Monday, May 31, 2021

HAVAL JOLION นำเสนอดีไซน์ที่เป็นสากลเพื่อผู้ใช้รถทั่วโลก

      

      เมื่อไม่นานมานี้ GWM ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากมายที่มีการออกแบบที่เป็นสากล รวมถึง HAVAL JOLION ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิด "JOY LIFE ON" ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้รถเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อไขความลับแห่งความสำเร็จของรถยนต์รุ่นนี้ เราจึงได้เชิญ Christopher Zarlenga หัวหน้าฝ่ายการออกแบบมาร่วมกันวิเคราะห์ถึงแนวคิดเบื้องหลัง HAVAL JOLION

Christopher กล่าวว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบรถยนต์รุ่น HAVAL JOLION นั้น มาจากการได้เห็นกลุ่มนักเล่นสเก็ตบอร์ดตามท้องถนน โดยหลังจากได้สัมผัสถึงพลังและความมุ่งมั่นของพวกเขา Christopher จึงพัฒนาแนวคิด "JOY LIFE ON" ออกมา เพื่อนำเสนอทัศนคติต่อชีวิตในแง่บวกให้กับผู้ใช้รถทั่วโลก




Christopher อธิบายว่า "ความเพลิดเพลินขอบรถยนต์รุ่นนี้ มาจากประสบการณ์การใช้ การออกแบบ และแนวคิด Joy life on ที่เราใส่ไว้" รถยนต์รุ่น JOLION นำเสนอสไตล์ที่ทันสมัย ทั้งยังเป็นคู่หูชั้นเยี่ยมสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ โดยมีทั้งหมด 6 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Hamilton White, สีแดง Mars Red, สีเขียว Energy Green, สีเทา Ayers Grey, สีน้ำเงิน Blue Sapphire และสีดำ Golden Black ซึ่งแต่ละสีก็จะสามารถสะท้อนบุคลิกของผู้ขับแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ด้วยตัวถังที่ออกแบบด้วยสัดส่วนทองคำ และเส้น Waistline ที่ยืดหยุ่นและลื่นไหล ดีไซน์ของ JOLION จึงเรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งความสวยงาม พร้อมเปิดกว้างต่อจินตนาการ นอกจากนี้รูปทรงด้านหน้ารถที่เฉียบคม พร้อมด้วยไฟหน้า LED รูปง้าวและกระจังหน้าสไตล์สุดหรู ยังทำให้รถ SUV รุ่นนี้ดูโฉบเฉี่ยวและมีชีวิตชีวา ซึ่งจะปลุกพลังแห่งความเยาว์วัยในตัวคุณได้เป็นอย่างดี ส่วนภายในรถที่ออกแบบมาให้กว้างขวางและสะดวกสบายนั้น มีพื้นที่จัดเก็บถึง 26 จุด โดยสามารถเก็บน้ำดื่มขวดใหญ่ไว้ในช่องเก็บด้านข้างประตูได้อย่างง่ายดาย ทำให้การเดินทางพร้อมสมาชิกในรถเป็นไปอย่างราบรื่น ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีอันชาญฉลาดของ JOLION ยังสามารถยกระดับประสบการณ์การขับขี่ได้ โดยเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์การเชื่อมต่อ ก็จะสามารถเชื่อมต่อหน้าจอควบคุมระบบหลักเข้ากับโทรศัพท์มือถือได้ตามความต้องการ เรียกได้ว่าแม้จะอยู่ในรถ ผู้ใช้ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์สื่อด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ ถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าประทับใจอย่างมาก และสำหรับผู้ที่จอดรถไม่คล่องแคล่วหรือมือใหม่หัดขับ ฟีเจอร์จอดรถอัตโนมัติด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว ก็จะช่วยให้การออกไปช็อปปิ้งในวันสบายๆ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป ทั้งนี้ JOLION มีโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ Standard, Sport, Economy และ Snow โดยโหมด Snow หรือการขับขี่ในหิมะ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นไถล ขณะที่โหมด Sport จะเพิ่มสมรรถนะในการเร่งเครื่องในระดับที่ผู้ใช้สัมผัสได้จากการที่หลังติดเบาะนั่ง และโหมด Economy จะช่วยลดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ใช้ รถยนต์รุ่น JOLION มอบตัวเลือกให้มากมายเพื่อให้คุณได้ขับขี่อย่างมีอิสระ

Christopher กล่าวว่า "ในอนาคตการออกแบบรถนั้นจะเน้นไปที่การมอบความคุ้มค่าและสมรรถนะของรถยนต์ในระดับสูงให้กับผู้ใช้ เมื่อเราออกแบบโดยผสานรวมความง่ายต่อการใช้งานและความสะดวกเข้าด้วยกัน ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็จะเหมาะสำหรับผู้ใช้ทุกคน"

แนวคิด "JOY LIFE ON" ให้ความสำคัญกับการดื่มด่ำกับความสุข ยิ่งไปกว่านั้นคือ แนวคิดนี้ให้คุณค่ากับการยกระดับชีวิตแสนสุขสู่ความสำเร็จเพื่อควบคุมเส้นทางชีวิตของตัวเอง ทั้งนี้ ในแง่การออกแบบ GWM มุ่งเน้นการพัฒนา "นวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่" มาโดยตลอด และในส่วนของความรู้สึกและวัฒนธรรม GWM ก็ได้ใช้หลักการยึดผู้ใช้เป็นสำคัญ และเปิดทางให้รถยนต์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใช้เพื่อสร้างคุณค่า ในอนาคต GWM จะยึดแนวทางการผลิตรถยนต์เพื่อตลาดสากล และผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงเพิ่มขึ้นต่อไป โดยจะเน้นทั้งรูปลักษณ์ที่ออกแบบมาอย่างดีและประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ผู้ใช้จะได้รับ

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1521470/HAVAL_JOLION_GLOBAL.jpg
คำบรรยายภาพ - HAVAL JOLION นำเสนอดีไซน์ที่เป็นสากลเพื่อผู้ใช้รถทั่วโลก




จีนมุ่งพัฒนาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี โดยให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง

      เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้จีนยกระดับความพยายามในการสร้างชาติให้เป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนบรรลุเป้าหมายการเสริมแกร่งและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น

นายสี จิ้นผิง มีถ้อยแถลงดังกล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน สถาบันบัณฑิตวิศวกรรมจีน และสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของจีน

"การเสริมแกร่งและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควรเป็นกลยุทธ์สนับสนุนการพัฒนาประเทศตลอดไป" เขากล่าว

นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อที่ประชุม และกล่าวอวยพรบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากภาคส่วนต่าง ๆ

"ผมขอแสดงความยินดีกับการจัดประชุมครั้งนี้ และขอกล่าวคำอวยพรจากใจจริงให้แก่บุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผู้เสียสละทำงานอย่างหนักในตำแหน่งต่าง ๆ เนื่องในวันบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของจีนครั้งที่ 5 ซึ่งตรงกับวันที่ 30 พฤษภาคม ผมขออวยพรให้ทุกคน" นายสี จิ้นผิง กล่าว

นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยพื้นฐาน นวัตกรรมใหม่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ และอุตสาหกรรมขั้นสูง รวมถึงบทบาทสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

"การปฏิบัติจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า การพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นอิสระในจีนมีศักยภาพมหาศาล ขณะที่บุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศของเราก็สามารถบรรลุผลสำเร็จมากมาย ด้วยความมุ่งมั่นในการก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งตามกาลเวลาที่ผ่านไป ความกล้าหาญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านการปฏิรูป ตลอดจนความมานะอุตสาหะและไม่ยอมแพ้ บุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศของเราสามารถก้าวทันเทรนด์โลก ริเริ่มส่งใหม่ เผชิญหน้ากับปัญหา และก้าวข้ามความยากลำบากต่าง ๆ การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องพุ่งเป้าไปที่ขอบเขตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลก รองรับสมรภูมิทางเศรษฐกิจ มุ่งมั่นเติมเต็มความต้องการที่สำคัญของประเทศ ตลอดจนเป็นประโยชน์ต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน ในการแบกรับภารกิจสำคัญที่มีเงื่อนไขด้านเวลานั้น เราต้องพยายามบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น" นายสี จิ้นผิง กล่าว

นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้บุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในจีนรับผิดชอบในส่วนนี้ และพยายามบรรลุเป้าหมายการเสริมแกร่งและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น

"ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน พัฒนานวัตกรรมอย่างจริงจัง และทำงานอย่างไม่ย่อท้อเพื่อมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างจีนให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และบรรลุเป้าหมายของจีนในการฟื้นฟูชาติ" นายสี จิ้นผิง กล่าว

ลิงก์: https://m.youtube.com/watch?v=P0905Iip5JA

Football for Friendship achieves new GUINNESS WORLD RECORDS(TM) title for the most visitors at a virtual stadium

 Today, during the live broadcast of the Football for Friendship Grand Final, the official adjudicator Joanne Brentconfirmed that the Gazprom International Children's Social Programme Football for Friendship achieved its 3rd GUINNESS WORLD RECORDS(TM) title. The successful record attempt took place on May 26th and officially announced and confirmed on the occasion of the Grand Final of the Ninth Season of the programme on 29th May.

