Friday, December 30, 2022

เขตอวี้เฟิง เมืองหลิ่วโจว เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชูเอกลักษณ์โดดเด่นในท้องถิ่น

"เบื้องหน้าภูเขาผอเอ๋อ แม่น้ำสีหยกไหลไปทางทิศตะวันออก มองเห็นกวียืนอยู่บนหัวเรือไกลออกไป" คือความตอนหนึ่งจากหลิว จงหยวน (Liu Zongyuan) กวีสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งตอบจดหมายของ เฉา ซืออวี้ (Cao Shiyu) ขณะเดินทางผ่านอำเภอเซียงเซียน (Xiangxian) ทั้งนี้ ใต้เงื้อมภูเขาผอเอ๋อ (Po'e) คือเมืองโบราณอายุนับพันปีและหาดทรายขาวที่มีหอยขม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ได้รับการส่งเสริมขึ้นใหม่ในเขตอวี้เฟิง (Yufeng) ของเมืองหลิ่วโจว (Liuzhou) ในฐานะที่เป็นพื้นที่สำคัญของการสืบทอดวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์ในเมืองหลิ่วโจว เขตอวี้เฟิงได้ขุดค้นทรัพยากรในท้องถิ่น มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับยึดมั่นในประเพณีและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างรอบด้าน เพื่อก้าวใหม่สู่การพัฒนาคุณภาพสูง

ในปี 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 8,966,800 คน เพิ่มขึ้น 16.43% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนการบริโภคด้านการท่องเที่ยวมีมูลค่า 1.0181 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบเป็นรายปี สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวและการบริโภคด้านการท่องเที่ยวครองอันดับหนึ่งในบรรดาอำเภอและเขตทั้งหมดของเมืองหลิ่วโจว นอกจากนี้ เขตอวี้เฟิงยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "ถิ่นกำเนิดแห่งวัฒนธรรมและศิลปะพื้นบ้านจีน" อีกทั้งยังเป็นเขตสาธิตการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง จากการเปิดเผยของสำนักประชาสัมพันธ์เขตอวี้เฟิง

เน้นย้ำวัฒนธรรมที่เป็นจิตวิญญาณของท้องถิ่น

เขตอวี้เฟิงตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลิ่วโจว และเป็นถิ่นกำเนิดของมนุษย์หลิ่วเจียง (Liujiang Men) หนึ่งในมนุษย์ยุคโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในจีน โดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีนัยสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย เขตอวี้เฟิงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A รวม 11 แห่ง รวมถึงหลี่อวี้เฟิง (Liyufeng) ที่มียอดเขาและบ่อน้ำสีเขียว, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ถ้ำไป่เหลียนตง (Bailiandong Cave Science Museum) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน, พิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมหลิ่วโจว (Liuzhou Industrial Museum) ที่มีอายุนับศตวรรษ และนิคมอุตสาหกรรมบะหมี่หอยขมหลิ่วโจว (Liuzhou River Snail Rice Noodle Industrial Park) ซึ่งเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบการมากมาย ขณะเดียวกัน เมืองหลี่หยง (Liyong) แลเมืองไป๋ซา (Baisha) ยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ประกอบด้วยทุ่งหญ้าริมแม่น้ำ นกนานาชนิดบนสันทราย น้ำตก น้ำพุธรรมชาติ ธารน้ำใส และถ้ำ ทั้งนี้ เขตอวี้เฟิงใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และสืบสานจุดแข็งด้านทรัพยากรของพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของเมืองหลิ่วโจว นำมาบูรณาการในหลายมิติ ตลอดจนเน้นย้ำเอกลักษณ์ของ "วัฒนธรรมหอยขม" "วัฒนธรรมเพลงพื้นบ้าน" และ "วัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์"

ส่งเสริมความก้าวหน้าพร้อมผลักดันโครงการต่าง ๆ เป็นจุดสำคัญ

การพัฒนาจะมีคุณภาพเมื่อมีโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เขตอวี้เฟิงมุ่งมั่นที่จะนำโครงการดังกล่าวมาเป็นจุดสำคัญ พร้อมส่งเสริมการสร้างโครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับสูง ทุ่มลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และพัฒนาชุดโครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีศักยภาพขับเคลื่อนและแผ่ขยายได้ในวงกว้าง ด้วยการดึงดูดการลงทุนและการสนับสนุน เขตอวี้เฟิงประสบความสำเร็จในการสร้างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ถ้ำไป่เหลียนตง, ห้องโถงนิทรรศการของหอศิลป์งานสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรมโบฮีเนีย (Bauhinia Cultural Creativity Gallery) และสเนล สตรีท (Snail Street) ในเมืองโบราณเหยาปู (Yaobu Ancient Town) ของเมืองหลิ่วโจว ทั้งยังได้เปิดตัวสวนสนุกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5G+VR อย่างเซียงอวิ๋น สเนล พาร์ก (Xiangyun Snail Park) ตลอดจนเร่งสร้างโครงการต่าง ๆ เช่น สวนกีฬาอวี้เฟิง (Yufeng Sports Park), รีสอร์ตท่องเที่ยวนานาชาติทะเลสาบหว่อหลง (Wolong Lake International Tourist Resort) และถนนท่องเที่ยวหลงตู้ (Longdu Tourist Road) เพื่ออัดฉีดพลังขับเคลื่อนใหม่ ๆ ให้เศรษฐกิจ พร้อมสำรวจขอบข่ายใหม่ ๆ

เพิ่มชีวิตชีวาโดยเน้นที่คุณสมบัติเด่น

บะหมี่หอยขมเป็นอาหารที่พบได้ตามข้างทางทั่วเมืองหลิ่วโจว ในปี 2559 เขตอวี้เฟิงได้เริ่มโปรโมตการรับประทานปู และส่งเสริมสตรีทฟู้ดรองรับการผลิตในสเกลใหญ่และการสร้างแบรนด์ เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมบะหมี่หอยขมหลิ่วโจว ปัจจุบัน นิคมแห่งนี้มีบริษัท 48 แห่งที่ทำธุรกิจผลิตบะหมี่หอยขม โดยมีกำลังการผลิตและจัดจำหน่ายวันละเกือบ 4 ล้านห่อ ขึ้นแท่นแหล่งผลิตบะหมี่หอยขมบรรจุห่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นิคมแห่งนี้ยังใช้อุตสาหกรรมเป็นสื่อกลางเพื่อเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเปลี่ยนผู้ที่มารับประทานอาหารให้เป็นนักท่องเที่ยว ขณะที่เขตอวี้เฟิงมุ่งบ่มเพาะวัฒนธรรมบะหมี่หอยขมและเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรม 4 เส้นทางเพื่อลองลิ้มชิมรสบะหมี่หอยขม เช่น ทัวร์แหล่งกำเนิด ทัวร์สัมผัสประสบการณ์ ทัวร์ระดับประเทศ เป็นต้น เพื่อนำเสนอพื้นเพทางประวัติศาสตร์ นัยทางวัฒนธรรม และประวัติความเป็นมาของบะหมี่หอยขมหลิ่วโจว พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมบะหมี่หอยขมหลิ่วโจวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเผยแพร่เสน่ห์ทางวัฒนธรรมในคราวเดียวกัน

ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์เขตอวี้เฟิง

ลิงก์รูปภาพประกอบข่าว:

ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=436772

คำบรรยายภาพ: อ่าวถังซวิน เมืองหลี่หยง เขตอวี้เฟิง 

Future Minerals Forum (FMF) conference discusses a new report Saudi Arabia has "all the ingredients to be successful" in mining

        A new report discusses the potential of the Kingdom to become a major global minerals hub in the race to provide clean energy

The Payne Institute for Public Policy at the Colorado School for Mines in the USA confirms that the Kingdom could be set to play a major global role in the supply of precious minerals needed to power the transition to green energy in order to reach the goal of net zero carbon emissions.

The paper confirms that this is "an exciting time for critical minerals" and says that the Kingdom could find itself in a powerful position to become a major clean energy player, lying in the middle of the vast mineral-rich super-region stretching from Africa to Central Asia. The topic lies at the heart of international debate taking place at the Future Minerals Forum (FMF) in Riyadh in January, which explores how critically precious minerals are needed to power clean energy items such as electric vehicles, computers, smartphones, solar panels, microchips and wind farms.

The Institute advises that a long term commitment and coherent strategy is needed. To make the most of this opportunity, international agreement at all levels is vital. Governments, companies, and communities will all have to work together to re-think on a global scale how to extract and use minerals, and provide resilient and sustainable mineral supply chains.

However, the Payne Institute acknowledges that any economic switch from hydrocarbons to clean energy will take time. In fact, it will take decades.

