Thursday, August 31, 2017

PEAK แบรนด์กีฬาชั้นนำจากจีน เปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอลจากเครื่องพิมพ์ 3D คู่แรกของโลก




          PEAK หนึ่งในแบรนด์กีฬาชั้นนำของโลก เปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอลที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติและสวมใส่ได้จริงคู่แรกของโลก ในงานแถลงข่าว PEAK China Tour & Dwight Howard III Press Conference 2017 เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา

          ดไวท์ ฮาวเวิร์ด นักบาสเกตบอลระดับโลก กล่าวว่า "รองเท้าคู่นี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่ารองเท้าแบบเดิมๆ ผมรู้สึกว่าพื้นรองเท้าและ vamp side wall ที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติทำให้สวมใส่สบายยิ่งขึ้น บางทีในอนาคต คุณอาจได้เห็นผมสวมรองเท้าบาสฯจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่วิจัยและพัฒนาโดย PEAK เพื่อลงแข่งในศึก NBA ก็เป็นได้"

          PEAK เป็นหนึ่งในแบรนด์รายแรกๆของโลกที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในการผลิตรองเท้ากีฬา โดย 3 ปีก่อน PEAK ได้ครอบครองเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ทันสมัยที่สุด และได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากคอนเซปต์การพิมพ์ 3 มิตินี้ จากนั้น PEAK ก็ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่ง "FUTURE I" ที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นการเปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอลที่ผลิตจากเทคโนโลยีดังกล่าว จึงทำให้ PEAK ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์กีฬาชั้นนำระดับโลกในด้าน R&D และการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติอย่างเต็มตัว

          PEAK ใช้เทคโนโลยีเผาผนึกด้วยเลเซอร์ (SLS) และสร้างแม่พิมพ์ด้วยวัสดุ TPU ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและเบา ด้วยพื้นฐานเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้นำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตรองเท้าวิ่ง

          รองเท้าบาสฯจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รุ่น Dwight Howard III ใช้โครงสร้างแลตทิซพิเศษตรงกลางพื้นรองเท้า บวกโครงสร้าง TPU สำหรับ vamp side wall ซึ่งทลายทุกข้อจำกัดด้านดีไซน์โครงสร้างและเพิ่มโอกาสให้กับนักออกแบบในการเติมความคิดสร้างสรรค์ได้เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์กีฬามืออาชีพระดับชั้นนำของโลก โดยตอบโจทย์ทั้งรูปทรงและประสิทธิภาพการใช้งาน

          สีว์ จื้อหัว ผู้จัดการทั่วไปของ PEAK กล่าวว่า "ในฐานะของเทคโนโลยีที่พลิกโฉมการสร้างต้นแบบและกระบวนการผลิตใหม่นั้น การพิมพ์ 3 มิติจึงมีความสำคัญต่อแบรนด์กีฬาจีน รวมถึงยุทธศาสตร์ 'Made in China 2025' ของประเทศเป็นอย่างมาก" โดยหลังจากเปิดตัวรองเท้าวิ่งและรองเท้าบาสเกตบอลที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว PEAK มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆในอนาคต เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ระดับนวัตกรรมให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง "เพราะเป้าหมายของเราคือการพลิกโฉม PEAK ให้เป็นแบรนด์กีฬามืออาชีพระดับชั้นนำของโลก ด้วยกลยุทธ์การคิดค้นนวัตกรรมและการขยายตลาดสู่ระดับสากล"

เมืองออร์โดสของจีนจัดการประชุม OICC II เปิดรับไอเดียสร้างสรรค์จากทั่วโลก พร้อมตั้งกองทุนสนับสนุนมูลค่า 300 ล้านหยวน

          การประชุม Ordos International Creativity and Culture Conference ครั้งที่ 2 หรือ OICC II จะจัดขึ้นที่เมืองออร์โดส เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายนนี้ โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญและทีมครีเอทีฟชั้นแนวหน้าจากนานาประเทศที่อยู่ตามแนวเส้นทางสายไหมของจีน เช่น เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ปากีสถาน และไทย จะมารวมตัวกันที่งานนี้ เพื่อนำเสนอผลงานเชิงสร้างสรรค์และผลงานเชิงวัฒนธรรม ชิงรางวัล Masters Awards และ Future Stars Awards

          ผู้คว้ารางวัล Masters Awards จะได้รับเงินรางวัล 200,000 หยวน ขณะที่รางวัล Future Stars Awards แบ่งออกเป็น 5 สาขา ได้แก่ Design with the Most Aesthetic Value, Most Innovative Design, Design with the Most Investment Value, Most Heart-Rendering Design และ Design with the Greatest Application Potential ซึ่งแต่ละสาขามีเงินรางวัล 100,000 หยวน นอกจากนี้ยังมีรางวัล Nomination Awards สำหรับผลงานเชิงสร้างสรรค์และผลงานเชิงวัฒนธรรมภายใต้ธีม "One Road and One Belt" โดยผู้ชนะแต่ละคนจะได้รับเงินรางวัลคนละ 20,000 หยวน

          บริษัทและบุคคลในแวดวงการค้าและการพาณิชย์ การสื่อสาร แอปพลิเคชัน คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงผู้ที่สนใจในการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานในนามขององค์กรหรือบุคคลได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ http://oicc.cnlive.com ภายในวันที่ 21 กันยายนนี้

          นอกจากนี้ เทศบาลเมืองออร์โดสยังได้จัดตั้งกองทุนบ่มเพาะทรัพย์สินทางปัญญามูลค่า 300 ล้านหยวน โดยผลงานชั้นเลิศที่จัดแสดงในงาน OICC II จะได้รับการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาของ OICC และมีโอกาสได้รับเงินทุนสนับสนุนต่อไป

กระทรวงวัฒนธรรมและสารสนเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระบุ “พิธีฮัจญ์” คือการรวมตัวอย่างสันติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก


หุบเขาฮิญาซในซาอุดีอาระเบียเป็นจุดกำเนิดของศาสนาอิสลาม และถือเป็นสถานที่ที่เรืองนามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นับเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษแล้วที่ชาวมุสลิมหลายล้านคนได้มารวมตัวกันทุกปีที่นครมักกะฮ์เพื่อเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ ซึ่งเป็นการรวมตัวอย่างสันติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยชาวมุสลิมกว่า 80 เชื้อชาติต่างมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวในราชอาณาจักรแห่งนี้ และสำหรับปีนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ให้การต้อนรับชาวมุสลิมกว่า 1.8 ล้านคนจากทั่วโลก ทั้งนี้ พิธีฮัจญ์ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 สัปดาห์ แต่ทางซาอุดีอาระเบียใช้เวลาวางแผนและเตรียมความพร้อมนานนับปีเพื่อให้การทำพิธีเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะผู้คนที่มารวมตัวกัน ณ ที่นี้ มีมากกว่าจำนวนผู้ชมฟุตบอลโลก 2014 ในแต่ละแมตช์ถึง 46 เท่า และมากกว่าจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางไปชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ริโอเดอจาเนโรถึง 5 เท่า

          รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่
          https://www.multivu.com/players/uk/8169551-saudi-arabia-welcomes-world-hajj/

          ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.saudiwelcomestheworld.org

          รูปภาพ - http://mma.prnewswire.com/media/549956/SaudiWelcomesTheWorld.jpg

Establishing a 300 Million-Yuan Fund, Ordos Calls for Cultural Ideas From Around the Globe

          ORDOS, China--31 Aug--PRNewswire/InfoQuest

          The Second Ordos International Conference (OICC II) will be held in the city of Ordos of Inner Mongolia of China from Sep. 22nd to Sep. 24th. Prominent professors and top notch creative teams from countries targeted by the Chinese government's One Road and One Belt initiative including the Netherlands, Italy, Pakistan and Thailand, will attend the event. At the conference they will bring their great cultural and creative works in a bid to win Masters Awards and Future Stars Awards.

          Masters Awards are accompanied by a 200,000 yuan cash prize, while Future Stars Awards are divided into five categories: design with the Most Aesthetic Value, Most Innovative Design, Design with the Most Investment Value, the Most Heart-Rendering Design, and Design with the Greatest Application Potential, each accompanied by a 100,000 yuan cash prize. Nomination awards were also established for cultural and creative designs under the One Road and One Belt theme, each accompanied by a cash prize of 20,000 yuan.

          Companies and professional individuals engaged in trade and commerce, applications, communication, math and science, or commodities as well as those who are interested in creative designs can register on OICC II's official site, http://oicc.cnlive.com, by 21 September, to participate in the event in the name of an organization or an individual.

          Last but not least, the municipal government of Ordos has established an intellectual property (IP) incubation fund worth of 300 million RMB. Apart from gaining the support of the fund, the excellent designs displayed at OICC II will be selected into the Ordos International Culture & Creativity IP database and have the chance for further investment.

