Wednesday, February 28, 2018

More Trains Available for Booking with "JR Kyushu Rail Pass" Discount Tickets for Foreign Visitors to Japan





          Kyushu Railway Company (JR Kyushu) has been facilitating credit card settlements, issuing E-tickets to ensure smooth purchases and providing fee-based services to reserve seats on popular tourist trains since August 2017 when it launched the JR Kyushu Rail Pass Online Booking website, which specially handles JR Kyushu Rail Pass discount tickets for foreign visitors to Japan. On February 17, 2018, the company newly added SL Hitoyoshi and Aso Boy! to its lineup of reservable trains. (The additional trains can be reserved for boarding on and after March 17, 2018.)

          Designated reservable trains (six trains):
          Yufuin no Mori, Yufu, Ibusuki no Tamatebako, KAWASEMI YAMASEMI, A-TRAIN and Umisachi-Yamasachi

          Additional trains that can be reserved from February 17, 2018 (for boarding from March 17)
          SL Hitoyoshi (operated between Kumamoto and Hitoyoshi),
          Aso Boy! (operated between Beppu/Oita and Aso)

          For further information, please go to the following websites.
          JR Kyushu official website: http://www.jrkyushu.co.jp/english/
          JR Kyushu Rail Pass Online Booking: https://kyushurailpass.jrkyushu.co.jp/reserve/TopPage

          Additionally, the Kyushu District Transport Bureau of the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism organized a familiarization trip for an influencer last year on the theme of a "railway excursion tour that shows what makes Kyushu special." It invited an influencer to Kyushu from Thailand, who has a strong sway over the affluent and middle-income bracket in their 20s and 30s. The invitee used "D&S (design and story)" trains -- old rolling stock that are designed anew and carry a local storyline -- including KAWASEMI YAMASEMI (Kingfisher/Crested Kingfisher), which was put into service in March 2017.

          Experiencing "onsen" hot springs, gourmet dishes including local delights and natural landscapes that are characteristic of each prefecture, he reported to Thailand via SNS about the charms of traveling in Kyushu.

          Event outline
          Invitation period: August 14-August 19, 2017
          Invitee: Mr. Thiti Mahayotaruk
          Where he visited: Oita Prefecture (Beppu) - Miyazaki Prefecture (Cape Toi) - Kagoshima Prefecture (Kirishima Open-Air Museum) - Kumamoto Prefecture (Suizenji Park) - Saga Prefecture (Arita) - Nagasaki Prefecture (Dejima)
          *This list is partial.

          SOURCE:
          Kyushu District Transport Bureau of the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism
          Kyushu Railway Company

อาร์ทไพรซ์ เผยรายงานตลาดศิลปะโลกปี 2017 ชี้เป็นตลาดที่น่าลงทุนโดยเฉพาะในจีน




          รายงานตลาดศิลปะโลกประจำปีฉบับที่ 20 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างอาร์ทไพรซ์ (Artprice) ผู้นำระดับโลกด้านข้อมูลข่าวสารตลาดศิลปะ ซึ่งก่อตั้งและบริหารงานโดยคุณเธียร์รี เออร์มานน์ กับอาร์ททรอน (Artron) ผู้ให้บริการข้อมูลตลาดศิลปะจากจีน ซึ่งบริหารงานโดยคุณหวัน เจี่ย ได้นำเสนอข้อเท็จจริงที่ลงลึกและชัดเจนเกี่ยวกับตลาดศิลปะในปัจจุบัน ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก

          ทั้งสองสถาบันได้ระดมสรรพกำลังเพื่อวิเคราะห์ตลาดศิลปะโลกโดยละเอียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันอย่างดุเดือดซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดศิลปะโลกให้เติบโต รวมถึงเหตุและผลที่เกิดขึ้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีองค์กรหรือกลุ่มอื่นใดที่สามารถประมวลและตีความข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาคคุณภาพสูงในระบบนิเวศบิ๊กดาต้าได้เช่นนี้

          รายงานฉบับนี้มีทั้งหมด 18 บท ประกอบด้วยการจัดอันดับศิลปินชั้นนำของโลก 500 รายโดยพิจารณาจากยอดประมูลตลอดปี, ผลการประมูล 100 อันดับ, Artprice100(R) ดัชนีใหม่ล่าสุดที่ขาดไม่ได้สำหรับการซื้อขายผลงานศิลปะ, ดัชนีอื่นๆที่อาร์ทไพรซ์คัดสรรมาอย่างดี รวมถึงบทวิเคราะห์เจาะลึกแบ่งตามประเทศ ตลาด ยุคของการสร้างสรรค์ผลงาน และสื่อกลางทางศิลปะ

          สามารถดาวน์โหลดรายงานได้ฟรีที่
          https://www.artprice.com/artprice-reports/the-art-market-in-2017
          https://zh.artprice.org/artprice-reports/zh-the-art-market-in-2017

          ตลาดศิลปะเข้าสู่ยุคใหม่เป็นที่เรียบร้อย หลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2017

          - ยอดประมูลผลงานวิจิตรศิลป์พุ่งแตะ 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2017

          - ยอดประมูลงานศิลปะทั่วโลกทะยานขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

          - ยอดประมูลงานศิลปะทั่วโลกเติบโตอย่างมั่นคงในครึ่งปีแรก (9%) และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง (32%)

          - ทั่วโลกมีการซื้อขายผลงานศิลปะต่อสาธารณชน 502,900 ชิ้นในปี 2017 (เพิ่มขึ้น 3%)

          - อัตราการประมูลไม่ออกอยู่ที่ 34% (เทียบกับ 36% ในปี 2016)

          - ดัชนีราคาผลงานศิลปะทั่วโลกของอาร์ทไพรซ์ทรงตัวในปี 2017 เมื่อเทียบกับปี 2016

          - ภาพเขียน "Salvator Mundi" ฝีมือเลโอนาร์โด ดา วินชี ถูกประมูลไปด้วยราคา 450 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในประวัติศาสตร์การประมูลผลงานวิจิตรศิลป์ ถือเป็นการเปิดยุคใหม่ของตลาดศิลปะซึ่งมีเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน อาร์ทไพรซ์มองว่าราคาประมูลผลงานศิลปะจะอยู่ที่ราว 179-450 ล้านดอลลาร์ในปี 2018

          - จีนยังคงเป็นตลาดศิลปะอันดับหนึ่งของโลก โดยมียอดประมูล 5.1 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 34.2% ของทั้งหมดทั่วโลก

          - สหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับสอง โดยมียอดประมูล 4.9 พันล้านดอลลาร์

          - ตลาดศิลปะ 5 อันดับแรกของโลกล้วนมียอดประมูลเพิ่มขึ้น โดยจีนเพิ่มขึ้น 7%, สหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้น 42%, สหราชอาณาจักรทะยาน 18%, ฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 35% และเยอรมนีบวก 12%

          - ฝรั่งเศส (อันดับ 4) มียอดประมูล 784 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 5.3% ของทั้งหมดทั่วโลก เหนือกว่าเยอรมนีที่มียอดประมูล 256 ล้านดอลลาร์ แต่ยังห่างไกลจากสามอันดับแรก และแม้ว่ายอดประมูลของฝรั่งเศสจะเพิ่มขึ้นถึง 35% แต่ก็เป็นยอดที่มาจากบริษัทประมูลอย่าง Christie's และ Sotheby's ซึ่งไม่ใช่ของฝรั่งเศส

          - Christie's คือบริษัทประมูลอันดับหนึ่งของโลก โดยมียอดประมูลรวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ เหนือกว่า Sotheby's ที่มียอดประมูล 3.4 พันล้านดอลลาร์

          - Poly Auction เป็นบริษัทประมูลอันดับหนึ่งในประเทศจีน ด้วยยอดประมูล 1 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย China Guardian ที่มียอดประมูล 815 ล้านดอลลาร์

          แนวโน้ม

          - ดัชนีศิลปินชั้นนำของโลก 500 รายประจำปี 2017 ประกอบด้วยศิลปินยุโรป 231 ราย ศิลปินเอเชีย 162 ราย และศิลปินอเมริกาเหนือ 82 ราย

          - ศิลปินชั้นนำ 10 อันดับแรกประกอบด้วยศิลปินจีน 4 ราย ศิลปินยุโรป 3 ราย และศิลปินอเมริกัน 3 ราย

          - ศิลปินดังหลายรายสร้างสถิติใหม่ในการประมูลในปี 2017

          ผลประกอบการด้านการเงิน

          - การขายซ้ำ* ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีราว 5.5-8.3%

          - ในระยะยาว ผลงานที่ซื้อมาในราคา 200,000 ดอลลาร์ ถึง 1 ล้านดอลลาร์ จะให้ผลตอบแทนต่อปีดีที่สุดที่ 8.3%

          *ผลงานชิ้นเดิมที่ถูกซื้อและขายออกไปใหม่ผ่านการประมูลในปี 2017

          ดัชนี Artprice100 ได้รับการขนานนามว่า "The Wolves of Wall Street" แห่งตลาดศิลปะ

          - ดัชนี Artprice100(R) พุ่งขึ้นถึง 360% นับตั้งแต่ปี 2000 โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 8.9%

          - ดัชนีมีการทบทวนทุกปี โดยในปี 2017 มีศิลปินใหม่เข้ามาติดอันดับ 4 ราย

          - ในปี 2000 มีศิลปินจีนในดัชนีเพียง 1 คน (Zhang Daqian) เทียบกับ 18 คนในปี 2017

          ปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนตลาดศิลปะโลกให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งคือ การเข้าถึงข้อมูลตลาดศิลปะที่ง่ายดายขึ้น การซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (98% เข้าสู่ตลาดผ่านทางอินเทอร์เน็ต) การที่ตลาดศิลปะน่าลงทุนมากขึ้น การที่คนหนุ่มสาวผู้เสพศิลปะมีจำนวนมากขึ้นกว่าที่เคย (จาก 500,000 คนในยุค 1950 เป็น 90 ล้านคนในปี 2017) รวมถึงการที่ตลาดเติบโตในทุกทวีปทั่วโลก

          การเติบโตของแวดวงพิพิธภัณฑ์ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน โดยทุกๆปีมีพิพิธภัณฑ์เกิดใหม่กว่า 700 แห่ง ซึ่งถือเป็นข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 และในช่วงปี 2000-2014 มีพิพิธภัณฑ์เกิดใหม่มากกว่าตลอด 200 ปีก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกัน ความต้องการผลงานศิลปะเกรดพิพิธภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนตลาดศิลปะให้เติบโต ปัจจุบันตลาดศิลปะเติบโตเต็มที่และให้ผลตอบแทน 8% ต่อปีสำหรับผลงานที่ซื้อมาในราคาเกิน 200,000 ดอลลาร์

          ในปี 2017 การแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาได้ทำให้ตลาดศิลปะสหรัฐขยายตัวอย่างมหาศาล ด้วยยอดประมูลที่พุ่งขึ้นถึง 42% ถึงกระนั้น จีนก็ยังครองความเป็นผู้นำในตลาดศิลปะโลก โดยมียอดประมูลมากกว่าสหรัฐ 200 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ศิลปะเป็นสิ่งที่แสดงถึงอำนาจละมุน (Soft Power) ของทั้งจีนและสหรัฐ รวมถึงประเทศที่มีอำนาจน้อยกว่าอย่างกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

