Monday, May 13, 2024

ลอรีอัล เปิดรับสมัครชิงทุนวิจัย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" ครั้งที่ 22 มอบสูงสุด 5 ทุน เปิดรับสมัครถึง 30 มิถุนายนนี้

โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ สานต่อความสำเร็จปีที่ 22 เปิดรับสมัครนักวิจัยสตรีไทย อายุไม่เกิน 40 ปี ผู้เป็นเจ้าของงานวิจัยอิสระในสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ หรือวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เดินหน้ามอบทุนสูงสุดจำนวน 5 ทุน ทุนละ 250,000 บาท และโล่เกียรติคุณพร้อมจัดงาน Conversations with the Fellows ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อกระชับมิตรครอบครัวนักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุน เสริมเครือข่ายนักวิจัยสตรีไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเชิดชูเกียรติสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์และสนับสนุนงานด้านการค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าวว่า "ในฐานะบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก ลอรีอัล กรุ๊ป ยืนหยัดเคียงข้างผู้หญิงผ่านกิจกรรมและกองทุนต่าง ๆ เพื่อสร้างพลัง โอกาส และแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงเสมอมา โดยเฉพาะในสายงานวิทยาศาสตร์ผ่านโครงการทุนวิจัย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" เรายังเสริมสร้างเครือข่ายด้วยกิจกรรม Conversations with the Fellows ที่จัดขึ้นเพื่อให้นักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุน ได้พบปะและและเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าเปิดรับสมัครชิงทุนวิจัยฯ เป็นปีที่ 22 เพื่อเฟ้นหาผลงานของนักวิจัยสตรีไทยที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกในวงกว้าง และผลักดันผลงานวิจัยให้สามารถก้าวไปยังระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ สอดคล้องกับแนวคิดของโครงการที่ว่า โลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการสตรี"

ดร. กัญญวิมว์ กีรติกร ประธานคณะกรรมการบริหารบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยและหนึ่งในคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ โครงการ ทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า "การมีโอกาสที่จะสื่อสารงานวิจัยในวงกว้าง เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้นักวิจัยสตรีรุ่นใหม่ สามารถพัฒนางานวิจัยของตัวเองให้เข้มแข็งขึ้นได้อีก โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการฯ ที่สร้างโอกาสในการเป็นนักวิจัยระดับสากล และรางวัลนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ผลงานวิจัยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีเวทีรางวัลระดับนานาชาติที่จะเป็นก้าวต่อ ๆ ไปที่นักวิจัยที่ได้รับทุนจากทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทยฯ จะได้ไต่ระดับขึ้นไปแสดงความสามารถ การเป็นที่รู้จักในระดับสากลเปิดโอกาสให้ได้พบปะและสร้างเครือข่ายอันจะนำไปสู่การแบ่งปันองค์ความรู้และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ สร้างโอกาสให้กับนักวิจัยที่จะได้รับทุนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือ เปิดโอกาสในการที่จะช่วยกันสร้างคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะสตรีให้รักวิทยาศาสตร์และก้าวสู่อาชีพนี้เพิ่มขึ้น จึงอยากสนับสนุนให้นักวิจัยรุ่นใหม่สมัครชิงทุนนี้ เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้แวดวงสตรีในงานวิทยาศาสตร์ต่อไป"

นักวิจัยสตรีที่สนใจสามารถสมัครเข้าชิงทุนโครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2567 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่อีเมล

เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป 

ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานถึง 115 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 36 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L'Oreal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน

ข้อมูลเพิ่มเติมhttps://www.loreal.com/en/mediaroom  

เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย 

ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์  

  • แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
  • แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ อิท คอสเมติกส์  
  • แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส 
  • แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี

ข้อมูลเพิ่มเติมwww.lorealthailand.com และ www.facebook.com/lorealthailand

Yili สุดปลื้ม รายได้ปี 2566 แตะ 1.262 แสนล้านหยวน มุ่งนำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมระดับโลกให้พัฒนาก้าวหน้าได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

Yili Group

เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา Yili Group ได้เปิดเผยรายงานทางการเงินประจำปี 2566 ซึ่งทำลายสถิติรายได้จากการดำเนินงานรวม 1.26179 แสนล้านหยวน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทแม่อยู่ที่ 1.0429 หมื่นล้านหยวน โดยเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องเป็นปีที่ 31

