Friday, October 30, 2015

เครื่องโลหะนัมบุ เครื่องเขิน ต้นเชอร์รี่แห่งโคอิวาอิ และอื่นๆอีกมากมาย

พร้อมเผยมนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลของจังหวัดอิวาเตะในภูมิภาคโทโฮคุผ่านภาพยนตร์ออนไลน์แบบม้วนเดียวจบ
          สำนักงานจังหวัดอิวาเตะได้เปิดตัว "Cafe IHATOV - A Tale about IWATE," ภาพยนตร์ออนไลน์ที่นำแสดงโดย อายุมิ อิโตะ ผ่านทางเว็บไซต์ของโครงการเพื่อเผยแพร่มนต์เสน่ห์ของจังหวัดอิวาเตะสู่สายตาทั่วโลก ภาพยนตร์ดังกล่าวได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัดอิวาเตะ ตามแผนส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าพิเศษของจังหวัดอิวาเตะ
          ภาพยนตร์ออนไลน์ "Cafe IHATOV - A Tale about IWATE":
          สำหรับประเทศจีน: http://www.tudou.com/programs/view/h-taBw2hWoA/
          สำหรับประเทศอื่นๆ: https://www.youtube.com/watch?v=0mgULJkqehw
          เรื่องราวอันแสนอบอุ่นระหว่างคุณพ่อและลูกสาว ถ่ายทำที่จังหวัดอิวาเตะและนำแสดงโดย อายุมิ อิโตะ:
          (รูปภาพ: http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103461/201510194699/_prw_OI1fl_bx84Nor4.jpg)
          เรื่องย่อและความเป็นมาของภาพยนตร์
          "Cafe IHATOV - A Tale about IWATE" เป็นภาพยนตร์ออนไลน์ที่บอกเล่าถึงชีวิตชวนซึ้งของคุณพ่อและลูกสาวคู่หนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองโมริโอกะ เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งผสานกลิ่นอายของเมืองอันทันสมัยและธรรมชาติได้อย่างลงตัว ใจกลางเมืองนี้เป็นที่ตั้งของย่านนาตายะ ที่ยังคงปรากฎให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเมืองซึ่งแต่ก่อนนั้นเป็นเมืองปราสาทยุคกลาง ในภาพยนตร์นี้ ยูกะ ตัวเอกของเรื่อง ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของเธอเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี เธอได้ห่างเหินกับมาซาชิ ผู้เป็นพ่อมาเป็นเวลานาน โดยมาซาชินั้นเป็นช่างทำเครื่องเขินซึ่งได้สืบทอดมรดกงานฝีมือนี้มาเป็นเวลาหลายรุ่น
          มาซาชิได้พูดโกหกอย่างที่ยูกะไม่สามารถให้อภัยได้ จนทำให้ยูกะต้องย้ายไปอยู่กรุงโตเกียวเพื่อค้นหาสถานที่ที่เธอรู้สึกว่ามีตัวตน ยูกะได้ใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับงาน เธอทุ่มเทเวลาให้กับงานที่มีอยู่ตรงหน้า เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มค้นพบสิ่งที่เธอต้องการกำจัดให้พ้นไปจากชีวิต ความฝันของเธอแทบจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่แล้วเธอก็ได้รับข้อความที่เธอไม่ได้คาดคิด พ่อของเธอได้ป่วยหนัก
          ย้อนกลับมาที่จังหวัดอิวาเตะ ซึ่งยูกะได้เกิดและเติบโต เธอได้เดินผ่านผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้สัมผัสถึงอาหารแบบปรุงเองภายในครอบครัวสไตล์ชาวอิวาเตะที่ส่งกลิ่นลอยมา ความทรงจำในอดีตที่เลือนลางได้กลับมาเยือนเธออีกครั้ง แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่แตกร้าวลงนั้นจะกลับมาดีดังเดิมได้หรือไม่
          IHATOV ระลึกถึงบ้านเกิด ระลึกถึงจังหวัดอิวาเตะ
          เมื่อยูกะได้รู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เธอจะสามารถค้นหา IHATOV ให้กับตัวเธอเองได้หรือไม่
          รายละเอียดของภาพยนตร์ออนไลน์
          ชื่อเรื่อง: Cafe IHATOV -- A Tale about IWATE
          วันเปิดตัว: 20 ต.ค. 2558
          ผู้กำกับ: เคนทาโร ฮากิวาระ
          นักแสดง: อายุมิ อิโตะ, ซุออน คัน และอื่นๆ
          "Cafe IHATOV - A Tale about IWATE" จะได้รับการเปิดตัวพร้อมเว็บไซต์ของโครงการ ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าพิเศษของจังหวัดอิวาเตะ โดยผู้รับชมสามารถดูโครงเรื่องของภาพยนตร์ รายชื่อนักแสดงและทีมงานผู้ผลิตภาพยนตร์ รวมถึงข้อมูลเจาะลึกถึงผลิตภัณฑ์สินค้าทั้งหลายของจังหวัดอิวาเตะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องโลหะนัมบุ เครื่องเขิน เนื้อวัวอิวาเตะ-มาเอซาวา วังโกะโซบะ แครกเกอร์เซมเบ้นัมบุ และเหล้าท้องถิ่น
          เว็บไซต์: "Sharing Iwate with the world: Cafe IHATOV - A Tale about IWATE"
          http://www.iwate-cafe.com/
          แหล่งข่าว: จังหวัดอิวาเตะ
          AsiaNet 62231

TMEIC Corporation จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ มุ่งยกระดับบริการและผลักดันนวัตกรรม

          เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจและความก้าวหน้าทางนวัตกรรม

          Toshiba Mitsubishi-Electric Industrial Corporation (TMEIC) ในโรอาโนก รัฐเวอร์จิเนีย มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจระบบอุตสาหกรรมขึ้น จากการผนวกรวมสองหน่วยธุรกิจที่ให้บริการในอุตสาหกรรมโลหะและการขนถ่ายวัสดุเข้าด้วยกัน

          "หน่วยธุรกิจทั้งสองมีส่วนสำคัญในความสำเร็จของ TMEIC ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา" ดีแคลน ดาลี ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจระบบอุตสาหกรรมของ TMEIC กล่าว "TMEIC คือผู้นำระดับโลกด้านระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม รวมถึงการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในอุตสาหกรรมโลหะและการขนถ่ายวัสดุทั่วโลก การผนวกรวมหน่วยธุรกิจทั้งสองจะช่วยยกระดับบริการสำหรับภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมข้ามภาคอุตสาหกรรมผ่านการพัฒนาโซลูชั่นความร่วมมือ"

          การผสมผสานทรัพยากรของทั้งสองหน่วยธุรกิจส่งผลให้ TMEIC อยู่ในสถานะที่เหมาะสมยิ่งขึ้นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว และประยุกต์ใช้โซลูชั่นให้เข้ากับอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลก

          "โซลูชั่นของเราถูกนำไปใช้งานอย่างสม่ำเสมอในภาคอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลก และการรวมหน่วยธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ TMEIC สามารถทุ่มเทให้กับการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนผลักดันการพัฒนาระบบความร่วมมือ และขยับขยายเทคโนโลยีใหม่ๆต่อไป" เควิน รัสเซลล์ Strategic Accounts Director ธุรกิจระบบอุตสาหกรรมของ TMEIC กล่าว

          TMEIC Corporation กำลังดำเนินโครงการอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญหลายโครงการ ประกอบด้วยการปรับปรุงโรงถลุงเหล็กในยุโรปตะวันออก การสร้างโรงงานกระดาษแห่งใหม่ในอเมริกาเหนือ โครงการวางระบบอัตโนมัติในท่าเรือ 2 โครงการใหญ่ในจีน รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.5 กิกะวัตต์ในอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนโครงการเหล่านี้และโครงการอื่นๆ TMEIC Group ได้เปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาโดยชื่อว่า TMEIC Power Electronics Products Corporation ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 ในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส

          ติดต่อ
          Paul Blaiklock
          โทร.  +1.540.283.2099
          อีเมล: paul.blaiklock@tmeic.com หรือ http://www.tmeic.com 

          เกี่ยวกับ Toshiba Mitsubishi-Electric Industrial Systems Corporation (TMEIC)
          Toshiba Mitsubishi-Electric Industrial Systems Corporation (TMEIC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 จากการควบรวมแผนกระบบอุตสาหกรรมของโตชิบา คอร์ปอเรชั่น และมิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น TMEIC ผลิตและจัดจำหน่ายชุดขับแบบปรับความถี่ได้ มอเตอร์ และระบบอัตโนมัติขั้นสูงสำหรับการใช้งานเชิงอุตสาหกรรม "เราคือผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม"

          การดำเนินงานในอเมริกาเหนือ
          TMEIC Corporation มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โรอาโนก รัฐเวอร์จิเนีย โดยเป็นผู้ออกแบบ พัฒนา และกำหนดโครงสร้างของระบบอัตโนมัติขั้นสูง เครื่องจักรไฟฟ้ากระแสสลับขนาดใหญ่ และชุดขับแบบปรับความถี่ได้ TMEIC Corporation มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านโลหะ การขนถ่ายวัสดุ น้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ พลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลก "เราคือผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม" http://www.tmeic.com 

TMEIC Corporation Introduces Industrial Systems Business Unit

          New team strategically unifies business units and promotes innovation.

