Thursday, November 28, 2024

วิธีการเข้าถึงและรักษาลูกค้าในโลกที่ไม่มีคุกกี้

ในขณะที่การตลาดดิจิทัลกำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างการก้าวเข้าสู่โลกที่เน้นความเป็นส่วนตัวโดยปราศจากคุกกี้ (Cookie) ซึ่งข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของเบราว์เซอร์ฉบับล่าสุดมีผลทำให้องค์กรต้องคำนึงถึงวิธีการรวบรวมและการใช้ข้อมูลของผู้ใช้ใหม่ วันนี้ OPEN-TEC (Tech Knowledge Sharing Platform), ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP ได้รวบรวมความรู้จากงานที่จัดขึ้นโดย AMCHAM Digital Economy Committee ภายใต้ชื่อ "วิธีการเข้าถึงและรักษาลูกค้าในโลกที่ไม่มีคุกกี้" เพื่อร่วมสำรวจข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และอาจไม่สามารถใช้การติดตามด้วยคุกกี้ได้อีกต่อไป

ทำความเข้าใจผลกระทบของอนาคตที่ไร้คุกกี้

โดยปกติแล้วคุกกี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการตลาดดิจิทัลที่ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามพฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ต่างๆ อีกทั้งคุกกี้ยังช่วยให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายเพื่อส่งโฆษณาและทำการตลาดได้อย่างแม่นยำโดยอ้างอิงจากประวัติการใช้เว็บไซต์ ความสนใจ และข้อมูลประชากร อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดกฏหมายบังคับฉบับใหม่ กล่าวคือ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ที่เขียนขึ้นโดยสหภาพยุโรป รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Apple และ Google ที่ได้มีการจำกัดการใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม

ตัวอย่างเช่น การอัปเดต iOS ล่าสุดของ Apple ที่กำหนดให้ผู้ใช้ยินยอมเพื่ออนุญาตให้ติดตาม ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการโฆษณาโดยใช้ข้อมูลจากการติดตามผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ Google ยังได้ประกาศความตั้งใจที่จะยกเลิกการใช้คุกกี้ของบุคคลที่สามบนเบราว์เซอร์ Chrome เมื่อเบราว์เซอร์เริ่มจำกัดการใช้คุกกี้มากขึ้น องค์กรต่างๆ จึงต้องหาวิธีใหม่ในการเก็บข้อมูล โดยเปลี่ยนมาใช้วิธีที่เน้นข้อมูลจากผู้ใช้โดยตรงและการยินยอมของผู้ใช้เป็นหลัก

การใช้ข้อมูลบุคคลที่หนึ่งและการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรง

เมื่อปราศจากคุกกี้ องค์กรต่างๆ จึงหันมาใช้ข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง (First-Party Data) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เก็บโดยตรงจากลูกค้าและผ่านการยินยอม อีกทั้ง ยังรวมถึงข้อมูลจากการสมัครรับข่าวสารผ่านอีเมล์ บัญชีลูกค้า การสะสมคะแนน การสำรวจ และการโต้ตอบบนเว็บไซต์ โดยข้อมูลบุคคลที่หนึ่งไม่เพียงแต่สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัว แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือมากขึ้นเนื่องจากได้จากลูกค้าโดยตรง

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง องค์กรสามารถเพิ่มกลยุทธ์ด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่าน การตลาดทางอีเมลที่ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้ง การแบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลและการปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับความสนใจหรือกลุ่มประชากรที่เฉพาะเจาะจงยังสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นกับลูกค้าและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้อีกด้วย

มากไปกว่านั้น อีกหนึ่งช่องทางอย่างการติดต่อและการให้บริการลูกค้าผ่านการพูดคุย (Live Chat) ก็ช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกควบคู่ไปกับการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง พร้อมเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความชอบ คำถามที่พบบ่อย และข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์ เพื่อนำไปใช้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการบริการลูกค้าได้ในอนาคต

การปรับเปลี่ยนเนื้อหาและเสริมสร้างกลยุทธ์การมีส่วนร่วม

โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลอย่างมากในการสร้างความมีส่วนร่วมและเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, LinkedIn และ TikTok ถือเป็นพื้นที่สร้างโอกาสให้กับองค์กรในการแสดงเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายผ่าน วิดีโอ เรื่องราว และโพสต์ อีกทั้ง การเข้าใจลักษณะประชากรและพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละแพลตฟอร์มยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพอีกเช่นกัน

กรณีศึกษา: กลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จสำหรับการตลาดแบบไร้คุกกี้

แบรนด์หลายแห่งได้ประสบความสำเร็จจากการก้าวผ่านเข้าสู่การตลาดแบบไร้คุกกี้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์สินค้า luxury ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับลูกค้าและการแบ่งกลุ่มผู้ใช้มาใช้ในการนำเสนอข้อความที่ตรงเป้าหมายในหลายช่องทาง โดยการกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น ลูกค้าที่ภักดี ผู้ใช้แบรนด์คู่แข่ง และผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อ ทำให้องค์กรสามารถเห็นภาพการมีส่วนร่วมที่เพิ่มมากขึ้น

อีกหนึ่งตัวอย่างคือแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่สร้างโฆษณาโดยอ้างอิงจากสถานที่ตั้งเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยการกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ใช้ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น อาทิเช่น ย่านสำนักงาน ซึ่งแบรนด์จะสามารถออกแบบแคมเปญและเพิ่มจำนวนลูกค้าของร้านค้าในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ แน่นอนว่ากลยุทธ์นี้ส่งผลให้ยอดขายของร้านค้าในพื้นที่เป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและแสดงให้เห็นถึงพลังของการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่โดยไม่พึ่งพาคุกกี้

ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ไร้คุกกี้สามารถนำมาซึ่งโอกาสให้กับองค์กรผ่านการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและโดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งการเลือกใช้ทางเลือกต่างๆจากที่กล่าวไปข้างต้นช่วยให้องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่เพียงแต่สอดคล้องกับกฎระเบียบคุมครองด้านข้อมูล แต่ยังสร้างความไว้วางใจและความภักดี ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

ที่มา: บทความนี้รวบรวมโดย AMCHAM Digital Economy Committee ประกอบด้วย คุณ Nitin Modi, Director of Deloitte Thailand, คุณ Lyn Kok, Founder & CEO of Mula-X และ คุณวลีพร สายะสิต, GM of TCC Technology 

How to Acquire and Retain Customers in a Cookieless World

As digital marketing continues to evolve, the industries face a significant shift: the move toward a cookieless, privacy-centric world. Recent data privacy regulations and browser changes have forced companies to rethink how they gather and use user data. Today, OPEN-TEC (Tech Knowledge Sharing Platform), powered by TCC TECHNOLOGY GROUP, has gathered knowledge from the recent event by the AMCHAM Digital Economy Committee. We will explore insights and strategies to help businesses adapt and thrive in a landscape where user privacy is prioritized, and cookie-based tracking may no longer be available.

Understanding the Impact of a Cookieless Future

Cookies have traditionally been a staple of digital marketing, allowing companies to track user behavior and preferences across websites. They enable personalized ads and targeted marketing based on browsing history, interests, and demographics. However, growing concerns over privacy have led to new regulations such as General Data Protection Regulation (GDPR) in the European Union, along with shifts by major tech companies like Apple and Google to limit the use of third-party cookies.

For instance, Apple's recent iOS updates require user consent for tracking, which has significantly impacted advertisers' ability to track users across sites. Google has also announced its intention to phase out third-party cookies in its Chrome browser. As browsers increasingly restrict cookies, companies are finding new ways to collect data, pivoting to methods that focus on first-party data and user consent.