On 26th May, the project Football for Friendship (F4F) achieved a new GUINNESS WORLD RECORDS(TM) title for the highest number of simultaneous visitors to a virtual stadium. Users of the multiplayer simulator "Football for Friendship World" (F4F World) from over 200 countries took part in this world record attempt.

In the run-up to the record attempt, the Global Ambassador for F4F, the Brazilian football legend Roberto Carlos, reached out to everyone: "Let us all become part of a major event. We are all participants in Gazprom's F4F programme. We will get this record!" There was also support from the Russian football champions Yevgeni Aldonin and Dimitri Sennikov, the Russian footballer of the year (2004) Dmitri Sychev and the ambassador for Russian women's football Elena Ryshkova. Russian TikTok stars twins Katya and Nastya together with Kirill Kolesnikov were present as well.

The multiplayer simulator F4F World was specially developed for F4F in 2020. International team matches can be organised on this platform in real time. From 24th May 2021 onwards, the 2021 "Football for Friendship eWorld Championship" with a total of 32 teams, and players from over 200 countries, was contested.

Football for Friendship already holds two GUINNESS WORLD RECORDS(TM) titles. In 2019, F4F achieved a GUINNESS WORLD RECORDS(TM) title for the most nationalities at a football training session. On 5th December 2020, a new GUINNESS WORLD RECORDS(TM) title was achieved in the course of the closing events of the 8th season of F4F for an online training session with the most participants.


About Football for Friendship

F4F has existed since 2013. It is organised by Gazprom and supported by FIFA, UEFA and the United Nations. Over the previous eight seasons, more than 15,000 children and young people from 211 countries and regions have taken part in the programme.


Programme's official internet resources:

Photo and video materials for media: http://media.footballforfriendship.com 

Website: https://www.footballforfriendship.com/

Instagram: https://www.instagram.com/footballforfriendship/ 


Logo: https://mma.prnewswire.com/media/1502205/F4F_Gazprom_Logo.jpg  

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1521526/Gazprom_F4F_World_Record.jpg

International Finance Forum Releases IFF China Report 2021

 International Finance Forum (IFF) announced the release of IFF China Report 2021 (the "Report") outlining important China's policy initiatives and the global cooperation opportunities in the context of COVID-19 and beyond. 30,000 copies of the report have been issued to over 170 countries and territories.

The Report includes 31 contributions from world's leaders, premier policymakers and financiers on global topics under the five themes: global economic growth in a post-pandemic era, the Belt-and-Road Initiative (BRI), green finance, global capital markets and fintech. 

COVID-19 has caused significant disruption to the world economy. However, the ecological implication of the pandemic is as consequential as the economic one, as the public health emergency is symptomatic of a deeper economic problem that undergirds it. To tackle the issue, a shift of focus to "new green infrastructure" is the key, notes Han Seungsoo, Co-Chairman of IFF, Silk Road International Association (SRIA) Chairman. 

"The mission of the SRIA must be realigned to mobilise the investment necessary to cope with the 'new normal' after COVID-19. Producing solar and wind power on a large scale across the wasteland along BRI route would help generate clean power for the East, which should be a priority for the SRIA," he writes in the Report.

Underscoring the key measure for a rapid global economic rebound in the post-COVID era, Jim Yong Kim, the 12th president of the World Bank, says in the Report that infrastructure investment should be "one of the priorities in helping developing countries recover more quickly from the pandemic". Marcos Toyjo, president of the New Development Bank, notes that "new infrastructure must answer the demands of the fourth industrial revolution."

The Report also highlights the role of BRI in fostering sustainability in terms of global development through the Silk Road Fund and the joint efforts of member countries in promoting green transition. To accelerate the green transition, the Report calls on the BRI countries for setting up carbon-neutrality targets in line with global sustainability goals and enforcing environmental protection legislation. 


About IFF

Established in 2003, the IFF is a non-profit and non-governmental unofficial international forum organization. Headquartered in Beijing, it is a high-level dialogue and academic exchange mechanism co-sponsored by business leaders and scholars in the global financial community and academic circles. 


For more information, please visit: http://www.iff.org.cn/php/list.php?tid=403


Steel Shen

(86)10-5087-3634

steel.shen@iff.org.cn

Snapmaker จัดแสดงนวัตกรรมการพิมพ์สามมิติครบวงจรในงาน TCT Asia 2564

 เปิดตัวโมดูลโรตารีใหม่ล่าสุดที่พลิกวงการ


Snapmaker นำโซลูชันการพิมพ์สามมิติครบวงจรพร้อมตัวอย่างการใช้งานระดับยอดเยี่ยมมาจัดแสดงในงาน TCT Asia ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26-28 พ.ค. ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งชาติเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยโมดูลโรตารี Snapmaker 2.0 ที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดได้กลายเป็นไฮไลท์ในงาน

การพิมพ์สามมิติในฐานะรูปแบบหนึ่งของการผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุ (Additive Manufacturing) เป็นสิ่งที่งาน TCT Asia ให้ความสำคัญ โดย Snapmaker มีความแตกต่างจากผู้แสดงสินค้าส่วนใหญ่ภายในงาน เนื่องจากบริษัทได้ผสมผสานการผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุและการผลิตแบบลบเนื้อวัสดุ (Subtractive Manufacturing) เข้าด้วยกัน และสร้างเครื่องโมดูลาร์แบบ 3-in-1 ที่ผสมผสานทั้งการพิมพ์สามมิติ การแกะสลักและการตัดด้วยเลเซอร์ และการแกะสลัก CNC

โมดูลโรตารีเปิดตัวครั้งแรกในจีนที่งาน TCT Asia ปีนี้ หลังจากเปิดตัวในต่างประเทศเมื่อปลายปี 2563 โดยโมดูลโรตารีเป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานง่ายเข้ากันได้กับ Snapmaker 2.0 รุ่น A250 และ A350 ที่ทำให้เครื่องแกะสลัก CNC ตั้งโต๊ะแบบ 4 แกนใช้งานได้ เพื่อให้บริการสำหรับผู้ผลิตงาน DIY ขั้นสูงระดับกลาง นักออกแบบโมเดลสามมิติ และวิศวกรเทคนิค ซึ่งปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายคลึงกันในตลาด

ในด้านประสิทธิภาพนั้น มีการติดตั้งเกียร์ขับเคลื่อน (Strain wave gear) และบรรจุตัวลดความเร็วอัตราส่วน 100:1 รองรับการหมุนต่อเนื่อง 360 องศา และการควบคุมแม่นยำ 0.2 องศา ซึ่งผู้ใช้จะสามารถสร้างงานศิลปะโดยละเอียดในรูปแบบสี่มิติ ด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ไม้แท้ ไม้เทียม อะคริลิกทึบแสง และอื่นๆ ด้วยความช่วยเหลือของโมดูลโรตารีและซอฟต์แวร์ Snapmaker ที่ปรับแต่งได

นอกจากนี้ Snapmaker ได้สร้างตัวอย่างการใช้งานที่หลากหลายในระดับยอดเยี่ยมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถ ซึ่งในบรรดาตัวอย่างเหล่านั้น On Mars Sand Table ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดด้วยงานฝีมือที่ละเอียดอ่อน ทำให้ผู้เยี่ยมชมหลายร้อยคนต่างแสดงความสนใจและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Ke Shuqiang ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Snapmaker กล่าวว่า "ฉันดีใจที่ได้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มรู้จักการพิมพ์สามมิติมากขึ้นในปีนี้ การนำการพิมพ์สามมิติไปใช้งานสามารถช่วยบุคคลและองค์กรต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่แท้จริงได้ ซึ่งในฐานะผู้ผลิตเครื่องพิมพ์สามมิติ Snapmaker จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ใช้ ผู้ให้บริการ และผู้จำหน่ายเพื่อส่งเสริมการใช้งานการพิมพ์สามมิติในระดับผู้บริโภค"


เกี่ยวกับ TCT Asia

งาน TCT Asia ที่จัดขึ้นโดย VNU Rapid News Ltd นั้นเป็นเวทีงานออกแบบเพื่อการผลิตระดับชั้นนำของโลกที่มุ่งเน้นด้านการผลิตแบบเพิ่มเนื้อวัสดุ การพิมพ์สามมิติ การออกแบบ และเทคโนโลยีวิศวกรรม


