Tuesday, May 13, 2025

เวทีประกวดนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการระดับโลกแห่งฝูเจี้ยน ประจำปี 2568 เปิดรับสมัครแล้ว

คณะกรรมการจัดการประกวดนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการระดับโลกแห่งฝูเจี้ยน ประจำปี 2568

การประกวดนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการระดับโลกแห่งฝูเจี้ยน ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานกำกับดูแลงานด้านบุคลากร ในสังกัดคณะกรรมการพรรคฯ ประจำมณฑลฝูเจี้ยน ได้เริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมการประกวดนี้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา งานนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนามณฑลฯ และส่งเสริมอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ โดยเปิดโอกาสต้อนรับโครงการสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพทางการตลาดสูง

การประกวดนี้มีรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ 3 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง จำนวน 6 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง จำนวน 15 รางวัล และรางวัลชมเชยอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมเงินรางวัล 150,000 หยวน, 100,000 หยวน, 50,000 หยวน และ 20,000 หยวน (ก่อนหักภาษี) ตามลำดับ ผู้เข้าแข่งขันจะได้นำเสนอผลงานใน 3 สาขาหลักด้วยกัน ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ และการผลิตขั้นสูง เพื่อโชว์ความก้าวหน้าล่าสุดในแวดวงต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ชีวการแพทย์ พลังงานใหม่ วัสดุใหม่ เป็นต้น

การประกวดนี้มีทั้งหมด 4 ระยะด้วยกัน เริ่มจากการลงทะเบียน ตามด้วยการพิจารณา การแข่งขันรอบแรก และรอบชิงชนะเลิศ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถส่งเอกสารได้ที่เว็บไซต์ทางการ ( www.fujiantalent.com ) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม ถึง 10 กรกฎาคม 2568 ในรอบแรกจะเป็นการพิจารณาเอกสารออนไลน์ในเดือนกรกฎาคม โดยผู้เชี่ยวชาญจะอ่านและตัดสินผล จากนั้น ผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะได้นำเสนอโครงการของตนเองแบบเจอตัวจริงในช่วงต้นเดือนกันยายน ในมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติจีนเพื่อการลงทุนและการค้า (CIFIT) ที่เซี่ยเหมิน และปิดท้ายด้วยพิธีมอบรางวัล รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การเยี่ยมชมดูงานในอุตสาหกรรม และการพบปะพูดคุยกับนักลงทุน

เพื่อเป็นการสนับสนุนให้โครงการต่าง ๆ ตั้งหลักและเติบโตในฝูเจี้ยน ทางผู้จัดงานจึงมีนโยบายและเงินทุนสนับสนุนให้ด้วย โดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งจะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีความสามารถระดับสูงประเภท B และจะได้รับเงินช่วยเหลือในการตั้งถิ่นฐานสูงสุดถึง 1 ล้านหยวน ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งและอันดับสองก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีความสามารถระดับสูงประเภท C และจะได้รับเงินช่วยเหลือในการตั้งถิ่นฐานสูงสุดถึง 500,000 หยวน นอกจากนี้ โครงการที่มีศักยภาพยังอาจได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมร้อยคนเก่งเพื่อผู้ประกอบการ (Hundred Talents Program for Entrepreneurship) และมีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 2 ล้านหยวน

 เมืองอันซานของจีนชวนสัมผัสอุตสาหกรรมเหล็กกล้าสุดล้ำ พร้อมชมทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม




เมืองอันซาน ในมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "เมืองหลวงแห่งเหล็กกล้า" ของจีน ถือเป็นแหล่งกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็น "ครั้งแรก" ในอุตสาหกรรมจีนยุคใหม่ เช่น เหล็กกล้าหลอมเหลว น้ำเหล็กหลอมเหลว ถ่านโค้ก ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ เหล็กกล้าแผ่นม้วน ฯลฯ

กล่าวได้ว่าเมืองอันซานก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากเหล็กกล้า และจิตวิญญาณของเมืองได้รับการหล่อหลอมจากอานุภาพแห่งอุตสาหกรรมของประเทศจีน เมืองอันซานมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติอย่างพิพิธภัณฑ์อันสตีล (Ansteel Museum) ซึ่งจัดแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่เป็น "ครั้งแรก" ในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ อันเกิดจากฝีมือของบริษัท อันสตีล กรุ๊ป (Ansteel Group) โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับโรงงานหลักของอันสตีล ซึ่งเป็นฐานการผลิตเหล็กกล้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นภูมิทัศน์ทางอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทุกวันนี้ พิพิธภัณฑ์อันสตีลเป็นทั้งแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมและจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่แนะนำกันในโลกโซเชียล