Embracing First-Party Data and Direct Engagement

Without cookies, companies are turning to first-party data—information directly collected from customers with their consent. This includes data from email subscriptions, customer accounts, loyalty programs, surveys, and website interactions. First-party data not only complies with privacy regulations (PDPA) but also often offers more reliable insights since it is collected directly from customers.

To maximize the value of first-party data, companies can enhance customer relationship strategies. Email marketing remains one of the most effective channels. By segmenting email lists and tailoring content to specific interests or demographics, companies can build stronger customer relationships and drive engagement.

Live chat and interactive customer service options provide additional opportunities to collect insights while enhancing customer experience. These tools allow companies to engage customers directly, capturing valuable data about preferences, common inquiries, and real-time feedback, which can help refine marketing strategies and customer service approaches.

Adapting Content and Engagement Strategies

Social media is a powerful tool for direct customer engagement and first-party data collection. Platforms like Facebook, Instagram, LinkedIn, and TikTok offer companies opportunities to create tailored content that resonates with audience segments via videos, stories and posts. Understanding the demographic and behavioral tendencies of each platform's user base is essential for effective targeting.

Case Studies: Successful Strategies for Cookieless Marketing

Several brands are already finding success by shifting to cookieless marketing methods. For instance, a luxury brand leveraged customer relationship data and segmentation to tailor its messaging across multiple channels. By targeting specific segments like loyal customers, competitive brand users, and prospective buyers, the company saw a significant increase in engagement.

Another successful approach involved a food and beverage brand using geolocation-based advertising to drive traffic to nearby stores. By targeting ads to users within specific high-traffic areas, such as office district, the brand was able to optimize campaigns and increase in-store visits during peak times. This strategy resulted in a notable increase in sales for stores located near the targeted areas, demonstrating the power of location-based targeting without relying on cookies.

Ultimately, the shift toward a cookieless future presents an opportunity for companies to foster stronger, more direct connections with their customers. By embracing these alternatives above, companies can ensure that they not only comply with data-privacy regulations but also build trust and loyalty, paving the way for sustainable success in the digital age.

Source: This article was consolidated by AMCHAM Digital Economy Committee. The Committee co-chairs include Nitin Modi, Director of Deloitte Thailand, Lyn Kok, Founder & CEO of Mula-X and Waleeporn Sayasit , GM of TCC Technology 

"Pet Parent" บูม! เจ้าของเปย์หนัก! ดันตลาดสัตว์เลี้ยงพุ่ง

Pet Parent ยังคงเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน สะท้อนแนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว ยิ่งกว่านั้น ในโลกโซเชียลมีเดียยังยกระดับสัตว์เลี้ยงบางตัวให้กลายเป็น Pet Influencer ที่มีผู้ติดตามนับแสนคน เหล่านี้ล้วนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เพียงเปลี่ยนมุมมองการเลี้ยงสัตว์ แต่ยังส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านอาหาร ของเล่น ของใช้ บริการด้านสุขภาพ และ อื่นๆ

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม - 25 พฤศจิกายน 2567 เพื่อนำมาวิเคราะห์หา insight ที่เผยให้เห็นเทรนด์ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่กำลังมาแรง โดยพบว่าบน Social Media ได้รับการพูดถึง (Mention) 185,126 ครั้ง และได้รับเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) รวม 33,419,814 ครั้ง

ส่องธุรกิจสัตว์เลี้ยงมาแรง

กระแสการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก หรือ Pet Parentได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจน จากข้อมูลพบว่าผู้คนในสังคมออนไลน์มีการกล่าวถึงธุรกิจอาหารและขนม (Food & Snack) มากที่สุดถึง 49% รองลงมาคือธุรกิจโรงพยาบาล (Hospital) 36% ธุรกิจดูแลสุขภาพ (Wellness) 7% ธุรกิจอุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Accessories) 5% ธุรกิจฟาร์มสัตว์ (Pet Farm) 2% และอื่น ๆ อีก 1% สะท้อนให้เห็นว่าคนยุคใหม่พร้อมลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์เลี้ยง


นอกจากนี้ยังเริ่มเห็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำสัตว์เลี้ยงมาผสมผสานกับไลฟ์สไตล์มากขึ้นอย่าง Puppy Yoga ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสัตว์ ทั้งนี้ยังสื่อได้ว่าผู้คนกำลังมองหากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ในชีวิตประจำวัน

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโต

สำรวจจากพฤติกรรมผู้ใช้ Social Media พบว่าไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ นิยมเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก (Pet Parent) ส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากหลายปัจจัย การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเดี่ยวและคนโสด ประกอบกับแนวโน้มการมีลูกน้อยลง ส่งผลให้ผู้คนมองหาสัตว์เลี้ยงมาเติมเต็มชีวิต โดยพบว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่อยากมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น 59% เลี้ยงเพื่อคลายเหงา 34% และช่วยเยียวยาจิตใจจากความเครียด 7% ส่งผลให้ผู้คนหันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา


เจาะพฤติกรรม Pet Parent ยุค 2024 ทำไมถึงนิยมเลี้ยงสัตว์

  • การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น (44%) คนรุ่นใหม่มองว่าการเลี้ยงสัตว์สามารถควบคุมงบประมาณได้ชัดเจน ทั้งค่าอาหาร ค่าดูแล และค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องวางแผนระยะยาวเรื่องค่าใช้จ่ายทางการศึกษา
  • ต้องการอิสระ/ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต (27%) สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ต้องการความคล่องตัว สามารถทำงาน ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยมีทางเลือกในการฝากเลี้ยงกับโรงพยาบาลสัตว์หรือสถานที่รับเลี้ยงได้โดยไม่ต้องกังวล
  • ความกังวลต่อสภาพสังคมปัจจุบัน (15%) คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงอนาคตและความท้าทายในสังคมยุคใหม่ คุณภาพชีวิต การแข่งขันที่สูงขึ้น ความกดดันทางสังคม จึงเลือกวิถีชีวิตที่เหมาะกับตนเอง
  • ความคำนึงถึงความพร้อม (14%) สะท้อนความรับผิดชอบของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการประเมินความพร้อมของตนเอง และเลือกรูปแบบการสร้างครอบครัวที่สอดคล้องกับศักยภาพ

นอกจากหมา-แมว เทรนด์สัตว์ Exotic มาแรง

จากการรวบรวมโพสต์และความคิดเห็นบน Social Media สามารถแบ่งประเภทของสัตว์เลี้ยงได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ นั่นก็คือ "แมว" ที่ครองสัดส่วนมากที่สุดถึง 44% สะท้อนไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มักอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโด รองลงมาคือ "หมา" มีสัดส่วนการกล่าวถึง 38% ซึ่งคนเลี้ยงส่วนใหญ่มักจะเลี้ยงในพื้นที่กว้างและต้องการมีกิจกรรมร่วมกัน และลำดับสุดท้ายคือ "สัตว์เลี้ยง Exotic" มีการกล่าวถึง 18% ซึ่งการเลี้ยงสัตว์แปลกประเภทนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อน

กระแส Pet Parent ที่มองสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก กำลังขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและโรงพยาบาลสัตว์ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และในอนาคตคาดว่าจะเห็นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาช่วยยกระดับการดูแลสัตว์เลี้ยง ทั้งบริการสัตวแพทย์ออนไลน์ และการใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยง เพื่อให้การดูแลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมข้อมูลจาก DXT360 (Social Listening and Media Monitoring Platform) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 1 ตุลาคม - 25 พฤศจิกายน 2567

เกี่ยวกับ DXT360

DXT360 เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้ทั้งจากโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ สื่อบรอดคาสท์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voices) คอนเทนต์จาก Influencers และ KOLs ไปจนถึงข่าวจากสื่อมวลชน ที่รวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Dashboard ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละราย (Customizable Dashboard) จึงทำให้เข้าใจและเห็น Insight ในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้เห็นทิศทางการสื่อสารของแบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Wednesday, November 27, 2024

