Thursday, September 30, 2021

CGTN ปิดโครงการคัดเลือกผู้สื่อข่าว "Media Challengers" ได้รับความสนใจจาก Gen Z ทั่วโลก

 

CGTN จัดโครงการคัดเลือกผู้สื่อข่าว "The Media Challengers" รอบสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีน โดยผู้เข้ารอบสุดท้าย 24 คนมีทั้งผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในสถานที่จริงและเข้าร่วมจากทางไกล ทั้งหมดได้ร่วมการแข่งขันแบบสดและทำกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของการแข่งขันในรอบสุดท้าย

ก่อนหน้านี้ ผู้เข้ารอบถูกแบ่งออกเป็น 4 ทีม และได้เดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้ อู่ฮั่น ซีอาน หรือทะเลสาบผู่เจ่อเฮยในยูนนาน เพื่อร่วมรายการเรียลลิตี้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงทักษะต่าง ๆ ด้านการสื่อสารมวลชน

ในรอบสุดท้าย นอกจากต้องนำเสนอผลงานตัดต่อวิดีโอแล้ว ผู้เข้าแข่งขันยังต้องฝ่าฟัน "ภารกิจท้าทายรอบสุดท้าย" อีกหลายอย่าง ทั้งการพูด การโต้วาที และการอ่านบท โดยความสามัคคีของทีมและความสามารถส่วนบุคคลถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่

กรรมการมากประสบการณ์ 4 ท่าน และนักรีวิวสื่อ 8 ท่าน รับหน้าที่ให้คะแนนแต่ละทีม ขณะเดียวกัน คณะกรรมการออนไลน์ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 200 คนสุดท้ายก็ได้ร่วมตัดสินด้วย นอกจากนั้นยังมีผู้เข้าร่วมออนไลน์ 60 คนจากทั่วโลกมาช่วยเชียร์ผู้เข้าแข่งขัน อีกทั้งยังมีการถ่ายทอดสดไปทั่วทุกมุมโลกแบบเรียลไทม์ เมื่อการแข่งขันรอบสุดท้ายปิดฉากลงได้มีการมอบรางวัลประเภทกลุ่มและประเภทบุคคลให้แก่ผู้ชนะ

โครงการ The Media Challengers ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวชาวจีนรุ่นใหม่ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจีนและเผยแพร่วัฒนธรรมจีนไปทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่จากทั่วโลกได้แสดงความสามารถ ไล่ตามความฝัน และเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับจีนมากขึ้น โดย Media Challengers จากทั่วโลกเป็นตัวแทนของ "Gen Z" ทั้งในด้านการพูด ความคิด และความรู้สึก

นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 โครงการนี้ก็ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อใหม่ อินฟลูเอนเซอร์ และผู้นำทางความคิดจำนวนมากจากกว่า 130 ประเทศและดินแดน นอกจากนี้ สื่อออนไลน์กระแสหลักราว 860 สำนัก จาก 60 ประเทศและดินแดน เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ยังทำข่าวเกี่ยวกับโครงการนี้ด้วย

https://news.cgtn.com/news/2021-09-29/CGTN-Media-Challengers-finals-conclude-attracting-global-Gen-Z-13X3ToJpzOg/index.html

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1639751/image_1.jpg

คำบรรยายภาพ: CGTN ปิดโครงการคัดเลือกผู้สื่อข่าว "Media Challengers" ได้รับความสนใจจาก Gen Z ทั่วโลก


Vymo ตอกย้ำความมุ่งมั่นในตลาดอินโดนีเซีย ด้วยการจัดหาทีมงานและเทคโนโลยีเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการเงิน

  • Vymo มุ่งมั่นที่จะส่งมอบโซลูชันการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าระดับชั้นนำให้แก่ AIA Indonesia
  • บริษัทมองว่าอินโดนีเซียเป็นตลาดที่สำคัญมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่าจะขยายฐานลูกค้าและรายได้เพิ่มขึ้น 10 เท่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

Vymo บริษัทจากซานฟรานซิสโกผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเร่งการขายที่สถาบันการเงินชั้นนำทั่วเอเชียเลือกใช้ ประกาศความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทที่มีต่อตลาดอินโดนีเซีย ด้วยการจัดหาทีมงานในประเทศที่แข็งแกร่งและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมการเงิน พร้อมทั้งประกาศว่า บริษัทได้รับการแต่งตั้งจาก AIA Indonesia (PT AIA Financial) ให้ติดตั้งแพลตฟอร์มการขายจากทางไกลเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยความเคลื่อนไหวทั้งสองนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับ Vymo เนื่องจากบริษัทกำลังเร่งแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ Vymo ยังมั่นใจว่าจะทำให้รายได้จากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นหลายเท่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยจะลงทุนในการขยายและสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมงานและระบบนิเวศพันธมิตรในอินโดนีเซียขึ้น 10 เท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า  

ภายใต้ความร่วมมือกับ PT AIA Financial นั้น Vymo จะนำเสนอโซลูชันเพื่อรองรับผู้จัดการและตัวแทนขายกว่า 7,000 คนในอินโดนีเซีย เพื่อพยายามปรับปรุงผลการดำเนินงานและประสิทธิภาพด้านการขายของบริษัท การพัฒนาครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำความพยายามของ Vymo ที่จะรุกตลาดอินโดนีเซียเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการเงินและตลาดฟินเทคที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อให้บริการแก่บุคลากรด่านหน้า ผู้จัดการฝ่ายขาย และผู้นำทางธุรกิจผ่านบริการของบริษัท

Rajesh Sabhlok กรรมการผู้จัดการประจำเอเชียแปซิฟิกของ Vymo กล่าวถึงยุทธศาสตร์ในตลาดอินโดนีเซียว่า "อินโดนีเซียเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญภายใต้โรดแมปในเอเชียโดยรวมของเรา เนื่องจากมีอุตสาหกรรมการเงินที่แข็งแกร่งและมีประชากรที่มีความรู้เรื่องดิจิทัลมากที่สุดประเทศหนึ่ง โซลูชันของเราจึงเหมาะสมกับบริษัทที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของพนักงาน พันธมิตร และลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยเราตั้งเป้าหมายว่าจะเร่งกิจกรรมการขายและการตลาดในอินโดนีเซียในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า"

"เรายินดีมากที่ได้ต้อนรับ AIA Indonesia มาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มลูกค้าที่น่าเชือถือและมีวิสัยทัศน์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอินโดนีเซีย แอปพลิเคชันติดต่อกับลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้ใช้งานง่ายและน่าเชื่อถือมากขึ้นในยุคดิจิทัลเช่นปัจจุบัน แต่พนักงานประกันในอินโดนีเซียกลับยังต้องใช้ระบบดั้งเดิมที่ยุ่งยากซับซ้อนเพื่อทำกิจกรรมประจำวัน โซลูชันที่ Vymo นำเสนอผ่านความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขายจากทางไกลของทีมงาน AIA Indonesia ได้อย่างมีนัยสำคัญ"

Vymo ได้รับการคัดเลือกเนื่องจากความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ซึ่งองค์กรธุรกิจกว่า 60 แห่งทั่วโลกนำไปใช้งานแล้ว โดย Sales Excellence Cloud ของ Vymo จะช่วยให้ทีมงานของ AIA สามารถบันทึกกิจกรรมการขายและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยอัตโนมัติ ตัวแทนขายจึงไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลลงระบบแบบแมนนวลทุกวัน นอกจากนี้ ผู้จัดการยังสามารถมองเห็นประสิทธิภาพการทำงานของทีมงานได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว Sales Excellence Cloud มีจุดเด่นอยู่ที่แดชบอร์ดอัจฉริยะที่ทีมบริหารสามารถเข้าถึงได้เพื่อระบุพฤติกรรมการมีส่วนร่วมที่เฉพาเจาะจงซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการขาย โดยรวมแล้ว คุณสมบัติใหม่เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขายให้ดีขึ้น และทำให้ทีมขายสามารถสร้างกิจกรรมสนับสนุนการขายเพื่อสร้างรายได้ 

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มของ Vymo ถูกนำไปใช้งานในภูมิภาคต่าง ๆ เนื่องจากความสามารถในการเร่งการขาย โดยในส่วนของอินโดนีเซียนั้น Vymo ระบุว่า การสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรด้านการขายผ่านแผนกลยุทธ์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AIA ในอินโดนีเซีย ดังนั้น AIA จะใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญเชิงลึกของ Vymo รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและวิธีการส่งเสริมการขายที่สำคัญ เพื่อช่วยให้บริษัทเติบโตทั้งในด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และผลิตผล

"หลังจากอินเดีย เวียดนาม ไทย และเมียนมา AIA Indonesia ก็กลายเป็นบริษัท AIA ลำดับที่ 5 ที่ใช้งานโซลูชันของเรา ซึ่งทำให้ความร่วมมือระหว่างเรากับ AIA ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความแข็งแกร่งและลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราจะเดินหน้าพลิกโฉมการพัฒนาองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง AIA ทั้งในตลาดอินโดนีเซียและทั่วโลก" คุณ Sabhlok กล่าวเสริม

Vymo ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก บริษัทมีพันธกิจในการส่งมอบคุณค่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ด้วยโซลูชันที่ไม่เหมือนใครซึ่งใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยี AI ปัจจุบัน Vymo เป็นหนึ่งในบริษัท Software-as-a-Service (SaaS) ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย

เกี่ยวกับ Vymo

Vymo (www.getvymo.com) คือแพลตฟอร์มเร่งการขายที่ได้รับความไว้วางใจจากพนักงานขายกว่า 200,000 คน จากสถาบันการเงินกว่า 60 แห่งทั่วโลก เช่น AXA, AIA, FE Credit, Generali และ Sunlife นอกจากนี้ Vymo ยังได้รับรางวัล Cool Vendor จาก Gartner และได้รับเงินทุนจาก Emergence Capital และ Sequoia Capital

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.getvymo.com

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ชมคลิปวิดีโอของ Vymo - https://youtu.be/DOFdcK8cUxw 
     สำรวจศักยภาพของ Vymo - https://www.getvymo.com/request-a-demo/ 
     ดาวน์โหลดโลโก้ - https://goo.gl/i6sEpi

สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Gunjan Saha
     Vymo
     อีเมล: pr@getvymo.com

Marsha Novianty
     APRW (Indonesia)
     อีเมล: marsha@aprw.asia

โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/1026997/Vymo_Logo.jpg

Vymo cements its commitment in Indonesia with a robust local team and technologies for the financial industry

  • Vymo commits to deliver top-notch Customer Relationship Management solutions in Indonesia for AIA Indonesia
  • The firm sees Indonesia as a very important market in SouthEast Asia and is forecasted to grow its client base and revenues by 10x over the next 3 years.

