Thursday, April 28, 2016

EdgeVerve เปิดตัวบล็อคเชน เฟรมเวิร์ค สำหรับบริการทางการเงิน

          - บล็อคเชน เฟรมเวิร์ค (Blockchain Framework) โครงสร้างข้อมูลที่เอื้อต่อการสร้างบัญชีดิจิตอลแยกประเภทของธุรกรรมต่างๆ ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง จะช่วยให้ธนาคารสามารถปรับโครงสร้างและลดความซับซ้อนของบริการต่างๆ ที่ขับเคลื่อนผ่านธุรกรรมได้
          EdgeVerve Systems บริษัทที่ดูแลผลิตภัณฑ์โซลูชั่นการจัดการด้านการเงินและการธนาคารระดับสากลของ Infosys (NYSE: INFY) เปิดตัว EdgeVerve Blockchain Framework ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเทคโนโลยีโครงสร้างข้อมูลที่เอื้อต่อการสร้างบัญชีดิจิตอลแยกประเภทของธุรกรรมต่างๆ (Blockchain) ในภาคบริการทางการเงินระดับโลก โดยโครงสร้างข้อมูลซึ่งเปิดตัวในการประชุมสุดยอดลูกค้าระดับโลก Infosys Confluence ที่ซานฟรานซิสโก นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อส่งมอบแนวทางการสร้างมูลค่า รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของบล็อคเชน

        

           EdgeVerve Blockchain Framework เป็นบัญชีแยกประเภทที่อนุญาตให้ธนาคารต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ในธุรกิจหลากหลายประเภทบนพื้นฐานของบล็อคเชนอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ออกแบบมาสำหรับภาคธุรกิจการธนาคารโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามระดับความต้องการเพื่อสนับสนุนธุรกิจระหว่างประเทศ และการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน โดยสมรรถภาพเหล่านี้ทำให้การใช้งานที่สร้างขึ้นบน Framework ดังกล่าวเป็นแพลตฟอร์มที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อให้การชำระเงินรวมถึงบริการทางธุรกรรมธนาคารอื่นๆ ที่มีปริมาณสูงขับเคลื่อนไปได้ ทั้งนี้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของ Blockchain ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นจากเฟรมเวิร์ค ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, การรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรม รวมถึงความแม่นยำ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงกว่ารูปแบบของบัญชีแยกประเภทต้นทุนสูงที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นรากฐานของระบบการธนาคารทั่วโลก
          จุดเด่นที่สำคัญของ EdgeVerve Blockchain Framework ประกอบด้วย:
  
          - บัญชีแยกประเภทแบบกระจาย – เฟรมเวิร์คนี้ใช้ บล็อคเชนภายใต้สภาวะที่มีการกระจายข้อมูล และได้รับการอนุญาต ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับบริษัทให้บริการทางการเงินที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการทำธุรกรรมแต่ละรายการ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงในเรื่องการเปิดกว้างของข้อมูลและการใช้งานร่วมกันยังคงดำเนินไปโดยที่ข้อมูลยังคงมีความสมบูรณ์และปลอดภัย
          - การดูแลสินทรัพย์ - ธนาคารสามารถสร้างระบบการใช้งานสินทรัพย์หลายรายการโดยใช้เฟรมเวิร์ค นี้ เพื่อจัดเก็บและถ่ายโอนสินทรัพย์จากการทำธุรกรรมอันหลากหลายได้ภายในเครือข่ายเดียว
          - ความยืดหยุ่นสูง - ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวติดตั้งช่องทางการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ (API layer) ซึ่งเอื้อต่อเครื่องมือในการบริหารจัดการ และก่อให้เกิดความยืดหยุ่น โดยธนาคารต่างๆ สามารถพัฒนาและปรับใช้บล็อคเชนไปพร้อมๆ กับเฟรมเวิร์ค ในแบบของตนเองได้ทันที เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินในระดับประเทศ และระดับนานาประเทศ
          ในฐานะผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นการเงินชั้นนำซึ่งมีการดำเนินงานใน 92 ประเทศ อีกทั้งดูแลบัญชีธนาคารกว่าหนึ่งพันล้านรายการ EdgeVerve ร่วมมือกับหลายสถาบันการเงินชั้นนำของโลกเพื่อสร้างเครือข่ายการธนาคารที่ใช้บล็อคเชน, ผลิคภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับเฟรมเวิร์ค ดังกล่าว อันรวมไปถึง การชำระเงิน, ธุรกรรมเพื่อการค้า, การประมวลผลใบแจ้งหนี้, สมาร์ท คอนแทรค, ตู้นิรภัยดิจิตอล, เงินกู้ร่วม และ ฯลฯ
          อ้างถึง:
          Andy Dey, ประธานฝ่ายลูกค้าและการดำเนินงาน, EdgeVerve
          "บล็อคเชนสามารถนำเสนอโอกาสสำคัญๆ ที่จะปฏิรูปกระบวนการแบบเดิมๆ, ลดค่าใช้จ่าย รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและความถูกต้องของข้อมูลการทำธุรกรรม ที่ EdgeVerve นั้น เราลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการวิจัย ณ ประเทศไอร์แลนด์ และพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมทางการเงินที่สำคัญ สถาบันการเงินชั้นนำของโลก 2 -3 แห่งนั้นทำงานร่วมกับเราในการสร้างบล็อคเชนที่ขับเคลื่อนโปรแกรมและเครือข่ายการใช้งานด้านการธนาคารอยู่แล้ว"
          เกี่ยวกับ Infosys Finacle
          Finacle เป็นโซลูชั่นธนาคารสากลชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมจาก EdgeVerve Systems ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอินโฟซิส โซลูชั่นนี้เปิดทางให้สถาบันทางการเงินสานความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น ผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และเร่งการเติบโตในโลกดิจิตอล ปัจจุบัน Finacle เป็นตัวเลือกที่ธนาคารต่างๆใน 84 ประเทศไว้วางใจ และให้บริการลูกค้ากว่า 547 ล้านคน หรือเกือบ 16.5% ของประชากรในวัยผู้ใหญ่ที่ใช้บริการธนาคารทั่วโลก
          โซลูชั่นของ Finacle ยังตอบสนองความต้องการของสถาบันการเงินต่างๆทั่วโลก ได้แก่ คอร์ แบงกิ้ง, อีแบงกิ้ง, โมบายล์ แบงกิ้ง, การบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM), การชำระเงิน, การคลัง, การยื่นกู้, การจัดการสภาพคล่อง, กิจการธนาคารอิสลาม, การบริหารจัดการความมั่งคั่ง และการวิเคราะห์ ทั้งนี้ จากการประเมินธนาคารที่ติดอันดับท็อป 1000 พบว่า ธนาคารที่ใช้โซลูชั่น Finacle มีผลตอบแทนจากสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 50% ผลตอบแทนจากเงินทุนเพิ่มขึ้น 30% และต้นทุนต่อรายได้น้อยกว่าธนาคารแห่งอื่น 8.1%
          ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.finacle.com
          เกี่ยวกับ EdgeVerve Systems Ltd
          