อันสตีลได้ทำลายอุปสรรคด้านการวิจัยและแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงฟู่ซิง (Fuxing) แท่นขุดเจาะก๊าซนอกชายฝั่งบลูเวล 1 (Blue Whale 1) สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ซึ่งเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก หรือเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน เหลียวหนิง (CNS Liaoning) อันสตีลยังคงทำหน้าที่เป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมแห่งชาติ โดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับจีนด้วยความภาคภูมิใจในฐานะ "ผู้ให้กำเนิดเหล็กกล้าแห่งแรกของจีน"

ทั้งนี้ หากมาเยือนเมืองอันซานในเดือนพฤษภาคม ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่มาบรรจบกับทิวทัศน์อันงดงามของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ

จุดชมวิวเฉียนซาน (Qianshan Scenic Area) ที่สะท้อนความกลมกลืนอันสมบูรณ์แบบระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรม ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงมากกว่า 260 แห่ง มีตำนานเล่าขานว่ายอดเขาที่เชื่อมต่อกัน 999 ยอด มีลักษณะคล้ายดอกบัวสีเขียวมรกตที่ทอดยาวไปจนถึงท้องฟ้า จึงได้รับชื่อที่ไพเราะว่า "ภูเขาพันดอกบัว" นอกจากนี้ ด้วยพืชพรรณปกคลุมพื้นที่กว่า 95% และระดับออกซิเจนไอออนลบสูงเป็นพิเศษ ทำให้ได้รับการยกย่องเป็น "บาร์ออกซิเจนตามธรรมชาติของจีน" โดยสมาคมอุตุนิยมวิทยาจีน

เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่า "ข้าหาได้ริษยานกบนนภาไม่ หากได้สำราญในน้ำพุร้อนที่ข้ารัก" แหล่งท่องเที่ยวระดับ 4A ของประเทศอย่างน้ำพุร้อนถังกังจือ (Tanggangzi Hot Spring) ในเมืองอันซาน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยน้ำแร่คุณภาพเยี่ยมที่อุณหภูมิเฉลี่ย 72 องศาเซลเซียส

เมืองอันซานสามารถผสานเหล็กกล้าที่ร้อนแรงเข้ากับน้ำพุร้อนที่ผ่อนคลายได้อย่างลงตัว สะท้อนแก่นแท้ของความเข้มแข็งแต่อ่อนโยนได้อย่างเด่นชัด

 Steel and Soul: Anshan's Industrial Backbone and Poetic Landscapes




Many of New China's industrial "firsts" were born in Anshan, Liaoning - the "Steel Capital" of China, the first bucket of molten steel, molten iron, and coke, the first seamless steel pipe, the first steel strip coil, etc.

Anshan is built on steel, with its soul shaped by the country's industrial might. The Ansteel Museum, a top-tier national museum, showcases several of New China's historic "firsts" achieved by Ansteel. Located right next to Ansteel Group's main plant, the world's largest single-site steel production base, it forms a unique industrial landscape. Today, it stands as both a cultural landmark and a popular social media destination in Anshan.

With rapid advances in science and technology, Ansteel has broken through research barriers and solved critical "bottleneck" challenges. From China's high-speed Fuxing bullet trains to the offshore gas drilling platform Blue Whale 1, from the world's longest sea bridge - the Hong Kong-Zhuhai-Macao Bridge - to China's first aircraft carrier, the CNS Liaoning, Ansteel continues to serve as the backbone of national industry, reinforcing China's strength with its "firstborn steel" pride.

Visit Anshan in May, where steel strength meets spring blossoms.

Qianshan Scenic Area, a perfect harmony of nature and culture, boasts over 260 renowned natural and cultural attractions. Legend says that its 999 interconnected peaks resemble a chain of emerald lotuses reaching for the sky, earning it the poetic name "Thousand-Lotus Mountain". With over 95% vegetation coverage and exceptionally high negative oxygen ion levels, it has been honored as "China's Natural Oxygen Bar" by the China Meteorological Service Association.

There a line that goes, "I envy not heavenly birds above, but revel in the delight of hot springs I love". As a national 4A-level tourist attraction, Tanggangzi Hot Spring draws visitors with its top-quality mineral waters at an average temperature of 72 degrees centigrade.

This city blends fiery steel with soothing hot springs, strong yet tender at its core.