เอเว็กซ์ พิกเจอร์ส เตรียมถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต “SEVENTEEN ‘RIGHT HERE’ WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING” ส่งตรงจากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สู่โรงภาพยนตร์ทั่วโลก 14 ธ.ค.นี้ พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรแล้ว

 เอเว็กซ์ พิกเจอร์ส อิงค์

เอเว็กซ์ พิกเจอร์ส อิงค์ (Avex Pictures Inc.) ประกาศถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ "SEVENTEEN 'RIGHT HERE' WORLD TOUR IN JAPAN" ของศิลปินเคป็อประดับไอคอนอย่างวงเซเวนทีน (SEVENTEEN) จากสนามกีฬาเคียวเซรา โดม โอซาก้า (Kyocera Dome Osaka) สู่โรงภาพยนตร์ทั่วโลกในวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 (ตามเวลาญี่ปุ่น)

ซื้อบัตรชมการถ่ายทอดสดได้ที่: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

รูปภาพ: https://cdn.kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M108479/202411210369/_prw_PI1fl_AVSu7684.jpg

ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ เพลงฮิตอมตะ หรือแม้แต่เพลงที่แฟน ๆ อาจคุ้นหูน้อยกว่า เตรียมพบกับการแสดงสุดพิเศษและหลากหลายของเซเวนทีนที่แฟนเพลงทั่วโลกต่างรอคอย มาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ พร้อมระบบเสียงคุณภาพเยี่ยม ได้ที่โรงภาพยนตร์ในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ

เตรียมพบกับพลังความมันส์สุดขีด อารมณ์ขันอันติดตัว เสน่ห์อันสดใส และสเตจยูนิตสุดเท่ เมื่อเหล่าสมาชิกเซเวนทีนพร้อมใจกันมอบการแสดงที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว บนจอภาพยนตร์ในแบบที่พวกเขาเท่านั้นที่ทำได้

ซื้อบัตรชมการถ่ายทอดสด SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING ทั่วโลก ได้ที่เว็บไซต์ชมการถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

*ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อบัตร และรายชื่อประเทศ/ภูมิภาคที่ร่วมถ่ายทอดสด ได้ที่เว็บไซต์ชมการถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

ชื่องาน: SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING

วันแสดงคอนเสิร์ตสด: วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567*

*วันและเวลาอาจแตกต่างกันตามประเทศ ภูมิภาค และโรงภาพยนตร์

บัตร: เปิดจำหน่ายแล้ว (วันจำหน่ายอาจแตกต่างกันตามประเทศ ภูมิภาค และโรงภาพยนตร์)

เว็บไซต์: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

นำเสนอโดย: ไฮบ์ (HYBE) ไฮบ์ เจแปน (HYBE JAPAN) และเพลดิส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (PLEDIS Entertainment)

จัดจำหน่ายโดย: เอเว็กซ์ ฟิล์ม เลเบิลส์ อิงค์ (Avex Film Labels Inc.)

(C) PLEDIS Entertainment / HYBE สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

เกี่ยวกับวงเซเวนทีน

วงเซเวนทีน (SEVENTEEN) มีสมาชิก 13 รายด้วยกัน ได้แก่ เอสคุปส์ (S.COUPS) จองฮัน (JEONGHAN) โจชัว (JOSHUA) จุน (JUN) โฮชิ (HOSHI) วอนอู (WONWOO) อูจี (WOOZI) ดิเอท (THE 8) มินกยู (MINGYU) ดีเค (DK) ซึงกวาน (SEUNGKWAN) เวอร์นอน (VERNON) และดีโน่ (DINO) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินแถวหน้าในวงการเพลง ด้วยจิตวิญญาณที่เป็นอิสระและระบบการสร้างสรรค์ผลงานภายในวงที่ไม่เหมือนใคร โครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของวงแบ่งออกเป็น 3 ยูนิต ได้แก่ ฮิปฮอป โวคอล และเพอร์ฟอร์แมนซ์ โดยมินิอัลบั้มชุดที่ 10 ของวงอย่างเอฟเอ็มแอล (FML) และมินิอัลบั้มชุดที่ 11 เซเวนทีน เฮเวน (SEVENTEENTH HEAVEN) ต่างก็เดบิวต์ที่อันดับ 2 ในการจัดอันดับบิลบอร์ด ทูฮันเดรต (Billboard 200) และขึ้นแท่น 2 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์เคป็อปทั่วโลก มินิอัลบั้มเอฟเอ็มแอลที่ว่านี้ยังพาเซเวนทีนขึ้นสู่อันดับ 1 บนบิลบอร์ด อาร์ติสต์ วันฮันเดรต (Billboard Artist 100) และได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ว่าเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดทั่วโลกในปี 2566 โดยมียอดขายมากกว่า 6.4 ล้านชุด ไอคอนวงการเคป็อปกลุ่มนี้ยังคงความร้อนแรงต่อเนื่องในปี 2567 ด้วยความสำเร็จอันน่าทึ่ง เมื่ออัลบั้มรวมเพลงฮิตอย่างเซเวนทีน อีส ไรต์ เฮียร์ (17 IS RIGHT HERE) ซึ่งรวบรวมเพลงดังของเซเวนทีนได้ปล่อยออกมาให้ได้ฟัง และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีเยาวชนกลุ่มแรกของยูเนสโก (UNESCO) ด้วย เนื่องจากบทบาทของพวกเขาในการยกระดับและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวทั่วโลก พวกเขายังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะศิลปินเคป็อปกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นแสดงบนเวทีเทศกาลแกลสตันบูรี (Glastonbury) และเป็นศิลปินเคป็อปกลุ่มแรกที่ขึ้นเฮดไลน์ในงานโลลลาพาลูซา เบอร์ลิน (Lollapalooza Berlin) และล่าสุดเซเวนทีนได้รับรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม (Best Group) ในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส์ (MTV Video Music Awards) ประจำปี 2567

ข้อมูลเพิ่มเติม

- งานนี้เป็นการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN (OSAKA) โปรดทราบว่า เนื่องจากเวลาของแต่ละประเทศและภูมิภาคแตกต่างกัน เวลาเริ่มฉายคอนเสิร์ตอาจแตกต่างกัน ขอแนะนำให้ผู้ชมตรวจสอบเวลาฉายในพื้นที่ของตนก่อนซื้อบัตร
- เวลาฉายอาจล่าช้าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคอนเสิร์ต
- ระยะเวลาในการฉายอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคอนเสิร์ต โปรดทราบว่า การถ่ายทอดสดอาจสิ้นสุดก่อนคอนเสิร์ตจบ หากคอนเสิร์ตดำเนินการนานเกินกว่าเวลาที่กำหนดไว้
- มีคำบรรยายภาษาอังกฤษเฉพาะช่วงพูดคุย
- เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ อาจเกิดปัญหาด้านภาพและเสียงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดระหว่างการรับชม ทางผู้จัดขอขอบคุณผู้ชมทุกท่านที่เข้าใจในเรื่องนี้
- ห้ามบันทึก ถ่ายวิดีโอ หรือถ่ายภาพคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์อย่างเด็ดขาด หากมีผู้บันทึก ถ่ายวิดีโอ หรือถ่ายภาพการแสดงนี้ ผู้นั้นอาจถูกขอให้ลบไฟล์ที่บันทึกและออกจากโรงภาพยนตร์ เมื่อตรวจพบการกระทำดังกล่าว

ที่มา: เอเว็กซ์ พิกเจอร์ส อิงค์

Tuesday, November 26, 2024

Avex Pictures Announced "SEVENTEEN 'RIGHT HERE' WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING" Broadcast from Osaka, Japan -- Worldwide Cinema Event on Dec. 14, and Tickets on Sale Now

Avex Pictures Inc.