          EdgeVerve Systems เป็นบริษัทในเครือที่อินโฟซิสครองกรรมสิทธิเต็มซึ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ใหม่เชิงนวัตกรรม โดยนำเสนอแพลตฟอร์มภายในที่ตั้งสำนักงานหรือให้บริการในฐานะแพลตฟอร์มธุรกิจรูปแบบคลาวด์โฮสต์ ผลิตภัณฑ์ของเราเปิดทางให้สถาบันทางการเงินสานความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นได้ลึกซึ้งขึ้น ผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และเร่งการเติบโตในโลกแห่งดิจิตอล เราขับเคลื่อนการเติบโตให้แก่ลูกค้าในภาคส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การธนาคาร ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์แอ็คทีฟคอมเมิร์ซ การจัดจำหน่าย บริการด้านสินเชื่อ บริการลูกค้า และการซื้อในระดับองค์กร
          ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของ EdgeVerve มีบริษัทต่างๆใช้งานอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในภาคบริการทางการเงิน ประกันภัย ค้าปลีกและบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค (CGP) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ การผลิต และโทรคมนาคม Finacle ซึ่งเป็นโซลูชั่นธนาคารสากลของเรา จึงเป็นตัวเลือกที่ธนาคารต่างๆใน 84 ประเทศไว้วางใจ และให้บริการลูกค้ากว่า 547 ล้านคน หรือเกือบ 16.5% ของประชากรในวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกที่ใช้บริการธนาคาร
          ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.edgeverve.com
          ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า
          ข้อความบางข้อความในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ที่เกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวในอนาคตของอินโฟซิส ถือเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เกี่ยวกับธุรกิจในอนาคตของเรา ที่นิยามไว้ในกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นแตกต่างอย่างมากจากข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับข้อความเหล่านี้ประกอบไปด้วย ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากความผันผวนของผลประกอบการ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความสามารถของเราในการบริหารการเติบโต ความรุนแรงของการแข่งขันในการให้บริการด้านไอที ซึ่งรวมไปถึงปัจจัยต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบด้านต้นทุนของเรา การเพิ่มค่าแรงในอินเดีย ความสามารถของเราในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีทักษะความสามารถสูงไว้กับบริษัท ระยะเวลาและต้นทุนในการดำเนินการตามสัญญาที่กำหนดกรอบเวลาและราคาที่แน่นอน การให้ความสำคัญของลูกค้า การควบคุมเรื่องการย้ายถิ่นฐาน การให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม ความสามารถของเราในการบริหารจัดการการดำเนินงานในต่างประเทศ ความต้องการที่ลดลงสำหรับเทคโนโลยีที่เราให้ความสำคัญ ภาวะติดขัดหรือความล้มเหลวของโครงข่ายโทรคมนาคม ความสามารถของเราในการเข้าซื้อและผนวกรวมธุรกิจใหม่ให้สำเร็จลุล่วง หนี้สินที่เกิดจากความเสียหายจากการให้บริการตามสัญญาของเรา ความสำเร็จของบริษัทต่างๆที่อินโฟซิสได้เข้าไปลงทุนเชิงกลยุทธ์ การยกเลิกหรือการหมดอายุของมาตรการสร้างแรงจูงใจทางการคลังของรัฐบาล ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความขัดแย้งในภูมิภาค ข้อจำกัดทางกฎหมายในการเพิ่มทุนหรือการซื้อกิจการภายนอกประเทศอินเดีย และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเราและภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เราดำเนินงาน สำหรับความเสี่ยงเพิ่มเติมที่อาจมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของเรานั้น ได้มีการอธิบายอย่างละเอียดในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ซึ่งรวมไปถึง Annual Report ใน Form 20-F สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 สามารถดูเอกสารเหล่านี้ได้ที่ http://www.sec.gov อินโฟซิสอาจแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือทางวาจา ซึ่งรวมไปถึงข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และในรายงานของเราต่อผู้ถือหุ้น ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตซึ่งระบุถึงในที่นี้ เกิดจากสมมติฐานที่เราเชื่อว่าสมเหตุสมผล ณ วันที่ระบุ ทั้งนี้ บริษัทไม่มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อความที่เป็นลักษณะการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งอาจมีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งคราว หรือในนามของบริษัท เว้นแต่กฎหมายกำหนด
          แหล่งข่าว: Infosys Finacle

No comments:

Post a Comment