were added to the World Heritage List in 2006 by UNESCO.

Xi said fine traditional Chinese culture can be better preserved through excavation, studying and protection of cultural relics.

He called on the Chinese people to boost their confidence in Chinese culture and become more confident and proud.

https://news.cgtn.com/news/2022-10-28/Xi-stresses-rural-revitalization-in-inspections-to-Shaanxi-Henan-1eveRpINXA4/index.html


"บิทเก็ต" จัดการแข่งขันเทรดคริปโทฯ ธีมฟุตบอล ชิงรางวัลรวม 100 บิตคอยน์

 

ลุ้นรับเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นของเมสซีและโทเคนป็อปปูลาร์แฟน

บิทเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มเทรดคริปโทเคอร์เรนซีแบบโซเชียลเทรดดิงชั้นนำ เปิดเผยรายละเอียดและรางวัลของการแข่งขันเทรดคริปโทฯ รายการ "คิงส์คัพ โกลบอล อินวิเทชันแนล" หรือ เคซีจีไอ (King's Cup Global Invitational หรือ KCGI) ประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 โดยถือเป็นการแข่งขันครั้งที่สามของรายการนี้ และเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมหกรรมฟุตบอลโลกซึ่งจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน การแข่งขันเทรดคริปโทฯ ครั้งนี้จัดในธีมฟุตบอลและฟุตบอลโลก ชิงรางวัลรวม 100 บิตคอยน์ รวมทั้งลุ้นรับเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นของลีโอเนล เมสซี (Lionel Messi) นักฟุตบอลชื่อดัง และโทเคนป็อปปูลาร์แฟน (Popular Fan Token)

การแข่งขันเคซีจีไอเริ่มเปิดรับสมัครในวันที่ 28 ตุลาคม โดยในครั้งนี้ การแข่งขันประเภททีมจะเชื่อมโยงกับธีมฟุตบอลโลกทั้งในส่วนของกำหนดการและระบบการให้รางวัล โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ฟอร์มทีม เทรด และคว้ารางวัลมากมาย นอกจากนั้นยังมีสองโหมดรางวัลใหม่ ได้แก่ อินวิเทชันแนล คอมเพททิชัน (Invitational Competition) ซึ่งมอบรางวัลตามจำนวนคนที่เชิญมาร่วมการแข่งขัน และ อินดิวิดวล ฟัน คอมเพททิชัน (Individual Fun Competition) ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้รับ "คะแนนฟุตบอล" ที่สามารถนำไปแลกเป็นกล่องโทเคนปริศนาได้

เมื่อไม่นานมานี้ บิทเก็ตได้ประกาศสร้างความร่วมมือกับลีโอเนล เมสซี นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาชื่อดัง เพื่อดึงดูดแฟนบอลของเมสซีให้มาร่วมสำรวจโลกของเว็บ 3.0 (Web3) โดยนอกเหนือจากรางวัลที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ผู้ชนะการแข่งขันเคซีจีไอยังได้ลุ้นรับเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นของเมสซีอีกด้วย

การแข่งขันเคซีจีไอจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2564 และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยสองครั้งที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันรวมกว่า 12,000 ราย ซึ่งในการแข่งขันครั้งล่าสุดเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 4,754 รายจากทั่วโลก

คุณเกรซี เฉิน (Gracy Chen) กรรมการผู้จัดการของบิทเก็ต กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้เห็นว่า การแข่งขันเคซีจีไอได้กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในชุมชนและอุตสาหกรรมของเรา การตอบสนองอย่างท่วมท้นจากเทรดเดอร์และผลงานที่ยอดเยี่ยมของผู้ชนะช่วยผลักดันให้เราพัฒนาการแข่งขันให้ก้าวหน้าต่อไป เราได้ปรับปรุงระบบการแข่งขันให้มีตัวเลือกมากขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ประเภทต่าง ๆ อีกทั้งยังมาในธีมใหม่อย่างมหกรรมฟุตบอลโลก"

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขันเคซีจีไอประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 ได้ที่ https://www.bitget.com/en/KCGI2022 

สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ
sylvia.huang.yq@bitget.com

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1932226/Bitget_KCGI_2022.jpg 

Bitget to launch KCGI 2022: Football Edition, with 100 BTC Prize Pool

 

More rewards with autographed jersey of football star Messi and popular fan tokens up for grabs this year

Leading cryptocurrency and social trading exchange, Bitget, unveils details and awards for King's Cup Global Invitational ("KCGI") Fall 2022, its upcoming global crypto futures trading competition. Being Bitget's third KCGI and celebrating World Cup Qatar 2022 hosted in the same period, the tournament will be themed around football and the mega event. Participants will compete to share a prize pool of up to 100 BTC, and have a chance to gain a coveted autographed jersey of renowned football star Leo Messi, and popular fan tokens.

KCGI will kickstart the registration period on October 28. In the new edition, Team Battle is closely tied to the World Cup theme for the schedule and phased reward system. Moreover, two new reward modes will be introduced; the Invitational Competition rewards players for the number of referrals they bring to the competition, and the Individual Fun Competition allows participants to earn 'football points' which can be redeemed for mystery token boxes. Together with the Team Battle, KCGI players will have ample opportunities to team up, trade and win a plethora of rewards.