          Toshiba Mitsubishi-Electrical Industrial Corporation of Roanoke, Virginia is pleased to announce the formation of the Industrial Systems Business Unit. This new operational unit combines two of the company's key technology segments, serving the metals and material handling industries.

          "These two business units have been core to TMEIC's success throughout the past 60 years," Declan Daly, TMEIC Industrial Systems - General Manager, said. "TMEIC is the global leader in automation and industrial drives technologies, and regularly deploys those solutions in metals and material handling scenarios worldwide. This unification will enhance existing services to those industries, while promoting cross-industry innovation through collaborative solution development."

          As a result of this powerful new combination of resources, TMEIC is better positioned to develop innovative technologies, quickly respond to industry trends and apply solutions to multiple industrial market segments around the world.

          "Our solutions are regularly deployed throughout various industries around the world and this unification allows us to devote the brightest engineering talent at TMEIC to driving those industrial segments forward, while encouraging collaborative systems development and expanding new technologies," Kevin Russell, TMEIC Industrial Systems - Strategic Accounts Director, said.

          TMEIC Corporation is currently working on a number of significant industrial projects, including a major steel mill upgrade in Eastern Europe, a new paper mill in North America, two large port facility automation projects in China and over 1.5 Gigawatts of new utility scale photo-voltaic inverter projects in North America. To support these and other projects, TMEIC Group opened its first manufacturing plant in the US. TMEIC Power Electronics Products Corporation commenced operations on September 28, 2015 in Houston, Texas.

          Contact:
          Paul Blaiklock
          p. +1.540.283.2099
          e. paul.blaiklock@tmeic.com  
          http://www.tmeic.com 

          About Toshiba Mitsubishi-Electric Industrial Systems Corporation (TMEIC)
          Toshiba Mitsubishi-Electric Industrial Systems Corporation (TMEIC) was formed in 2003 from the merger of the industrial systems departments of Toshiba Corporation and Mitsubishi Electric Corporation. TMEIC manufactures and sells variable frequency drives, motors, and advanced automation systems for a range of industrial applications. We drive industry.

          The North American operation –
          TMEIC Corporation, headquartered in Roanoke, VA, designs, develops and engineers advanced automation, large AC machines and variable frequency drive systems. TMEIC Corporation specializes in the Metals, Material Handling, Oil & Gas, Mining, Renewable Energy, and other industrial markets worldwide.  We drive industry.  www.tmeic.com 

Plintron ผู้ให้บริการ MVNE ข้ามชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก บุกตลาดแอฟริกาผ่านทางตูนิเซีย

          Plintron ผู้ให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารบนคลาวด์ระดับโลก ประกาศว่า บริษัทได้รุกเข้าสู่ตลาดแอฟริกาผ่านทาง Lycamobile ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวบริการมือถือคุณภาพสูงในตูนิเซียไปเมื่อเร็วๆนี้ Plintron มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้นำด้านแนวคิด MVNO และประสบความสำเร็จจากการให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 50 ล้านรายที่ลงทะเบียนใช้งานกับบริษัท MVNO กว่า 50 แห่งใน 21 ประเทศ


          ตูนิเซียเป็นประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกาที่มีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี และมีอัตราการเจาะตลาดอยู่ที่ราว 132% ซึ่งสูงที่สุดในทวีป

          Mohan Kumar Sundaram ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Plintron กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้ขยายธุรกิจ MVNE ไปสู่ตลาดแอฟริกาผ่านทาง แพลตฟอร์มการสื่อสารบนคลาวด์ ของเรา ตูนิเซียจะเป็นตลาดหลักของเราเมื่อประเมินจากศักยภาพของประเทศ และจะเป็นใบเบิกทางให้เราขยายธุรกิจไปสู่ประเทศอื่นๆในทวีปแอฟริกาต่อไป สำหรับตลาดเป้าหมายถัดไปในภูมิภาคแอฟริกานั้น มีประเทศที่มีสัมปทาน MVNO รวมอยู่ด้วย"

          "Plintron เป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านโซลูชั่นการสื่อสารบนคลาวด์สำหรับผู้ให้บริการ MNO และ MVNO โดยมีพนักงานมากกว่า 1,000 คน เรามีความสัมพันธ์อันดีกับหุ้นส่วนธุรกิจหลายรายในแอฟริกา นอกจากนั้นเรายังนำเสนอโมเดลธุรกิจ MVNA ผ่านทาง บริการการสื่อสารบนคลาวด์ ของเรา (บริการ MVNE bundled with airtime, MNO contracts, numbering resources และ regulatory support) แบรนด์ใดที่ประสงค์เปิดบริการ MVNO ในตลาดแอฟริกา สามารถติดต่อเราเพื่อมีส่วนร่วมในธุรกิจ MVNA ครบวงจรได้เลย" Subhashree Radhakrishnan ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธาน Plintron กล่าวเสริม

          เกี่ยวกับ Plintron

          Plintron คือผู้ให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารบนคลาวด์ระดับโลก ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรมากที่สุดให้แก่ MNO, MVNO และองค์กรต่างๆ โดยในระยะเวลาแปดปี Plintron เติบโตอย่างก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้นำแห่งการทำแผนที่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม บริษัทมีบทบาทในระดับสากลมากที่สุดในวงการ และมีเครือข่ายในหลายประเทศที่ทำให้บริษัทยังคงความเป็นผู้นำต่อไป

          ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในระดับโลกคือ การมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ  การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การมุ่งเน้นคุณภาพ ความยืดหยุ่น และความเป็นเจ้าของ บริษัทพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการยกระดับคุณค่าที่มีอยู่เดิมและพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆที่มีความทันสมัย

          Plintron มีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยพนักงานกว่า 1,000 คน ในกว่า 21 ประเทศ บริษัทได้ตั้งศูนย์ Global Technology Delivery ซึ่งเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันในอินเดีย นอกจากนั้นยังมีสำนักงาน Business & Support ระดับภูมิภาคทั้งในลอนดอน (สหราชอาณาจักร) ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) และซีแอตเทิล (สหรัฐอเมริกา) และกำลังวางแผนที่จะเปิดสำนักงานในแอฟริกาและละตินอเมริกาด้วย

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

          http://www.plintron.com 
          https://www.facebook.com/plintron.corporate 
          https://twitter.com/plintron 
          https://www.linkedin.com/company/plintron 

          ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
          Murugan.D
          หัวหน้าผู้จัดการฝ่ายการตลาด
          อีเมล: sales@plintron.com 

          แหล่งข่าว: Plintron

Plintron Launches its Service in Tunisia, Africa Market for Global MVNO

          Plintron, a global player in Cloud Communications Solutions, today announced its entry in Africa for its customer Lycamobile who has recently launched its high quality mobile services in Tunisia. This marks Plintron's entry into the African market. Plintron is known for its MVNO thought leadership and has successfully enabled mobility services to 50+ million subscribers for 50+ MVNO businesses in 21 countries.


          Tunisia is one of the African countries that has a well-developed telecom infrastructure and sports the highest market penetration rate of about 132% in the continent.

          Mohan Kumar Sundaram, Co-Founder and Chairman, Plintron, said, "We are delighted to expand our MVNE business through our Cloud Communication Platform [http://www.plintron.com/en/products/mvne] into the African market. Tunisia will be a key market for us primarily for the potential it holds and will be a stepping stone for our reach in other African countries. As we roll out this launch, our next target markets in the African region include MVNO licensed countries."

          "Plintron is a 1000+ employee, specialized Cloud Communication Solutions Company for MNOs and MVNOs. We are engaged with multiple business partners in African market. We also offer the MVNA business model through our Cloud Communication services [http://www.plintron.com/en/products/mvna] (MVNE bundled with airtime, MNO contracts, numbering resources and regulatory support services). Brands interested in launching MVNO services in the African market can contact us for all-in-one MVNA business engagement," added Subhashree Radhakrishnan, Co-Founder & Vice Chairman, Plintron.