          Media Contact:

          Chloe Yao
          Tel: +86-158-1338-3624
          Email: 617698989@qq.com

อุปกรณ์ปากหลุมสำหรับแขวนท่อกรุที่พื้นทะเลน้ำตื้น WEFIC MSW-1 ของ Kerui Petroleum ผ่านการทดสอบเทคโนโลยีขุดเจาะน้ำมันใต้ทะเลของจีน

          สิงคโปร์--31 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา อุปกรณ์ปากหลุมสำหรับแขวนท่อกรุที่พื้นทะเลน้ำตื้น MSW-1 Shallow Water Mudline Suspension Wellhead System ซึ่งเบรนด์ระดับไฮเอนด์ WEFIC(R) ของบริษัท Kerui Petroleum เป็นผู้พัฒนาและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบประสิทธิภาพของระบบการผลิตน้ำมันและก๊าซใต้ทะเล API 17D ซึ่งถือเป็นการลดช่องว่างเทคโนโลยีแขวนท่อกรุที่พื้นทะเลสำหรับการผลิตน้ำมันและก๊าซใต้ทะเลของจีน รวมทั้งยังเป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ในแวดวงเทคโนโลยีการขุดเจาะและการทำเหมืองใต้ทะเลของจีน นอกจากนี้ การประกาศเปิดตัวโซลูชั่นดังกล่าวยังถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในด้านการผลิตน้ำมันและก๊าซใต้ทะเลของประเทศอีกด้วย

           https://photos.prnasia.com/prnvar/20170824/1923164-1

          การทดสอบครั้งนี้เป็นการจำลองการติดตั้งและแรงดันในสภาพพื้นทะเลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในระหว่างการทดสอบนั้น อุปกรณ์แขวนสายท่อกรุขนาด 9 5/8 นิ้ว และ 20 นิ้ว สามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 500 ตัน และ 1,500 ตันตามลำดับ และสามารถทำงานภายใต้แรงดันสูงสุด 15,000 PSI ช่วยให้การปฏิบัติงานขุดเจาะที่ระดับความลึกประมาณ 150 เมตรนั้นเป็นไปได้ พร้อมทั้งผูกกลับไปที่แท่นเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ โดยระหว่างการทดสอบ Kerui Petroleum ได้เชิญลูกค้าเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ในภาคสนาม ซึ่งลูกค้าก็ได้แสดงความพึงพอใจกับการออกแบบผลิตภัณฑ์และคุณภาพการผลิต

          หวง โหย่วเหลียง หัวหน้าโครงการของ Kerui Petroleum อธิบายว่า อุปกรณ์ MSW-1 Shallow Water Mudline Suspension Wellhead System นี้สามารถปิดผนึกและแขวนสายท่อกรุที่พื้นก้นทะเลในแต่ละชั้น เพื่อควบคุมและถ่ายแรงดันในระหว่างการขุดเจาะใต้ทะเล อุปกรณ์นี้โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยในระดับสูง อีกทั้งยังสามารถแทนที่หัวหลุมใต้ทะเลลึกในระหว่างการขุดเจาะบริเวณน้ำตื้นได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะได้ประมาณ 10-20%
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของอุปกรณ์ปากหลุมสำหรับแขวนท่อกรุนี้ ทาง WEFIC(R) ในเครือ Kerui Petroleum ได้วางแผนที่จะยกระดับการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ปากหลุมแบบดั้งเดิม อุปกรณ์สำหรับแท่นนอกชายฝั่ง และอุปกรณ์ปากหลุมใต้ทะเลครบวงจรระดับไฮเอนด์ของทางบริษัทอย่างต่อเนื่องต่อไป โดย Kerui Petroleum คาดหวังที่จะพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเทคโนโลยีในตลาดแท่นขุดนอกชายฝั่งระดับโลก ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์หลากหลายในระดับนานาชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และช่วยสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าของบริษัท

          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20170824/1923164-1

          คำบรรยายภาพ: อุปกรณ์ปากหลุมสำหรับแขวนท่อกรุที่พื้นทะเลน้ำตื้น MSW-1

THOMAS SABO เปิดตัวเครื่องประดับ "Charm Club" คอลเลคชั่น Autumn/Winter 2017 ให้ชาร์มบอกความเป็นตัวคุณ




          เครื่องประดับ Charm Club ที่มีดีไซน์โดดเด่น เก๋ไก๋ ชวนฝัน ได้สร้างเทรนด์ใหม่และเป็นตัวแทนของชีวิตรักอันแสนหวานมาโดยตลอด และล่าสุด THOMAS SABO ได้เปิดตัวเครื่องประดับ Charm Club คอลเลคชั่น autumn/winter 2017 ที่มีดีไซน์งดงามประณีตจากฝีมือทีมครีเอทีฟของ THOMAS SABO


          เครื่องประดับ Charm Club คอลเลคชั่นใหม่ประกอบด้วย "Royalty", "Vintage", "Streetstyle" และ "Travel around the World" โดยไฮไลท์เด่นคือเครื่องประดับรูปไม้กางเขนสุดคลาสสิก เครื่องประดับรูปขนนกที่ตกแต่งอย่างประณีตด้วยหินสไตล์พื้นเมือง ชาร์มรูปดอกบัวสุดหรู และจี้ Tree of Love ที่ส่องประกายระยิบระยับ นอกจากนั้นยังมีสร้อยห้อยชาร์มรุ่นใหม่ให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น สร้อยลูกปัดสีสันสดใสที่ห้อยชาร์มได้ถึง 3 ชิ้น ถือเป็นเครื่องประดับสำหรับวันสบายๆ ที่บรรดาแฟชั่นนิสต้าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

          สามารถดาวน์โหลดรูปภาพประกอบบทความได้ที่
          http://images.thomassabo.com/www/2/2017/08/THOMAS-SABO_CHARM-CLUB_AW17_IMAGES.zip

          ยูทูบ: thomassa.bo/LetYourCharmsSpeak

          แฮชแท็ก: #charmclub #jointhecharmclub

          ชาร์มรุ่นใหม่ของ THOMAS SABO วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน THOMAS SABO ทุกสาขา รวมถึงทางเว็บไซต์ http://www.thomassabo.com และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต

Let Your Charms Speak - THOMAS SABO Presents New Charm Club Collection Autumn/Winter 2017


          The Charm Club Collection sets trends and loves life - it is cheeky, cool and dreamy. In the Charm Club, the new autumn/winter campaign opens the season with immediate effect and vividly draws attention to the designs conceived and refined by the THOMAS SABO creative team.

       
          From "Royalty", to "Vintage" and "Streetstyle" through to "Travel around the World": Among other things, the highlights in June include classic crosses, the delicate feather with ethnic-inspired stone embellishment, the ornamental graceful Lotus Flower Charm and the sparkling Tree of Love pendant. The collection also presents new Charm carriers such as long, colourful Bead chains, on which it is possible to combine up to three charms - a casual must-have for all fashionistas!

          Pictures of the Charm Club Autumn/Winter Collection 2017 are available to download for editorial purposes in high resolution here [http://images.thomassabo.com/www/2/2017/08/THOMAS-SABO_CHARM-CLUB_AW17_IMAGES.zip].

          Youtube: thomassa.bo/LetYourCharmsSpeak

          Hashtags: #charmclub #jointhecharmclub

          The new charms are available in all THOMAS SABO stores, shop-in-shops, the online shop at http://www.thomassabo.com and from selected partners.

         

นักเรียนจาก Nord Anglia Education ทำคะแนนสอบ GCSE และ IGCSE สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วสหราชอาณาจักร

         
         Nord Anglia Education เครือโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียมชั้นแนวหน้าของโลก ประกาศว่า นักเรียนสามารถสอบวัดผล GCSE (General Certificate of Secondary Education) และ IGCSE (International GCSE) ได้เกรดที่ยอดเยี่ยม โดย 47% เป็นเกรดสูงสุดคือ A* หรือ A เพิ่มขึ้นจาก 45.9% ในปีที่แล้ว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วสหราชอาณาจักรซึ่งอยู่ที่ 20% กว่าสองเท่า นอกจากนี้ 88% ของนักเรียนจาก Nord Anglia Education ยังสอบวัดผลได้เกรด A*- C ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วสหราชอาณาจักรอยู่ 22% ขณะเดียวกัน มีนักเรียนถึง 87.5% ได้เกรด A*- C ใน 5 วิชาขึ้นไป

          นับเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกันแล้วที่นักเรียนในเครือ Nord Anglia Education ทำคะแนนได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วสหราชอาณาจักรทั้งในระดับ A*- A และ A*- C

          สรุปผลการสอบ GCSE และ IGCSE ของ Nord Anglia Education

          - นักเรียนจาก Nord Anglia Education เข้าสอบ GCSE และ IGCSE รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,256 คนในปี 2560
          - 47% ของเกรดทั้งหมดที่นักเรียนจาก Nord Anglia Education ได้รับ เป็นเกรดสูงสุดคือ A* หรือ A ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วสหราชอาณาจักรในปี 2560 ที่ 20%
          - นักเรียนจาก Nord Anglia Education สอบผ่าน 88%
          - นักเรียนจาก Nord Anglia Education เกือบ 90% รวมนักเรียนในโรงเรียนสองภาษา ได้เกรด A*- C ใน 5 วิชาขึ้นไป เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

          แอนดรูว ฟิตซ์เมารีซ ซีอีโอของ Nord Anglia Education กล่าวว่า "เราภูมิใจอย่างยิ่งกับผลการสอบ IGCSE และ GCSE ของนักเรียนในปีนี้ นับเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกันแล้วที่นักเรียนของเราทำคะแนนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหราชอาณาจักรมาก ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความทุ่มเทอย่างหนักของนักเรียนและครูอาจารย์ การอุทิศตนเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมถึงหลักปรัชญา "จงมุ่งมั่นทุ่มเท" ของทางโรงเรียน ผมขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนที่ทำคะแนนสอบได้อย่างยอดเยี่ยม"

          ทั้งนี้ GCSE เป็นการสอบวัดผลของนักเรียนที่มีอายุ 14-16 ปี ในระบบการศึกษาของอังกฤษ หลังจากที่นักเรียนได้ศึกษาวิชาต่างๆ เป็นเวลา 2 ปี รวมถึงทำงานส่งและทำข้อสอบ ขณะที่ IGCSE เป็นการสอบสำหรับนักเรียนที่อยู่นอกสหราชอาณาจักร โดยการสอบทั้งสองแบบมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งยังได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาในสหราชอาณาจักรและทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน

          เกี่ยวกับ Nord Anglia Education

          Nord Anglia Education เป็นโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียมชั้นแนวหน้าของโลก ที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษา (K-12) โดยมีนักเรียนกว่า 39,000 คน มีสาขาชั้นเลิศ 46 แห่งตั้งอยู่ทั่วโลก ทั้งในจีน ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปอเมริกา Nord Anglia Education มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง และขับเคลื่อนองค์กรภายใต้ปรัชญาหนึ่งเดียว นั่นคือ การทุ่มเทเพื่อนักเรียน บุคลากรของโรงเรียน และโรงเรียนในเครือ เรามอบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงผ่านการเรียนการสอนที่มีเด็กเป็นศูนย์กลาง พร้อมมอบโอกาสระดับโลกเพื่อให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จ สามารถรับชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nordangliaeducation.com

“หลงเหมิน” ขึ้นแท่นเมืองต้นแบบแห่งจิตรกรรมและประเพณีพื้นบ้านของจีน

          หลงเหมิน ดินแดนแห่งขุนเขาที่มีทัศนียภาพงดงามและความกลมกลืนทางอารยธรรมและวัฒนธรรมโบราณ ได้กลายเป็นเมืองแบบอย่างของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพบนเขตพื้นที่ปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macau Greater Bay Area) หลงเหมินมีจุดเด่นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพ จิตรกรรมท้องทุ่ง และประเพณีพื้นบ้านอันรุ่มรวย ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟูได้เปิดประตูบานใหม่สู่การพัฒนาพื้นที่เขตเทศบาลมณฑลดังกล่าว โดยจากสถิติพบว่า หลงเหมินมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 4.93 พันล้านหยวนในปี 2559 เพิ่มขึ้น 34.3% จากปีที่ผ่านมา  

          หลงเหมินเป็นเขตเทศบาลมณฑลในมณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่บนทำเลทองในบริเวณพื้นที่ปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และมีชื่อเสียงในฐานะ "เขตท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมที่งดงาม" รวมถึง "ถิ่นกำเนิดประเพณีพื้นบ้านและศิลปะจีน" และ "โอเอซิสแห่งซีกโลกเหนือ" ด้วยภูเขามากกว่า 73% ของพื้นที่ทั้งหมด และมีป่าไม้ปกคลุมถึง 76.6% นอกจากนี้ หลงเหมินยังเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงที่มีความงดงามที่สุดในแง่ของสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศ โดยความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมเหล่านี้ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางจิตรกรรมของชาวนาท้องถิ่น

          จิตรกรรมของชาวนาหลงเหมินมีต้นกำเนิดในช่วงปลายราชวงศ์ชิง โดยในปี 2531 หลงเหมินได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็น "ถิ่นกำเนิดของจิตรกรรมพื้นบ้านร่วมสมัยของจีน" และหลังจากนั้น ผู้คนก็ได้เห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของหลงเหมิน   

          ภาพวาดโดยเกษตรกรหลงเหมินได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามและสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในหลายๆเมืองของจีน จิตรกรรมเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติเชิงบวกและความโอบอ้อมอารีของชาวบ้าน โดยภาพส่วนใหญ่สะท้อนความสุนทรีย์ในระดับรากหญ้าของจีน ทั้งยังสะท้อนแนวคิดความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

          ในเขตเทศบาลมณฑลเล็กๆแห่งนี้ มีจิตรกรเจ้าของผลงานภาพวาดท้องทุ่งกว่า 350 คน ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตชนบท และใช้เวลาว่างในการวาดภาพ ผลงานของพวกเขาผสมผสานองค์ประกอบด้านศิลปะพื้นบ้านของจีนอย่างการตัดกระดาษ การเย็บปักถักร้อย และจิตรกรรมฝาผนังได้อย่างลงตัว การนำประเพณีพื้นบ้านและวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานนั้น ทำให้ภาพวาดของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายชนบทและมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว เมื่อคุณเดินไปรอบๆหมู่บ้าน คุณจะสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมที่งดงามผ่านทางภาพวาดอันวิจิตร

          "จิตรกรรมชาวนาทำให้ชนบทแห่งนี้เป็นดั่งบทกวีและมีความทันสมัยในขณะเดียวกัน" เจ้าหน้าที่จากเขตเทศบาลมณฑลหลงเหมิน กล่าว

          ด้วยระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม ทำให้หลงเหมินมีความได้เปรียบในการเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้าน และนำเสนอผลงานภาพวาดชาวนาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

          ณ รีสอร์ท Crosswaters Ecolodge & SPA ในบริเวณเขาหนานคุน ผู้สื่อข่าวได้ดื่มด่ำไปกับความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรม จากการได้เห็นเทคนิคการก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างการก่อกำแพงดินเหนียวของชาวจีนแคะโบราณกับไม้ไผ่ ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวว่า รีสอร์ทแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้มีกลิ่นอายท้องถิ่นและความเป็นสากล ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศของหลงเหมิน นอกจากนี้ที่นี่ยังเคยคว้ารางวัล "Global Landscape Design Award" อีกด้วย

          หลงเหมินยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่นอีกหลายแห่ง ในฐานะหนึ่งในเขตความร่วมมือรอบปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊านั้น หลงเหมินได้เสริมสร้างความได้เปรียบด้านระบบนิเวศ เพื่อยกระดับการเป็นเมืองต้นแบบพัฒนาเศรษฐกิจด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม

          ปัจจุบัน หลงเหมินมีชื่อเสียงมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลผ่านทางจิตรกรรมชาวนา ซึ่งได้กลายเป็นช่องทางสื่อสารที่เชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนกับโลกเข้าด้วยกัน ภาพวาดเหล่านี้เคยถูกนำไปจัดแสดงที่สหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น สวีเดน ออสเตรเลีย ฟิจิ และประเทศอื่นๆ ขณะที่จิตรกรชาวนาหลายคนก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดแสดงผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างประเทศอีกด้วย

          ที่มา: เขตเทศบาลมณฑลหลงเหมิน

          รูปภาพ: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=295430

Longmen: a Mountainous County Turns into China’s Exemplary Artsy Place

          Longmen, a mountainous county with beautiful scenery, a blend of civilization and ancient culture, has become a good example of high quality living circle based on the Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area to build up an artsy place. Blessed with green vacation, healthy hot spring, pastoral scenery and folk customs, the flourishing tourism opens a new window for the county development. According to statistics, the annual tourism revenue of Longmen reached 4.93 billion RMB in 2016, with a year-on-year growth of 34.3%.
          Subordinated to Guangdong province, Longmen, a historical county lying in the core zone of the Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area, is known as "an oasis on the Tropic of Cancer". As a mountainous county with hills accounted for more than 73% of the total area, and the forest coverage rate of 76.6%, Longmen enjoys the names of "the most beautiful cultural and ecological tourism county" and "hometown of Chinese folk culture and art", and is one of the best areas in the Pearl River Delta in terms of ecological environment. All these culture evolutions have been significantly marked down by the farmer painting.
          Longmen's farmer paintings were originated from the late Qing Dynasty. In 1988, Longmen was nominated as "the hometown of Chinese modern folk painting" by the nation. Since then, they have witnessed the development of Longmen.
          The paintings drawn by farmers have become beautiful scenery that can be easily found in many cities of China. Farmer Paintings of Longmen show the positive attitude and kindness of its people. Most of them express the aesthetic taste of the grassroots in China, and reflect the concept of harmony between human and nature.
          In this small county, there are more than 350 painters of farmer paintings, most of whom were born in the rural area, and they use their leisure time to paint. Their paintings put together various folk art elements such as Chinese paper-cut, embroidery, and murals etc.. Using folk custom and Chinese classical culture as inspiration, the paintings are full of countryside style and have the unique charm of art. Wandering in the village, you can feel the culture through the beautiful farmer paintings.  
          "Farmer paintings make the countryside poetic and modern at the same time," said an official of Longmen County Government.
          Thanks to its superior environmental ecology, Longmen has kept tapping the potential of its folk culture and extending the connotation of farmer paintings.
          In the Crosswaters Ecolodge and SPA in Nankun Mountain, the reporter saw the building technique that combines Hakka traditional cob wall with bamboo, and enjoyed the harmony of nature and culture. According to the manager, designed for "global localization", the resort has become a new landmark of Longmen ecology tourism, and has won the certificate of "Global Landscape Design Award".
          There are many other similar ecological attractions in Longmen. As a significant member in the Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area, Longmen is strengthening its ecological advantages to be an example of growing the economy via eco-culture resource.
          Today, Longmen has gained reputation and recognition globally through its farmer paintings. They have become a way of communication that links Chinese traditional culture and the world together. These paintings have entered the United States, Canada, Japan, Sweden, Australia, Fiji and other countries. Many farmer painters were also invited to hold cultural exchange exhibitions overseas.
          SOURCE: Longmen County Government
          Image Attachments Links:
          http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=295430

Korber ซื้อกิจการ HighJump ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานและโซลูชั่นคลาวด์ชั้นนำจากสหรัฐ

          - การซื้อกิจการจะก่อให้เกิดผู้ให้บริการชั้นแนวหน้าของโลกด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานบนระบบคลาวด์
          - HighJump เสริมแกร่งให้กับ Korber ในการทำธุรกิจในสหรัฐ พร้อมมอบแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ขั้นสูงเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตภายในองค์กร
          - HighJump จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศักยภาพในสหรัฐ รองรับโครงการยกระดับระบบดิจิทัลทั่วทั้งเครือบริษัท

          Korber กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ประกาศยกระดับธุรกิจ Business Area Logistics Systems ด้วยการซื้อกิจการของ HighJump ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ห่วงโซ่อุปทานสัญชาติสหรัฐ ข้อตกลงซื้อกิจการครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2560 หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดที่เกี่ยวข้อง

         

          HighJump มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชั่นซอฟต์แวร์สำหรับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองมินนีแอโพลิส สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ HighJump ยังดำเนินธุรกิจในแคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และจีนด้วย โดยให้บริการลูกค้ากว่า 4,000 รายในอุตสาหกรรมค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การบินและอวกาศ เภสัชภัณฑ์ และอาหาร/เครื่องดื่ม