Saturday, May 10, 2025

ค็อกพิทจัดงานประชุมประจำปี 2568 เสริมแกร่งสมาชิกแฟรนไชส์ทั่วประเทศ พร้อมพาเปิดประสบการณ์สัมผัสสมรรถนะยางรถยนต์ ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE TURANZA 6

 


บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การนำทัพ โดยคุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการ พร้อมทีมผู้บริหาร ผนึกสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ทั่วประเทศ กว่า 200 คน เข้าร่วมประชุมใหญ่ในงาน “ประชุมสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ ประจำปี พ.ศ. 2568” ที่โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ต แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี ลุยยกระดับการบริหารจัดการอย่างเข้มข้น เผยพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ เดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่ดีและความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยแนวคิด Customer Centric พร้อมกันนี้ยังพาสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะของยางรถยนต์พรีเมียม BRIDGESTONE TURANZA 6 มาตรฐานใหม่แห่งความนุ่มสบาย เหนือระดับในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ โดยใช้เส้นทางพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นแนวทางนำเสนอผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าจากประสบการณ์การใช้งานจริง

ค็อกพิทได้จัดประชุมสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ประจำภูมิภาคในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม – เมษายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ในโอกาสนี้เพื่อเสริมแกร่งเน้นย้ำกลยุทธ์การบริหารจัดการสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและประสานพลังเดินหน้าไปพร้อมกันกับสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ทั่วประเทศ ค็อกพิทจึงจัดประชุมใหญ่ประจำปีขึ้น

สำหรับกลยุทธ์หลักในการยกระดับแบรนด์ค็อกพิทประจำปีนี้ มี 4 ประการสำคัญ ได้แก่ 1) เดินหน้าปรับปรุงสาขาปัจจุบันพร้อมนำเสนอภาพลักษณ์ที่ทันสมัย และรุกขยายสาขาให้ครอบคลุมการใช้บริการของลูกค้าทั่วประเทศ 2) สร้างมาตรฐานการให้บริการจากทีมงานและทีมช่างมืออาชีพผ่านแผนการอบรมตลอดทั้งปี เพื่อยกระดับประสบการณ์ ทักษะ และความชำนาญ ให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา 3) สร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลรักษารถยนต์อย่างครบวงจร และ 4) ยกระดับแบรนด์ค็อกพิทด้วยการพัฒนาระบบ และกิจกรรมการตลาดออนไลน์ ได้แก่ เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ด้วยการสร้างระบบร้านค้าออนไลน์และการครีเอทคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เน้นโปรโมทโปรโมชั่นผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เป็นต้น และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความตั้งใจของค็อกพิทที่พร้อมยกระดับและเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางครอบคลุมในทุกมิติ ด้วยการยึดมั่นในปณิธานการเป็นเพื่อนรู้ใจที่พร้อมจะอยู่คู่ชีวิตรถยนต์ตลอดการเดินทาง จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาใช้บริการซ้ำ สู่การเป็นแบรนด์เป็นศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรชั้นนำที่ครองใจลูกค้าชาวไทย

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

เกี่ยวกับ ค็อกพิท

ค็อกพิท (Cockpit) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่พร้อมให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง ด้วยสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรจากผู้ผลิตชั้นนำ เเละบริการมาตรฐานจากทีมช่างผู้ชำนาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการให้บริการด้วยความุ่งมั่น คำนึงถึงความปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 259 สาขาทั่วประเทศ* (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568)

COCKPIT Holds National Meeting 2025, Taking Nationwide Franchisees on a Journey to Experience Tire Performance at BRIDGESTONE TURANZA 6 Launch Event

 

Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd., led by Mr. Akihito Ishii, Managing Director and the executive team, brought together over 200 COCKPIT nationwide franchisees for the “COCKPIT National Meeting2025” at the Renaissance Pattaya Resort & Spa, Chonburi province. The meeting aimed at elevating business management with strengthening and building trust in the brand with a Customer Centric approach to deliver exceptional experiences. As part of the meeting, the franchisees were invited to experience the premium tire performance at the launch of BRIDGESTONE TURANZA 6,  setting the new comfort benchmark for superior driving. The test drive took place on a designated route in Pattaya, Chonburi province, allowing them to experience the product firsthand before presenting the tire to customers through real-world insights.


COCKPIT held the regional meeting for its franchisees between March and April 2025. To further strengthen alignment and emphasize strategic business management toward tangible outcomes, COCKPIT held the national meeting, uniting its nationwide franchisees to move forward together with a shared vision.