High-powered conferences like the second FMF - which has attracted 55 Government Mining and Resources Ministers, 200 speakers and 13,000 delegates - must lay the groundwork, forging dynamic discussion with an emphasis on direct and urgent action. FMF hosts, the Ministry of Industry and Mineral Resources in Riyadh, says that it is essential to work closely with many, many partners, to build stable markets, making sure that the minerals industry is transparent, fair and highly collaborative.

Despite a parallel and significant rise in investment across the Middle East in hydrocarbons, the Kingdom plans to attract $32 billion of investment in its bid to become a major player in global mining production.

The report concludes that Saudi Arabia is in a strong position to convene dialogue about how best to uncover the mineral riches of the super-region.

To learn more, please download the full report through the following link https://bit.ly/3G26EQl

Logo - https://mma.prnewswire.com/media/1973377/Future_Minerals_Forum_Logo.jpg

การประชุม ฟิวเจอร์ มิเนอรัลส์ ฟอรัม (FMF) กล่าวถึงรายงานฉบับใหม่ เผยซาอุดีอาระเบียมี "ทุกองค์ประกอบของความสำเร็จ" ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่

       รายงานฉบับใหม่เผย ซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางแร่ธาตุระดับโลกที่สำคัญ ในการแข่งขันสู่การเป็นผู้จัดหาพลังงานสะอาด

สถาบันเพย์นสำหรับนโยบายสาธารณะ (Payne Institute for Public Policy) จากมหาวิทยาลัยเหมืองแร่โคโลราโด (Colorado School for Mines) ในสหรัฐยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียสามารถขึ้นมามีบทบาทสำคัญในระดับโลกในการจัดหาแหล่งแร่ธาตุล้ำค่าเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

บทความจากสถาบันฯ ยืนยันว่านี่คือ "ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับแร่ธาตุที่สำคัญ" และระบุว่าซาอุฯ อยู่ในตำแหน่งสำคัญที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในด้านพลังงานสะอาด เนื่องจากอยู่ท่ามกลางภูมิภาคที่มีแร่ธาตุมากมายทอดยาวตั้งแต่แอฟริกาไปจนถึงเอเชียกลาง ความสำคัญของแร่ธาตุล้ำค่าที่สำคัญในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้า, คอมพิวเตอร์, สมาร์ตโฟน, แผงเซลล์แสงอาทิตย์, ไมโครชิป และฟาร์มกังหันลม จะมีการหารือกันในการประชุม ฟิวเจอร์ มิเนอรัลส์ ฟอรัม (Future Minerals Forum หรือ FMF) ณ กรุงริยาด เดือนมกราคมนี้

ทางสถาบันฯ แนะว่า จำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นในระยะยาวและแผนชัดเจน ความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับมีความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสนี้ ทั้งรัฐบาล, บริษัท และชุมชนต้องร่วมกันคิดใหม่ถึงวิธีการสกัดและใช้แร่ธาตุในระดับโลก และสร้างห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

อย่างไรก็ดี สถาบันเพย์นตระหนักดีว่า ในทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนจากไฮโดรคาร์บอนมาใช้พลังงานสะอาดนั้นต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบปี

การประชุมที่ทรงอิทธิพล อาทิ การประชุม FMF ครั้งที่สอง ซึ่งมีรัฐมนตรีด้านเหมืองแร่และทรัพยากรของรัฐบาลเข้าร่วม 55 คน วิทยากร 200 คน และผู้แทน 13,000 คนมารวมตัวกัน ต้องวางรากฐานสำหรับการอภิปรายแบบมีพลวัต โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการโดยตรงในทันที กระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรธรณีซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม FMF ในกรุงริยาด กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญในการร่วมงานกับพันธมิตรจำนวนมากเพื่อสร้างตลาดที่มั่นคงและรับประกันความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความร่วมมือกันในระดับสูงภายในอุตสาหกรรมแร่ธาตุ

ทั้งนี้ ซาอุฯ กำลังมองหาการลงทุนมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในการผลิตเหมืองแร่ระดับโลก แม้ว่าการลงทุนด้านไฮโดรคาร์บอนในตะวันออกกลางจะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยก็ตาม

บทความจากสถาบันฯ สรุปว่า ซาอุดีอาระเบียอยู่ในจุดที่สามารถจัดการเจรจาเกี่ยวกับวิธีการใช้ประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ทางแร่ของภูมิภาคนี้ได้

อ่านรายงานฉบับเต็มได้โดยดาวน์โหลดผ่านลิงก์ https://bit.ly/3G26EQl

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1973377/Future_Minerals_Forum_Logo.jpg

New driving force for featured culture tourism in Yufeng District, Liuzhou City, Sharing the Future with Poetry

 


"In front of the Po'e Mountain, the jade-like river water flows to the east, and a literatus is standing at the bow in the distance." (by Liu Zongyuan, Tang Dynasty, The Reply to Cao Shiyu's Letter When He Passing Xiangxian County). Under the Po'e Mountain, the millennial ancient town and white sand with snail is the cultural tourist IP newly cultivated in Yufeng District, Liuzhou City. As the core area of inheriting historic culture in Liuzhou City, Yufeng District deeply digs its own resource endowment, strives for innovation and changes while adhering to the tradition, and comprehensively promotes the cultural tourism industry in its jurisdiction to take a new step of high-quality development.

The number of tourists in 2021 was 8,966,800, a year-on-year increase of 16.43%; Tourism consumption registered 10.181 billion yuan, a year-on-year increase of 17%. In the first half of 2022, the total number of tourists and total tourism consumption ranked first in all counties and districts of Liuzhou City. Yufeng District has successively won the honorary titles of the Hometown of Chinese Folk Culture and Art and the Demonstration District of Ecologic Tourism throughout Guangxi, according to the Publicity Department of Yufeng District.

Highlight the background color with culture as the spirit

Yufeng District is located in the south of Liuzhou City, and is the birthplace of Liujiang men - one of the earliest ancient humans in China, with a long historical accumulation and abundant national cultural connotations. There are 11 national 4A-level tourist attractions in the jurisdiction, including Liyufeng with mountain peaks and green pond, Bailiandong Cave Science Museum with a long history, the century-old Liuzhou Industrial Museum and Liuzhou River Snail Rice Noodle Industrial Park where brands gather. Liyong Town and Baisha Town have an elegant natural scenery, including the lawn at the river beach, the birds in the sandbank, the flying waterfalls, the flowing springs, the clear stream, and the caves. Yufeng District fully utilizes and inherits the resource advantages of Liuzhou's historical and cultural core area, integrates in multiple dimensions, and constantly highlights the gold business cards of "snail culture", "folk song culture" and "prehistoric culture".

Strengthen development while taking projects as key point

To achieve high-quality development, the project support is indispensable for the cultural tourism industry. Yufeng District insists on taking the project as the key point, promotes the construction of cultural tourism projects at a high level, actively carries out the investment attraction of cultural tourism industry, and cultivates a batch of cultural tourism projects with strong driving ability and wide radiation range through attracting investment and major support. It has successively built the new museum of Liuzhou Bailiandong Cave Science Museum, the exhibition hall of Liuzhou Bauhinia Cultural Creativity Gallery, and Snail Street in Yaobu Ancient Town in Liuzhou, introduced the 5G+VR science and technology theme park - Xiangyun Snail Park, and accelerated the projects of Yufeng Sports Park, Liuzhou Wolong Lake International Tourist Resort, and Longdu Tourist Road, injecting new power and adding new vitality to the economic development in the jurisdiction, and exploring new spaces.

Add vitality focusing on features

River snail rice noodle is a street delicacy in Liuzhou City. In 2016, Yufeng District took the lead in eating crabs, and moved street food into the park for large-scale and brand production, to build the Liuzhou River Snail Rice Noodle Industrial Park. At present, the park has introduced 48 enterprises engaged in river snail rice noodle, with a daily production and marketing of nearly 4 million bags, making it the largest producing area of bagged river snail rice noodle in China. Taking industry as the carrier, the park will turn into a scenic spot, and change diners into tourists, while Yufeng District will deeply cultivate the river snail rice noodle culture and launch four cultural experience tourist routes for river snail rice noodle, namely traceability tour, experience tour, country tour, etc. to fully display the historical origin, cultural connotation and development history of Liuzhou river snail rice noodle, and to constantly enhance the popularity and influence of Liuzhou river snail rice noodle industry, and at the same time, constantly release its cultural charm.

Source: The Publicity Department of Yufeng District

Image Attachments Links:

Link: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=436772

Caption: Tangxun Bay, Liyong Town, Yufeng District

ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวภูเขานานาชาติแต่งตั้งสภาและคณะผู้นำชุดใหม่

 ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวภูเขานานาชาติ (IMTA) ได้จัดการประชุมใหญ่ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยสมาชิก 138 รายจาก 5 ทวีปได้ร่วมการประชุมผ่านวิดีโอ ขณะที่กลุ่มผู้นำภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวภูเขานานาชาติได้ทบทวนผลงานตลอด 5 ปี และนำเสนอเป้าหมายการพัฒนาสำหรับอีก 4 ปีข้างหน้าและแผนการทำงานสำหรับปี 2566 ที่ประชุมใหญ่ได้พิจารณาและรับรองบันทึกการแก้ไขบัญญัติภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวภูเขานานาชาติ (Statues of the International Mountain Tourism Alliance) และประเด็นอื่น ๆ

ที่ประชุมใหญ่ได้เลือกสภาชุดที่สองและคณะผู้นำโดยการลงคะแนนลับ โดยคุณโดมินิก เดอ วิลแปง (Dominique de Villepin) ได้รับเลือกเป็นประธาน IMTA อีกครั้ง ส่วนคุณเหอ หยาเฟ่ย (He Yafei) เป็นรองประธานและเลขาธิการ คุณแพนซี โฮ (Pansy Ho) เป็นรองประธาน และคุณฟู่ หยิงฉุน (Fu Yingchun) เป็นรองประธานและเลขาธิการบริหาร นี่คือกลุ่มผู้นำที่มีความคิดล้ำหน้า เพียบพร้อมด้วยความเป็นมืออาชีพ วิสัยทัศน์ระดับนานาชาติ และมีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเขาจะนำ IMTA ไปสู่อนาคตที่สดใส

ที่ประชุมใหญ่ยังได้เลือกสภาชุดที่สองด้วย ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 41 รายจาก 22 ประเทศและเขตแดนใน 3 ทวีป โดยคุณฟรานเชสโก ฟรานกัลลี (Francesco Francalli) อดีตเลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) คุณเว่ย เสี่ยวอัน (Wei Xiao 'an) ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวจีน คุณซู จิง (Xu Jing) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแปซิฟิกประจำองค์การการท่องเที่ยวโลก คุณอู๋ เสี่ยวลี่ (Wu Xiaoli) รองผู้อำนวยการสถานีสารสนเทศ บริษัทฟีนิกซ์ ทีวี (Phoenix TV) และคุณเฉิน ผิง (Chen Ping) รองประธานองค์การระหว่างประเทศเพื่อศิลปะพื้นบ้าน (IOV) ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาในฐานะบุคคล ส่วนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์นันทนาการ (RVIA) ดอปเพลไมเออร์ ไซบาห์เนิน (Doppelmayr Seilbahnen GmbH) ไชม์ลอง กรุ๊ป (Chimelong Group) ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโลก (GTERC) และสถาบันอื่น ๆ อีก 32 แห่ง ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาในฐานะสถาบัน บุคคลและสถาบันที่เก่าแก่และเพียบพร้อมด้วยความสามารถและประสบการณ์เหล่านี้ ล้วนมีอิทธิพลระดับนานาชาติในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยจะส่งเสริม IMTA ไปสู่เป้าหมายของการเป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวภูเขาและรูปแบบองค์กรระหว่างประเทศ พร้อมสร้างองค์กรการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีโครงสร้างเหมาะสม ความสามารถยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์กว้างไกล ความกล้าที่จะพัฒนา ความสามัคคีและความร่วมมือ และได้รับความไว้วางใจจากสมาชิก IMTA

นอกจากนี้ องค์กร 19 แห่งยังร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของ IMTA ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสมาพันธ์การเดินแบบนอร์ดิกนานาชาติ (INWA) รัฐบาลจังหวัดปิชินชาของเอกวาดอร์ และคณะกรรมการการท่องเที่ยวกรันกานาเรียแห่งสเปน นับจนถึงปัจจุบัน IMTA มีองค์กรและบุคคลเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิม 126 ราย เป็น 194 ราย ส่วนจำนวนประเทศและเขตแดนที่เป็นสมาชิกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากเดิม 29 แห่ง เป็น 34 แห่ง จำนวนสมาชิกที่ว่านี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ปรับโครงสร้างและแผนผังสมาชิกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1975544/1.jpg

International Mountain Tourism Alliance has Elected New Council and Leadership

 On December 27, the second General Assembly of International Mountain Tourism Alliance(IMTA) was held successfully. 138 members from five continents gathered by video conference. Leaders of IMTA reviewed the five years of work and proposed the development goals for the next four years and the work plan for 2023. The assembly deliberated and adopted the amendment note of the Statues of the International Mountain Tourism Alliance and other related matters.

The assembly elected the second Council and leadership by secret ballot. Dominique de Villepin was re-elected as Chairman of IMTA, He Yafei as Vice Chairman and Secretary-General, Pansy Ho as Vice Chairman, and Fu Yingchun as Vice Chairman and Executive Secretary-General. This is a group of leaders with advanced ideas, professionalism, international vision and extensive influence in the domestic and international industries. In the coming years, they will lead IMTA to a brilliant future.

The assembly also elected the second Council, consisting of 41 members from 22 countries and regions on three continents. Francesco Francalli, former Secretary-General of the World Tourism Organization(UNWTO), Wei Xiao 'an, well-known Chinese tourism expert, Xu Jing, former Director of the Asia Pacific Department of UNWTO, Wu Xiaoli, Deputy Director of the Information Station of Phoenix TV, and Chen Ping, global Vice President of the Internationale Organisation Fuer VOLKSKUNST(IOV) were elected as individual councils. The Recreation Vehicle Industry Association (RVIA), Doppelmayr Seilbahnen GmbH, Chimelong Group, Global Tourism Economy Research Centre(GTERC) and other 32 institutions were elected as group councils. These senior, competent and experienced individual and group councils with international influence in the tourism industry and related fields will further promote IMTA towards the goal of becoming a world famous platform for mountain tourism and an international organization model, and build an international tourism organization with reasonable structure, excellent ability, broader vision, courage to develop, unity and cooperation, and trusted of IMTA members.

In addition, 19 organizations have joined IMTA as new members, including the International Nordic Walking Association(INWA), the Pichincha Provincial Government of Ecuador, and the Gran Canaria Tourism Board of Spain. So far, the membership of IMTA has increased from 126 organizations and individuals at the beginning to 194, and the number of member countries and regions has also increased from 29 to 34. The membership has been continuously expanded, and the membership structure and layout have been further optimized.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1975544/1.jpg

ซิโนเปคเปิดตัวรายงานแนวโน้มพลังงานจีนปี 2603 ตอกย้ำแนวทางใหม่ในการพัฒนาการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

 


บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ปอเรชัน (China Petroleum & Chemical Corporation) หรือซิโนเปค (Sinopec) (HKG: 0386) เผยแพร่รายงานแนวโน้มพลังงานจีน (China Energy Outlook) ปี 2603 ("รายงานแนวโน้ม") อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ณ กรุงปักกิ่ง รายงานฉบับนี้เป็นผลการวิจัยที่เปิดเผยต่อสาธารณะครั้งแรกของซิโนเปคเกี่ยวกับแนวโน้มพลังงานระยะกลางและระยะยาว นำเสนอมุมมองใหม่ในการวางแผนเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านและการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานและเคมีของจีน และอยู่ภายใต้บริบทเป้าหมายคาร์บอนคู่ (Dual Carbon) ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งเป้าบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2603

รายงานแนวโน้ม ซึ่งเป็นโครงการของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและการพัฒนาซิโนเปค (Sinopec Economics & Development Research Institute) คาดว่า การบริโภคพลังงานหลักของจีนจะแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 6.03 พันล้านตันของการใช้ถ่านหินมาตรฐานในระหว่างปี 2573-2578 และลดลงเหลือประมาณ 5.6 พันล้านตันในปี 2603 การปล่อยคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 9.9 พันล้านตัน ภายในปี 2573 เมื่อไม่นับรวมการกักเก็บคาร์บอนจากการใช้พลังงานจากวัตถุดิบ และลดลงเหลือ 1.7 พันล้านตันในปี 2603 โดยบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนผ่านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และคาร์บอนซิงค์ รวมถึงวิธีการอื่นๆ

รายงานฉบับนี้กล่าวถึงรายละเอียดการใช้พลังงานและการคาดการณ์การปล่อยคาร์บอนของจีนในช่วงสำคัญจนถึงปี 2603 โดยนำเสนอแนวคิด "สามเหลี่ยมสมดุลพลังงาน" จากงานวิจัยที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การพัฒนาพลังงานโลก ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพลังงาน เทรนด์สำคัญ และแนวทางการพัฒนาพลังงานในอนาคต

นอกจากนี้ รายงานยังเสนอแผนงานสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของจีนตามแนวคิดสามเหลี่ยมพลังงาน ซึ่งอาศัยการจัดการความท้าทายด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน เน้นย้ำความเร่งด่วนของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว และการประสานงานเป้าหมายการพัฒนา รายงานยังเน้นย้ำความสำคัญของการผนวกรวมทิศทางทั่วไป วัตถุประสงค์ และหลักการของความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเข้ากับแนวทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