          HighJump ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับระบบคลาวด์อย่าง "HighJump One Platform" ซึ่งได้รับการยอมรับมาอย่างต่อเนื่องว่าเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและดัดแปลงได้ดีเป็นอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม โดยนอกเหนือจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีนี้แล้ว ทางบริษัทยังนำเสนอแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ระดับแถวหน้าของโลกด้วยเช่นกัน ซอฟต์แวร์เหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นห่วงโซ่อุปทานตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การบริหารจัดการคลังสินค้า อินทราโลจิสติกส์ ไปจนถึงการบริหารจัดการด้านการขนส่ง แพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้สามารถตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งหมดได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็นเลิศในการดัดแปลง และยังทำหน้าที่ประสานขั้นตอนทางธุรกิจให้สอดคล้องกันในทุกช่องทาง

          การซื้อกิจการของ HighJump เช่นเดียวกับบริษัทซอฟต์แวร์อย่าง Inconso, DMLogic และ Aberle Software ซึ่ง Korber Group ได้เข้าซื้อก่อนหน้านี้ ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในแวดวงซอฟต์แวร์ SCM "การซื้อกิจการของ HighJump นับเป็นการปักหมุดสิ่งที่เราจะเดินหน้าในอุตสาหกรรมนี้ โดยขณะนี้เรากำลังรับบทบาทผู้นำของโลกในแวดวงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและโซลูชั่นคลาวด์" Stephan Seifert ประธานกรรมการบริหารของ Korber AG กล่าว "เราต้องการเป็นบริษัทที่ลูกค้าทั่วโลกให้ความไว้วางใจ เมื่อพวกเขากำลังมองหาการสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจของตนประสบความสำเร็จ และด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ รวมถึงฐานลูกค้าอันครอบคลุม HighJump จะเข้ามาช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการบุกตลาดโลกและผลักดันการเติบโตของธุรกิจ ในเวลาเดียวกับที่เรากำลังจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศักยภาพอีกแห่งในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญ และด้วยเหตุนี้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มาพร้อมกับบุคลากรทีมใหม่ จะเข้ามารองรับโครงการยกระดับระบบดิจิทัลทั่วทั้งเครือบริษัท ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในเครือ" Seifert กล่าวย้ำ

          Hubert Kloss ซีอีโอของ Business Area Logistics Systems กล่าวว่า "จากการที่เราเข้าซื้อ DMLogic ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์โลจิสติกส์ของสหรัฐไปเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ Business Area ของเราได้พันธมิตรรายสำคัญมาแล้ว เมื่อผนวกกับเพื่อนร่วมงานใหม่จาก HighJump ที่เพิ่มเข้ามา ก็ยิ่งทำให้เรามีฐานที่แข็งแกร่งมากทั้งในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้เราเดินหน้าการเติบโตที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จ HighJump จะถูกรวมเข้ากับ Business Unit Software ของ Business Area และถือเป็นอีกหนึ่งความลงตัวที่เพิ่มเข้ามาในสายธุรกิจของเรา"

          Chad Collins ซีอีโอของ HighJump กล่าวว่า "Korber AG จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและการเงินที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว เนื่องจากเหล่าผู้บริหารของ Korber มุ่งมั่นที่จะการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและการเป็นผู้นำตลาด โดยอาศัยเทคโนโลยีและจุดสนใจทางธุรกิจในระยะยาว สิ่งนี้สอดคล้องกันมากกับปรัชญาธุรกิจของ HighJump เราหวังว่าจะได้ร่วมมือกับผู้ร่วมงานใหม่จาก Business Area Logistics Systems ไม่ว่าจะเป็น Aberle Software และ DMLogic ตลอดจนธุรกิจทั้งหมดในเครือ K?rber เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งผู้นำตลาด ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา"

          ทั้งนี้ Korber จะซื้อ HighJump จาก Accellos Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และ Accel-KKR ผู้ลงทุนหลักซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่เปิดเผยรายละเอียดของราคาซื้อ สำหรับ TrueCommerce ซึ่งเป็นเครือข่ายการค้าแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) บนระบบคลาวด์ และเคยเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ HighJump นั้น จะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของ Accellos Holdings และ Accel-KKR ต่อไป

          เกี่ยวกับ Korber 

          Korber AG เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับสากล ซึ่งมีพนักงานประมาณ 11,500 คนทั่วโลก กลุ่มบริษัทประกอบด้วยบริษัทเทคโนโลยีสุดล้ำหลายแห่ง รวมทั้งธุรกิจการผลิต บริการ และงานขายมากกว่า 130 แห่ง ด้วยความที่มีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก Korber จึงมีความได้เปรียบจากการเป็นองค์กรในระดับสากล โดยอาศัยจุดแข็งด้านความยืดหยุ่นและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในเครือ เพื่อมอบโซลูชั่น ผลิตภัณฑ์ และการบริการในกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรอัตโนมัติ ระบบโลจิสติกส์ เครื่องมือกล ระบบเภสัชกรรม กระดาษทิชชู ยาสูบ และธุรกิจเงินร่วมทุน ให้แก่ลูกค้าของบริษัท

          เกี่ยวกับ HighJump

          HighJump เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการหมุนเวียนสินค้าคงคลังและข้อมูลจากซัพพลายเออร์ไปยังชั้นเก็บในคลังสินค้า HighJump มีพนักงานประมาณ 440 คนที่ให้การสนับสนุนลูกค้ากว่า 4,000 ราย ใน 66 ประเทศ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลางไปจนถึงธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลก โซลูชั่นที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นและสามารถปรับแต่งได้สูงของ HighJump ช่วยบริหารงานด้านคลังสินค้า การผลิต การขนส่ง การจัดจำหน่าย เส้นทางการจัดส่ง และร้านค้าปลีกของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เกี่ยวกับ Korber Logistics Systems 

          Business Area Logistics Systems เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นครบวงจรชั้นนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการขนส่งสินค้าทั้งภายในและภายนอก ของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก Korber โดยมีที่ตั้งอยู่ในเมืองบาดเนาไฮม์ ประเทศเยอรมนี Business Area ให้บริการโซลูชั่นดิจิทัลสำหรับโรงงานอัจฉริยะ (โลจิสติกส์การผลิต) โกดังสินค้า อีคอมเมิร์ซ และการบริหารจัดการซัพพลายเชน ภายใต้ชื่อแบรนด์ Korber Logistics ครอบคลุม 3 หน่วยธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Aberle GmbH and Consoveyo S.A. (การวางระบบ), Langhammer GmbH และ Riantics A/S (โซลูชั่นผลิตภัณฑ์), Inconso AG, Aberle Software GmbH และ DMLogic LLC (ซอฟต์แวร์) โดยบริษัทเหล่านี้นำเสนอสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายครอบคลุม ตั้งแต่การบูรณาการระบบ เทคโนโลยีสำหรับการจัดเก็บ จัดเรียง การนำสินค้าออกจากที่จัดเรียง และระบบลำเลียงสินค้า ไปจนถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ

          เกี่ยวกับ Accel-KKR

          Accel-KKR เป็นบริษัทการลงทุนที่เน้นลงทุนในด้านเทคโนโลยี ด้วยเงินทุนมากกว่า 4.0 พันล้านดอลลาร์ บริษัทมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีการดำเนินงานด้วยระบบไอทีและซอฟต์แวร์ และมีแนวโน้มเติบโตทั้งในด้านยอดขายและกำไร กลยุทธ์การลงทุนหลักของ Accel-KKR คือการพัฒนาความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับทีมผู้บริหารของบริษัทที่เข้าไปลงทุน โดยเน้นไปที่การสร้างมูลค่าผ่านทรัพยากรสำคัญที่มีอยู่ในเครือข่าย Accel-KKR บริษัทมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจในตลาดระดับกลางและให้บริการเงินทุนหลากหลายประเภท ซึ่งรวมถึงเงินทุนสำหรับนำมาใช้ในการซื้อกิจการทั้งหมด การลงทุนในกลุ่มผู้ถือหุ้นส่วนน้อย และสินเชื่อทางเลือก นอกจากนี้ Accel-KKR ยังลงทุนในหลายรูปแบบ ทั้งการเพิ่มทุนในบริษัทเอกชน การแตกไลน์ธุรกิจ และการนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ Accel-KKR มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมนโลพาร์ก และมีสำนักงานในแอตแลนตาและลอนดอน

          เกี่ยวกับ TrueCommerce

          TrueCommerce ปฏิวิติการเชื่อมโยงคู่ค้า ด้วยการนำซัพพลายเออร์ ศูนย์กลางการค้าปลีก และผู้บริโภคปลายทางมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่ายการค้าระดับโลกของทางบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ มากกว่า 92,000 ราย โซลูชั่นที่มีการผสมผสาน ผ่านการบริหารจัดการอย่างครบวงจร และมีความยืดหยุ่นได้นี้ จะช่วยให้ลูกค้าในทุกขนาดธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับคู่ค้าได้อย่างง่ายดาย และผ่อนคลายไปกับการใช้งานแพลตฟอร์มบริการที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการการทำธุรกรรมนับล้านๆครั้งในแต่ละปีโดยไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับลูกค้า ไม่ว่าตั้งแต่ระดับโรงงานไปยังคลังสินค้า หรือจากผู้จัดจำหน่ายไปยังหน้าร้านค้าปลีก โดยลูกค้าจะได้รับการเชื่อมโยงทางธุรกิจในระดับใหม่ๆ ผ่านแพลตฟอร์มคู่ค้าที่สมบูรณแบบที่สุดในโลก

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.koerber.de/en , http://www.koerber-logistics.com/en , http://www.highjump.com , http://www.accel-kkr.com และ http://www.truecommerce.com



Korber Acquires HighJump - a Leading US-American Supply Chain and Cloud Solutions Specialist

          - Acquisition will create leading international provider in the cloud supply chain management application segments
          - HighJump provides Korber with a stronger foothold in the US and an advanced software platform for growth within the organization
          - HighJump forms a further US competence center for group-wide digitization initiatives

          International technology group Korber reinforces its Business Area Logistics Systems with the acquisition of the US-American supply chain software specialists HighJump. The acquisition has been completed with effect from August 28, 2017, after receiving approval from the relevant antitrust authorities.