This year, COCKPIT has outlined four key strategies to elevate its brand: 1) Modernize and expand the service network by upgrading existing branches to present a more modern image while aggressively expanding coverage nationwide to ensure accessibility for customers. 2) Standardize service by implementing year-round training programs for staff and professional technicians to enhance skills, expertise, and customer service consistency, ensuring that every branch delivers the same high-quality experience. 3) Strengthen product standards by establishing clear quality benchmarks for tires and other automotive products to deliver comprehensive car maintenance. 4) Enhance digital presence and marketing by developing online platforms to attract new customer segments, including the launch of an e-commerce system and the creation of engaging content. This also involves increasing online promotions to boost visibility and drive traffic. All these efforts reflect COCKPIT’s commitment to delivering a seamless, customer-centric experience tailored to modern lifestyles. By embracing the role of a trusted companion in every journey, COCKPIT aims to leave lasting impressions, foster customer loyalty, and establish itself as Thailand’s leading a fast fist one-stop auto care center.

About Bridgestone in Thailand:   
Bridgestone is a global leader in tires and rubber building on its expertise to provide solutions for safe and sustainable mobility. In Thailand, Thai Bridgestone Co., Ltd. (TBSC) is a leading manufacturer in the Thai automotive industry, while Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd. (BSTL) is the exclusive importer & distributor, and supervises the marketing strategy for Bridgestone, Firestone and Dayton branded tires in Thailand. Bridgestone is a brand trusted by its customers, dealers and business partners. Bridgestone offers a diverse product portfolio of premium tires and advanced solutions backed by innovative technologies, improving the way people around the world move, live, work and play. 

About COCKPIT:  

COCKPIT, One Stop Auto Care Center, offers a variety of vehicle maintenance services from tires, motor oils, brakes, suspensions, batteries, and scheduled maintenances. All parts and consumables are of the highest quality from leading manufacturers and performed by highly trained and qualified technicians using modern tools and equipment. Our mission is the commitment to serve with emphasis on safety in every detail, to offer the best products and services to customers. There are 259 COCKPIT stores nationwide* (as of May 2025). 

Friday, May 9, 2025

มาห์เล เตรียมจัดแสดงโซลูชันอี-โมบิลิตี้พร้อมรับอนาคต ที่งานซับคอน ไทยแลนด์ 2025

 

  • แผ่นระบายความร้อนแบตเตอรี่แบบไบโอนิกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของแบตเตอรี่
  • โมดูลการจัดการของเหลวแบบครบวงจรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการความร้อนสำหรับระบบขับเคลื่อนและมอเตอร์ไฟฟ้า  
  • เยี่ยมชม มาห์เล (ประเทศไทย) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ฮอลล์ 104 บูธ D52 ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568

มาห์เล (MAHLE) พร้อมนำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดที่ตอบโจทย์ด้านการจัดการความร้อนและระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่งานซับคอน ไทยแลนด์ 2025 (SUBCON Thailand 2025) งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน มาห์เลขอเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานสำรวจนวัตกรรมแผ่นระบายความร้อนแบตเตอรี่แบบไบโอนิกซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของแบตเตอรี่ และโมดูลการจัดการของเหลวที่เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความร้อนสำหรับระบบขับเคลื่อนและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ฮอลล์ 104 บูธ D52 ตั้งแต่วันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568

“การที่เราสามารถทำความเข้าใจระบบความร้อนในรถยนต์ได้อย่างครบถ้วน และนำมาพัฒนาแนวคิดแบบองค์รวมที่ทันสมัยและปรับตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้นั้น ทำให้เราประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่ง” จูมานา อัล-ไซบาย (Jumana Al-Sibai) กรรมการบริหาร และผู้รับผิดชอบธุรกิจการจัดการความร้อนและระบบของเหลว กล่าว

แผ่นระบายความร้อนแบตเตอรี่แบบไบโอนิกก้าวกระโดดที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ  

วิศวกรของมาห์เลได้พัฒนาโครงสร้างไบโอนิกสำหรับช่องหล่อเย็นของแผ่นระบายความร้อนแบตเตอรี่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง นวัตกรรมนี้จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการระบายความร้อนได้เพิ่มขึ้น 10% ลดการสูญเสียแรงดันลง 20% และกระจายอุณหภูมิทั่วเซลล์แบตเตอรี่ได้อย่างสม่ำเสมอกันมากขึ้น