ในวันเดียวกันนั้น Yili ยังประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านหยวน แต่ไม่เกิน 2 พันล้านหยวน ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะถูกยกเลิกทั้งหมดเพื่อลดทุนจดทะเบียนของบริษัท

ในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Yili ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ธุรกิจนมเหลวของ Yili สร้างรายได้จากการดำเนินงาน 8.554 หมื่นล้านหยวน โดยยังคงรักษาตำแหน่งสูงสุดทั้งในด้านขนาดและส่วนแบ่งทางการตลาด ส่วนนมผงและผลิตภัณฑ์นมมีรายได้ 2.7598 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.09% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดขายนมผงโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาดจีน ด้านธุรกิจเครื่องดื่มเย็นสร้างรายได้จากการดำเนินงาน 1.069 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11.72% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยอุตสาหกรรมอย่างมาก และยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดต่อเนื่องเป็นปีที่ 29

ธุรกิจในต่างประเทศของ Yili ก็ดำเนินไปด้วยดีเช่นกัน โดยในปี 2566 รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศของ Yili เพิ่มขึ้น 10.08% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ Cremo และ Joyday ได้รับความนิยมอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจไอศกรีม Joyday ก็รุกเข้าสู่แอฟริกาได้อย่างแข็งแกร่ง

Yili ได้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายซัพพลายเชนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังผลักดันฐานในประเทศและต่างประเทศให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเดือนพฤษภาคม 2566 นั้น ทาง Westland Dairy Company Limited ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ Yili ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานแลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) และเมื่อโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการแล้วก็จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแลคโตเฟอร์รินรายใหญ่ติดสามอันดับแรกของโลก ซึ่งการพัฒนาขีดความสามารถนี้ได้รับแรงผลักดันจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ที่กระตุ้นให้นำการวิจัยไปต่อยอดเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้

นอกจากนี้ Yili ได้สร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยในปี 2566 อีกด้วย โดยนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่กำหนดเทรนด์ใหม่ในการบริโภคเพื่อสุขภาพ ซึ่งความสำเร็จที่โดดเด่นประการหนึ่ง คือการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดและปกป้องแลคโตเฟอร์รินแบบทิศทางเฉพาะ ซึ่งเพิ่มอัตราการกักเก็บแลคโตเฟอร์รินในนมยูเอชทีจาก 10% เป็นมากกว่า 90% นอกจากนี้ บริษัทยังได้แก้ไขความท้าทายของการที่โปรไบโอติกสูญเสียประสิทธิภาพ (Probiotic Inactivation) ที่อุณหภูมิแวดล้อม ทำให้เกิดสถานการณ์การบริโภคโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่

ด้วยความสามารถทางเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเป็นรากฐาน กลุ่มบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขายดีที่สุด เช่น SATINE Active Lactoferrin Organic Milk และ Ambpomial AMX Probiotic Yogurt ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

ความสำเร็จด้านนวัตกรรมเหล่านี้เป็นผลจากการลงทุนระยะยาวของบริษัท โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของศูนย์นวัตกรรม Yili ประจำยุโรป ได้มีการเฉลิมฉลองการยกระดับศูนย์และการก่อตั้งศูนย์วิจัยโภชนาการแม่และเด็กระดับโลก ณ มหาวิทยาลัยวาเคอนิงเงิน (Wageningen University) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้ง ศูนย์แห่งนี้ได้ผลลัพธ์การวิจัยที่น่าทึ่งในด้านต่าง ๆ เช่น การวิจัยน้ำนมแม่ การพัฒนาโปรไบโอติก ตลอดจนกระบวนการและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ นับจากนี้ไป ศูนย์จะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์นมระดับโลกที่ล้ำสมัย เพื่อเร่งการประยุกต์ใช้และนำผลลัพธ์เชิงนวัตกรรมไปใช้ในเชิงพาณิชย์

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม Yili ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง แต่ยังเน้นย้ำถึงอนาคตที่ยั่งยืนอีกด้วย อีกทั้งบริษัทยังส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวและยั่งยืนอย่างแข็งขัน มีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสังคม รวมถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ที่มา: Yili Group 

Yili's 2023 Revenue Reaches 126.2 Billion Yuan, Leading Global Dairy Industry towards Healthy and Sustainable Development

Yili Group

On April 29, Yili Group released its 2023 financial report, showing a record-breaking total operating income of 126.179 billion yuan and a net profit attributable to parent company of 10.429 billion yuan. This marked 31 consecutive years of steady growth.