          About Plintron 

          Plintron is a global player in Cloud Communications Solutions and sports the telecom industry's most comprehensive rollouts for MNO's, MVNO's and Enterprises. 8 years of rapid growth gives Plintron a leadership in the telecom industry's topography. Commanding the largest global presence in its area of business, the company leverages its multi-country network to stay ahead of the curve.

          The key factor in this global success is Plintron's commitment to excellence, customer centricity, quality focus, flexibility and ownership. The company constantly endeavors in enhancing existing value and developing new and innovative solutions.

          Plintron is 1000+ employees strong and is operating in more than 21 countries. The company houses the 24x7 Global Technology Delivery centre in India. Other Regional Business & Support offices are present in London (UK), Sydney (Australia) and Seattle (US) with plans for expansion underway in Africa and Latin America.

          For more information, visit:

          http://www.plintron.com 
          https://www.facebook.com/plintron.corporate 
          https://twitter.com/plintron 
          https://www.linkedin.com/company/plintron 

          For further details contact:
          Murugan.D
          Chief Manager - Marketing
          sales@plintron.com 

          Source: Plintron

การปฏิวัติพลังงานและการเกษตรนวัตกรรมใหม่ที่จะมาพลิกโลก


          การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนโลก ได้แก่ การผสมผสานกันระหว่างพลังงานและการเกษตร ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ที่มีความท้าทายด้านพลังงาน น้ำสะอาด ความหิวโหย และภาวะโลกร้อนของโลกใบนี้ ได้รับการแก้ไขหรือตอบสนองในทันที นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ดร.ดาริน พาสเตอร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนและนักประดิษฐ์นั้น ได้ทำงานเกี่ยวกับโซลูชั่นระดับโลกที่ยากจะบรรลุเป้าหมายได้ในอุตสาหกรรมพลังงานและการเกษตร โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2558 พาสเตอร์ได้ยื่นจดสิทธิบัตรกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดักจับการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไฟฟ้า และน้ำ ซึ่งเป็นผลพวงจากการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซเป็นของเหลวและแอปพลิเคชั่นการเกษตรแนวตั้ง การผสมผสานสองอุตสาหกรรมนี้เข้าด้วยกันโดยใช้วิธีที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรของพาสเตอร์ จะช่วยปูทางสู่โรงงานผลิตด้านการเกษตรและเชื้อเพลิงปลอดมลภาวะในระดับอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก

          มร.พาสเตอร์ ตั้งใจที่จะออกใบอนุญาตเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรของเขาให้กับลูกค้า ทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทของเขายังมีแผนที่จะพัฒนาโรงงานอย่างน้อย 10 แห่งในหลายๆเมืองทั่วพื้นที่อุตสาหกรรมของสหรัฐ เช่น บัฟฟาโล น้ำตกไนแองการา คลีฟแลนด์ ดีทรอยท์ โรเชสเตอร์ ซีราคูส อัลบานี และพื้นที่ทุรกันดารทั่วโลก แต่ละโครงการดังกล่าวสามารถสร้างตำแหน่งงานด้านการก่อสร้างได้ประมาณ 4,000-4,500 ตำแหน่ง และตำแหน่งงานประจำซึ่งเป็นงานที่ใช้ทักษะสูงอีก 400 ตำแหน่ง หากโครงการทั้ง 10 แห่งเสร็จสมบูรณ์จะสามารถสร้างตำแหน่งงานในแวดวงการก่อสร้างได้ 40,000 ตำแหน่ง และตำแหน่งงานประจำซึ่งต้องใช้ทักษะสูงได้ 4,000 ตำแหน่ง เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพของสถานที่ตั้งของโรงงานเหล่านี้ในเขตพื้นที่ของเมืองขนาดใหญ่ วงจรชีวิตการปล่อยมลภาวะของเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมและการผลิตด้านการเกษตรทั้งหมด จะลดลงอย่างมากเพราะต้นทุนการขนส่งที่ลดลง

          เชื้อเพลิงสังเคราะห์เกือบจะไม่มีสารซัลเฟอร์ โลหะหนัก หรือกลิ่นที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ผลงานประดิษฐ์ที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรของพาสเตอร์ช่วยให้โรงงานผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซเป็นของเหลวสามารถผลิตเชื้อเพลิงที่ปล่อยมลภาวะต่ำ ในขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นอันตรายออกสู่บรรยากาศในขณะการผลิต

          โรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากก๊าซเป็นของเหลวหลายแห่งได้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมากในระหว่างการผลิต ซึ่งไม่มีโมเลกุลที่เป็นพิษ เช่น ซัลเฟอร์ และสารที่สร้างกลิ่นอื่นๆ  การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นการสร้างโอกาสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์และควบคุมก๊าซเรือนกระจกให้แก่ฟาร์มแนวตั้ง (ซึ่งต้องใช้คาร์บอนไดออกไซด์สำหรับการสังเคราะห์แสง) ส่งผลให้ผลไม้และผักมีสารอาหารที่หลากหลายและปริมาณที่สูงขึ้น นอกจากนี้ การผลิตเชื้อเพลิงจากก๊าซเป็นของเหลวยังผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 3 เท่าของความต้องการใช้ในโรงงาน ด้วยการผสมผสานโรงงานเชื้อเพลิงจากก๊าซเป็นของเหลวและฟาร์มแนวตั้ง ส่งผลให้ศักยภาพความเป็นไปได้ของทั้งสองโรงงานมีความน่าสนใจมากขึ้น ในพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลนน้ำสะอาด ขั้นตอนดังกล่าวยังสามารถนำมาใช้เพื่อลดเกลือจากน้ำทะเลและทำให้สามารถนำน้ำมาบริโภค ใช้ในฟาร์มแนวตั้ง  แม้กระทั่งการเกษตรแบบดั้งเดิมได้

          การเกษตรแนวตั้งนำเสนอข้อได้เปรียบที่การเกษตรแบบดั้งเดิมไม่มี ตัวอย่างเช่น การเกษตรแนวตั้งใช้พื้นที่น้อยกว่ามาก ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มขนาดและความถี่ของผลิตผล และปกป้องพืชจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากต้องการใช้ที่ดินน้อยลง ฟาร์มแนวตั้งสามารถตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้กับหรือในตัวเมืองขนาดใหญ่ เนื่องจากพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น สถานที่และการใช้การเกษตรแนวตั้งในพื้นที่ดังกล่าวช่วยลดความจำเป็นด้านโลจิสติกส์ของเทคนิคการเกษตรในปัจจุบัน ฟาร์มแนวตั้งยังผลิตมวลชีวภาพ ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่สามารถนำมาใช้เลี้ยงสัตว์น้ำภายในฟาร์มแนวตั้งที่มีการเลี้ยงปลา การเปลี่ยนแปลงรูปแบบจะเกิดขึ้นเมื่อฟาร์มแนวตั้งตั้งอยู่ในพื้นที่กลยุทธ์ของเขตเมืองที่ชุมชนโดยรอบจะได้บริโภคผัก ผลไม้ และปลาที่ผลิตในพื้นที่สะดวกและง่ายขึ้น

          โรงงานใหม่ที่กล่าวถึงข้างต้น จะช่วยกระตุ้นพื้นที่ที่อุตสาหกรรมเคยคึกคักในเชิงเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้พื้นที่ที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเป็นตัวอย่างผู้นำของโลกในการแก้ปัญหาด้านพลังงาน ความหิวโหย โลกร้อน และความวิตกเกี่ยวกับน้ำสะอาดของโลกไปพร้อมๆกัน มร. พาสเตอร์เชื่อว่า นี่เป็นโอกาสที่จะช่วยโลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น

The Next Dent in the Universe – An Energy and Agricultural Revolution


          The next dent in the universe is the marriage between energy and agriculture, where the world's energy, clean water, hunger, and global warming challenges are addressed simultaneously. Since 2012, serial entrepreneur and inventor Darin Pastor has been working toward a far-reaching and global solution within the energy and agricultural industries. On Friday, October 23, 2015, Mr. Pastor filed a provisional patent for a process related to the capture of carbon dioxide emissions, electricity, and water byproducts from gas-to-liquid synthetic fuel manufacturing and its application within vertical farming. Combining these two industries using Mr. Pastor's patent-pending methodology will create the first ever mass-producing and emission free fuel and agricultural manufacturing facility. 

          Mr. Pastor intends to license his patent-pending technology to customers worldwide. In addition, his firm plans to develop at least ten facilities throughout the rustbelt region of the United States, in cities such as Buffalo, Niagara Falls, Cleveland, Detroit, Rochester, Syracuse, Albany, and in impoverished areas globally. Each of these projects can create approximately 4,000 to 4,500 construction jobs and 400 high-skilled, permanent jobs. In total, a minimum of 40,000 construction jobs and 4,000 permanent, high-skilled jobs stand to be created once all ten projects are successfully completed. Given the potential for locating these facilities in metropolitan areas, the entire emissions lifecycle of traditional fuel and agriculture production can be vastly diminished through reduced transportation costs.