         

          HighJump specializes in the development of software solutions for supply chain management (SCM). The company is headquartered in Minneapolis, USA. HighJump has additional operations in Canada, the United Kingdom, Australia, and China. HighJump serves over 4,000 customers across the retail, consumer products, automotive, aerospace, pharmaceutical and food/beverage industries.

          HighJump has developed a cloud-ready underlying technology platform called the "HighJump One Platform" which is consistently recognized for being one of the industry's most flexible and adaptable supply chain software platforms. On top of this technology platform the company offers globally leading software applications that provide customers with an integrated view of their entire supply chain: from warehouse management and intralogistics to transport management. The platform enables consistent visibility of all goods flows, with excellent adaptability, and the synchronization of business processes across all channels.

          With the acquisition of HighJump and the software companies Inconso, DMLogic and Aberle Software, which already belong to the Korber Group, the Group underlines its claim to be the technology leader in the SCM software segment. "With the acquisition of HighJump we are really putting down a marker in the sector as we are taking a leading international position in the areas of supply chain management and cloud solutions," says Stephan Seifert, Chairman of the Group Executive Board at Korber AG. "We want to be the go-to company worldwide for our customers when it comes to providing support for their successful business development. With its experienced team of experts and its broad customer base HighJump will strengthen our long-term internationalization and growth trajectory. At the same time we are establishing another competence center in the important North American market. In this process, the expertise and experience of our new colleagues will support our group-wide digitization initiatives through mutual exchange within the Group," emphasizes Seifert.

          "Only recently, with the acquisition of the US-American logistics software specialists DMLogic, we already gained an important partner for our Business Area," says Hubert Kloss, CEO of the Business Area Logistics Systems. "With our new HighJump colleagues on board, we now have a very solid basis, both in Europe and the USA, to continue our dynamic growth rapidly and successfully. The company will be integrated into the Business Unit Software within our Business Area and is another perfect addition to our portfolio."

          "Korber AG will be a tremendous long-term strategic and financial partner for HighJump," says Chad Collins, CEO of HighJump. "The leaders from Korber demonstrated their commitment to customer satisfaction, market leadership through technology and long-term business focus. This is very consistent with HighJump's business philosophy. We look forward to collaborating with our new colleagues from the Business Area Logistics Systems such as Inconso, Aberle Software and DMLogic and the entire Korber Group to establish a market leading position in this ever-changing supply chain environment."

          The purchase of HighJump will be from its parent company, Accellos Holdings and its primary investor, Accel-KKR, a technology focused investment firm. Both parties agreed not to disclose details of the purchase price. TrueCommerce, a cloud based business-to-business commerce network and former sister company to HighJump will continue to be owned by Accellos Holdings and Accel-KKR.

          About Korber

          Korber AG is the holding company for an international technology Group with approx. 11,500 employees around the world. The Group comprises leading-edge technology companies and more than 130 production, service, and sales entities. At locations around the globe, Korber combines the benefits of a globally-present organization with the strengths of highly-specialized, flexible, medium-sized enterprises that offer their customers solutions, products, and services in the Business Areas of Automation, Logistics Systems, Machine Tools, Pharma Systems, Tissue, Tobacco and Corporate Ventures.

          About HighJump

          HighJump is a global provider of supply chain management software that streamlines the flow of inventory and information from supplier to store shelf. With approx. 440 employees worldwide HighJump supports more than 4,000 customers in 66 countries, ranging from SME business to marquee global enterprises. HighJump's functionally rich and highly adaptable end-to-end solutions efficiently manage customers' warehousing, manufacturing, transportation, distribution, delivery routes and retail stores.

          About Korber Logistics Systems

          The Business Area Logistics Systems, belonging to the international technology group Korber and based in Bad Nauheim, Germany, is the leading provider of fully integrated applications for the optimization of complex internal and external logistics processes. Under the umbrella brand Korber Logistics, the Business Area provides digital solutions for smart factories (production logistics), warehouses, e-commerce, and the management of entire supply chains. In three Business Units, the umbrella brand unites the companies Aberle GmbH and Consoveyo S.A. (System Integration), Langhammer GmbH and Riantics A/S (Product Solutions), Inconso AG, Aberle Software GmbH and DMLogic LLC (Software). They offer an extensive range of products and services, from system integration to technologies for storage, palletizing, de-palletizing and conveyor systems, through to software.

          About Accel-KKR

          Accel-KKR is a technology-focused investment firm with over $4.0 billion in capital commitments. The firm focuses on software and IT-enabled businesses well-positioned for topline and bottom-line growth. At the core of Accel-KKR's investment strategy is a commitment to developing strong partnerships with the management teams of its portfolio companies and a focus on building value through significant resources available through the Accel-KKR network. Accel-KKR focuses on middle-market companies and provides a broad range of capital solutions including buyout capital, minority-growth investments, and credit alternatives. Accel-KKR also invests across a wide range of transaction types including private company recapitalizations, divisional carve-outs and going-private transactions. Accel-KKR is headquartered in Menlo Park with additional offices in Atlanta and London.

          About TrueCommerce

          TrueCommerce revolutionizes trading partner connectivity by linking suppliers, retail hubs and end consumers in one global commerce network. TrueCommerce's Global Commerce Network includes over 92,000 pre-connected retailers, distributors and logistics service providers. With flexible, integrated and fully managed service solutions, customers of any size can easily connect with any trading partner while enjoying the peace of mind of a proven service platform that reliably handles tens of millions of transactions annually without the need for any customer interaction. From the factory to the warehouse, from distributor to retail storefront, customers are able to achieve new levels of business connectivity and performance with the world's most complete trading partner platform.

          Further information is available at http://www.koerber.de/en , http://www.koerber-logistics.com/en , http://www.highjump.com , http://www.accel-kkr.com , and http://www.truecommerce.com .



เมอร์คเปิด Food Safety Studio แห่งแรกที่เมืองเบลวิว รัฐวอชิงตัน

          - Food Safety Studio แห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางของโลกด้านนวัตกรรมและความร่วมมือ

          - มีห้องปฏิบัติการสาธิตและฝึกอบรมที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

          เมอร์ค ( Merck ) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ประกาศเปิด Food Safety Studio ระดับโลกแห่งแรกที่เมืองเบลวิว รัฐวอชิงตัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตอาหารทุกประเภท (เนื้อวัว เป็ดไก่ พืชผัก ฯลฯ) ได้ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของเมอร์ค เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจหาเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารได้อย่างรวดเร็ว

         

          Food Safety Studio แห่งนี้กินพื้นที่ 5,300 ตารางฟุต และเปิดให้ลูกค้าเข้าถึงทุกขั้นตอนของการรักษาความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่การทดสอบวัตถุดิบไปจนถึงการทดสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เพื่อตรวจสอบ แก้ไข และป้องกันอันตรายต่างๆ ภายในห่วงโซ่อุปทานอาหาร โดยลูกค้าจะได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์ตรวจสอบความปลอดภัยอาหารทั้งแบบแมนวลและอัตโนมัติ เช่น ชุดทดสอบและสำลีก้านปลอดเชื้อ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยตลอดกระบวนการผลิต

          ฌอง-ชาร์ลส์ เวิร์ธ หัวหน้าฝ่าย Applied Solutions กลุ่มธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ของเมอร์ค กล่าวว่า "การเปิด Food Safety Studio แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการรับประกันความปลอดภัยของอุปทานอาหารทั่วโลก เราเปิดให้คนทำงานหลายๆฝ่ายมารวมตัวกันในสถานที่ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมแบบเปิดโดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการทดสอบความปลอดภัยของอาหาร"

          องค์การอนามัยโลก ( WHO ) ระบุว่า ประชากรราว 600 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 10 ของโลก เกิดอาการเจ็บป่วยหลังรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 420,000 คนต่อปี

          เมื่อช่วงต้นปีนี้ เมอร์คได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ไบโอคอนโทรล ซิสเต็มส์ ( BioControl Systems ) ผู้นำของโลกด้านการทดสอบความปลอดภัยอาหาร และจากนี้ไป เมอร์คจะช่วยลูกค้าปกป้องอุปทานอาหารทั่วโลก ด้วยการจัดหาเทคโนโลยีด้านการทดสอบอันล้ำสมัยและครอบคลุมให้แก่ลูกค้า

          Food Safety Studio จะเปิดให้ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมในเร็วๆนี้ และจะมีศูนย์สาธิตความปลอดภัยอาหาร Food Safety Demonstration Center ที่ออกแบบมาให้อยู่ในลักษณะของห้องเรียนและห้องปฏิบัติการสาธิต

          ข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งหมดของเมอร์คได้รับการเผยแพร่ผ่านทางอีเมลในเวลาเดียวกับที่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของเมอร์ค กรุณาเข้าไปที่ www.merckgroup.com/subscribe เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกบริการนี้

          เกี่ยวกับเมอร์ค
          เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำในด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และเพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล พนักงานราว 50,000 คนของบริษัทได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยปรับปรุงและยกระดับคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ยาชีวภาพเพื่อรักษาโรคมะเร็งหรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ระบบที่ทันสมัยสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการผลิต ไปจนถึง liquid crystal ที่ใช้กับสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ LCD ทั้งนี้ ในปี 2559 เมอร์คทำยอดขายได้ 1.5 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ

          เมอร์ค เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์และเคมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2211 และปัจจุบันครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมอร์คครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์ "เมอร์ค" ทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจในชื่อ อีเอ็มดี โซโรโน่, มิลลิพอร์ซิกม่า และอีเอ็มดี เพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล



Merck Opens its First Customer Food Safety Studio

          - New Food Safety Studio in Bellevue, Washington, serves as global center for innovation and collaboration

          - Demonstration and training lab space extends product and process development to customers

          Merck , a leading science and technology company, has opened its first global Food Safety Studio in Bellevue, Washington for manufacturers of all types of food (beef, poultry, produce, etc.) to collaborate with Merck scientists on developing safety products for rapid detection of foodborne pathogens.