Bitget recently announced its partnership with Leo Messi, the iconic Argentinian footballer and aims to offer Messi fans a unique opportunity to explore Web3. Along with the trophies and awards mentioned above, winners of KCGI have a chance to obtain the autographed jersey of Messi.

Debuted in 2021, the appeal of KCGI has drawn enormous responses as the last two competitions totally received over 12,000 participants. The most recent KCGI Spring competition, closed with a total participation of 4,754 trading enthusiasts from all over the globe.

Gracy Chen, Managing Director of Bitget, comments, "We are glad to see that KCGI has already become one of the most desired events in our community and the industry. The overwhelming responses from traders and the excellent performance of winners push us to take the tournament a step forward. We have optimised the competition system with more options for different sorts of traders and a new theme of the global football mega-event."

For more details on the KCGI Fall 2022, please visit https://www.bitget.com/en/KCGI2022

For media queries, please contact:
sylvia.huang.yq@bitget.com

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1932226/Bitget_KCGI_2022.jpg

Ingenico ผนึกกำลัง Live Payments นำเสนอโซลูชันการชำระเงินและการพาณิชย์ขั้นสูงแก่แท็กซี่และผู้ค้าปลีกในออสเตรเลีย

 

Ingenico พาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีการรับชำระเงินที่เชื่อถือได้มากที่สุด และ Live Payments หนึ่งในผู้ให้บริการชำระเงินชั้นนำของออสเตรเลีย ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อจัดหาโซลูชันการชำระเงินและการพาณิชย์ที่ใช้งานได้อย่างราบรื่นและสะดวกสบายให้กับผู้ค้าปลีกและแท็กซี่ โดย Ingenico จะนำเครื่อง Android Smart POS ในตระกูล AXIUM ของบริษัทไปให้ลูกค้าของ Live Payments ใช้งานทั่วออสเตรเลีย

Live Payments ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 15 ปีในการให้บริการอุปกรณ์การชำระเงิน ตลอดจนชุดบริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจขององค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) แก่ลูกค้า 8,000 รายทั่วออสเตรเลีย ได้เลือกใช้ Ingenico AXIUM DX8000 เพื่อมอบประสบการณ์ผู้บริโภค การค้าเชิงนวัตกรรม และโซลูชันการชำระเงินที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมขึ้น เครื่องพีโอเอสในตระกูล AXIUM ของ Ingenico และโซลูชันที่ยืดหยุ่นจะเป็นประโยชน์ต่อ Live Payments ด้วยความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันที่มอบมูลค่าเพิ่มได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมสำหรับคนแต่ละกลุ่มหรือผู้ค้าแต่ละรายได้

Reuven Barukh ซีอีโอของ Live Payments กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรกับ Ingenico ทำให้เราสามารถเสริมศักยภาพให้กับลูกค้าของเราได้ ด้วยเทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ล่าสุด พร้อมสร้างโอกาสให้กับพวกเขาด้วยบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และทำให้พวกเขาโฟกัสไปที่สิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด ซึ่งก็คือการดำเนินธุรกิจ โดยทั้งหมดนี้ล้วนได้มาจาก Ingenico หนึ่งในผู้ให้บริการเทคโนโลยีการรับชำระเงินที่เชื่อถือได้มากที่สุดในโลก"

Ingenico ยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในโลกของเทคโนโลยีการรับชำระเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Anushka WEERATUNGA กรรมการผู้จัดการของ Ingenico Pacific กล่าวถึงการผนึกกำลังเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ Live Payments เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศการชำระเงินของออสเตรเลีย ด้วยการผสมผสานการใช้งานเครื่อง AXIUM DX8000 อันล้ำสมัย เข้ากับความสามารถของ Ingenico ในด้านบริการและโซลูชัน ผมรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ค้าเติบโตและสร้างสรรค์ธุรกิจของตนในรูปแบบใหม่"

Live Payments จะเข้าถึงแอปพลิเคชันการชำระเงินชั้นนำของตลาดและเครือข่ายการค้าของ Ingenico เพื่อใช้งานโซลูชันการชำระเงินและการพาณิชย์อย่างราบรื่น บริษัทอาจมีโอกาสใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Ingenico เพื่อประสานงานด้านการชำระเงิน การพาณิชย์ และบริการข้อมูลจากผู้ให้บริการหลายราย

เกี่ยวกับ Ingenico

Ingenico เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันรับการชำระเงิน ในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ค้า ธนาคาร ผู้รับชำระเงิน ISV ตัวแทนชำระเงิน และลูกค้าภาคฟินเทค เทอร์มินัล โซลูชัน และบริการระดับเวิลด์คลาสของเรา ทำให้เกิดอีโคซิสเต็มรับการชำระเงินทั่วโลก Ingenico สั่งสมประสบการณ์มาถึง 45 ปี โดยมีนวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญในแนวทางและวัฒนธรรมของ Ingenico ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนผู้เชี่ยวชาญที่มีมากและหลากหลายของเราในการคาดการณ์และช่วยกำหนดทิศทางให้กับวิวัฒนาการของการค้าขายทั่วโลก ซึ่งที่ Ingenico นั้น ความเชื่อมั่นและความยั่งยืนคือหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ

เกี่ยวกับ Live Payments

Live Payments มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในการให้บริการลูกค้าในกลุ่ม SME และแท็กซี่กว่า 8,000 รายทั่วออสเตรเลีย โดยมอบโซลูชันการชำระเงินแบบครบวงจรที่มุ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโต เรามุ่งมั่นที่จะทำให้การชำระเงินง่ายขึ้น และช่วยสร้างโอกาสให้กับลูกค้าของเราผ่านเทคโนโลยีและโซลูชันชั้นนำ

ซีอีโอ "วีเมด" กล่าวสุนทรพจน์หลักในงานบล็อกเชน วีค ปูซาน ประจำปี 2565

 


  • เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยสร้างสรรค์เศรษฐกิจดิจิทัล
  • เรียกร้องให้เปิดพื้นที่ทดสอบเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงในเมืองปูซาน

คุณเฮนรี ชาง (Henry Chang) ซีอีโอบริษัทวีเมด (Wemade) ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในหัวข้อ "เศรษฐกิจดิจิทัลและสเตเบิลคอยน์" ในงานบล็อกเชน วีค ปูซาน ประจำปี 2565 (Blockchain Week in Busan 2022) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา

"เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีสากล ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในเกม ตลาดศิลปะ กีฬา ความบันเทิง และการเงิน จึงช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล และในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น ต้องมีการทำความเข้าใจคุณค่าของสินทรัพย์นี้อย่างถ่องแท้ เพื่อเพิ่มความสำคัญของสเตเบิลคอยน์" คุณเฮนรี ชาง ซีอีโอของวีเมด กล่าว "สเตเบิลคอยน์และเนทีฟคอยน์ควรส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อสร้างวงจรที่ดี และควรมีการขยายขนาดสเตเบิลคอยน์ให้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ วีเมดสร้างกลไกการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านสเตเบิลคอยน์วีมิกซ์ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้มีการออกสเตเบิลคอยน์มากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือสเตเบิลคอยน์ของวีมิกซ์"

เขากล่าวเสริมว่า "เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพมากยิ่งกว่าตอนที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่อินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์มือถือเสียอีก และนวัตกรรมคือสิ่งจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ผมหวังว่าหลาย ๆ พื้นที่ รวมถึงเมืองปูซาน จะสร้างพื้นที่ให้ประชาชนได้ทดสอบแนวคิดของตนเองอย่างเสรี และเปิดโอกาสให้ธุรกิจบล็อกเชนในเกาหลีได้ก้าวไปข้างหน้า"

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม วีดเมดได้เปิดตัวเมนเน็ต วีมิกซ์ 3.0 (WEMIX3.0) นอกจากนั้นยังออกสเตเบิลคอยน์ วีมิกซ์ดอลลาร์ (WEMIX$) แบบต้องจอง 100% ซึ่งมีเสถียรภาพและมีความยืดหยุ่น รวมถึงเปิดตัวบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ วีมิกซ์.ไฟ (WEMIX.Fi)

งานบล็อกเชน วีค ปูซาน ประจำปี 2565 เป็นมหกรรมบล็อกเชนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นที่เมืองปูซาน โดยวีเมด ร่วมด้วยไบแนนซ์ (Binance), เอฟทีเอ็กซ์ (FTX), หั่วปี้ (Huobi) และบริษัทบล็อกเชนชั้นนำอีกหลายแห่ง ได้มาร่วมกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมบล็อกเชนในงานนี้

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1933296/image_1.jpg

Wemade CEO Gives a Keynote Speech at BWB 2022

 



  • Blockchain technology will create a new digital economy
  • Anticipating a space to test out blockchain technology in areas like Busan

Wemade CEO, Henry Chang, gave a keynote speech on 'Digital Economy and Stablecoin' at Blockchain Week in Busan 2022 on October 27.

"Blockchain technology is a universal technology, which can be used in games, art markets, sports, entertainment and finance. This will create a digital economy and to develop the digital economy, the asset value should be understood intuitively, thus increasing the importance of 'stablecoins'," said Henry Chang, CEO of Wemade. "Stablecoins and native coins should be reflexive in order to have a virtuous cycle and the scale of stablecoins must increase in accordance with the growth of the economy. Wemade created a mechanism where the economy develops through WEMIX$, which in return issues more stablecoins and benefits the holders of WEMIX."

He further added,"Blockchain technology has much more potential than previous transitions to the Internet or mobile. Innovation is needed to make good use of this opportunity. I hope that areas like Busan create a space for people to freely experiment their ideas and provide an opportunity for the Korean blockchain business to move forward."

On October 20, Wemade launched its mainnet WEMIX3.0. It issued a 100% reserved stablecoin, WEMIX$, which encompasses stability, reflexivity and scalability, and opened WEMIX.Fi, a decentralized finance service.