          ความยิ่งใหญ่ของจีนเผยให้เห็นอีกครั้งในการจัดอันดับศิลปินชั้นนำของโลก 500 รายโดยพิจารณาจากยอดประมูลตลอดปี โดยศิลปินจีนที่ติดอันดับคิดเป็นสัดส่วน 32.4% ของทั้งหมด ขณะที่ศิลปินอเมริกันที่ติดอันดับมีสัดส่วนเพียง 16.4%

          ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยติดลบในหลายประเทศทั่วโลก ตลาดศิลปะยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างโดดเด่น โดยดัชนี Artprice100(R) ที่ครอบคลุมศิลปินชั้นนำของโลก 100 รายจาก 3 ยุค ได้แก่ Old Masters, Modern และ Contemporary นั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 360% นับตั้งแต่ปี 2000 นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่ผลงานของศิลปินดังเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนอย่างงาม โดยผลการวิเคราะห์ของอาร์ทไพรซ์เผยให้เห็นว่า ผลงานศิลปะที่ซื้อมาในราคาเกิน 20,000 ดอลลาร์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีราว 5.5%

          อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นช่องทางหลักที่บริษัทประมูลทั่วโลกใช้ในการชิงส่วนแบ่งตลาดในทุกภูมิภาค โดย 98% ของบริษัทประมูล 6,300 แห่งทั่วโลก ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางเดียวในการเปิดประมูล (เทียบกับ 3% ในปี 2005)

          ตลาดศิลปะเป็นตลาดระดับโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีศักยภาพสูง โดยสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยตลอด 18 ปีที่ผ่านมา ตลาดศิลปะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดการเงินสำคัญๆของโลก และสร้างกำไรมหาศาลให้แก่ผู้ลงทุน

          สงวนลิขสิทธิ์ เธียร์รี เออร์มานน์ 1987-2018

          เกี่ยวกับอาร์ทไพรซ์

          อาร์ทไพรซ์ได้รับการจดทะเบียนใน Eurolist โดย Euronext Paris, SRD long only และ Euroclear: 7478 - Bloomberg: PRC - Reuters: ARTF

          อาร์ทไพรซ์ฉลองครบรอบ 20 ปี

          รับชมวิดีโอเกี่ยวกับอาร์ทไพรซ์ได้ที่ https://www.artprice.com/video

          อาร์ทไพรซ์คือผู้นำระดับโลกด้านฐานข้อมูลราคาผลงานศิลปะ รวมถึงดัชนีต่างๆ กว่า 30 ล้านดัชนี และผลการประมูลผลงานศิลปะของศิลปินกว่า 700,000 ราย โดยมี Artprice Images(R) เป็นแหล่งข้อมูลตลาดศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเข้าถึงได้แบบไม่จำกัด ซึ่งประกอบด้วยห้องสมุดภาพผลงานศิลปะกว่า 126 ล้านภาพ ตั้งแต่ปีค.ศ.1700 จนถึงปัจจุบัน พร้อมด้วยความเห็นจากนักประวัติศาสตร์ศิลปะของอาร์ทไพรซ์

          อาร์ทไพรซ์รวบรวมข้อมูลจากบริษัทประมูลทั่วโลกกว่า 6,300 รายเข้าสู่ฐานข้อมูล พร้อมกับเผยแพร่ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดศิลปะให้แก่สำนักข่าวใหญ่ๆ และสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกกว่า 7,200 ราย นอกจากนี้ อาร์ทไพรซ์ยังเปิดโอกาสให้สมาชิก 4,500,000 รายได้เข้าถึงตลาดซื้อขายผลงานศิลปะที่ได้มาตรฐานระดับโลก และอยู่ในระหว่างการเตรียมบล็อกเชนสำหรับตลาดศิลปะ

          สัมผัสกับโลกของอาร์ทไพรซ์ได้ที่ http://web.artprice.com/video ทั้งนี้ อาร์ทไพรซ์มีสำนักงานใหญ่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยชื่อดังอย่าง Abode of Chaos สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://goo.gl/zJssd

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

          https://vimeo.com/124643720

          https://www.facebook.com/la.demeure.du.chaos.theabodeofchaos999

          http://serveur.serveur.com/Press_Release/pressreleaseen.htm

          http://twitter.com/artmarketdotcom & http://twitter.com/artpricedotcom

          https://www.facebook.com/artpricedotcom

          https://plus.google.com/+Artpricedotcom/posts

          http://artmarketinsight.wordpress.com/

          ติดต่อ: Josette Mey อีเมล ir@artprice.com

          ที่มา: Artprice.com

Artprice's Annual Report on the Global Art Market in 2017: A Genuine Alternative to Financial Markets, with China in First Place




          Our 20th Global Art Market Annual Report is once again the fruit of an alliance between Artprice, world leader in Art Market information, founded and directed by thierry Ehrmann, and Artron, its powerful Chinese institutional partner, directed by Wan Jie. The result is the only truly global art market report providing reliable insight into both the Western and the Eastern art market.

          By pooling their resources to analyse the global Art Market in unprecedented detail, our two structures highlight the intense competition driving the market's global growth as well as its logic and its consequences. No other organisation or team is currently capable of such high quality processing and interpreting of macro- and micro-economic metadata in a Big Data environment.

          The 18- chapter Report contains Artprice's now-famous Top-500 ranking of artists by annual auction turnover, the market's Top 100 auction results, our brand new Artprice100(R) index -a must for trading rooms-, a selection of Artprice market indices, and numerous detailed analyses per country, market-hub, creative period and artistic medium.

          Free download at Artprice.com
          https://www.artprice.com/artprice-reports/the-art-market-in-2017
          https://zh.artprice.org/artprice-reports/zh-the-art-market-in-2017

          Posting very strong growth in 2017, the Art Market has entered a new era

          Fine Art auction turnover reached $14.9 billion for the full-year 2017

          Global turnover increased +20% versus the previous year

          Measured growth in H1 (+9%) became strong growth in H2 (+32%)

          Worldwide, 502,900 artworks were sold publicly in 2017 (+3%)

          The overall unsold rate was 34% (vs. 36% in 2016)

          Artprice's global art price index ended the year stable versus 2016

          The latest spectacular all-time Fine Art auction record at $450 million for Leonardo da Vinci's Salvator Mundi represents the beginning of a new era for the Art Market in which the next big milestone will be the $1 billion threshold. In the meantime, we are bound to see results between $179 million and $450 million in 2018.

          China remains the world's top marketplace with $5.1 billion in turnover: 34.2% of global total

          The United States ranks second with $4.9 billion

          The world's top 5 marketplaces all posted turnover growth:

          China +7%, USA +42%, UK +18%, France +35%, Germany +12%

          France (in 4th place) accounted for 5.3% of global turnover with $784 million, ahead of Germany's $256 million, but still a long way behind the three leading marketplaces. France's turnover was up +35%, but this growth was essentially generated by the Anglo-Saxon auction firms, Christie's and Sotheby's.

          Christie's is the world's leading auction house with a total of $4.4 billion ahead of Sotheby's with 3.4 billion

          In China, Poly Auction ($1 billion) beat China Guardian ($815 million)

          Trends

          Artprice's 2017 global Top 500 index contains 231 European artists, 162 Asians and 82 North Americans

          The Top 10 includes 4 Chinese artists, 3 Europeans and 3 Americans

          2017 saw new auction records for many high-profile figures in Art History

          Financial performances

          Repeat sales** generate an average annual return of between 5.5% and + 8.3%

          In the longer run, works purchased from $200,000 to $1 million generate the best annual return: 8.3%

          ** The same work purchased and resold at auction during 2017

          Artprice100(C) "The Wolves of Wall Street at the gates of the Art Market"

          The Artprice100(R) shows a progression of +360% since 2000, with an average annual return of 8.9%

          Revised annually, the new index replaced 4 artists in 2017

          It contained one Chinese artist (Zhang Daqian) in 2000, vs 18 in 2017

          The drivers of this growth are ease of access to Art Market information, electronic sales (98% of the market's participants are connected to the Internet), the financialization of the market, a growing population of ever-younger art consumers (from 500,000 in the 1950's to 90 million in 2017) and the extension of the market to all continents.

          The growth of the museum industry is also playing a crucial role. With more than 700 new museums opening every year, the museum industry has become a global economic reality in the 21st Century. More museums opened between 2000 and 2014 than in the previous two centuries, and demand for museum-quality works is one of the key factors in the spectacular growth of the Art Market. The Art Market is now a mature and liquid market offering returns of 8% per year on works purchased over $200,000.

          In 2017, the intense competition between China and the USA generated explosive growth in the West, but confirmed China's role as the leading global marketplace for art despite US growth of +42%. China's domination is established with just $0.2 billion over the US. Art clearly represents an essential element in the Soft Power arsenals of the United States and China, and, on a smaller scale, of Qatar and the UAE.

          China's supremacy is also once again visible in our ranking of the world's top 500 artists by annual auction turnover. Chinese artists represent 32.4% of the total number compared to just 16.4% for American artists.

          In a context where central banks are effectively implementing negative interest rates, the Art Market has enjoyed insolent health. The new Artprice100(R) index, that covers the Top 100 artists in all three major segments: Old Masters, Modern and Contemporary, from all over the world, shows a progression of +360% since 2000. However, this level of return is not restricted to works by star artists. Our analyses show that the average annual yield on artworks purchased above the $20,000 line is around 5.5%.

          The Internet has now become the principal and definitive forum for auction operators worldwide who are using it to consolidate their market shares on all continents. Of the world's 6,300 auction houses, 98% are today present on the Internet (versus just 3% in 2005).

          The Art Market is an efficient, historical and global market whose ability to withstand economic and geopolitical crises is now beyond any doubt. Over the last 18 years it has outperformed most of the world's principal financial markets by a considerable margin.

          Copyright 1987-2018 thierry Ehrmann

          About Artprice:

          Artprice is listed on the Eurolist by Euronext Paris, SRD long only and Euroclear: 7478 - Bloomberg: PRC - Reuters: ARTF.

          Artprice celebrates its 20th birthday

          Dicover Artprice in video: https://www.artprice.com/video

          Artprice is the global leader in art price and art index databanks. It has over 30 million indices and auction results covering more than 700,000 artists. Artprice Images(R) gives unlimited access to the largest Art Market resource in the world: a library of 126 million images or prints of artworks from the year 1700 to the present day, along with comments by Artprice's art historians.

          Artprice permanently enriches its databanks with information from 6,300 auctioneers and it publishes a constant flow of art market trends for the world's principal news agencies and approximately 7,200 international press publications. For its 4,500,000 members, Artprice gives access to the world's leading Standardised Marketplace for buying and selling art. Artprice is preparing its blockchain for the Art Market.

          Discover the Alchemy and the universe of Artprice http://web.artprice.com/video , which headquarters are the famous Museum of Contemporary Art, the Abode of Chaos http://goo.gl/zJssd

          https://vimeo.com/124643720

          https://www.facebook.com/la.demeure.du.chaos.theabodeofchaos999

          Artprice's press releases: http://serveur.serveur.com/Press_Release/pressreleaseen.htm

          http://twitter.com/artmarketdotcom & http://twitter.com/artpricedotcom

          https://www.facebook.com/artpricedotcom

          https://plus.google.com/+Artpricedotcom/posts

          http://artmarketinsight.wordpress.com/

          Contact: Josette Mey - e-mail: ir@artprice.com

          Source: Artprice.com

Mitsubishi Chemical in Strategic Partnerships for Marketing Zeolite Membranes for Bioethanol Production

          Mitsubishi Chemical Corporation ("MCC") hereby announces strategic partnerships for marketing its zeolite membranes, ZEBREX (TM), for bioethanol production. The strategic partnerships consist of ICM, Inc. ("ICM") for North America and Mitsui & Co., Ltd. ("Mitsui") for Asia-Pacific and Europe. The partnerships will accelerate MCC's business development in the bioethanol market further on a global scale.