         

          The new 5,300-square foot center gives customers access to a complete food safety workflow, from raw materials testing to finished-product safety testing, to help find, correct and prevent hazards within the food supply chain. The center allows customers to work with many manual or automated food safety products such as testing kits and hygiene swabs that are critical to maintaining safety throughout the manufacturing process.

          "The opening of Merck's Food Safety Studio demonstrates our commitment to ensuring the safety of the global food supply," said Jean-Charles Wirth, Head of the Applied Solutions business unit, Life Science at Merck. "We are bringing teams together in a workspace designed to foster open innovation and collaboration with the goal of becoming the leader in food safety testing."

          According to the World Health Organization , an estimated 600 million people in the world — almost one-in-10 — fall ill after eating contaminated food, and 420,000 die every year.

          Merck, which earlier this year acquired BioControl Systems , a global leader in food safety testing, helps customers protect the global food supply by providing a comprehensive portfolio of state-of-the-art testing technologies.

          Customer visits are being scheduled for the new Food Safety Studio, which features a Food Safety Demonstration Center designed with a classroom setting and demonstration lab.

          All Merck news releases are distributed by email at the same time they become available on the Merck website. Please go to www.merckgroup.com/subscribe to register online, change your selection or discontinue this service.

          About Merck
          Merck is a leading science and technology company in healthcare, life science and performance materials. Around 50,000 employees work to further develop technologies that improve and enhance life – from biopharmaceutical therapies to treat cancer or multiple sclerosis, cutting-edge systems for scientific research and production, to liquid crystals for smartphones and LCD televisions. In 2016, Merck generated sales of €15 billion in 66 countries.

          Founded in 1668, Merck is the world's oldest pharmaceutical and chemical company. The founding family remains the majority owner of the publicly listed corporate group. Merck holds the global rights to the "Merck" name and brand. The only exceptions are the United States and Canada, where the company operates as EMD Serono, MilliporeSigma and EMD Performance Materials.



Yili Signs with Beijing 2022 Olympic Winter Games to become the First Healthy Food Enterprise with the Label of "Both Olympics"

          On the morning of August 30 (Beijing time), Beijing Organizing Committee for the Olympic Games (BOCOG) and Yili Group officially announced that: Yili Group will be the only supplier of dairy products for the Beijing 2022 Olympic and Paralympic Winter Games. Sticking to the idea of "Keep Climbing All the Way and Infuse Vigor into the Chinese Dream", put forward by its chairman Pan Gang, Yili rekindles the relationship with the Olympics and has become the only food supplier for both the Summer and Winter Olympic Games - Yili has led the trail for the Chinese dairy industry.

         

          Yili became the first and also the only dairy product sponsor for the Olympics starting in 2005. For over 12 years, Yili has grown along with the Olympics, has stood out as a top Asian dairy industry and the top eight worldwide. Today, Yili holds hands with Beijing 2022 Winter Games to engage in the invigoration of the Chinese Dream.

          Participants said that Yili's partnership with the Winter Olympics will provide distinguished guests worldwide with the best products and services during the Games. Yili also advocates a healthy lifestyle and advertises winter sports, boosting the national health through deeds.

           Yili echoes the Olympic Spirit in advancing the health development of human beings. Chinese Olympic Committee tries to promote health via sports, while Yili obtains this goal with quality product and services. This explains why COC chose Yili.

          Pan Gang said that after the 12-year cooperation, the Olympic Spirit "higher, faster, stronger" has already been integrated into Yili's genes. As indicated in the theme "Keep Climbing All the Way", Yili always seeks self-transcendence and has implemented such spirit into every development milestone. The cooperation between Yili and COC is based on the shared values and Yili's intention to let every customer enjoy their health. Yili is proud of providing services for global events and assisting the Chinese towards a healthy Chinese Dream.

          Yili believes in "Yili represents the highest quality", and has become a global leader in the dairy industry through endless innovation and global strategies. It presented several impressive appearances on the global stage on behalf of Chinese enterprises. In terms of quality, Yili follows the "quality-first" strategy and introduces quality management to every partner of global production chains, forming a quality management system worldwide for healthy food that meets Olympian standards. In terms of innovation, Yili actively implements the "whole-chain innovation" strategy for the realization of the innovation and upgrading of the whole production chain and to establish "global smart line" for the introduction of global innovative resources. In terms of globalization, Yili, under the strategy of "global network", has initially created the establishment of a global resource network, a global R&D network and a global market network covering Asia, Oceania, Europe and America. It provides customers with quality products and services by the integration of the optimal resources of milk source, technology and talent.

          Yili is committed to delivering a healthy lifestyle to over a billion customers. Joining hands with the Olympics again, Yili has become the first healthy-food provider worldwide that meets the "Both Olympics" standard. With this, Yili will embark on a new journey to transfer nutrition and vitality with Olympia quality, to accelerate the healthy Chinese Dream, and contribute to China's goal of building a prosperous society in all respects.



Chinese sports brand PEAK introduces world's first 3D printed basketball boots

          PEAK, one of the world's leading professional sports brands, rolled out the world's first 3D printed basketball boot. At the 2017 PEAK China Tour & Dwight Howard III Press Conference on August 24, the brand announced the release of the world's first wearable 3D printed basketball boots.

          Dwight Howard commented, "This pair of boots has obviously higher performance than traditional ones. I felt that the 3D printed soles and vamp side walls enable a more comfortable wearing experience. Maybe, one day in the future, you'll see me wearing the 3D printed basketball boots, footwear designed based on R&D carried out by PEAK, during an NBA competition."

         

          PEAK is one of the world's first brands to apply 3D printing technology to a sports shoe. Three years ago, the sports brand acquired the most advanced 3D printing equipment and rolled out products based on the 3D printing concept. The brand launched the "FUTURE I" 3D printed running shoes this May. The introduction of the 3D printed basketball boot moved PEAK into the position of being the world's leading sports brand in the R&D and application of 3D printing technology.

          Based on the now quite mature technology backed by scientific research previously applied to the brand's 3D printed running shoes, PEAK deployed the SLS laser technology and the printing prototyping of the more flexible and lighter TPU powders in the design.

          The Dwight Howard III-3D basketball boot deploys a 3D lattice structure in the middle of the sole, while using the 3D printed TPU structure for the vamp side walls, breaking existing design structure limits and expanding the room in which designers could allow themselves to be more creative, ultimately providing consumers with the world's leading professional sports product that is both appealing in appearance and high-performance.

          Xu Zhihua, general manager of PEAK, said, "As a new prototyping and processing technology, 3D printing is of great significance to Chinese sports brands and the country's Made in China 2025 strategy." Following introduction of the 3D printing running shoe and the 3D basketball boot, the brand plans to apply 3D printing technology to more products in the future, consistently providing consumers with innovative products. "Our goal is to transform PEAK into the world's leading professional sports brand through continuous innovation and ongoing expansion into international markets," he added.



Merck KGaA, Darmstadt, Germany: Driving Innovation in Cancer Care at ESMO 2017 With New Data in Hard-to-Treat Cancers

         -Not intended for UK-based media

          -Data to showcase Merck KGaA, Darmstadt, Germany's strong and diverse pipeline ranging from immuno-oncology to DNA damage response
          - Avelumab data validate potential in hard-to-treat cancers and highlight progress of the JAVELIN clinical development program
          - First data in mTNBC for ATR inhibitor (M6620) from Merck KGaA, Darmstadt, Germany's comprehensive portfolio in DNA damage response



          Merck KGaA, Darmstadt, Germany, a leading science and technology company, today announced it will present data for a number of tumor types across its rapidly evolving pipeline. A total of 23 abstracts, representing five therapeutic agents, will highlight the company's expanding scientific expertise at this year's European Society for Medical Oncology congress (ESMO 2017; September 8-12, Madrid, Spain).

          Data to be presented include continued reinforcement of the role of established brand Erbitux(R) (cetuximab) as a standard of care therapy, with quality of life (QoL) data in colorectal cancer (CRC) and real-world data in both CRC and squamous cell carcinoma of the head and neck (SCCHN); updated efficacy and safety data for avelumab in metastatic Merkel cell carcinoma (mMCC) and urothelial carcinoma (UC) among other cancers; and new data and updates from Merck KGaA, Darmstadt, Germany's rapidly evolving pipeline, including first data from potential first-in-class ataxia telangiectasia and Rad3-related protein (ATR) inhibitor M6620* (also known as VX-970).

          "The Merck KGaA, Darmstadt, Germany Oncology Franchise has had a momentous year, particularly with the positive regulatory milestones achieved for avelumab. The story continues to evolve at ESMO 2017 from our legacy with Erbitux to our diverse and robust pipeline which has potential novel molecules that could become new standards of care," said Luciano Rossetti, Executive Vice President, Global Head of Research & Development at the biopharma business of Merck KGaA, Darmstadt, Germany. "The data reinforce Merck KGaA, Darmstadt, Germany's commitment to pursuing approaches that will bring important benefits to patients and transform the way cancer is treated."

          Merck KGaA, Darmstadt, Germany's innovative approach and strategic collaborations in oncology are exemplified through the ongoing partnership with Pfizer, and the significant progress of avelumab. Granted two accelerated approvals** by the U.S. Food and Drug Administration (FDA) this year, more recently the Committee for Medicinal Products for Human Use (CHMP) of the European Medicines Agency (EMA) has adopted a positive opinion recommending the approval of avelumab as monotherapy for the treatment of adult patients with mMCC. ESMO 2017 includes new data for avelumab in the treatment of mMCC, a rare and aggressive skin cancer, and 12-month follow-up data in pre-treated patients with locally advanced or metastatic UC. The progress of the broader JAVELIN clinical development program will also be highlighted, with updated data in hard-to-treat tumors such as metastatic adrenocortical carcinoma (mACC).