San Francisco headquartered firm Vymo, the sales acceleration platform of choice for top financial institutions across Asia, announced today its commitment in Indonesia with a robust local team and technologies for the financial industry. The firm also announced it has been appointed by AIA Indonesia (PT AIA Financial) to deploy its remote-first sales distribution platform to improve the company's business profitability. Both these initiatives come at the right time for Vymo as the firm accelerates its growth strategy for Indonesia. Vymo is confident of growing its revenues from Indonesia manifolds in the next 3 to 5 years and as such will be investing in expanding and strengthening its team and partner ecosystem in the country by 10x over the coming years.

Through the partnership with PT AIA Financial, Vymo will introduce its solution to serve over 7000 AIA salespeople and managers in Indonesia, in an effort to improve the company's sales performance and productivity. This development also re-affirms Vymo's foray into Indonesia to serve the fast-growing financial industry and fintech market to serve frontline personnel, sales managers, and business leaders through its services.

Commenting on their Indonesia strategy, Rajesh Sabhlok, Managing Director - Asia Pacific, Vymo said, "Indonesia is a key driver in our overall Asia roadmap. With a robust financial industry and one of the largest digitally savvy populations, our solutions are apt for firms looking to our cutting-edge technologies in order to better serve the needs of their employees, partners, and customers. Over the months, we aim to accelerate our sales and marketing activities in Indonesia."

"We are thrilled to welcome AIA Indonesia onboard our fast-growing family of esteemed and discerning clients in Indonesia. Customer-facing applications have transformed rapidly to become more intuitive and reliable in today's digital age. Yet, insurance workforce in Indonesia still relies on complicated legacy systems for day-to-day activities even today. The solutions provided by Vymo through this partnership will drastically improve AIA Indonesia's remote sales efficiency within its teams," further added Sabhlok.

Vymo has been selected for its strong expertise and transformational technologies that have been implemented for over 60 global enterprises. Powered by Vymo's Sales Excellence Cloud, the AIA team will be allowed automatic capture of sales and engagement activities which will eliminate the need for salespeople to manually update their system of records daily. Managers will also gain end-to-end visibility on their teams' performances in real-time via the platform. The Sales Excellence Cloud features intelligent dashboards that can be accessed by the management team to identify certain engagement behaviors that may affect sales performance. As a whole, these new offerings will improve sales productivity and empower sales teams to correlate sales support activities with revenue outcomes.

Over the past 4 years, Vymo has been deployed across geographies for its sales acceleration capabilities. With respect to the Indonesia landscape, Vymo has identified that engaging with distribution partners through an effective data strategy will be key to sustain AIA's rapid growth in Indonesia. In order to do so, AIA will leverage Vymo's deep industry knowledge and expertise, best practices, and playbooks around key sales levers, which will help the company to drive visible growth in effectiveness, efficiencies, and productivity.

"Following India, Vietnam, Thailand, and Myanmar, AIA Indonesia becomes the fifth AIA entity to deploy our solutions, further strengthening and deepening our partnership with AIA in South-East Asia. We will continue in our journey and mission to transform the development of enterprises, including AIA, within the Indonesian market and around the world," Sabhlok added.

Headquartered in San Francisco, Vymo was launched in 2013 with a mission to deliver transformational value for Customer Relationship Management (CRM) processes through its unique solution that leverages automation and AI technology. Today, it is one of the fastest-growing enterprise Software-as-a-Service (SaaS) companies in the world with offices in the USA, Japan, Singapore, India, Vietnam, Thailand, and Indonesia.

About Vymo
Vymo (www.getvymo.com) is the Sales Acceleration Platform trusted by over 200,000 salespeople across 60+ global financial institutions such as AXA, AIA, FE Credit, Generali, and Sunlife. Vymo is recognised by Gartner as a Cool Vendor and is funded by Emergence Capital and Sequoia Capital.

For more information, visit https://www.getvymo.com

Useful Resources 

Watch Vymo in action - https://youtu.be/DOFdcK8cUxw 

Explore Vymo's capabilities - https://www.getvymo.com/request-a-demo/ 

Download logo - https://goo.gl/i6sEpi

For press inquiries, please contact:

Gunjan Saha
      Vymo
      pr@getvymo.com

Marsha Novianty
      APRW (Indonesia)
      marsha@aprw.asia

Logo: https://mma.prnewswire.com/media/1026997/Vymo_Logo.jpg

CGTN 'Media Challengers' finals conclude, attracting global Gen Z

 

CGTN's global recruitment campaign "The Media Challengers" held its finals on Tuesday in the city of Sanya, south China's Hainan Province. Altogether 24 finalists, including remote overseas candidates, gathered to participate in live competitions and the most important event of the contest: the final ceremony.

The members of four teams, which respectively headed to the cities of Shanghai, Wuhan, Xi'an, as well as the Puzhehei scenic area in Yunnan Province for the reality show competition, displayed a multitude of media skills in the semi-finals.

In the finals, the candidates not only presented their fine video works, but also battled in several "final challenges," including a speaking challenge, a debate, and a teleprompter challenge, during which their team spirit and personal abilities were well demonstrated.

Four experienced judges and eight media reviewers sat on a panel and gave points to each team, while an online jury composed of the world's top 200 finalists also attended. In addition, 60 online participants from all over the world were in attendance, cheering for the finalists, and at the same time streaming the events to all corners of the world in real time. Group awards and individual awards were also distributed as the final showdown came to a successful close.

The Media Challengers event was not only a window for young Chinese media professionals to tell the world about Chinese stories and convey Chinese culture, but also build a platform for aspiring young people around the world to display their talents, chase their dreams, and acquire a deeper understanding of China. Media Challengers from all over the world presented what "Gen Z" think, say, and feel.

Since its official launch on April 8, 2021, the campaign for global host reporters and influencers has attracted many new media professionals, influencers and opinion leaders from more than 130 countries and regions. Some 860 mainstream overseas online media from 60 countries and regions, including the U.S., the UK, Canada, Australia, Germany, Italy, Japan, and South Korea, have covered this event.

https://news.cgtn.com/news/2021-09-29/CGTN-Media-Challengers-finals-conclude-attracting-global-Gen-Z-13X3ToJpzOg/index.html

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1639751/image_1.jpg

Caption: CGTN 'Media Challengers' finals conclude, attracting global Gen Z

Doo Prime สำนักงานใหญ่ หรือ Doo Group ร่วมมือกับ oneZero เพื่อการจัดการสภาพคล่องที่ดีกว่า

 

Doo Prime สำนักงานใหญ่หรือ Doo Group ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ oneZero ผู้นำด้านเทคโนโลยีการซื้อขายที่เชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์ที่หลากหลายระดับโลก เพื่อยกระดับการจัดการสภาพคล่องในระบบการซื้อขายและบริการที่ดีกว่า และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดย oneZero จะเข้ามาส่งเสริมให้ Doo Group และบริษัทในเครือ เข้าถึงเทคโนโลยีในการซื้อขายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในการการดำเนินการซื้อขาย การจัดการ และการวิเคราะห์สินทรัพย์หลายรายการ เพื่อสิ่งแวดล้อมในการลงทุนที่ดีกว่า ด้วยการจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสถียรภาพของบัญชีสภาพคล่องที่ดีกว่า ด้วย Deeper Liquidity Pools สุดยอดเทคโนโลยีจาก oneZero ที่จะทำหน้าที่จัดการสภาพคล่องใน liquid pool อย่างลงตัว จึงสามารถจัดการบัญชีของลูกค้าได้อย่างเหมาะสมที่สุด 

ซึ่ง oneZero จะช่วยให้ Doo Group และ Doo Prime สามารถให้บริการลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้น พร้อมกับโอกาสที่มากกว่าในการจัดการและเข้าเครื่องมือการลงทุน การวิเคราะห์ราคาตลาด รวมทั้งสามารถแข่งขันสภาพคล่องได้มากกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี oneZero EcoSystem ยังรวมถึงธนาคารต่างประเทศและโบรกเกอร์ผู้ค้าปลีกและสถาบันกว่า 200 แห่ง ที่สามารถกระจายสภาพคล่องและนำข้อเสนอถึงผู้ให้ริการได้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถแลกเปลี่ยนและสำนักหักบัญชีได้อีกด้วย