จ้าว ตง (Zhao Dong) ประธานของซิโนเปค กล่าวว่า "รายงานแนวโน้มเป็นความสำเร็จล่าสุดของซิโนเปค ในการสำรวจการพัฒนาพลังงานคุณภาพสูงในจีน และยังสะท้อนถึงข้อสังเกตและความเข้าใจของเราต่อกฎของวิวัฒนาการพลังงาน ด้วยการตัดสินอย่างเป็นระบบต่อแนวโน้มในอนาคตของการพัฒนาพลังงานจีน" พร้อมเสริมว่า "เราหวังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งหมด เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและกระชับความร่วมมือรอบด้านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการวิจัยและผลลัพธ์ด้านพลังงานที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น และมีส่วนร่วมในการเร่งวางแผนและการสร้างระบบพลังงานใหม่ และรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ"

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของซิโนเปค

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1975332/image_1.jpg


จีนจัดการประชุมออนไลน์เผยความสำเร็จของโครงการโรงไฟฟ้าเสมือนจีน-มาเลเซีย

 


การประชุมว่าด้วยความสำเร็จของโครงการโรงไฟฟ้าเสมือนจีน-มาเลเซีย (China-Malaysia Virtual Power Plant Project Achievements Conference) และการประชุมว่าด้วยการพัฒนาโรงไฟฟ้าเสมือนจีน-มาเลเซีย (China-Malaysia Virtual Power Plant Development Cloud Forum) ได้จัดขึ้นทางออนไลน์โดยบริษัท เซี่ยงไฮ้ เอนเนอร์จี เทคโนโลยี ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด หรือ เอสอีทีดี (Shanghai Energy Technology Development Co., Ltd. หรือ SETD) ในวันที่ 30 ธันวาคม เพื่อร่วมกันสำรวจแนวโน้มการพัฒนาโรงไฟฟ้าเสมือน ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ

เอสอีทีดี อยู่ในเครือบริษัท สเตท พาวเวอร์ อินเวสเมนต์ คอร์ปอเรชัน จำกัด (State Power Investment Corporation Limited) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับจีนและมาเลเซีย ทั้งในส่วนของการสร้างความร่วมมือในธุรกิจโรงไฟฟ้าเสมือน รวมถึงการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในฐานะที่เป็นส่วนสำคัญในการพลิกโฉมระบบพลังงานใหม่ โรงไฟฟ้าเสมือนมีการเติบโตมากขึ้นทั้งในส่วนของการสนับสนุนด้านนโยบาย การตรวจสอบทางเทคนิค รูปแบบธุรกิจ ฯลฯ

ในปี 2565 เอสอีทีดีได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในจีนและมาเลเซียและคู่ค้า จัดทำรายงานการวิจัยในหัวข้อ การวิเคราะห์ศักยภาพการพัฒนาและโอกาสสร้างความร่วมมือของโรงไฟฟ้าเสมือนในจีนและมาเลเซีย (Development Potential Analysis and Cooperation Prospect of VPP in China and Malaysia) ทั้งฉบับภาษาอังกฤษและภาษาจีน

รายงานดังกล่าวได้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับพลังงานและสถานะการพัฒนาไฟฟ้าของจีนและมาเลเซีย รวมถึงศักยภาพการพัฒนาโรงไฟฟ้าเสมือนในสองประเทศ นอกจากนั้นยังนำเสนอการออกแบบแผนงานสำหรับโรงไฟฟ้าเสมือนในมาเลเซีย ตลอดจนข้อเสนอแนะสำหรับการสร้างความร่วมมือทวิภาคีในด้านนี้

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ร่วมอภิปรายได้แลกเปลี่ยนมุมมองและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานะการพัฒนาและแนวโน้มของพลังงานใหม่และการกักเก็บพลังงานในมาเลเซีย รวมถึงศักยภาพการพัฒนา การวิจัยทางเทคนิค การก่อสร้างและการดำเนินงาน และรูปแบบธุรกิจของโรงไฟฟ้าเสมือน

ท่ามกลางคลื่นลูกใหม่ของการปฏิวัติพลังงานซึ่งได้รับอิทธิพลจากการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากพลังงานใหม่ในระดับใหญ่ โรงไฟฟ้าเสมือนมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการพัฒนาระบบไฟฟ้า

ในอนาคต จีนและมาเลเซียจะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว คาร์บอนต่ำ และอัจฉริยะ ตลอดจนมีส่วนร่วมมากขึ้นในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อมวลมนุษยชาติ

ที่มา: บริษัท เซี่ยงไฮ้ เอนเนอร์จี เทคโนโลยี ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด

ลิงก์รูปภาพประกอบข่าว:

ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=436765

คำบรรยายภาพ: การประชุมว่าด้วยความสำเร็จของโครงการโรงไฟฟ้าเสมือนจีน-มาเลเซีย จัดขึ้นทางออนไลน์ในวันที่ 30 ธันวาคม

CGTN: ภาคเอกชนมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

 


เหล่าผู้นำจีนได้ให้คำมั่นอย่างหนักแน่นว่า จะสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากภาคเอกชนที่เติบโตอย่างรวดเร็วมีส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพ ส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยี และช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

การประชุมงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางของจีน (Central Economic Work Conference) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานด้านเศรษฐกิจในปี 2566 โดยในที่ประชุมได้เรียกร้องให้มีการปฏิบัติต่อองค์กรเอกชนอย่างเท่าเทียมกัน และให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายในทรัพย์สินขององค์กรเอกชนและผลประโยชน์ของผู้ประกอบการ

ที่ประชุมคาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นโดยภาพรวมและจะมีการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งในการประชุมตลาดในปีหน้า โดยที่ประชุมสนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มขึ้นในการก่อสร้างโครงการสำคัญ ๆ ระดับชาติ

แม้เผชิญกับอุปสรรคจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจในภาคเอกชนของจีนก็ยังเติบโตแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 - ส.ค. 2565 จำนวนองค์กรเอกชนจีนเพิ่มขึ้นจาก 35.2 ล้านแห่ง สู่ 47.0 ล้านแห่ง และในปี 2564 องค์กรเอกชนมีสัดส่วนคิดเป็น 92.1% ขององค์กรทั้งหมดในจีน

ในปี 2564 ภาคเอกชนคิดเป็นสัดส่วนในการค้ากับต่างประเทศถึง 48.6%, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร 56.5%, รายได้ทางภาษีอากร 59.6%, GDP มากกว่า 60%, นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมากกว่า 70% และการจ้างงานในเมืองมากกว่า 80%

ธุรกิจเอกชนในจีนมีมูลค่าทางการค้ากับต่างประเทศอยู่ที่ 19 ล้านล้านหยวน (2.7 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 26.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าของวิสาหกิจที่ลงทุนโดยต่างชาติ (FIE) ซึ่งอยู่ที่ 14.03 ล้านล้านหยวน และของรัฐวิสาหกิจที่ 5.94 ล้านล้านหยวน

องค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งของจีน

องค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งของจีนมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเกณฑ์สำหรับการติดอันดับ ซึ่งคิดจากรายได้จากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นจาก 2.02 หมื่นล้านหยวนในปี 2562 เป็น 2.64 หมื่นล้านหยวนในปี 2564

นอกจากนี้ องค์กรเหล่านี้ยังได้ส่งเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในการค้ากับต่างประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกขององค์กรเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 1.212 แสนล้านหยวนในปี 2562 เป็น 2.454 แสนล้านหยวนในปี 2564

ในปี 2564 รายได้รวมขององค์กรเอกชน 500 อันดับแรกแตะที่ 38.3 ล้านล้านหยวน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.73 ล้านล้านหยวน ซึ่งองค์กรเหล่านี้จ่ายภาษีสูงถึง 1.37 ล้านล้านหยวน และสร้างงาน 10.9 ล้านตำแหน่ง

มากกว่า 60% ขององค์กรเอกชนชั้นนำ 500 แห่งมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมทุติยภูมิ โดยมีจำนวนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตคิดเป็น 60.2% และมีรายได้คิดเป็น 58.8%

ในบรรดาองค์กร 500 อันดับแรก มีองค์กร 393 แห่งที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของจีน โดยองค์กร 107 แห่งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง และ 92 แห่งอยู่ในมณฑลเจียงซู ขณะที่องค์กรอีก 60 แห่งอยู่ทางตอนกลางของจีน 40 แห่งอยู่ทางตะวันตกจีน และอีก 7 แห่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

นอกจากนี้ องค์กรเอกชน 500 อันดับแรกของจีนได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยถือครองสิทธิบัตรอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นจาก 398,215 รายการในปี 2562 สู่ 633,922 รายการในปี 2564 ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว จำนวนสิทธิบัตรที่ถูกต้องทั้งหมดเพิ่มขึ้น 53.6% จากปีก่อนหน้า ขณะที่สิทธิบัตรระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 474.7% เมื่อเทียบปีเป็นรายปี

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอย่างหัวเว่ย (Huawei), อาลีบาบา (Alibaba) และเทนเซ็นต์ (Tencent) เป็นผู้ลงทุน 3 อันดับแรกในด้านการวิจัยและพัฒนาเกือบทั้งหมดในปี 2564 โดยหัวเว่ยลงทุน 1.427 แสนล้านหยวน อาลีบาบาลงทุน 5.78 หมื่นล้านหยวน และเทนเซ็นต์ลงทุน 5.19 หมื่นล้านหยวน

https://news.cgtn.com/news/2022-12-29/Graphics-Private-sector-helps-boost-COVID-19-hit-economy-in-China-1g9TpKJsCXK/index.html

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1975421/image_5009787_56177457.jpg


China-Malaysia virtual power plant project achievements released via online forum


On December 30, the "China-Malaysia Virtual Power Plant Project Achievements Conference and China-Malaysia Virtual Power Plant Development Cloud Forum" was held online by SPIC Shanghai Energy Technology Development Co., Ltd. (hereafter as SETD) to jointly explore the development trend of virtual power plants under the worldwide green and low-carbon transformation
.