          Synthetic fuels have virtually no sulfur, heavy metals, or aromatics that are toxic to the environment. Mr. Pastor's patent-pending invention enables a gas-to-liquid synthetic fuel manufacturing facility to produce lower emission fuels, while emitting no harmful greenhouse gases into the atmosphere during production.

          Gas-to-liquid fuel facilities create substantial carbon dioxide emissions during production that lack toxic molecules such as sulfur and other aromatics. This creates a unique opportunity to capture carbon dioxide and redirect the greenhouse gas into vertical farms (which need carbon dioxide for photosynthesis), resulting in larger, more nutrient rich fruits and vegetables. Further, gas-to-liquid fuel production generates almost three times the needed electricity to run their facility. By combining gas-to-liquid facilities and vertical farms, the potential profitability of both facilities becomes more attractive. In impoverished regions where fresh water is difficult to come by, the process could even be used to desalinize seawater and make it useable for consumption, vertical farming, and even traditional farming.

          Vertical farming offers advantages traditional farming does not. For example, vertical farming requires substantially less land, increases the size and frequency of crop yields, and provides crops protection from unfavorable weather conditions. Because of the reduced land requirement, vertical farms can be located near or in metropolitan areas. As population densities in metropolitan areas increase, the placement and use of vertical farming in those areas can substantially reduce the logistical needs of current farming techniques. Vertical farms also create biomass as a byproduct, which can be used as feed for aquaponics within the vertical farm where fish are cultivated. A paradigm shift occurs when vertical farms are strategically located in metropolitan areas where the surrounding community easily consumes the vegetables, fruits, and fish produced in the facility.

          The aforementioned new facilities will help revitalize a once-booming industrial region economically, while simultaneously making the rust belt region a leading global example for addressing the world's energy, hunger, global warming, and clean water concerns. Mr. Pastor believes this is an opportunity to leave the world a better place.

XCMG มุ่งขยายธุรกิจสู่สากล เดินหน้ารุกตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา

          XCMG ส่งออกรถบดถนนขนาด 8 ตัน จำนวน 14 คันไปยังสหรัฐอเมริกาในฤดูใบไม้ร่วงนี้ หลังจากที่ได้ส่งออกรถขุดตีนตะขาบจำนวน 10 คันในปี 2557 และเครื่องจักรอื่นๆ 150 รายการในปี 2556

          หวัง หมิน ประธานกรรมการและประธานของ XCMG กล่าวว่า การขยายธุรกิจสู่สากลถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของ XCMG มาโดยตลอด การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีความสามารถมากขึ้นในการแข่งขันในตลาดโลก

          "เรายังคงมีอัตราการสูญเสียลูกค้าในระดับต่ำสุด ทั้งในช่วงที่อุตสาหกรรมเครื่องจักรก่อสร้างรุ่งเรืองที่สุดและตกต่ำที่สุด เรามุ่งมั่นทำงานเพื่อสร้างชื่อให้กับแบรนด์ โดยเมื่อพูดถึง XCMG เราต้องการให้ลูกค้านึกถึงสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือ มีราคาสมเหตุสมผล และมีบริการสนับสนุนด้วยความรับผิดชอบ" คุณหวังกล่าว

          มูลค่ารวมของสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐนั้นพุ่งทะลุ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันบริษัทได้ส่งออกสินค้ากว่า 500 ชนิดไปยังกว่า 170 ประเทศ บริษัทได้ทำการวิจัย พัฒนา และผลิตสินค้าโดยพุ่งเป้าไปที่ตลาดไฮเอนด์ต่างๆ เพื่อที่จะแข่งขันกับบริษัทอื่นๆในตลาดทั่วโลก

          ขณะเดียวกัน รถเครนรุ่น XCTE ของบริษัทได้ถูกนำไปใช้ในยุโรปตะวันออก โดยได้รับการยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้และคุ้มราคาด้วยการลดโครงสร้างภายนอก นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยหลายแห่งในยุโรปเพื่อพัฒนารถเครนขนาด 100 ตันแบบใช้งานได้ทุกภูมิประเทศเพื่อรองรับตลาดไฮเอนด์ในยุโรปตะวันตก

          บริษัทได้สร้างห่วงโซ่อุปทานระดับโลก รวมทั้งก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐด้วย

          นับตั้งแต่ปี 2553 เมื่อ XCMG ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตเครื่องจักรหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัท AMCA Hydraulic Fluid Power BV ในเนเธอร์แลนด์ ตลอดจนบริษัท Fluitronics GmbH และบริษัท Schwing GmbH ในเยอรมนี ส่งผลให้ XCMG ได้นำเทคโนโลยีสุดล้ำและทรัพยากรของยุโรปมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การดำเนินยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจสู่สากลและการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยตัวเองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

          XCMG เป็นเจ้าของบริษัทย่อย 3 แห่งในยุโรป อันประกอบด้วย XS Holding GmbH (ในเครือ Schwing GmbH), XCMG European Research Center GmbH และ AMCA Hydraulic Fluid Power BV นอกจากนี้ ในปี 2556 XCMG ได้กลายเป็นบริษัทจีนรายแรกที่ได้รับรางวัลสุดยอดการลงทุนแห่งปีจากรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี

          คาร์เตอร์ ชไนเดอร์ นายกเทศมนตรีเมืองเครเฟลด์ ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย กล่าวว่า ความสำเร็จของ XCMG มาจากการตัดสินใจและการดำเนินงานอย่างชาญฉลาด

          "ศูนย์วิจัยในยุโรปของเราจะเป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาในช่วง 3-5 ปีจากนี้ " คุณหวังกล่าว "ในฐานะที่เป็นผู้นำของโลกในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรก่อสร้าง เราได้ทำประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลกผ่านความทุ่มเททั้งในด้านการลงทุน การพัฒนานวัตกรรม และการบูรณาการ"

          ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.xcmg.com หรือ https://www.facebook.com/XCMGGroup , https://twitter.com/XCMGGroup และ https://www.youtube.com/user/XCMGgroup 

XCMG's Global Strategy Anchors in Europe and the United States

          XCMG is exporting 14 eight-ton road rollers to the United States this fall since exporting 10 crawler excavators in 2014 and 150 machineries in 2013.

          Wang Min, chairman and president of XCMG, pointed out that internationalization has always been XCMG's key strategy. The continuous improvement of products and comprehensive support service have strengthened the company's competitiveness in global markets.

          "We maintain the lowest churn rate when the construction machinery industry is at both its best and worst times, we work towards the goal that at the mention of XCMG, customers would think of reliable product, reasonable price and responsible service," Wang said.

          The total value of products exported to America have exceeded 10 million USD. Over 500 products now export to more than 170 countries with the company adopting customized research, development and manufacture strategies targeting different and high-end markets to compete in global markets.

          Meanwhile, the XCTE series truck cranes adapted to the Eastern European market as a cost-effective and reliable product by reducing configurations as well as working with European research institutions to develop 100-ton all-terrain crane for the high-end market in Western Europe.

          The company has formed an integrated global supply chain and built research and development centers in multiple countries around the world including the United States.

          Since 2010, through the acquisition of machinery companies including the Netherlands-based AMCA Hydraulic Fluid Power BV, the Germany-based Fluitronics GmbH and Schwing GmbH, XCMG is making full use of Europe's advanced technologies and apply the resources to implement the company's internationalization as well as self-innovation strategy efficiently.

          XCMG now owns three subsidiaries in Europe - XS Holding GmbH (wholly-owns Schwing GmbH), XCMG European Research Center GmbH and AMCA Hydraulic Fluid Power BV. In 2013, XCMG became the first Chinese company to win the best investment prize of the year of North Rhine-Westphalia, Germany.

          According to Carter Schneider, mayor of Krefeld, XCMG's achievement gives credit to wise decision making and execution.

          "Our research center in Europe plans to build an international platform for technology and innovation to support core research and development in the next three to five years," Wang said, "As a global leader in construction machinery industry, we contribute to the industry worldwide through our perseverance in investment, innovation and integration."

          More information, please visit: http://www.xcmg.com , or Facebook ,  Twitter and Youtube .