On the same day, Yili also announced a plan to repurchase shares worth no less than 1 billion yuan but no more than 2 billion yuan. These shares will be entirely canceled to reduce the company's registered capital.

During the reporting period, Yili's entire range of products remained industry-leading. Its liquid milk business generated an operating income of 85.54 billion yuan, maintaining its top position in both scale and market share. The milk powder and dairy products recorded 27.598 billion yuan in revenue, up 5.09% year on year, and overall milk powder sales rose to the top of the Chinese market. The cold beverage business generated an operating income of 10.69 billion up, up 11.72% from the previous year, far exceeding the industrial average growth rate, and retained its market leadership for the 29th consecutive year.   

Overseas business also performed well. In 2023, Yili's overseas business income increased by 10.08% year on year, with products sold to over 60 countries and regions. Notably, Cremo and Joyday products gained significant popularity in Southeast Asia, while Joyday ice cream made a strong entry into Africa.

Yili has continuously improved and optimized its global supply chain network, achieving efficient synergy between its domestic and overseas bases. In May 2023, construction work commenced for a lactoferrin factory of Westland Dairy Company Limited, one of Yili's subsidiaries. Once the factory is put into operation, it will be one of the top three lactoferrin producers worldwide. This capacity breakthrough is driven by innovative technological advancements that have spurred the transformation of research into tangible results.

In 2023, Yili made continuous breakthroughs in cutting-edge technologies, quickly translating these innovations into products that have set new trends in healthy consumption. One notable achievement was the development of a unique lactoferrin directional extraction and protection technology, which increased the lactoferrin retention rate in UHT milk from 10% to over 90%. Furthermore, the company solved the challenge of probiotic inactivation at ambient temperatures, creating new healthy consumption scenarios for yogurt.

With industry-leading technological capabilities as the foundation, the Group has launched bestselling new products such as the SATINE Active Lactoferrin Organic Milk and Ambpomial AMX Probiotic Yogurt, providing the company with new growth drivers.

These innovative achievements stem from the company's long-term investment in technology. Recently, on the tenth anniversary of the Yili European Innovation Center, the center's upgrade and the establishment of the Global Maternal and Child Nutrition Research Center were celebrated at Wageningen University in the Netherlands. Since its inception, the center has achieved remarkable results in areas like breast milk research, probiotics development, and innovative processes and technologies. Going forward, the center will focus on cutting-edge global dairy technologies to accelerate the application and commercialization of innovative results.

As an industry leader, Yili is not only achieving steady business growth but also emphasizing a sustainable future. The company actively promotes green and sustainable development, contributes to environmental protection and public welfare, and strives to create a win-win situation in economic, social, and environmental benefits.

Source: Yili Group 

Friday, May 10, 2024

บางกอกแอร์เวย์สจับมือบีดีเอ็มเอสเปิดตัวโครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste

บางกอกแอร์เวย์สจับมือบีดีเอ็มเอสเปิดตัวโครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste ชวนสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพแบบเหนือระดับบนเกาะสมุย ด้วยบอร์ดดิ้งพาสเพียงใบเดียว พร้อมลุ้นรับตั๋วเครื่องบินฟรี !

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกับ บีดีเอ็มเอส เปิดตัวโครงการ "SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass,Beyond healthy…through taste" เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารพร้อมสุขภาพดีแบบเหนือระดับบนเกาะสมุย ! โดยใช้บอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว โดยได้รับเกียรติจาก "ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์" มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การลิ้มลองอาหารบนเกาะสมุยพร้อมรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบท้องถิ่นเกาะสมุยร่วมกับเชฟชุมชน โดยมีพันธมิตรชั้นนำ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, Segafredo (เซกาเฟรโด้) โดย บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด, เวิลด์แก๊ส บาย ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน), ชิมไทย และร้านอาหารในโครงการ เข้าร่วมออกบูธกิจกรรม ณ โรงแรมเซเลส สมุย (Celes Samui)

นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวและพันธมิตร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "โครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass,Beyond healthy…through taste" เป็นการต่อยอดจากความตั้งใจของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ต้องการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพบนเกาะสมุย (Gastronomy and Wellness Tourism) รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมร้านอาหารท้องถิ่น ชุมชน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง และร้านอาหารที่ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ความพิเศษของโครงการนี้คือ นักท่องเที่ยวที่ถือบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว ก็สามารถเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารบนเกาะสมุยผ่านวัฒนธรรมการกิน เรื่องราววัตถุดิบท้องถิ่นต่าง ๆ และการดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กับสัมผัสความงดงามดั่งสวรรค์ของท้องทะเลไทยบนเกาะสมุย โดยมีร้านอาหารชั้นนำบนเกาะสมุยกว่า 42 แห่ง มอบส่วนลดสำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่มาพร้อมกับความอร่อยและสุขภาพดี และต่อที่สองลุ้นบินฟรีภายในประเทศ กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จำนวน 20 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) ซึ่งโครงการนี้จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2567"

นอกจากนี้ ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ SAMUI SAVOR ยังครอบคลุมทั้ง 6 ไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง (Fine dining) , ร้านคาเฟ่ (Cafe) , ร้านอาหารท้องถิ่นและสตรีทฟู้ด (Local & Street Food) , ร้านอาหารที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำ (Dining Experience), ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) , ฟาร์มทูเทเบิ้ล (Farm to Table) ที่พร้อมชวนทุกคนมาเที่ยวเกาะสมุยแบบเหนือระดับกับการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพด้วยบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว นางสาวเพลินพิศ กล่าวเสริม

นางสาวเจียระไน บุญประสาทสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่ม 1 เครือ BDMS กล่าวว่า "ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงสุภาพเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างประเทศ โดย BDMS wellness เองได้เล็งเห็นถึงการเติบโตนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาะสมุย ซึ่งถือว่า เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยเราได้ร่วมมือกับ โรงแรมเซเลส สมุย จัดทำ โปรแกรมด้านสุขภาพ หลาย ๆ รูปแบบ เช่น การดริปวิตามินที่ทำจากอาหารเสริมต่าง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันก็มีแผนที่จะทำให้ครบวงจรมากขึ้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวอย่างมีความสุขแล้ว ก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงไปด้วยกัน"

ซึ่ง BDMS wellness มีโปรโมชั่น

  • คูปองส่วนลด 1,000 บาท เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 10,000 บาท (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Clinic Retreat ที่ Celes Samui)
  • คูปองส่วนลด 10,000 บาท เมื่อรับบริการทันตกรรมรากฟันเทียม (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic)
  • ส่วนลด 10% สำหรับแพ็กเกจ BWC Anti-Aging Add-On Program และ BWC Telomere Length (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Clinic Retreat ที่ Celes Samui)

กติกาง่าย ๆ สำหรับการเข้าร่วมในโครงการ "SAMUI SAVOR" เพียงนักท่องเที่ยวแสดง "บอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass)" ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อรับสิทธิประโยชน์กับร้านอาหารที่ร่วมโครงการ ต่อที่ 1 พบกับโปรโมชั่นเมนูซิกเนเจอร์ในราคาพิเศษ และหลังรับประทานจะได้รับคูปองชิงโชค เพื่อนำไประบุ ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร และอีเมล หย่อนลงกล่องชิงโชคของทางร้าน เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิลุ้นรับรางวัลพิเศษตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จำนวน 20 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง)" โดยร้านอาหารจะจับรางวัลพร้อมกันและประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ทางเพจ https://www.facebook.com/SAMUISAVOR และสื่อของร้านอาหารทั้ง 42 แห่งที่เข้าร่วม

โดยมีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการดังต่อไปนี้:

  • ร้านอาหารท้องถิ่น:
    • ร้านบ้านสวนลางสาด กับผักออร์แกนิกเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน กับเชฟชุมชนพร้อมเรื่องราวอันมีที่มาของอาหาร
    • ร้านโกเซ้ง ไม่ควรพลาด อาหารทะเลสด รสจัดจ้าน เสิร์ฟจานใหญ่ คุ้มราคา
    • ร้านครัวเสวยสมุย อาหารทะเลพื้นบ้านท้องถิ่น รสชาติชาวสมุยแท้ เปิดมานานกว่า 30 ปี 
    • ร้านเพ็ญศิริ ร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ปักษ์ใต้แบบ Home made  คัดวัตถุดิบท้องถิ่นมาเสิร์ฟแบบ farm to table และเน้นการปรุงอาหาร zero waste concept และเมนูเสิร์ฟปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล
    • ร้าน Hug Samui ร้านอาหารสไตล์อีสาน - ใต้ เสิร์ฟอาหารกินง่ายจากวัตถุดิบเกาะสมุย ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยโบราณและความร่วมสมัยเข้าด้วยกันกับบรรยากาศร้านที่ร่มรื่นริมทะเล
  • ร้านอาหารมิชลินบิบกูร์มองต์ 2024:
    • ร้านครัวชาวบ้าน อาหารแบบพื้นบ้าน  รสจัดจ้านสไตล์อาหารใต้ เข้าถึงง่าย
    • ร้านบ้านสวนลุงไข่ ร้านลับในสวนมะพร้าว เชฟเทเบิลโฮมเมดอาหารทะเลพื้นบ้าน
    • ร้านจันทร์หอมซีฟู้ด บรรยากาศริมหาด อาหารทะเลที่ปรุงรสด้วยสูตรลับเก่าแก่ของร้าน
    • ร้านกะปิสะตอ ร้านอาหารบ่งบอกความเป็นปักษ์ใต้ เมนูปรับเปลี่ยนตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน

ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารแบบสุขภาพดีอย่างเหนือระดับกับ SAMUI SAVOR: Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste" ติดตามข้อมูลโปรโมชั่นร้านอาหารและกิจกรรมดี ๆ กับโครงการได้ที่ https://www.facebook.com/SAMUISAVOR and Line official: @samuisavor #SAMUISAVOR # Beyondboardingpass # #BangkokAirways #TasteIncAsia 

เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ 2567 กำลังเริ่มขึ้นแล้วใน 27 ประเทศ!


รายละเอียด

  • ผู้จัด: เจแปนฟาวน์เดชั่น
  • ผู้สนับสนุน: สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย, สมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทย
  • วันที่:
    [ช่วงที่หนึ่ง] เวลา 10:00 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2567 ถึง เวลา 10:00 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ตามเวลามาตรฐานประเทศไทย: ภาพยนตร์ 20 เรื่อง (รวม 4 ภาพยนตร์สั้นจากการประกวดภาพยนตร์ญี่ปุ่นประเภทสยองขวัญ
    [ช่วงที่สอง]เวลา 10:00 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ถึง เวลา 10:00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2567: ซีรีส์โทรทัศน์ 2 เรื่อง
  • ภาพยนตร์: 22 เรื่อง (20 ภาพยนตร์ และ 2 ซีรีส์โทรทัศน์ รวม 20 ตอน)
  • ช่องทางการรับชม: https://jff.jpf.go.jp/watch/jffonline2024/

เจแปนฟาวน์เดชั่น จะจัดเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ 2567 เป็นเวลาสี่สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายนถึง 3 กรกฎาคม 2567 นับเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น ด้วยความหวังที่จะแบ่งปันความตื่นเต้นของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นกับผู้ชมทั่วโลก เรามีความยินดีที่จะประกาศรายชื่อภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์ที่จะพร้อมให้รับชมในช่วงเทศกาลนี้

เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นออนไลน์ครั้งที่สามนี้จะจัดขึ้นใน 27 ประเทศ พร้อมนำเสนอภาพยนตร์หลากหลายประเภทให้ได้รับชม รวมถึงซีรีส์โทรทัศน์แนวดราม่าที่น่าตื่นเต้นถึงสองเรื่อง นับเป็นครั้งแรกที่มีการรวมซีรีส์โทรทัศน์เข้ามาในรายชื่อภาพยนตร์ตั้งแต่ก่อตั้งมา นอกจากนี้ยังมีรายการอีกหลากหลายแนว ได้แก่ School Meals Time Graduation และ The Zen Diary สองรายการที่นำเสนอวัฒนธรรมด้านอาหารของญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจ และมีการฉายรอบปฐมทัศน์โลกของ JUNGLE EMPEROR LEO, aka KIMBA THE WHITE LION เวอร์ชั่นรีมาสเตอร์แบบดิจิทัล 4K เป็นอนิเมะคลาสสิกที่สร้างจากผลงานมังงะชิ้นเอกของ TEZUKA Osamu

ซีรีส์โทรทัศน์ยอดนิยมสองเรื่อง ได้แก่ Downtown Rocket และ RIKUOH ก็พร้อมให้รับชมอย่างครบทุกตอนเช่นกัน ซีรีส์เหล่านี้สะท้อนถึงชีวิตผู้คนที่ขยันและทำงานหนักเพื่อไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ได้อย่างลึกซึ้งและกลายเป็นซีรีส์ฮิตทันทีเมื่อออกฉายในญี่ปุ่น