เกี่ยวกับSnapmaker

Snapmaker ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ในฐานะบริษัทเครื่องมือการผลิตแบบดิจิทัลที่มุ่งมั่นส่งมอบเครื่องพิมพ์สามมิติแบบหลายเครื่องมือที่คุ้มค่าและส่วนเสริมที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์สามมิติสำหรับบุคคลและองค์กรทั่วโลก


www.snapmaker.com

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณติดต่อ:press@snapmaker.com

CGTN: จีนเร่งพัฒนาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี หวังพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น

 เมื่อเกือบสองสัปดาห์ที่แล้ว จีนประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศลงจอดบนดาวอังคาร นับเป็นหลักชัยสำคัญของการสำรวจอวกาศโดยจีนและดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญอย่างการพัฒนาประเทศโดยอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพึ่งพาตนเอง และการสร้างสรรค์นวัตกรรม ได้ถูกตอกย้ำอีกครั้งในโรดแมปการพัฒนาประเทศ ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ของสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของจีน ครั้งที่ 10 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง

ความพอเพียงและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวต่อที่ประชุมซึ่งมีผู้เข้าร่วมราว 3,000 คนว่า การยกระดับความพยายามถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างจีนให้เป็นประเทศผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนบรรลุเป้าหมายความพอเพียงและการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงความสำคัญของการบุกเบิกเทคโนโลยีหลักในภาคส่วนสำคัญ ๆ โดยเน้นย้ำถึงการสร้างระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยกลุ่มความร่วมมือด้านนวัตกรรมซึ่งนำโดยบริษัทชั้นนำ และได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและสถาบันต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานด้านนวัตกรรมอื่น ๆ

เขาระบุว่าจำเป็นต้องกระตุ้นให้เกิดการแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพุ่งเป้าไปที่ปัญหากดดันและเร่งด่วน ก่อนที่จะขยายไปสู่การตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและความต้องการระยะยาวของประเทศ  

เขากล่าวว่า งานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยใหม่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขยายกระบวนการคิดไปยังขอบเขตใหม่ ๆ

ความพยายามของจีนในการพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นอิสระสะท้อนผ่านความสำเร็จมากมาย อาทิ การพัฒนาระบบดาวเทียมนำทางเป่ยโต่ว, การสำรวจอวกาศ เช่น การสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคาร รวมถึงการก่อสร้างสถานีอวกาศของตนเอง, การสร้างเรือดำน้ำลึกขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ "เฟิ่นโต้วเจ่อ" นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง เทคโนโลยีการสื่อสาร 5G และเทคโนโลยี AI ด้วยตนเอง  

นายสี จิ้นผิง ยังตอกย้ำถึงบทบาทของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์และห้องปฏิบัติการระดับชาติ มหาวิทยาลัยด้านการวิจัยขั้นสูง รวมถึงบริษัทชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสร้างความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ให้มากขึ้น ตลอดจนพยายามแก้ปัญหาสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวมและผลประโยชน์ระยะยาวของชาติ

ผู้นำจีนกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือความพยายามในการบ่มเพาะบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับหัวกะทิและทรงอิทธิพลระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนทีมงานด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการฝึกอบรมบุคลากรที่มีความสามารถทางเทคนิคและมีทักษะให้มีคุณภาพสูงขึ้น

กลยุทธ์การพัฒนาโดยอาศัยนวัตกรรม

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตอกย้ำว่านวัตกรรมมีความสำคัญในการพัฒนาและสร้างจุดแข็งด้านการพัฒนาใหม่ ตามที่ระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2564-2568) และวัตถุประสงค์ระยะยาวถึงปี 2578

ในปี 2559 รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าว่าจะทำให้จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ทันสมัยที่สุดภายในปี 2563 และเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมภายในปี 2573 รวมทั้งเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก่อนถึงวาระครบรอบ 100 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2592

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนต้องยกระดับความพยายามในการปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงวางระบบพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอย่างรอบด้าน พร้อมกับกล่าวเสริมว่า จีนควรมีบทบาทอย่างเต็มที่ในฐานะผู้พัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายใหญ่

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนและสถาบันบัณฑิตวิศวกรรมจีน ในฐานะผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับชาติ ควรรับบทบาทผู้นำ พร้อมกับเสริมว่า สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของจีนควรรับผิดชอบในการประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เขาเรียกร้องให้จีนพยายามมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในโลกาภิบาลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เช่น สาธารณสุขและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมกับผลักดันให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีจีนยังกล่าวอวยพรบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั่วประเทศ เนื่องในวันบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 30 พฤษภาคม

https://news.cgtn.com/news/2021-05-28/Xi-Jinping-stresses-sci-tech-self-strengthening-at-higher-levels-10Dr6N2aiu4/index.html

ลิงก์: https://www.youtube.com/watch?v=zaobFI65lRE

HAVAL JOLION's International Design for Global Users







Recently, GWM has released several globally-oriented new models, among which is HAVAL JOLION, originally inspired by the concept "JOY LIFE ON", which has attracted a large number of users. To decode the new model's high popularity, we had the honor of inviting Design Director Christopher Zarlenga to interpret the creative ideas of HAVAL JOLION.

Christopher said that its design inspiration came from a group of skater boys on the street. Touched by their energy and passion, Christopher came up with the concept "JOY LIFE ON", in hopes of delivering an optimistic life attitude to global users.

Christopher explains that, "This enjoyment is brought to you by the user experience, by the design, by the joy on life concept we designed into the vehicle." JOLION presents a fashionable style, while it is also a nice partner in urban life. For this model, six colors are available, including Hamilton White, Mars Red, Energy Green, Ayers Grey, Blue Sapphire, and Golden Black. Each color represents an image and reflects a personality, which may vary among people. The golden-ratio bodywork and the flexible flowing waist line enable its simple exquisiteness, presenting space for the imagination. Together with a smart and sharp front face, "halberd" type front LED headlamps, and luxury grille, this elegant SUV is vigorously dynamic, instantly awakening youth. In addition, it is designed with a comfortable cockpit and 26 storage places. Even large bottled drinks can be easily stored in the compartment in the door, allowing a more pleasant trip for gatherings. Moreover, intelligent technology brings about a better driving experience. With internetworking enabled, the central control screen and mobile phones can be easily connected as desired. Even in the car, users can experience the joy of being in a media room--playing games, watching movies, it is truly amusing. For those who are inexperienced or not good at parking, the one-key automatic parking provides great relief for a leisurely shopping experience. There are four driving modes, including Standard, Sport, Economy and Snow. The Snow mode can avoid track slip, the Sport mode provides a great back-pressing feeling with its amazing acceleration capability, the Economy mode immediately reduces the base fuel consumption; multiple options are offered to activate your free driving.

As Christopher said, "The forward-looking design is to bring value and high performance to the user. When usability and convenience meet in design, it's designed for everybody."

"JOY LIFE ON" focuses on consuming joy. More importantly, it values turning a happy life into productivity and becoming the master of fate. In terms of the design concept, the GWM has always emphasized "breakthrough innovation". In particular, when it comes to feelings and culture, it has adhered to a user-centric principle and enabled vehicles to integrate into users' lives and bring them values. In the future, by sticking to the approach of global car building, the GWM will produce more high-performance products, featuring both high-quality appearance and emotional experience.

China's sci-tech development to focus more on self-reliance

 Chinese President Xi Jinping on Friday called for accelerated efforts in building China into a leader in science and technology and achieving sci-tech self-reliance and self-strengthening at higher levels.

Xi made the remarks while addressing a meeting conflating the general assemblies of the members of the Chinese Academy of Sciences and the Chinese Academy of Engineering, and the national congress of the China Association for Science and Technology.

"Sci-tech self-reliance and self-strengthening should always be considered a strategic support for national development," he said.

Xi extended congratulations to the meeting, and greetings to professionals serving at various sci-tech posts.

"I wish to extend warm congratulations to the convening of the meeting, and convey cordial greetings to the dedicated science and technology professionals who are working hard in various positions. May 30 marks the fifth National Science and Technology Workers' Day, and I'd like to send my greetings to all of you," said Xi.

He praised the progress made in sci-tech innovation, basic research, original innovation, strategic sci-tech and high-end industries, as well as the significant role of science and technology in containing the COVID-19 epidemic.

"Practice has proved that there is a great potential for independent innovation in China, and the sci-tech professionals in our country can accomplish a lot. With the spirit of advancing with the times, the courage of making continuous improvement through reforms, and indomitable determination and perseverance, the sci-tech professionals in our country must grasp the global trends, take the initiative, confront problems head-on, and overcome difficulties. The scientific and technological development must target the global sci-tech frontiers, serve the main economic battlefields, strive to fulfill the significant needs of the country and benefit people's life and health. Shouldering the important tasks entrusted by the times, you should strive to achieve sci-tech self-reliance and self-improvement at a higher level," Xi said.