Lyoness ชนะคดีในออสเตรเลีย


          ศาลออสเตรเลียประกาศชัดเจน: Lyoness ไม่ใช่ธุรกิจพีระมิด

          เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา คณะกรรมการด้านการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) ได้ตรวจสอบกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัท  Lyoness ในออสเตรเลียตามคำกล่าวอ้างของบริษัทคู่แข่ง

          ACCC ได้ส่งผลการสืบสวนดังกล่าวให้กับศาลกลางแห่งออสเตรเลีย ซึ่งมีคำตัดสินชี้ชัดว่า: Lyoness ไม่ใช่ธุรกิจพีระมิด และไม่มีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

          นายเจมส์ โอซัลลิแวน กรรมการผู้จัดการแห่ง Lyoness Australia กล่าวถึงคำตัดสินของศาลด้วยความยินดีว่า "เราสามารถหักล้างข้อกล่าวหาทั้งหมด และได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า Lyoness ให้ความเคารพต่อกฎหมายของออสเตรเลียอย่างแท้จริง"

          เกี่ยวกับ Lyoness

          เครือบริษัทของ Lyoness ดำเนินธุรกิจ 3 ประเภทภายใต้ 2 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ Lyoness ซึ่งทำธุรกิจชุมชนช้อปปิ้งและรอยัลตี้โปรแกรม โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดเงินด้วยการซื้อของกับ Lyoness (Cashback) และร้านค้าขาประจำที่ต้องการใช้รอยัลตี้โปรแกรมที่หลากหลายครอบคลุมทั่วโลก ส่วนแบรนด์ Lyconet ทำกิจกรรมด้านการตลาดของ Lyoness Group กลุ่มเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ บุคคลที่ทำงานอิสระและบริษัทต่างๆ ปัจจุบัน เครือบริษัทของ Lyoness ดำเนินงานใน 46 ประเทศทั่วทุกทวีป และมีสมาชิกกว่า 5 ล้านรายที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากร้านค้ากว่า 50,000 รายทั่วโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lyoness.com

          ติดต่อ:

          เจมส์ โอซัลลิแวน (James O' Sullivan)
          กรรมการผู้จัดการประจำ Lyoness Australia Pty LTD
          อีเมล: office@lyoness.com.au
          โทร: +61-2-9007-1000

          แหล่งข่าว: Lyoness Europe AG

Lyoness Wins in Australia



          Australian Court unmistakably declares: Lyoness is not a pyramid scheme.

          In 2014 the Australian Competition and Consumer Commission ACCC began to investigate the business activities of Lyoness in Australia on the recommendation of competitors.

          The investigation results of the ACCC were submitted to the Australian Federal Court whose decision is now clear: Lyoness is not a pyramid scheme and does not engage in unlawful sales activities. 

          "We were able to refute all accusations and clearly documented that Lyoness naturally respects the laws of the country," James O'Sullivan, Managing Director Lyoness Australia, is pleased to say about this court decision.

          About Lyoness

          The Lyoness group divides its three business areas into two brands: The Lyoness brand encompasses the shopping community and the loyalty program. Their target groups are consumers who want to save money by shopping with Lyoness (Cashback) and loyalty merchants who want to use an international multi-sector loyalty program. The Lyconet brand encompasses all network marketing activities of the Lyoness Group. Its target groups are self-employed people and companies. The Lyoness group is currently active in 46 countries on all continents. Over 5 million members enjoy the Lyoness benefits at over 50,000 loyalty merchants around the world. More at http://www.lyoness.com .

          Contact:

          James O' Sullivan
          Managing Director Lyoness Australia Pty LTD
          E-Mail: office@lyoness.com.au  
          Tel: +61-2-9007-1000

          Source: Lyoness Europe AG

ViiV Healthcare Awards 23 Small Grants to Help Alleviate the Stigma of HIV and AIDS in the MSM and Transgender Community Globally

          ViiV Healthcare today awarded its first round of small grants to support men who have sex with men (MSM) and transgender community-led interventions to reduce stigma and discrimination based on sexual orientation, gender identity/expression and/or HIV status. 23 non-governmental and community-based organisations will receive up to GBP25,000 per year over a two year period through the Positive Action for MSM and Transgender programme.

          Grantees from the following countries were selected from 237 applications received from 79 countries:

          - Bolivia
          - Canada
          - El Salvador
          - Germany
          - Ghana
          - Guyana
          - India
          - Latvia
          - Macedonia
          - Malaysia
          - Middle East and North Africa
          - Namibia
          - New Zealand
          - Pakistan
          - Paraguay
          - Russia
          - Rwanda
          - South Africa
          - Tanzania
          - Thailand
          - United States
          - Vietnam

          The grantees' organisations - which run projects in 38 countries all over the world - were selected by an advisory board of external experts following a formal call for proposal in March 2015.

          "We can attribute the overwhelming number of applications received as part of our first small grants Request for Proposal to the enormous need to help reduce societal pressures, such as stigma and discrimination based on sexual orientation or gender identity, that people living with HIV face," said Michael N. Joyner, director of Positive Action and Patient Advocacy, ViiV Healthcare. "Through the Positive Action for MSM and Transgender programme, we hope to address the impact of the HIV epidemic in this underserved population."

          The chairman of the Positive Action MSM and Transgender programme advisory board, Juan Jacobo Hernandez from Colectivo Sol added, "The grantees' organisations - through their geographies and the scope of the programmes - selected will help make a real difference to MSM and transgender individuals in local communities all over the world. In that sense, the Positive Action programme is a welcome addition to existing interventions that address the challenges of stigma and discrimination."

          Selected grantees will receive funding to carry out projects that specifically relate to achieving three outcomes:

          - Reducing the level and impact of stigma experienced by MSM and transgender individuals
          - Increasing access to health related services
          - Enhancing the capacity of community based organisations that engage MSM and transgender communities in reducing HIV

          MSM and transgender populations are often stigmatised and isolated. Positive Action for MSM and Transgender launched in March 2015 to support interventions that will empower MSM and transgender communities who face significant stigma, discrimination and inadequate access to appropriate HIV care. Through the programme, ViiV Healthcare has committed to invest GBP2 million per year - GBP1 million to fund small grants and another GBP1 million for targeted interventions - to support these communities as they develop their capacity to lead, participate in policy-making and address the severe health disparities and health service access issues affecting MSM and transgender individuals.

          Globally, MSM and transgender individuals are among those at highest risk of HIV infection[1]; however, the World Bank estimates that fewer than one in 10 MSM and transgender individuals worldwide has access to the most basic package of preventive interventions[2]. Prevalence rates among MSM and transgender populations are consistently higher than for men of reproductive age in the general population wherever MSM have been studied[3]; and scant data on transgender individuals reveals transgender women are 48.8 times more likely to be infected with HIV than the general population.[4]

          Globally, young people comprise over 40% of new HIV infection and many of them are MSM and transgender individuals.[5]

          To learn more about the Positive Action for MSM and Transgender programme or for information on how to submit a proposal for the next call for proposals, please visit: https://www.viivhealthcare.com/community-partnerships/positive-action-for-msm-transgender

          About Positive Action

          Positive Action was created in 1992 as the first pharmaceutical company programme to support communities affected by HIV and AIDS. ViiV Healthcare is proud to continue the Positive Action programme and its valuable work with these communities. Positive Action works with those communities most vulnerable to HIV disease, including youth, girls and women, sex workers, gay men, men who have sex with men (MSM), transgender people, injecting drug users (IDU), the homeless and the incarcerated. Our projects range across education, prevention, care and treatment-related activity such as treatment literacy and community/clinical engagement.

          About ViiV Healthcare

          ViiV Healthcare is a global specialist HIV company established in November 2009 by GlaxoSmithKline (LSE: GSK) and Pfizer (NYSE: PFE) dedicated to delivering advances in treatment and care for people living with HIV. Shionogi joined in October 2012. The company's aim is to take a deeper and broader interest in HIV/AIDS than any company has done before and take a new approach to deliver effective and new HIV medicines, as well as support communities affected by HIV. For more information on the company, its management, portfolio, pipeline and commitment, please visit http://www.viivhealthcare.com

          References

          1. Beyrer et al. Global epidemiology of HIV infection in men who have sex with men. Figure 1. Lancet. 2012 July 28; 380 (9839): 367-377

          2. The World Bank Report. The Global HIV Epidemics among Men Who Have Sex with Men, 2011. Available at: http://siteresources.worldbank.org/INTHIVAIDS/Resources/375798-1103037153392/MSMReport.pdf . Accessed October 2015.

          3. The World Bank Report. The Global HIV Epidemics among Men Who Have Sex with Men, 2011. Available at: http://siteresources.worldbank.org/INTHIVAIDS/Resources/375798-1103037153392/MSMReport.pdf . Accessed October 2015.

          4. Baral SD, et al. Worldwide burden of HIV in transgender women: a systematic review and meta-analysis. Lancet Infect Dis. 2013:13:214-22.

          5. World Health Organization and UNAIDS. Technical Guidance Note for Global Fund HIV Proposals: Prevention, Treatment, Care and Support for Young People, May 2010. Available at:  http://www.who.int/hiv/pub/toolkits/YoungPeople_Techical_Guidance_GlobalFundR10_May2010.pdf .  Accessed October 2015.