Doo Prime จึงมีบัญชีที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงตลาดและมอบประสบการณ์ในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็วอย่างใจ และใช้งานง่าย ด้วยระบบ DMA อีกทั้งยังมี oneZero Hub ที่สามารถเชื่อมต่อกับตลาดทั่วโลก และยังสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลอย่างในนิวยอร์ก (NY4) โตเกียว (TY3) และลอนดอน (LD4) เพื่อโอกาสใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลายทั้ง Forex, CFD, ฟิวเจอร์ส, สินค้าโภคภัณฑ์, สินทรัพย์ และสกุลเงินดิจิตอล โดยระบบของ oneZero จะใช้เพื่อสร้างและเชื่อมต่อ ECN Pool กับ ECN Pool อื่นๆ นอกจากนี้ Doo Group ยังวางกลยุทธ์ในการเชื่อมต่อเครือข่าย London Equinix ผ่านทาง oneZero อีกด้วย

เพราะเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างสรรค์ประสบการการลงทุนที่ที่ดีกว่า ด้วยประสิทธิภาพในการดำเนินการซื้อขายที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนให้กับลูกค้าของ Doo Prime ทุกท่านไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ 

ก้าวต่อไปสู่การเติบโตระดับโลก

oneZero เทคโนโลยีชั้นนำของตลาดนั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การลงทุนในแบบเฟิร์สคลาส ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างครบครันเพื่อตอบโจทย์การลงทุนและดำเนินการที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่จะช่วยให้เราให้บริการและเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้น พร้อมประสิทธิภาพการลงทุนที่มากกว่า และเพื่อการก้าวต่อไปในระดับโลกอย่างภาคภูมิใจ 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ    

โทรศัพท์:  

ยุโรป: +44 11 3733 5199         
      เอเชีย: +852 3704 4241         
      เอเชีย - ประเทศจีน: +86 400 8427 539     
      อีเมล: ฝ่ายบริการ: th.support@dooprime.com

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1639481/image_1.jpg

คำบรรยายภาพ - Doo Prime สำนักงานใหญ่ หรือ Doo Group ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ oneZero ผู้นำด้านเทคโนโลยีการซื้อขายที่เชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์ที่หลากหลายระดับโลก เพื่อยกระดับการจัดการสภาพคล่องในระบบการซื้อขายและบริการที่ดีกว่า และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

National Football League, สมาคมผู้เล่น NFL และ Dapper Labs ประกาศความตกลงใหม่ในการสร้างคลิปวิดีโอไฮไลท์ดิจิทัลเวอร์ชันพิเศษในรูปแบบ NFT

 ประสบการณ์ดิจิทัลเชิงนวัตกรรมจาก NFL สโมสรอเมริกันฟุตบอลทั้งหมด 32 สโมสร และนักฟุตบอล จะเปิดโอกาสให้แฟนบอลสามารถซื้อ แลกเปลี่ยน และเป็นเจ้าของสินทรัพย์ NFT ที่นำเสนอภาพช็อตเด็ดระหว่างการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นในดวงใจใครหลาย ๆ คน

National Football League (NFL), สมาคมผู้เล่น National Football League Players Association (NFLPA) และ Dapper Labs ได้ประกาศการร่วมมือเพื่อสร้างคลิปวิดีโอไฮไลท์ดิจิทัลพิเศษในรูปแบบของ NFT (non-fungible token) สำหรับแฟนอเมริกันฟุตบอล NFL ความตกลงครั้งนี้มุ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแฟนบอล โดยเปิดโอกาสให้สามารถสะสมคลิปดิจิทัลของช็อตเด็ดระหว่างการแข่งขันที่ดีที่สุดในฤดูกาลโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ก้าวหน้าของ Dapper Labs

"เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Dapper Labs ในการเปิดตัวคลิปวิดีโอดิจิทัลของ NFL สำหรับการสะสม" Joe Ruggiero รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคของ NFL กล่าว "เราเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพมากในการยกระดับประสบการณ์ของแฟนอเมริกันฟุตบอล NFL ในอนาคต และเราตื่นเต้นที่ได้ Dapper Labs เป็นหนึ่งในคู่ค้ารายแรกที่มาทำงานร่วมกันเพื่อสำรวจพื้นที่ใหม่นี้"

ของสะสมโฉมใหม่ในรูปแบบดิจิทัลนี้จะเป็นโอกาสพิเศษให้แฟนบอล NFL ได้สะสมและเป็นเจ้าของ NFT ช็อตเด็ดระหว่างการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดจากผู้เล่นระดับแนวหน้ารายสัปดาห์ตลอดทั้งฤดูกาล รวมทั้งผู้เล่นดาวรุ่งในปัจจุบันและผู้เล่นระดับตำนานในการแข่งขัน นอกจากนี้ แฟนบอลยังจะมีโอกาสสะสมส่วนหนึ่งของภาพการแข่งขันในประวัติศาสตร์ของ NFL อีกด้วย

"ตั้งแต่นัด Hail Murray ไปจนถึงนัด Minneapolis Miracle ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในสนาม NFL ด้วยการเป็นลีกการแข่งขันที่มีการยกระดับมาตรฐานอยู่เสมอ เราภูมิใจที่ NFL และ NFLPA เลือก Dapper Labs ให้เป็นผู้นำภาพช็อตเด็ดมาให้แก่แฟนบอล NFL ทั่วโลกอย่างที่พวกเขารอคอยมาตลอด เราตั้งตารอที่จะได้มอบโอกาสในการเป็นเจ้าของนัดการแข่งขันที่มีความหมายแก่แฟนบอล NFL กว่า 300 ล้านคน ตลอดจนโอกาสที่พวกเขาจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับกีฬาฟุตบอลในรูปแบบใหม่" Roham Gharegozlou ซีอีโอของ Dapper Labs กล่าว

เมื่อประสบการณ์นี้เปิดให้บริการ แฟนบอล NFL จะได้ดื่มด่ำในโลกที่ให้คุณค่ากับความรักในกีฬาฟุตบอลของพวกเขา แฟนบอลจะมีโอกาสได้ซื้อและเปิดดูแพ็ค NFT ที่มีฮีโร่ NFL ในดวงใจของพวกเขา อวด NFT ของสะสมดิจิทัลที่พวกเขาได้ค้นพบ และขายคลิปช็อตเด็ดกับแฟนบอลคนอื่น ๆ พวกเขายังจะสามารถซื้อ จัดแสดง ขาย หรือแลกเปลี่ยนช็อตเด็ดของพวกเขาในตลาดสำหรับการนี้โดยเฉพาะอย่าง Flow ด้วย

"ความเป็น NFT ที่ไม่มีสิ่งอื่นใดทดแทนได้สอดรับกับความพิเศษของวงการแฟนกีฬา ผู้เล่นของเราต่างรู้สึกตื่นเต้นกับ NFLPA ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เปี่ยมพลังอย่าง Dapper Labs และ OneTeam เพื่อผลักดันก้าวสำคัญนี้ในการเข้าสู่ตลาดของสะสมดิจิทัล" Steve Scebelo ประธาน NFL Players Inc. ซึ่งเป็นฝ่ายการตลาดและลิขสิทธิ์ของ NFLPA กล่าว "ความพิเศษที่หาที่อื่นใดไม่ได้ของผู้เล่น NFL จะสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำทั้งในประวัติศาสตร์และในปัจจุบันในระหว่างฤดูกาลต่อไป ซึ่งมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับแฟนตัวยงมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น"

OneTeam Partners คู่ค้าด้านลิขสิทธิ์ของ NFLPA ซึ่งเป็นผู้ดำเนินบทบาทนำในธุรกิจสื่อดิจิทัลของสมาคม ได้สนับสนุนให้ความตกลงใหม่ครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การทำงานร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ

ประสบการณ์ NFT สุดพิเศษจะเปิดให้บริการในช่วงฤดูกาลนี้ และจะพาวงการแฟนบอลก้าวไปอีกขั้นด้วยการเข้าถึงฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม การสร้างฐานแฟนบอล และการมีส่วนร่วมของชุมชนกีฬาฟุตบอลซึ่งให้ความสำคัญกับแฟนบอล ณ ใจกลางของสุดยอดช่วงเวลาในการแข่งขัน NFL ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nfl.dapperlabs.com

เกี่ยวกับ NFL Players Association
National Football League Players Association ("NFLPA") คือสหภาพสำหรับนักอเมริกันฟุตบอลมืออาชีพใน National Football League สมาคม NFLPA ก่อตั้งเมื่อปี 1956 และมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการยืนยันการคำนึงถึงและการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของนักอเมริกันฟุตบอล NFLPA ได้แสดงให้เห็นว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องสิทธิของนักอเมริกันฟุตบอล รวมถึงการยุติสถานะการเป็นสหภาพหากจำเป็นต้องทำ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 1989 โดยในปี 1993 NFLPA ได้กลับมาดำเนินบทบาทการเป็นสหภาพอย่างเป็นทางการอีกครั้งในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของนักอเมริกันฟุตบอล และได้เจรจาข้อตกลง Collective Bargaining Agreement ("CBA") กับ NFL ข้อตกลง CBA ฉบับปัจจุบันจะมีผลต่อกีฬานี้ไปจนถึงฤดูกาล 2030 NFL