Xi urged China's sci-tech professionals to assume the responsibilities of the times and strive for sci-tech self-reliance and self-strengthening at higher levels.

"Let's unite together, take bold steps of innovation and work tirelessly to make more contributions to building China into a sci-tech power, and realizing the Chinese Dream of national rejuvenation," he said.

CGTN: China gears up for sci-tech development, focusing more on self-reliance

 Almost two weeks ago, China succeeded in its first Mars landing, attracting world's attention to the important milestone in China's space exploration.

On Friday, science and technology as strategic support to national development, focusing on self-sufficiency and innovation, was once again highlighted in the country's development roadmap with the convention of the 10th national congress of the China Association for Science and Technology in Beijing.

Sci-tech self-sufficiency and self-reliance

Accelerated efforts are needed in building China into a leading country in science and technology and achieving sci-tech self-reliance and self-sufficiency at higher levels, said Chinese President Xi Jinping while addressing the meeting attended by about 3,000 people.

Noting the importance of making breakthroughs in core technologies in key fields, President Xi stressed building a modern science and technology system with the innovation confederations led by leading enterprises, supported by universities and institutions, and coordinated innovation entities.

He pointed out that it is necessary to spur on the problem solving in major sci-tech tasks, targeting the most urgent and pressing problems, and proceed from the immediate and long-term needs of the country.

Basic and original research are critical in expanding new cognitive frontiers, he added.

China's pursuit of independence in scientific innovation is reflected in its various achievements, including the Beidou Navigation Satellite System, the space exploration including lunar and Mars probes and the construction of China's own space station, and the deep-sea manned submersible Fendouzhe. The country has also developed its own high-speed railway technologies, 5G communication technologies and artificial intelligence.

He also stressed the role of national laboratories and scientific research institutions, high-level research universities, and leading enterprises in science and technology, calling on them to make more strategic and key scientific and technological achievements and strive to solve major scientific and technological problems that affect China's overall development and long-term interests.

Important are efforts in cultivating top-notch scientific and technological personnel with global influence, steadily supporting a number of innovation teams, and training more high-quality technical and skilled personnel, Xi said.

Innovation-driven development strategy

President Xi restressed the importance of innovation in the pursuit of developing and shaping the new development advantages mentioned in China's 14th Five-Year Plan (2021-2025) for national economic and social development and the long-range objectives through to the year 2035.

In 2016, the Chinese government set the target to make China one of the most innovative countries by 2020 and a leading innovator by 2030, as well as a leading global S&T power by the 100th anniversary of the founding of the People's Republic of China in 2049.

Efforts are needed in deepening the reform of the sci-tech system and form a basic system that supports all-around innovation, Xi said, adding that full play should be given to the role of the state as an organizer of major scientific and technological innovations.

The Chinese Academy of Sciences and the Chinese Academy of Engineering, as national strategic scientific and technological forces, should play a leading role, Xi noted, adding that the China Association for Science and Technology should shoulder the responsibility of the bridge between the government and the scientific and technological workers.

He called for efforts to get deeply engaged in global scientific and technological governance in areas such as public health and climate change, and make Chinese science and technology to contribute more to the building of a community with a shared future for mankind.

The Chinese president also extended greetings to sci-tech workers across the country ahead of China's national sci-tech workers' day, which falls on May 30.

https://news.cgtn.com/news/2021-05-28/Xi-Jinping-stresses-sci-tech-self-strengthening-at-higher-levels-10Dr6N2aiu4/index.html

การประชุม International Finance Forum เผยแพร่รายงาน IFF China ประจำปี 2564

 การประชุม International Finance Forum (IFF) ประกาศเผยแพร่รายงาน IFF China ประจำปี 2564 ("รายงาน") ซึ่งสรุปนโยบายที่สำคัญของจีนและโอกาสความร่วมมือระดับโลกในบริบทของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอื่นๆ โดยมีรายงาน 30,000 ฉบับถูกแจกจ่ายไปยังกว่า 170 ประเทศและดินแดน

รายงานฉบับนี้ประกอบด้วย 31 เรื่องจากผู้นำระดับโลก, ผู้กำหนดนโยบายระดับชั้นนำ และนักการเงิน ในประเด็นระดับโลก ภายใต้ 5 ธีม ได้แก่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในยุคหลังการแพร่ระบาด, โครงการ Belt and Road Initiative (BRI), การเงินสีเขียว, ตลาดทุนระดับโลก และฟินเทค

Han Seungsoo ประธานร่วมของ IFF และประธาน Silk Road International Association (SRIA) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางนิเวศวิทยาของการแพร่ระบาดนั้นก็มีความสำคัญเท่ากับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเป็นอาการของปัญหาเศรษฐกิจเชิงลึกที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้นในการแก้ไขปัญหา การเบนความสนใจไปยัง "โครงสร้างพื้นฐานสีเขียวใหม่" จึงถือเป็นหัวใจสำคัญ

"ภารกิจของ SRIA ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งระดมการลงทุนที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับ 'ภาวะปกติใหม่' หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมปริมาณมากครอบคลุมพื้นที่รกร้างตามเส้นทาง BRI จะช่วยสร้างพลังงานสะอาดให้กับแถบตะวันออก ซึ่งควรจัดเป็นความสำคัญลำดับแรกของ SRIA" Han Seungsoo ระบุในรายงาน

Jim Yong Kim ประธานธนาคารโลกคนที่ 12 กล่าวย้ำถึงมาตรการที่สำคัญสำหรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วในยุคหลังโควิด-19 โดยระบุในรายงานว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานควรเป็น "หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยประเทศกำลังพัฒนาฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดได้เร็วยิ่งขึ้น" ด้าน Marcos Toyjo ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) กล่าวว่า "โครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้ต้องตอบสนองความต้องการของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4"

รายงานฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของ BRI ในการส่งเสริมความยั่งยืนในแง่ของการพัฒนาระดับโลกผ่านกองทุนเส้นทางสายไหม (Silk Road Fund) และความพยายามร่วมกันของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสีเขียว สำหรับการเร่งการเปลี่ยนแปลงสีเขียว รายงานเรียกร้องให้ประเทศตามเส้นทาง BRI กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของโลกและบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

เกี่ยวกับ IFF

IFF ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2546 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการประชุมระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นเวทีการหารือระดับสูงและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่ได้รับการสนับสนุนร่วมโดยผู้นำธุรกิจและนักวิชาการในแวดวงการเงินและแวดวงวิชาการระดับโลก

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.iff.org.cn/php/list.php?tid=403

CGTN: เมืองจ้าวจิน ดินแดนแห่งการปฏิวัติทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

      เมืองจ้าวจิน ในนครถงฉวน มณฑลส่านซีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง และปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วผ่านการสืบสานจิตวิญญาณการปฏิวัติในอดีต

ในช่วงต้นทศวรรษ 2470 หลิว จื่อตัน, เซี่ย จือชาง, สี จงซุน และนักปฏิวัติรุ่นเก่าคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทัพแดงของกรรมกรและชาวนาจีนที่ 26 และฐานที่มั่นการปฏิวัติบริเวณชายแดนส่านซี-กานซู โดยมีเมืองจ้าวจินเป็นศูนย์กลาง

สืบทอดจิตวิญญาณการปฏิวัติ 

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 เด็กหญิงหวัง เทียนเจียว ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักเรียนชั้นป.3 ของโรงเรียนประถมกองทัพแดงเป่ยเหลียง ได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในนามของเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งหมด เพื่อบอกเล่าประสบการณ์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปฏิวัติและการพัฒนาโรงเรียนของเธอ

ไม่นานนัก นายสี จิ้นผิง ได้ตอบจดหมายของเด็กหญิง โดยสนับสนุนให้สืบทอดจิตวิญญาณการปฏิวัติจากรุ่นสู่รุ่น เขาแสดงความหวังว่าเด็ก ๆ จะให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาดังกล่าว และตั้งใจเรียนด้วยความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ เพื่อเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประชาชน และสังคมในอนาคต

โรงเรียนประถมกองทัพแดงเป่ยเหลียงคือหนึ่งในร่องรอยของประวัติศาสตร์การปฏิวัติในเมืองแห่งนี้ โรงเรียนนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2498 ณ สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติ นั่นคือสถานที่ที่มีการประชุมเฉินเจียผอ

เมื่อเดือนมิถุนายน 2543 นางฉี ซิน มารดาของนายสี จิ้นผิง ได้เยี่ยมเยือนโรงเรียนแห่งนี้ เมื่อได้เห็นห้องเรียนที่ทรุดโทรมและข้าวของเครื่องใช้เก่าคร่ำคร่า นางฉีและครอบครัวได้บริจาคเงิน 150,000 หยวน (18,116 ดอลลาร์) เพื่อย้ายและสร้างโรงเรียนใหม่

นับแต่นั้นเป็นต้นมา โรงเรียนแห่งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม จนมีสภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งอาคารเรียนและหอพักใหม่ ห้องเรียนที่ได้มาตรฐาน และสนามเด็กเล่นที่มีลู่วิ่งทำจากยางสังเคราะห์

การพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน

ย้อนกลับไปในปี 2558 เมื่อครั้งที่นายสี จิ้นผิง เดินทางเยือนเมืองจ้าวจิน เขาได้เน้นย้ำให้ยกระดับการศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับฐานที่มั่นการปฏิวัติ สรุปประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนสืบทอดจิตวิญญาณการปฏิวัติและรูปแบบการทำงานที่ดี

เมืองจ้าวจินพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการสร้างทางด่วน ที่อยู่ใหม่ของชาวบ้าน ร้านสะดวกซื้อ สนามกีฬา และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ส่งผลให้พื้นที่ห่างไกลและล้าหลังพัฒนาจนกลายเป็นเมืองที่โด่งดังด้านการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์การปฏิวัติ

"รายได้เฉลี่ยต่อคนในปี 2558 อยู่ที่ 8,848 หยวน และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15,235 หยวนในปี 2563" ไป่ เว่ย เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองจ้าวจิน กล่าว "เมืองจ้าวจินเคยยากจนและล้าหลัง คนหนุ่มเดินทางไปทำงานที่อื่น ส่วนหญิงสาวก็ไม่แต่งงานที่นี่ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นักศึกษาวิทยาลัย 16 คนได้กลับมาพัฒนาเมืองของเรา"

"เมืองจ้าวจินเป็นเมืองที่ดีมาก การกลับมาทำงานที่นี่ให้ความรู้สึกว่าได้รับเกียรติและได้ทำประโยชน์" เขากล่าว

https://news.cgtn.com/news/2021-05-25/Zhaojin-Town-the-red-soil-in-northwest-China-10yFK4FcVXy/index.html

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1521020/image.jpg
คำบรรยายภาพ: ทิวทัศน์เมืองจ้าวจิน ในนครถงฉวน มณฑลส่านซีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน / เทศบาลนครถงฉวน

CGTN: Zhaojin Town, the red soil in northwest China

      Zhaojin Town in Tongchuan of northwest China's Shaanxi Province was a place of glorious red history, and now has developed fast by carrying on the red spirit.

In the early 1930s, Liu Zhidan, Xie Zichang, Xi Zhongxun and other older generation revolutionists established the 26th Troop of the Chinese Workers' and Peasants' Red Army and the Shaanxi-Gansu Border Region revolutionary base with Zhaojin Town as the center.

Pass down the red gene

In May 2018, Wang Tianjiao, then a third-grader from Beiliang Red Army Primary School, wrote a letter to Chinese President Xi Jinping on behalf of her classmates, telling him about her experience in learning revolutionary history and the development of the school.

Before long, Xi replied to the students in a letter, encouraging them to pass down the red gene from generation to generation. Xi wrote that he hoped the students cherished the time and studied hard with a grateful heart, and grow to be useful to the country, the people and the society in the future.

Beiliang Red Army Primary School is a trace of the revolutionary history in the town. It was established in 1955 at the old revolutionary site - the site of the Chenjiapo Meeting.

In June 2000, Xi's mother Qi Xin visited the school. Seeing its shabby classrooms and antiquated facilities, she mobilized her whole family to donate 150,000 yuan ($18,116) to relocate and rebuild the school.

Since then, with the support of the government and different sectors of society, the school has continued to improve its conditions with newly-built academic and dormitory buildings, professional classrooms and a playground with synthetic-rubber tracks.

Fast development benefits local people

Back in 2015, when Xi Jinping visited Zhaojin Town, he stressed strengthening the study of the history of revolutionary bases, summing up historical experience, and better carrying forward the revolutionary spirit and fine working style.

The town has developed fast in recent years. Expressways, resident relocation settlement communities, convenience stores, stadiums and other infrastructure have been built. The once remote and backward place has developed into a town famous for red tourism.

"The per capita income in 2015 was 8,848 yuan. In 2020, the per capita income has risen to 15,235 yuan," said Bai Wei, the Party branch secretary of Zhaojin Town. "The town was poor and backward. The young men had gone away, and the girls would not marry here. But in the past two years, 16 college students have come back."

"Zhaojin Town is so good. Come back here and work in this red place, there is a sense of honor and gain," Bai said.

https://news.cgtn.com/news/2021-05-25/Zhaojin-Town-the-red-soil-in-northwest-China-10yFK4FcVXy/index.html

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1521020/image.jpg
Caption: A view of Zhaojin Town, Tongchuan City, northwest China's Shaanxi Province. /Government of Tongchuan City

องค์กรข้ามชาติ 479 แห่งจากจีนและต่างประเทศ ตบเท้าร่วมการประชุม Qingdao Multinationals Summit ครั้งที่สอง



      การประชุม Qingdao Multinationals Summit ครั้งที่สอง จะจัดขึ้นที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน วันที่ 15-16 กรกฎาคมนี้ โดยนับจนถึงวันนี้มีองค์กรข้ามชาติตอบรับที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนี้แล้วถึง 479 ราย ตามข้อมูลของศูนย์ Shandong Research Center for Multinationals ซึ่งเป็นผู้จัดการประชุมดังกล่าว

ในงานแถลงข่าวที่สำนักงานสารสนเทศแห่งสภารัฐกิจจีนได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เพื่อเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับงาน Qingdao Multinationals Summit 2021 นั้น คุณ Qian Keming ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของบรรดาบริษัทข้ามชาติในเรื่องการลงทุนในจีน

ภารกิจในการเชิญชวนองค์กรต่าง ๆ ให้เข้าร่วมงานนี้กำลังเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยคุณ Ji Binchang ผู้ช่วยผู้ว่าการมณฑลชานตง เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดนี้มีองค์กรข้ามชาติจากอีก 26 ประเทศและดินแดนตอบรับจะที่เข้าร่วมแล้ว 310 แห่ง คิดเป็นผู้เข้าร่วมราว 330 ชีวิต ขณะที่บุคลากร 182 รายจากองค์กรข้ามชาติของจีน 169 แห่ง ก็ได้ตอบรับที่จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ส่วนจำนวนผู้บริหารจากองค์กรเหล่านี้ที่มีแผนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวยังต้องรอยืนยันเพิ่มเติมต่อไป

งานนี้ยังจะมีการประชุมภายในของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ด้วย เพื่อหารือเรื่องนโยบายและการปรับขั้นตอนเกี่ยวกับการตรวจตราภาษีศุลกากร รวมถึงการประชุมย่อย 5 รายการในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) และความร่วมมือ บริษัทข้ามชาติบางแห่งจะใช้โอกาสนี้ในการประกาศเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยจะมีการเผยแพร่รายงานวิจัยหัวข้อ "Multinational Companies in China: New Opportunities Arising in the New Pattern" ภายในการประชุมสุดยอดนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดพื้นที่จัดแสดงด้วยเช่นกัน และนับจนถึงวันนี้ การจัดแสดงดังกล่าวมีบริษัทจากประเทศและดินแดนต่าง ๆ แสดงความสนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 600 แห่ง

การประชุมสุดยอดนี้มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019 โดยผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยองค์กรภายนอกพบว่า ผู้เข้าร่วมงาน 96.4% เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเข้าร่วมงานครั้งแรกเมื่อปี 2019 แล้ว พวกเขาก็ตั้งใจที่จะเข้าร่วมงานครั้งที่สองด้วย ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจ 90% เปิดเผยว่า พวกเขาจะแนะนำงานนี้ให้หุ้นส่วนของตนด้วย

ที่มา: Shandong Multinationals Research Center

ลิงก์ภาพประกอบ:

ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=392441
คำบรรยายภาพ: การประชุมสุดยอด Qingdao Multinationals Summit

ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=392447
คำบรรยายภาพ: เมืองชิงเต่า ประเทศจีน

ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=392459
คำบรรยายภาพ: เมืองชิงเต่า เมืองชายฝั่งอันงดงาม

AsiaNet 89793

CStone เผยการวิจัยยา Sugemalimab ทางคลินิกบรรลุผลลัพธ์หลักในการรักษามะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III และเตรียมขอขึ้นทะเบียนยาใหม่

       - Sugemalimab เป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี anti-PD-1/PD-L1 ตัวแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) ในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (NSCLC) ระยะที่ III โดยโรคไม่ลุกลามหลังการให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีหรือการให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสี

- นอกจากนี้ Sugemalimab ยังเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี anti-PD-1/PD-L1 ตัวแรกของโลกที่ครอบคลุมผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด NSCLC ทั้งระยะลุกลามเฉพาะที่/หลายตำแหน่ง (ระยะที่ III) และระยะแพร่กระจาย (ระยะที่ IV)

- CStone วางแผนที่จะยื่นขอขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่ (New Drug Application (NDA) ต่อสำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติ (National Medical Products Administration: NMPA) ของจีน สำหรับการใช้ sugemalimab ในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ EQRx ในการหารือเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ยาใหม่สำหรับสองข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคมะเร็งปอด NSCLC ระยะที่ III และระยะที่ IV ในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา

CStone Pharmaceuticals ("CStone", HKEX: 2616) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำที่มุ่งเน้นการวิจัย พัฒนา และจำหน่ายยาภูมิคุ้มบำบัดมะเร็งและการแพทย์แม่นยำ ประกาศในวันนี้ว่า การวิจัยทางคลินิกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน (การวิจัย GEMSTONE-301) เพื่อศึกษาการใช้ยา sugemalimab ซึ่งเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี anti-PD-L1 ในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III นั้น บรรลุผลลัพธ์หลักในการวิเคราะห์ระหว่างการทดลองโดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลอิสระ (independent Data Monitoring Committee : iDMC) ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า sugemalimab เป็นการรักษาแบบเข้มข้นที่ช่วยปรับปรุงอัตราการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) ที่มีนัยสำคัญทางสถิติและมีความหมายทางคลินิกจากการประเมิน Blinded Independent Central Review (BICR) ในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (NSCLC) ระยะลุกลามเฉพาะที่/หลายตำแหน่งโดยที่โรคไม่ลุกลามหลังการให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีหรือการให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสี ผู้วิจัยประเมินว่าอัตราการรอดชีวิต PFS แสดงผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันกับผลลัพธ์หลักของการวิจัย ทั้งนี้ sugemalimab ทนต่อผลข้างเคียงได้ดีโดยไม่มีสัญญาณความเสี่ยงใหม่ นอกจากนี้ การวิเคราะห์กลุ่มย่อยแสดงให้เห็นว่า sugemalimab มีความสัมพันธ์กับประโยชน์ทางการรักษาไม่ว่าผู้ป่วยเคยได้รับยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีหรือเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสีก่อนที่จะได้รับยา sugemalimab หรือไม่ก็ตาม

"มะเร็งปอดเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งทั่วโลก ปัจจุบันมีวิธีที่ได้ผลเพียงไม่กี่วิธีสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III โดยที่โรคไม่ลุกลามหลังจากการให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสี" ศาสตราจารย์ Yi-long Wu จากโรงพยาบาล Guangdong Provincial People's Hospital ซึ่งเป็นผู้วิจัยหลักในการวิจัย GEMSTONE-301 กล่าว "ผลสำเร็จของการวิจัยบ่งชี้ว่า sugemalimab จะตอบสนองความต้องการการรักษาที่เร่งด่วนของผู้ป่วยเหล่านี้"

"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ sugemalimab กลายเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี anti-PD-1/PD-L1 ตัวแรกในโลกที่ครอบคลุมผู้ป่วย NSCLC ทั้งระยะที่ III และระยะที่ IV" ดร. Frank Jiang ประธานและซีอีโอของ CStone กล่าว "ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ sugemalimab ในการรักษามะเร็งปอด แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของ CStone ในสาขาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Pfizer และ EQRx ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าของเรา โดยเราจะร่วมมือกันในขั้นตอนต่อ ๆ ไปเพื่อส่งมอบยา sugemalimab ไปยังผู้ป่วยทั่วโลก"

"ปัจจุบันยังไม่มีโมโนโคลนอลแอนติบอดี PD-1 หรือ PD-L1 ที่ได้รับการรับรองให้ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III ซึ่งไม่มีการลุกลามของโรคหลังจากการให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสี" ดร. Jason Yang ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของ  CStone กล่าว "GEMSTONE-301 คือการออกแบบการวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีหรือเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสีเพื่อให้สะท้อนแนวทางการรักษาในโลกจริงและครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากขึ้น CStone มุ่งมั่นที่จะมอบทางเลือกในการรักษาเพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง การวิจัย GEMSTONE-301 จะช่วยผลักดันความก้าวหน้าในการใช้แนวทางการรักษาแบบบูรณาการในประเทศจีนเพื่อปรับปรุงคุณภาพของการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง NSCLC ระยะที่ III เราจะยังคงสำรวจศักยภาพของ sugemalimab ในการวิจัยทางคลินิกกับผู้ป่วยโรคมะเร็งระบบโลหิต มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งหลอดอาหารระยะลุกลาม"

CStone วางแผนที่จะนำ sugemalimab ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่ (NDA) ต่อ NMPA สำหรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III และจะทำงานร่วมกับ EQRx เพื่อหารือด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับข้อบ่งใช้ในการรักษา NSCLC ระยะที่ III และระยะที่ IV กับหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA ) ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอข้อมูลการศึกษานี้ในการประชุมวิชาการที่กำลังจะมีขึ้น

CStone ทำข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Pfizer ซึ่งรวมถึงการพัฒนาและการวางจำหน่าย sugemalimab ในจีนแผ่นดินใหญ่ และจัดทำกรอบการทำงานเพื่อนำยารักษาโรคมะเร็งตัวอื่น ๆ เข้าสู่ตลาด Greater China (จีน มาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน) ต่อมา CStone ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ EQRx ซึ่ง EQRx ได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในยาภูมิคุ้มกันมะเร็งบำบัดระยะลุกลามที่สำคัญสองรายการ ได้แก่ sugemalimab และ CS1003 (แอนติบอดี anti-PD-1) สำหรับการพัฒนาทั่วโลกและการวางจำหน่ายนอกภูมิภาค Greater China

เกี่ยวกับ NSCLC

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนมีอุบัติการณ์มะเร็งปอดเพิ่มขึ้น จากการประมาณการล่าสุดเกี่ยวกับภาระมะเร็งทั่วโลกโดย International Agency for Research on Cancer (IARC) พบว่าในปี 2563 จีนมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ประมาณ 0.82 ล้านราย และผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอด 0.71 ล้านราย ทั้งนี้ มะเร็งปอดเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งในประเทศจีน และ NSCLC เป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบบ่อยที่สุด

ปัจจุบันยังมีตัวเลือกการรักษาที่จำกัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะลุกลามเฉพาะที่/หลายตำแหน่ง (ระยะที่ III) และระยะแพร่กระจาย (ระยะที่ IV) โดยในประเทศจีนนั้น การให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสีเป็นวิธีการรักษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในขณะที่การให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีนั้นยังอยู่ในวงจำกัด อย่างไรก็ตาม การรักษาทั้งสองแบบให้ผลที่ไม่น่าพอใจ

เกี่ยวกับ Sugemalimab (anti-PD-L1 antibody)

Sugemalimab เป็นสารภูมิต้านทานจากโคลนของเซลล์เดียว (monoclonal antibody) ซึ่งค้นพบโดย CStone และอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย sugemalimab ได้รับการอนุมัติโดยบริษัท Ligand Corporation ของสหรัฐ และพัฒนาโดยใช้แพลตฟอร์มสัตว์ตัดต่อยีน OmniRat(R) ซึ่งสามารถสร้างแอนติบอดีของมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ในรอบเดียว sugemalimab เป็นสารภูมิต้านทานจากโคลนของเซลล์เดียวที่ต้าน PD-L1 โดยเลียนแบบแอนติบอดี้ G-type immunoglobulin 4 (IgG4) ตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) และความเป็นพิษต่อเซลล์ของผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่หาไม่ได้ในยาที่ใกล้เคียงกัน

ปัจจุบัน sugemalimab กำลังอยู่ในระหว่างการวิจัยทางคลินิกหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการวิจัยระยะที่ II  สำหรับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง (CS1001-201) และการวิจัยระยะที่ III สำหรับการรักษามะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะที่ III, NSCLC ระยะที่ IV, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหาร ตามลำดับ