          Source: ViiV Healthcare

PRNewswire

FxPro ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการทางการเงินในแอฟริกาใต้

          FxPro Financial Services Limited ('FxPro') มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการบริการทางการเงิน ('FSB') ของแอฟริกาใต้ ในการดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน ('FSP'; ใบอนุญาตเลขที่ 45052) การได้รับอนุญาตดังกล่าวนี้เปิดโอกาสให้ FxPro สามารถขยายขนาดการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ และเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ด้วยบริการที่ได้รับรางวัลการันตีมาแล้ว


          ในฐานะโบรกเกอร์ออนไลน์ ปัจจุบัน FxPro ให้บริการแก่ลูกค้าในกว่า 150 ประเทศ ลูกค้าของบริษัทได้รับประโยชน์จากการดำเนินการคำสั่งซื้อขายแบบ No Dealing Desk สภาพคล่องในเชิงลึก และราคาที่แข่งขันได้ รวมทั้งยังได้ประโยชน์จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนขณะนี้ครอบคลุมสินทรัพย์ที่แตกต่างกันถึง 6 ประเภท

          FxPro Financial Services Limited ยังคงได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไซปรัส ('CySEC'; ใบอนุญาตเลขที่ 078/07)

          "เราดีใจที่มีโอกาสขยายบริการของเราไปสู่ลูกค้ารายใหม่ การได้รับอนุญาตจาก FSB ทำให้เรามีความได้เปรียบ และพร้อมเปิดรับโอกาสมากมาย ที่เราเชื่อว่ามีศักยภาพอย่างมากสำหรับ FxPro เรายินดีกับโอกาสนี้ในฐานะที่เป็นอีกก้าวของการเติบโต" Charalambos Psimolophitis ซีอีโอของ FxPro กล่าว

          สำหรับสื่อมวลชน

          เกี่ยวกับ FxPro

          FxPro เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์เจ้าของรางวัลการันตี บริษัทให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสถาบันในมากกว่า 150 ประเทศ โดยเปิดทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงราคาที่แข่งขันได้และสภาพคล่องในเชิงลึก ด้วยการดำเนินงานในรูปแบบ No Dealing Desk ผ่านทางแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ทันสมัย เทคโนโลยีจัดการคำสั่งซื้อขายที่เหนือกว่า และเครื่องมืออัลกอริทึม

          FxPro Group Limited เป็นบริษัทโฮลดิ้งของ FxPro UK Limited และ FxPro Financial Services Limited

          FxPro UK Limited ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Financial Conduct Authority (หมายเลขทะเบียน 509956) ขณะที่ FxPro Financial Services Limited ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งไซปรัส (ใบอนุญาตเลขที่ 078/07) และคณะกรรมการบริการทางการเงิน (ใบอนุญาตเลขที่ 45052)

          http://www.fxpro.co.uk

          คำเตือนเรื่องความเสี่ยง
          การซื้อขาย CFDs มีความเสี่ยงในการขาดทุนสูง

          สื่อมวลชนติดต่อ
          ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
          FxPro
          โทร. +44(0)20-7776-9720
          อีเมล: pr@fxpro.com

พีอาร์นิวส์ไวร์

FxPro Announces South Africa FSB Licence

          FxPro Financial Services Limited ('FxPro') is pleased to announce that it has acquired authorisation by the South Africa Financial Services Board ('FSB') to operate as a Financial Service Provider ('FSP'; licence no. 45052). The newly granted authorisation gives FxPro the opportunity to expand its operations on a significant scale and to reach new customers with its award-winning services.


          As an online broker, FxPro currently serves clients in more than 150 countries. Clients benefit from no-dealing-desk execution, deep liquidity and competitive pricing, as well as from a continuously growing product offering that now includes 6 distinct asset classes.

          FxPro Financial Services Limited remains authorised and regulated by the Cyprus Securities and Exchange Commission ('CySEC'; license no. 078/07).

          "We are delighted at the prospect of extending our services to new customers. The FSB authorisation gives us a key advantage and opens up an array of opportunities, as we believe that there is significant market potential for FxPro. We welcome it as another step towards growth." FxPro CEO, Charalambos Psimolophitis

          Notes to Media

          About FxPro

          FxPro is an award-winning online broker, serving retail and institutional clients in more than 150 countries. FxPro provides access to competitive pricing and deep liquidity with no-dealing-desk intervention via its advanced trading platforms, superior execution technologies and algorithmic tools.

          FxPro Group Limited is the holding company of FxPro UK Limited and FxPro Financial Services Limited.

          FxPro UK Limited is authorised and regulated by the Financial Conduct Authority (registration no. 509956).  FxPro Financial Services Limited is authorised and regulated by the Cyprus Securities and Exchange Commission (licence no. 078/07) and by the Financial Services Board (licence no. 45052).

          http://www.fxpro.co.uk

          Risk Warning
          Trading CFDs involves a high risk of loss.

          Media Contact
          Media Relations
          FxPro
          +44(0)20-7776-9720
          Email: pr@fxpro.com

PRNewswire

LEO ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมผู้ประกอบการ ปักหมุดธุรกิจในฟิลิปปินส์

          หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวในแคนาดาไปอย่างสดๆ ร้อนๆ ล่าสุด LEO (Learning Enterprise Organization) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฝึกอบรมผู้ประกอบการ ก็ได้ฤกษ์เปิดธุรกิจอย่างเป็นทางการในฟิลิปปินส์ โดยจะมีการจัดงานเปิดตัวในวันนี้ ที่โรงแรมแมริออท มะนิลา ในเมืองปาเซย์


          LEO นำเสนอบริการฝึกอบรมทักษะและการเป็นผู้ประกอบการผ่านระบบ e-Tutoring, e-Learning, การถ่ายทอดสดงานสัมมนา และผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี LEO มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร รวมทั้งมีสาขาย่อยใน 10 ประเทศ และสมาชิกใน 120 ประเทศ LEO ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดย Dan Andersson และ Atif Kamran ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมขายตรงมาอย่างยาวนาน

          เมื่อต้นปีนี้ LEO ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวธุรกิจ ณ สถานที่ชื่อดังของโลกอย่าง ฮัดสัน เธียเตอร์ ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นตลาดลำดับที่ 105 ของบริษัท

          ปัจจุบัน LEO มีการดำเนินงานในอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง จีน และส่วนอื่นๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมตลาดต่างๆกว่า 100 แห่ง

          Dan Andersson กล่าวว่า "การจัดตั้งธุรกิจในตลาดที่มีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการค้าระหว่างประเทศนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ LEO เราได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากการเปิดธุรกิจในแคนาดา และคาดหวังว่าจะเป็นเช่นเดียวกันในฟิลิปปินส์ เพื่อการก้าวขึ้นเป็นตลาดหลักสำหรับบริการเสริมด้านการอบรมผู้ประกอบการ ผ่านช่องทางต่างๆบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่ระดับโลก"

          ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลของตนเอง เรียกว่า LEOcoin ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราดิจิทัลสาธารณะ โดยมีผู้ใช้สกลุเงิน LEOcoin แล้วกว่า 200,000 คนทั่วโลก และมีผู้ประกอบการกว่า 32,000 รายที่เปิดรับสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว

          สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลและนัดสัมภาษณ์ได้ที่:

          Roz Platt จาก JBP
          โทร. +44-(0)203-267-0074 หรือ +44-(0)7999-676-456
          อีเมล: Roz.platt@jbp.co.uk
          หรือ
          James Hargrave จาก JBP
          โทร. +44-(0)203-267-0074 หรือ +44-(0) 7900-907-707
          อีเมล: james.hargrave@jbp.co.uk

พีอาร์นิวส์ไวร์

Entrepreneurship Training Specialists LEO Now Open for Business in the Philippines

          Hot on the heels of the launch in Canada at the beginning of this month, entrepreneurship training specialists LEO (Learning Enterprises Organisation) has now officially opened for business in the Philippines. The business will announce the launch today, at an event at the Marriott Manila in Pasay City.


          LEO offers entrepreneurship and skills training through e-Tutoring, e-Learning, Live Seminar and Technology products. Headquartered in the UK, it now has subsidiaries in ten countries and members in 120 countries. It was founded in 2012 by Dan Andersson and Atif Kamran who both have long careers in the direct selling industry.

          Earlier this year LEO successfully launched in their 105th marketplace, the US, at the world famous Hudson Theatre in New York.

          LEO is currently active in the Americas, Europe, Africa, Middle East, China and other parts of South East Asia, and operates in over 100 different marketplaces.