          With the United States and Brazil leading the global market, the use of bioethanol derived from biomass feedstocks such as corn, sugar cane and cassava has been wide-spreading due to its carbon neutrality and potential to reduce greenhouse gas emission. Further, what has been called the "second-generation bioethanol," bioethanol from non-edible feedstocks is evolving in the United States and India.

          Bioethanol is required to be dehydrated to a certain extent for use as fuel. With the continuously growing market globally, bioethanol producers will significantly take advantage of ZEBREX (TM). ZEBREX (TM) being a state-of-art, continuous dehydration technology of zeolite membranes, bioethanol producers will save 20% to 30% of energy consumption compared with a traditional batch PSA process (*), which requires periodical regenerations. ZEBREX (TM), through either replacement of the PSA process or integration to an existing bioethanol plant, allows bioethanol producers to reduce carbon footprints and operation costs while increasing production through improvement in efficiency and operational stability.

          Known for its engineering expertise in the fuel ethanol market, ICM's technology is used in more than half of ethanol plants in the United States, where the largest bioethanol production is taking place. The combination of MCC's ZEBREX (TM) dehydration technology and ICM's process integration ability will speed the penetration of ZEBREX (TM) into the North American market.

          Mitsui has a strong marketing and business network with bioethanol producers in Asia-Pacific and Europe. Its strength is not limited to bioethanol but also lies in the sugar and food markets. MCC will promote ZEBREX (TM) with Mitsui to bioethanol producers who can take advantage of the technology. As a result of this partnership, one of the largest bioethanol producers in Europe, Pannonia Ethanol Zrt based in Hungary, has committed to install the world's largest ZEBREX (TM) system. Pannonia also employs ICM technology: this ZEBREX (TM) integration will be one of the best showcases to represent successful partnerships revolving around ZEBREX (TM) in the global perspective.

          MCC contributes to continuous promotion of efficient energy production and use by expanding its zeolite membrane business that these partnerships will accelerate.

          (*) PSA (pressure swing adsorption) is a technology with traditional type A zeolite pellets. Due to inefficiency of the PSA dehydration process, ethanol/water 50% mixture requires to be regenerated in the distillation column, which results in an energy-intensive process.

          About ICM, Inc.

          Established in 1995 and headquartered in Colwich, Kansas, ICM, with a regional office in Brazil, provides innovative technologies, solutions and services to sustain agriculture and to advance renewable energy, including ethanol and feed technologies that will increase the supply of world protein. By providing proprietary process technologies to over 100 facilities globally with a combined production capacity of approximately 8.8 billion gallons of annual ethanol production and 25 million tons of annual distillers grains, ICM has become a world leader in bio-refining technologies.

          For more information, please visit http://icminc.com/

          Mitsubishi Chemical Corporation website:
           https://www.m-chemical.co.jp/en/index.html

          SOURCE: Mitsubishi Chemical Corporation

Plasan ลงนามสัญญากับ BAE Systems รับหน้าที่หุ้มเกราะให้กับเรือรบ Type 26 Combat Ship

          Plasan มีความยินดีในการประกาศว่า ทางบริษัทได้ลงนามในสัญญาฉบับหนึ่งร่วมกับ BAE Systems เพื่อรับหน้าที่หุ้มเกราะให้กับเรือรบ Type 26 Global Combat Ship ของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร

          ทางบริษัทคาดว่าจะเริ่มหุ้มเกราะให้กับเรือรบ 3 ลำแรกได้ในปี 2561 โดยเรือรบดังกล่าวจะสร้างขึ้นที่ประเทศสกอตแลนด์ ณ อู่ต่อเรือของ BAE Systems ในเมืองกลาสโกว์ ซึ่งเรือรบที่ว่านี้นับว่าเป็นรุ่นที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเรือรบประเภทเดียวกัน

          เรือรบ Type 26 'Global Combat Ship' รุ่นใหม่ที่ออกแบบและสร้างโดย BAE Systems นั้น เป็นเรือรบชั้นใหม่เพื่อแทนที่ เรือฟริเกต ปราบเรือดำน้ำ 8 ลำ ซึ่งเป็นเรือฟริเกตชั้น Duke ที่ขณะนี้ประจำการอยู่กับ กองทัพเรือ

          เรือรบชั้น Type 26 จะมีศักยภาพและความยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมการออกแบบที่รวมทั้งส่วนที่เรียกว่า mission bay รองรับการใช้งานหลากหลายประเภท เช่นเดียวกับดาดฟ้าบินและโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบทำงานทั้งแบบมีคนและไร้คนควบคุม นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาอีกมากมายในอนาคตด้วย

          เทคโนโลยีหุ้มเกราะชั้นนำระดับโลกของ Plasan ที่รวมถึงความยืดหยุ่นและนวัตกรรมล้ำสมัยด้วยนั้น สอดคล้องกับคุณลักษณะของเรือรบชั้น Type 26 และยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทางบริษัทคว้าโครงการที่สำคัญเช่นนี้ โดยคุณภาพและกระบวนการผลิตของ Plasan ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ได้ปรากฏให้เห็นเมื่อเลือกโซลูชั่นของ Plasan ขณะเดียวกัน การร่วมงานกับเหล่าพันธมิตรในกลุ่ม Design Authority ยังได้เข้ามาเสริมแกร่งให้กับเบื้องหลังความสำเร็จของ Plasan ด้วย

          Plasan รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในการร่วมงานกับ BAE Systems ในโครงการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้




Plasan Signed a Contract with BAE Systems for the Armouring the Type 26 Combat Ships

          Plasan is very pleased to announce that they have signed a contract with BAE Systems, for the armouring of Type 26 Global Combat Ships for the UK Royal Navy.

          Armour production for the first three ships is anticipated to begin in 2018. The ships will be built in Scotland at BAE Systems facilities in Glasgow and are considered the most advanced of their type in the world.

          The new Type 26 'Global Combat Ship' designed and built by BAE Systems is the new class selected for the replacement of eight anti-submarine frigates of the Duke class currently in service with the Royal Navy .

          The Type 26 will provide increased capability and flexibility through innovative design that includes a multi role mission bay, large flight deck and hangar that will be able to exploit a range of manned and unmanned systems.  There will also be great scope for future development.

          Plasan's world leading armour technology, flexibility and innovation is well suited to the Type 26 approach and has helped to secure this important programme.  The quality and production processes within Plasan underpin the confidence that has been shown in selecting Plasan's solution.  Working together with Design Authority partners has strengthened the ethos of Plasan's success.

          Plasan are honored to cooperate with BAE Systems on this prestigious programme.




Sercomm Introduces New Series of LTE-M IoT Devices

          - Leveraging Orange's LTE-M Network, Sercomm's New IoT Devices Answer the Needs of Numerous Markets



          Sercomm (TWSE: 5388), a leading manufacturer and supplier of telecom equipment, announced today the availability of a new series of LTE-M IoT devices. With the advantages of extended transmission range, a lengthened battery life, and better mobility, Sercomm's full range of LTE-M IoT devices offers ideal solutions for appplications including youth/senior safety, asset protection, smart meter, transportation and environment monitoring. Leveraging the fully-deployed LTE-M network service of Orange (NYSE: ORAN), a leading telecommunication operator in Europe, Sercomm's new LTE-M devices answer the needs of numerous markets to catch the upcoming IoT business opportunities.

          "As a worldwide leading manufacturer of telecom and broadband equipment, Sercomm has devoted significant R&D resources to developing innovative and cost-effective IoT solutions," said James Wang, Chief Executive Officer of Sercomm. "We are pleased to announce the availability of the new LTE-M IoT devices, as it not only underlines our leadership in providing innovative products to our customers but is a testimony of a new era of mobile IoT technology."

          "The development of the LTE-M network is part of our strategy to provide a full range of IoT connectivity options for our customers through Datavenue. The availability of the LTE-M devices enables our customers to start developing their LTE-M applications before the full networks are launched in 2018. We believe that LTE-M is a perfect match for a wide range of IoT use cases in Industry 4.0, fleet management and asset tracking," said Olivier Ondet, Vice President of IoT and Analytics, Orange Business Services.

          Sercomm's new LTE-M devices support the Orange Datavenue Live Objects IoT service, which offers a set of tools to facilitate the interconnection between devices and applications for connectivity, device management, message routing, and data management. With the API Interfaces defined by Live Objects, device makers could easily create an app.

          Coupling with the full coverage of the Orange LTE-M network, Sercomm will demonstrate the LTE-M trackers at booth #2G3, Hall 2 at Mobile World Congress 2018 in Barcelona, Spain, from February 26 to March 1.

          About Sercomm Corporation

          Sercomm Corporation (TWSE: 5388) is a worldwide leading manufacturer of telecom and broadband equipment. Founded in 1992, Sercomm has focused on developing embedded solutions to make networking simple and affordable. With its fully integrated engineering capability and its state-of-the-art manufacturing facility, Sercomm offers comprehensive telecom broadband solutions such as residential/enterprise gateways, small cells, and IoT products, and is now a global leader in the industry. Headquartered in Taipei, Taiwan, Sercomm's global operation network covers markets in North America, Europe, and the Asia Pacific region. Its customer base includes the world's top ODMs, telecommunication vendors, and system integrators. For more information, please visit www.sercomm.com .

          About Orange

          Orange is one of the world's leading telecommunications operators with sales of 40.9 billion euros in 2016 and 152,000 employees worldwide at 30 September 2017, including 93,000 employees in France. Present in 29 countries, the Group has a total customer base of 269 million customers worldwide at 30 September 2017, including 208 million mobile customers and 19 million fixed broadband customers. Orange is also a leading provider of global IT and telecommunication services to multinational companies, under the brand Orange Business Services. In March 2015, the Group presented its new strategic plan "Essentials2020" which places customer experience at the heart of its strategy with the aim of allowing them to benefit fully from the digital universe and the power of its new generation networks.

          Orange is listed on Euronext Paris (symbol ORA) and on the New York Stock Exchange (symbol ORAN). For more information on the internet and on your mobile: www.orange.com .



ZTE Won "Best Technology Innovation for 5G" Award at MWC 2018

          ZTE Corporation( 0763.HK  /  000063.SZ ), a major international provider of telecommunications, enterprise and consumer technology solutions for the Mobile Internet, won Informa's "Best Technology Innovation for 5G" Award for its 5G end-to-end technological innovation, at the 2018 Mobile World Congress in Barcelona, Spain.



          ZTE's 5G end-to-end overall solutions consist of products and solutions, such as wireless access networks, core networks, bearers, chips and terminals, which will meet the requirements of global operators for 5G commercial deployment. The solutions demonstrate ZTE's deep understanding of 5G network and future 5G needs, and illustrate ZTE's significant contribution to advancing the maturity of 5G industry chain.