Shanghai Energy Technology Development Co., Ltd. (SETD) is a subsidiary of China's State Power Investment Corporation Limited which is one of the five largest power generation groups. This event is of great significance for China and Malaysia in the cooperation of virtual power plant business and promotes the green and low-carbon energy transformation.

In recent years, as an important configuration in the transformation of new power system, virtual power plant has become increasingly mature in policy support, technical verification and business model, etc.

In 2022, SETD, together with domestic and Malaysian universities and counterparts, led the preparation of the research report Development Potential Analysis and Cooperation Prospect of VPP in China and Malaysia both in English and Chinese.

The report offers an in-depth analysis of the energy and power development status of China and Malaysia and the development potential of virtual power plants in the two countries. It also puts forward a preliminary design of the operation scheme of virtual power plants in Malaysia, as well as suggestions for bilateral cooperation in this field.

At the forum, the panelists exchanged views and gave suggestions around the development status and trend of new energy and energy storage in Malaysia, and the development potential, technical research, construction and operation and business model of virtual power plant.

In the new wave of energy revolution characterized by large-scale development and utilization of new energy, virtual power plant has played an increasingly important role in the energy transformation and development of power system.

Looking forward, China and Malaysia will work together to promote green, low-carbon and smart energy transition and make new contributions to tackling climate change and achieving sustainable development for mankind.

Source: Shanghai Energy Technology Development Co., Ltd.

Image Attachments Links:

Link: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=436765

Caption: China-Malaysia Virtual Power Plant Project Achievements Conference was held online on Dec. 30.

เวียดนามประกาศเป็นเจ้าภาพมิส โกลบอล ประจำปี 2566 มุ่งพลิกวงการประกวดนางงาม โดยมียูเอ็นเป็นผู้สนับสนุน



เวียดนามได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการความงามระดับโลก หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเวทีประกวดนางงามในระดับสากล เวียดนามจึงขอคว้าโอกาสนี้ในการประกาศเป็นเจ้าภาพเวทีการประกวดนางงามที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างมิส โกลบอล (Miss Global) ในปี 2566 สำหรับผู้หญิงและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอายุ 18-35 ปี สำหรับปีนี้ การประกวดดังกล่าวเป็นที่ยอมรับและได้รับคำมั่นในการสนับสนุนจากองค์กรระดับนานาชาติในสังกัดสหประชาชาติ รวมถึงยูเนสโก (UNESCO) และองค์การสิทธิมนุษยชน




ปี 2566 จะเป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของเวทีมิส โกลบอล ซึ่งมีผู้สมัครเข้าประกวดจากประเทศต่าง ๆ รวมถึง 100 ราย ผู้ร่วมประกวดแต่ละรายล้วนมีจุดแข็งของตนเอง และได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีสำหรับการประกวดมิส โกลบอล ปี 2566

ระบบสนับสนุนที่แข็งแกร่ง

คุณเคตา เอส ชีค (Keita S. Cheick) ทูตองค์กรสิทธิมนุษยชนจากสหประชาชาติ เชื่อว่ามิส โกลบอล ปี 2566 ในเวียดนาม จะสื่อความหมายที่ลึกซึ้งในการเสริมสร้างพลังหญิง สุขภาพ และเวียดนามโดยรวม ประเทศนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมโดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นยุทธศาสตร์ ภูมิประเทศอันน่าทึ่ง ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็เติบโตได้อย่างรวดเร็วแม้จะมีความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากการระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับสหประชาชาติกับมิส โกลบอล และเวียดนาม เพราะเวทีนี้ช่วยเผยแพร่ข้อความแห่งวัฒนธรรมและความสุขของผู้หญิงและคนหนุ่มสาวไปทั่วโลกได้

ปรารถนาที่จะแตกต่าง

ในการเปิดฉากอีเวนต์ที่ทั้งโดดเด่น ล้ำสมัย และน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบสุดท้ายเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมหลายหมื่นคน ทางผู้จัดมิส โกลบอล จึงได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยีฉายภาพที่มีความแปลกใหม่ เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศทางวัฒนธรรม แฟชั่น และศิลปะ อย่างที่อีเวนต์หรือการประกวดอื่น ๆ ไม่เคยทำมาก่อน นอกจากนี้ ยังได้จัดงานแถลงข่าวโดยมีการแสดงโมเดลและงานศิลป์ต่าง ๆ เป็นไฮไลท์ เพื่อโชว์ความเป็นมิส โกลบอล อย่างเต็มที่ด้วย

ผู้หญิงที่เหนือกว่าความงาม

คุณอองรี อูแบร์ (Henri Hubert) หัวหน้าครีเอทีฟของเลอ นอม เวียดนาม (Le Nom Vietnam) ซึ่งเป็นผู้จัดการประกวดมิส โกลบอล ปี 2566 กล่าวว่า "มิส โกลบอล จะเป็นงานระดับนานาชาติแห่งปีของเวียดนามเริ่มจากปี 2566 โดยจะเป็นมากกว่าการประกวดความงามทั่วไป และจะขับเน้นให้เห็นบทบาทของความงามในการพัฒนาสังคมและทั้งโลก นอกจากนี้ยังจะนำเสนอในรูปแบบงานที่น่าหลงใหล เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวคิดสุดล้ำและคอนเซปต์ที่น่าสนใจมากมาย ผ่านภาพและการแสดงที่ยอดเยี่ยม นับเป็นโอกาสทองในการนำเสนอค่านิยม ความงาม และวัฒนธรรมเวียดนาม เพื่อดันเวียดนามให้เข้าใกล้โลกของเรามากขึ้นและในทางกลับกัน"

ในการประกวดมิส โกลบอล ปี 2566 นั้น การเดินทางของผู้ร่วมประกวดจะได้รับการเผยแพร่เป็นสารคดี และจะฉายให้ทั่วโลกได้เห็น นอกจากนี้ มิส โกลบอล ยังเป็นการประกวดนางงามรายการแรกและหนึ่งเดียวที่จะออกอากาศสดทางเอเอ็กซ์เอ็น เอเชีย (AXN Asia) ซึ่งเป็นช่องความบันเทิงภาษาอังกฤษชั้นนำของเอเชีย

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1975156/image1.jpg
คำบรรยายภาพ - มิส โกลบอล ปี 2565 เชน ทอร์เมส จากฟิลิปปินส์

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1975157/image2.jpg
คำบรรยายภาพ - คุณเคตา เอส ชีค (คนที่สามจากซ้าย) และคณะผู้จัดการประกวดมิส โกลบอล ปี 2566

CGTN: ท่าเรืออัจฉริยะของจีนหนุนการขนส่งสินค้าคึกคัก แม้เผชิญโควิด-19

 ท่าเรือชิงเต่า (Qingdao Port) ในประเทศจีน ซึ่งอยู่ในเครือบริษัท ซานตง พอร์ต กรุ๊ป (Shandong Port Group) และเป็นท่าเรือการค้าต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองในมณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน มีเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่พิเศษเข้าจอดทอดสมอเพิ่มมากขึ้น จากการรายงานของไชน่า มีเดีย กรุ๊ป (China Media Group หรือ CMG)

ท่าเรือชิงเต่ารองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่พิเศษมากกว่า 300 ครั้ง โดยทั่วไปเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่พิเศษจะมีความยาว 400 เมตร และมีความสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 20,000 ทีอียู (TEU)

นอกจากนี้ ท่าเรือชิงเต่ายังรองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 200 เมตร มากกว่า 3,900 ครั้ง เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากการรายงานของไชน่า มีเดีย กรุ๊ป

การจัดการการขนส่งสินค้าจำนวนมากภายใต้ผลกระทบของโควิด-19 ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนแรงงานลดลง อย่างไรก็ตาม อัตราการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือชิงเต่าก็ยังเพิ่มขึ้น 16% ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน อันเนื่องมาจากระบบอัจฉริยะของท่าเรือที่สร้างสถิติใหม่ในระดับโลก

