Thursday, May 16, 2024

ค็อกพิทเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาล่าสุด ตอกย้ำสโลแกน "คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท" ดึง "ลุค อิชิคาว่า" เจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมชูจุดแข็งในฐานะเพื่อนรู้ใจตลอดการเดินทาง

ค็อกพิทเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาล่าสุด ตอกย้ำสโลแกน "คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท" ดึง "ลุค อิชิคาว่า" เจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมชูจุดแข็งในฐานะเพื่อนรู้ใจตลอดการเดินทาง

ค็อกพิท (COCKPIT) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรฟาสต์ฟิต (Fast Fit) ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมายการเป็นหนึ่งในใจของลูกค้าด้านมาตรฐานสินค้าและการให้บริการ ในปีนี้รุกขยายกลุ่มเป้าหมายโดยเจาะลูกค้ากลุ่ม Gen Y และ Gen Z พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความทันสมัยและครบครันของการใช้บริการกับศูนย์บริการรถยนต์ โดยค็อกพิทเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาล่าสุด ดึง "ลุค อิชิคาว่า" นายแบบและนักแสดงสุดฮอต ตัวแทนของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ซึ่งมาร่วมถ่ายทอดสโลแกน "คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท" และส่งต่อแนวคิด จุดแข็ง รวมถึงภาพลักษณ์การให้บริการที่โดนใจคนรุ่นใหม่ของค็อกพิทในฐานะเพื่อนรู้ใจที่พร้อมจะอยู่คู่ชีวิตรถยนต์ตลอดการเดินทาง

โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นี้จะเปิดตัวทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยการสื่อสารเพื่อเน้นย้ำสโลแกน "คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท" พร้อมนำเสนอภาพลักษณ์ ที่ทันสมัยด้วยมาตรฐานสินค้าและการให้บริการจากทีมงานและทีมช่างมืออาชีพกว่า 270 สาขาทั่วประเทศ ในฐานะที่เป็นศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่เพื่อให้อุ่นใจและมั่นใจทุกครั้งผ่านการนำเสนอโซลูชั่น โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงการบริการด้านรถยนต์ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ด้วยเวลาที่รวดเร็วจากการให้บริการในราคาที่เหมาะสม และคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้าตามวิสัยทัศน์ของค็อกพิท คือ การเป็นศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่พร้อมจะอยู่คู่ชีวิตรถคุณตลอดการเดินทาง หรือ "Total Car Life Partner" โดยภารกิจของเราคือ "ทำให้ทุกการเดินทางของคุณมีความสุขและปลอดภัยไปด้วยกัน" ผ่านการชูไฮไลท์สำคัญ ดังนี้

  • คุ้ม:   ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ สำหรับการให้บริการรถยนต์ที่คุ้มค่าและมีให้เลือกมากมาย
  • ครบ: ด้วยบริการเปลี่ยนยางรถยนต์หลากหลายรุ่นภายใต้แบรนด์หลัก BRIDGESTONE, FIRESTONE และ DAYTON ตอบโจทย์ทุกการใช้งานนอกจากนี้ค็อกพิทยังให้บริการด้านอื่นๆ ที่ครบวงจรเพื่อรถยนต์ ได้แก่ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์
  • ไว: ด้วยการให้บริการที่พร้อมให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน เพราะค็อกพิทเข้าใจดีว่าเวลาของลูกค้ามีค่าเสมอ
  • อุ่นใจที่ค็อกพิท: ด้วยการให้บริการจากทีมงานและทีมช่างมืออาชีพ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยครบครัน นอกจากนี้ยังบริการเคลมยางให้ฟรี! ให้ลูกค้าได้หายห่วง และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ค็อกพิทพร้อมจะดูแลรถยนต์ของลูกค้าผ่าน 270 สาขาทั่วประเทศ

สามารถรับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นี้ได้ทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ได้ทาง

Facebook COCKPIT Thailand: https://fb.watch/s1oBpYyaK5/

YouTube COCKPIT Thailand: https://www.youtube.com/watch?v=lYkpuKh_dEI

TikTok COCKPIT Thailand: https://www.tiktok.com/@cockpitthailand/video/7367305800450182401

และสำหรับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์และบริการจากค็อกพิท สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cockpit.co.th หรือ www.facebook.com/CockpitTH แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1369

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูง ซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

เกี่ยวกับ ค็อกพิท:

ค็อกพิท (Cockpit) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ที่พร้อมให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง ด้วยสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรจากผู้ผลิตชั้นนำ และบริการมาตรฐานจากทีมช่างผู้ชำนาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการให้บริการด้วยความมุ่งมั่น คำนึงถึงความปลอดภัยใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 274สาขาทั่วประเทศ(ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2567) 

COCKPIT Releases TVC to Emphasize the Slogan “Save Time and Money for Customer Safety” by Inviting “Luke Ishikawa” to Target at New Generations and Reinforcing its Vision as Total Car Life Partner for All Drivers

COCKPIT Releases TVC to Emphasize the Slogan "Save Time and Money for Customer Safety" by Inviting "Luke Ishikawa" to Target at New Generations and Reinforcing its Vision as Total Car Life Partner for All Drivers

COCKPIT, a Fast Fist One-Stop Auto Care Center under the operation of Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd., continues to maintain customers' top of mind by providing quality standards of products and services. This year, COCKPIT aims to expand its targets by reaching Gen Y and Gen Z customers, addressing their modern lifestyles and comprehensive service needs. In line with this, COCKPIT has launched its latest TVC by inviting "Luke Ishikawa", a popular model and actor representing the new customer segments. He also demonstrates COCKPIT's slogan, "Save Time and Money for Customer Safety" with the concept, strengths, and service quality image that reflect the new generations, positioning as a total car life partner to enhance happiness and safe driving for car drivers in every destination.

The latest TVC has been launched on television and online media platforms from May 16, 2024, onwards, highlighting COCKPIT's slogan, "Save Time and Money for Customer Safety", and showcasing a modern image with standard products and services provided by a professional teams and technicians with over 270 branches nationwide. As a One-Stop Auto Care Center that understands the insights of the new generations, COCKPIT aims to provide assurance and confidence through solutions, promotions, car tire and non-tire products, and other comprehensive service offerings. With a quick service at affordable prices and utmost consideration for customer safety, COCKPIT's vision is to be a "Total Car Life Partner" that "promptly enhances happiness and safe driving for car drivers in every destination" as shown with the key highlights on the TVC as follows:

  • Save Money: By offering diverse and valuable promotions for car services.
  • Variety: By offeringa diverse range of car tires for replacement under BRIDGESTONE, FIRESTONE and DAYTON to meet every usage, need, and comprehensive car services, including car engine oil, brakes, shock absorbers, batteries, and car maintenance.
  • Quick Service: By enhancing customer satisfaction, COCKPIT also delivers quick service to save customers' time.
  • Safety: By providing services from professional teams and technicians with modern tools and equipment. Additionally, COCKPIT offers a worry-free road hazard warranty to alleviate customers' concerns. No matter where you are, COCKPIT promptly services your car through its 270 branches nationwide.