          ZTE is the first to apply Massive MIMO, the 5G core technology, to 4G networks, which improves spectral efficiency up to 8 times. For the demand of massive access to 5G networks, ZTE proposed MUSA that allowed the system to support 3 to 6 times user access under the same time-frequency resources, while the industry proposed the non-orthogonal multiple access technology (NOMA) .

          The solution realized free scheduling and reduced terminal power consumption significantly. In the second phase of China's 5G test, ZTE's MUSA solution reached 90 million connections / MHz / hour, far exceeding the indicators defined by ITU. Due to the originality and leadership of MUSA technology, ZTE, as the first drafter, led in 3GPP RAN1 and passed NOMA research project, advancing the industry standard.

          Based on its strong capabilities in chip design and development, ZTE introduced the industry's most integrated NG BBU and the industry's lightest and smallest 5G AAUs. The 5G high and low frequency pre-commercial base stations performed outstandingly in the first and second phases of China 5G test.

          In terms of 5G core networks, ZTE has released full series of end-to-end 5G network slicing in telecom grade. Cloud ServCore, the 5G cloud core network, will utilize core technologies such as lightweight micro-service components, network slicing, and full access convergence, to help operators evolve to 5G smoothly, and provide ultra-bandwidth, Internet of Things and other new businesses.

          With regards to 5G bearers, ZTE's 5G Flexhaul solution based on FlexE innovation and expansion technology, supports the integrated bearer scenario of prequel, medium and back-haul, which perfectly meets 5G bearer networks' needs of fragmentation, and achieves unified set of 3G / 4G / 5G network. In addition, 5G Flexhaul's key performance indicators achieve industry-leading level: end-to-end protection switching time is less than 1ms, single node forwarding latency is less than 0.5?s.

          In the meantime, ZTE actively cooperated with several leading operators, such as Telefonica and China Mobile, to conduct multiple tests that fully verified the outstanding performance of 5G Flexhaul solution in CPRI / eCPRI unified bearer, ultra-low latency and ultra-fast protection switching. The solution meets differentiated load requirements and strict performance challenges of different types of 5G businesses.

          For chips, ZTE has been pioneering in semiconductor technology with its self-developed chip technology, and has been optimizing power consumption and performance to provide industry-leading chip solutions.

          In the field of terminals, ZTE plans to launch 5G-capable smart terminals by the end of 2018 or early 2019, and will be one of the first suppliers in the world to provide 5G terminals.

          ZTE has been innovating and practicing in the field of 5G, and has been leading the process of technology verification and product development. The company is committed to becoming the first 5G commercial equipment provider in the world and contributing to the arrival of era of Internet of Everything.

          About ZTE

          ZTE is a provider of advanced telecommunications systems, mobile devices, and enterprise technology solutions to consumers, carriers, companies and public sector customers. As part of ZTE's strategy, the company is committed to providing customers with integrated end-to-end innovations to deliver excellence and value as the telecommunications and information technology sectors converge. Listed in the stock exchanges of Hong Kong and Shenzhen (H share stock code: 0763.HK / A share stock code: 000063.SZ ), ZTE's products and services are sold to over 500 operators in more than 160 countries. ZTE commits 10 per cent of its annual revenue to research and development and has leadership roles in international standard-setting organizations. ZTE is committed to corporate social responsibility and is a member of the UN Global Compact. For more information, please visit www.zte.com.cn .



ไฮเซนส์ ยกขบวนสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดอวดโฉมที่งาน Mobile World Congress 2018 ในบาร์เซโลนา

          ที่งาน Mobile World Congress 2018 ในบาร์เซโลนา ไฮเซนส์ ได้นำเสนอนวัตกรรมสมาร์ทโฟนล่าสุด ได้แก่ รุ่น H11 PRO, A2 PRO, H11, H11 Lite และ Rock Lite ซึ่งทุกรุ่นสะท้อนนิยามแห่งดีไซน์คุณภาพ อายุแบตเตอรีที่ยาวนานขึ้น และคุณภาพของกล้อง ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง



          นำทัพด้วย Infinity H11 PRO ที่มาพร้อมเลนส์สามมิติ และคุณสมบัติเด่น ได้แก่ ความสามารถในการถ่ายภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบจากทุกมุม สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาในขนาด 158.2 x 74.95 x 7.5 มม. กล้องหลัง SONY IMX486 ความคมชัด 12MP + 8MP พร้อมระบบแฟลชแบบสองสี (Dual color flash) และกล้องหน้า 20MP พร้อมแฟลช ในขณะที่รุ่น A2 PRO โดดเด่นด้วยสี ความน่าดึงดูด และการเป็นที่สุดแห่งอุปกรณ์สำหรับการอ่าน ทั้งยังมีระบบเซนเซอร์จดจำลายนิ้วมือทางด้านข้างของตัวเครื่อง และหน่วยความจำ 4GB + 64GB รวมทั้งเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 128GB

          สำหรับ HISENSE Infinity H11 มาพร้อมซีพียู Qualcomm Snapdragon 430 Octa-Core ที่ช่วยให้การโหลดแอปพลิเคชันนั้นเร็วขึ้นมาก ผสานกับซีพียู Adreno 505 CPU ซึ่งให้ภาพที่น่าทึ่ง แม้เมื่อแบตเตอรี่ต่ำ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบจดจำลายนิ้วมือและแบตเตอรี่ขนาด 2,400 MAH

          ส่วนรุ่น InfinityH11 Lite โดดเด่นด้วยภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด มาพร้อมหน่วยความจำขนาด 16GB ROM + 2GB RAM กล้องหลัง 13 MPX กล้องหน้า 8 MPX และแบตเตอรี่ 3,400 MAH ปิดท้ายด้วยรุ่น Rock Lite ที่โดดเด่นด้วยสีสันสะดุดตาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนาน



Hisense presents its latest smartphones at the World Congress in Barcelona 2018

          At the Mobile World Congress in Barcelona 2018, HISENSE presented its latest smartphone innovations: the H11 PRO, A2 PRO, H11, H11 Lite y Rock Lite models. All of them are defined by their high-quality design and have made great advances in battery life and the quality of both front and rear cameras.



          The Infinity H11 PRO has a 3D lens and its identifying feature is its ability to capture perfect pictures from all angles. With dimensions of 158.2 x 74.95 x 7.5mm, it has a 12MP + 8MP SONY IMX486 rear camera with dual color flash; and 20MP front camera with flash. As for the A2 PRO, it stands out for its colour, its attractiveness, and for being the best device for reading. It has a fingerprint recognition sensor on the side and 4GB + 64GB of memory, as well as a MicroSD of up to 128GB.

          The new HISENSE Infinity H11 is equipped with a Qualcomm Snapdragon 430 Octa-Core CPU, which is able to load applications much quicker. And the integrated Adreno 505 CPU allows for amazing photos, even when it has low battery. It has fingerprint recognition and a battery of 2,400 MAH.

          With great visuals, the InfinityH11 Lite makes for the best user experience. It has a memory of 16GB ROM + 2GB RAM, a 13 MPX rear camera, 8 MPX front camera and a battery of 3,400 MAH. Finally, the Rock Lite stands out for its range of colours and a long battery life.



Burda เปิดตัวฮีตเตอร์กลางแจ้งสำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์และใช้ส่วนตัว

          บริษัท Burda Worldwide Technologies จากเยอรมนี นำเสนอ "MODULAR SYSTEM" ระบบทำความร้อน ทำความเย็น และให้แสงสว่างในพื้นที่กลางแจ้ง ที่มีทุกขนาดและทุกสีให้เลือกสรร นับเป็นโซลูชั่นสุดพิเศษสำหรับการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศให้เหมาะสม และออกแบบมาเพื่อตั้งตามระเบียง เรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ ใต้กันสาด และพื้นที่กลางแจ้งอื่นๆ ระบบนี้จดสิทธิบัตรแล้ว และเพิ่งได้รับรางวัล Innovation Prize สาขาความก้าวหน้าทางเทคนิค จากมหกรรมระดับโลก R+T 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองชตุทท์การ์ท

         

          ระบบแบบ plug-in นี้เป็นระบบแรกในตลาดที่รวมสามคุณสมบัติไว้ในเครื่องเดียว ได้แก่ ทำความร้อนทันทีจากฮีตเตอร์อินฟราเรด สร้างอากาศเย็นสดชื่นด้วยหัวฉีดทำความเย็น และให้แสงสว่างสบายตาจากหลอดไฟ LED โดยแต่ละเครื่องสามารถใช้งานเดี่ยวๆ หรือเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นก็ได้ นอกจากนี้ MODULAR SYSTEM ยังมีจำหน่ายทุกเฉดสีตามมาตรฐาน RAL และมีหลายขนาดให้เลือก เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบและความจำเป็นที่แตกต่างกันของสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้กระทั่งระเบียงส่วนตัว

          MODULAR SYSTEM ผลิตตามสั่งเพื่อสร้างสภาพอากาศที่สมบูรณ์แบบ ทั้งบนระเบียง ลานกลางแจ้ง เรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ และใต้กันสาด

          ส่วนประกอบหลักของระบบนี้คือ ฮีตเตอร์กันน้ำกำลังไฟ 2,000 วัตต์ ที่สามารถให้ความร้อนได้ทันทีโดยไม่ต้องอุ่นเครื่อง โดยใช้รังสีอินฟราเรดคลื่นสั้นจากหลอดอินฟราเรดถนอมสายตา ULTRA LOW GLARE ที่มีความสว่างจ้าลดลง 80% ตัวฮีตเตอร์สามารถนำไปประกอบรวมกับหลอดไฟ LED ประหยัดพลังงาน (3.5 วัตต์) และหัวฉีดทำความเย็น PERFECTCLIME(R) ที่ต่อกับปั๊มน้ำ ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิโดยรอบได้ถึง 12-15 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีแผนเปิดตัวอุปกรณ์เสริมอื่นๆอีกในอนาคต

          นอกจากเครื่องแบบเดี่ยวๆที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้าแล้ว บริษัทยังมีเครื่องแบบเป็นชุดพร้อมใช้ที่เรียกว่า MODULAR SETS ที่มีความยาวให้เลือกตั้งแต่ 3-5 เมตร



Burda's Award Winning New Patio Heater Concept for Commercial and Private Outdoor Areas

          Outdoor heating, lighting and cooling concept in every size, colour and configuration - the award winning MODULAR SYSTEM from the German company Burda Worldwide Technologies, offers the first unique solution to create the perfect climate and design for terraces, conservatories, under awnings and other outdoor areas. The patented outdoor heating concept was recently awarded with the Innovation Prize for technical progress at the world's leading trade fair, R+T 2018, in Stuttgart.

         

          The plug-in system is the first of its kind on the market that combines instant heat from powerful infrared heaters, pleasant light from LED spots and refreshing cool temperatures from cooling nozzles, all in one unit. Each single module can be used stand-alone or easy connected to any other module. The MODULAR SYSTEM is available in any RAL colour and size to match existing designs and requirements of hotels, restaurants, hospitality settings or private terraces.

          MODULAR SYSTEM - tailor-made for the prefect climate on terraces, patios, conservatories and under awnings

          The core element of the plug-in system is a waterproof 2,000-watt radiant heater that provides instant heat without pre-heating by infrared shortwave, equipped with powerful, eye-friendly ULTRA LOW GLARE tubes, which produce 80% less glare. The heater can be combined with energy-saving LED spots (3.5 watts) and cooling nozzles. PERFECTCLIME(R) nozzles have to be connected to a water pump. The fine mist cools down the ambience temperature by up to 12-15?C. Further modules to add-on are planned.

