Thursday, October 17, 2024

Cultural carnival to open in Chinese Yangtze River tourism hub Wanzhou

The Government of Wanzhou District, Chongqing Municipality

The 15th China Three Gorges International Tourism Festival will open on October 20 in Wanzhou District, west China's Chongqing Municipality, according to a press conference held by the Government of Wanzhou District on Wednesday.

The two-day event will comprehensively showcase the magnificent scenery and profound cultural heritage of the Three Gorges of the Yangtze River, China's longest river.

The cultural and tourism carnival will feature sports events, music performances, and a culinary experience.

Exciting sports events such as the Three Gorges cycling race, kayaking, and paddleboarding across the Yangtze River will showcase the passion and vitality of sports. Music activities like the Concert of World Great Rivers will provide enjoyment and resonate with the audience. The Three Gorges food culture festival, along with the Wanzhou grilled fish festival, will allow visitors to not only savor delicious cuisine but also experience the unique charm of the riverside city.

Located in the northeastern part of Chongqing, Wanzhou, as the heartland of the Three Gorges reservoir area, is becoming a sought-after destination for global tourists due to its unique geographical location, rich cultural heritage, and magnificent natural landscapes. It is not only a transportation hub for entering Sichuan in the west and Hubei in the east but also a vibrant and charming city.

Currently, Wanzhou is committed to enriching the tourism experience and building itself into a nationally renowned urban tourist destination. By adopting the "tourism plus" model, the city is cultivating new forms of integrated cultural and tourism development, providing visitors with more diverse and enjoyable tourism experiences.  

At the same time, Wanzhou also places great emphasis on improving tourism services, ensuring that visitors can not only enjoy the beautiful scenery but also experience a unique sense of hospitality and comfort.

Wanzhou, a city with a long history and profound cultural heritage, is attracting tourists from all over the world with its unique charm. In this golden autumn season, Wanzhou warmly invites global visitors to join in this cultural and tourism carnival to experience together the city's unique charm and numerous wonders.

Source: The Government of Wanzhou District, Chongqing Municipality 

นครซีอานจัดการประชุมระดับสูง มุ่งส่งเสริมการพัฒนาสู่ความทันสมัยร่วมกัน

 รัฐบาลประชาชนมณฑลส่านซี

การประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ (Belt and Road Forum for International Think Tank Cooperation) และการประชุมว่าด้วยการสื่อสารระหว่างประเทศเส้นทางสายไหม (ซีอาน) ครั้งที่ 2 (2nd Silk Road (Xi'an) International Communication Forum) ได้เปิดฉากขึ้น ณ นครซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา

งานนี้จัดขึ้นในหัวข้อการสนับสนุนความร่วมมือสายแถบและเส้นทางที่มีคุณภาพสูง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสู่ความทันสมัยร่วมกัน โดยมีนักการทูต นักวิชาการ และสื่อมวลชนมากกว่า 300 คนจากกว่า 50 ประเทศมาร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ในโอกาสนี้ จ้าวอี้เต๋อ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลส่านซี ได้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่เกิดขึ้นในนครซีอาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นฝั่งตะวันออกของเส้นทางสายไหมโบราณ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)

เขาแสดงความหวังว่า มิตรสหายทั้งในประเทศและต่างประเทศจะให้ความสนใจมากขึ้นและร่วมกันส่งเสริมมณฑลส่านซี ตลอดจนสนับสนุนการประสานงานนโยบาย การเชื่อมโยงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ การค้าขายอย่างราบรื่น การบูรณาการทางการเงิน และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางที่มีคุณภาพสูง

ฟู่หัว ผู้อำนวยการใหญ่สำนักข่าวซินหัว และประธานเครือข่ายสายแถบและเส้นทางศึกษา (Belt and Road Studies Network) กล่าวเปิดงานว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงมอบประโยชน์ที่จับต้องได้ให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาทั่วโลก และยังช่วยยกระดับระบบธรรมาภิบาลโลกอีกด้วย

เขาเน้นย้ำว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางได้เปิดเส้นทางใหม่ให้กับมนุษยชาติในการพัฒนาสู่ความทันสมัยร่วมกัน

การประชุมนี้จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันโดยสำนักข่าวซินหัว คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลส่านซี และรัฐบาลประชาชนมณฑลส่านซี โดยประกอบไปด้วยการวิจัยภาคสนาม การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการประชุมคู่ขนานหลายรายการ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้เยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ในมณฑลส่านซีอีกด้วย

ในระหว่างพิธีเปิดงานได้มีการเผยแพร่รายงานเชิงวิชาการในหัวข้อ " 'แปดขั้นตอนสำคัญ' สู่ทศวรรษใหม่แห่งความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง" ('Eight Major Steps' Heralds Promising New Decade of Belt and Road Cooperation) สู่สายตาทั่วโลก ทั้งในภาษาจีนและภาษาอังกฤษ

นครซีอาน เมืองเอกของมณฑลส่านซี เป็นจุดเริ่มต้นฝั่งตะวันออกของเส้นทางสายไหมโบราณ และเป็นเมืองศูนย์กลางสำคัญสำหรับการพัฒนาข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางร่วมกัน รวมถึงการปฏิบัติตามแปดขั้นตอนสำคัญ นอกจากนี้ นครซีอานยังเป็นจุดที่รถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปของฉางอันเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ยุโรป ซึ่งถือเป็นการเผยแพร่จิตวิญญาณของเส้นทางสายไหม ตลอดจนผลักดันการเปิดกว้างและการหยั่งรากลึกของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางในโลกตะวันตก

ที่มา: รัฐบาลประชาชนมณฑลส่านซี

บริดจสโตนร่วมเสวนาในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ReAcc Platform นำเสนอแนวทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กรด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (BTMT) ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท เมฆาวี จำกัด สตาร์ทอัพเรือธงจากกลุ่ม ปตท. ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ReAcc Platform ในการซื้อขายใบรับรองพลังงานสะอาด (RECs) พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "What is the Next Big Thing for Digital Sustainability Transformation?" ณ ลาน SCBX NEXT TECH ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ นำเสนอแนวทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กรด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล


ในโอกาสนี้ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยคุณเจตน์ หริจันทร์วงศ์ ผู้จัดการโรงงาน ร่วมเสวนาพร้อมนำเสนอแนวทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กรว่า "ปัจจุบันแนวโน้มการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกภาคอุตสาหกรรม และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ก่อนย่อมสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน สำหรับ BTMT เราวางแผนระยะยาวด้านความยั่งยืนมาใช้ในกระบวนการผลิตยางรถบรรทุกและรถโดยสารด้วยการติดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัล Energy Visualization เพื่อแสดงข้อมูลการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตซึ่งช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานและวางแผนการปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้พลังงานยังสามารถมองเห็นการใช้พลังงานของตนเอง เข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงาน และยังสามารถมองดูผลเปรียบเทียบการใช้พลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้เรายังขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วยการเน้นใช้พลังงานสะอาด ในกระบวนการผลิต เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาภายในโรงงานทั้งหมด พร้อมแสวงหาแหล่งพลังงานหมุนเวียนทางเลือกอื่นๆ รวมถึงการได้รับใบยืนยันสิทธิพลังงานหมุนเวียน (RECs) จากแหล่งซื้อขายที่ได้รับการรับรองเพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานไฟฟ้า และทั้งหมดนี้ยังช่วยสร้างความตระหนักให้พนักงานมีส่วนร่วมอนุรักษ์พลังงานได้ดียิ่งขึ้นซึ่งนำไปสู่แรงผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรให้กับองค์กร เวทีแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกับองค์กรภาคเอกชนชั้นนำในครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริดจสโตนเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านพลังงานให้กับประเทศไทย สอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก 

Bridgestone Shares Insights on Sustainable Business Growth Driven by Digital Technology at Panel Discussion on ReAcc Platform Official Launch

Bridgestone Tire Manufacturing (Thailand) Co., Ltd. (BTMT), as a business partner of Mekha V Co., Ltd., a flagship startup from the PTT Group, was honored to join the official launch of the ReAcc Platform for Renewable Energy Certificates(RECs) trading. Additionally, BTMT shared insights on sustainable business growth driven by digital technology at a panel discussion on "What is the Next Big Thing for Digital Sustainability Transformation?" at SCBX NEXT TECH, Siam Paragon, Bangkok.


On this occasion, Bridgestone Tire Manufacturing (Thailand) Co., Ltd., led by Mr. Jate Harijanwong, Plant Manager, joined the panel discussion and shared insights for achieving sustainable business growth. He emphasized, "Currently, the trends of driving sustainability through digital technology are essential for every industry. Being an adopter of digital technology provides a competitive advantage. At BTMT, we have developed a long-term sustainability plan. We have implemented the Energy Visualization digital platform in our truck and bus tire manufacturing process to display energy consumption data, allowing us to analyze energy information and plan improvements effectively. This platform enables users to monitor their usage, participate in energy conservation activities, and compare energy consumption with concrete results. Furthermore, we are advancing sustainability by focusing on clean energy usage in our manufacturing processes, such as installing solar rooftop panels on the roofs ofall factory buildings and exploring other renewable energy sources. Additionally, we are acquiring Renewable Energy Certificates (RECs) from certified trading source to support the use of renewable energy and reduce CO2 emissions from electricity consumption. These initiatives also raise awareness among employees, encouraging them to participate in energy conservation, ultimately driving greater resource efficiency for the organization. The platform for exchanging insights with leading private organizations reinforces Bridgestone's strong commitment to promoting sustainable energy usage in Thailand. This also aligns with achieving carbon neutrality goals among Bridgestone's Group Global Companies by 2050."

About Bridgestone in Thailand:

Bridgestone is a global leader in tires and rubber building on its expertise to provide solutions for safe and sustainable mobility. In Thailand, Thai Bridgestone Co., Ltd. (TBSC) is a leading manufacturer in the Thai automotive industry, while Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd. (BSTL) is the exclusive importer & distributor, and supervises the marketing strategy for Bridgestone, Firestone and Dayton branded tires in Thailand. Bridgestone is a brand trusted by its customers, dealers and business partners. Bridgestone offers a diverse product portfolio of premium tires and advanced solutions backed by innovative technologies, improving the way people around the world move, live, work and play. 

จุฬาฯ อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย TOP ของประเทศ 3 ด้าน โดย THE WUR 2025 ครองอันดับ 1 ของประเทศไทย จาก 3 การจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลก

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครองอันดับ 1 ในประเทศไทย และอันดับสูงสุดใน 3 ด้าน จากการจัดอันดับ THE WUR 2025 พร้อมคว้าอันดับ 1 ในหลายการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลก

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการศึกษาและวิจัย ด้วยการครองอันดับ 1 ในประเทศไทยจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก Times Higher Education (THE) World University Rankings 2025 ซึ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 โดยมหาวิทยาลัยได้รับการยกย่องเป็นอันดับสูงสุดใน 3 ด้าน ได้แก่ คุณภาพการวิจัย สภาพแวดล้อมการวิจัย และ ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม ในบรรดามหาวิทยาลัยไทยทั้งหมดที่เข้าร่วมในการจัดอันดับครั้งนี้

นอกจากนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังสร้างความสำเร็จในเวทีระดับโลกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยอีกสองแห่ง ได้แก่:

  • QS World University Rankings 2025: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครองอันดับ 1 ของประเทศไทยเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน และติดอันดับ 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในด้านชื่อเสียงทางวิชาการและผลลัพธ์การจ้างงาน
  • THE Asia University Rankings 2024: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย และติดอันดับ 200 มหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชีย

ความสำเร็จเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการสร้างความเป็นเลิศทั้งในด้านการศึกษา การวิจัย และความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม อันเป็นการยกระดับชื่อเสียงของประเทศไทยในเวทีโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดอันดับ:


"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงติด 100 อันดับแรกของโลกด้านชื่อเสียงทางวิชาการ โดย (QS) World University Rankings 2021-2022" 

Chulalongkorn University Ranks No.1 in Thailand and Tops Three Key Areas in THE WUR 2025, Securing No.1 Spot Across Multiple Global Rankings

Chulalongkorn University continues to assert its leadership in education and research, ranking No.1 in Thailand in the Times Higher Education (THE) World University Rankings 2025. Announced on October 9, 2024, the University excelled in three key areas: Research QualityResearch Environment, and Industry Collaboration, outshining all other Thai universities included in this year's rankings.

Additionally, Chulalongkorn University has achieved outstanding results in two other prestigious global university rankings:

  • QS World University Rankings 2025: Chulalongkorn University has retained its position as the No.1 university in Thailand for the 16th consecutive year and is ranked among the top 100 universities globally for Academic Reputation and Employment Outcomes.
  • THE Asia University Rankings 2024: Chulalongkorn University has not only been ranked No.1 in Thailand but also placed among the top 200 universities in Asia.

These accolades underscore Chulalongkorn University's unwavering commitment to excellence in education, research, and industry partnerships, while also enhancing Thailand's global standing.

For more information about the rankings, visit:


"Chulalongkorn University sets the standard as a university of innovations for society and is listed in the World's Top 100 Universities for Academic Reputation, in the Quacquarelli Symonds (QS) World University Rankings 2021-2022." 

คลินิเซอร์ (Clinixir) ผู้ให้บริการวิจัยทางคลินิกชั้นนำของประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง ดร.ภุชงค์ ผดุงสุทธิ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่

นายแพทย์ภุชงค์ ผดุงสุทธิ์ ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทคลินิเซอร์ (www.clinixir.com) บริษัทรับทำวิจัยทางคลินิกชั้นนำของประเทศไทย การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้เป็นการรับหน้าที่ต่อจาก แพทย์หญิงกนกวรรณ พรประสิทธิ์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคลินิเซอร์ต่อไป

นายแพทย์ภุชงค์ กล่าวว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้ามารับหน้าที่ผู้นำขององค์กรวิจัยทางคลินิกที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศไทย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยมที่แพทย์หญิงกนกวรรณได้ขับเคลื่อนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และพร้อมที่จะขับเคลื่อนคลินิเซอร์ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในฐานะบริษัทรับทำวิจัยทางการแพทย์ชั้นนำของไทยที่บริษัทชั้นนำจากทั่วโลกไว้วางใจ โดยให้บริการด้วยมาตรฐานการทำการวิจัยทางคลินิกระดับสากล"

นายแพทย์ภุชงค์มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการแพทย์ นายแพทย์ภุชงค์เคยดำรงหลายตำแหน่งสำคัญในอุตสาหกรรมยา เช่น รองประธานฝ่ายการแพทย์ และผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ประจำประเทศไทยของบริษัท Zuellig Pharma ในระหว่างนั้น นายแพทย์ภุชงค์เป็นผู้นำทีมงานและประสบความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในหลายกลุ่มโรคที่สำคัญ เช่น โรคมะเร็ง สุขภาพสตรี ภูมิคุ้มกันวิทยา โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และวัคซีน

ระหว่างการดำรงตำแหน่งที่ Zuellig Pharma นายแพทย์ภุชงค์ได้ดูแลด้านกฎระเบียบ การติดตามความปลอดภัยด้านยา และบริการข้อมูลทางการแพทย์ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างระดับการให้บริการขั้นต่ำ (Minimum Service Level) รวมถึงการขยายการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนหน้านี้ นายแพทย์ภุชงค์เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ประจำประเทศไทยที่บริษัท Roche โดยรับผิดชอบกลยุทธ์ทางการแพทย์ และการศึกษาทางคลินิก นอกจากนี้ นายแพทย์ภุชงค์ยังดูแลการดำเนินงานและกิจกรรมทางการแพทย์ครอบคลุมประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา

นายแพทย์ภุชงค์เริ่มต้นการทำงานในฐานะแพทย์ทั่วไปที่โรงพยาบาลกองทัพอากาศและโรงพยาบาลเอกชนรังสิต ก่อนจะก้าวเข้าสู่การทำงานด้านวิชาการที่หน่วยมะเร็งนรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช โดยดำรงตำแหน่งอาจารย์และผู้ช่วยศาสตราจารย์ หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาต่อหลังจบปริญญาเอก (postdoctoral) เฉพาะทางด้านมะเร็งนรีเวชที่มหาวิทยาลัยคิตาซาโต (Kitasato University) ประเทศญี่ปุ่น เป็นการช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางให้สูงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามความเชี่ยวชาญของ นายแพทย์ภุชงค์ด้านอุตสาหกรรมยาเริ่มต้นที่บริษัท Eli Lilly ประเทศไทย โดยดำรงตำแหน่งแพทย์วิจัยทางคลินิกด้านมะเร็งวิทยา โดยเริ่มจากเป็นผู้ประสานงานการวิจัยในประเทศและการวิจัยทางคลินิกระดับโลก หลังจากนั้นได้เข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการแพทย์ ที่บริษัท Novartis ประเทศไทย โดยดูแลงานด้านมะเร็งวิทยา ที่ Novartis นายแพทย์ภุชงค์ได้สร้างและขยายทีมงานด้านการแพทย์เพื่อให้การดูแลการวิจัยทางคลินิกด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการศึกษาวิจัยด้านมะเร็งวิทยาทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

นายแพทย์ภุชงค์มีประสบการณ์ดูแลงานด้านการแพทย์หลายสาขา เช่น โรคมะเร็ง สุขภาพสตรี ภูมิคุ้มกันวิทยา โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกและข้อและสุขภาพผู้บริโภค นายแพทย์ภุชงค์ มีความเข้าใจเชิงลึกในด้านการบริหารจัดการทางคลินิก (clinical operations) การกำกับดูแลทางการแพทย์ (medical governance) การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมาย (regulatory compliance) และการติดตามความปลอดภัยด้านยา ทำให้ นายแพทย์ภุชงค์เป็นบุคคลสำคัญในวงการแพทย์ นอกจากนี้ นายแพทย์ภุชงค์ยังมีความเชี่ยวชาญในการวางกลยุทธ์ทางการแพทย์และสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ก่อนเปิดตัวจนถึงการเข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาโรคได้มากขึ้น

นายแพทย์ภุชงค์มักได้รับเชิญเป็นวิทยากรและผู้นำทางความคิดเพื่อถ่ายทอดความรู้และมุมมองในงานสัมมนาวิชาการต่างๆ ที่เน้นด้านกลยุทธ์ทางการแพทย์ การศึกษาทางคลินิก และนวัตกรรมด้านยา ด้วยความสามารถในการผสานความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์เข้ากับการแก้ปัญหาด้านสุขภาพในเชิงปฏิบัติ นายแพทย์ภุชงค์จึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยและนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ผลงานล่าสุดของคลินิเซอร์

  • คลินิเซอร์เพิ่งประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ผ่านบันทึกข้อตกลง (MOU) กับมหาวิทยาลัยบูรพา โดยความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยทางคลินิกร่วมกับศูนย์วิจัยคลินิก BUU-CRC โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานวิจัยทางคลินิกในภาคตะวันออกของประเทศ
  • คลินิเซอร์ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการอบรม Good Clinical Practice (GCP) โดยได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ Good Clinical Practice อย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายการประเมินคุณภาพทางคลินิกและการฝึกอบรมทางคลินิกของ คลินิเซอร์ได้เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในการทำการวิจัยทางคลินิกด้วยมาตรฐานสากล
  • ในช่วงปลายปี 2023 คลินิเซอร์ได้รับใบรับรองจาก BSI สำหรับการดำเนินงานระบบการจัดการคุณภาพที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ ISO 9001:2015 ในการให้บริการวิจัยทางคลินิก


ข้อมูลเกี่ยวกับคลินิเซอร์

คลินิเซอร์เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ผ่านการวิจัยทางคลินิก ด้วยความมุ่งเน้นที่ความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความเคร่งครัดในกระบวนการทำวิจัย คลินิเซอร์ได้ทำงานวิจัยทางคลินิกร่วมกับบริษัทยาและเวชภัณฑ์ บริษัทเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในด้านดูแลรักษาผู้ป่วย โดยใช้ระบบและเทคโนโลยีที่ทันสมัยร่วมกับทีมงานทำวิจัยทางคลินิกที่มีความรู้และประสบการณ์สูง

คลินิเซอร์เป็นบริษัทรับทำวิจัยทางการแพทย์แบบครบวงจรของประเทศไทย โดยสามารถดำเนินการทำวิจัยเพื่อรองรับการเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน เครื่องมือแพทย์ ยาสมุนไพร อาหารเสริม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่ www.clinixir.com