For watching the TVC, please visit as follows:

Facebook COCKPIT Thailand: https://fb.watch/s1oBpYyaK5/

YouTube COCKPIT Thailand: https://www.youtube.com/watch?v=lYkpuKh_dEI

TikTok COCKPIT Thailand: https://www.tiktok.com/@cockpitthailand/video/7367305800450182401

For those interested in products and services from COCKPIT, please visit www.cockpit.co.th, www.facebook.com/CockpitTH or the customer service for COCKPIT call 1369.

About Bridgestone in Thailand:
Bridgestone is a global leader in tires and rubber building on its expertise to provide solutions for safe and sustainable mobility. In Thailand, Thai Bridgestone Co., Ltd. (TBSC) is a leading manufacturer in the Thai automotive industry, while Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd. (BSTL) is the exclusive importer & distributor, and supervises the marketing strategy for Bridgestone, Firestone and Dayton branded tires in Thailand. Bridgestone is a brand trusted by its customers, dealers and business partners. Bridgestone offers a diverse product portfolio of premium tires and advanced solutions backed by innovative technologies, improving the way people around the world move, live, work and play.

About COCKPIT:

COCKPIT, One Stop Auto Care Center, offers a variety of vehicle maintenance services from tires, motor oils, brakes, suspensions, batteries, and scheduled maintenances. All parts and consumables are of the highest quality from leading manufacturers and performed by highly trained and qualified technicians using modern tools and equipment. Our mission is the commitment to serve with emphasis on safety in every detail, to offer the best products and services to customers. There are 274 COCKPIT stores nationwide* (as of May 16, 2024).  

LINE TODAY Thailand Launches 'LIVE TODAY' to Become a National Live Streaming Solution Amplifying Partner Growth and Strengthening Impact in the Content Industry

LINE TODAY Thailand, no.1 mobile content portal in Thailand, introduces 'LIVE TODAY,' a groundbreaking feature offering National Live Streaming. 'LIVE TODAY' represents a significant milestone, enriching the online live broadcast experience with comprehensive marketing tools and enabling partners to achieve nationwide reach through the platform's extensive capabilities. This initiative marks a pivotal moment for content creators, allowing them to expand their target audiences and grow their businesses. 'LIVE TODAY' also reinforces LINE TODAY Thailand's new concept, 'Explore The Unexpected,' aimed at fostering collaborative opportunities to enhance content industry.

"Bringing People Together"The Power of LIVE TODAY

Sirikarn Somnuek, Director of LINE TODAY (LINE THAILAND), emphasized, "The allure of watching live broadcasts on online platforms lies in the ability to participate in the event in real-time. It's unpredictable, allowing you to be part of the fan community, and it brings people together. These features have been clearly demonstrated by the audience of 'live broadcasts' on LINE TODAY, receiving positive feedback and showing the potential to become highly popular. We have aired almost 200 live broadcasts in less than a year, accumulating over 130 million views. It has proven to be an effective channel and tool for content creators to overcome the limitations of reaching their target audiences in an era where viewership is divided between TV and online platforms. LIVE TODAY, or 'Live' on LINE TODAY Thailand, will help bridge this viewing gap, making it more comprehensive.

For instance, the live broadcast of the government lottery result announcement averaged 3.2 million views per broadcast, while the live broadcast of Miss Universe Thailand 2023 received 1.5 million views, and the live broadcast of news TV programs garnered nearly 1 million views each time. With the potential of LIVE TODAY, it will assist our partners in reaching Thailand's nationwide audience via both offline platforms (TV) and internet platforms (LINE). It will become the 'National Live' experience that content creators are seeking in an era where audiences can consume content from multiple channels".

4 Key Benefits of 'LIVE TODAY', Rooted in the Concept of 'Bringing People Together', with the Aim of Impacting Content Businesses

  1. Enhanced Thai Viewer Engagement
    • In addition to live broadcasting, viewers will have the ability to minimize the broadcasting screen and engage in discussions with other viewers in the main chat or LINE OpenChat using the PIP (Picture in Picture) feature. Furthermore, creators can implement a 'poll' on LINE TODAY, allowing their target audiences to participate. These poll results can then be used to further develop their content. For example, KAZZ AWARDS 2024, the awards that recognize outstanding achievements in Thailand's entertainment industry, integrated a poll result from LINE TODAY into the score computation during the award announcement, along with 'quizzes', which are entertaining knowledge tests.
  2. Broad Audience Reach in Thailand
    • LIVE TODAY offers ample marketing space for promoting live broadcasting to effectively reach audiences. This includes Smart Channel placements on main chats on the LINE application, banners on LINE TODAY and LINE OpenChat, special tabs on the Rich Menu of LINE TODAY official accounts, and short videos on LINE VOOM. These marketing strategies aim to create an atmosphere and attract the attention of viewers who are LINE users nationwide (54 million users), while also connecting promotional channels with other services on the LINE app.
  3. Versatile Content Support
    • LIVE TODAY is open to all types of content that require online live broadcasting, whether it is national agenda items such as election broadcasts or other content that needs to reach new audience groups. This includes contests, competitions, award ceremonies, concerts, events, fairs, seminars, and press conferences. The platform aims to expand the audience base from TV channels or the main channels of other media.
  4. Collaborative Opportunities
    • In addition to national agenda content, LIVE TODAY also supports collaborative content development (Co-Creation) and collaborative marketing (Co-Marketing), leading to shared revenue.

"Collaboration & Quality Content" - The Fundamental Focus of LINE TODAY Thailand

Beyond 'LIVE TODAY', which will be a significant asset in promoting and supporting content creators, LINE TODAY Thailand emphasizes being a platform that delivers quality news content resulting from collaborations between the platform and content creators. Additionally, the significance of developing various forms of content, channels to respond to and satisfy the current growing consumer demands is emphasized. This aligns with the new concept of the platform, 'Explore The Unexpected', aimed at propelling the news content industry forward.

LINE TODAY Thailand stands as the no.1 mobile content portal within the nation, positioned prominently on the 4th tab of the LINE application. With an impressive milestone of 1.4 billion pageviews and a monthly user base of 40 million nationwide, LINE TODAY Thailand has established itself as a powerhouse in delivering diverse content experiences. Ranging from news to entertainment, edutainment, lifestyle, sports, horoscopes, and lottery, LINE TODAY Thailand offers a comprehensive array of content formats, including articles, polls, videos, and live streaming. Through partnerships with 300 online and offline publishers and creators, LINE TODAY Thailand ensures easy access to a wealth of reliable updates, catering to the needs of its audience. 