CS1001-201 เป็นการวิจัยระยะที่ II แบบพหุสถาบันซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองได้รับการรักษาเหมือนกันหมด (single-arm, multicenter, Phase II pivotal) การวิจัยนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ sugemalimab สำหรับใช้เป็นยาเดี่ยวในการรักษาผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด extranodal natural killer/T-cell lymphoma ที่กลับมาเป็นซ้ำหรือดื้อต่อการรักษา (R/R ENKTL) ทั้งนี้ จากผลการศึกษาประสิทธิภาพเบื้องต้นที่น่าพอใจ sugemalimab ได้รับการรับรอง Orphan Drug Designation สำหรับการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด T-cell และได้รับการรับรอง Breakthrough Therapy Designation สำหรับการรักษา R/R ENKTL โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้รับการรับรอง Breakthrough Therapy Designation จากสำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติของจีน โดยข้อบ่งใช้ที่เสนอคือ R/R ENKTL

การวิจัย GEMSTONE-301

GEMSTONE-301 (หมายเลขทะเบียน clinicaltrials.gov: NCT03728556; หมายเลขทะเบียนการทดลองยาทางคลินิก: CTR20181429) เป็นการวิจัยทางคลินิกระยะที่ III แบบพหุสถาบันที่มีการสุ่มตัวอย่างและผู้เข้าร่วมการทดลองไม่ทราบว่าอยู่ในกลุ่มใด (multicenter, randomized, double-blind Phase III clinical trial) การวิจัยนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ sugemalimab สำหรับใช้เป็นการรักษาเข้มข้นในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด NSCLC ระยะลุกลามเฉพาะที่/หลายตำแหน่งโดยที่โรคไม่ลุกลามหลังการให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีหรือการให้ยาเคมีบำบัดตามด้วยการฉายรังสี ผลลัพธ์หลักของการวิจัยคืออัตราการรอดชีวิต PFS ตามการประเมิน RECIST v1.1 โดย BICR ขณะที่ผลลัพธ์รองได้แก่ การรอดชีวิตโดยรวม, PFS ที่ประเมินโดยผู้วิจัย และข้อมูลความปลอดภัย

การวิจัย GEMSTONE-302

GEMSTONE-302 (หมายเลขทะเบียน clinicaltrials.gov : NCT03789604 หมายเลขทะเบียนการทดลองยาทางคลินิก: CTR20181452) เป็นการวิจัยระยะที่ III แบบสุ่มตัวอย่างโดยผู้เข้าร่วมการทดลองไม่ทราบว่าอยู่ในกลุ่มใด (randomized, double-blind Phase III study) การวิจัยนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ sugemalimab ซึ่งเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี anti-PD-L1 ร่วมกับยาเคมีบำบัด สำหรับใช้เป็นยาลำดับแรกในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (NSCLC) ระยะที่ IV ที่ไม่เคยได้รับยามาก่อน เทียบกับการให้ยาหลอกร่วมกับเคมีบำบัด ผลลัพธ์หลักของการวิจัยคือ PFS ที่ผู้วิจัยประเมิน ขณะที่ผลลัพธ์รองได้แก่ การอยู่รอดโดยรวม, PFS และความปลอดภัยที่ประเมินโดย BICR

ในเดือนสิงหาคมปี 2563 การวิจัย GEMSTONE-302 บรรลุผลลัพธ์หลักในการยืดระยะเวลาการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) อย่างมีนัยสำคัญ และลดความเสี่ยงของการลุกลามของโรคหรือการเสียชีวิตลง 50% ด้วยการให้ยา sugemalimab ร่วมกับเคมีบำบัด เมื่อเทียบกับการให้ยาหลอกร่วมกับเคมีบำบัด ตามที่ประเมินโดย iDMC ในการวิเคราะห์ระหว่างการทดลอง

การวิเคราะห์กลุ่มย่อยแสดงให้เห็นประโยชน์ทางการรักษาในผู้ป่วยมะเร็งปอด NSCLC ชนิด squamous เทียบกับ non-squamous และในผู้ป่วยที่มีการแสดงออกของ PD-L1>= 1% เทียบกับการแสดงออกของ PD-L1 <1%

การรักษาด้วย sugemalimab ร่วมกับเคมีบำบัด แสดงให้เห็นถึงความทนต่อผลข้างเคียงได้ดีโดยไม่ปรากฏสัญญาณความเสี่ยงใหม่ ข้อมูลการศึกษานี้ได้ถูกนำเสนอใน Proffered Paper Oral Presentation (Late-Breaking Abstract) ที่ ESMO Asia ประจำปี 2563 โดยในเดือนพฤศจิกายน 2563 สำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติของจีนยอมรับคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่สำหรับการใช้ sugemalimab ร่วมกับเคมีบำบัดสำหรับเป็นยาลำดับแรกในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอด NSCLC ชนิด squamous และ non-squamous ระยะลุกลาม

เกี่ยวกับ CStone

CStone Pharmaceuticals (HKEX: 2616) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งพัฒนาและขายยาสำหรับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมและการรักษาแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งในจีนและทั่วโลก บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 และได้รวบรวมทีมบริหารระดับโลกซึ่งมีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในการพัฒนา การวิจัยทางคลินิก และการดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับนวัตกรรมยา ด้วยกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นวิธีการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งแบบผสมผสาน บริษัทได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการรักษามะเร็ง ซึ่งประกอบด้วยสารที่มีศักยภาพเป็นยาจำนวน 14 ตัว ปัจจุบัน CStone ได้รับการอนุมัติยา 3 ตัวในจีน แยกเป็นยา 2 ตัวในจีนแผ่นดินใหญ่ และ 1 ตัวในไต้หวัน CStone มุ่งเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้วยการพัฒนานวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็งให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CStone ได้ที่ www.cstonepharma.com

เกี่ยวกับ Pfizer

ที่ Pfizer เราใช้วิทยาศาสตร์และทรัพยากรทั่วโลกของเราเพื่อคิดค้นการบำบัดรักษาให้ผู้คน ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาการมีชีวิตอยู่และช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นอย่างชัดเจน เรามุ่งมั่นที่จะกำหนดมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และคุณค่าในการค้นพบ การพัฒนา และการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ ซึ่งรวมถึงยาและวัคซีนที่เป็นนวัตกรรม ในทุก ๆ วัน เพื่อนร่วมงานของ Pfizer จะทำงานทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้วและในตลาดเกิดใหม่ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ตลอดจนพัฒนาวิธีการป้องกัน การดูแลรักษา และการบำบัดรักษาที่ท้าท้ายต่อโรคที่น่ากลัวที่สุดในยุคของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับหน้าที่ของเราในฐานะบริษัทนวัตกรรมด้านชีวเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก เราร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ รัฐบาล และชุมชนในท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนและขยายการเข้าถึงการดูแลสุขภาพทั่วโลกที่น่าเชื่อถือและอยู่ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ เป็นเวลากว่า 170 ปีแล้วที่ Pfizer ได้ทำงานเพื่อสร้างความแตกต่างให้ทุกคนที่ต้องพึ่งพาเรา นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราที่ www.Pfizer.com

เกี่ยวกับ EQRx

EQRx มุ่งมั่นที่จะเร่งผลักดันวิธีการรักษาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สังคมกำลังเผชิญ ด้วยการพัฒนายาใหม่ที่มีความสำคัญและจำหน่ายในราคาที่ถูกลง ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วทั้งระบบการดูแลสุขภาพ และใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บริษัทมีเป้าหมายที่จะจัดหายาคุณภาพสูงที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตร มีประสิทธิภาพมากขึ้นและคุ้มต้นทุนยิ่งกว่าที่เคย EQRx คือผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้างด้วยการผลิตยาขึ้นใหม่เพื่อควบคุมต้นทุนในการกำหนดราคายา

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในบทความนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือข้อมูล ณ วันที่ข้อความเหล่านี้ปรากฏในบทความ เราไม่ขอรับผิดชอบในการปรับปรุงแก้ไขข้อความเหล่านี้หรือในการอธิบายเหตุการณ์ที่ได้ไม่คาดคิด เว้นแต่จะเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย แม้ว่าจะมีข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเนื้อหาของข้อความเหล่านี้หลังจากวันที่เผยแพร่ข้อความเหล่านี้ ผู้อ่านควรเข้าใจว่าผลหรือผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงในอนาคตอาจแตกต่างอย่างมากจากที่เราคาดการณ์ไว้ โดยในบทความนี้ ข้อความหรือการกล่าวถึงเจตนาของเรา หรือคณะกรรมการของเรา หรือบริษัทของเรา เขียนขึ้น ณ วันที่เผยแพร่บทความนี้เท่านั้น โดยเจตนาเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

Venture Global เปิดตัวโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน

      Venture Global LNG ประกาศแผนว่า บริษัทเตรียมทำการดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่สถานีส่งออกก๊าซ Calcasieu Pass และ Plaquemines LNG ของบริษัท โดยหลังจากที่ทำการวิเคราะห์ทางวิศวกรรมและธรณีเทคนิคเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริษัทก็พร้อมเปิดตัวโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Sequestration: CCS) เพียงแค่รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น โดยจะดำเนินการบีบอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขนถ่าย และอัดฉีดเข้าไปในชั้นเกลือใต้ดินเพื่อกักเก็บอย่างถาวร