          The addition of the recently acquired Vertex DNA damage response (DDR) portfolio to its own in-house DDR platform has positioned Merck KGaA, Darmstadt, Germany as one of the key players in the DDR field. The company's broad DDR portfolio includes inhibitors for enzymes of major DDR pathways, such as ATR, DNA-PK and ATM. At ESMO 2017, first data will be presented for ATR inhibitor M6620 in metastatic triple-negative breast cancer (mTNBC). M6620 is currently being investigated in several ongoing Phase I trials across a variety of tumor types.

          Other pipeline updates will include data on the potential first-in-class dual p70S6K/Atk inhibitor M2698*; and tepotinib***, a highly selective c-Met kinase inhibitor, in patients with advanced hepatocellular carcinoma (HCC).

          Product related information contained herein is subject to local product approval and can therefore vary from country to country. For information relevant to your country, please check in with local regulatory authorities.

          *M6620, M2698 and tepotinib are under clinical investigation and have not been proven to be safe and effective. There is no guarantee any product will be approved in the sought-after indication by any health authority worldwide.

          ***Tepotinib is the proposed International Non-proprietary Name (INN) for the c-Met kinase inhibitor (also known as MSC2156119J).



Merck: Driving Innovation in Cancer Care at ESMO 2017 With New Data in Hard-to-Treat Cancers

          - Not intended for U.K. or U.S. based media

          ESMO 2017 abstract #

          Erbitux(R): 576P, 593P, 1068P, 1579P; avelumab: 1227P, 913P, 1377TiP, 882P, 856P; M6620 (ATR inhibitor): 242PD; M2698 (dual p70S6K/Akt inhibitor): 370PD, 393P; tepotinib (c-Met kinase inhibitor): 701P



          -Data to showcase Merck's strong and diverse pipeline ranging from immuno-oncology to DNA damage response
          - Avelumab data validate potential in hard-to-treat cancers and highlight progress of the JAVELIN clinical development program
          - First stand-alone data in mTNBC for ATR inhibitor (M6620) from Merck's comprehensive portfolio in DNA damage response

          Merck, a leading science and technology company, today announced it will present data for a number of tumor types across its rapidly evolving pipeline. A total of 23 abstracts, representing five therapeutic agents, will highlight the company's expanding scientific expertise at this year's European Society for Medical Oncology congress (ESMO 2017; September 8-12, Madrid, Spain).

          Data to be presented include continued reinforcement of the role of established brand Erbitux(R) (cetuximab) as a standard of care therapy, with quality of life (QoL) data in colorectal cancer (CRC) and real-world data in both CRC and squamous cell carcinoma of the head
and neck (SCCHN); updated efficacy and safety data for avelumab in metastatic Merkel cell carcinoma (mMCC) and urothelial carcinoma (UC) among other cancers; and new data and updates from Merck's rapidly evolving pipeline, including first stand-alone data in metastatic triple
negative breast cancer (mTNBC) from potential first-in-class ataxia telangiectasia and Rad3-related protein (ATR) inhibitor M6620* (also known as VX-970).

          "The Merck Oncology Franchise has had a momentous year, particularly with the positive regulatory milestones achieved for avelumab. The story continues to evolve at ESMO 2017 from our legacy with Erbitux to our diverse and robust pipeline which has potential novel molecules that could become new standards of care," said Luciano Rossetti, Executive Vice President, Global Head of Research & Development at the biopharma business of Merck. "The data reinforce Merck's commitment to pursuing approaches that will bring important benefits to patients and transform the way cancer is treated."

          Merck's innovative approach and strategic collaborations in oncology are exemplified through the ongoing partnership with Pfizer, and the significant progress of avelumab. Granted two accelerated approvals** by the U.S. Food and Drug Administration (FDA) this year, more recently the Committee for Medicinal Products for Human Use (CHMP) of the European Medicines Agency (EMA) has adopted a positive opinion recommending the approval of avelumab as monotherapy for the treatment of adult patients with mMCC. ESMO 2017 includes new data for avelumab in the treatment of mMCC, a rare and aggressive skin cancer, and 12-month follow-up data in pre-treated patients with locally advanced or metastatic UC. The progress of the broader JAVELIN clinical development program will also be highlighted, with updated data in hard-to-treat tumors such as metastatic adrenocortical carcinoma (mACC).

          The addition of the recently acquired Vertex DNA damage response (DDR) portfolio to its own in-house DDR platform has positioned Merck as one of the key players in the DDR field. The company's broad DDR portfolio includes inhibitors for enzymes of major DDR pathways,
such as ATR, DNA-PK and ATM. At ESMO 2017, first data will be presented for ATR inhibitor M6620 in metastatic triple-negative breast cancer (mTNBC). M6620 is currently being investigated in several ongoing Phase I trials across a variety of tumor types.

          Other pipeline updates will include data on the potential first-in-class dual p70S6K/Atk inhibitor M2698*; and tepotinib***, a highly selective c-Met kinase inhibitor, in patients with advanced hepatocellular carcinoma (HCC).

          Product related information contained herein is subject to local product approval and can therefore vary from country to country. For information relevant to your country, please check in with local regulatory authorities.

          *M6620, M2698 and tepotinib are under clinical investigation and have not been proven to be safe and effective. There is no guarantee any product will be approved in the sought-after indication by any health authority worldwide.

          ***Tepotinib is the proposed International Non-proprietary Name (INN) for the c-Met kinase inhibitor (also known as MSC2156119J).



Wednesday, August 30, 2017

“หลงเหมิน” ขึ้นแท่นเมืองต้นแบบแห่งจิตรกรรมและประเพณีพื้นบ้านของจีน


หลงเหมิน ดินแดนแห่งขุนเขาที่มีทัศนียภาพงดงามและความกลมกลืนทางอารยธรรมและวัฒนธรรมโบราณ ได้กลายเป็นเมืองแบบอย่างของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพบนเขตพื้นที่ปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macau Greater Bay Area) หลงเหมินมีจุดเด่นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพ จิตรกรรมท้องทุ่ง และประเพณีพื้นบ้านอันรุ่มรวย ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟูได้เปิดประตูบานใหม่สู่การพัฒนาพื้นที่เขตเทศบาลมณฑลดังกล่าว โดยจากสถิติพบว่า หลงเหมินมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 4.93 พันล้านหยวนในปี 2559 เพิ่มขึ้น 34.3% จากปีที่ผ่านมา 
          หลงเหมินเป็นเขตเทศบาลมณฑลในมณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่บนทำเลทองในบริเวณพื้นที่ปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และมีชื่อเสียงในฐานะ "เขตท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมที่งดงาม" รวมถึง "ถิ่นกำเนิดประเพณีพื้นบ้านและศิลปะจีน" และ "โอเอซิสแห่งซีกโลกเหนือ" ด้วยภูเขามากกว่า 73% ของพื้นที่ทั้งหมด และมีป่าไม้ปกคลุมถึง 76.6% นอกจากนี้ หลงเหมินยังเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงที่มีความงดงามที่สุดในแง่ของสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศ โดยความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมเหล่านี้ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางจิตรกรรมของชาวนาท้องถิ่น
          จิตรกรรมของชาวนาหลงเหมินมีต้นกำเนิดในช่วงปลายราชวงศ์ชิง โดยในปี 2531 หลงเหมินได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็น "ถิ่นกำเนิดของจิตรกรรมพื้นบ้านร่วมสมัยของจีน" และหลังจากนั้น ผู้คนก็ได้เห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของหลงเหมิน  
          ภาพวาดโดยเกษตรกรหลงเหมินได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามและสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในหลายๆเมืองของจีน จิตรกรรมเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติเชิงบวกและความโอบอ้อมอารีของชาวบ้าน โดยภาพส่วนใหญ่สะท้อนความสุนทรีย์ในระดับรากหญ้าของจีน ทั้งยังสะท้อนแนวคิดความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
          ในเขตเทศบาลมณฑลเล็กๆแห่งนี้ มีจิตรกรเจ้าของผลงานภาพวาดท้องทุ่งกว่า 350 คน ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตชนบท และใช้เวลาว่างในการวาดภาพ ผลงานของพวกเขาผสมผสานองค์ประกอบด้านศิลปะพื้นบ้านของจีนอย่างการตัดกระดาษ การเย็บปักถักร้อย และจิตรกรรมฝาผนังได้อย่างลงตัว การนำประเพณีพื้นบ้านและวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานนั้น ทำให้ภาพวาดของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายชนบทและมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว เมื่อคุณเดินไปรอบๆหมู่บ้าน คุณจะสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมที่งดงามผ่านทางภาพวาดอันวิจิตร
          "จิตรกรรมชาวนาทำให้ชนบทแห่งนี้เป็นดั่งบทกวีและมีความทันสมัยในขณะเดียวกัน" เจ้าหน้าที่จากเขตเทศบาลมณฑลหลงเหมิน กล่าว
          ด้วยระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม ทำให้หลงเหมินมีความได้เปรียบในการเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้าน และนำเสนอผลงานภาพวาดชาวนาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
          ณ รีสอร์ท Crosswaters Ecolodge & SPA ในบริเวณเขาหนานคุน ผู้สื่อข่าวได้ดื่มด่ำไปกับความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรม จากการได้เห็นเทคนิคการก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างการก่อกำแพงดินเหนียวของชาวจีนแคะโบราณกับไม้ไผ่ ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวว่า รีสอร์ทแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้มีกลิ่นอายท้องถิ่นและความเป็นสากล ซึ่งได้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศของหลงเหมิน นอกจากนี้ที่นี่ยังเคยคว้ารางวัล "Global Landscape Design Award" อีกด้วย
          หลงเหมินยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่นอีกหลายแห่ง ในฐานะหนึ่งในเขตความร่วมมือรอบปากอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊านั้น หลงเหมินได้เสริมสร้างความได้เปรียบด้านระบบนิเวศ เพื่อยกระดับการเป็นเมืองต้นแบบพัฒนาเศรษฐกิจด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม
          ปัจจุบัน หลงเหมินมีชื่อเสียงมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลผ่านทางจิตรกรรมชาวนา ซึ่งได้กลายเป็นช่องทางสื่อสารที่เชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนกับโลกเข้าด้วยกัน ภาพวาดเหล่านี้เคยถูกนำไปจัดแสดงที่สหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น สวีเดน ออสเตรเลีย ฟิจิ และประเทศอื่นๆ ขณะที่จิตรกรชาวนาหลายคนก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดแสดงผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างประเทศอีกด้วย

          ที่มา: เขตเทศบาลมณฑลหลงเหมิน
          รูปภาพ: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=295430

Fragrance Du Bois 'Cancelled Summer' -- Now We Know Why

Fragrance Du Bois’ new flagship store in Singapore, Scotts Square.
 