เกี่ยวกับ Dapper Labs
Dapper Labs เป็นบริษัทเบื้องหลัง NBA Top Shot และเป็นผู้พัฒนาบล็อกเชน Flow โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการนำเสนอ NFT และผลงานดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ ให้แฟน ๆ ทั่วโลก Dapper Labs ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2018 เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่มีความกระตือรือร้นทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมในเกมได้ด้วยการทำให้พวกเขาอยู่ใกล้กับแบรนด์ที่ตนเองชื่นชอบมากขึ้น โดยมอบชุมชนที่คึกคักและน่าตื่นเต้นให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วม และขับเคลื่อนวิถีใหม่ ๆ ให้พวกเขาได้เป็นครีเอเตอร์เอง สตูดิโอที่เป็นพันธมิตรกับ Dapper Labs มีทั้ง NBA, NBPA, WNBA, WNBPA, Warner Music Group, Ubisoft, Genies และ UFC สำหรับนักลงทุนที่มีชื่อเสียงใน Dapper Labs ประกอบด้วย Andreessen Horowitz, Coatue, Union Square Ventures, Venrock, Google Ventures (GV), Samsung และผู้ก่อตั้ง Dreamworks, Reddit, Coinbase, Zynga, AngelList และอื่น ๆ อีกมากมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และพันธกิจของ Dapper Labs ได้ที่ dapperlabs.com

เกี่ยวกับ OneTeam Partners
OneTeam Partners ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 เป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง NFL Players Association (NFLPA), MLB Players Association (MLBPA) และ RedBird Capital Partners โดย OneTeam ช่วยนักกีฬาในการทำให้ชื่อ ภาพลักษณ์ และสิทธิในลักษณะที่เหมือน (likeness rights) ของพวกเขามีมูลค่าสูงสุด ด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬากับธุรกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ ลิขสิทธิ์ การตลาด คอนเทนต์ และการลงทุน OneTeam เป็นตัวแทนผลประโยชน์ทางธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่หลากหลายให้กับ NFLPA, MLBPA, Major League Soccer PA, U.S. Women's National Team PA, WNBPA และ U.S. Rugby PA

Xinhua Silk Road: Taoxichuan Ceramic Art Avenue of China's Jingdezhen sparkles at 5th NEXT Summit in Singapore



Taoxichuan Ceramic Art Avenue, a tourist spot and art landmark located in  Jingdezhen of east China's Jiangxi Province, is making a sparkling appearance at the ongoing Fifth NEXT Summit (Singapore 2021) on Wednesday.

Taoxichuan Ceramic Art Avenue, with an overall planning area of 2 square kilometers, has been constructed through refurbishing the ceramic industrial heritage such as former state-owned Yuzhou Porcelain Factory as today's core area, which integrates traditional craft, cultural industry and technology into the area's urbanization.

Taoxichuan has become an attractive place for young people to pursue their dreams, with over 18,000 young people gathering, 2,902 entities starting businesses and 1,049 small- and micro-sized enterprises registered here. 

It sees about 10 million yuan revenue on a daily basis through e-commerce livestreaming and employment of more than 100,000 people.

Jingdezhen, known as the porcelain capital of the world with an open and inclusive manner catering to free creation, is now connecting the world through gathering craftsmen and art design scholars in Taoxichuan to learn and communicate, said Gang Hao, vice general manager of Jingdezhen Towyi Culture Development Co. Ltd.

A large number of young visiting artists and designers settling here greatly inject vitality to this place, Gang added.

Since its opening in 2016, Taoxichuan has attracted nearly 200 international artisans and designers to hold lectures, academic reports and solo exhibitions in an attempt to promote cultural exchanges.

Taoxichuan accommodates Ceramic Industry Museum, Ceramic Art Avenue Art Gallery, Taoxichuan Ceramic Academy, Yi Creative Space and Taoxichuan Art Center, which are all reconstructed from historical sites. These have become samples for heritage transformation and cultural industry upgradation.

Taoxichuan has gained more than 80 awards of global, national and provincial levels such as 2017 UNESCO Asia-Pacific Heritage Protection Innovation Award and has been listed as a national cultural industry demonstration park by the Ministry of Culture and Tourism.

See the original link: https://en.imsilkroad.com/p/324107.html

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1639659/image1.jpg
Caption - Taoxichuan Ceramic Art Avenue in Jingdezhen, Jiangxi Province.

Fraunhofer ISE เผยผลการศึกษารอบที่สอง พบโมดูล Vertex 210 และระบบติดตามของทรินา ช่วยลด LCOE ได้ 6.0%

       หลังจากที่ Fraunhofer ISE ได้คำนวณโมดูล 210mm แบบมุมรับแสงคงที่ในการประเมินครั้งแรกไปแล้ว ทาง Fraunhofer ISE ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำระดับโลก ก็ยังได้ทำการประเมินและศึกษาค่า LCOE ของโรงไฟฟ้าภาคพื้น โดยศึกษาโมดูลกำลังสูงพิเศษรุ่นใหม่และระบบติดตามแบบ 1P การผนวกรวมระบบติดตาม 1P แบบแกนเดียวกับโมดูลแบบสองหน้านั้น ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ซึ่งช่วยลด LCOE ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในคราวเดียวกัน

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า โมดูลสองหน้า 210mm (G12) และ 182mm (M10) รุ่นใหม่ บวกกับระบบติดตาม 1P ทำผลงานได้ดีกว่าโมดูล 166mm (M6) ทั่วไป ทั้งในแง่ของ CAPEX และ LCOE

ผลการวิจัยยังพบว่า ในกลุ่มโมดูลสองหน้า G12 ในตระกูล Vertex ของทรินา โซลาร์แล้ว โมดูล 545W, 600W และ 660W ทำผลงานได้ดีกว่าโมดูลสองหน้า M10 ทั้งในแง่ของ CAPEX และ LCOE โดยค่า CAPEX ของโมดูลสองหน้า Vertex G12 660W นั้นต่ำกว่าของโมดูลสองหน้า M10 535W ถึง 1.9% และยังมีค่า LCOE ต่ำกว่าโมดูลตัวหลังอยู่ 1.9% ด้วย

ค่า LCOE ของโมดูลสองหน้า Vertex G12 660W ต่ำกว่าโมดูลสองหน้า M10 585W อยู่ 2.6% และต่ำกว่าของโมดูลสองหน้า M6 450W อยู่ 6.0% โดยเมื่อเทียบกับ M6 สำหรับโรงงานระบบแกนเดียวระดับ 50 MW ที่มีค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์เบื้องต้นประมาณ 25.5 ล้านยูโรแล้ว ระบบ G12 Vertex 660W แบบสองหน้า ช่วยประหยัดต้นทุนได้เกือบ 1.5 ล้านยูโร โมดูลในซีรีส์ขั้นสูงอย่าง Vertex 210mm มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าในแง่ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE)

(ดูรายงานรอบแรกของ Fraunhofer ISE ได้ที่ https://www.pv-tech.org/industry-updates/the-route-to-best-lcoe/)

สถานที่ประเมิน: สเปน

ประเภทโมดูล: โมดูลสองหน้า 450W รุ่น M6; โมดูลสองหน้า 535W รุ่น M10 และโมดูล 585W; โมดูลสองหน้า 545W, 600W และ 660W รุ่น G12

วิธีการติดตั้ง: ระบบติดตาม TrinaTracker 1P

อินเวอร์เตอร์: อินเวอร์เตอร์กลาง

ผลการเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่า โมดูลกำลังสูงพิเศษรุ่น G12 ในตระกูล Vertex ของทรินา โซลาร์ ช่วยลดค่า CAPEX, LCOE ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเข้ามากำหนดมาตรฐานใหม่ในการประหยัดต้นทุน รับรองรายได้ของโครงการ และเพิ่มประโยชน์ต่อลูกค้าถึงขีดสุด ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์คุ้มค่ามากขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินรอบที่สองของ Fraunhofer ISE ได้ที่

https://mgr.trinasolar.com/en-glb/resources/newsroom/mathe-way-best-lcoe-v

ดาวน์โหลด PPT ของ Fraunhofer ISE เพื่อดูผลการประเมินโมดูล Vertex ได้ที่

https://pages.trinasolar.com/glb-Frouhofer.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อตัวแทนขายของทรินา โซลาร์ ในพื้นที่ของท่าน หรืออีเมล VertexValue@Trinasolar.com

20 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายการแข่งขัน AppsUP 2021 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมลุ้นชิงรางวัลแอปขวัญใจมหาชน

 Huawei Mobile Services (HMS) เอเชียแปซิฟิก ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้ายในการแข่งขัน AppsUP 2021 ซึ่งเป็นการประกวดนวัตกรรมแอปมือถือระดับโลกประจำปีของหัวเว่ย และตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 10 ตุลาคมนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถชมและร่วมโหวตแอปที่ชื่นชอบได้ทางเว็บไซต์การประกวดอย่างเป็นทางการของ AppsUP (https://bit.ly/appsuponlinevoting-apac) โดยแอปที่มีผลโหวตมากที่สุดจะได้รับรางวัลแอปขวัญใจมหาชน "Most Popular App Award" ไปครอง ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลนี้จะเป็นทีมเดียวที่คว้าสองรางวัลไปครองในการแข่งขันปีนี้

AppsUP เป็นการแข่งขันพัฒนาแอปมือถือระดับโลกซึ่งหัวเว่ยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและดึงดูดนักพัฒนาเก่ง ๆ จากทั่วโลกให้มาร่วมสร้างสรรค์แอปที่ทันสมัยโดยใช้ขีดความสามารถของชุดเครื่องมือ HMS Core ทั้งนี้ เงินรางวัลรวม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐจะมอบให้แก่ผู้ชนะการประกวด AppsUP 2021 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้ง 10 สาขา อาทิ "Best App" และ "Best Game" รวมถึงรางวัลใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้อย่าง "Tech Women's Award", "Excellent Students Award" และอีกมากมาย