Wednesday, May 15, 2024

เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงผนึกความร่วมมือกับนักลงทุนต่างประเทศ มุ่งส่งเสริมการขยายและเสริมห่วงโซ่อุตสาหกรรมอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์

  เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิง

          เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา คุณเอดดี้ (Eddie) รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ไท่ซิง อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำคณะเยี่ยมชมเขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิง ทั้งสองฝ่ายได้หารือเชิงลึกเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะทางการเกษตรใหม่ และบรรลุความร่วมมือเบื้องต้น คาดว่าโครงการนี้จะมีมูลค่าผลผลิตต่อปีสูงแตะ 300 ล้านหยวนเมื่อเริ่มผลิตจริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งของเขตเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงในการยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และดึงดูดโครงการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

          เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงมุ่งให้ความสำคัญกับ 2 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการผลิตอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ พร้อมเพิ่มกำลังผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อหวังดึงดูดและเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อีกทั้งยังได้สร้างและปรับโฉมนิคมอุตสาหกรรมใหม่ที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบหนึ่งล้านตารางเมตร ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการที่เน้นการลดการถือครองสินทรัพย์ (light-asset) ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรม และยังอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ และเปลี่ยนนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรม

          สำหรับอุตสาหกรรมวัสดุใหม่ด้านเคมีนั้น เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงให้ความสำคัญกับวัสดุใหม่ด้านเคมี เช่น โพลีคาร์บอเนตและสารเคมีคุณภาพสูง ตลอดจนดำเนินการขยายห่วงโซ่อุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมเคมีระดับ 1 แสนล้าน

          ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงตั้งเป้าที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 หมู่ สำหรับเครื่องจักรสิ่งทอ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ หนึ่งในบริษัทที่ตั้งอยู่ในเขตนี้ ได้แก่ ชานตง ป๋อหย่วน พรีซิชัน แมชชีนเนอรี (Shandong Boyuan Precision Machinery) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน และมีความเชี่ยวชาญด้านส่วนประกอบหลักสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ โดยผลิตภัณฑ์สเตเตอร์และโรเตอร์ของบริษัทฯ ครองส่วนแบ่งถึง 85% ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับไฮเอนด์ของจีน นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเหล่าผู้นำด้านการผลิตและองค์กรคุณภาพสูง เช่น RIFA ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาเครื่องทอผ้าแบบไร้กระสวย (shuttleless) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทางตอนเหนือของแม่น้ำแยงซี

          ในส่วนของอุตสาหกรรมเกิดใหม่และการพัฒนาเขตนั้น เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิงได้สร้างพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะหลายแห่ง รวมถึงเมืองอนาคตจงคุน (Zhongkun Future City) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500 หมู่ นอกจากนี้ ยังวางแผนจัดสรรที่ดิน 3,000 หมู่ สำหรับจุดประสงค์ทางอุตสาหกรรม การวิจัย และเชิงพาณิชย์ เพื่อรองรับโครงการประเภทต่าง ๆ

          นอกจากนี้ ภายในเขตเทคโนโลยีชั้นสูงเหลียวเฉิงยังเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะธีมกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของจีน พร้อมย่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของถนนโรส (Rose Street) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน 350 ล้านหยวน อีกทั้งยังรองรับอพาร์ทเมนท์สำหรับบุคลากรที่มีความสามารถจำนวน 1,100 ชุด โดยมีอัตราความครอบคลุมพื้นที่สีเขียวถึง 54% ภายในพื้นที่ที่สร้างขึ้น

          ที่มา: เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเหลียวเฉิง



          ที่มา:  ซินหัว-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์

Liaocheng High-tech Zone: Join Hands with Overseas Investors to Promote Extension and Supplement of High-end Equipment Industry Chain

           Liaocheng High-tech Zone

          On May 6, Eddie, deputy general manager of Taixing Industry (Thailand) Co., Ltd., led a team to visit Liaocheng High-tech Zone. They had in-depth discussions on the R&D and manufacturing of new agricultural intelligent equipment and reached a preliminary cooperation intention. It is expected that the annual output value of the project will reach 300 million yuan after production. This reflects the remarkable achievements of Liaocheng High-tech Zone in optimizing the business environment and attracting foreign investment projects in recent years.
          By focusing on the two major advantageous industries of green chemical industry and high-end equipment manufacturing, and fostering new quality productive forces, Liaocheng High-tech Zone strives to introduce and initiate projects. It has newly built and renovated the park covering nearly one million square meters, which facilitates the implementation of light-asset projects related to the industrial chain, further facilitating upstream and downstream connections and turning industrial park into industrial chain. 
          In the chemical new materials industry, Liaocheng High-tech Zone prioritizes new chemical materials such as polycarbonates and fine chemicals. It pursues the extension of upstream and downstream industrial chains to create a 100-billion-level chemical industry park.
          In the high-end equipment manufacturing industry, Liaocheng High-tech Zone aims to build a smart equipment industrial park covering an area of over 1,000 mu around textile machinery, automotive parts, and intelligent equipment. Shandong Boyuan Precision Machinery Co., Ltd., a listed company, specializes in core components for new energy vehicles, with its stator and rotor occupying 85% market share in China's high-end electric vehicle market. The Zone also houses manufacturing champions and high-quality enterprises like RIFA, the largest shuttleless loom R&D and production base in the area north of the Yangtze River.
          In terms of emerging industries and zone construction, Liaocheng High-tech Zone has built several characteristic zones, such as Zhongkun Future City spanning over 2,500 mu. It has also planned 3,000 mu of land for industrial, research and commercial purposes to accommodate various types of projects. 
          Additionally, Liaocheng High-tech Zone is home to the largest rose-themed park in north China, the cultural tourism district of "Rose Street" with an investment of 350 million yuan, and 1,100 sets of talent apartments, with a green coverage rate of 54% in the built-up area.
          Source: Liaocheng High-tech Zone

Tuesday, May 14, 2024

PEA เปิดตัวแพลตฟอร์ม CARBONFORM บริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานในพิธีเปิดตัวแพลตฟอร์มบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก "CARBONFORM" พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "PEA กับการเดินทางไปสู่แผน PEA Carbon Neutrality และทิศทางของ PEA กับ Net Zero ในอนาคต" โดยมีแขกผู้มีเกียรติ หน่วยงานภายนอก ผู้บริหาร พนักงาน PEA ร่วมงาน ณ อาคาร 4 ชั้น 1 สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และถ่ายทอดสดผ่านระบบ WebEx

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีภารกิจในการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าสู่ความยั่งยืน เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "Net Zero" และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายในปี 2580 ให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) PEA จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม CARBONFORM เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และเป็นเครื่องมือการขับเคลื่อนเป้าหมาย Carbon Neutrality พร้อมเชิญชวนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคลในพื้นที่รับผิดชอบของ PEA 74 จังหวัด (ยกเว้น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ สมุทรปราการ) ที่สนใจหรือจำเป็นต้องประเมินการปล่อยก็าซเรือนกระจกมาใช้งานแพลตฟอร์ม CARBONFORM สามารถประเมินและบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกองค์กร ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ บริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและครอบคลุม สามารถระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การใช้พลังงาน การขนส่ง จนถึงห่วงโซ่อุปทาน ติดตามความคืบหน้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเรียลไทม์ วิเคราะห์แหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วางแผนกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แพลตฟอร์ม CARBONFORM เป็นนวัตกรรมของ PEA เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้ สามารถทดลองใช้งานแพลตฟอร์ม CARBONFORM ฟรี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด) ได้ที่ https://bufferbox.pea.co.th/ มี Feature การใช้งานที่สำคัญ ดังนี้

  1. ระบบแสดงผลแบบ REAL -TIME พร้อม Dashboard Infographic
  2. ข้อมูล Scope 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่ถูกซื้อมา) แบบอัตโนมัติ รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ (เฉพาะลูกค้าที่มิเตอร์อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ PEA)
  3. สามารถสร้างขอบเขตการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ได้ตามโครงสร้างขององค์กร
  4. การใช้งานสะดวก และคำนวณได้ถูกต้อง แม่นยำ
  5. ออกรายงานได้อัตโนมัติตามมาตรฐาน อบก. Green Office
  6. เริ่มต้นได้ง่ายโดยมี template ให้เลือกตามความเหมาะสมตามขอบเขตขององค์กร
  7. คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ตามหลักการมาตราฐาน ISO 14064-1 CFO และ อบก.

ภาวะหมดไฟมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น: อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส แนะลงมือแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน


  • 80% ของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความเสี่ยงที่มีส่วนร่วมในการสำรวจความคิดเห็น เชื่อว่าความเครียดและภาวะหมดไฟมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจและพนักงานในปีนี้
  • 72% เชื่อว่า ปัญหาสุขภาพจิตมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและพนักงานอย่างมาก
  • 75% ของผู้ตอบแบบสำรวจ เชื่อว่า ผู้คนคาดหวังเกี่ยวกับการดูแลพนักงานมากขึ้น ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ปัจจุบัน ภาวะหมดไฟในการทำงานและความเหนื่อยล้าถูกมองว่าเป็นความรับผิดชอบขององค์กรที่จะต้องบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น

ท่ามกลางวงจรวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส (International SOS) บริษัทผู้ให้บริการด้านสุขภาพและความมั่นคงปลอดภัยชั้นนำของโลก ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากรายงานประเมินแนวโน้มความเสี่ยง ประจำปี 2567 (The Risk Outlook 2024) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ภาวะหมดไฟของพนักงานที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลายเป็นปัญหาที่สำคัญ รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอข้อมูลเรื่องความท้าทายที่สำคัญที่องค์กรต้องเผชิญ โดย 2 ใน 3 ของผู้เชี่ยวชาญที่ตอบแบบสำรวจมองว่า การสร้างความเชื่อมั่นในด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ และความปลอดภัยของพนักงานในปีนี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลเชิงลึกจากรายงานดังกล่าว อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส จึงได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบริหารจัดการกับความเครียดและภาวะหมดไฟของพนักงานอย่างจริงจัง

ผลกระทบสะสมที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดส่วนบุคคล เช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการแบ่งขั้วทางการเมือง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคล วิกฤตที่ทับซ้อนกันเหล่านี้ยิ่งผลักดันให้เกิดภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต (permacrisis) ซึ่งเป็นวงจรของสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเผชิญกับวิกฤตเป็นเวลานานมีส่วนทำให้อาการหมดไฟของพนักงานเพิ่มสูงขึ้น โดยภาวะหมดไฟนี้สามารถจำแนกได้จากความรู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะหมดไฟเพิ่มขึ้น ตลอดจนเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอื่น ๆ ดังนั้น นายจ้างจึงจำเป็นต้องหันมาจัดการกับภาวะวิกฤตแบบเชิงรุกแทนที่จะจัดการแบบเชิงรับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดผลกระทบเชิงลบจากทั้งภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตและภาวะหมดไฟภายในที่ทำงาน

นพ.จามร เงินจารี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวโดยเน้นย้ำถึงความรุนแรงของสถานการณ์ว่า "สถานการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลเกี่ยวกับภาวะหมดไฟที่เกิดขึ้นในที่ทำงานทั่วโลก เราพบเห็นปัจจัยต่าง ๆ ที่ทับซ้อนกัน ซึ่งครอบคลุมถึงปริมาณงานที่มากขึ้น การขาดสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและคาดเดาไม่ได้ ความท้าทายเหล่านี้ทำให้พนักงานต้องเผชิญกับสภาวะที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นสภาพที่ขอบเขตระหว่างการทำงานและความเป็นอยู่มีความคลุมเครือและไม่ชัดเจน ภาวะหมดไฟในการทำงานเป็นปัญหาที่แพร่หลายในหลายองค์กร จนถึงจุดที่องค์กรต้องหันมาใส่ใจและหาวิธีแก้ไขอย่างเร่งด่วน นายจ้างจะต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้และใช้มาตรการป้องกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงและต้นตอของอาการหมดไฟอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเนื้องานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของพนักงานและประสิทธิภาพการทำงานที่ยั่งยืน"

อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส นำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ และคำแนะนำเพื่อจัดการกับภาวะหมดไฟของพนักงาน ข้อ ดังนี้:

  1. ส่องสัญญาณภาวะหมดไฟ: จัดให้มีการพูดคุยกับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินสุขภาวะและค้นหาสัญญาณเริ่มต้นของภาวะหมดไฟในการทำงานตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงฝึกอบรมผู้จัดการให้สามารถแยกแยะสัญญาณของภาวะหมดไฟ ตลอดจนจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการสนับสนุนทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ใช้มาตรการเชิงรุก: ใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อจัดการกับภาวะหมดไฟด้วยโครงการที่ช่วยสนับสนุนด้านสุขภาพจิต ซึ่งรวมถึงบริการให้คำปรึกษา หรือโครงการช่วยเหลือพนักงาน
  3. ส่งเสริมความยืดหยุ่นในองค์กร: เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น ด้วยการส่งเสริมให้พนักงานสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว พร้อมทั้งจัดหาสิ่งสนับสนุนที่จำเป็นให้กับพนักงานที่ต้องการความช่วยเหลือ
  4. วางแผนกลยุทธ์: จัดทำแผนการจัดการภาวะวิกฤตอย่างครอบคลุม ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดโดยเฉพาะ รวมถึงกำหนดมาตรการในการจัดสรรงานในช่วงที่มีความกดดันสูง และจัดตั้งกลไกเพื่อเฝ้าติดตามและดูแลสุขภาวะของพนักงาน
  5. ผนึกกำลังร่วมมือกัน: สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกกับองค์กร เพื่อนำความรู้ความชำนาญเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้รับมือกับความเครียดและเสริมสร้างสุขภาวะของพนักงาน

 

Burnout Epidemic: International SOS Data Highlights Urgent Need for Action


  • 80% of surveyed risk management experts believe stress and burnout will likely have a significant impact on their business and employees this year.
  • 72% believe mental health issues will likely have a significant impact on their business and employees.
  • 75% of surveyed respondents believe people have higher expectations about Duty of Care than ever before, highlighting how issues like burnout and mental fatigue are now more often seen as an organisation's responsibility to manage.

In the face of a constant cycle of crises, International SOS, the world's leading health and security services company, highlights insights from its Risk Outlook 2024 report, with  employee burnout due to crisis fatigue mounting as a critical issue. The report looks at the significant challenge for organisations - around two-thirds of surveyed professionals anticipate increased complexity in ensuring the health, wellbeing and security of their workforces this year, a higher proportion than any other time in the past five years. Building upon insights from the report, International SOS underscores the need for organisations to proactively address stress and burnout among their employees.