BWB 2022 is a global blockchain event held in Busan. Wemade along with Binance, FTX, Huobi and other well-known blockchain companies participated to give a speech about the blockchain industry.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1933296/image_1.jpg

"หัวเว่ย" แนะแนวทางปลดล็อกการเชื่อมต่อ หนุนการเติบโตของรายได้

      ในระหว่างการประชุมอัลตราบรอดแบนด์ ฟอรัม ประจำปี 2565 (UBBF 2022) นายไซมอน หลิน (Simon Lin) รองประธานอาวุโสของหัวเว่ย และประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "สร้างการเติบโตด้วยการเชื่อมต่อขั้นสูง" (Advanced Connectivity, Boost Growth) โดยเผยถึงแผนงานในการช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมปลดล็อกมูลค่าของการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มศักยภาพทั้งในสภาพแวดล้อมการใช้งานที่บ้านและในระดับองค์กร ตลอดจนการใช้เครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ

การเชื่อมต่อในบ้าน: รองรับการเชื่อมต่อระบบสมาร์ทโฮมกับเครือข่ายบรอดแบนด์ด้วยความเร็วระดับกิกะบิต เพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่อภายในบ้าน

การอัปเกรดเครือข่ายในบ้านและการเกิดขึ้นของบริการใหม่ ๆ เช่น การไลฟ์สตรีม ทำให้การเชื่อมต่อด้วยความเร็วระดับกิกะบิตเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น โดยบริการกิกะบิตบรอดแบนด์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลาย สร้างโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย และสนับสนุนการสร้างรายได้จากการเชื่อมต่อ ซึ่งนายไซมอน หลิน ได้แนะนำ 3 วิธีในการสร้างรายได้จากการเชื่อมต่อเครือข่ายในบ้าน ได้แก่

  • บริการกิกะบิต ทู โฮม (Gigabit to Home): การติดตั้งใช้งานไฟเบอร์ออปติกในวงกว้างและรวดเร็วเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวงจรธุรกิจที่ดีสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย เนื่องจากสามารถลดต้นทุนต่อสาย (cost per line) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถเปิดตัวบริการกิกะบิตโดยมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) สูงขึ้น
  • บริการกิกะบิต ทู รูม (Gigabit to Room): โซลูชัน Fiber to the Room (FTTR) แบบออปติคัลทั้งหมดของหัวเว่ย สามารถแก้ปัญหาการเชื่อมต่อจากบริการกิกะบิตในบ้านที่ให้แบนด์วิดท์เพียง 100 Mbps โดยโซลูชันดังกล่าวสามารถรองรับการเชื่อมต่อด้วยความเร็วระดับกิกะบิตในแต่ละห้อง อีกทั้งยังรองรับการตั้งค่าเครือข่ายในบ้านจากระยะไกล และลดต้นทุนการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน (O&M) ของผู้ให้บริการลงได้มากกว่า 50% ทั้งนี้ ประสบการณ์การใช้บริการและเครือข่ายที่ดีทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถคิดค่าบริการในอัตราพิเศษ (premium rate) และทำยอดขายได้สูงขึ้น
  • บริการกิกะบิต พลัส (Gigabit + Services): ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถรวมบริการกิกะบิตในบ้านเข้ากับบริการใหม่ ๆ เช่น การให้บริการบรอดแบนด์ตามลักษณะการใช้งาน บริการอินเทอร์เน็ต และบริการอุปกรณ์สมาร์ทโฮม เพื่อเพิ่ม ARPU โดยปัจจุบัน ผู้ให้บริการเครือข่ายเพิ่งเริ่มนำแนวทางดังกล่าวไปปรับใช้ และขยายบริการใหม่ ๆ จากเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกในบ้าน พร้อมสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด

การเชื่อมต่อระดับองค์กร: รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กร เพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่อแบบส่วนตัว (private Line) และเครือข่ายแบบส่วนตัว (private network)

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมส่งผลให้ต้องมีการอัปเกรดการเชื่อมต่อ ซึ่งอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีความต้องการระบบเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน ผู้ให้บริการเครือข่ายจึงต้องจัดหาโซลูชันการเชื่อมต่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายขององค์กร โดยปัจจุบัน บริการต่าง ๆ พากันโยกย้ายไปยังระบบคลาวด์ จึงเป็นโอกาสให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถขยายพื้นที่ทางธุรกิจได้ ซึ่งในกรณีนี้ นายไซมอน หลิน กล่าวว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถสร้างรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่อสำหรับองค์กรได้ 3 วิธี ดังนี้

  • การอัปเกรดแบนด์วิดท์สำหรับบริการเชื่อมต่อแบบส่วนตัว: บริการเชื่อมต่อแบบส่วนตัว (private line) สำหรับองค์กร เป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง โดยครอบคลุมทั้งเครือข่ายแคมปัสและเครือข่ายศูนย์ข้อมูลขององค์กร แบนด์วิดท์ของบริการเชื่อมต่อส่วนตัวได้รับการอัปเกรดจาก Gbps เป็น 10 Gbps เพื่อมอบการเชื่อมต่อคุณภาพสูงทั้งในและนอกเครือข่ายแคมปัสและศูนย์ข้อมูล
  • โซลูชันที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน: การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กรต้องการบริการเชื่อมต่อเครือข่ายที่หลากหลาย ผู้ให้บริการสามารถให้บริการเชื่อมต่อแบบ private line ตามลักษณะการใช้งานเพื่อเพิ่มรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้บริการ private line ที่มีแบนด์วิดท์สูงเป็นพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมสื่อ และที่มีความหน่วงต่ำระดับมิลลิวินาที หรือบริการคลาวด์ที่เน้นความปลอดภัยสำหรับบริษัทหลักทรัพย์
  • อัปเกรดจากบริการ private line เป็น private network: เนื่องจากองค์กรที่มีสาขาจำนวนมากจำเป็นต้องเข้าถึงระบบคลาวด์หลายระบบ จึงจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อในรูปแบบ N x N โดยผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถใช้เทคโนโลยี multi-cloud backbone และเทคโนโลยีการแบ่งส่วนเครือข่าย (network slicing) เพื่ออัปเกรดการเชื่อมต่อจาก private line เป็น private network ซึ่งให้บริการเครือข่ายที่คาดการณ์ได้สำหรับองค์กร

โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เครือข่ายแบบออปติคัลทั้งหมดที่ใช้งานง่าย ชาญฉลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยผลักดันการพัฒนาสีเขียวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

นายไซมอน หลิน กล่าวว่า หัวเว่ยกำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อช่วยหน่วยงานกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union-Telecommunication Standardization Sector หรือ ITU-T) กำหนดมาตรฐาน และร่วมกันกำหนดระบบตัวบ่งชี้ความเข้มข้นของคาร์บอนของเครือข่าย (Network Carbon Intensity energy หรือ NCIe)

"ในหินอ่อนแต่ละก้อนมีประติมากรรมซ่อนอยู่ แต่มีเพียงศิลปินที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถแกะสลักหินออกมาเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้" นายไซมอน หลิน กล่าว โดยชี้ให้เห็นว่าผู้ให้บริการเครือข่ายมีความได้เปรียบด้านการเชื่อมต่อ และจะสร้างมูลค่าจากบริการเชื่อมต่อได้อย่างไร้ขีดจำกัด หากพวกเขาสามารถปลดล็อกการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า หัวเว่ยจะยังคงสำรวจเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและโซลูชั่นต่าง ๆ ร่วมกับลูกค้าและคู่ค้า และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจต่อไป

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1932719/Simon_Lin_Senior_Vice_President_Huawei_President_Huawei_Asia_Pacific_Region.jpg
คำบรรยายภาพ - นายไซมอน หลิน รองประธานอาวุโสของหัวเว่ย และประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย เอเชียแปซิฟิก

"หัวเว่ย" ปลดปล่อยศักยภาพของไฟเบอร์ พร้อมก้าวสู่ F5.5G

      ในระหว่างการประชุมอัลตราบรอดแบนด์ ฟอรัม ครั้งที่ 8 (Ultra-Broadband Forum หรือ UBBF) นายริชาร์ด จิน (Richard Jin) ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคัลของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ปลดปล่อยศักยภาพของไฟเบอร์ พร้อมก้าวสู่ F5.5G" (Unleashing Fiber Potential and Striding to F5.5G) ซึ่งเขาได้แสดงความสำคัญของการสื่อสารด้วยไฟเบอร์ที่มีต่อการพัฒนาของสังคม และนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ 8 ประการของหัวเว่ยในการเข้าถึงเครือข่ายไฟเบอร์และการรับส่งสัญญาณข้อมูลด้วยออปติคัล ตลอดจนประโยชน์ของไฟเบอร์ออปติกที่มีต่ออุตสาหกรรม พร้อมเรียกร้องให้อุตสาหกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่ทำงานร่วมกันเพื่อก้าวสู่ F5.5G

เครือข่ายไฟเบอร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับอนาคต โดยในช่วงของการเปลี่ยนแปลงจาก F5G เป็น F5.5G นั้น นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการตรวจจับไฟเบอร์จะช่วยปลดปล่อยศักยภาพของไฟเบอร์และเปิดตลาดใหม่ ทั้งนี้ หัวเว่ยได้สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี 8 ประการ เพื่อเร่งการการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมสู่ F5.5G ได้แก่

1. ความเข้ากันได้ของ 50G PON: 50G PON เป็นเทคโนโลยี PON รุ่นต่อไปที่ออกโดยหน่วยงานกำหนดมาตรฐาน ITU-T โครงสร้างส่วนประกอบและนวัตกรรมการประมวลผลทำให้หัวเว่ยสามารถปรับปรุงกำลังส่งและความไวของตัวรับสัญญาณของโมดูลออปติคัล 50G PON เพื่อให้ครอบคลุมถึง 40 กิโลเมตร นอกจากนี้ หัวเว่ยยังรวม GPON, 10G PON และ 50G PON ไว้ในพอร์ตเดียวโดยใช้เทคโนโลยีการติดตั้งที่มีความแม่นยำสูงพิเศษ นวัตกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายอัปเกรดจาก GPON และ 10G PON เป็น 50G PON ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องสร้างเครือข่ายขึ้นใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งาน 10G ทุกหนทุกแห่งได้อย่างรวดเร็ว

2. สเปกตรัม Super C+L: หัวเว่ยได้ทำการทดลองและใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาโซลูชันใหม่สำหรับการขยายสเปกตรัม และการปรับปรุงแบนด์วิดท์สำหรับรับส่งข้อมูล โดยในระหว่างกระบวนการผลิตนั้น ฟลักซ์ของก๊าซและอุณหภูมิความร้อนจะถูกควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้สารเจือ (doping) ที่มีความเข้มข้นสูง และเพิ่มอัตราขยายของย่านความถี่ L นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มสเปกตรัมการส่งสัญญาณ Super C+L เป็น 12 THz และเพิ่มแบนด์วิดท์ได้ถึง 50% เพื่อประสิทธิภาพการส่งสัญญาณที่สูงขึ้น นอกจากนี้ อัตราความยาวคลื่นเดียวที่ 400G และ 800G ช่วยรองรับการเข้าถึงด้วยความเร็ว 100 Tbps ต่อไฟเบอร์ ซึ่งจะสนับสนุนการเดินหน้าสู่ยุค 10G