Avex Pictures Inc. announced the concert of K-pop icon SEVENTEEN's world tour "SEVENTEEN 'RIGHT HERE' WORLD TOUR IN JAPAN" held at the Kyocera Dome Osaka will be broadcast live in cinemas worldwide on Saturday, December 14, 2024 (JST).

Live viewing tickets can be purchased here: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

Image: https://cdn.kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M108479/202411210369/_prw_PI1fl_AVSu7684.jpg

From the newest track to iconic hits and hidden gems, SEVENTEEN's unique and diverse performances that audiences around the world have been waiting for will come to life in cinemas across various countries and regions, with large screens and high-quality sound.

Audiences are encouraged to get ready to experience the powerful energy, infectious humor, vibrant charm, and unit stages full of personality as SEVENTEEN members bring an unparalleled, cohesive performance on screen that only they can deliver.

Global tickets for SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING are available at the official live viewing website: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

*For details on ticket purchases and the countries/regions participating in the live viewing, please visit the official live viewing website: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

Title: SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN: LIVE VIEWING

Live Concert Date: Saturday, December 14, 2024*

*Dates and times may vary by country, region and cinema.

Ticket: on sale now (sale dates may vary by country, region and cinema.)

Website: https://api-liveviewing.com/svtrighthere

Presented by: HYBE & HYBE JAPAN & PLEDIS Entertainment

Distribution: Avex Film Labels Inc.

(C) PLEDIS Entertainment / HYBE. All Rights Reserved.

About SEVENTEEN

SEVENTEEN -- comprised of S.COUPS, JEONGHAN, JOSHUA, JUN, HOSHI, WONWOO, WOOZI, THE 8, MINGYU, DK, SEUNGKWAN, VERNON and DINO -- have rocketed to the forefront of the music scene fueled by a fiercely independent spirit and a nonpareil in-house creative ecosystem. The 13-piece act's innovative structure hinges on the interplay of three units: hip-hop, vocal, and performance. Their 10th Mini Album FML and 11th Mini Album SEVENTEENTH HEAVEN both debuted at No. 2 on the Billboard 200 and proceeded to become the top 2 best-selling albums worldwide in K-pop history. Having placed the group on top of the Billboard Artist 100, FML was further recognized as the best-selling global album of 2023 by IFPI with over 6.4 million copies sold. The K-pop icon continued its momentum into 2024 with remarkable achievements. Their Best Album 17 IS RIGHT HERE, featuring SEVENTEEN's celebrated discography, was released and they became UNESCO's first-ever Goodwill Ambassador for Youth, recognized for their role in uplifting and inspiring young people worldwide. They made history at Glastonbury as the first K-pop act to perform at the festival and set another milestone as the first K-pop headliner at Lollapalooza Berlin. Most recently, SEVENTEEN won Best Group at the 2024 MTV Video Music Awards.

Further information

- This event is the live broadcast screening of SEVENTEEN "RIGHT HERE" WORLD TOUR IN JAPAN (OSAKA). Please note that due to the time differences among countries and regions, the start time for the concert screening may vary. Audiences are recommended to check the showtime of their specific locations before purchasing tickets.

- The showtime may be delayed depending on the circumstances of the concert.

- The running time may change depending on the circumstances of the concert. Please understand that the broadcast may finish before the concert ends in case the concert runs longer than the planned running time.

- English subtitles are available for the talk part only.

- There may be issues with video and sound due to unforeseeable circumstances during the LIVE VIEWING as this is a real-time broadcasting event. Organizers appreciate every viewer for their generous understanding.

- Recording, filming, or taking photos of the concert is strictly prohibited in the cinema. Those who record, film, or take photos of the show may be asked to leave the premises after deleting the recordings, if such activities are discovered.

Source: Avex Pictures Inc. 

เบ็นดิกซ์ ฉลองใหญ่ประจำปี ตอบแทนดีลเลอร์ทั่วประเทศ ดึง “ออฟ ปองศักดิ์” และ “คริสติน่า อากีลาร์” สร้างสีสันภายในงาน

เบ็นดิกซ์ ฉลองใหญ่ประจำปี ตอบแทนดีลเลอร์ทั่วประเทศ
ดึง "ออฟ ปองศักดิ์" และ "คริสติน่า อากีลาร์" สร้างสีสันภายในงาน

บริษัท เอฟเอ็มพี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ ฉลองใหญ่ประจำปี โดยใช้ชื่องานว่า "Bendix Spirit of Blue Power" รวมพลังทีมต่อพิฆาต พีที ประจวบ เอฟซี ที่ทาง เบ็นดิกซ์ เบรก ได้ร่วมสนับสนุนทีมมาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ทีม พีที ประจวบ เอฟซี ร่วมส่งทีมนักฟุตบอล มาร่วมสร้างสีสัน และแจกสินค้าภายในงาน โดยกิจกรรมนี้ จัดขึ้น ณ โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน โรงแรมพร้อมสวนน้ำ ระดับ 5 ดาว มีลูกค้าเข้าร่วมกว่า 150 ร้านค้า รวมกว่า 400 ท่าน



พร้อมกิจกรรมร่วมสนุก และแจกของรางวัลให้กับดีลเลอร์ที่แต่งการเข้าร่วมธีมงาน และจับรางวัลหาผู้โชคดีรับของรางวัลมากมายรวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท


นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัท เอฟเอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ ได้ขึ้นกล่าวถึงการจัดงาน "Bendix Spirit of Blue Power"

"ในแต่ละปี Bendix มีการทำกิจกรรมการตลาดหลากหลาย Sport marketing ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งซึ่งเราใช้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้ Bendix ยังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งเรื่องเบรกในใจผู้บริโภคตลอดไป"

นอกจากนี้เบ็นดิกซ์ ยังได้เชิญศิลปินชื่อดังมาร่วมแสดง คอนเสิร์ตถึง 2 วง คุณ ออฟ ปองศักดิ์ และ คริสติน่า อากีลาร์ ในบรรยากาศที่สนุกสนาน และเป็นกันเอง






ผ้าเบรก เบ็นดิกซ์ โดยแบรนด์ เบ็นดิกซ์ ได้ถูกก่อตั้งโดย คุณวินเซนต์ เบ็นดิกซ์ ครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.1923 เราสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่รถยนต์มาแล้วมามากกว่า 100ปี จนเป็นที่ยอมรับจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ใช้รถจากทั่วทุกมุมโลก สำหรับท่านที่สนใจติดตาม ข่าวสาร และกิจกรรม จากเบ็นดิกซ์ สามารถติดตามผ่านช่องทาง facebook, Youtube, Tiktok เพียงค้นหาคำว่า Bendix Thailand และค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเบ็นดิกซ์ ได้ที่ช่องทาง www.bendix.co.th และช่องทางขายออนไลน์ Bendix Official Account ทั้ง Shopee, Lazada และศูนย์บริการชั้นนำทั่วประเทศ แผนกบริการลูกค้า โทร 02-717-0922

เบ็นดิกซ์เบรก 100 ปี ... แห่งความปลอดภัย

Monday, November 25, 2024

จีนโปรโมตกิจกรรม "China in Children's Chorus" สืบสานศิลปะการแต่งเพลงสำหรับเด็กให้เปล่งประกายโดดเด่นในยุคสมัยใหม่

CHINA IN CHILDREN'S CHORUSHINA

นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เขตทงโจว ในเมืองหนานทง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ได้เริ่มจัดกิจกรรมการสร้างสรรค์และส่งเสริมเพลงสำหรับเด็กในชื่อ "China in Children's Chorus" ซึ่งไม่เพียงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นสุนทรียศึกษา (Aesthetic Education) สำหรับเด็กที่มีความโดดเด่นในระดับประเทศในอีก 18 ปีต่อมา