The cumulative impact of ongoing crises, coupled with personal stressors such as rising living costs, concerns about climate change and political polarisation, has significantly impacted individual wellbeing. This convergence of crises has fuelled a state of permacrisis, where the traditional cycle of crisis and recovery is replaced by a continuous state of flux and uncertainty. Prolonged exposure to crises contributes to a rise in employee burnout, characterised by feelings of emotional exhaustion and reduced productivity. With the possibility of future pandemics and other unforeseen events, employers need to transition from reactive crisis management to proactive preparedness. This shift is crucial to mitigate the negative effects of both permacrisis and burnout within the workforce.

Commenting on these issues, Dr Jamon Ngoencharee, Medical Director at International SOS, highlights the gravity of the situation: "The current landscape presents a concerning trend of burnout permeating workplaces globally. We are observing a convergence of factors, including increased workloads, a lack of work-life balance and a climate of constant change and unpredictability. These challenges have propelled employees into uncharted territory, where the lines between professional and personal wellbeing blur. The prevalence of burnout brings organisations to a critical juncture demanding immediate attention. Employers must recognise the significance of this issue and implement preventive measures to mitigate its effects. This requires a deep understanding of the root causes and precursors of burnout, followed by a focus on job design and fostering a work environment that prioritises employees' holistic wellbeing and sustainable performance."

International SOS offers expert insights and advice to address burnout amongst the workforce:

  1. Recognise the signs: Implement regular check-ins with employees to gauge their wellbeing and identify early signs of burnout. Train managers to recognise signs of burnout and provide them with resources to support their teams effectively. Encourage open dialogue about mental health and destigmatise seeking help for stress-related issues.
  2. Proactive measures: Take proactive steps to address burnout by providing access to mental health support programmes, including counselling services or employee assistance programmes. Organise stress management workshops to equip employees with coping strategies and resilience-building techniques.
  3. Enhance resilience: Foster a culture of resilience within the organisation by promoting work-life balance. Provide resources for employees to seek support if needed. Establish clear protocols for managing stress-related absences and create a supportive environment where employees feel comfortable discussing their challenges.
  4. Strategic planning: Develop comprehensive crisis management plans that specifically address burnout and stress-related challenges. Include protocols for managing workload distribution during times of increased stress and establish mechanisms for monitoring and addressing employee wellbeing.
  5. Collaborative efforts: Foster collaboration with external experts and organisations to leverage their expertise in addressing burnout and supporting employee well-being. Share best practices and learnings to collectively strengthen resilience and enhance support systems.

 

TPIsoftware's digiRunner Cloud-Native API Management Platform Now Available on AWS Marketplace to Foster Digital Innovation

In a significant stride forward in cloud-native software solutions, TPIsoftware proudly announces the official listing of its Enterprise-grade API Management Platform digiRunner on AWS Marketplace, a curated digital catalog for customers to look for third-party software and services to build solutions and run their businesses. This milestone follows the completion of the Amazon Web Services (AWS) Foundational Technical Review (FTR), which enables AWS Partners to identify and remediate risks in their software or solutions by AWS, the world's most comprehensive and broadly adopted cloud.

As a testament to its innovation and proven capabilities, digiRunner, developed in-house by TPIsoftware's dedicated Taiwan team, has been awarded with seven invention patents, ISO 27001 certification and consecutive Taiwan Excellence Awards in 2023 and 2024. Passing the AWS FTR positions digiRunner as a facilitator of rapid, efficient, and scalable application deployment on AWS to accelerate digital innovation for businesses. TPIsoftware has become a qualified AWS Independent Software Vendor (ISV) Partner with a validated software product listed on AWS Marketplace to reach millions of AWS customers.

The global market has witnessed a paradigm shift in recent years, and cloud-based innovation marks a new chapter for businesses' digital strategy to stay ahead of the curve. The API management platform digiRunner aims to help enterprises manage massive APIs efficiently, and serves as a middle platform to innovate digital services. Deployed on AWS, digiRunner offers minimal resource utilization and lightweight deployment while ensuring consistent operation across various environments. It further expedites development, testing and deployment with shorter time-to-market and a competitive edge.

"More and more businesses are shifting their applications and resources to the cloud, which has enhanced our role in helping BFSI clients with cloud migration. Our collaboration with AWS is a strategic move to provide our clients with a robust cloud infrastructure and comprehensive tools to focus on core business." said Yilan Yeh, CEO of TPIsoftware. "Our product strategy prioritizes cloud-native solutions, leveraging containerization and microservices for IT modernization and faster service rollout."

Yvonne Chien, General Manager of TPIsoftware Singapore, also comments, "Our recent collaboration with AWS in Vietnam is the latest in our continued global relationship with AWS, paving the way for new avenues in our international market expansion. By leveraging AWS's extensive global network and our pioneering cloud-native solutions, we believe we can make an impact on a global scale."

CONTACT: Bernie Gee, bernie.gee@tpisoftware.com  

digiRunner แพลตฟอร์มการจัดการเอพีไอบนระบบคลาวด์ของทีพีไอซอฟต์แวร์ มีให้บริการบน AWS Marketplace แล้ว

           ทีพีไอซอฟต์แวร์ (TPIsoftware) มีความภูมิใจที่จะประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านโซลูชันซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ หลังจากที่ ดิจิรันเนอร์ (digiRunner) แพลตฟอร์มการจัดการเอพีไอ (API) ระดับองค์กร ได้เข้าไปอยู่ใน AWS Marketplace ซึ่งเป็นแคตตาล็อกดิจิทัลที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อซอฟต์แวร์และบริการจากบุคคลที่สาม สำหรับนำไปสร้างสรรค์โซลูชันและดำเนินธุรกิจของตนเอง โดยความก้าวหน้าครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดิจิรันเนอร์ผ่านการตรวจสอบขั้นพื้นฐานทางเทคนิค (FTR) จากอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services หรือ AWS) ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ที่ครอบคลุมและมีการนำมาใช้มากที่สุดในโลก โดยช่วยให้คู่ค้าของ AWS สามารถระบุและแก้ไขความเสี่ยงในซอฟต์แวร์หรือโซลูชันของตนได้