เมื่อเทียบกับปี 2020 การแข่งขัน AppsUP 2021 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ มีจำนวนทีมที่ลงทะเบียนเข้าประกวดเพิ่มขึ้นเกือบ 50% และมีแอปที่ส่งเข้าประกวดเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 12 ประเทศทั่วภูมิภาค โดยผลงานทั้งหมดได้ผ่านการตรวจสอบในระดับมืออาชีพ ทั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของหัวเว่ยและคณะกรรมการในวงการ เพื่อเฟ้นหา 20 ทีมสุดท้ายที่เข้ารอบ สำหรับการให้คะแนนแอปนั้นพิจารณาจากมูลค่าทางธุรกิจ การออกแบบและประสบการณ์ผู้ใช้ นวัตกรรม และคุณค่าทางสังคม

การโหวตออนไลน์เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะรางวัล "Most Popular App Award"

ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 10 ตุลาคมนี้ บุคคลทั่วไปสามารถร่วมตัดสินผู้ชนะรางวัล "Most Popular App Award" ในแต่ละภูมิภาคด้วยการโหวตออนไลน์ โดยผลงานของผู้เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้ายจะจัดแสดงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ AppsUP 2021 เพื่อเปิดให้โหวตลงคะแนน ซึ่งผู้ลงคะแนนแต่ละคนสามารถโหวตได้สูงสุด 10 ครั้งต่อวัน และโหวตได้สูงสุด 3 ครั้งต่อแอปต่อวัน

นอกจากนี้ ทั้ง 20 แอปที่เข้ารอบสุดท้ายยังเปิดให้ดาวน์โหลดและใช้งานผ่านทาง AppGallery ของหัวเว่ย ทั้งนี้ ผลโหวตและรายชื่อแอปที่ชนะทั้งหมดในแต่ละประเภทของการแข่งขัน AppsUP 2021 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะประกาศในเดือนตุลาคมนี้ 

สามารถดูและร่วมโหวตให้ 20 แอปที่เข้ารอบสุดท้ายการแข่งขัน AppsUP 2021 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ที่ https://bit.ly/appsuponlinevoting-apac


บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เพิ่มบริการที่เหนือชั้น เปิดตัว Amivoice ผู้ช่วย AI ตอบคำถามผ่านคอลเซ็นเตอร์

 โตเกียวมารีน กลุ่มประกันภัยระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือกับ Amivoice Thai (Amivoice) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Advanced Media ผู้นำด้านเทคโนโลยีจดจำเสียงในญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์สูงด้านการจดจำเสียงและเทคโนโลยี AI

บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย)  จะเป็นบริษัทประกันชีวิตแรกๆ ในกลุ่มโตเกียวมารีนที่เปิดตัวเทคโนโลยี Virtual Agent ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาโดย Amivoice นอกเหนือจากการเปิดตัวโปรแกรม"วางแผนทางการเงินด้วยตนเอง"  (Self Fact-Find Tool) ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ปรับกระบวนการทำงานต่างๆ ให้เป็นดิจิทัลสอดรับกับการใช้ชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อให้บริการที่ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ในประเทศไทย

ปัจจุบันการนำปัญญาประดิษฐ์ ("AI") เริ่มมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้นโตเกียวมารีนประกันชีวิตประเทศไทย จึงให้ความสำคัญสูงสุดในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น การใช้ เทคโนโลยี Virtual Agent จะช่วยจัดการปริมาณสายที่โทรเข้ามา ให้รับสายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับลูกค้าประกันกลุ่ม และลูกค้ารายบุคคลในอนาคต

"ด้วยการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง  ( Virtual Agent) มาใช้ในการช่วยรับสายแทนนั้น ผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถเพิ่มการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้นในแต่ละวัน ในขณะที่ยังคงปริมาณบุคลากรเท่าเดิม เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ และผมเชื่อว่าความร่วมมือนี้ที่จะเพิ่มประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า ของเรา "  มร.โตโยทาเกะ คูวาตะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าว

เทคโนโลยีเสมือนจริง Virtual Agent ของ AmiVoice ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ ช่วยให้บริษัทประกัน สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ แก่ลูกค้าจำนวนมากได้พร้อมๆ กัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องจำตัวเลือกเมนูการโทร หรือกดหมายเลข เพื่อดำเนินการต่อ แต่เพียงแจ้งเรื่องที่ต้องการทราบ ผ่านคำสั่งเสียงไประบบเท่านั้น ลูกค้าโตเกียวมารีนประกันชีวิต สามารถใช้ เทคโนโลยี Virtual Agent เพื่อสอบถามข้อมูลได้ เช่นเดียวกันกับการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์

มร. ยาสุมาสะ ซูซูกิ กรรมการบริหารด้านธุรกิจต่างประเทศ Advanced Media และกรรมการผู้จัดการของ AmiVoice  Thai กล่าวเสริมว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นเทคโนโลยีของเรา ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานของโตเกียวมารีนในประเทศไทย การให้บริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าหลายรายพร้อมกัน จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมาก และผมคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย"

"การทำงานร่วมกันของเรากับ Amivoice เป็นตัวอย่างล่าสุดที่เราทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่มีแนวคิดสอดคล้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา สิ่งนี้ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มโตเกียวมารีนในการทำสิ่งที่ดีและส่งมอบคำมั่นสัญญาที่มีต่อลูกค้าของเรา" มร. โนโบรุ ยามากาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภาคพื้นเอเชียกล่าว

เกี่ยวกับกลุ่มโตเกียวมารีน

โตเกียวมารีน ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2422 โดยเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ขยายธุรกิจในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย และประกันชีวิต ตอบสนองทุกความต้องการด้านการประกันภัยครอบคลุม 46 ประเทศทั่วโลก

Tokio Marine enhances call center capability with AmiVoice Thai's Virtual Agent solution

 Tokio Marine Life Insurance (Thailand) PCL. ("TMLTH") announced their partnership with AmiVoice Thai ("AmiVoice"), which is a subsidiary of Advanced Media in Japan with extensive experience in Speech Recognition and AI technology.

TMLTH will be the first life insurance company in Thailand to launch Virtual Agent solution by AmiVoice. This is in addition to TMLTH's launch of the digital solution "Self Fact-Find Tool" in June 2021, as they continue to ramp up digitalization of their business processes to provide better and more efficient services to their policyholders in Thailand.

With the ever-growing presence of artificial intelligence ("AI") in various businesses and industries, it has been TMLTH's top priority to implement AI technology to improve customer experience. The Virtual Agent solution will enhance the existing call volume handling capability for its group insurance business and individual life customers in the future.

Mr. Toyotake Kuwata, CEO of TMLTH commented: "With the implementation of Virtual Agent, I believe that we will be able to service more customers each day while maintaining our current operations size. The intuitive and advanced solution would also improve our quality of services to our customers and I am very much looking forward to what this collaboration will bring to our company and especially to our customers."

The AmiVoice's Virtual Agent, utilizing AI technology which has been developed exclusively for call centers, enables the insurer to provide quality services to many customers simultaneously, whilst improving customer experience. A customer does not have to remember the call menu options nor press a number to proceed, but simply provide their request via voice command to be routed accordingly. TMLTH's customers will be able to utilize Virtual Agent to make inquiries, the same way they would when talking to a call center agent.

Mr. Yasumasa Suzuki, Executive Director in charge of Overseas Business of Advanced Media and Managing Director of AmiVoice Thai, added: "We are delighted to see our solution become a key part of Tokio Marine's life operations in Thailand. Providing quality services to multiple customers at the same time will drastically improve customer experience and we expect that it would be well received by their Thai customers."

"Our collaboration with AmiVoice is the latest example of how we are constantly working with like-minded technology partners to create better products and services for our consumers. This also aligns with our group's vision of doing good and delivering on our commitments to our customers," said Mr. Noboru Yamagata, Regional CEO of Tokio Marine Asia.

About Tokio Marine Group

Tokio Marine was established in the year 1879 as the first insurance company in Japan and has grown over the decades, now offering an extensive selection of General and Life insurance products and solutions in 46 countries and regions worldwide.