3. การเชื่อมต่อข้ามช่องสัญญาณแบบออปติคัล (Optical Cross-Connect: OXC): ระบบ OXC ของหัวเว่ยใช้อัลกอริทึมดอทเมทริกซ์ 3 มิติ ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของสายเคเบิลของแบ็คเพลนที่เป็นออปติคัลทั้งหมดได้อีก 35% ลดการเชื่อมต่อไฟเบอร์ภายนอกของ ROADM (Reconfigurable Optical Add/Drop Multiplexer) ลดขนาดของทั้งระบบลงถึง 90% และลดการใช้พลังงานลงกว่า 60% นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้พัฒนาวัสดุใหม่สำหรับ OXC LCOS (Liquid Crystal on Silicon) เพื่อลดเวลาตอบสนอง LCD ที่ใช้สวิตช์แบบเลือกความยาวคลื่น (wavelength selective switching: WSS) จาก 200 ms เป็น 100 ms โดยจัดเตรียมและป้องกันความยาวคลื่นได้เร็วขึ้น รวมทั้งสร้างเครือข่ายอไจล์สีเขียวที่เป็นออปติคัลทั้งหมด

4. OptiX Alps-WDM: หัวเว่ยเปิดตัวโซลูชันการรวม Metro WDM ที่มีชื่อว่า OptiX Alps-WDM เพื่อแก้ปัญหาการกระจายบริการที่ไม่สม่ำเสมอ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่ำ และความยุ่งยากในการวางเครือข่ายเมโทร ทั้งนี้ การใช้สวิตช์ WSS ซึ่งหัวเว่ยเป็นผู้พัฒนา จะช่วยให้โมดูลที่เชื่อมโยงกันในเครือข่ายเมโทร และเทคโนโลยีฉลากออปติคัลแบบดิจิทัล สามารถแชร์ความยาวคลื่นระหว่างวงแหวนในสถาปัตยกรรมเครือข่ายที่เลเยอร์การเข้าถึงเครือข่ายเมโทร และสามารถจัดเตรียมและปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น เทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่มแบนด์วิดท์ 10 เท่า และลดการปล่อยคาร์บอน 90% ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายลด OPEX ลง 20% ตอบโจทย์สถาปัตยกรรมเครือข่ายเป้าหมายที่ย้ายเครือข่าย WDM ไปยังไซต์ และทำให้เกิดวิวัฒนาการของเครือข่ายที่ราบรื่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า

5. การกระจายบริการหน่วยบริการออปติคัล (Optical Service Unit: OSU) ที่ยืดหยุ่น: เทคโนโลยีฮาร์ดไปป์คอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของหัวเว่ยที่เรียกว่า OSU ใช้การเชื่อมต่อฮาร์ดไปป์ 2 Mbps ถึง 100 Gbps สามารถปรับแบนด์วิดท์ได้อย่างยืดหยุ่นโดยไม่รบกวนบริการ โปรโตคอลที่มีการห่อหุ้มข้อมูลที่ส่ง (encapsulation) ถูกทำให้ง่ายขึ้น เพื่อลดความหน่วงในการรับส่งข้อมูลบริการ นวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสร้างเครือข่าย OTN WDM ระดับพรีเมียมที่มีแบนด์วิดท์สูง ความหน่วงต่ำ และประสบการณ์ที่คาดการณ์ได้ รวมทั้งช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายดึงดูดลูกค้าอุตสาหกรรมระดับไฮเอนด์ได้มากขึ้น

6. สถาปัตยกรรม FTTR C-WAN: ด้วยความนิยมของเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เครือข่าย Wi-Fi ในบ้านจึงจำเป็นต้องให้สัญญาณครอบคลุมทั่วพื้นที่ มีความเสถียรสูง และสามารถรองรับทำงานพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ในเครือข่าย Wi-Fi แบบเดิมนั้น เทอร์มินัลเครือข่ายออปติคัล (optical network terminal: ONT) แต่ละตัวมีการทำงานที่เป็นอิสระ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การรบกวน และความไม่เสถียรของบริการในสถานการณ์ที่มีการทำงานพร้อมกันสูง โซลูชัน FTTR สำหรับการเชื่อมต่อในบ้านของหัวเว่ย ใช้สถาปัตยกรรม C-WAN ที่มีการจัดการและการควบคุมแบบรวมศูนย์ เพื่อประสานเทอร์มินัล ONT ทั้งหมดบนเครือข่าย FTTR จึงช่วยลดการรบกวนและปรับปรุงการใช้แบนด์วิดท์ นอกจากนี้ เทคโนโลยีการโรมมิ่งแบบ imperceptible ที่ไม่เหมือนใคร สามารถส่งมอบบริการโรมมิ่งได้ภายใน 20 มิลลิวินาที ซึ่งมอบประสบการณ์โฮมดิจิทัลรูปแบบใหม่