กิจกรรม "China in Children's Chorus" ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา โดยดึงดูดโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษากว่า 7,000 แห่งทั้งในมณฑลเจียงซูและมณฑลอื่น ๆ ให้มาร่วมกิจกรรม และสามารถรวบรวมผลงานเพลงสำหรับเด็กได้มากถึง 530,000 ผลงาน

เด็ก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้เรียนรู้การแต่งเพลงสำหรับเด็ก อีกทั้งยังได้แสดงออกถึงความช่างสังเกตและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนผ่านกิจกรรมนี้ โดยเด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของสังคมและพัฒนาการของยุคสมัยจากมุมมองของตนเอง ตัวอย่างเช่น เพลง "วิ่ง" ที่สะท้อนความก้าวหน้าของยุคสมัยผ่านการบรรยายถึงวิธีการเดินทางของเด็ก ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป

ปัจจุบัน "China in Children's Chorus" ได้กลายเป็นกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาเชิงแนวคิดและการปลูกฝังศิลปะสำหรับเด็ก โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลเจียงซูและขยายความครอบคลุมไปทั่วประเทศ

ในอนาคต "China in Children's Chorus" จะยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ดั้งเดิม นั่นคือ การมอบโอกาสให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากขึ้น เพื่อให้เพลงสำหรับเด็กซึ่งเป็นศิลปะโบราณรูปแบบหนึ่ง สามารถเปล่งประกายโดดเด่นในยุคสมัยใหม่เช่นนี้

ที่มา: CHINA IN CHILDREN'S CHORUSHINA 

ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ จับมือ PMK Group จัดกิจกรรม CSR 2024

บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ดร.ประดิษฐพงศ์ สุขศิริถาวรกุล Director & Vice President พร้อมทีมงาน Power & Industry Components, High Voltage Products ร่วมกับกลุ่มบริษัท ภัทรเมธากิจ (PMK Group) ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์คาแพซิเตอร์ นำโดยคุณวรินทร์ ภัทรเมธากุล Chief Marketing Officer ร่วมกันจัดกิจกรรม CSR 2024 ภายใต้โครงการ "CSR with Partner" สนับสนุนอุปกรณ์การเรียนสอนให้แก่โรงเรียนเทศบาลปลายบางวัดสุนทรธรรมิการาม อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนกำไรสู่สังคม ปลูกฝังจิตสำนึกและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในรูปแบบของการเป็นจิตอาสา อันจะนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีต่อไปในอนาคต

ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงาน เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อสร้างอนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต เรายึดมั่นความยั่งยืนเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ และขับเคลื่อนสิ่งที่ดีเพื่ออนาคตด้านพลังงาน นโยบายความยั่งยืนปี 2030 เป็นกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยอ้างอิงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) รวมทั้งให้ความสำคัญกับมาตรฐานการดูแลสุขภาพ ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยที่ถือว่าเป็นภารกิจหลักในการทำงานทุกด้าน ทีมงานจึงได้จัดการฝึกอบรมหัวข้อ "ความรู้เบื้องต้นและความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า" แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาให้ได้เข้าใจถึงวิธีการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน




"China in Children's Chorus": Lighting up the light of children's art

CHINA IN CHILDREN'S CHORUSHINA

Since 2006, Tongzhou District, Nantong City, Jiangsu Province, has launched a new nursery rhyme creation and promotion activity called "China in Children's Chorus". This innovation not only caused a warm response in the local area, but also has gradually developed into a bright business card for children's aesthetic education nationwide in the following 18 years.

Over the past 18 years, the "China in Children's Chorus" activity has been continuously held, attracting the wide participation of more than 7,000 primary and secondary schools inside and outside Jiangsu Province, and a total of 530,000 nursery rhyme works have been collected.

Children not only learn to create nursery rhymes, but also show their observation and creativity through this platform. They record the changes of society and the development of the times from their own perspective. For example, the song "Running" reflects the progress of the times by describing the changes in children's transportation.

Nowadays, "China in Children's Chorus" has formed a brand of ideological education and art cultivation for children with Jiangsu as the centre and radiating influence to the whole country.

In the future, "China in Children's Chorus" will continue to adhere to the original intention to provide more opportunities for children to show themselves and create art, so that nursery rhymes, a traditional art form, can shine more brilliantly in the new era.

Source: CHINA IN CHILDREN'S CHORUSHINA 

กว่างซีเสริมแกร่งแบรนด์สินค้าเกษตร บุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ

กรมการเกษตรและกิจการชนบทเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน งานส่งเสริมชาลิ่วเป่า (Liubao) ภายใต้แนวคิด "ชาลิ่วเป่าเจิดจรัสในแดนมังกร" ได้เปิดฉากขึ้นที่มหกรรมแสดงสินค้าเกษตรนานาชาติกว่างซี ประจำปี 2567 โดยมีผู้ประกอบการในวงการชาจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมชา

ชาลิ่วเป่าเมืองอู๋โจวเป็นชาที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล โดยได้ส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เมืองอู๋โจวได้ทุ่มเทสร้างแบรนด์สาธารณะระดับภูมิภาคอย่าง "ชาลิ่วเป่าอู๋โจว" และแบรนด์วัฒนธรรม "เส้นทางเรือชาโบราณ" ส่งผลให้อิทธิพลของแบรนด์ชาลิ่วเป่าเพิ่มสูงขึ้น

ในงานฟอรัมว่าด้วยการสร้างแบรนด์ชาจีน ประจำปี 2567 ซึ่งจัดโดยสมาคมการตลาดชาจีนและองค์กรอื่น ๆ นั้น ชาลิ่วเป่าอู๋โจวอยู่อันดับ 13 ใน "20 อันดับแบรนด์สาธารณะระดับภูมิภาคที่มีมูลค่าสูงสุดในวงการชาจีนปี 2567" ด้วยมูลค่าแบรนด์สูงถึง 4.973 พันล้านหยวน โดยอุตสาหกรรมชาลิ่วเป่าสร้างงานให้กับประชาชนกว่า 83,000 คน มอบประโยชน์ให้ชาวบ้านราว 310,000 คน และมีมูลค่าผลผลิตรวมมากกว่า 2 หมื่นล้านหยวน

ข้อมูลจากกรมการเกษตรและกิจการชนบทเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงระบุว่า แบรนด์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของกว่างซีได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 100 แบรนด์ชั้นนำของจีนอยู่ 14 รายการ ซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กว่างซีได้พัฒนาเขตผลิตสินค้าเกษตรเด่นระดับประเทศ 18 แห่ง และเขตผลิตสินค้าเกษตรเด่นระดับกว่างซีอีก 68 แห่ง โดยในปี 2566 นั้น กว่างซีมีผลิตภัณฑ์เกษตรที่ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์สีเขียว เกษตรอินทรีย์ และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์รวม 1,739 รายการ ครอบคลุมพื้นที่ 16.58 ล้านหมู่ ซึ่งผลิตภัณฑ์เกษตรสีเขียวและเกษตรอินทรีย์มีมูลค่าผลผลิตรวมมากกว่า 5 หมื่นล้านหยวน