การฉายรอบปฐมทัศน์โลกของ JUNGLE EMPEROR LEO, aka KIMBA THE WHITE LION เวอร์ชั่นรีมาสเตอร์แบบดิจิทัล 4K 
 (ด้านบน: ภาพนิ่งจากภาพยนตร์)

วิดีโอโปรโมตเทศกาลและข้อความจากผู้กำกับสามารถรับชมได้ทาง ช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ JFF+ 

*ภาพยนตร์บางเรื่องจะมีคำบรรยายภาษาญี่ปุ่นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนภาษาญี่ปุ่น
*ตารางและเนื้อหาของรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

รายชื่อภาพยนตร์ (รวม 22 เรื่อง)

*สำหรับรายละเอียดฉบับเต็มเกี่ยวกับรายชื่อภาพยนตร์ทั้งหมด สามารถดูได้ที่ https://jff.jpf.go.jp/watch/jffonline2024/ 




วิธีการรับชม:

  1. คลิกที่ปุ่ม "Choose your Country/Region" (เลือกประเทศของคุณ) หมายเหตุ: แต่ละประเทศมีรายชื่อภาพยนตร์ที่สามารถรับชมได้แตกต่างกันไป
  2. เลือกภาพยนตร์ที่ต้องการรับชม.
  3. เมื่อเลือกแล้ว คลิก "Now Showing" (กำลังฉาย) เพื่อเข้าไปสู่หน้าจอการรับชม หลังจากนั้นคลิกที่ "Watch for Free" (รับชมฟรี)

หากมีการแจ้งให้กรอกอีเมล:

*ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีของคุณ

*หากคุณไม่มีบัญชี สามารถสมัครได้โดยกรอกอีเมล เลือกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน *ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับการอนุมัติจากผู้ปกครอง. *กดตกลงต่อข้อกำหนดและเงื่อนไข จากนั้นสามารถกด "Watch" (รับชม) เพื่อเริ่มชมภาพยนตร์

  • เกี่ยวกับเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น(Japanese Film Festival)

ในปี พ.ศ. 2559 เจแปนฟาวน์เดชั่น ได้เปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น สืบเนื่องมาจากโครงการของ JFF Asia-Pacific Gateway Initiative โดยกำหนดเป้าหมายในการเผยแพร่ภาพยนตร์ญี่ปุ่นไปยัง 10 ประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศออสเตรเลีย โดยในปี 2560 เจแปนฟาวน์เดชั่นได้ริเริ่มเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นในประเทศจีนและประเทศอินเดีย ตามด้วยประเทศรัสเซียในปี 2561 จนกระทั่งในปี 2566 โดยมีการจัดเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นในกว่า 10 ประเทศ และมีผู้รับชมมากกว่า 120,000 คน

  • เกี่ยวกับเว็บไซต์ของเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น "JFF+"(https://jff.jpf.go.jp/)\

JFF+ เป็นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นให้กับทุกคน คอนเทนต์บนเว็บไซต์จะมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอื่นด้วยเช่นกัน เว็บไซต์นี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ผู้ใช้งานสามารถกดเข้าไปที่ "Read" เพื่ออ่านข่าวล่าสุดเกี่ยวกับภาพยนตร์ บทสัมภาษณ์ บทสนทนา และบทความเกี่ยวกับญี่ปุ่น หรือ กดเข้าไปที่ "Watch" เพื่อรับชมภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ชมจากต่างประเทศโดยเฉพาะ ตั้งแต่ปี 2565 เราได้ริเริ่ม "JFF+ INDEPENDENT CINEMA" ซึ่งเป็นโปรเจกต์สตรีมมิ่งออนไลน์ที่นำเสนอภาพยนตร์อิสระและโรงภาพยนตร์อิสระของญี่ปุ่น และผู้ใช้งานสามารถกดเข้าไปที่ "Join" ได้เช่นกัน เพื่อลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ JFF และ JFF archives ที่จัดการโดยเจแปนฟาวน์เดชั่น

เจแปนฟาวน์เดชั่นเป็นสถาบันแห่งเดียวจากประเทศญี่ปุ่นที่อุทิศให้กับการดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความไว้วางใจและความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศอื่นๆ ผ่านการดำเนินกิจกรรม และการให้ข้อมูลข่าวสารที่ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน

เจแปนฟาวน์เดชั่น มีสำนักงาน 26 แห่งอยู่ใน 25 ประเทศ ดำเนินงานในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะทูตญี่ปุ่นและองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ 

Japanese Film Festival Online 2024 Opens in 27 Countries and Regions!

Details

  • Organizer: The Japan Foundation
  • Supporters: Embassy of Japan in Thailand, Japanese Association in Thailand
  • Dates: [First Session] June 5, 2024, 10:00 AM (GMT+7) to June 19, 2024, 10:00 AM (GMT+7): 20 films, including the 4 short films in the Japan Horror Film Competition
  • [Second Session] June 19, 2024, 10:00 AM (GMT+7) to July 3, 2024, 10:00 AM (GMT+7): 2 TV drama series
  • Titles Distributed: 22 titles (20 films and 2 TV drama series with a total of 20 episodes)
  • Distribution Medium: https://jff.jpf.go.jp/watch/jffonline2024/

The Japan Foundation (JF) will hold the Japanese Film Festival Online 2024 for four weeks from June 5 to July 3, 2024, as part of our Japanese Film Festival (JFF), sharing the excitement of Japanese cinema with the world. We are pleased to announce the lineup of films and TV dramas that will be distributed during this event.

This third edition of the Japanese Film Festival Online will be held in a record-breaking 27 countries and regions, with a wide variety of films and—for the first time since it was established—two thrilling TV drama series. The diverse lineup includes School Meals Time Graduation and The Zen Diary, both of which showcase Japan's delicious food culture, as well as the world premiere of the 4K digitally remastered version of JUNGLE EMPEROR LEO, aka KIMBA THE WHITE LION, a classic anime based on TEZUKA Osamu's manga masterpiece.

Two extremely popular TV drama series, Downtown Rocket and RIKUOH, will also be available to watch in their entirety. These moving human dramas about diligent, hardworking people chasing big dreams became instant hits when they were released in Japan.

World Premiere of the 4K Digitally Restored Version of JUNGLE EMPEROR LEO, aka KIMBA THE WHITE LION

 (Above: still from the film)

Videos promoting the festival and those showing the directors' messages are available on JFF+'s official YouTube channel.

* Japanese subtitles will be provided for some films to benefit Japanese-language learners
* The schedule and program contents are subject to change without prior notice.

Lineup (Total: 22 Titles)

*Full information of the lineup in English is available at https://jff.jpf.go.jp/watch/jffonline2024/ 




How to Watch:

  1. Click the "Choose your Country/Region" button and select your location. Note: Film availability varies by country/region.
  2. Choose your desired film.
  3. Once you've selected a film, click "Now Showing" to access the viewing screen. Then, click/tap "Watch for Free".

If prompted to enter your email:

* Sign in with your account.

*If you don't have an account, register by providing your email, username, and password. *Users under 18 need parental/guardian approval.

*Agree to terms and conditions and click "Watch" to start viewing.

  • About JFF(Japanese Film Festival)

In 2016, the Japan Foundation, as part of the JFF Asia-Pacific Gateway Initiative, established the Japanese Film Festival (JFF) with the aim to share Japanese cinema with 10 ASEAN countries and Australia. We have expanded to China and India in 2017, and then to Russia in 2018. In 2023, JFF was held in 10 countries with more than 120,000 participants

JFF+ is a media website dedicated to sharing the excitement of Japanese cinema with the world. The content is primarily in English and Japanese, with many other languages also being included. The website is composed of three sections. Visitors to the site can click "Read" for the latest news in Japanese cinema, interviews, discussion, and unique feature articles, or "Watch" for JFF+'s Japanese movie streaming platform for overseas viewers. Since 2022, we have also started "JFF+ INDEPENDENT CINEMA", an online streaming project that introduces independent films as well as independent cinemas of Japan. By clicking "Join", users can receive the latest news about JFF and the JFF archives which are managed by the Japan Foundation.

The Japan Foundation is Japan's only institution dedicated to carrying out comprehensive international cultural exchange programs throughout the world. With the objective of deepening mutual understanding between the people of Japan and other countries/regions, our various activities and information services create opportunities for people-to-people interactions.

The JF has 26 overseas offices in 25 countries. It is active throughout Asia, Oceania, the Americas, Europe, the Middle East, and Africa and works closely with Japanese diplomatic missions and other related organizations in each country. 