7. เทคโนโลยี Fiber iris: ODN มีสัดส่วนการลงทุน FTTH สูง อย่างไรก็ตาม การบำรุงรักษา ODN เป็นปัญหาที่ท้าทายอุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยในอดีตนั้น การบันทึกข้อมูลพอร์ตต้องทำแบบแมนนวล ส่งผลให้ข้อมูลไม่ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งนำไปสู่ความล้มเหลวในการส่งมอบบริการ หัวเว่ยได้เปิดตัวเทคโนโลยี Fiber iris ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อติดฉลากพอร์ตไฟเบอร์จำนวนมาก วิธีนี้ช่วยให้บันทึกข้อมูลและจัดสรรพอร์ตได้อย่างถูกต้องตามเวลาจริง ทำให้ส่งมอบบริการได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการใช้อัลกอริทึม oDSP และ AI เพื่อให้ตรวจพบตำแหน่งที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ด้วยความแม่นยำที่ระยะหนึ่งเมตร

8. เครือข่ายที่ควบคุมสั่งการได้ด้วยตัวเอง: ในอนาคต ขนาดของเครือข่ายจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า และเครือข่ายอัจฉริยะที่ควบคุมสั่งการได้ด้วยตัวเองจะกลายเป็นกระแสหลัก หัวเว่ยได้สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีในด้านเครือข่ายอัตโนมัติไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น StellarGo ที่ช่วยเปลี่ยนการจัดการเส้นทางบนเครือข่ายการขนส่งจากแบบแมนนวลและแบบ single-factor ไปเป็นการเลือกเส้นทางอัจฉริยะแบบ multi-factor และ multi-policy พร้อมทั้งให้คำแนะนำตามพฤติกรรมที่แตกต่างกันของลูกค้า ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการเลือกเส้นทางสูงถึง 99% และประสิทธิภาพการส่งมอบบริการดีขึ้น 70% นอกจากนี้ยังมี StellarCue ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี ด้วยการการรับรู้คุณภาพของประสบการณ์ที่ไม่ดี (poor-QoE) ภายใน 1 นาที โดยอิงจากการอบรมข้อมูล poor-QoE จำนวนมาก ซึ่งสามารถลดการร้องเรียนของผู้ใช้ได้เป็นอย่างมาก

นายจินกล่าวว่า ด้วยเป้าหมายการเชื่อมต่อ 10G ทุกหนทุกแห่งภายในปี 2568 หัวเว่ยจะยังคงสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่โดยต่อยอดจากนวัตกรรมที่มีมาก่อน ตลอดจนเพิ่มมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายโดยการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายเพื่อก้าวสู่ F5.5G ท้ายสุดนี้ นายจินยังเรียกร้องให้อุตสาหกรรมร่วมกันส่งเสริมและก้าวไปสู่ F5.5G

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1932356/Richard_Jin_President_Huawei_Optical_Business_Product_Line.jpg  
คำบรรยายภาพ - นายริชาร์ด จิน ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคัลของหัวเว่ย

Investing.com เปิดให้บริการระดับพรีเมียม เสริมทัพให้กับนักลงทุนรายย่อย

      Investing.com เป็นแพลตฟอร์มตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีเว็บไซต์ที่ให้บริการ 44 ภาษาและมีผู้ใช้งานเว็บไซต์ใน 136 ประเทศทั่วโลกและในตอนนี้ได้เปิดให้บริการระดับพรีเมียม InvestingPro ซึ่งให้เครื่องมือด้านการเงินที่ก้าวล้ำแก่นักลงทุนรายย่อยในราคาค่าบริการที่ย่อมเยาซึ่งเป็นการเสริมทัพให้กับนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้ให้สามารถแข่งขันกับนักลงทุนระดับสถาบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Investing.com ได้เริ่มเปิดตัวบริการระดับพรีเมียม InvestingPro ภายหลังการซื้อกิจการของ Finbox เมื่อช่วงต้นปีซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลที่แม่นยำและทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับบริษัทมหาชนต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะรวมถึงคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดที่จัดเก็บโมเดลการประเมินมูลค่าและตัวชี้วัดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีบนโลกออนไลน์ แพลตฟอร์ม Finbox ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของบริการ InvestingPro จึงได้ร่วมงานกับ S&P Market Intelligence เพื่อให้ข้อมูลที่ครอบคลุมบริษัทจำนวนมากกว่า 60,000 บริษัททั่วโลกและจะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Investing.com เพื่อเสริมทัพให้กับนักลงทุนรายย่อยทั่วโลกด้วยการเข้าถึงข้อมูลเดียวกันกับที่ธนาคารการลงทุนและผู้จัดการเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้พึ่งพาข้อมูลเหล่านี้ในการเทรด

Investing.com ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 และได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาอันสั้นและตามข้อมูลของ Alexa และ SimilarWeb ได้ระบุว่าปัจจุบันเว็บไซต์ Investing.com ติดอันดับเว็บไซต์การเงินยอดนิยมของผู้ใช้งานทั่วโลกนอกเหนือจากการติดอันดับหนึ่งในสองเว็บไซต์ยอดนิยมของโลกสำหรับการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเงินคริปโต ภารกิจหลักของ Investing.com คือเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้รับเครื่องมือและข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการตัดสินใจในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