การปรับปรุงเหล่านี้ส่งผลให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น และมีความคงทนสูงขึ้น การควบคุมความร้อนอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันการเกิดความร้อนสะสมมากกว่าปกติ หรือที่เรียกว่าโอเวอร์ฮีท (overheat) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดัน นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมยังช่วยลดวัสดุในการผลิตได้สูงสุดถึง 15% ส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ลดลง 15%

“แผ่นระบายความร้อนแบบไบโอนิกของเราแสดงให้เห็นว่า ธรรมชาติสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นโซลูชันก้าวล้ำที่ตอบโจทย์ความท้าทายในระบบขับเคลื่อนยานยนต์สมัยใหม่” จาค็อบ รัมเลอร์ (Jakob Ruemmler) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาห์เล เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอนวัตกรรมนี้เป็นครั้งแรกในตลาดอาเซียนที่งานซับคอน ไทยแลนด์”

โมดูลการจัดการของเหลวโซลูชันระบบการจัดการความร้อนแบบครบวงจรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ภายในงาน มาห์เลจะเปิดตัวโมดูลการจัดการของเหลวสำหรับการระบายความร้อนของมอเตอร์และเกียร์ในยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และยานยนต์ไฮบริด

โมดูลเหล่านี้รวมฟังก์ชันที่สำคัญ ๆ เช่น การระบายความร้อน การกรอง และการจ่ายของเหลว อัดแน่นครบครันในเครื่องเดียว โดยส่วนประกอบหลักของโมดูลประกอบด้วยปั๊มน้ำมันแบบไฟฟ้า เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน และตัวกรอง ทั้งยังสามารถเพิ่มคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น กระปุกน้ำมัน เทอร์โมสตัท เครื่องล้างฟอง เครื่องควบคุมความชื้น และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความดัน สำหรับฝาครอบโมดูลมีให้เลือกทั้งแบบพลาสติก งานอะลูมิเนียม หรือวัสดุผสม เพื่อความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน

ด้วยการออกแบบที่รวมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน โมดูลนี้จึงสามารถรองรับการระบายความร้อนด้วยน้ำมันสำหรับมอเตอร์ที่มีขนาดเล็ก ช่วยให้มอเตอร์ทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่องได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับการระบายความร้อนด้วยน้ำแบบดั้งเดิมที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดต่อเนื่องได้ราว 50% นอกจากนี้ โมดูลยังได้รับการปรับปรุงด้านการจัดการความร้อนและการสูญเสียความดัน ซึ่งช่วยลดความเครียด (strain) ของระบบและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ตลอดจนปรับปรุงในเรื่องระดับเสียง ความสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) ด้วยการกรองที่ท่อความดัน (pressure-side) ซึ่งทำให้อัตราการไหลเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของการเกิดโพรงอากาศและการเกิดฟอง โดยรวม ดีไซน์ของโมดูลช่วยลดพื้นที่และน้ำหนักลงได้อย่างมีนัยสำคัญถึง 20% ช่วยให้การบรรจุส่วนประกอบยานยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังลดต้นทุนการผลิต

มาห์เลจึงช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ ลดความซับซ้อนของส่วนประกอบ และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของยานพาหนะ ด้วยการรวมฟังก์ชันการจัดการความร้อนที่สำคัญ ๆ ไว้ในโมดูลขนาดกะทัดรัดเพียงเครื่องเดียว

สนับสนุนกลยุทธ์ MAHLE 2030+

การพัฒนาใหม่ ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากกลยุทธ์ MAHLE 2030+ ของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นที่สามเสาหลัก ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า การจัดการความร้อน และเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICEs) ที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน มาห์เลเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืน และไม่เพียงพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงเทคโนโลยีระบบส่งกำลังแบบดั้งเดิมให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

พบกับมาห์เล ประเทศไทย ที่งานซับคอน ไทยแลนด์

งานซับคอน ไทยแลนด์ 2025  เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมได้นำเสนอนวัตกรรมและเชื่อมโยงกับพันธมิตรในภูมิภาค ทีมงานของมาห์เล ประเทศไทย รอต้อนรับผู้เข้าชมงานอยู่ที่บูธ D52 ภายในฮอลล์ 104 เพื่อให้ทุกท่านสัมผัสกับโซลูชันล่าสุดของระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการความร้อนด้วยตนเอง