Thursday, May 9, 2024

ค็อกพิทพร้อมให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รุก 16 สาขาหลัก มอบประสบการณ์สุดประทับใจ รองรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง



ค็อกพิทและสัญลักษณ์ “EV CERTIFIED FAST FIT” ซึ่งติดอยู่หน้าร้าน พร้อมให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

ค็อกพิท (COCKPIT) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรฟาสต์ฟิต (Fast Fit) ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยกระดับการให้บริการรองรับ การขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำร่องค็อกพิททั้ง 16 สาขาหลักในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ได้รับการอบรมทักษะเฉพาะทางพร้อมเทคนิคการให้บริการและดูแลรักษายาง รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังคัดสรรผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องมือ และเทคโนโลยีชั้นนำที่มีคุณภาพได้มาตรฐานการให้บริการด้านยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อมอบประสบการณ์การรับบริการสุดประทับใจและเสริมความปลอดภัยตลอดการเดินทางให้ลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักเติมเต็มการให้บริการด้านศูนย์บริการรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าที่ครบและจบในที่เดียว ตอกย้ำสโลแกนของค็อกพิทที่ว่า "คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท" ทั้งนี้ค็อกพิทยังมีแผนจะขยายการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศในอนาคต





การฝึกอบรมทีมช่างมืออาชีพค็อกพิทให้มีทักษะเฉพาะทางพร้อมเทคนิคการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

คุณยาสุฮิโระ อุเคกาว่า ผู้อำนวยการสายงานเครือข่ายโซลูชั่นการค้าปลีก บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเติมเต็มประสบการณ์ของลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และหวังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ค็อกพิทจึงยกระดับการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเราให้บริการเปลี่ยนยาง ถ่วงล้อ และตั้งศูนย์ และมีการทดสอบจากทีมช่างมืออาชีพค็อกพิทเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าสามารถใช้ยางได้อย่างปลอดภัย เรานำร่องให้บริการค็อกพิท 16 สาขาหลักซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพเติบโต และเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีรวมถึงความเชื่อมั่นให้ลูกค้าเราได้ฝึกอบรมทีมช่างมืออาชีพให้มีทักษะที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะรวมถึงความสามารถในการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตลอดจนใส่ใจความปลอดภัยทุกขั้นตอนของการให้บริการที่ได้มาตรฐาน โดยลูกค้าสามารถเข้ามารับบริการได้ที่ค็อกพิทซึ่งมีสัญลักษณ์ "EV CERTIFIED FAST FIT" อยู่ที่หน้าร้าน และทางค็อกพิทเตรียมความพร้อมจะขยายสาขาให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศต่อไปในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น"





ตัวอย่างการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากค็อกพิท



ตัวอย่างเครื่องมือการให้บริการและดูแลรักษายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะจากค็อกพิท

หากลูกค้าต้องการเตรียมความพร้อมของรถยนต์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สามารถเข้ารับบริการได้ที่ ค็อกพิททั้ง 16 สาขา ดังนี้

  • ค็อกพิท แจ้งวัฒนะ                          
  • ค็อกพิท บางบอน
  • ค็อกพิท นวลจันทร์
  • ค็อกพิท จรัญสนิทวงศ์ 37
  • ค็อกพิท เกษมราษฎร์
  • ค็อกพิท เพชรเกษม 2
  • ค็อกพิท สาทร
  • ค็อกพิท สุขาภิบาล 3  
  • ค็อกพิท วงศ์สว่าง
  • ค็อกพิท โลตัสพระราม 3
  • ค็อกพิท รัชดาภิเษก
  • ค็อกพิท แจ้งวัฒนะ17
  • ค็อกพิท ราชพฤกษ์
  • แอค มหาชัย 
  • ค็อกพิท รังสิต-นครนายก คลอง 4
  • ค็อกพิท แม็คโครขอนแก่น

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หรือ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1369

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทยจำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูง ซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

เกี่ยวกับ ค็อกพิท:

ค็อกพิท (Cockpit) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ที่พร้อมให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง ด้วยสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรจากผู้ผลิตชั้นนำ และบริการมาตรฐานจากทีมช่างผู้ชำนาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการให้บริการด้วยความมุ่งมั่น คำนึงถึงความปลอดภัยใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 274สาขาทั่วประเทศ(ข้อมูล ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2567)