          In addition to individual modules, which can be configured according to the customer's wishes, the company also offers ready-to-use MODULAR SETS with a length of three to five meters in different versions.



สตาร์แกรม โกลบอล ระเบิดความมันกับคอนเสิร์ตเอาใจแฟนเพลงเคป๊อป "2018 Stargram Global Launch K-POP Concert"

          เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับคอนเสิร์ตเอาใจแฟนเพลงเคป๊อป "2018 Stargram Global Launch K-POP Concert" ซึ่งจัดขึ้นโดยคุณคิม มิน ซู ซีอีโอของสตาร์แกรม โกลบอล และ เคเอ็มเอส



          สตาร์แกรม โกลบอล ได้จัดคอนเสิร์ตดังกล่าวขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัว สตาร์แกรม โกลบอล สิงคโปร์ ณ สนามกีฬาในร่มสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2018 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี

          ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มต้นขึ้น ได้มีการจัดงานสัมมนาเรื่องเทคโนโลยีของสตาร์แกรม โดยได้รับเกียรติจากแขกวีไอพีเข้าร่วมงานในช่วงแรกนี้ จากนั้นจึงต่อกันด้วยงานในช่วงที่สอง ซึ่งเหล่าศิลปินเคป๊อป (B1A4, EXID, JBJ, Park Eugene, Kwak Dong Hyun, Optical Crew) ได้มาร่วมเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไปด้วยกัน

          หลังจากประสบความสำเร็จกับการจัดคอนเสิร์ตครั้งแรกของสตาร์แกรม โกลบอล ในปี 2018 คุณคิม มิน ซู ซีอีโอของเคเอ็มเอส จะยังคงเดินหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสตาร์แกรมต่อไปในอนาคต

          ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โคเรีย โมบายล์ โซไซตี้ (เคเอ็มเอส) และ โคเรีย ไมโครซอฟท์ (เอ็มเอส) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อการพัฒนา การก่อสร้าง และการสนับสนุนด้านเทคนิคแก่ Bingo Music ซึ่งเชื่อมต่อกับ Stargram Platform ภายใต้บริการ Azure Media Service นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและคุณภาพบริการของ Bingo Music ทางบริษัทยังได้เซ็นเอ็มโอยูกับ โกลเด้น กรุ๊ป อิงค์ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ และเร่งการพัฒนา Bingo Music ต่อไป



Stargram Global "2018 Stargram Global Launch K-POP Concert" Has Ended Successfully

          "2018 Stargram Global Launch K-POP Concert" held by Stargram Global and KMS, CEO Mr. Kim Min Soo, has ended successfully.



          Stargram Global held a successful K-POP Concert in celebration of the launching of Stargram Global Singapore in Singapore Indoor Stadium on February 2, 2018.

          As the opening, they held a seminar of Stargram technology with VIP guests on first segment, and continued with the second segment where Korean K-POP stars (B1A4, EXID, JBJ, Park Eugene, Kwak Dong Hyun, Optical Crew) joined the celebration of this joyful moment together.

          After successfully completed the first concert of Stargram Global in 2018, KMS CEO, Mr. Kim Min Soo will continue to work hard on the development of Stargram related services in the future.

          Meanwhile, on February 14, Korea Mobile Society (KMS) and Korea Microsoft (MS) signed a Memorandum of Understanding (MOU) for the development, construction and technical support of Bingo Music that connected with Stargram Platform based on Azure Media Service. To strengthen and secure the service quality of Bingo Music, Golden Group Inc. signed an MOU business agreement on February 5 and accelerated the development of Bingo Music.



Tuesday, February 27, 2018

Precision Aviation Group (PAG) เซ็นสัญญาซ่อมบำรุงและจัดจำหน่ายตัวบังคับใบพัดหางและใบพัดหลักสำหรับเฮลิคอปเตอร์ AS350 ร่วมกับ UTC Aerospace Systems

          Precision Aviation Group, Inc. (PAG) ผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการเสริมให้แก่อุตสาหกรรมอากาศยานและการป้องกันทั่วโลก มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงกับ UTC Aerospace Systems (UTAS) เพื่อการซ่อมบำรุงและจัดจำหน่ายตัวบังคับใบพัดหางและใบพัดหลัก (Main & Tail Rotor Servo) สำหรับเฮลิคอปเตอร์ Airbus AS350 ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการจัดจำหน่ายพัสดุหมุนเวียน (Line Replaceable Unit - LRU) ในสภาพที่ได้รับการยกเครื่องใหม่ ตลอดจนอนุญาตให้ PAG ซ่อมเซอร์โวได้ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงหลายแห่งของบริษัท และจัดจำหน่ายผ่านทาง Fleet Improvement Program (FIP) ทั่วโลก

          คีแทน ดีไซ รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ PAG กล่าวว่า "เครือข่ายทั่วโลกของ PAG และการลงทุนในผลิตภัณฑ์เซอร์โวของ UTAS จะทำให้ผู้ให้บริการเฮลิคอปเตอร์ Airbus AS350 สามารถเข้าถึงอะไหล่ในแบบเรียลไทม์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการหยุดให้บริการของเครื่องบินให้เหลือน้อยที่สุด ข้อตกลงนี้เป็นไปตามแผนโร้ดแมปของ PAG ในการเพิ่มการสนับสนุนบรรดา OEM เราเชื่อมั่นว่า การขยายความสัมพันธ์ร่วมกับ UTAS ในครั้งนี้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าของเรา"

          UTC Aerospace Systems นำเสนออุปกรณ์ควบคุมเฮลิคอปเตอร์หลากหลายประเภท สำหรับการใช้งานทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือสำหรับตลาดพลเรือน พาณิชย์ และการทหาร ทั้งตัวบังคับใบพัดหางและใบพัดหลักรวมคุณสมบัติล่าสุดในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาล่าสุดในเซอร์โว-วาล์ว, โซลินอยด์วาล์ว, สปูลวาล์ว และอุปกรณ์ตรวจจับ อย่างเช่น การป้องกันการรบกวนสัญญาณบนสปูลวาล์ว

          "UTC Aerospace Systems มีความยินดีที่ได้ต้อนรับ PAG เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดจำหน่ายและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ Servo Actuators ในระดับ Level 1/2 สำหรับเฮลิคอปเตอร์ Airbus AS350 ทาง PAG นำเสนอบริการสนับสนุนแบบเรียลไทม์และมีความพร้อมที่จะให้บริการแก่บรรดาผู้ประกอบการด้วยเซอร์โวคุณภาพสูงจาก UTAS ที่พร้อมให้บริการผ่านทาง Fleet Improvement Program (FIP)" โรเบิร์ต เบนเนตต์ หัวหน้าฝ่ายขายและการพัฒนาธุรกิจของ UTC Aerospace Systems กล่าว

Precision Aviation Group, Inc. Logo

          เกี่ยวกับ Precision Aviation Group:

          Precision Aviation Group (PAG) คือผู้นำด้านการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการเสริมให้แก่อุตสาหกรรมอากาศยานและการป้องกันประเทศ PAG มีสำนักงาน 9 แห่ง พร้อมศูนย์การขายและบริการกินพื้นที่รวมกว่า 260,000 ตารางฟุตในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย บราซิล และสิงคโปร์ PAG ใช้ธุรกิจที่มีความโดดเด่นและโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้า เพื่อให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมการบินผ่านสองบริการหลัก ได้แก่ Aviation Supply Chain และ Inventory Supported Maintenance, Repair and Overhaul (ISMRO(R)) ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท

          PAG ให้บริการด้านซัพพลายเชนและการซ่อมบำรุงเครื่องบินปีกหมุนและปีกตรึง ผ่านธุรกิจต่างๆในเครือ ได้แก่ Precision Heliparts – PHP (www.heliparts.com); Precision Aircraft Services – PAS (www.pas-pag.com); Precision Accessories & Instruments – PAI (www.precisionaccessories.com); Precision Heliparts Canada – PHP-C (www.heliparts.ca); Precision Accessories & Instruments Canada – PAI-C (www.precisionaccessories.ca); PHP-Instruments & Accessories – PHP-LA (www.heliparts.la); Precision Heliparts – Latin America (www.precisionaviationgroup.com/php-br); Precision Aero Technology – PAT (www.precisionaerotechnology.com); Precision Heliparts – Australia – PHP-AU (www.precisionheliparts.com.au); Precision Accessories & Instruments – Australia (PAI-AU) (www.precisionaccessories.com.au); Precision Heliparts Singapore (PHP-S); and Precision Aviation Controls, Inc. – PAC (www.precisionaviationcontrols.com) ทั้งนี้ บริษัทในเครือของ PAG ให้บริการซ่อมบำรุงผลิตภัณฑ์กว่า 35,000 รายการ ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์การบิน ส่วนประกอบเครื่องยนต์ อุปกรณ์ไฮดรอลิก เครื่องมือต่างๆ อุปกรณ์ทดสอบ NDT เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไปจนถึงล้อและเบรค (www.precisionaviationgroup.com)

        โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/338527/precision_aviation_group_inc_logo.jpg

Precision Aviation Group (PAG) and UTC Aerospace Systems sign MRO & distribution deal for AS350 Main & Tail Rotor Servos

          Precision Aviation Group, Inc. (PAG), a leading provider of products and value-added services to the worldwide aerospace and defense industry, is pleased to announce the recent signing of an MRO & distribution agreement with UTC Aerospace Systems (UTAS) for main & tail rotor servos for the Airbus AS350. The agreement covers worldwide distribution of line-replaceable units (LRU's) in new and overhauled condition, authorization to repair servos at multiple PAG facilities and market the Fleet Improvement Program (FIP).

          "PAG's global network and substantial investment in the UTAS main & tail rotor servos will make it easier for Airbus AS350 operators to access spares in real time, ultimately minimizing aircraft downtime," said Ketan Desai, Vice President of Sales and Marketing for PAG. "This agreement builds on PAG's strategic roadmap of increasing its range of support for OEM's. We are confident that this expanded relationship with UTAS will bring added value to our customers," adds Desai.

          UTC Aerospace Systems offers a wide range of helicopter actuators for small, medium and large applications or the civil, commercial and military markets. Both the Main and Tail Rotor Actuators incorporate the latest features including the latest developments in servo-valves, solenoid valves, spool valves and detection devices including anti-jamming on the spool valve. 

          "UTC Aerospace Systems is pleased to welcome PAG as a strategic partner to the distribution and Level 1/2 repairs of our Servo Actuators for the Airbus AS350.  PAG offers the market real-time support and the ability to provide operators with high performance UTAS servos that are available via the Fleet Improvement Program (FIP)," said UTC Aerospace Systems Head of Sales and Business Development, Robert Bennett.

Precision Aviation Group, Inc. Logo

          About Precision Aviation Group:

          Precision Aviation Group (PAG) is a leading provider of products and value-added services to the worldwide aerospace and defense industry. With nine locations and more than 260,000-square-feet of sales and service facilities in the United States, Canada, Australia, Brazil, and Singapore, PAG uses its distinct business units and customer-focused business model to serve aviation customers through two business functions – Aviation Supply Chain, and its trademarked Inventory Supported Maintenance, Repair and Overhaul (ISMRO(R)) services.