Xinhua Silk Road: แหล่งศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาเถาซีฉวนในเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น ดึงดูดความสนใจในงาน NEXT Summit ครั้งที่ 5 ที่สิงคโปร์

       แหล่งศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาเถาซีฉวน (Taoxichuan Ceramic Art Avenue) สถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์กด้านศิลปะในเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มณฑลเจียงซี ทางภาคตะวันออกของจีน ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าร่วมงาน NEXT Summit ครั้งที่ 5 ประจำปี 2564 ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

แหล่งศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาเถาซีฉวนตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ตารางกิโลเมตร โดยเกิดจากการปรับปรุงพื้นที่อุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา เช่น อดีตโรงงานเครื่องเคลือบดินเผาอวี้โจวของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในปัจจุบัน โดยมีการบูรณาการงานฝีมือโบราณ อุตสาหกรรมวัฒนธรรม และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเมืองใหม่แห่งนี้

เถาซีฉวนกลายเป็นสถานที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้ทำตามความฝัน โดยมีคนรุ่นใหม่กว่า 18,000 คนมารวมตัวกัน บริษัท 2,902 แห่งมาเริ่มสร้างธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม 1,049 แห่งได้จดทะเบียนที่นี่

เถาซีฉวนสร้างรายได้จากการไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์วันละ 10 ล้านหยวน และจ้างงานมากกว่า 100,000 ตำแหน่ง

กัง เหา รองผู้จัดการทั่วไปของ Jingdezhen Towyi Culture Development Co. Ltd. กล่าวว่า จิ่งเต๋อเจิ้น เมืองหลวงเครื่องเคลือบดินเผาของโลก ซึ่งเปิดกว้างและให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่มเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์อย่างอิสระ กำลังเชื่อมโยงทั่วโลกผ่านการดึงดูดช่างฝีมือและนักออกแบบศิลปะในเถาซีฉวนให้มาเรียนรู้และสื่อสารกัน

คุณกังกล่าวเสริมว่า นักออกแบบและศิลปินรุ่นใหม่จำนวนมากได้มาลงหลักปักฐานที่นี่ ซึ่งช่วยสร้างความคึกคักให้กับสถานที่แห่งนี้อย่างมาก

นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2559 เถาซีฉวนดึงดูดนักออกแบบและช่างฝีมือชาวต่างชาติเกือบ 200 คนให้มาจัดการบรรยาย รายงานข้อมูลทางวิชาการ และจัดนิทรรศการเดี่ยว เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

เถาซีฉวนมีสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องเคลือบดินเผา ได้แก่ Ceramic Industry Museum, Ceramic Art Avenue Art Gallery, Taoxichuan Ceramic Academy, Yi Creative Space และ Taoxichuan Art Center ซึ่งล้วนสร้างขึ้นจากสถานที่ในประวัติศาสตร์ นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการพลิกโฉมมรดกตกทอดและปรับปรุงอุตสาหกรรมวัฒนธรรม

เถาซีฉวนกวาดรางวัลมาแล้วมากกว่า 80 รางวัลทั้งในระดับโลก ระดับชาติ และระดับมณฑล เช่น รางวัล UNESCO Asia-Pacific Heritage Protection Innovation Award ประจำปี 2560 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นนิคมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสาธิตแห่งชาติโดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

ลิงก์ข่าวต้นฉบับ: https://en.imsilkroad.com/p/324107.html

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1639659/image1.jpg
คำบรรยายภาพ: แหล่งศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาเถาซีฉวนในเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มณฑลเจียงซี

Fraunhofer ISE study II : Vertex 210 modules + Trina Trackers leads to 6.0% of reduction in LCOE

 Following the calculation of 210mm modules with fixed tilts in Fraunhofer ISE study I, Fraunhofer ISE, the world leading solar energy research institute, has also evaluated and studied the LCOE of ground power plants, with the combination of the new generation of ultra-high power Module and 1P tracker. The combination of single-axis 1P tracking system and bifacial modules delivers more power generation, thereby significantly reducing the LCOE and improving the return on investment.

The research results show that , the new generation of 210mm (G12) and 182mm (M10) bifacial modules + 1P tracker perform better than the conventional 166mm (M6) modules in both CAPEX and LCOE.

It is also found that among the G12 bifacial modules represented by Trina Solar's Vertex series, the 545W, 600W and 660W modules are superior to the M10 bifacial modules in both CAPEX and LCOE. The CAPEX of the Vertex G12 660W bifacial modules is 1.9% lower than that of the M10 535W bifacial modules, and the LCOE is 1.9% lower than the latter.

The LCOE of the Vertex G12 660W bifacial modules is 2.6% lower than that of the M10 585W bifacial modules and 6.0% lower than that of the M6 450W bifacial modules. Compared to M6, for a 50 MW single-axis system plant with an initial investment CAPEX of about EUR25.5 million, the bifacial G12 Vertex 660W system saves nearly 1.5 million Euros. The advanced Vertex 210mm series of modules have a prominent edge in Levelized Cost of Energy (LCOE).

(Click to check Fraunhofer ISE study I: https://www.pv-tech.org/industry-updates/the-route-to-best-lcoe/)

Assessment site: Spain

Module types: M6 bifacial 450W modules; M10 bifacial 535W modules and 585W modules; G12 bifacial 545W, 600W and 660W modules

Method of installation: TrinaTracker 1P trackers

Inverter: Central inverter

The comparisons show that the G12 series of ultra-high power modules represented by Trina Solar's Vertex can significantly reduce CAPEX, LCOE in particular. It sets a new cost-saving standard, ultimately ensure the project's earnings and maximize customer value, making PV solar energy more cost competitive.

For more info about Fraunhofer ISE study II please check link:

https://mgr.trinasolar.com/en-glb/resources/newsroom/mathe-way-best-lcoe-v

Click to download Fraunhofer ISE's PPTs on the tests of the Vertex modules:

https://pages.trinasolar.com/glb-Frouhofer.html

For more information, please contact Trina Solar's local sales representatives, or Mailto: VertexValue@Trinasolar.com

"iClick" ใช้โซลูชัน iSmartGo สนับสนุนอีคอมเมิร์ซไทย "เทวศาลา" สร้างร้านค้าปลีกออนไลน์ในจีนผ่านแอป WeChat

iClick Interactive Asia Group Limited ("iClick" หรือ "บริษัท") (NASDAQ: ICLK) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรและการตลาดชั้นนำในจีนที่ส่งเสริมแบรนด์ทั่วโลกด้วยโซลูชันวงจรผู้บริโภคแบบครบครัน มีความยินดีในการประกาศว่า โซลูชันการค้าปลีกอัจฉริยะข้ามพรมแดน iSmartGo ของ iClick ได้ช่วยเทวศาลา (Tawasala) ซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพสูง สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์แฟชัน และขนมขบเคี้ยวของไทย ให้เจาะตลาดขนาดใหญ่ของจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทวศาลา ซึ่งร่วมก่อตั้งโดยเต๊ะ ศตวรรษ นักแสดงชื่อดังชาวไทย มีเป้าหมายที่จะเจาะตลาดค้าปลีกในจีนและขยายการดำเนินงานในจีนหลังจากที่สินค้าไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน และในการบรรลุเป้าหมายนี้ iClick ได้ใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันการทำงานขั้นสูงของ iSmartGo เพื่อช่วยเทวศาลาสร้างร้านค้าออนไลน์ในจีนเป็นครั้งแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาโดเมนส่วนตัวนับตั้งแต่เริ่มต้น ผ่านแนวทางเหล่านี้

  • ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม SaaS แบบครบวงจรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ iSmartGo เพื่อสร้างร้านบน WeChat Mini Program สำหรับเทวศาลาด้วยวิดเจ็ตแบบแดรกแอนด์ดร็อป (drag-and-drop) และเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ 
  • จัดหาโซลูชันการชำระเงินและการขนส่งข้ามพรมแดนแบบครบวงจร ทำให้เทวศาลาสามารถสร้างการเชื่อมต่อธุรกรรมระหว่างคลังสินค้าในไทยกับผู้บริโภคในจีนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว 
  • ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลอันทรงพลังของ iClick เพื่อช่วยวิเคราะห์ทราฟฟิกและพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและกำหนดการตัดสินใจการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคอย่างชาญฉลาด

นอกเหนือจาก iSmartGo แล้ว โซลูชันการตลาดของ iClick ยังช่วยให้เทวศาลาเปิดตัวแคมเปญโฆษณาอัจฉริยะมากมาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและนำทราฟฟิกไปยังร้านมินิโปรแกรมของเทวศาลาที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ โดยแคมเปญดังกล่าวใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ iClick และความสามารถด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการขยายธุรกิจของเทวศาลาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

"เทวศาลาให้ความสำคัญกับการแสวงหาวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้าไทยในจีน" ดร.บัวขาว สมบัติแสงอุไร ผู้ก่อตั้งเทวศาลา กล่าว "เราเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับ iClick จากผลงานที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในการนำเสนอโซลูชันการค้าปลีกให้กับธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดจีนมากขึ้น โซลูชันการค้าปลีกอัจฉริยะข้ามพรมแดนที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีของ iClick เป็นทางเลือกที่ชัดเจนสำหรับเราในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคชาวจีนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมแก้ปัญหาการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการขนส่งและการประมวลผลการชำระเงิน"

"ระบบนิเวศบนแอป WeChat เป็นตัวเลือกแรกของเทวศาลาในการเข้าสู่ตลาดจีน เนื่องจากมีทราฟฟิกโดเมนส่วนตัวในจีนจำนวนมหาศาล" คุณถังเจี้ยน "ทีเจ" ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง iClick กล่าว "การดำเนินงานของเราสำหรับเทวศาลาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงโซลูชันองค์กรและการตลาดแบบบูรณาการของ iClick ที่สร้างมูลค่าด้วยการเพิ่มทราฟฟิกใหม่และส่งเสริมความภักดีของลูกค้าที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าของวงจรผู้บริโภคอย่างเหมาะสม เราเห็นความต้องการโซลูชันอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศที่ประสบภาวะการเดินทางขาเข้าจากจีนลดลง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดทั่วโลก เรารอคอยที่จะคว้าศักยภาพทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากโอกาสนี้และสร้างความสำเร็จอีกครั้ง ในขณะที่กำลังเร่งการเติบโตของรายได้จากโซลูชันองค์กร เราพึงพอใจกับการร่วมงานกับลูกค้าบริษัทนานาชาติที่มีความก้าวหน้าขึ้นจนถึงปัจจุบัน และมั่นใจที่จะเร่งความร่วมมือกับแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำโดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ด้านลูกค้านานาชาติที่แข็งแกร่งของเรา"