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อท่าเรือและอุตสาหกรรมการขนส่งทางน้ำทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ท่าเรือหลัก ๆ ของจีนยังคงมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเพิ่มขึ้น และมีความก้าวหน้าอย่างมากในการก่อสร้างท่าเรือดิจิทัลอัจฉริยะ จนเป็นผู้นำในการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะทั่วโลก

ท่าเรือชิงเต่าเป็นท่าเรือแห่งแรกของโลกที่มีระบบขนส่งอัจฉริยะแอร์แทร็ก (air-track) ที่สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ 1.5 ล้านทีอียูต่อปี ระบบดังกล่าวสร้างสถิติใหม่ของโลกเมื่อเดือนมิถุนายน จากการจัดการตู้คอนเทนเนอร์มากถึง 67.76 ทีอียูในหนึ่งชั่วโมง โดยมีค่าเฉลี่ย 60.18 ทีอียูต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 14.2% จากสถิติก่อนหน้า

ปัจจุบัน จีนเป็นผู้นำของโลกในด้านจำนวนท่าเทียบเรืออัตโนมัติ โดยมีทั้งที่สร้างเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จากการรายงานของกระทรวงคมนาคม โดยท่าเรือหลักทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้และเทียนจินมีการติดตั้งเครนสะพาน (Bridge Crane) หรือรางอัตโนมัติ

ศาสตราจารย์ หมี่ เว่ยเจียน (Mi Weijian) จากมหาวิทยาลัยการเดินเรือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Maritime University) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การลงทุนอย่างต่อเนื่องในท่าเรือในประเทศ และบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แนวคิดและแนวปฏิบัติในการก่อสร้างท่าเรืออัจฉริยะมีความล้ำสมัย

สำหรับท่าเรือองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ซานตง พอร์ต ไซเอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป (Shandong Port Science and Technology Group) ความร่วมมือภายในองค์กรเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่เดิมให้เป็นท่าเทียบเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ริมน้ำอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยลดต้นทุนโดยรวมลง 70% เมื่อเทียบกับท่าเทียบเรือที่สร้างขึ้นใหม่ จากการรายงานของสำนักข่าวซินหัว

"ตอนนี้เรามีทั้งท่าเทียบเรือแบบดั้งเดิม ท่าเทียบเรือกึ่งอัตโนมัติ และท่าเทียบเรืออัตโนมัติเต็มรูปแบบ" หวัง อวี้เซิง (Wang Yusheng) รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท กล่าว "การขนถ่ายสินค้าลงเรือและขึ้นจากเรือสามารถทำได้ในท่าเทียบเรือทั้งสามประเภท ทำให้ใช้ทรัพยากรของท่าเทียบเรือได้อย่างเต็มที่"

ลิงก์: https://news.cgtn.com/news/2022-12-28/Vitality-under-COVID-19-China-s-smart-ports-aid-increased-throughput-1g7OLnTDJtK/index.html  

Thursday, December 29, 2022

เกาหลีใต้ตั้งกลุ่มความร่วมมือเอื้อประโยชน์ผู้ผลิตในโครงการอาหารเสริมสารอาหาร รองรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างของสหประชาชาติ

สถาบันจัดซื้อจัดจ้างแห่งเกาหลี (KIP) บีเอสอาร์ โคเรีย คอร์ป (BSR KOREA Corp) และสถาบันวิจัยอาหารเกาหลี (KFRI) ได้จัดตั้งกลุ่มความร่วมมือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ผลิตอาหารสัญชาติเกาหลี 3 ราย ได้แก่ โซล เนเจอร์ ฟู๊ด (Soul Nature Food) เจ ฟู๊ด เซอร์วิส (J Food Service) และเคอีไอแอล คอร์ป (KEIL Corp) ตามโครงการอาหารเสริมสารอาหาร (Fortified Food Project) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท (MAFRA) ของเกาหลีใต้ ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อขึ้นทะเบียนผู้จำหน่ายรองรับการจัดซื้อจัดจ้างของสหประชาชาติ (UN) และการพัฒนารูปแบบธุรกิจส่งออก

ผู้ผลิตกลุ่มนี้ได้คิดค้นอาหารยามฉุกเฉินโดยมีข้าวเกาหลีเป็นส่วนประกอบหลักเป็นเวลา 3 ปี (2563-2565) เพื่อช่วยสร้างชุมชนที่มีความยั่งยืน บีเอสอาร์ โคเรีย ซึ่งเป็นองค์กรเจ้าภาพรายหนึ่ง เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตเข้าตลาดจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะในองค์กรสังกัดประชาชาติได้ เช่น โครงการอาหารโลก (WFP) โดยให้ความช่วยเหลือในการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด การสอบทานธุรกิจ กลยุทธ์เสนอราคา การเชิญชวนองค์กรนานาชาติ และกลยุทธ์การตลาดระดับโลก เช่นเดียวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์

โซล เนเจอร์ ฟู๊ด หนึ่งในผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ISO 14001 และ 9001 มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านอาหารทั่วไปและอาหารฟังก์ชันเพื่อสุขภาพ โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้พัฒนาอาหารประเภทธัญพืชในชื่อซูเปอร์ พาวเดอร์ (Super Powder) และซูเปอร์ ซีเรียล (Super Cereal) เพื่อใช้เป็นอาหารเติมโภชนาการยามฉุกเฉิน ทำให้พร้อมทานได้ในพื้นที่ห่างไกลแม้อยู่ในสภาวะที่จำกัด

เจ ฟู๊ด เซอร์วิส มีชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตพรีมิกซ์อาหารตามมาตรฐาน HACCP, HALAL และ SSC22000 โดยเป็นผู้พัฒนาเอเนอร์จีบาร์เพื่อใช้เป็นอาหารยามฉุกเฉิน รวมถึงผงผสมที่อุดมไปด้วยธัญพืช 8 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวกล้อง และข้าวบาร์เลย์

เคอีไอแอล คอร์ปอเรชัน มีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทางเลือกในเกาหลี ปัจจุบันกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตจากแมลงที่รับประทานได้ เคอีไอแอลเป็นผู้ให้บริการชีววัตถุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอันดับต้น ๆ ของเกาหลี และเป็นผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ในธุรกิจหนอนนก (mealworm) ชนิดรับประทานได้ โดยหนอนนกจัดว่าเป็นอาหารทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเคอีไอแอลหวังให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้ามามีบทบาทต่อสู้กับวิกฤติอาหารในชุมชนเปราะบาง เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน บีเอสอาร์ โคเรีย ได้เชิญชวนเจ้าหน้าที่จากองค์กรนานาชาติและหน่วยงานรัฐบาลในประเทศเคนยาและยูกันดา (รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรม) และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตที่ได้รับผลประโยชน์แนะนำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของตน โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น ผู้จัดจำหน่ายรายหลักในการจัดซื้อ และผู้ผลิต ได้ร่วมหารืออย่างสร้างสรรค์ พร้อมแบ่งปันแผนกลยุทธ์ของตนในการเข้าสู่ตลาดการจัดซื้อ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศและผู้จัดจำหน่ายรายหลัก ต่างยอมรับศักยภาพทางการแข่งขันของอาหารโภชนาการจากเกาหลี และเน้นย้ำว่าการหารือที่มีความหมายนี้จะนำไปสู่ความยืดหยุ่นและความยั่งยืนในห่วงโซ่อาหาร โดยหวังว่าบริษัทเกาหลีจะเล็งเห็นโอกาสในการเข้าสู่ตลาดการจัดซื้อจัดจ้างของสหประชาชาติในอนาคตอันใกล้นี้


Vietnam to transform the world's beauty pageant industry with Miss Global 2023, supported by the UN

 


Vietnam has made major changes to the global beauty rankings through remarkable achievements in recent international pageants. Grasping that opportunity, Vietnam announced to host Miss Global - one of the world's most prestigious beauty pageants in 2023 for women and single moms aged 18-35. This year, the contest has gained the commitment to be accompanied and supported by international organizations from the United Nations, including UNESCO and Human Rights.

2023 will be the year of the 10th anniversary of Miss Global, attracting 100 contestants from different nations. Each contestant has her own strengths and has thorough preparation for Miss Global 2023.    



Solid support system

Mr. Keita S. Cheick - Ambassador of Human Rights Organization from the United Nations - believes that Miss Global 2023 in Vietnam can convey deep meanings when dedicating to women empowerment, wellness and Vietnam as a whole. The country itself is unique and culturally significant with long history and strategic geographical location, breathtaking landscapes, along with rapid economic growth despite the unprecedented challenges of Covid-19 pandemic. This partnership will be an exciting journey for the United Nations with Miss Global and Vietnam, as this contest can spread the message of culture and happiness of women and young people to the world.