Fragrance Du Bois' signature cloche table at Niche Perfumes, Marbella, Spain.
 
The young, dynamic perfume brand, Fragrance Du Bois is making a lot of headlines these days, but 'cancelling summer' is one of the more unusual to have hit the newswires of late.
          The company is keen to ensure that people understand that summer had only being 'cancelled' for its team members due to the pace at which the company is expanding.
          While many luxury brands were 'on the beaches', relaxing with their feet up, personnel at Fragrance Du Bois (FDB) remained hard at work planning and executing future expansion plans.
          It's due in no small way to the fact that fragrance aficionados and 'conscious consumers' around the world  -- those concerned with sustainability, environmental awareness and known provenance of the products they purchase -- are responding in dramatic fashion to Fragrance Du Bois' mantra of 'luxury with a conscience'. The inclusion of 100% pure, organic and sustainably sourced Oud oil in its signature products has made FDB one of the fastest growing luxury perfume brands in the world today.
          Fragrance aficionados' taste for the original, innovative and exotic, and consumers' imaginations have been captivated by the young brand's 'from soil, to oil, to you' motto and back story, with pure Oud oil -- sustainably sourced, ethically produced and supplied by plantations managed with the environment and communities in mind -- having become such an integral part of FDB's profile and its superb range of products.
          The insatiable demand for real Oud , and the cult following the relatively new brand has already garnered, means that the team is constantly busy, always engaged and expanding in number.
          "I'm very good these days at packing suitcases," said Nicola Parker, Brand Director -- Fragrance Du Bois, "and it's probably due to continuous practice. Every time I step off a plane, it seems that all I do is start packing my bags again for another trip. In the last few weeks we have opened in Mayfair, London, just off the famous Regent Street, in the ongoing relationship we have with the House of Jovoy and Francois Henin, with whom we also work in Paris and Doha. We've also moved our flagship store in Singapore to Scotts Square, right in the very heart of the Orchard Road shopping district."
          "We're up and running in Marbella, Spain, as part of the developing relationship with Niche Perfumes and its founders, the Al Otaibi brothers - taking pride of place with our full, cloche table experience in the millionaires' playground of Puerto Banus. There is also major expansion taking place in the Middle East, to better cater to our burgeoning Arabic and international clientele, and we have two luxury boutiques currently being fitted out in Dubai, with our friends at Jovoy, and these should be ready in September. One will be at the iconic City Walk destination offering our full boutique experience, while the other is opening at the Dubai Creek Harbour, which as everyone in Dubai knows is going to be a very special retail experience in the region."
          Fragrance Du Bois isn't resting on its laurels in Switzerland either, making sure that its boutiques in Geneva and Zurich are prepared for the elite coterie of fragrance lovers from the Middle East who favour the relative cool of Europe during the hot summer months in their home countries.
          "We're not taking any breaks either in Paris, Milan, Los Angeles, Kuala Lumpur and Hong Kong, as we feel we owe it to our clients to be present and ready to meet their needs. We may have become victims of our own success, "concluded Parker, "but we wouldn't have it any other way, and this is a very exciting time for our brand. We're just delighted that we have the right people in place who appreciate what we're striving to achieve," concluded Parker," and are happy to accept the monumental workload that accompanies establishing our brand globally."
          New additions to the Fragrance Du Bois portfolio of boutiques have already been planned for the remainder of 2017 and into 2018. The brand will be available soon in New York, Abu Dhabi, Miami, Jeddah, Manila, Shanghai, Macao and Beijing.

          Notes for Editors:
          For further information, please contact:
          Samantha Tham
          Marketing Manager
          Tel: +65-6634-4707
          Email:samantha.tham@fragrancedubois.com
          Visit our website at: https://www.fragrancedubois.com

Nestle(R) Toll House(R) Cafe by Chip เชิญชวนผู้ถือวีซ่านักลงทุน (E-2) มาร่วมเป็นเจ้าของแฟรนไชส์คอนเซ็ปต์คาเฟ่แสนอร่อยจากสหรัฐ



          - ร้านขนมหวานระดับพรีเมียมปูพรมแดงต้อนรับนักลงทุนคุณภาพ
           Nestle(R) Toll House(R) Cafe by Chip ร้านคาเฟ่เบเกอรี่ยอดนิยมไอเดียเก๋ กำลังอยู่ในช่วงของการขยายธุรกิจครั้งใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าเต็มสูบด้วยการเชิญชวนผู้ถือวีซ่านักลงทุนตามสนธิสัญญา (E-2) ที่กำลังมองหาการลงทุนในแฟรนไชส์ร้านอาหารชั้นเลิศ ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแฟรนไชส์ซี่ของคอนเซ็ปต์คาเฟ่แห่งนี้

          Crest Foods เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านคาเฟ่ กำลังมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา แม้แต่ผู้ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจแฟรนไชส์มาก่อน ทางบริษัทก็พร้อมเปิดกว้างให้ได้เข้ามาศึกษาข้อดีของการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
          วีซ่านักลงทุนตามสนธิสัญญาประเภท E-2 นำเสนอข้อได้เปรียบหลายประการ โดยคู่สมรสและบุตรอายุต่ำกว่า 21 ปีของผู้ถือวีซ่าประเภทดังกล่าว จะได้รับสิทธิ์ขอวีซ่าติดตาม (Dependent) ซึ่งบุตรที่เป็นผู้ติดตามอายุไม่เกิน 21 ปีจะได้รับโอกาสเข้าเรียนโรงเรียนที่ต้องการในสหรัฐ นอกจากนี้ ผู้ถือวีซ่า E-2 ยังสามารถเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาหรือพำนักอยู่ในต่างประเทศได้โดยไม่กำหนดระยะเวลา และสามารถเดินทางกลับเข้ามายังสหรัฐได้ตราบเท่าที่วีซ่ายังไม่หมดอายุ

          Crest Foods มีแผนงานสนับสนุนแฟรนไชส์อย่างครอบคลุม ประกอบด้วย
          - การเลือกทำเลที่ตั้ง และการเจรจาสัญญาเช่า
          - แผนผังและแบบของร้าน
          - การฝึกอบรมในห้องเรียนและในร้าน
          - การสนับสนุนด้านการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
          - สิทธิ์ในการใช้เครื่องหมายการค้าและตราสัญลักษณ์ Nestle แบบมีข้อจำกัด
          - การอนุญาตให้ใช้สูตรอาหารที่เป็นความลับของ Crest Foods
          - การสนับสนุนการดำเนินงานและการตลาดอย่างต่อเนื่อง

          คอนเซ็ปต์คาเฟ่ระดับพรีเมียมแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดในการรังสรรค์เมนูของหวานแสนอร่อยที่ต่อยอดมาจากแบรนด์อาหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่าง Nestle โดยสาขาส่วนใหญ่จำหน่ายคุกกี้อบสดหอมกรุ่นจากเตา กาแฟ Nescafe(R) Milano สูตรพรีเมียม ไอศครีม และสารพัดเมนูขนมหวานชวนลิ้มลอง นอกจากนี้ บางสาขายังเสิร์ฟมัฟฟิน ซินนามอนโรล ครัวซองต์ ตลอดจนกูร์เมต์แซนด์วิช เครป และปานินี่ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับมื้อกลางวันและมือค่ำ นอกเหนือไปจากกาแฟเอสเปรสโซ คาปูชิโน และลาเต้คุณภาพระดับบาริสต้า

          ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NestleCafe.com
          Nestle Toll House Cafe by Chip(R) คือคาเฟ่ขนมหวานและขนมอบชั้นเลิศที่นำเสนอประสบการณ์เหนือระดับแก่ลูกค้า ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม เมนูสุดสร้างสรรค์ รสชาติที่โดดเด่น และการรักษาต้นตำรับของเหล่าสุดยอดแบรนด์ของ Nestle ไว้ได้เป็นอย่างดี โดยบริษัท Crest Foods Inc. ในเมืองริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส เป็นผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ร้านอาหารระดับแนวหน้า ซึ่งรวมถึงร้านคาเฟ่เบเกอรี่มากกว่า 160 แห่งในสหรัฐ แคนาดา และตะวันออกกลาง ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคีออสก์  ร้านในศูนย์การค้า หรือสตรีทคาเฟ่ การันตีด้วยการได้รับเลือกให้ติดอันดับ "Franchise 500" โดยนิตยสาร Entrepreneur

          Nestle(R), Toll House(R), Nescafe(R), Milano(R) รวมถึงโลโก้และดีไซน์ที่เกี่ยวข้อง เป็นเครื่องหมายการค้าของ Societe des Produits Nestle S.A. โดย Crest Foods, Inc. ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าเหล่านี้ได้