          Dan Andersson said: "Establishing our business in this market, which represents a major international trading environment, is a very significant step in the growth of LEO. We have already experienced an enthusiastic response to the business in Canada and anticipate the Philippines will tell the same story, quickly becoming a core marketplace for delivering added value entrepreneurship training which leverages social networking platforms and the move towards globalisation."

          Last year the company launched its own digital currency, LEOcoin, which is being traded on a public digital currency exchange. To date, more than 200,000 people all over the world have signed up to LEOcoin, and over 32,000 merchants have signed up to accept the digital currency.

          For press enquiries and to arrange interviews please contact:

          Roz Platt, JBP on +44-(0)203-267-0074  or +44-(0)7999-676-456 , Roz.platt@jbp.co.uk; or James Hargrave, JBP on +44-(0)203-267-0074 or +44-(0)7900-907-707, james.hargrave@jbp.co.uk

PRNewswire

RWE ประกาศความร่วมมือกับ Gardena

          - Gardena ใช้ Lemonbeat ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ จาก RWE
          - ทำลายอุปสรรคทางการสื่อสารสำหรับ Internet of Things
          - ระบบอัจฉริยะของ Gardena เชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วยการใช้โปรโตคอลใหม่อย่าง Lemonbeat

          - รายการโยง: สามารถดูรูปภาพได้ที่ AP Images ( http://www.apimages.com ) -

          วันนี้ นักพัฒนาและผู้ผลิตอุปกรณ์ที่รองรับอินเทอร์เน็ตสามารถใช้ภาษาโปรแกรมสากลแบบใหม่ในชื่อ Lemonbeat ซึ่งพัฒนาโดย RWE ทำให้ไม่ว่าอุปกรณ์ใดก็สามารถสื่อสารหรือทำงานร่วมกันได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในฐานะที่เป็นภาษามาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ Lemonbeat สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา Internet of Things สำหรับ Gardena โดยบริษัทในเครือ Husqvarna Group แห่งนี้ซึ่งมีกิตติศัพท์ด้านเครื่องมือทำสวนและระบบรดน้ำเปี่ยมนวัตกรรม กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวหุ่นยนต์ตัดหญ้ารุ่นแรกซึ่ง "พูดภาษา" Lemonbeat ออกสู่ตลาดในปีหน้า


          ในโลกของ "Internet of Things" นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อระหว่างกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์จำนวนมากที่สามารถรับคำสั่งได้ด้วยวิธีนี้ ยกตัวอย่างเช่น การควบคุมผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์นั้น ความก้าวหน้าด้านไมโครชิปและเทคโนโลยีการสื่อสารได้ทำให้ขั้นตอนการผลิตจำนวนมากง่ายขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น Internet of Things หรือเรียกย่อๆว่า IoT น่าจะเชื่อมต่อข้าวของเครื่องใช้ประจำวันกับอุปกรณ์อื่นๆและผู้ใช้จริงได้แล้ว แต่จนถึงปัจจุบัน การพัฒนาในเรื่องนี้ยังเผชิญอุปสรรค เนื่องจากยังขาดมาตรฐานการสื่อสารที่เป็นแบบแผนเดียวกันและมีความปลอดภัย นั่นก็คือภาษาสากลสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด ซึ่ง Lemonbeat จาก RWE อาจเป็นทางออกของปัญหานี้

          สำหรับการสื่อสารที่ไปไกลเกินกว่าระบบนั้น ส่วนที่ "ตัวแปลคำสั่ง" ถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอยู่เสมอเพื่อสร้างสภาพการทำงานร่วมกันได้กับวิธีส่งข้อมูลต่างๆ อาทิ WLAN, Bluetooth และ Ethernet แต่ภาษาสากลอย่าง Lemonbeat จะทำให้อินเทอร์เฟซเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น และจะเปิดทางให้การพัฒนาอุปกรณ์ IoT ได้อย่างรวดเร็วขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลงเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะสามารถเชื่อมต่อไปยังอีกเครื่องได้ง่ายขึ้น โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นของผู้ผลิตรายใด สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวแรกในกลุ่มนี้ที่ RWE กำลังนำเสนอ ได้แก่ ชิปประมวลผลที่ผ่านการตั้งค่าและมีการใส่ภาษา Lemonbeat เข้ามาแล้ว และสามารถเลือกขอสิทธิ์ในส่วนของซอฟต์แวร์อย่างเดียวได้ด้วย


          ผลจากความร่วมมือรูปแบบนี้ ทำให้ระบบอัจฉริยะแบบใหม่ของ Gardena สามารถเปิดตัวได้ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า "ตัวเลือกอุปกรณ์ที่ยืดหยุ่นและความเรียบง่ายในการใช้งานทำให้เราเชื่อมั่น" โจอาคิม เฮปป์เลอร์ ผู้อำนวยการ Global Product Management Watering ของ Gardena กล่าว "อีกทั้งยังมีการประยุกต์ใช้แนวคิดด้านความปลอดภัยที่ละเอียดซับซ้อนกับ Lemonbeat ด้วย เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสื่อสารที่ไว้วางใจได้และมีความปลอดภัย" สำหรับตระกูลผลิตภัณฑ์ของ Gardena ประกอบด้วยหุ่นยนต์ตัดหญ้าสองรุ่น, Gardena Smart Sileno ซึ่งใช้ภาษา Lemonbeat ตลอดจนอุปกรณ์ควบคุมการรดน้ำ ขณะที่อุปกรณ์อื่นๆจาก Gardena ก็จะยึดมาตรฐานการสื่อสารนี้เช่นกัน ซึ่งจะนำไปสู่การทำสวนในแนวทางอันชาญฉลาดยิ่งกว่าที่เคย

          บริษัท RWE Effizienz GmbH ช่วยให้ลูกค้าใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ในราคาประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุด RWE Effizienz กำลังสร้างมาตรฐานต่างๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ทางนวัตกรรม อาทิ RWE SmartHome โซลูชั่นสำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือโซลูชั่นการเก็บสำรองไฟฟ้าอันล้ำสมัย รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rwe-effizienz.com , http://www.rwe-mobility.com , http://www.rwe-smarthome.de และ http://www.lemonbeat.net

          สื่อมวลชนติดต่อ:

          RWE Effizienz GmbH
          Harald Fletcher
          หัวหน้าฝ่ายการสื่อสาร
          โทร +49-231-438-48-40
          มือถือ +49-173-2904149
          อีเมล harald.fletcher@rwe.com

          Julika Gang
          โทร: +49-231-438-22-48
          มือถือ: +49-172-236-1312
          อีเมล: julika.gang@rwe.com

พีอาร์นิวส์ไวร์

RWE and Gardena Cooperate

          - Gardena uses new device language Lemonbeat from RWE
          - Barrier-free communication for the Internet of Things
          - Gardena smart system links devices using new Lemonbeat protocol

          - Cross reference: Picture is available at AP Images ( http://www.apimages.com ) -

          Developers and manufacturers of Internet-compatible devices can now make use of the new universal Lemonbeat programming language developed by RWE. It enables any device to communicate or work together with another device via the Internet. As a common language for a variety of applications, Lemonbeat represents an important step in the development of the Internet of Things. Gardena, part of the Husqvarna Group and known for innovative gardening tools and watering systems, plans to introduce the first robot lawnmowers that "speak" Lemonbeat onto the market next year.



          In the "Internet of Things" everything is interconnected via the Internet. Many devices can already be controlled in this way, for example through apps on smartphones. In industrial production and logistics in particular, advances in microchips and communication technology have already simplified and accelerated many processes. The Internet of Things, or IoT for short, could interconnect practically any everyday object with another device and with the user. However, until now this development has been hampered by the lack of uniform, secure communication standards - a common language for all. Lemonbeat from RWE could be the key to the solution of this problem.

          For communication beyond the system, an "interpreter" has always been necessary to be compatible with the transmission method such as WLAN, Bluetooth or Ethernet. With a universal language such as Lemonbeat, such interfaces would become redundant. It will therefore be possible to develop IoT devices more quickly and cheaply. Such devices would also be easier to connect to other devices, regardless of manufacturer. The first specific product that RWE is offering in this range is a preconfigured chip with the Lemonbeat language already implemented. Alternatively, licences for the software only can be obtained.


          As the result of this type of cooperation, the new Gardena smart system is to be launched next spring. "The flexibility of the options for application and the simplicity of the implementation convinced us," says Joachim Heppler, Director of Global Product Management Watering at Gardena. "Added to that was the sophisticated security concept used for Lemonbeat. We place great value on reliable and secure communication." The product series includes two models of robot lawnmower, Gardena smart Sileno, which use Lemonbeat, as well as a watering controller. On the basis of this communication standard, other devices from Gardena are going to follow, making the garden even smarter.

          RWE Effizienz GmbH helps customers to use energy in as efficient and safe a manner as possible. With innovative new products such as the RWE SmartHome, solutions for electromobility or cutting-edge electricity storage solutions, RWE Effizienz is setting standards. More facts on http://www.rwe-effizienz.com , http://www.rwe-mobility.com , http://www.rwe-smarthome.de and http://www.lemonbeat.net .

          Contact for journalists:

          RWE Effizienz GmbH
          Harald Fletcher
          Head of communication
          T +49-231-4-38-4840
          M +49-173-2904149
          harald.fletcher@rwe.com

          Julika Gang
          T +49-231-438-2248
          M +49-172-2361312
          julika.gang@rwe.com


PRNewswire

Uvionics Tech Turns to IBM Cloud for Improved Enterprise App Development

          IBM (NYSE: IBM) announced Uvionics Tech, a Singapore-based data analytics and intelligent products integration solutions startup, is migrating its existing enterprise applications to IBM Cloud. The company is also using IBM Cloud to develop new applications to improve the efficiency of its data analytics and intelligent products operations.

          With operations in Singapore, India, and the United States, Uvionics Tech specialises in solutions in areas like healthcare, sensors fusion/integration, the Internet of Things (IoT), energy, life sciences and utilities, using product integration with software, advanced analytics, machine learning, deep learning, deep belief and artificial intelligence.

          With IBM Cloud's Platform-as-a-Service, Bluemix, Uvionics Tech has been able to seamlessly develop their applications and conduct graphics processing all on one integrated platform. Previously, the company had to host its application development and graphical processing unit on two different platforms, which took twice as long for the setup, configuration and integration.

          Since its move to IBM Cloud, Uvionics Tech has seen significant improvement in business productivity and a reduction in lead time for application development. For example, it now takes them two days instead of eight days to set up the application development infrastructure, which has resulted in a 300 percent gain.

          In data management, Uvionics has also experienced a 150 percent gain in productivity from using Cloudant, IBM's database-as-a-service, on Bluemix. After using the IoT Foundation service on Bluemix for IoT programming, there has also been a 300 percent gain while setup time has been halved, owing to the drag and drop feature on Bluemix.

          "With Bluemix, productivity within the team has increased significantly which is critical for startups with lean teams like Uvionics. It has allowed us to use our time more strategically to serve our customers better; time which was previously spent on managing the set up and integration of various software and services. In addition, we are now able to scale up our system requirements on-the-go as we continue to engage with more customers," said Parthasarathy Baskar, Chief Executive Officer of Uvionics Tech.

          "Our engagement with Uvionics demonstrates how Bluemix can help organisations significantly improve their productivity and contribute to their growth in exciting new areas like IoT," said Tim Greisinger, Managing Director, IBM Singapore. "IBM offers a wide breadth of services, capabilities and partnerships which allows us to work with numerous startups throughout the world. Through our engagements with startups like Uvionics, we in turn work towards continually adapting and refining our products and services to serve the needs of the startup community better."

          In Singapore, IBM recently partnered with NUS Enterprise, Singapore infocomm Technology Federation's 123JumpStart and muru-D, to launch the IBM Innovation Space at Plug-In@Blk71 and offer access to our Global Entrepreneurs Program for Cloud Startups.

PRNewswire

Forum Sungrow 2015 ที่กรุงเทพฯ ปิดฉากลงด้วยความสำเร็จ

          ซันโกรว์ ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์ (PV) ชั้นแนวหน้าของโลก ประกาศความสำเร็จในการจัดงาน Forum Sungrow 2015 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิดหลัก "Embracing the Thailand PV Industry; Enjoying the Future" ซึ่งซันโกรว์ได้เชิญหน่วยงานรัฐบาล ผู้พัฒนาโครงการ นักลงทุน สถาบันการเงิน บริษัทรับเหมางานวิศวกรรม-จัดหา-ก่อสร้าง (EPC) รวมถึงซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับโลกเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ Forum Sungrow 2015 เป็นงานแรกที่บริษัทจัดขึ้นเองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของซันโกรว์ในการรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในประเทศ ทั้งด้านการขายและบริการทางเทคนิค


          นับตั้งแต่ขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีนี้ ซันโกรว์ได้ลงนามในสัญญาจัดหาอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์ไปแล้วมากกว่า 200 เมกะวัตต์ (MW) และคาดว่าจะก้าวขึ้นเป็นซัพพลายเออร์อินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์อันดับหนึ่ง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากฐานลูกค้าและการใช้งานโซลาร์เซลล์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดในปีนี้ ซันโกรว์มีความมั่นใจในการขยายการสื่อสารทางธุรกิจและความร่วมมือในประเทศไทย ลูกค้ารายสำคัญของบริษัท ตั้งแต่ Super Energy ซึ่งเป็นผู้พัฒนาในประเทศ ไปจนถึง SunEdison ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระดับโลก ต่างมาปรากฏตัวในงาน Forum Sungrow 2015 ร่วมกับบรรดาผู้ประกอบการรายอื่นๆในอุตสาหกรรม โดยภายในงานซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งวัน ผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดได้ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์และนโยบายอุตสาหกรรมล่าสุด พร้อมทั้งพบปะกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหรรม แบ่งปันข้อมูลล่าสุด และเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆในเชิงลึก

          "งานนี้คืองานสร้างเครือข่ายทางธุรกิจสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอนาคตสดใสมากที่สุดสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถเรียนเชิญบุคคลสำคัญในแวดวงอุตสาหกรรม ตลอดจนมิตรและหุ้นส่วนมาร่วมงานนี้ ผมหวังว่าทุกท่านจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตลาด กระแสเทคโนโลยี รวมถึงแนวคิดการออกแบบโรงงานเซลล์แสงอาทิตย์ได้ดียิ่งขึ้น หลังเข้าร่วมงาน Forum Sungrow 2015" ศจ. เหรินเซียน เฉา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของซันโกลว์ กล่าว

          เกี่ยวกับซันโกรว์

          ซันโกรว์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนการติดตั้งมากกว่า 14 กิกะวัตต์ทั่วโลก ซันโกรว์ก่อตั้งขึ้นในปี 2540 โดยศาสตราจารย์เหรินเซียน เฉา และได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวิจัยและพัฒนาอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับสิทธิบัตรเป็นจำนวนมาก และมีการนำไปใช้งานกับผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวาง พร้อมด้วยการรับรองสำหรับการใช้งานในที่พักอาศัย เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม ตลอดระยะเวลาแห่งการพัฒนาเกือบ 20 ปี ปัจจุบันซันโกรว์เป็นผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์เซลล์แสงอาทิตย์รายใหญ่อันดับสองของโลก โดยมีสำนักงานในทุกตลาดเซลล์แสงอาทิตย์ที่เกี่ยวข้อง

พีอาร์นิวส์ไวร์

Forum Sungrow 2015 Successfully Concluded in Bangkok, Thailand

          Sungrow, one of the leading PV-inverter manufacturers in the world, announces to have successfully held Forum Sungrow 2015 on Oct. 26, 2015 in Hotel Peninsula Bangkok, Thailand. This event is themed at "Embracing the Thailand PV Industry; Enjoying the Future." Sungrow has invited government agencies, project developers, investors, financing institutions, EPC and global leading suppliers and other industry experts to it. As the first self-organized event targeted at Southeast Asia, Sungrow proves firm determination towards the Southeast Asia market and strong local support in terms of both sales and technical services.


          Since entering the Thai market early this year, Sungrow has signed more than 200MW PV inverter supplying contracts, expected to be the No.1 PV inverter supplier. Based on outstanding application references and customer base, Sungrow has no doubt in expanding business communication and cooperation in Thai market. Key customers vary from local developer Super Energy to worldwide leading developer SunEdison, all showed up in Forum Sungrow 2015 together with other industry practitioners. During this one-day event, all participators were actively discussing PV development and latest industry policies, meeting up with industry experts, sharing the most updated information and studying profound experience.

          "This is a well-prepared networking event for Southeast-Asia market. Thailand has become one of the most promising countries for PV industry development in SEA region. We're honored to be able to invite these important industry professionals, friends and partners to this event. I hope everyone can have a further understanding of the market dynamics, technology trends as well as advanced PV plant design concepts after Forum Sungrow 2015," said Prof. Renxian Cao, founder and CEO of Sungrow.

          About Sungrow

          Sungrow is one of the leading PV-inverter manufacturers in the world with over 14GW installations globally. Founded in1997 by university professor Renxian Cao, Sungrow is the Global Leader in Research and Development in Solar Inverters, with numerous patents and a broad product solution with completed certifications for residential, commercial and industrial use cases. Through development of nearly 20 years, Sungrow is now the largest PV inverter manufacturer in the Asia-Pacific region and the second largest inverter manufacturer in the world with offices in all relevant PV markets.

PRNewswire