          PAG provides MRO and Supply Chain Solutions for Fixed- and Rotary-wing aircraft through: Precision Heliparts – PHP (www.heliparts.com); Precision Aircraft Services – PAS (www.pas-pag.com); Precision Accessories & Instruments – PAI (www.precisionaccessories.com); Precision Heliparts Canada – PHP-C (www.heliparts.ca); Precision Accessories & Instruments Canada – PAI-C (www.precisionaccessories.ca); PHP-Instruments & Accessories – PHP-LA (www.heliparts.la); Precision Heliparts – Latin America (www.precisionaviationgroup.com/php-br); Precision Aero Technology – PAT (www.precisionaerotechnology.com); Precision Heliparts – Australia – PHP-AU (www.precisionheliparts.com.au); Precision Accessories & Instruments – Australia (PAI-AU) (www.precisionaccessories.com.au); Precision Heliparts Singapore (PHP-S); and Precision Aviation Controls, Inc. – PAC (www.precisionaviationcontrols.com). PAG subsidiaries have MRO capabilities on over 35,000 products, including accessories, avionics, engine components, hydraulics, instruments, NDT, starter/generators, and wheels/brakes (www.precisionaviationgroup.com).

          Logo - https://mma.prnewswire.com/media/338527/precision_aviation_group_inc_logo.jpg

Huawei Launches the Intent-Driven Network Solution to Help Enterprises Construct Digital Network Platforms

At Mobile World Congress (MWC) 2018, Huawei launched the Intent-Driven Network solution. This solution will bridge the gaps between the physical network and business goals by creating a digital twin of the network infrastructure. Through service intention understanding, automatic network policy deployment and continuous optimization, this solution provides ultimate experience for each user in each application at each moment and defends against ubiquitous unknown attacks, building an intelligent, simplified, ultra-broadband, secure, and open digital network platform for enterprises.

Gartner's latest survey[1] of 3,160 global CIOs from 15 industries shows that, on average, digitization contributes to about 20% of the revenues of their enterprises, and there are about 35% business processes that have already been digitalized. Enterprises' digital transformation increasingly relies on the development of the Internet of Things (IoT) and is reshaped by artificial intelligence (AI), Big Data, and cloud technologies, making real-time user experience perception, adaptive optimization and predictive operation crucial to improving the efficiency of enterprise digital transformation.

Huawei's Intent-Driven Network solution introduces Big Data and AI technologies into All-Cloud Networks. The solution is driven by business logic and service strategies based around end user experience, helping enterprises construct user-centric digital networks.

 Kevin Hu, President of Huawei Network Product Line, launches Huawei's Intent-Driven Network solution
Kevin Hu, President of Huawei Network Product Line, launches Huawei's Intent-Driven Network solution

Huawei's Intent-Driven Network solution enables scenario-specific high-level automation and intelligence, including proactive business intention identification, automatic end-to-end network configuration, real-time user experience perception, predictive analysis and proactive optimization. The Intent-Driven Network can also function as the industry-oriented open platform of enterprises. It provides extensive open APIs, development and programming tools, and verified industrial applications, building an extensive application ecosystem.

Kevin Hu, President of Huawei Network Product Line, said, "Huawei's Intent-Driven Network solution will center on user experience and effectively meet end users' demands around user experience to enable enterprises to embrace the intelligent society of connectivity of everything and achieve business success."

[1]:Gartner"The 2018 CIO Agenda: Mastering the New Job of the CIO" by Andy Rowsell-Jones, Tomas Nielsen and others (29 September 2017)

Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180227/2066564-1


2018 International Signs and LED Exhibition to Bring 1,800 Industry Leaders to Guangzhou

          The 2018 International Signs and LED Exhibition (ISLE 2018), the world's largest event for cutting-edge advertising equipment, will take place from March 3-6 in Guangzhou, China. The exhibition is expected to gather more than 1,800 exhibits from leading manufacturers, 200,000 visitors from around the world, and will hold over 20 forums to discuss the latest industry trends.

          Featuring LED displays and applications, engraving machinery, lighting boxes, and screen printing, ISLE 2018 will bring together industry leaders from around the world and serve as a premium platform for the advertising and LED industries.

          "It is our mission to help participants capture market insights and embrace industry dynamics and leading techniques," said Mr. Lee Yingjie, Director of ISLE. "We are presenting a one-stop purchasing experience and integrated solutions for visitors that bring more value to this professional platform."

          ISLE 2018 will include a new area for Commercial Display Technology & Applications, providing integrated solutions. New featured companies include An Shan DAE WHA Display and GKG Precision Machine Co., LTD., the leading LED packaging machine supplier and the largest vendor of automatic solder paste printers in China.

          YES TECH, a professional LED display manufacturer, will also showcase its latest LED display products, which have already featured at the London Olympic Games, Brazil World Cup, Incheon Asian Games and the Milan Expo. Additionally, Linsn Technology which has powerful strength in a variety of fields covering LED display, computer software, multimedia technology and digital terminal products will also come to the show.

          ISLE also features a four-day forum centered around the topic of Sign & LED trends. Specific themes include, "Innovative Display - Smart Future" presented by Absen; "Yejibang: New Technology of Large Screen" by Yejibang; "Crafted Words in China & Signs Workshop" series activity; and "How to Expand Japanese Market" by Mr. Kawata Hiroyuki. There will also be Description for "LED Cinema" and "LED 3D Cinema" presented by Mr. Li Chao who is the first personnel management expert of the country in the LED industry.

          Additional event details:

          - ISLE 2018 exhibitor list: http://en.isle.org.cn/enboothlist/4100.html
          - ISLE 2018 Ticket Application: http://en.isle.org.cn/en/envisitorapplication.html
          - More Seminars information: http://en.isle.org.cn/ennews/3086.html

          About ISLE

          The 2018 International Signs and LED Exhibition (ISLE) is a fully integrated LED industry chain solution platform for professional, charismatic and intelligent advertising signs. For more information, visit: http://en.isle.org.cn/

ZTE จับมือ GSMA เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 5G Summit 2018




          - เปิดรับโลกแห่งการเชื่อมต่อที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่าที่เคย

          ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชั่นโทรคมนาคม เทคโนโลยีระดับองค์กร และเทคโนโลยีผู้บริโภคสำหรับแวดวงอินเทอร์เน็ตมือถือรายใหญ่ของโลก และ GSMA ร่วมกันจัดการประชุม 5G Summit 2018 - Creating a New Mobile Era via 5G ภายในมหกรรม Mobile World Congress 2018 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน การประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารและตัวแทนจากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ผู้ผลิตชิป และบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 200 คนเข้าร่วมงาน เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับการสร้างโลกแห่งการเชื่อมต่อที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่าที่เคย

          คุณสวี่ ฮุ่ยจวิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ ZTE กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่า "5G รุกคืบอย่างรวดเร็วทั่วโลก ปัจจุบัน จีน สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป ต่างพัฒนาแผน 5G ของตนเอง เพื่อเร่งนำ 5G มาใช้งานในเชิงพาณิชย์ และในอนาคต 5G จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วไป ขณะเดียวกัน การผนวก 5G เข้ากับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Cloud, Software-Defined Everything, AI และ Mesh จะนำไปสู่การปฏิวัติเครือข่าย การยกระดับอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งปูทางไปสู่โลกแห่งการเชื่อมต่อที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่าที่เคย"

          คุณจ้าว โฮ่วหลิน เลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กล่าวว่า 5G คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติสัมฤทธิ์ผล และในฐานะที่ ITU เป็นเหมือนองค์การสหประชาชาติแห่งอุตสาหกรรมไอซีที จึงมีภารกิจในการสร้างความมั่นใจว่า ทุกคนจะสามารถแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา โดย ITU กำลังเร่งมือเพื่อให้ยุคดิจิทัล 5G มาถึงเร็วขึ้น

          ดร.หลี่ เจิ้งเหมา รองประธาน China Mobile บอกเล่าถึงความพยายามของบริษัทในการเตรียมความพร้อมเพื่อใช้งานเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในปี 2563 โดย China Mobile ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในด้านการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีหลัก การสร้างมาตรฐานระดับนานาชาติ การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตเต็มที่ และการพัฒนาระบบนิเวศข้ามอุตสาหกรรม โดยบริษัทจะเดินหน้าส่งเสริมการพัฒนา 5G ครบวงจรต่อไป เพื่อให้เครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์เกิดขึ้นจริง

          โยเกธ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ VEON ได้เผยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีเสมือน (Virtualization) โดยแนวทางที่ชัดเจนที่มีต่อ 5G Common Core จะนำไปสู่ช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายทุกรูปแบบและการพลิกโฉมธุรกิจิสู่ดิจิทัล

          ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผลิตชิปชั้นนำ เช่น Qualcomm และ Intel ได้แสดงความคิดเห็นว่าเทคโนโลยี 5G คืออนาคต และเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า โซลูชั่น 5G เชิงพาณิชย์ครบวงจรจะบรรลุผลสำเร็จได้ต่อเมื่อมีการสร้างความร่วมมือข้ามสาขา ซึ่งสมาคมยานยนต์ 5GAA สะท้อนให้เห็นในเรื่องนี้

          ผู้เชี่ยวชาญจาก Baidu อธิบายว่า 5G จะทำให้รถยนต์ไร้คนขับไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป โดยการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และอัตรารองรับการใช้งานสูงของ 5G จะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ

          ดร.เซียง จี่หยิง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ ZTE ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในหัวข้อ "5G is Coming" โดยแสดงความคิดเห็นว่า 5G จะเป็นเครือข่ายที่มอบประสบการณ์ขั้นสุดให้แก่ผู้ใช้ และจะนำไปสู่ Internet of Everything ที่มีอัตรารับส่งข้อมูลสูงเป็นพิเศษ ความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ รองรับการเชื่อมต่อมหาศาล และมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก นอกจากนี้ ZTE ยังประสบความสำเร็จในการพัฒนา IoDT ระบบแรกของโลกตามมาตรฐาน 3GPP ด้วยความร่วมมือของ China Mobile และ Qualcomm ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 5G มากมาย เช่น mmWave, sub-6GHz 5G NR, Flexhaul และ 5G core โดยบริษัทพร้อมแล้วที่จะให้บริการเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์