Omer Shvili ซีอีโอของ Investing.com ได้กล่าวว่า "ด้วยการเปิดตัวบริการระดับพรีเมียมของเรา Investing.com ได้ดำเนินการเพื่อติดอาวุธให้กับนักลงทุนรายย่อยด้วยการให้ทรัพยากรที่จำเป็นในการแข่งขันในตลาดการเงินซึ่งทำให้สนามแข่งขันในหมวดอุตสาหกรรมนี้มีความเท่าเทียม" "ไม่ว่าเป็นการเข้าถึงเว็บไซต์ Investing.com ได้ฟรี หรือ การเข้าถึงในราคาค่าบริการที่ย่อมเยาสำหรับบริการ InvestingPro ก็ตาม เราหวังว่าผู้ใช้เว็บไซต์ของเราจะสามารถใช้ความได้เปรียบในเครื่องมือที่ทำให้เกมเปลี่ยนต่าง ๆ เหล่านี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป"

บริการใหม่ของเรา InvestingPro จะให้เครื่องมือระดับพรีเมียมต่าง ๆ แก่นักลงทุน เช่น "การประมาณค่ายุติธรรม (Fair Value Estimates)" ซึ่งใช้เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองทางการเงินที่ทันสมัยเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลมูลค่ายุติธรรม (fair value) ของหุ้นได้อย่างง่ายดายที่จะทำให้นักลงทุนเหล่านี้ค้นพบหุ้นราคาถูกที่ซื้อในราคาต่ำและขายออกในราคาสูง ฟีเจอร์ "การตรวจสุขภาพหุ้น (Health Checks)" จะทำให้ผู้ใช้สามารถพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ จำนวนกว่า 100 ปัจจัยเพื่อช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของหุ้น โดยจะมีการให้คะแนนหุ้นแต่ละตัวเทียบกับภาคอุตสาหกรรมและภูมิภาคเศรษฐกิจของหุ้นดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินมูลค่า การเติบโต ความสามารถในการทำกำไร กระแสเงินสด และโมเมนตัม เพื่อค้นหาบริษัทที่มีสุขภาพที่ดีและหลีกหลี่ยงกับดักมูลค่า (value trap) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ "เปรียบเทียบกับคู่แข่ง (Peer Compare)" ที่ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าใจผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทว่าอยู่ในลำดับชั้นใดเมื่อเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันและค้นพบบริษัทต่าง ๆ ที่ตลาดอาจมองข้าม

Andy Pai ผู้ก่อตั้ง Finbox และประธานฝ่ายบริการ InvestingPro ที่ Investing.com กล่าวว่า "เนื่องจากบริการ InvestingPro พัฒนาจากความสำเร็จของ Finbox ดังนั้นบริการระดับพรีเมียม InvestingPro จึงให้ชุดเครื่องมือแก่นักลงทุนรายย่อยสำหรับการวิเคราะห์ตลาดการเงินที่เทียบเท่ากับแพลตฟอร์มราคาแพงกว่าที่นักลงทุนที่เป็นสถาบันการเงินได้ใช้ในการเทรด" "ลองคิดว่าบริการ InvestingPro ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ให้บริการในราคาที่ย่อมเยา คุณในฐานะนักลงทุนรายย่อยย่อมไม่มีงบประมาณที่จะว่าจ้างพนักงานหรือผู้ให้บริการที่จะมาช่วยวิเคราะห์ตัวเลขได้ทั้งวัน แต่ด้วยการใช้บริการ Finbox และตอนนี้ก็คือ InvestingPro เราได้ให้การวิเคราะห์ข้อมูลในแง่มุมที่สำคัญที่สุดโดยอัตโนมัติเพื่อส่งมอบชุดเครื่องมือที่จำเป็นที่นักลงทุนรายย่อยต้องการได้อย่างง่ายดาย"

ภายหลังการซื้อกิจการ InvestingPro ได้ขยายระดับการเข้าถึงชุดเครื่องมือของ Finbox ได้อย่างกว้างขวาง หลังจากการซื้อชื่อโดเมนเนมของ Investing.com ที่มีมูลค่า 2.45 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2012 การจราจรของเว็บไซต์ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากจำนวนการเข้าดูเพจ 50 ล้านวิวต่อเดือนในปี 2013 เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านวิวในปี 2016 และจำนวนมากกว่า 4 พันล้านวิวในปัจจุบัน Investing.com ให้ข้อมูล, โควท, กราฟ, เครื่องมือการเงิน ข่าวเด่น และบทวิเคราะห์แบบเรียลไทม์สำหรับตลาดแลกเปลี่ยนจำนวน 250 แห่งทั่วโลก นอกจากตลาดหลักทรัพ์ระดับโลกแห่งต่าง ๆ แล้ว Investing.com ยังครอบคลุมตลาดสำหรับเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ เหรียญคริปโต ดัชนีต่าง ๆ จากทั่วโลก พันธบัตร กองทุนต่าง ๆ กองทุนอีทีเอฟ และสกุลเงินต่าง ๆ ทั่วโลก Investing.com ให้การเข้าถึงอย่างรวดเร็วในเครื่องมือทางการเงินระดับโลกที่ครอบคลุมตราสารการเงินจำนวนกว่า 200,000 รายการ

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1930156/InvestingPro.jpg
คำบรรยายภาพ - InvestingPro