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iSmartGo สามารถดูได้ที่  https://ismartgo.i-click.com/ หรือติดต่อ e.solution@i-click.com

เกี่ยวกับ  iClick Interactive Asia Group Limited

iClick Interactive Asia Group Limited (NASDAQ: ICLK) ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดยเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรและการตลาดชั้นนำในประเทศจีน ภารกิจของ iClick คือการเสริมพลังให้กับแบรนด์ทั่วโลกเพื่อปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดมหาศาลของการค้าปลีกอัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ชั้นนำ ชุดโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบของ iClick จึงช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญตลอดวงจรชีวิตผู้บริโภคทั้งหมด สำนักงานใหญ่ของ iClick ตั้งอยู่ในฮ่องกง โดยปัจจุบัน iClick ดำเนินการใน 11 ประเทศทั่วเอเชียและยุโรป ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ir.i-click.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์อนาคต ซึ่งรวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ผลการดำเนินงาน และผลประกอบการทางการเงินของบริษัท ข้อความเหล่านี้มีลักษณะเป็น "การคาดการณ์อนาคต" ตามความหมายของมาตรา 21E แห่งกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ปี 2477 และกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 ของสหรัฐอเมริกา ข้อความคาดการณ์อนาคตสามารถบ่งชี้ได้ด้วยคำว่า "จะ" "คาดว่า" "คาดการณ์" "อนาคต" "ตั้งเป้า" "วางแผน" "เชื่อว่า" "ประมาณการ" "เชื่อมั่น" และคำที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน ข้อความคาดการณ์อนาคตอ้างอิงจากการคาดการณ์ของผู้บริหาร ณ ปัจจุบัน รวมถึงสภาพตลาดและการดำเนินงาน ณ ปัจจุบัน และมีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ ทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งทั้งหมดยากที่จะคาดเดาและอาจอยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความคาดการณ์อนาคตมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความผันผวนของอัตราการเติบโตของบริษัท, ความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์การค้าปลีกผ่านมือถือและรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงการขยายโซลูชันนอกเหนือจากธุรกิจการตลาดออนไลน์, ความสำเร็จในการสร้างแพลตฟอร์ม CRM & Marketing Cloud, อัตราร้อยละของยอดค่าบริการรวมที่นับว่าเป็นรายได้ตามโมเดลยอดรวมและยอดสุทธิ, ความสามารถในการรักษาลูกค้าเดิมหรือดึงดูดลูกค้าใหม่, ความสามารถในการรักษาช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์และการเจรจาเงื่อนไขสัญญาที่เอื้อต่อบริษัท, การแข่งขันในตลาด ซึ่งรวมถึงการแข่งขันกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการตลาดออนไลน์อิสระและกับบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่, การยอมรับโซลูชันเทคโนโลยีการตลาดออนไลน์และโซลูชันองค์กร, การฟ้องร้องและการเผยแพร่ข่าวเชิงลบเกี่ยวกับบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ ประสิทธิภาพของอัลกอริทึมและดาต้าเอ็นจินของบริษัท, ความสามารถในการรวบรวมและใช้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ, ความสามารถในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในปัจจุบันและอนาคตเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลหรือความปลอดภัยของข้อมูล ความสามารถและการบรรลุผลสำเร็จจากการควบรวมกิจการ การลงทุน หรือการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์, ระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการอุบัติขึ้นของไวรัสกลายพันธุ์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจและผลลัพธ์ทางการเงินของบริษัท, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปในจีนและดินแดนอื่นที่บริษัทดำเนินงาน รวมถึงกฎข้อบังคับในจีนและดินแดนอื่นที่บริษัทดำเนินงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้ถูกรวบรวมไว้ในรายงานประจำปี Form 20-F ของบริษัท รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ข้อมูลทั้งหมดในข่าวประชาสัมพันธ์นี้และในเอกสารแนบเป็นข้อมูล ณ วันที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ และบริษัทไม่มีพันธะผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์อนาคต เว้นแต่เป็นไปตามบังคับของกฎหมาย

นักลงทุนและสื่อมวลชนติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :

ในจีน :ในไทย :
iClick Interactive Asia Group LimitedvClick Technology Limited
Lisa LiChompoonuch Atipornpanich
โทร: +86-21-3230-3931 #866โทร: 092 289 6264
อีเมล: ir@i-click.comอีเมล: dolly@v-click.co.th

เมืองจูไห่เปิดตัวนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 13 ตอกย้ำความเปิดกว้างที่มากขึ้นของเมือง

นิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีนครั้งที่ 13 หรือ AirShow China ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ณ เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ในปีนี้ มีบริษัทราว 700 แห่งจากเกือบ 40 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วม และมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี บริการ และความสำเร็จใหม่ ๆ มากมาย รวมไว้ซึ่งผลงานระดับสูงของโลกเป็นครั้งแรกในประเทศจีนและเป็นครั้งแรกในโลก ตามการรายงานของคณะกรรมการบริหารของนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีนครั้งที่ 13

อุตสาหกรรมการบินพลเรือน เทคโนโลยีแบบใช้สองทาง สิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตด้านการบิน MRO ระบบไร้คนขับ การป้องกันทางทะเล และผลงานในหัวข้อด้านอื่น ๆ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านพื้นดิน ทะเล อากาศ อวกาศ และไฟฟ้า จะนำมาจัดแสดงในงานนี้ พร้อมด้วยการแสดงทางอากาศสุดตระการตาและชุดอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย ทั้งหมดล้วนตอกย้ำถึงความมั่นใจและการเปิดกว้างของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีน

ขนาดที่เพิ่มขึ้นและอิทธิพลของงานในระดับนานาชาติทำให้ Airshow China เป็นโอกาสสำคัญสำหรับองค์กรในการเข้าสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกและจีน ผู้จัดงานระบุว่า ผู้จัดแสดงสินค้าและพื้นที่จัดแสดงในปีนี้มีจำนวนเกินความคาดหมาย โดยมีลานจัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 8 เป็น 11 แห่ง และมีองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งหมดในอุตสาหกรรมเข้าร่วมจัดแสดง พื้นที่จัดแสดงของ Boeing เพิ่มขึ้น 11% และ Airbus เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

องค์กรชั้นนำเหล่านี้เปรียบเสมือน "ตัวชี้ทิศทางกระแสลม" ของแนวโน้มในตลาด และผู้ประกอบการด้านการบินเหล่านี้ก็เลือกที่จะมาที่เมืองจูไห่ ที่ซึ่งมีการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาธุรกิจของตน และทำให้เมืองนี้กลายเป็น "ดาวดวงใหม่" แห่งอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ

นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา บริษัทผลิตเครื่องยนต์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีอย่าง MTU Aero Engines และบริษัท China Southern Airlines ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้านการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ในเขตการค้าเสรีจูไห่ ในปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ได้เสร็จสิ้นการดำเนินการขยายธุรกิจระยะที่ 3 และได้จัดตั้งโรงงานสาขาในเขตจินหว่าน

Jaap Beijer ประธานและประธานบริหารบริษัท MTU Maintenance Zhuhai เปิดเผยว่า การตัดสินใจลงทุนในโรงงานแห่งใหม่นี้เกิดจากความเชื่อมั่นของบริษัทในการฟื้นตัวและการพัฒนาของตลาดเอเชีย และความต้องการบริการเครื่องยนต์ลำตัวแคบที่เพิ่มขึ้น

เขากล่าวว่า "เราดีใจที่มีพันธมิตรและลูกค้าเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้เรามีโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้พบปะกับผู้คนจำนวนมากในช่วงเวลาอันสั้น"

ด้วยความคาดหวังที่ยอดเยี่ยมของตลาดและการมองการณ์ไกลของเมือง อุตสาหกรรมการบินในสาขาต่าง ๆ เช่น UAV ทางการเกษตร วัสดุใหม่ทางการบิน บริการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ การฝึกอบรม และประสบการณ์การวิจัยด้านการบิน กำลังพัฒนาได้อย่างยอดเยี่ยมในเมืองจูไห่ โดยจากข้อมูลพบว่า มูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมการบินในเขตจินหว่านเพียงแห่งเดียวได้ขยับเพิ่มขึ้นกว่า 58.6% ในปี 2563 และอุตสาหกรรมการบินในจูไห่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การเติบโตของอุตสาหกรรมสะท้อนให้เห็นถึงระดับการเปิดกว้างของเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรก ๆ ของจีน จูไห่เป็นผู้นำด้านการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและความร่วมมือในการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ชื่อเสียงของงาน Airshow China ที่กำลังแพร่กระจายออกไปล้วนมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับทัศนคติที่เปิดกว้างของเมืองจูไห่

ปัจจุบัน รัฐบาลจีนกำลังส่งเสริมการก่อสร้างเขตความร่วมมือเชิงลึกกว่างตง-มาเก๊า ในเขตเหิงฉิน เมืองจูไห่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสำรวจเส้นทางและรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อการปฏิรูปที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเปิดกว้างพื้นที่อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า รวมถึงแม้กระทั่งประเทศจีน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเมืองจูไห่จะนำมาซึ่งโอกาสในการเปิดกว้างรอบใหม่ และจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่อุตสาหกรรมการบินเท่านั้น เมืองที่เปิดกว้างและมีประสิทธิภาพกว่าที่เคยเป็น ตำแหน่งที่สอดรับกับมาตรฐานด้านการลงทุนระดับโลกระดับสากลกำลังถือกำเนิดขึ้น ที่มา: คณะกรรมการบริหารงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 13


Top 20 App Finalists of the Huawei AppsUP 2021 APAC Contest Vie for the 'Most Popular App Award'

Huawei Mobile Services (HMS) Asia Pacific today revealed the Top 20 finalists for its Huawei HMS App Innovation Contest, AppsUP 2021. From 29 September to 10 October 2021, the public can view and cast votes for their favourite entries at the AppsUP official contest website (https://bit.ly/appsuponlinevoting-apac). The app with the highest number of votes will clinch the 'Most Popular App Award', making it the only team to bag home two awards from the contest this year.