นวัตกรรม NB-IoT ของ ZTE คว้ารางวัล GLOMO Award ในมหกรรม MWC 2018

          ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชั่นโทรคมนาคม เทคโนโลยีระดับองค์กร และเทคโนโลยีผู้บริโภคสำหรับแวดวงอินเทอร์เน็ตมือถือรายใหญ่ของโลก ประกาศว่า โซลูชั่นจอดรถอัจฉริยะของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี NB-IoT คว้ารางวัล GLOMO 2018 สาขา Best Mobile Service for the Connected Life ในวันแรกของมหกรรม Mobile World Congress 2018 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยงามของ ZTE ในมหกรรมสุดยิ่งใหญ่นี้
          ZTE มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและสร้างระบบนิเวศ IoT โดยเน้นกลยุทธ์ "ชิป เครือข่าย และคลาวด์" โดยได้เปิดตัวเครือข่าย NB-IoT ไปแล้วกว่า 20 เครือข่าย รวมถึงชิป NB-IoT ซีรีส์ WiseFone และ RoseFinch ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่กินไฟต่ำ ตลอดจนแพลตฟอร์ม IoT ในชื่อ ThingxCloud ขณะเดียวกัน ZTE ได้จัดตั้ง Global IoT Alliance (GIA) ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 200 รายจากกว่า 30 อุตสาหกรรม ซึ่งสามารถส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม IoT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          เพื่อเป็นการต้อนรับยุค 5G ทาง ZTE ได้ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในหลายภาคส่วน ได้แก่ VR/AR, การผลิตอัจฉริยะ, โครงข่ายอัจฉริยะ และรถยนต์ต่ออินเทอร์เน็ตได้ เพื่อสำรวจแนวทางการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ตลอดจนเดินหน้าวิจัยและตรวจสอบความถูกต้องของโมเดลธุรกิจต่างๆ
          เมื่อไม่นานมานี้ ZTE คว้ารางวัลระดับนานาชาติหลายรายการ โดยในพิธีมอบรางวัลประจำปี 2017 ของ GTI ซึ่งจัดขึ้นก่อนมหกรรม Mobile World Congress ทางบริษัทสามารถคว้ารางวัล Market Development Award และรางวัล Innovative Mobile Service and Application Award มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
          ในอนาคต ZTE จะเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับความร่วมมือระดับอุตสาหกรรม ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม IoT และการพัฒนาระบบนิเวศ IoT ต่อไป
          เกี่ยวกับ ZTE
          ZTE เป็นผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมขั้นสูง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับองค์กร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ZTE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมแบบบูรณาการครบวงจรให้แก่ลูกค้าตามนโยบายของบริษัท เพื่อมอบคุณค่าและความเป็นเลิศในยุคที่เทคโนโลยีโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ZTE จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 0763.HK / รหัสหุ้นในตลาดเซินเจิ้น: 000063.SZ ) บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 500 ราย ในกว่า 160 ประเทศ ในแต่ละปี ZTE จัดสรรเงินรายได้ 10% ให้กับการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำในองค์กรกำหนดมาตรฐานระดับโลก ทั้งนี้ ZTE ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zte.com.cn
          สื่อมวลชนติดต่อ:
          Margaret Ma
          ZTE Corporation
          โทร. +86 755 26775189
          อีเมล: ma.gaili@zte.com.cn
          รูปภาพ: https://photos.prnasia.com/prnh/20180227/2066459-1
          คำบรรยายภาพ - นวัตกรรม NB-IoT ของ ZTE คว้ารางวัล GLOMO Award ในมหกรรม MWC 2018

MediaTek จับมือ ZTE ประกาศการรับรองข้อกำหนด NB-IoT R14 ครั้งแรกสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ เพื่อผลักดันกระบวนการ NB-IoT

          บาร์เซโลน่า, สเปน--27 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
          - การทดสอบความเร็วสูงสำหรับการรับรองข้อกำหนด NB-IoT R14 ประสบความสำเร็จด้วยดี พร้อมนำชิปเซ็ต NB-IoT R14 ตัวแรกเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
          MediaTek ประกาศการรับรอง NB-IoT R14 สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรม ซึ่งบ่งชี้ว่าข้อกำหนด NB-IoT R14 พร้อมเข้าสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ และด้วยการสนับสนุนจาก ZTE ทั้งสองบริษัทจึงได้ร่วมกันทดสอบความเร็วสูงของ NB-IoT R14 Cat-NB2 ด้วยอัตราข้อมูลอัพลิงค์/ดาวน์ลิงค์สูงกว่า 150/100kpbs เมื่อเปรียบเทียบกับ 60/21kpbs ของ R13 ทั้งนี้ Cat-NB2 เหมาะสำหรับ Firmware Over-The-Air (FOTA), ข้อความเสียง, และการใช้งานรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องการอัตราการส่งข้อมูลความเร็วสูงที่ความหน่วงต่ำสุด
          อัตราอัพลิงค์และดาวน์ลิงค์สูงสุดของมาตรฐาน R13 ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ในตลาดได้เพียงพออีกต่อไป NB-IoT R14 สามารถทำอัตราอัพลิงค์และดาวน์ลิงค์สูงกว่า 100kbps ด้วยการใช้ transport block ขนาดใหญ่ขึ้น (2536 bits TBS) และด้วยกระบวนการ 2HARQ นอกจากนี้ NB-IoT R14 ยังถูกยกระดับในด้านการเคลื่อนย้าย การวางตำแหน่ง การเผยแพร่หลายช่องทางและการใช้สัญญาณพาหะหลายสัญญาณ เพื่อมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคนิคสำหรับการพัฒนาอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ในอุตสาหกรรมที่เติบโตแล้ว
          "NB-IoT เป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับยุคอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์" เจอร์รี่ หยู รองประธาน MediaTek Corporate และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจความบันเทิงภายในบ้าน กล่าว "หลังเสร็จสิ้นการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบนิเวศในขั้นแรก NB-IoT จะเข้าสู่กระบวนการพาณิชย์ในปี 2561 โดยจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่พร้อมสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ MediaTek ยืนอยู่แถวหน้าของวงการ NB-IoT เสมอมา บริษัทเป็นผู้นำในการส่งมอบชิปเซ็ต MT2625 และ MT2621 ที่มีการบูรณาการขั้นสูงด้วยการสนับสนุนจากโมดูล NB-IoT โดยเราได้จับมือกับ China Mobile เพื่อสร้างโมดูล NB-IoT ขนาดเล็กที่สุดในอุตสาหกรรม และในวันนี้ เราได้ร่วมมือกับ ZTE เพื่อการรับรองเชิงพาณิชย์ครั้งแรกสำหรับ NB-IoT R14 เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมไปข้างหน้า ในอนาคต MediaTek จะร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการเครือข่าย ผู้ผลิตอุปกรณ์สถานีฐาน และผู้ผลิตสถานีงานหรือลูกข่าย เพื่อสนับสนุนการใช้งาน NB-IoT เชิงพาณิชย์ในยุคแห่งอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์"
          ปัจจุบัน MediaTek มีชิปสองตัวที่สนับสนุนข้อกำหนด NB-IoT R14 ได้แก่ MT2625 ชนิดโหมดเดี่ยว และ MT2621 ชนิดโหมดคู่ ที่รองรับเครือข่าย GSM+NB-IoT โดย MT2625 กำลังเข้าสู่กระบวนการผลิตปริมาณมากโดยมีเป้าหมายอยู่ที่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ MediaTek จะจัดแสดงอุปกรณ์สวมใส่ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต MT2625 และ MT2621 ในงาน 2018 MWC
          สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ  MT2625 และ  MT2621 กรุณาเข้าชมที่ www.mediatek.com/products
          เกี่ยวกับ MediaTek
          MediaTek Incorporated (TWSE: 2454) เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกที่ช่วยให้อุปกรณ์เชื่อมต่อ 1.5 พันล้านเครื่องทำงานได้ในแต่ละปี เราเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนานวัตกรรม systems-on-chip (SoC) สำหรับอุปกรณ์มือถือ ผลิตภัณฑ์ความบันเทิงภายในบ้าน อุปกรณ์เชื่อมต่อ และอุปกรณ์ IoT ความมุ่งมั่นทุ่มเทในด้านนวัตกรรมทำให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีสำคัญ ๆ ในตลาด เช่น เทคโนโลยีมือถือประหยัดพลังงานสูง และโซลูชั่นมัลติมีเดียขั้นสูงในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวีดิจิทัล กล่อง OTT อุปกรณ์แวร์เอเบิล และยานยนต์ MediaTek เพิ่มขีดความสามารถและผลักดันให้ผู้คนเปิดโลกทัศน์และบรรลุเป้าหมายอย่างง่ายดายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด เราเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น Everyday Genius ซึ่งขับเคลื่อนทุกสิ่งที่เราทำ
          สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mediatek.com
          สื่อมวลชนติดต่อ MediaTek ได้ที่:
           PR@mediatek.com
          Kevin Keating, MediaTek
          โทร: +1- 206-321-7295
          ที่อยู่: 10188 Telesis Ct #500, San Diego, CA 92121, USA
          Joey Lee, MediaTek
          โทร: +886 3-567-0766 # 31602
          ที่อยู่: No. 1, Dusing 1st Rd., Hsinchu Science Park, Hsinchu City 30078, Taiwan

“นูเบีย” เตรียมอวดโฉม 3 สมาร์ทโฟนดีไซน์สุดล้ำในมหกรรม MWC 2018

          นูเบีย (nubia) แบรนด์สมาร์ทโฟนสุดล้ำ ผู้กำหนดนิยามใหม่ของสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบด้วยอัตราส่วนการแสดงผลเต็มจอ 90.36% บนสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง "Z17S" พร้อมที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการอีกครั้งในมหกรรม Mobile World Congress (MWC) 2018 ด้วยการเปิดตัว 3 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะตอกย้ำชื่อเสียงด้านดีไซน์อันโดดเด่นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีนรายนี้

          ลำดับแรก นูเบียจะเผยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในห้องปฎิบัติการด้านนวัตกรรมของบริษัท ด้วยสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอตัดขอบด้วยเพชรและดูดซับแสง รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องที่ใช้นาโนคาร์บอน แกรไฟต์ ซึ่งพร้อมที่จะอวดโฉมสู่สายตาสาธารณชนแล้ว
          ลำดับต่อมา นูเบียจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น "Z17miniS" ที่หลายคนรอคอย โดยอัดแน่นด้วยสเปคคุณภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลนส์คู่เทคโนโลยี Neo Vision 7.0 พร้อมฟีเจอร์ถ่ายภาพรูปแบบใหม่อย่าง AI Portrait 2.0, เทคนิคการแต้มสีในภาพด้วยแสง (Light Painting), กล้องถ่ายรูปมาโคร และกล้องถ่ายรูปโคลนนิ่ง ส่วนการออกแบบตัวเครื่องใช้กระจกขอบโค้ง 4 ด้านที่สะท้อนแสงอย่างมีมิติ นับเป็นสุดยอดนวัตกรรมที่ห้ามพลาด
          ลำดับสุดท้าย นูเบียจะนำเสนอสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหน้าจอแบบเต็มจอที่ทำให้แบตหมดไว ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบบเต็มจอ N/V Series ที่มีแบตสุดอึด มาพร้อมหน่วยประมวลผล Qualcomm และ RAM ขนาดใหญ่เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ
          นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพรส์อีกมากมายรออยู่ในมหกรรม MWC โดยนูเบียจะยกทัพอุปกรณ์เสริมสุดหรู รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น IoT มาจัดแสดงด้วย ขณะเดียวกัน การอวดโฉมสมาร์ทโฟน 5G ต้นแบบของนูเบียจะเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างแน่นอน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019
          เมื่อปีที่แล้ว นูเบียได้ขยายธุรกิจทั้งในสหรัฐอเมริกา อินเดีย เยอรมนี สเปน อินโดนีเซีย และไทย พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon, Mediamax และ Phone House นอกจากนี้ นูเบียยังปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จออกมามากมาย รวมถึงสมาร์ทโฟน Z Series, M Series และ N Series ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้การไปเยี่ยมชมบูธของนูเบียในมหกรรม MWC 2018 เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
          เกี่ยวกับนูเบีย
          นูเบีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ได้ส่งมอบสมาร์ทโฟนคุณภาพเยี่ยมที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัยสู่ผู้ใช้งานที่กำลังมองหามือถือดีๆสักเครื่อง พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้ "เป็นตัวของตัวเอง" ทั้งยังเดินหน้ายกระดับไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีมือถือที่ดีกว่าเดิม นูเบียมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศจีน และดำเนินธุรกิจทั่วโลกทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นูเบียมีชื่อเสียงด้านฟีเจอร์สุดล้ำในสมาร์ทโฟนและฟังก์ชั่นการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ
          สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนูเบียได้ที่ www.nubia.com/en หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางทวิตเตอร์  @nubiasmartphone รวมถึงอินสตาแกรม  @nubiasmartphone และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/ nubiasmartphone
          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20180224/2064897-1