การดำเนินการเช่นนี้จะทำให้ Venture Global สามารถดักจับและกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 500,000 ตันต่อปีจากหน่วยแปรรูปก๊าซเป็นของเหลว Calcasieu Pass และ Plaquemines นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทจะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่คล้ายกันเพื่อดักจับและกักเก็บคาร์บอน 500,000 ตันต่อปีจากโครงการ CP2 LNG เมื่อได้รับอนุญาต โดยรวมแล้ว บริษัทจะกักเก็บคาร์บอน 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถเกือบ 200,000 คันออกจากถนนทุกปีเป็นเวลา 20 ปี โดยความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่ Calcasieu Pass จะถือเป็นครั้งแรกของบรรดาสถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจีในสหรัฐอเมริกา

"ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนก๊าซแอลเอ็นจีหรือลดการปล่อยคาร์บอน Venture Global ยังคงพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา" ไมค์ ซาเบล ซีอีโอของ Venture Global กล่าว "ภายใต้โครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนครั้งประวัติศาสตร์นี้ เราจะนำเทคโนโลยีสุดล้ำที่มีอยู่แล้วมาใช้พัฒนาก๊าซแอลเอ็นจีที่สะอาดกว่าเดิมเพื่อแทนที่ถ่านหินทั่วโลก ทำเลทองของเราในรัฐลุยเซียนาทำให้เราสามารถบุกเบิกการใช้เทคโนโลยีนี้ เนื่องจากมีธรณีวิทยาที่สามารถรอบรับการอัดฉีดและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ความเป็นผู้นำของคุณจอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา จะทำให้ลุยเซียนากลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีพลังงานระดับประเทศเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ Venture Global ก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามนี้"

"ผมรู้สึกยินดีที่ได้รู้ว่า Venture Global LNG จะทำการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในลุยเซียนา" จอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา กล่าว "รัฐลุยเซียนามีความพร้อมทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม ธรณีวิทยา และนโยบาย ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการควบคุมและลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ผ่านโครงการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) รัฐลุยเซียนาตระหนักดีว่าประเทศของเราอยู่ในช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานผสม และผมมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนที่ช่วยแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนในรัฐของเรา เราเห็นชัดเจนแล้วว่า Venture Global LNG คือพันธมิตรที่มีคุณค่าในด้านการดักจับคาร์บอน"

"เราทราบดีว่าธรณีวิทยาและอุตสาหกรรมในรัฐลุยเซียนาพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ผ่านการจัดการคาร์บอน และตอนนี้เราเห็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อก้าวสู่ขั้นต่อไปในการเป็นผู้นำของประเทศในด้านนี้ นั่นคือโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่เป็นรูปธรรมของ Venture Global LNG" ทอม แฮร์ริส รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติของรัฐลุยเซียนา กล่าว "รัฐของเราพร้อมคว้าประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการจัดการคาร์บอน โดยประสบการณ์และเทคโนโลยีที่มีพร้อมอยู่แล้วจะช่วยสนับสนุนบริษัทต่าง ๆ ที่กำลังพยายามต่อยอดจากจุดแข็งของเรา เพื่อประโยชน์ของประชาชน สิ่งแวดล้อม และบริษัทที่เลือกทำธุรกิจที่นี่"

เกี่ยวกับ Venture Global LNG
Venture Global LNG คือผู้จัดจำหน่ายก๊าซแอลเอ็นจีต้นทุนต่ำในระยะยาวจากแหล่งก๊าซธรรมชาติในอเมริกาเหนือที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือพัฒนาสถานีส่งออกก๊าซขนาดรวมกว่า 50 ล้านตันต่อปีในรัฐลุยเซียนา เพื่อส่งออกพลังงานสะอาดในราคาย่อมเยาไปทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.venturegloballng.com

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/825434/VENTURE_GLOBAL_LNG_INC___Logo.jpg

นาฬิกาทางการแพทย์ของ CardiacSense ได้รับเลือกให้ใช้ตรวจวัดสัญญาณชีพและสภาพร่างกายของนักบินอวกาศอิสราเอลระหว่างปฏิบัติภารกิจ

      CardiacSense ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ และ Israel Aerospace Medicine Institute ซึ่งเป็นสถาบันเวชศาสตร์การบินและอวกาศของอิสราเอล ได้รับเลือกให้ส่งนาฬิกาทางการแพทย์ของ CardiacSense ไปยังอวกาศ โดยนาฬิกาเกรดการแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองทางคลินิกนี้ใช้ในการติดตามผู้ป่วยทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยยังคงให้ความสบายเนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์ตรวจวัดการเต้นของหัวใจที่ต้องใส่เข้าไปในร่างกาย CardiacSense ยินดีที่ได้ประกาศว่านาฬิกาทางการแพทย์ของบริษัทจะทำหน้าที่ตรวจวัดสัญญาณชีพและสุขภาพโดยทั่วไปของ Eytan Stibbe ระหว่างปฏิบัติภารกิจในสถานีอวกาศนานาชาติ

Stibbe มีกำหนดเดินทางสู่อวกาศในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ภายใต้โครงการ Rakia Project โดย Ramon Foundation ร่วมกับ Israel Aerospace Medicine Institute โครงการ Rakia Project นี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเดินทางสู่อวกาศโดยภาคเอกชนของ SpaceX และนาฬิกาทางการแพทย์ของ CardiacSense เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์เพื่อร่วมเดินทางไปในภารกิจนี้ โดยจะทำหน้าที่ติดตามสัญญาณชีพและสุขภาพโดยทั่วไปของ Stibbe ตลอดทั้งภารกิจ นาฬิกาทางการแพทย์ของ CardiacSense ได้รับเครื่องหมาย CE ของยุโรปและการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล โดยคาดว่าจะพร้อมจำหน่ายเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ในไตรมาสหน้านี้

"นี่เป็นโครงการที่ไม่เคยมีมาก่อนและเป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ CardiacSense ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจของผู้จัดการโครงการที่มีต่อนาฬิกาทางการแพทย์ของเราและสมรรถนะของนาฬิกา" Eldad Shemesh ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ CardiacSense กล่าว "เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพิเศษที่ไม่เหมือนโครงการอื่นใดนี้ และจะได้ร่วมเดินทางไปกับ Eytan Stibbe ในการจารึกประวัติศาสตร์ด้านอวกาศของอิสราเอล การเดินทางครั้งนี้เป็นการขยายขีดจำกัดของมนุษย์และศักยภาพด้านเทคโนโลยีของเรา นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างนิยามใหม่ให้กับการแพทย์ทางไกล และสำหรับ CardiacSense แล้ว นี่คือหลักฐานที่ชี้ชัดว่าแม้แต่ท้องฟ้าก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเรา"

Dr. Eran Schenker ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเวชสารสนเทศ (CMIO) ของ Israel Aerospace Medicine Institute กล่าวว่า "ในอวกาศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยามากมายซึ่งจะส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ การติดตามสัญญาณชีพโดยใช้นาฬิกาทางการแพทย์ CardiacSense จะช่วยให้เราสามารถสังเกตสัญญาณชีพต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและต่อเนื่องเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการทางชีววิทยาที่นักบินอวกาศประสบขณะอยู่ในอวกาศ"

เกี่ยวกับ CardiacSense

CardiacSense เป็นบริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ผู้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับแบบสวมใส่บนข้อมือที่ดีที่สุดและได้รับการรับรอง CE โดยมีความไวและความจำเพาะที่ตรงตามข้อกำหนดในการวินิจฉัยทางการแพทย์ รวมถึงการติดตามสัญญาณชีพ ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ และอาการของโรคเรื้อรัง นาฬิกาเกรดการแพทย์นี้ผสานรวมเซ็นเซอร์ระดับสิทธิบัตรอันเป็นกรรมสิทธิของบริษัทรวมถึงอัลกอริทึมซอฟต์แวร์ เพื่อให้ตรวจวัดเกณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งอุณหภูมิภายใน อัตราการหายใจ ความดันโลหิต ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ ด้วยความแม่นยำตามข้อกำหนดของ CE และ FDA โดยเป็นทางเลือกใหม่แทนการผ่าตัดฝังอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง นวัตกรรมนี้เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในการติดตามผู้ป่วยจากระยะไกลและการแพทย์ทางไกล ทั้งนี้ CardiacSense ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 และมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองซีซาเรีย ประเทศอิสราเอล

www.cardiacsense.com

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Eyal Copitt 
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์
อีเมล: eyal@cardiacsense.com

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1519963/CardiacSense.jpg