Desire to be different

To start the series of outstanding, modern and impressive events, especially the finale, capturing tens of thousands of spectators' attention, Miss Global organizer began with a top-notch visual launching, using unique mapping technologies to reminisce a cultural, fashion and artistic atmosphere that no other event or pageant has ever done. In order to show Miss Global to the fullest, the performance of models and artworks were also highlighted in the press conference.

Women beyond beauty

Mr. Henri Hubert, creative director of Le Nom Vietnam, the organizer of Miss Global 2023 shared: "Miss Global will be Vietnam's annual international event starting from 2023. This will go above and beyond a usual beauty contest, and will emphasize how beauty can contribute to the development of society and to the whole world. It will also be referred to as an enchanted event with unique ideas and interesting concepts through splendid visuals and performances. This is the golden opportunity to showcase Vietnam's values, beauty and culture, to bring Vietnam closer to the world and vice versa."

In Miss Global 2023, the journey of the contestants will be published as a documentary series and will be premiered widely around the world. This is also the first and only beauty pageant to be broadcast live by AXN Asia - an Asia's leading English-language general entertainment channel.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1975156/image1.jpg
Caption - Miss Global 2022 - Shane Tormes from the Philippines

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1975157/image2.jpg
Caption - Mr. Keita S. Cheick (third from the left) and the panel of Organizer of Miss Global 2023


บริษัทซังฟอร์ เทคโนโลยี ได้รับการเสนอชื่อ (Representative Vendor) ให้อยู่ในรายงานผลิตภัณฑ์การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่ายของทางบริษัท Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำ (Gartner(R) Market Guide for Network Detection and

      บริษัทซังฟอร์ เทคโนโลยี (Sangfor Technologies) (300454.SZ) ผู้จำหน่ายโซลูชั่นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำระดับโลก มีความภูมิใจที่จะประกาศว่า ทางบริษัทฯ ได้รับการเสนอชื่อ (Representative Vendor) ให้อยู่ในรายงานผลิตภัณฑ์การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่ายของทางบริษัท Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำ (Gartner(R) Market Guide for Network Detection and Response) ฉบับล่าสุด [1]

รายงานฉบับล่าสุดได้อัปเดตนิยามและคำอธิบายเกี่ยวกับการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่าย (Network Detection and Response) หรือ NDR โดยทางบริษัท Gartner ระบุว่า "องค์กรต่าง ๆ ควรที่จะมีการใช้งานโซลูชั่น NDR ในการตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์หรือการละเมิดข้อมูล เช่น แรนซัมแวร์ ภัยคุกคามจากคนในองค์กร หรือการขยายการโจมตีไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดย NDR ช่วยเติมเต็มข้อจำกัดของเทคโนโลยีทางด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้อื่น ๆ ที่มีการใช้งานอยู่ ด้วยการสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของเครือข่ายปกติและตรวจจับความผิดปกติ" นอกจากนี้ ภายในรายงานยังเผยแพร่คำแนะนำ ทิศทางตลาดและการวิเคราะห์ รวมถึงตัวอย่างรายชื่อผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่าย (Network Detection and Response) 19 รายจากทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการลงทุนในโซลูชั่น NDR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คาเดน จาง (Kaden Zhang) ประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศของซังฟอร์ กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเสนอชื่อ (Representative Vendor) ให้อยู่ในรายงานผลิตภัณฑ์การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่ายของทางบริษัท Gartner จากโซลูชั่น NDR-Cyber Command ซังฟอร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับแนวหน้าของโลกให้แก่ลูกค้าของเรา โดยเราเชื่อว่าการได้รับการเสนอชื่อจาก Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำของโลก ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพอันโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ Network Detection and Response (NDR) ที่สามารถช่วยปกป้ององค์กรของท่านจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน"

ที่มา

[1] Gartner Inc., รายงานผลิตภัณฑ์การตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามภายในระบบเครือข่าย, ทีมวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, 14 ธันวาคม 2565

เกี่ยวกับซังฟอร์ เทคโนโลยี

ซังฟอร์ (Sangfor) คือบริษัทฯ ชั้นนำระดับโลกจากเอเชียแปซิฟิก ผู้จำหน่ายโซลูชั่นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ คลาวด์คอมพิวติ้ง และโครงสร้างพื้นฐานทางไอที บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2561 (รหัสหุ้น 300454.SZ) บริษัทฯ มีพนักงานราว 9,500 คน มีสำนักงานกว่า 60 สาขา และให้บริการลูกค้ามากกว่า 100,000 รายทั่วโลก ซึ่งลูกค้าหลายรายเป็นบริษัทระดับโลกที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ใน 500 อันดับแรกจาก Fortune Global 500 ทั้งนี้ ซังฟอร์ยังให้บริการครอบคลุมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และโรงเรียนอีกด้วย

กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.sangfor.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นของซังฟอร์ และให้ซังฟอร์ช่วยทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของคุณปลอดภัยและง่ายดายขึ้น

พาวเวอร์ไชน่า ร่วมสร้างต้นแบบใหม่ของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

       โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง เวียดนาม วี1-2 (Viet Nam V1-2 Offshore Wind Power Plant Project) ได้ยกกังหันลมเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ตามเวลาท้องถิ่น โดยถือเป็นโครงการแรกของบริษัทพาวเวอร์ไชน่า (POWERCHINA) ที่ยกกังหันลมเสร็จเรียบร้อย และจะผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้ 180 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยของ 90,000 ครัวเรือนในท้องถิ่น อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาความต้องการไฟฟ้าของประเทศด้วยพลังงานหมุนเวียน

ฟาร์มกังหันลมดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณชายหาดบาด่ง (Ba Dong) ในจังหวัดจ่าวิญ (Tra Vinh) ประเทศเวียดนาม และจะขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในท้องถิ่นอย่างแน่นอน

ตู้ ไห่หยาง (Du Haiyang) ตัวแทนในเวียดนามของพาวเวอร์ไชน่า ระบุว่า นี่คือความสำเร็จครั้งแรกของการใช้งานกังหันลมที่ผลิตในจีนและเสาเดี่ยว (Monopile) ที่ออกแบบโดยพาวเวอร์ไชน่า ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในต่างประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานลมวี1-2 สะท้อนถึงศักยภาพของจีนในด้านการผลิต การออกแบบ และประสิทธิภาพ

นอกจากโครงการวี1-2 ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พาวเวอร์ไชน่ายังมีโครงการประปาวาวา (Wawa Water Supply Project) ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการก่อสร้าง

จ้าว จือหาว (Zhao Zhihao) ตัวแทนในฟิลิปปินส์ของพาวเวอร์ไชน่า เปิดเผยว่า เป้าหมายของโครงการนี้คือการบรรเทาความเครียดจากน้ำ (Water Stress) ในฝั่งตะวันออกของกรุงมะนิลา และโครงการนี้ยังเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วย

โครงการดังกล่าวนำน้ำจากลุ่มแม่น้ำวาวา (Wawa River) มาผ่านกระบวนการผลิตเป็นน้ำดื่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับกรุงมะนิลาและชุมชนโดยรอบในปริมาณ 80,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเมื่อแล้วเสร็จ และจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2568  

ในขณะที่ดำเนินโครงการเหล่านี้ พาวเวอร์ไชน่าต้องเผชิญกับผลกระทบจากความแตกต่างของนโยบายและสถานการณ์โรคระบาดในแต่ละประเทศ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว บริษัทยึดมั่นในการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละท้องถิ่น พร้อมกับเปิดกว้างในประเทศที่โครงการเหล่านี้ตั้งอยู่ และจ้างงานคนในท้องถิ่นมากขึ้น

ขณะเดียวกัน พนักงานชาวจีนจำนวนมากที่ปัจจุบันทำงานอยู่ในต่างประเทศได้อุทิศตนทำงานอย่างเต็มที่ โดยมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูงในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม

Korean Fortified Food Development for UN Organizations and WFP Procurement

      Under the Fortified Food Project funded by the Ministry of Agriculture, Food and Rural Affairs (MAFRA), for the purposes of vendor registration for UN procurement and development of export business model, a consortium has been formed by the Korea Institute of Procurement (KIP), BSR KOREA Corp and Korea Food Research Institute (KFRI) for the three beneficiary Korean food manufacturers (Soul Nature Food, J Food Service and KEIL Corp).

The manufacturers have developed emergency relief food with Korean rice as the main ingredient for 3 years (2020~2022) to contribute to sustainable communities. BSR KOREA, one of the host organizations indicated that this project is to support the manufacturers to enter the public procurement markets in UN organizations such as World Food Programme (WFP) by assisting strict quality control, due diligence, bidding strategies, invitation to international organizations, and global marketing strategies, as well as the product development.

Soul Nature Food, one of the manufacturers with ISO 14001 and 9001 is specialized in both general and health functional food. They recently have developed cereal-type food called Super Powder and Super Cereal as relief food to enable nutrition intake by simply cooking in remote areas with limited condition.