MediaTek และ China Mobile ประกาศจับมือพัฒนาอุปกรณ์ 5G เพื่อเปิดตัวก่อนเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2562

          MediaTek ประกาศในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้เข้าร่วมโครงการ "China Mobile 5G Device Forerunner Initiative" ในการประชุมสุดยอด GTI ประจำปี 2561 โดยความร่วมมือระหว่าง MediaTek กับ China Mobile จะครอบคลุมแอปพลิเคชั่นสำหรับฟอร์มแฟกเตอร์อุปกรณ์ 5G ไปจนถึงโซลูชั่นทางเทคนิค การทดสอบและตรวจพิสูจน์ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเร่งความคืบหน้าในการพัฒนาชิปและอุปกรณ์ระบบ 5G เพื่อนำไปทดสอบภาคสนามในปี 2561 เปิดตัวขั้นต้นในปี 2562 จากนั้นเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตามแผนในปี 2563
          โซลูชั่นเบสแบนด์ระบบ 5G รุ่นแรกของ  MediaTek เป็นไปตามมาตรฐาน 3GPP Rel-15 5G NR โดยรองรับทั้ง New Radio (NR), ความถี่ Sub-6GHz, เครือข่ายแบบ Standalone (SA) และ Non-standalone (NSA), อุปกรณ์ผู้ใช้งานกำลังสูง (HPUE) และเทคโนโลยี 5G อื่น ๆ นอกจากนี้ โซลูชั่น 5G ของ MediaTek ยังรองรับเทคโนโลยี Millimeter Wave (mmWave) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเหล่าผู้ให้บริการเครือข่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
          "MediaTek ได้เกิดความคืบหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ทุ่มเทอย่างหนักทั้งแรงกายและเวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ระบบ 5G" เควิน โจว รองประธานอาวุโส และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ MediaTek กล่าว "การร่วมโครงการ 5G Device Forerunner Initiative ของ China Mobile นั้นแสดงให้เห็นว่า MediaTek มีศักยภาพในการตอบรับกับความต้องการของผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก โดยผลิตภัณฑ์ของ MediaTek จะเข้ามาช่วยเร่งความก้าวหน้าและการเข้าถึงของระบบ 5G เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกสัมผัสความสะดวกสบายของเทคโนโลยี 5G ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้"
          ที่มหกรรม MWC 2018 MediaTek มีการนำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดในการวิจัยและพัฒนาระบบ 5G ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มต้นแบบในความถี่ Sub-6GHz, โมดูลสายอากาศ mmWave และเทคโนโลยี 5G NR ขั้นสูง โซลูชั่น 5G ของ MediaTek ไม่ได้รองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟนเพียงเท่านั้น แต่ยังนำไปใช้กับอุปกรณ์ประเภทอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น อุปกรณ์ Internet-of-Things และโมดูลโมเด็ม โดยการที่เทคโนโลยี 5G สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายนั้น จะทำให้เทคโนโลยีนี้ปรากฏอยู่ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ
          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม รับชมส่วนจัดแสดงของ MediaTek ได้ที่ Hall 6 ณ บูธหมายเลข #6C30
          เกี่ยวกับ MediaTek
          MediaTek Incorporated (TWSE: 2454) เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกที่ช่วยให้อุปกรณ์เชื่อมต่อ 1.5 พันล้านเครื่องทำงานได้ในแต่ละปี เราเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนานวัตกรรม systems-on-chip (SoC) สำหรับอุปกรณ์มือถือ ผลิตภัณฑ์ความบันเทิงภายในบ้าน อุปกรณ์เชื่อมต่อ และอุปกรณ์ IoT ความมุ่งมั่นทุ่มเทในด้านนวัตกรรมทำให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีสำคัญ ๆ ในตลาด เช่น เทคโนโลยีมือถือประหยัดพลังงานสูง และโซลูชั่นมัลติมีเดียขั้นสูงในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวีดิจิทัล กล่อง OTT อุปกรณ์แวร์เอเบิล และยานยนต์ MediaTek เพิ่มขีดความสามารถและผลักดันให้ผู้คนเปิดโลกทัศน์และบรรลุเป้าหมายอย่างง่ายดายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด เราเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น Everyday Genius ซึ่งขับเคลื่อนทุกสิ่งที่เราทำ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mediatek.com

สถาบัน Texas Cardiac Arrhythmia Institute เตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุม EPLive 2018

          การประชุมสองวันจะเนื่องแน่นด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจจากทั่วโลก
          ในวันที่ 1-2 มีนาคมนี้ สถาบัน Texas Cardiac Arrhythmia Institute (TCAI) ในสังกัดของศูนย์การแพทย์ St. David's Medical Center จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มีความซับซ้อนครั้งที่ 4 หรือ EPLive 2018 เป็นเวลาสองวัน เพื่อให้ความรู้อย่างเข้มข้นแก่บรรดาแพทย์ผู้ชำนาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ แพทย์เฉพาะทางที่ต่อยอดด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ และแพทย์โรคหัวใจทั่วไปที่มีความสนใจในการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มีความซับซ้อน ซึ่งเป็นภาวะที่หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอหรือผิดปกติ โดยจะมีการถ่ายทอดเคสรักษาจริงๆ จากห้องปฏิบัติการอันทันสมัยของศูนย์การแพทย์ St. David's Medical Center พร้อมข้อคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

          นายแพทย์อันเดรอา นาตาเล F.H.R.S., F.A.C.C., F.E.S.C. แพทย์ผู้ชำนาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการแพทย์ประจำสถาบัน TCAI และผู้อำนวยการการประชุม EPLive กล่าวว่า "การประชุมครั้งนี้ดึงดูดผู้นำด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจจากทั่วโลก เรามุ่งมั่นยกระดับการรักษาด้วยสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ และการประชุมนี้ก็เปิดโอกาสให้เราได้กำหนดแนวทางเวชปฏิบัติให้กับแพทย์ พร้อมเพิ่มตัวเลือกการรักษาด้วยสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจแก่ผู้ป่วยทุกคน"

          ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดขึ้นเมื่อระบบสัญญาณไฟฟ้าหัวใจมีปัญหา ซึ่งในหลายๆกรณีสามารถรักษาได้ด้วยเทคนิคการใช้สายสวนเพื่อจี้ แช่แข็ง หรือปรับสภาพกล้ามเนื้อหัวใจในจุดที่สัญญาณไฟฟ้าหัวใจเกิดความผิดปกติจนส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ การประชุม EPLive จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของเทคนิคที่ใช้ในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในหัวใจห้องบนและห้องล่าง รวมถึงการฝังอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน และการถอดอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ

          EPLive ประกอบด้วยการประชุมย่อย 4 หัวข้อ ได้แก่ การผ่าตัดรักษาภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (A Fib), การผ่าตัดรักษาภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วรัว (VT), อุปกรณ์การรักษา และเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งแต่ละหัวข้อประกอบด้วยเคสการรักษาที่บันทึกไว้และเคสที่ถ่ายทอดสดจากศูนย์การแพทย์ชั้นนำของโลก ได้แก่ TCAI, Mayo Clinic, Stanford University Medical Center, Mount Sinai Hospital, UCLA Health System, University of Pennsylvania Health System, University of Texas Southwestern Medical Center, University of Colorado Hospital, Vanderbilt Heart and Vascular Institute, Lancaster General Hospital และ Massachusetts General Hospital

          สำหรับเคสการรักษาครอบคลุมเทคนิคหลากหลาย เช่น การผ่าตัดรักษาภาวะ A Fib, การผ่าตัดรักษาภาวะ VT, การผ่าตัดรักษาภาวะ VT บริเวณผนังหัวใจชั้นอีพิคาร์เดียมและชั้นเอนโดคาร์เดียม, การปิดรยางค์หัวใจห้องบนซ้าย, การถอดสายกระตุ้นหัวใจ และการขยายหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ EPLive ยังเตรียมนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆที่บุกเบิกโดยทีมแพทย์ของ TCAI ด้วย

          การประชุมครั้งนี้จะให้ความสนใจในอีกหลายๆประเด็น ได้แก่
          - การวัดผลเทคนิคที่ใช้ในการกำหนดตำแหน่งและผ่าตัดรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในหัวใจห้องบนและห้องล่าง
          - การกำหนดขั้นตอนเพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ตลอดจนส่งเสริมความปลอดภัยของผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัดรักษาภาวะ A Fib และภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ
          - การประยุกต์ใช้เทคนิคการใช้สายสวนที่เรียนรู้มาจากการผ่าตัดรักษาภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะที่มีความซับซ้อน
          - การนำเสนอหลักฐานและแนวปฏิบัติล่าสุดในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
          - การประยุกต์ใช้เทคนิคการใช้สายสวนโดยอิงเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด

          นอกเหนือจากการนำเสนอของนายแพทย์นาตาเลแล้ว EPLive ยังเตรียมเปิดเวทีนำเสนอให้กับแพทย์จากสถาบัน TCAI อีกหลายท่าน ได้แก่ นายแพทย์อามิน อัล-อาหมัด ผู้อำนวยการร่วมของการประชุม, นายแพทย์รอดนีย์ ฮอร์ตัน, นายแพทย์แพทริค ฮรานิตสกี, นายแพทย์โรเบิร์ต แคนบี, นายแพทย์โจเซฟ แกลลิงเฮาส์, นายแพทย์เชน ไบลีย์, นายแพทย์ฮาเวียร์ ซานเชส, นายแพทย์เดวิด เบิร์คฮาร์ดท์, นายแพทย์เจสัน ซากรอดสกี และนายแพทย์ลุยจิ ดิบิอาส
          แพทย์ที่เข้าร่วมการประชุมนี้จะได้รับชั่วโมง Physician's Recognition Award (PRA) Category 1 Credit(TM) ของสมาคม American Medical Association สูงสุด 18 ชั่วโมง
          สถาบัน Texas Cardiac Arrhythmia Institute (TCAI) ในสังกัดศูนย์การแพทย์ St. David's Medical Center คือศูนย์ระดับโลกที่ทุ่มเทยกระดับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยมีนายแพทย์นาตาเลเป็นผู้นำการดำเนินงาน เขาเป็นบุคคลแถวหน้าในการยกระดับการรักษาภาวะ A Fib ขณะเดียวกันก็เป็นผู้นำโครงการทดลองทางคลินิกหลายโครงการ ทั้งยังมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ๆด้วย
          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EPLiveSymposium.com