ในกว่างซีนั้น การที่อุตสาหกรรมเกษตรอย่างชาลิ่วเป่าช่วยนำพาประชาชนสู่ความมั่งคั่งไม่ใช่เรื่องแปลก กว่างซีเป็นมณฑลเกษตรกรรมสำคัญของจีน โดยมีมูลค่าผลผลิตรวมจากการเกษตร ป่าไม้ การเลี้ยงสัตว์ และประมง ครองอันดับต้น ๆ ของประเทศติดต่อกันหลายปี กว่างซีมีจุดแข็งที่โดดเด่นในด้านทรัพยากรเฉพาะถิ่น เช่น ป่าไม้ ผลไม้ ผัก ปศุสัตว์ และอ้อย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "อาณาจักรผลไม้" และ "ตะกร้าผัก" ของจีน ปัจจุบัน กว่างซีมีพื้นที่เพาะปลูกผลไม้มากกว่า 20 ล้านหมู่ ให้ผลผลิตกว่า 32 ล้านตัน ครองอันดับหนึ่งของจีนติดต่อกัน 6 ปี คิดเป็นประมาณ 1 ใน 8 ของผลผลิตทั้งประเทศ กว่างซีครองแชมป์การผลิตส้ม พลับ แก้วมังกร และเสาวรสมาหลายปี โดยในปี 2566 มีผลผลิตส้มมากกว่า 18 ล้านตัน คิดเป็น 1 ใน 10 ของผลผลิตทั่วโลก แบรนด์สินค้าเกษตรอย่าง "มะม่วงกุ้ยฉี" "เสาวรสฉินมี่" และ "ส้มจี๊ดหรงอาน" ล้วนมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ

หวง จื้อหยู (Huang Zhiyu) อธิบดีกรมการเกษตรและกิจการชนบทเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เปิดเผยว่า กว่างซีได้ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านทรัพยากรเฉพาะถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ในอุตสาหกรรมป่าไม้ ผลไม้ ผัก ปศุสัตว์ และอ้อยอย่างเต็มที่ โดยเร่งสร้างระบบเกษตรกรรมสมัยใหม่แบบ "10+3+N" และมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรคุณภาพสูงจนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง กว่างซีติด 10 อันดับแรกของประเทศมาหลายปีในด้านมูลค่าผลผลิตรวมจากการเกษตร ป่าไม้ ปศุสัตว์ และประมง ภูมิภาคนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมระดับแสนล้านหยวนถึง 6 กลุ่ม ได้แก่ ธัญพืช อ้อย ผัก ผลไม้ ประมง และปศุสัตว์คุณภาพสูง จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศในฐานะ "จานผลไม้" "โถน้ำตาล" และ "ตะกร้าผัก" ของจีน

เว่ย ป๋อ (Wei Bo) รองอธิบดีกรมการเกษตรและกิจการชนบทเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เปิดเผยว่า กว่างซีมุ่งมั่นสร้างแบรนด์สินค้าเกษตรคุณภาพสูง โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ การพัฒนาสายพันธุ์ การรับรองคุณภาพ และการสร้างมาตรฐาน จนถึงปัจจุบัน กว่างซีได้สร้างแบรนด์สินค้าเกษตรที่มีคำว่า "กุ้ย" เป็นส่วนหนึ่งของชื่อแบรนด์แล้ว 7 ชุด รวม 641 แบรนด์ มีมูลค่าแบรนด์รวมสูงกว่า 5 แสนล้านหยวน

ที่มา: กรมการเกษตรและกิจการชนบทเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง 

Friday, November 22, 2024

Brand Empowerment Helps Guangxi's Agricultural Products Enter Domestic and International Markets

The Department of Agriculture and Rural Affairs of Guangxi Zhuang Autonomous Region

On November 9th, the Liubao Tea Promotion Event with the theme of "Liubao Tea Shines in China" was unveiled at the 2024 Guangxi International Agricultural Expo. Tea industry practitioners from all over the country gathered together to share their experience and new opportunities for the development of the tea industry.

As a famous tea sold to overseas Chinese, Wuzhou Liu Pao Tea has been exported to Southeast Asia and other regions. In recent years, Wuzhou City has vigorously built the regional public brand of "Wuzhou Liu Pao Tea" and the cultural brand of "Ancient Tea Boat Road", enhancing the brand influence of the Liu Pao Tea.

At the 2024 China Tea Brand Building Forum jointly hosted by the China Tea Marketing Association and other organizations, Wuzhou Liu Pao Tea ranked the 13th place in the "TOP 20 Regional Public Brand Value of Tea in China in 2024", with a brand value of 4.973 billion yuan. The Liu Pao Tea industry has provided employment for more than 83,000 people, benefiting about 310,000 villagers with comprehensive output value of over 20 billion yuan.

According to the data provided by the Department of Agriculture and Rural Affairs of Guangxi Zhuang Autonomous Region, 14 geographical indication brands in Guangxi have been included in the list of top 100 Chinese brands, ranking second in number in China. In the past five years, Guangxi has built a total of 18 advantageous zones for Chinese distinctive agricultural products and 68 advantageous zones for Guangxi distinctive agricultural products. In 2023, Guangxi had 1,739 green, organic, and agricultural products of geographical indications, with a total area of 16.58 million mu and a total output value of over 50 billion yuan for green and organic agricultural products.

In Guangxi, it is not uncommon for agricultural industries like Liu Pao Tea to guide people on a path of getting rich. As a major agricultural province in China, Guangxi was among the top in China for consecutive years in gross output value of agriculture, forestry, animal husbandry and fishery. With outstanding advantages in featured resources such as forestry, fruit, vegetable, animal husbandry, and cane sugar, Guangxi is recognized as the "fruit kingdom" and "vegetable basket" of China. At present, the fruit planting area in Guangxi exceeds 20 million mu, with a yield of over 32 million tons, ranking first in China for six years in a row, accounting for about one eighth of the country's total. Guangxi ranks number one for years on end in terms of the production of citrus, persimmon, dragon fruit, and passion fruit. The output of citrus exceeded 18 million tons in 2023, accounting for one tenth of the world's total. Agricultural brands such as "Guiqi Mango", "Qinmi Passion Fruit", and "Rongan Kumquat" have enjoyed reputation at home and abroad.

Huang Zhiyu, Director of the Department of Agriculture and Rural Affairs of Guangxi Zhuang Autonomous Region stated that, by fully leveraging the advantages of abundant featured resources in the forestry, fruit, vegetable, animal husbandry and cane sugar industry, Guangxi has made new achievements by speeding up the building of a "10+3+N" modern characteristic agricultural system and persistently boosting high-quality agricultural development. Guangxi has been ranked among the top ten in the country for years in terms of the total output value of agriculture, forestry, animal husbandry, and fishery. The region has successfully built six hundred-billion-yuan level industrial clusters, including grain, cane sugar, vegetable, fruit, fishery, and high-quality livestock industry, making it well-known nationwide as the "Fruit Plate," "Sugar Jar," and "Vegetable Basket".

Wei Bo, Deputy Director of the Department of Agriculture and Rural Affairs of Guangxi Zhuang Autonomous Region, introduced that Guangxi persistently builds high-quality agricultural brands by focusing on improving the quality of agricultural products and attaching importance to variety cultivation, quality certification and standard construction. To date, Guangxi has identified a series agricultural brands containing "Gui", totaling 641 in seven batches, with a total brand value exceeding 500 billion yuan.