          ดิจิรันเนอร์ ซึ่งพัฒนาขึ้นภายในบริษัทโดยทีมงานในไต้หวันของทีพีไอซอฟต์แวร์ ได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ 7 ฉบับ และผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 รวมทั้งได้รับรางวัลไต้หวัน เอ็กซ์เซลเลนซ์ อวอร์ดส์ (Taiwan Excellence Awards) ติดต่อกันในปี 2566 และ 2567 ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำถึงนวัตกรรมและความสามารถที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว นอกจากนี้ ดิจิรันเนอร์ยังผ่านการทดสอบขั้นพื้นฐานทางเทคนิคจาก AWS และช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นบน AWS เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ทีพีไอซอฟต์แวร์เป็นคู่ค้าผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) ของ AWS ที่ผ่านการรับรองแล้ว โดยมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ผ่านการตรวจสอบและรวมอยู่ใน AWS Marketplace เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าหลายล้านรายของ AWS
          ตลาดโลกได้เห็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ขณะที่นวัตกรรมระบบคลาวด์ได้เข้ามาเปลี่ยนกลยุทธ์ดิจิทัลของธุรกิจต่าง ๆ และช่วยให้ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่ง แพลตฟอร์มการจัดการเอพีไอดิจิรันเนอร์ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการเอพีไอขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางในการสร้างสรรค์บริการดิจิทัล โดยดิจิรันเนอร์ใช้คอนเทนเนอร์ที่อยู่บน AWS นั้นใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดและใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก พร้อมรับประกันการทำงานอย่างราบรื่นในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการใช้มัลติคลาวด์  นอกจากนั้นยังช่วยให้การพัฒนา การทดสอบ และการใช้งานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นและมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
          "ธุรกิจจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังย้ายแอปพลิเคชันและทรัพยากรของตนไปยังระบบคลาวด์ ซึ่งทำให้เรามีบทบาทมากขึ้นในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่ม BFSI ในการย้ายไปยังระบบคลาวด์ สำหรับการทำงานร่วมกับ AWS ถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ลูกค้าของเรามีโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่แข็งแกร่งและเครื่องมือที่ครอบคลุมเพื่อทำให้การจัดการและการบำรุงรักษาง่ายขึ้น และสามารถมุ่งเน้นที่การทำธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่" คุณอี๋หลัน เย่ (Yilan Yeh) ซีอีโอของทีพีไอซอฟต์แวร์ กล่าว "กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของเราให้ความสำคัญกับโซลูชันบนระบบคลาวด์ โดยใช้ประโยชน์จากคอนเทนเนอร์และไมโครเซอร์วิสเพื่อปรับปรุงระบบไอทีให้ทันสมัยและนำเสนอบริการด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น เรามีเรื่องราวความสำเร็จมากมายในด้านนวัตกรรมดิจิทัล และเราพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จาก AWS เพื่อขยายการเข้าถึงตลาดของเราในระดับโลก"
          คุณอีวอนน์ เฉียน (Yvonne Chien) ผู้จัดการทั่วไปของทีพีไอซอฟต์แวร์ สิงคโปร์ แสดงความคิดเห็นว่า "ความร่วมมือล่าสุดระหว่างเรากับ AWS ในเวียดนาม ถือเป็นการสานสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับ AWS ซึ่งปูทางไปสู่ช่องทางใหม่ในการขยายตลาดต่างประเทศของเรา ทั้งนี้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระดับโลกที่กว้างขวางของ AWS ประกอบกับโซลูชันคลาวด์เนทีฟที่บุกเบิกวงการของเรา เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลกระทบในระดับโลกได้"
          ติดต่อ: Bernie Gee, bernie.gee@tpisoftware.com  

Monday, May 13, 2024

ลอรีอัล เปิดรับสมัครชิงทุนวิจัย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" ครั้งที่ 22 มอบสูงสุด 5 ทุน เปิดรับสมัครถึง 30 มิถุนายนนี้

โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ สานต่อความสำเร็จปีที่ 22 เปิดรับสมัครนักวิจัยสตรีไทย อายุไม่เกิน 40 ปี ผู้เป็นเจ้าของงานวิจัยอิสระในสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ หรือวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เดินหน้ามอบทุนสูงสุดจำนวน 5 ทุน ทุนละ 250,000 บาท และโล่เกียรติคุณพร้อมจัดงาน Conversations with the Fellows ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อกระชับมิตรครอบครัวนักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุน เสริมเครือข่ายนักวิจัยสตรีไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเชิดชูเกียรติสตรีในสายงานวิทยาศาสตร์และสนับสนุนงานด้านการค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าวว่า "ในฐานะบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก ลอรีอัล กรุ๊ป ยืนหยัดเคียงข้างผู้หญิงผ่านกิจกรรมและกองทุนต่าง ๆ เพื่อสร้างพลัง โอกาส และแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงเสมอมา โดยเฉพาะในสายงานวิทยาศาสตร์ผ่านโครงการทุนวิจัย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" เรายังเสริมสร้างเครือข่ายด้วยกิจกรรม Conversations with the Fellows ที่จัดขึ้นเพื่อให้นักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุน ได้พบปะและและเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าเปิดรับสมัครชิงทุนวิจัยฯ เป็นปีที่ 22 เพื่อเฟ้นหาผลงานของนักวิจัยสตรีไทยที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกในวงกว้าง และผลักดันผลงานวิจัยให้สามารถก้าวไปยังระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ สอดคล้องกับแนวคิดของโครงการที่ว่า โลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการสตรี"

ดร. กัญญวิมว์ กีรติกร ประธานคณะกรรมการบริหารบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยและหนึ่งในคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ โครงการ ทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า "การมีโอกาสที่จะสื่อสารงานวิจัยในวงกว้าง เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้นักวิจัยสตรีรุ่นใหม่ สามารถพัฒนางานวิจัยของตัวเองให้เข้มแข็งขึ้นได้อีก โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการฯ ที่สร้างโอกาสในการเป็นนักวิจัยระดับสากล และรางวัลนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ผลงานวิจัยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีเวทีรางวัลระดับนานาชาติที่จะเป็นก้าวต่อ ๆ ไปที่นักวิจัยที่ได้รับทุนจากทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทยฯ จะได้ไต่ระดับขึ้นไปแสดงความสามารถ การเป็นที่รู้จักในระดับสากลเปิดโอกาสให้ได้พบปะและสร้างเครือข่ายอันจะนำไปสู่การแบ่งปันองค์ความรู้และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ สร้างโอกาสให้กับนักวิจัยที่จะได้รับทุนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือ เปิดโอกาสในการที่จะช่วยกันสร้างคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะสตรีให้รักวิทยาศาสตร์และก้าวสู่อาชีพนี้เพิ่มขึ้น จึงอยากสนับสนุนให้นักวิจัยรุ่นใหม่สมัครชิงทุนนี้ เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้แวดวงสตรีในงานวิทยาศาสตร์ต่อไป"

นักวิจัยสตรีที่สนใจสามารถสมัครเข้าชิงทุนโครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2567 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่อีเมล

เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป 

ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานถึง 115 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 36 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L'Oreal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน

ข้อมูลเพิ่มเติมhttps://www.loreal.com/en/mediaroom  

เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย 

ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์  

  • แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
  • แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ อิท คอสเมติกส์  
  • แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส 
  • แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี

ข้อมูลเพิ่มเติมwww.lorealthailand.com และ www.facebook.com/lorealthailand

Yili สุดปลื้ม รายได้ปี 2566 แตะ 1.262 แสนล้านหยวน มุ่งนำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมระดับโลกให้พัฒนาก้าวหน้าได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

Yili Group

เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา Yili Group ได้เปิดเผยรายงานทางการเงินประจำปี 2566 ซึ่งทำลายสถิติรายได้จากการดำเนินงานรวม 1.26179 แสนล้านหยวน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทแม่อยู่ที่ 1.0429 หมื่นล้านหยวน โดยเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องเป็นปีที่ 31

ในวันเดียวกันนั้น Yili ยังประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านหยวน แต่ไม่เกิน 2 พันล้านหยวน ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะถูกยกเลิกทั้งหมดเพื่อลดทุนจดทะเบียนของบริษัท

ในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Yili ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ธุรกิจนมเหลวของ Yili สร้างรายได้จากการดำเนินงาน 8.554 หมื่นล้านหยวน โดยยังคงรักษาตำแหน่งสูงสุดทั้งในด้านขนาดและส่วนแบ่งทางการตลาด ส่วนนมผงและผลิตภัณฑ์นมมีรายได้ 2.7598 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.09% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดขายนมผงโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาดจีน ด้านธุรกิจเครื่องดื่มเย็นสร้างรายได้จากการดำเนินงาน 1.069 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11.72% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยอุตสาหกรรมอย่างมาก และยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดต่อเนื่องเป็นปีที่ 29

ธุรกิจในต่างประเทศของ Yili ก็ดำเนินไปด้วยดีเช่นกัน โดยในปี 2566 รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศของ Yili เพิ่มขึ้น 10.08% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ Cremo และ Joyday ได้รับความนิยมอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจไอศกรีม Joyday ก็รุกเข้าสู่แอฟริกาได้อย่างแข็งแกร่ง

Yili ได้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายซัพพลายเชนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังผลักดันฐานในประเทศและต่างประเทศให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเดือนพฤษภาคม 2566 นั้น ทาง Westland Dairy Company Limited ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ Yili ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานแลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) และเมื่อโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการแล้วก็จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแลคโตเฟอร์รินรายใหญ่ติดสามอันดับแรกของโลก ซึ่งการพัฒนาขีดความสามารถนี้ได้รับแรงผลักดันจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ที่กระตุ้นให้นำการวิจัยไปต่อยอดเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้

นอกจากนี้ Yili ได้สร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยในปี 2566 อีกด้วย โดยนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่กำหนดเทรนด์ใหม่ในการบริโภคเพื่อสุขภาพ ซึ่งความสำเร็จที่โดดเด่นประการหนึ่ง คือการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดและปกป้องแลคโตเฟอร์รินแบบทิศทางเฉพาะ ซึ่งเพิ่มอัตราการกักเก็บแลคโตเฟอร์รินในนมยูเอชทีจาก 10% เป็นมากกว่า 90% นอกจากนี้ บริษัทยังได้แก้ไขความท้าทายของการที่โปรไบโอติกสูญเสียประสิทธิภาพ (Probiotic Inactivation) ที่อุณหภูมิแวดล้อม ทำให้เกิดสถานการณ์การบริโภคโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่

ด้วยความสามารถทางเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเป็นรากฐาน กลุ่มบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขายดีที่สุด เช่น SATINE Active Lactoferrin Organic Milk และ Ambpomial AMX Probiotic Yogurt ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต

ความสำเร็จด้านนวัตกรรมเหล่านี้เป็นผลจากการลงทุนระยะยาวของบริษัท โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของศูนย์นวัตกรรม Yili ประจำยุโรป ได้มีการเฉลิมฉลองการยกระดับศูนย์และการก่อตั้งศูนย์วิจัยโภชนาการแม่และเด็กระดับโลก ณ มหาวิทยาลัยวาเคอนิงเงิน (Wageningen University) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้ง ศูนย์แห่งนี้ได้ผลลัพธ์การวิจัยที่น่าทึ่งในด้านต่าง ๆ เช่น การวิจัยน้ำนมแม่ การพัฒนาโปรไบโอติก ตลอดจนกระบวนการและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ นับจากนี้ไป ศูนย์จะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์นมระดับโลกที่ล้ำสมัย เพื่อเร่งการประยุกต์ใช้และนำผลลัพธ์เชิงนวัตกรรมไปใช้ในเชิงพาณิชย์

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม Yili ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง แต่ยังเน้นย้ำถึงอนาคตที่ยั่งยืนอีกด้วย อีกทั้งบริษัทยังส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวและยั่งยืนอย่างแข็งขัน มีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสังคม รวมถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ที่มา: Yili Group 

Yili's 2023 Revenue Reaches 126.2 Billion Yuan, Leading Global Dairy Industry towards Healthy and Sustainable Development

Yili Group

On April 29, Yili Group released its 2023 financial report, showing a record-breaking total operating income of 126.179 billion yuan and a net profit attributable to parent company of 10.429 billion yuan. This marked 31 consecutive years of steady growth.

On the same day, Yili also announced a plan to repurchase shares worth no less than 1 billion yuan but no more than 2 billion yuan. These shares will be entirely canceled to reduce the company's registered capital.

During the reporting period, Yili's entire range of products remained industry-leading. Its liquid milk business generated an operating income of 85.54 billion yuan, maintaining its top position in both scale and market share. The milk powder and dairy products recorded 27.598 billion yuan in revenue, up 5.09% year on year, and overall milk powder sales rose to the top of the Chinese market. The cold beverage business generated an operating income of 10.69 billion up, up 11.72% from the previous year, far exceeding the industrial average growth rate, and retained its market leadership for the 29th consecutive year.   

Overseas business also performed well. In 2023, Yili's overseas business income increased by 10.08% year on year, with products sold to over 60 countries and regions. Notably, Cremo and Joyday products gained significant popularity in Southeast Asia, while Joyday ice cream made a strong entry into Africa.

Yili has continuously improved and optimized its global supply chain network, achieving efficient synergy between its domestic and overseas bases. In May 2023, construction work commenced for a lactoferrin factory of Westland Dairy Company Limited, one of Yili's subsidiaries. Once the factory is put into operation, it will be one of the top three lactoferrin producers worldwide. This capacity breakthrough is driven by innovative technological advancements that have spurred the transformation of research into tangible results.

In 2023, Yili made continuous breakthroughs in cutting-edge technologies, quickly translating these innovations into products that have set new trends in healthy consumption. One notable achievement was the development of a unique lactoferrin directional extraction and protection technology, which increased the lactoferrin retention rate in UHT milk from 10% to over 90%. Furthermore, the company solved the challenge of probiotic inactivation at ambient temperatures, creating new healthy consumption scenarios for yogurt.

With industry-leading technological capabilities as the foundation, the Group has launched bestselling new products such as the SATINE Active Lactoferrin Organic Milk and Ambpomial AMX Probiotic Yogurt, providing the company with new growth drivers.

These innovative achievements stem from the company's long-term investment in technology. Recently, on the tenth anniversary of the Yili European Innovation Center, the center's upgrade and the establishment of the Global Maternal and Child Nutrition Research Center were celebrated at Wageningen University in the Netherlands. Since its inception, the center has achieved remarkable results in areas like breast milk research, probiotics development, and innovative processes and technologies. Going forward, the center will focus on cutting-edge global dairy technologies to accelerate the application and commercialization of innovative results.

As an industry leader, Yili is not only achieving steady business growth but also emphasizing a sustainable future. The company actively promotes green and sustainable development, contributes to environmental protection and public welfare, and strives to create a win-win situation in economic, social, and environmental benefits.

Source: Yili Group 

Friday, May 10, 2024

บางกอกแอร์เวย์สจับมือบีดีเอ็มเอสเปิดตัวโครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste

บางกอกแอร์เวย์สจับมือบีดีเอ็มเอสเปิดตัวโครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste ชวนสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพแบบเหนือระดับบนเกาะสมุย ด้วยบอร์ดดิ้งพาสเพียงใบเดียว พร้อมลุ้นรับตั๋วเครื่องบินฟรี !

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกับ บีดีเอ็มเอส เปิดตัวโครงการ "SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass,Beyond healthy…through taste" เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารพร้อมสุขภาพดีแบบเหนือระดับบนเกาะสมุย ! โดยใช้บอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว โดยได้รับเกียรติจาก "ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์" มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การลิ้มลองอาหารบนเกาะสมุยพร้อมรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบท้องถิ่นเกาะสมุยร่วมกับเชฟชุมชน โดยมีพันธมิตรชั้นนำ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, Segafredo (เซกาเฟรโด้) โดย บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด, เวิลด์แก๊ส บาย ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน), ชิมไทย และร้านอาหารในโครงการ เข้าร่วมออกบูธกิจกรรม ณ โรงแรมเซเลส สมุย (Celes Samui)

นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวและพันธมิตร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "โครงการ SAMUI SAVOR, Beyond Boarding Pass,Beyond healthy…through taste" เป็นการต่อยอดจากความตั้งใจของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ต้องการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพบนเกาะสมุย (Gastronomy and Wellness Tourism) รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมร้านอาหารท้องถิ่น ชุมชน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง และร้านอาหารที่ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ความพิเศษของโครงการนี้คือ นักท่องเที่ยวที่ถือบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว ก็สามารถเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารบนเกาะสมุยผ่านวัฒนธรรมการกิน เรื่องราววัตถุดิบท้องถิ่นต่าง ๆ และการดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กับสัมผัสความงดงามดั่งสวรรค์ของท้องทะเลไทยบนเกาะสมุย โดยมีร้านอาหารชั้นนำบนเกาะสมุยกว่า 42 แห่ง มอบส่วนลดสำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่มาพร้อมกับความอร่อยและสุขภาพดี และต่อที่สองลุ้นบินฟรีภายในประเทศ กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จำนวน 20 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) ซึ่งโครงการนี้จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2567"

นอกจากนี้ ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ SAMUI SAVOR ยังครอบคลุมทั้ง 6 ไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง (Fine dining) , ร้านคาเฟ่ (Cafe) , ร้านอาหารท้องถิ่นและสตรีทฟู้ด (Local & Street Food) , ร้านอาหารที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำ (Dining Experience), ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) , ฟาร์มทูเทเบิ้ล (Farm to Table) ที่พร้อมชวนทุกคนมาเที่ยวเกาะสมุยแบบเหนือระดับกับการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพด้วยบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพียงใบเดียว นางสาวเพลินพิศ กล่าวเสริม

นางสาวเจียระไน บุญประสาทสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่ม 1 เครือ BDMS กล่าวว่า "ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงสุภาพเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างประเทศ โดย BDMS wellness เองได้เล็งเห็นถึงการเติบโตนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาะสมุย ซึ่งถือว่า เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยเราได้ร่วมมือกับ โรงแรมเซเลส สมุย จัดทำ โปรแกรมด้านสุขภาพ หลาย ๆ รูปแบบ เช่น การดริปวิตามินที่ทำจากอาหารเสริมต่าง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันก็มีแผนที่จะทำให้ครบวงจรมากขึ้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวอย่างมีความสุขแล้ว ก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงไปด้วยกัน"

ซึ่ง BDMS wellness มีโปรโมชั่น

  • คูปองส่วนลด 1,000 บาท เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 10,000 บาท (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Clinic Retreat ที่ Celes Samui)
  • คูปองส่วนลด 10,000 บาท เมื่อรับบริการทันตกรรมรากฟันเทียม (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic)
  • ส่วนลด 10% สำหรับแพ็กเกจ BWC Anti-Aging Add-On Program และ BWC Telomere Length (รับบริการที่ BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Clinic Retreat ที่ Celes Samui)

กติกาง่าย ๆ สำหรับการเข้าร่วมในโครงการ "SAMUI SAVOR" เพียงนักท่องเที่ยวแสดง "บอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass)" ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อรับสิทธิประโยชน์กับร้านอาหารที่ร่วมโครงการ ต่อที่ 1 พบกับโปรโมชั่นเมนูซิกเนเจอร์ในราคาพิเศษ และหลังรับประทานจะได้รับคูปองชิงโชค เพื่อนำไประบุ ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร และอีเมล หย่อนลงกล่องชิงโชคของทางร้าน เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิลุ้นรับรางวัลพิเศษตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จำนวน 20 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง)" โดยร้านอาหารจะจับรางวัลพร้อมกันและประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ทางเพจ https://www.facebook.com/SAMUISAVOR และสื่อของร้านอาหารทั้ง 42 แห่งที่เข้าร่วม

โดยมีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการดังต่อไปนี้:

  • ร้านอาหารท้องถิ่น:
    • ร้านบ้านสวนลางสาด กับผักออร์แกนิกเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน กับเชฟชุมชนพร้อมเรื่องราวอันมีที่มาของอาหาร
    • ร้านโกเซ้ง ไม่ควรพลาด อาหารทะเลสด รสจัดจ้าน เสิร์ฟจานใหญ่ คุ้มราคา
    • ร้านครัวเสวยสมุย อาหารทะเลพื้นบ้านท้องถิ่น รสชาติชาวสมุยแท้ เปิดมานานกว่า 30 ปี 
    • ร้านเพ็ญศิริ ร้านอาหารไทยพื้นบ้าน ปักษ์ใต้แบบ Home made  คัดวัตถุดิบท้องถิ่นมาเสิร์ฟแบบ farm to table และเน้นการปรุงอาหาร zero waste concept และเมนูเสิร์ฟปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล
    • ร้าน Hug Samui ร้านอาหารสไตล์อีสาน - ใต้ เสิร์ฟอาหารกินง่ายจากวัตถุดิบเกาะสมุย ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยโบราณและความร่วมสมัยเข้าด้วยกันกับบรรยากาศร้านที่ร่มรื่นริมทะเล
  • ร้านอาหารมิชลินบิบกูร์มองต์ 2024:
    • ร้านครัวชาวบ้าน อาหารแบบพื้นบ้าน  รสจัดจ้านสไตล์อาหารใต้ เข้าถึงง่าย
    • ร้านบ้านสวนลุงไข่ ร้านลับในสวนมะพร้าว เชฟเทเบิลโฮมเมดอาหารทะเลพื้นบ้าน
    • ร้านจันทร์หอมซีฟู้ด บรรยากาศริมหาด อาหารทะเลที่ปรุงรสด้วยสูตรลับเก่าแก่ของร้าน
    • ร้านกะปิสะตอ ร้านอาหารบ่งบอกความเป็นปักษ์ใต้ เมนูปรับเปลี่ยนตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน

ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารแบบสุขภาพดีอย่างเหนือระดับกับ SAMUI SAVOR: Beyond Boarding Pass, Beyond healthy…through taste" ติดตามข้อมูลโปรโมชั่นร้านอาหารและกิจกรรมดี ๆ กับโครงการได้ที่ https://www.facebook.com/SAMUISAVOR and Line official: @samuisavor #SAMUISAVOR # Beyondboardingpass # #BangkokAirways #TasteIncAsia