“เรามุ่งมั่นนำเสนอโซลูชันสำหรับอนาคตซึ่งตอบโจทย์ความท้าทายที่สำคัญด้านระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน” จาค็อบ รัมเลอร์ กล่าวสรุป “ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสำรวจเทคโนโลยีของเราที่งานซับคอน ไทยแลนด์ 2025”

MAHLE to showcase future-ready e-mobility solutions at SUBCON Thailand 2025

 

  • Bionic battery cooling plate enhances battery performance and sustainability
  • Integrated liquid management modules boost thermal efficiency for traction drives and e-motors
  • Visit MAHLE Thailand at BITEC Exhibition Center, Hall 104, Booth D52,
    May 14–17, 2025

At SUBCON Thailand 2025, ASEAN’s leading industrial part sourcing and business matching event, MAHLE will showcase its latest future-ready advancements in thermal management and electrification. From May 14 to 17, 2025, visitors are invited to discover MAHLE’s bionic battery cooling plate, which enhances battery performance and sustainability, and its liquid management modules boosting thermal efficiency for traction drives and e-motors at BITEC Exhibition Center, Hall 104, Booth D52.

“By being able to understand thermal systems in vehicles as a whole and developing holistic innovative, tailor-made concepts for our customers, we successfully set ourselves apart from the competition,” said Jumana Al-Sibai, Member of the Management Board and in charge of the Thermal Management and Fluid Systems Business Unit.

Bionic battery cooling plate: A leap forward inspired by nature

Drawing inspiration from nature’s highly efficient structures, MAHLE engineers have developed a bionic structure for the cooling channels of their battery cooling plate. This innovation leads to a 10 percent increase in cooling capacity, a 20 percent reduction in pressure loss, and a more homogeneous temperature distribution across the battery cells.

With these improvements, the battery can operate more efficiently, charge faster, and maintain higher durability. Uniform thermal control prevents overheating, improving battery performance under demanding conditions. Additionally, optimized material usage has reduced production materials by up to 15 percent, resulting in a 15 percent reduction in CO₂ emissions.

“Our bionic cooling plate shows how nature can inspire breakthrough solutions for modern mobility challenges,” said Jakob Ruemmler, Managing Director of MAHLE Services Thailand. “We’re excited to present this innovation for the first time in the ASEAN market at SUBCON Thailand 2025.”

Liquid management modules: Integrated thermal solutions for e-motors

MAHLE will also debut its Liquid Management Modules for transmission and motor cooling for fuel cell electric vehicles (FCEV), battery electric vehicles (BEV), and hybrid vehicles.

These modules combine critical functions such as cooling, filtration, and fluid supply into one compact system. Main module components include an electrically driven oil pump, heat exchanger, and filter, while optional features such as an integrated oil reservoir, thermostat, de-foaming unit, drying unit, and temperature and pressure sensors can be incorporated depending on customer requirements. Housings are available in plastic, aluminum diecast, or hybrid materials, providing flexibility to meet different application needs.

The integrated design enables oil cooling for compact motor configurations, helping motors achieve continuous peak performance exceeding 70 percent, compared to approximately 50 percent possible with conventional water jacket cooling. Thermal management and pressure losses are optimized, reducing strain on the system and enhancing energy efficiency. With pressure-side filtration, the modules also offer improved noise, vibration, and harshness (NVH) performance, higher flow rates, and minimized risks of cavitation and foaming. Overall, the module design supports significant space and weight reductions of up to 20 percent, allowing for more efficient vehicle packaging and lower production costs.

By combining several critical thermal management functions into a single compact unit, MAHLE helps automotive manufacturers improve system efficiency, reduce component complexity, and enhance overall vehicle performance.

Supporting the MAHLE 2030+ Strategy

These new developments are a direct result of the company’s strategy MAHLE 2030+, which focuses on three pillars: electrification, thermal management, and highly efficient and sustainable internal combustion engines (ICEs). Through continued innovation and strategic investments, MAHLE is committed to supporting the future of sustainable mobility, not only through advancements in electric powertrains but also by further improving traditional drivetrain technologies.

Join MAHLE Thailand at SUBCON Thailand 2025

SUBCON Thailand 2025 serves as a vital platform for industrial technology leaders to showcase innovation and connect with regional partners. The MAHLE Thailand team looks forward to welcoming visitors at Hall 104, Booth D52 to experience their latest e-mobility and thermal management solutions firsthand.

“We are committed to delivering future-ready solutions that address the key challenges of electrification, efficiency, and sustainability,” concluded Jakob Ruemmler. “We warmly invite everyone to explore our technologies at SUBCON Thailand 2025.”