J Food Service is well known as a food premix manufacturer, acquired HACCP, HALAL and FSSC22000. They have developed energy bars as relief food, including an 8-grain powder mix containing non-glutinous rice, wheat, brown rice, and barley.

KEIL Corporation, aiming at the leader of the alternative food industries in Korea, is developing edible insect-derived hydrolyzed protein manufacturing technology. They are one of the Korea's representative green biomaterial providers and the strongest players engaging in the edible mealworm business. Mealworm is considered as the best alternative food to reduce carbon emission. KEIL values their products to fight the food crisis in vulnerable communities such as African countries.

On June 22nd, BSR KOREA invited officials from international organizations and government agencies in Kenya and Uganda (Minister and Vice Minister of Health Department, and Chairman of the Chamber of Commerce and Industry) and hosted a meeting to provide opportunities for the beneficiary manufacturers to introduce their products and technologies. The local government officials, procurement prime vendors, and the manufacturers had productive discussions by sharing their strategic plans for entering the procurement market.

Foreign high-level officials and prime vendors acknowledged the competitiveness of Korean nutrition food and emphasized that this meaningful discussion to seek will lead to food resilience and sustainable food chain. It is highly expected for Korean companies to recognize their possibilities to enter the UN procurement markets for the near future.

ugee brand new upgrade, unlock new possibilities for the future

      On December 28, 2022, ugee, the world-renowned digital handwriting brand, officially unveiled its new brand image.

Since the release of the first product, ugee has been accompanying users for 25 years. 1998, when the world entered the Internet era, ugee, as the first Chinese technology brand to open the door to digital drawing and writing, became a bridge linking digital technology with the world of pen and paper. In 2022, ugee (https://www.ugee.com/) has decided to accompany its users with a new brand image and the brand concept of "To Write, To Draw, To the New."

In this brand upgrade, ugee presents the new brand concept of "To Write, To Draw, To the New."

The new ugee focuses on the pan young age group of 5-30 years old, providing more novel and diversified drawing and writing experiences for drawing and writing enthusiasts, education and other diversified people. At the same time, ugee keeps the brand personality of "Friendly, Joyful, Diverse, Insightful", keeps innovating new forms of products, expands users' applications in the field of drawing and writing, and accompanies them to grow in the world of drawing and writing.

In addition, ugee launched a new VI visual image and IP image. the new VI visual composed of 4 lowercase letters brings a more simple and personalized expression for the brand, and brings a new visual experience for users in various fields; the dual IP images uu and gg are vivid personalized brand expressions that have emotional resonance with young and diversified users.

After years of deep industry development, ugee has successfully developed multiple product applications such as digital painting, digital handwriting (https://www.ugee.com/be-ugee-partner), intelligent handwriting education, and paper and pencil recording, and has provided rich and diverse products and services to millions of users in more than 30 countries and regions worldwide, such as digital painting beginners/enthusiasts, online teaching, and remote offices.

In the future, ugee will create more diverse digital drawing (https://www.ugee.com/drawing-monitors/u1200) and writing devices, opening a new world of digital drawing and writing for users and unlocking new possibilities for multiple application scenarios.

ugee official website is now synchronized with the update, more new upgrade details and innovative products, please pay close attention to the official website dynamic.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1974611/1281672109821__pic.jpg

Wednesday, December 28, 2022

มาดามทุสโซสิงคโปร์เปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งเทพโลกิครั้งแรกในเอเชีย

มาดามทุสโซสิงคโปร์ (Madame Tussauds Singapore) พร้อมเปิดให้สัมผัสเทพจอมเจ้าเล่ห์แล้ววันนี้ พร้อมเปิดตัวหุ่นจำลองเทพโลกิครั้งแรกในเอเชียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงชุดมาร์เวล (Marvel) ที่ประกอบด้วยตัวละครดังอย่างสไปเดอร์แมน (Spider-Man) และไอรอนแมน (Iron Man) แบบสมจริงโต้ตอบได้ หุ่นจำลองเทพโลกิถูกนำมาจัดแสดงในชุดสวมมงกุฎประจำตัว คทาเรืองแสง และเสื้อคลุมสีเขียวทอง มาพร้อมรายละเอียดที่สมจริงในขนาดเท่าคนจริง ไม่ต่างจากการได้ยืนเคียงข้างนักแสดงดังอย่าง ทอม ฮิดเดิลสตัน (Tom Hiddleston) ผู้สวมบทเทพโลกิในภาพยนตร์มาร์เวล!

สตีเฟน ชุง (Steven Chung) ผู้จัดการทั่วไปของมาดามทุสโซสิงคโปร์ กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้จัดแสดงหุ่นจำลองเทพโลกิไว้ในชุดตัวละครแห่งโลกมาร์เวลของเรา เหล่าแฟน ๆ สามารถตั้งตารอคอนเทนต์และการเปิดตัวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาร์เวลได้เลย"

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการมาถึงของเทพโลกิ มาดามทุสโซสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับสิงคโปร์คอมมิคคอน (Singapore Comic Con - SGCC) ในการเปิดตัวรอบพิเศษในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมแซนด์ส (Sands Convention Centre) แฟน ๆ มาร์เวลสามารถซื้อบัตรผ่าน SGCC x Madame Tussauds ผ่านคลูก (Klook) เพื่อร่วมสัมผัสเทพโลกิเป็นกลุ่มแรก รวมถึงยังสามารถซื้อบัตรผ่านโดยตรงจากมาดามทุสโซเพื่อเข้าชมซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลคนอื่น ๆ อย่างไอรอนแมนและสไปเดอร์แมน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.madametussauds.com/singapore/ และติดตามมาดามทุสโซสิงคโปร์ได้บนเฟซบุ๊กและ @MTsSingapore ทางอินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และติ๊กต๊อก

สื่อมวลชนติดต่อ
อีเลน เควก (Elaine Quek), หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาด มาดามทุสโซสิงคโปร์
อีเมล: Elaine.Quek@madame-tussauds.com
โทร: +65 6715 4077

เกี่ยวกับมาดามทุสโซสิงคโปร์

มาดามทุสโซสิงคโปร์ตั้งอยู่ที่อิมเบีย ลุคเอาต์ (Imbiah Lookout) บนเกาะเซนโตซา (Sentosa) นำเสนอประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงชุด "รูปภาพแห่งสิงคโปร์" (Images of Singapore) และการล่องเรือ "จิตวิญญาณแห่งสิงคโปร์" (Spirit of Singapore) โดยเป็นมาดามทุสโซเพียงแห่งเดียวที่เปิดให้ล่องเรือ รวมถึงโรงภาพยนตร์จักรวาลมาร์เวล  (Marvel Universe) แบบ 4 มิติ และสุดยอดประสบการณ์ดาราภาพยนตร์! (Ultimate Film Star Experience!) ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งดาราชื่อดังมากกว่า 75 คน แบ่งเป็นทั้งหมด 12 โซน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงฮอลลีวูด ไปจนถึงดาราเคป๊อป ศิลปิน นักดนตรี และนักกีฬาที่คุณชื่นชอบ ที่แห่งนี้คือสถานที่แห่งความน่าอัศจรรย์และเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้น ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีแบบโต้ตอบได้ที่ชวนให้หลงใหลในทุกซอกทุกมุม!

มาดามทุสโซสิงคโปร์เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 18.00 น. ของทุกวัน (รอบสุดท้ายเวลา 17.00 น.) สอบถามรายละเอียดบัตร โทร. (65) 6715 4000 หรือเยี่ยมชม www.madametussauds.com/singapore/

เกี่ยวกับเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส

เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส (Merlin Entertainments) เป็นผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงสำหรับครอบครัวตามสถานที่ต่าง ๆ ในฐานะผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของยุโรปและอันดับสองของโลก ปัจจุบันเมอร์ลินดูแลสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 130 แห่ง โรงแรม 20 แห่ง และบ้านพักตากอากาศอีก 6 แห่งใน 25 ประเทศครอบคลุม 4 ทวีป เป้าหมายของเมอร์ลินคือการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำแก่แขกกว่า 67 ล้านคนทั่วโลกผ่านแบรนด์ที่โดดเด่นและรูปแบบสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตลอดจนความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของพนักงานกว่า 28,000 คน (ช่วงไฮซีซัน) เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.merlinentertainments.biz

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1961387/Clad_classic_headpiece_a_glowing_scepter_a_green_gold_cloak.jpg

คำบรรยายภาพ - ครั้งแรกในเอเชียกับหุ่นขี้ผึ้งเทพโลกิสวมมงกุฎและคทาเรืองแสงสไตล์คลาสสิกในเสื้อคลุมสีเขียวทอง จำลองแบบนักแสดงดังอย่างทอม ฮิดเดิลสตัน (ที่มา: มาดามทุสโซสิงคโปร์)