AppsUP is the global mobile app development contest held annually by Huawei, aiming to inspire and attract talented developers across the world to create innovative apps by leveraging HMS Core open capabilities. A total of USD200,000 worth of cash prizes will be offered to AppsUP 2021 APAC winners across 10 different categories such as "Best App", "Best Game", including newly introduced awards this year like "Tech Women's Award", "Excellent Students Award" and more.

As compared to 2020, this year's AppsUP 2021 APAC contest saw close to 50% more team registrations and almost two times the number of app submissions from 12 countries across the region. All the entries had gone through a professional review, by both Huawei technical experts and a panel of industry judges, in order to determine the final 20 teams. These apps were scored based on their business value, design and user experience, innovation, and social impact value.

Online voting to select the 'Most Popular App Award' winner

From 29 September to 10 October 2021, all members of the public can play a part to decide the winner of the 'Most Popular App Award' for each region by voting online. The works of the top 20 app finalists will be showcased on the AppsUP 2021 official website, where the voting will also take place. Each voter can vote up to ten times daily, with a maximum of three votes for each app per day.

In addition, these top 20 apps are also available on HUAWEI AppGallery for users to download and use. The voting results and the full winning list of apps in their qualifying categories from AppsUP 2021 APAC will be announced in October 2021.

To view and cast your votes for the AppsUP 2021 APAC top 20 finalists, visit https://bit.ly/appsuponlinevoting-apac.

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1638664/AppsUP_2021_APAC_Top_20.jpg
Caption: Huawei Mobile Services revealed the Top 20 finalists of its AppsUP 2021, Huawei HMS App Innovation Contest. From 29 September to 10 October 2021, all members of the public can play a part to decide the winner of the 'Most Popular App Award' by voting online at the contest official website (https://bit.ly/appsuponlinevoting-apac)



Source: PRNewswire/InfoQuest

Southeast Asian Intelligent Logistics Tech Corp Zeek Completes New Round of Funding

Steering Businesses through the Quick Commerce Era

#ZeekHK #ZeekQuickCommerce #ZeekSolutions

Southeast Asian Intelligent Logistics Tech Corp Zeek has raised US$7 million in a new round of funding, after the company acquired a Pre-A series funding of US$10 million last year. The latest funding in the second quarter of the year was backed by existing investors, joined by new investors including Far East Consortium International Limited (HKSE: 0035), iClick Interactive Asia Group Limited (NASDAQ:ICLK), and Malaysian Property Group Pacificland (Land Pacific Development), among others. With a total funding of US$25 million Zeek has raised, the company's valuation has more than doubled since last year. The new funding will be used for product enhancement, Southeast Asian markets expansion, and speeding up the partnership with clients in their evolution to the Quick Commerce (Q-commerce) era, an emerging market worth more than US$26 billion.

Established in Hong Kong in 2017, Zeek combines technology, big data and professional operational experiences in developing logistics solutions ranging from Quick Commerce logistics, food & beverage delivery, lifestyle services delivery to SaaS solutions - ZeekSolutions. Its wide-ranging services cater to the diverse needs of corporates, guiding them through digital transformation swiftly and seamlessly. Zeek has gained trust and confidence from clients, reflected in its five-fold increase in the no. of clients YoY. The latest funding from iClick, a leading enterprise and marketing cloud platform in China, will create synergy with ZeekSolutions, empowering clients to generate online traffic, conduct customer profiling and enhance product-customer targeting, thus maximizing sales efficiency and market competitiveness.

"Stay-at-home economy and e-payment has spurred the demand for instant delivery services and is leading e-commerce into its third generation of Quick Commerce," said KK Chiu, Zeek's Co-founder and CEO. "Zeek has come prepared, in our service products, experiences and delivery capacity, for the Quick Commerce era and the logistics demand arisen. Recently we've launched marketing campaign, targeting corporate clients, delivery partners as well as end-customers, and received enquiries regarding Quick Commerce transformation and how to get ahead in the market. This round of funding will be used to assist our clients from planning business, defining operating model to execution. Our ultimate goals are to help them to improve profitability and build a sustainable business."

Zeek's one-stop intelligent logistics solutions and outstanding business performance have attracted new investors including Far East Consortium International Limited, who shares Zeek's forward looking vision, enabling the company to expand their portfolio in Hong Kong and Southeast Asia. Zeek has successfully landed its business model to Vietnam, Thailand, Singapore and Malaysia via strategic partnerships. An exemplary example is its partnership with Golden Resources Development International Limited on the digital transformation of its Circle K Vietnam. The business shows a remarkable growth and will soon extend from Ho Chi Minh City to Hanoi, Vietnam's second largest city. The partnership with one of the largest F&B conglomerates in Thailand, has proven to be successful in Pattaya with significant improvement in order acceptance rate, completion rate, and delivery time. With the success, the service will extend to 71 provinces across Thailand within the year involving 1,500 outlets and over 5,000 delivery couriers. In Malaysia, Zeek has entered business agreement and piloted with one of the biggest and most popular pizza chains. Service will expand to its business network in Kuala Lumpur within Q4 this year.

Vincent Fan, Zeek's Co-founder and CSO adds: "With its intelligent logistics foundation, Zeek's technology innovation successfully broaden the services to a wide spectrum of new retail models and scenarios. Our one-stop solution - ZeekSolutions - enables clients to transform digitally, connecting end-to-end customers, orders and logistics. The past few years have seen a great leap in the advancement of big data analytics, data collection and consolidation. Zeek's third-generation services are constructed to befit Quick Commerce and new retail-related digital transformation advisory, empowering companies with data-driven strategies."

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1637028/Zeek.jpg
Caption: Please translate caption: Zeek Co-founders (From Left): Vincent Fan, CSO; KK Chiu, CEO and Cliff Tse, CTO



Source: PRNewswire/InfoQuest

LOTTE HOTEL accredited with 'GBAC STAR(TM)' by ISSA

      Ultimate destination for trips to Korea: LOTTE HOTEL safe and clean as a hospital.

LOTTE HOTEL, the first Korean hotel brand to achieve GBAC STAR(TM) for all its 5-star hotels
Equipped with strict hygiene systems to prevent diseases spreading

The catchword for V-nomics of the post pandemic era is "safety". Global chain hotels have introduced services befitting the new normal by establishing hygiene systems and preventive measures, and by offering tactless services. According to a survey conducted by Expedia Group in July earlier this year, travelers prioritized hygiene conditions, preventive measures and tactless services when planning their trips. Whilst the expectation for safety standards continues to grow higher, Global Biorisk Advisory Council (GBAC) STAR(TM) certification achieved by LOTTE HOTEL, the largest hotel group in Korea, draws attention.

In December 2020, SIGNIEL SEOUL/BUSANLOTTE HOTEL SEOUL/WORLD/JEJU /ULSAN have achieved the GBAC STAR(TM) certification from International Sanitary Supply Association (ISSA). The first accreditation was given to SIGNIEL SEOUL in November 2020, followed by all five-star LOTTE HOTELS in Korea's international acknowledgement.

ISSA is the most reputable worldwide association for hygiene industry located in Northbrook, Illinois, U.S.A. GBAC STAR(TM) is the accreditation for hotels, restaurants and other public facilities that strictly abide by hygiene regulations and have preventive systems. Facilities are systematically evaluated based on 20 strict global standards concerned with cleaning, disinfection and preventive programsThe evaluation is conducted by the Global Biorisk Advisory Council comprised of experts in biorisk field.

"The GBAC STAR(TM) certification is a global accreditation for disinfection system within a facility," said a LOTTE HOTEL spokesperson. "A facility accredited with this certification constantly cleans and disinfects to the degree that of a hospital." Like this, LOTTE HOTEL has fortified disinfection and hygiene management to ensure guests' safety against virus and contamination. In August 2020, ISSA experts gave consultation by checking on cleaning, disinfection and preventive standards through hotel inspection.

In general, hotels regularly disinfect those that are in frequent reach such as door handles, remote controllers and faucets when housekeeping. In addition to regular cleaning, LOTTE HOTEL disinfects all surfaces that come in contact with people, including tables and floors, using disinfectants for COVID-19 recommended by the American EPA (Environmental Protection Agency), thus preventing cross infection. The cleanliness of all contact surfaces is strictly controlled with regular ATP tests that measure microorganism.

David H.S. Kim, the CEO of LOTTE HOTEL said, "since achieving the internationally accredited Food Safety Management System (ISO22000) certification for the first time for a Korean hotel brand in 2015, LOTTE HOTEL has been strictly managing safety and hygiene abiding by global standards. Based on our brilliant performances and know-how accumulated over the past forty years, LOTTE HOTEL will continue to propose new prospect in hotel services in the post pandemic era."

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1637487/LOTTE_HOTEL_accredited_with_GBAC_STAR__2109.jpg
Caption - LOTTE HOTEL accredited with GBAC STAR by ISSA