Source: The Department of Agriculture and Rural Affairs of Guangxi Zhuang Autonomous Region 

Bridgewise และ Rakuten Securities Inc. ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ บุกตลาดญี่ปุ่น

  • โซลูชันเอไอสำหรับวิเคราะห์การลงทุนจาก Bridgewise พร้อมให้บริการกับลูกค้าของ Rakuten Securities ทั่วโลกเร็วๆ นี้
  • ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งที่สองของแพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารการลงทุนทางการเงินระดับโลกอย่าง Bridgewise ในตลาดญี่ปุ่น หลังร่วมมือกับ JPX Market Innovation & Research Inc. ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Bridgewise แพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารการลงทุนทางการเงินสำหรับหลักทรัพย์ทั่วโลก ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Rakuten Securities Inc. เปิดตัวโซลูชันเอไอสำหรับวิเคราะห์การลงทุนสำหรับลูกค้าของ Rakuten Securities โดยในความร่วมมือพลิกโฉมอุตสาหกรรมครั้งนี้ ลูกค้ากว่า 11 ล้านรายของ Rakuten Securities จะสามารถเข้าใช้โซลูชันข้อมูลข่าวสารการลงทุนด้วยนวัตกรรม AI จาก Bridgewise ได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2025 รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะทยอยเปิดตัวตลอดทั้งปี

นับตั้งแต่การระดมทุนครั้งล่าสุด มูลค่ากว่า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนระดับโลก อย่าง SIX Group, Group 11, L4 Venture Builder และสถาบันการเงินชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย Bridgewise มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายธุรกิจ โดยเอเชียแปซิฟิกถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่าง Bridgewise กับ Rakuten Securities ในตลาดญี่ปุ่นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงค่านิยมที่ทั้งสองบริษัทมีร่วมกัน นั่นคือการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพให้กับนักลงทุน Bridgewise ก่อตั้งขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ยกระดับขีดความสามารถของสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มซื้อขาย ในการสนับสนุนนักลงทุนทั่วโลก ให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะในภาษาหรือในตลาดใดๆ ก็ตาม ปัจจุบันการวิเคราะห์การลงทุนมักจะครอบคลุมเพียงแค่ 20% ของหุ้นทั่วโลก และกระจุกตัวในหุ้นและกองทุน ETF บางกลุ่มที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียงสามแห่งเท่านั้น ทำให้ยังมีโอกาสการลงทุนอีกมากมาย กำลังรอให้นักลงทุนรายย่อยและที่ปรึกษาทางการเงินมาค้นพบ แพลตฟอร์ม Bridgewise วิเคราะห์ข้อมูลและผลคะแนนพื้นฐาน รวมถึงให้คำแนะนำการลงทุนในหุ้นและกองทุนมากกว่า 90% ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, กองทุนรวม, หรือกองทุน ETF ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2019 Bridgewise ได้ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันให้บริการในกว่า 25 ภาษาและ 15 ตลาดทั่วโลก ครอบคลุมเครื่องมือทางการเงินกว่า 50,000 รายการ

เคลวิน พัว ผู้จัดการทั่วไปของ Bridgewise APAC กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้บรรลุหมุดหมายสำคัญที่สองในตลาดญี่ปุ่น ผ่านการจับมือกับ Rakuten Securities ในครั้งนี้ ในฐานะแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ที่มุ่งมั่นส่งมอบโซลูชันทันสมัย ตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า เราภูมิใจที่ได้เข้าสู่ความร่วมมือกับ Rakuten Securities และได้นำเสนอโซลูชันเอไอสำหรับวิเคราะห์การลงทุนให้กับลูกค้าของ Rakuten Securities เราหวังว่าจะช่วยให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในตลาดการลงทุนที่มีความหลากหลายและเชื่อมโยงกับตลาดโลกมากยิ่งขึ้น"

ความร่วมมือกับ Rakuten Securities ถือเป็นความร่วมมือที่สองในตลาดญี่ปุ่นของ Bridgewise ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี หลังการก่อตั้งทีมเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์ การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Bridgewise ให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในฐานะตลาดยุทธศาสตร์ โดยมุ่งหวังการเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในขณะเดียวกันกับการรักษาฐานตลาดที่แข็งแกร่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากการขยายตลาดแล้ว Bridgewise ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยทั่วโลก ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทได้แก่:

  • Bridgewise Bridget(TM) — โซลูชันผู้ช่วยการลงทุนด้วยเทคโนโลยี AI แบบสนทนา คอยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการลงทุน เช่น คำแนะนำซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะ Bridget(TM) ออกแบบโดยแก้ไขข้อบกพร่องของ AI chatbot เช่น การขาดความเชี่ยวชาญทางการเงิน และการสร้างข้อมูลเท็จ และเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารการลงทุนทางการเงินเพียงไม่กี่แห่ง ที่มุ่งเน้นให้บริการนักลงทุนสถาบัน จึงเป็นเครื่องมือเปลี่ยนเกมธุรกิจ สำหรับสถาบันการเงินที่ต้องการพลิกขึ้นมาก้าวนำในตลาดที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และยกระดับขีดความสามารถ ให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนใช้ข้อมูลอย่างมีความเข้าใจและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
  • Bridgewise FundWise — โซลูชันวิเคราะห์กองทุนด้วยเทคโนโลยี AI สองประเภท ได้แก่ Machine Learning สำหรับหุ้นทั่วโลกที่แพลตฟอร์มให้บริการ และ Micro Language Model (MLM) ที่พัฒนาขึ้นมาพิเศษ FundWise จึงสามารถวิเคราะห์แบบล่างขึ้นบน (Bottom-up) โดยจำแนกและวิเคราะห์สินทรัพย์ภายใต้กองทุนต่างๆ แบบรายตัว พร้อมให้คำแนะนำซื้อขาย ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาการขาดข้อมูลในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทุนที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสินทรัพย์ได้
  • Bridgewise ESG Analysis — โซลูชันวิเคราะห์หุ้น ESG ที่ครอบคลุมมากที่สุดในตลาด สำหรับนักลงทุนสถาบัน ด้วยพารามิเตอร์ ESG กว่า 120 ตัว ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกกว่า 16,000 ตัว Bridgewise ESG Analysis จึงวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของหุ้นตามปัจจัยหลักในแต่ละมิติของ ESG พร้อมทั้งคำนวณคะแนน ESG รวมโดยใช้ข้อมูลจาก S&P และข้อมูลที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ตลอดจนคะแนนเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

เกี่ยวกับ Bridgewise

Bridgewise เป็นบริษัทข้อมูลข่าวสารทางการเงิน ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI กรรมสิทธิ์ สำหรับวิเคราะห์หุ้นและกองทุน ครอบคลุมมากกว่า 90% ของหุ้นและกองทุนทั่วโลก บริษัทฯ ยกระดับขีดความสามารถในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนสถาบันและรายย่อย ในกว่า 25 ภาษาและ 15 ประเทศ โดยมีลูกค้านักลงทุนสถาบันมากกว่า 50 ราย ด้วยแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI กรรมสิทธิ์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ให้บริการวิเคราะห์มาแล้วกว่า 10 ล้านรายการ มอบข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับหุ้นและหลักทรัพย์ทั่วโลก

Bridgewise ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 มีเป้าหมายเชื่อมโยงองค์ความรู้ในโลกการลงทุน และเปิดกว้างการเข้าถึงข้อมูลตลาดการเงิน ผ่านการให้บริการวิจัยหุ้นและกองทุนที่เข้าใจง่ายและครอบคลุม ซึ่งก่อนหน้านี้มีให้บริการเฉพาะกับสถาบันการเงินรายใหญ่เท่านั้น

Bridgewise ร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ แพลตฟอร์มการซื้อขาย บริษัทการลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน และแพลตฟอร์มสื่อและการศึกษาทางการเงิน ให้บริการโซลูชันด้านข้อมูลข่าวสาร ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ของบริษัทฯ ซึ่งได้รับการบูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มทางการเงิน ช่วยยกระดับความรู้และความสามารถของนักลงทุน ให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บริดจสโตนพัฒนายางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ พร้อมนำเสนอคอนเซ็ปต์ยางรุ่นใหม่ในงานสัมมนาประจำปีด้านอวกาศครั้งที่ 39

  • บริดจสโตนได้พัฒนายางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งได้ปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านการวิจัยและพัฒนา
  • คอนเซ็ปต์ของยางนี้ได้รับการนำเสนอในงานสัมมนาประจำปีด้านอวกาศครั้งที่ 39 ณ เมืองโคโลราโด สปริงส์ ระหว่างวันที่ 8 11 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
  • บริดจสโตนได้ประเมินโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายโครงกระดูกและนำเทคโนโลยียางเพื่ออนาคตอย่าง "ยางไร้ลม (Air Free)" โดยได้เพิ่มซี่ล้อโลหะขนาดบางเข้าไปเพื่อเสริมความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงบนดวงจันทร์

บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น เผยว่าได้พัฒนายางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ซึ่งได้ปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านการวิจัยและพัฒนา โดยคอนเซ็ปต์ของยางดังกล่าวได้รับการนำเสนอในงานสัมมนาประจำปีด้านอวกาศครั้งที่ 39 ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปีด้านอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา จัดขึ้น ณ เมืองโคโลราโด สปริงส์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยบริดจสโตนได้จัดแสดงนิทรรศการ ณ บริเวณบูธอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศญี่ปุ่นซึ่งจัดโดยสำนักงานสำรวจอวกาศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JAXA)

บริดจสโตนได้พัฒนายางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์โดยยึดหลักพื้นฐานที่ว่า "ยางดูแลชีวิต" ซึ่งบริดจสโตนเข้าใจการเดินทางบนถนนทั่วโลกและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางทุกประเภทบนโลก รวมถึงสนับสนุนและพัฒนาการเดินทางในอวกาศตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดสูงสุดผ่านความท้าทายด้านการสำรวจอวกาศ นวัตกรรมเทคโนโลยียางของบริดจสโตนยังได้สนับสนุนวิวัฒนาการของการเดินทางในสถานการณ์สุดท้าทายเช่นเดียวกับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต โครงการนี้ทำให้บริดจสโตนมีบทบาทสำคัญในอนาคตแห่งการเดินทางด้วยการรับมือกับความท้าทายในการสำรวจสภาพแวดล้อมที่รุนแรงบนพื้นผิวดวงจันทร์ซึ่งนับเป็นขอบเขตใหม่สำหรับมวลมนุษยชาติ

ยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ของบริดจสโตนในรุ่นแรกได้ใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและยังได้รับแรงบันดาลใจจากอุ้งเท้าของอูฐที่เดินทางผ่านทะเลทราย โดยใช้วัสดุโลหะชนิดนุ่มวางบริเวณหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นผิวดวงจันทร์ที่ปกคลุมด้วยเศษดินหรือเศษหินที่อยู่บนพื้นผิวชั้นบนซึ่งเรียกว่าเรโกลิธ (Regolith) บริดจสโตนได้ออกแบบยางเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างยางกับพื้นผิวชั้นบนของดวงจันทร์ที่ปกคลุมด้วย เรโกลิธช่วยให้สามารถยึดเกาะพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้ ยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์รุ่นที่สองจึงได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่โดยประยุกต์จากโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายโครงกระดูก (skeletal structure) เพื่อตอบโจทย์ด้านความทนทานและการยึดเกาะบนพื้นผิวดวงจันทร์ซึ่งมาจากความมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาของบริดจสโตน ทางบริษัทฯ ได้รวมเทคโนโลยีจากการพัฒนายางเพื่ออนาคตอย่างยาง "ไร้ลม (Air Free(R))" มาใช้พัฒนาโครงสร้างใหม่ของยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ โดยนำซี่ล้อโลหะขนาดบาง*1 และดอกยางที่แบ่งออกเป็นส่วนในทิศทางการหมุนเพื่อให้สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงบนดวงจันทร์ เช่น ก้อนหิน ทราย สภาวะสุญญากาศ และความแปรปรวนของอุณหภูมิอย่างรุนแรง รวมถึงการแผ่รังสี ซึ่งนวัตกรรมโครงสร้างของยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์นี้ช่วยให้ยางมีความทนทานสูงและยังสามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งผสานทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกดิจิทัล ทางบริษัทฯ ได้ปรับรูปทรงและความหนาของซี่ล้อโลหะให้เหมาะสมยิ่งขึ้นโดยใช้การจำลองโครงสร้าง ซึ่งช่วยให้ซี่ล้อโลหะสามารถโค้งงอได้เมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง จึงช่วยเพิ่มความทนทานและปรับปรุงการยึดเกาะรวมถึงความสามารถในการเคลื่อนที่ โดยการเพิ่มพื้นที่สัมผัสและลดการจมตัวลงด้วยดอกยางที่แบ่งออกเป็นส่วน ทั้งนี้ บริดจสโตนกำลังสนับสนุนการขับเคลื่อนของยานสำรวจบนดวงจันทร์ด้วยการส่งมอบความปลอดภัยและความอุ่นใจ พร้อมทั้งส่งเสริมให้กับผู้คนได้เดินทางไปยังดวงจันทร์ด้วยเทคโนโลยี "Mastering Road Contact" ซึ่งเป็นความสามารถหลักของบริษัทฯ จากประสบการณ์ที่หลากหลายและเกี่ยวข้องกับท้องถนนทั่วโลก

โครงการยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์เป็นความริเริ่มที่ต่อยอดการใช้เทคโนโลยีของ "ยางไร้ลม (Air Free)" ซึ่งถูกวางตำแหน่งไว้เป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นแสวงหาสิ่งใหม่ๆ (Exploratory Business) ในแผนธุรกิจระยะกลางของบริดจสโตน (ประจำปี 2567-2569) จากโลกสู่อวกาศและพื้นผิวดวงจันทร์ ในอนาคตทางบริษัทฯ ตั้งเป้า จะนำเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงบนดวงจันทร์มาใช้กับยางที่ใช้งานบนโลกเพื่อสร้างคุณค่าเพิ่ม นอกจากนี้บริดจสโตนยังนำเสนอโอกาสความท้าทายและการไม่หยุดพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ ผ่านโครงการนี้ด้วยการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นร่วมกันกับพันธมิตร และบริษัทฯ กำลังขยายเครือข่ายในอุตสาหกรรมอวกาศ รวมถึงโอกาสในการร่วมพัฒนากับพันธมิตรระดับนานาชาติหลากหลายกลุ่มจากการดำเนินโครงการยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ของบริดจสโตนสะท้อนผ่านคุณค่า "ด้าน Extension (การเติบโต)" ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่ว่า เพราะโลกไม่เคยหยุด เราต้องไปให้สุดด้วยนวัตกรรมใน "Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)"

สามารถ ดูข้อมูลยางสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์ของบริดจสโตนได้ที่เว็บไซต์: https://www.bridgestone.com/technology_innovation/moon_tires/

ข้อมูลงานสัมมนาประจำปีด้านอวกาศครั้งที่ 39

วันที่: 8 เมษายน (วันจันทร์) - 11 เมษายน (วันพฤหัสบดี) 2567
สถานที่: เมืองโคโลราโด สปริงส์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถานที่ตั้งของบูธอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศญี่ปุ่น: ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการนอร์ทธรอป กรัมแมน เซาท์ ฮอลล์ #111

*1 ส่วนประกอบซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่สัมผัสกับล้อยางทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของยานพาหนะและช่วยดูดซับแรงกระแทก
*2 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้ประกาศ "Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของ บริดจสโตน) " ซึ่งเป็นพันธสัญญาขององค์กร เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์: "สู่ปี ค.ศ. 2050 บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน" พันธสัญญาดังกล่าวจะเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต "Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)" ประกอบด้วยคุณค่า 8 ด้าน ที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษร E (ได้แก่ Energy (ด้านพลังงาน), Ecology (ด้านสิ่งแวดล้อม), Efficiency (ด้านประสิทธิภาพ), Extension (ด้านการเติบโต), Economy (ด้านเศรษฐกิจ), Emotion (ด้านความรู้สึก), Ease (ด้านความสะดวกสบาย) และ Empowerment (ด้านพลังสังคม)) ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่าน "เจตจำนง" และ "กระบวนการทำงาน" ร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้าเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

https://www.bridgestone.com/corporate/news/2022030101.html

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทยจำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก