Wednesday, September 30, 2020

Tongji SEM รั้งอันดับ 31 ของหลักสูตรปริญญาโทสาขาการจัดการที่ดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับประจำปี 2020 โดย Financial Times

 


เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา นิตยสาร Financial Times (FT) ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับหลักสูตรมหาบัณฑิตสาขาการจัดการที่ดีที่สุดในโลก (Global Masters in Management (MiM) Ranking) ประจำปี 2020 โดยหลักสูตรปริญญาโทสาขาการจัดการของ Tongji SEM ขึ้นแท่นเป็นหลักสูตรที่ดีที่สุดอันดับที่ 31 ของโลก และอันดับที่ 2 ในจีน นับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่หลักสูตร MiM ของ Tongji SEM ติดท็อป 50 ของโลกในรายงานฉบับนี้


การจัดอันดับหลักสูตร MiM ของ Financial Times มีชื่อเสียงในเรื่องเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวด, การสำรวจข้อมูลในเชิงปรนัยและมีความเป็นอิสระ ตลอดจนระบบการประเมินผลที่เจาะลึกและครอบคลุม จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการจัดอันดับหลักสูตรการศึกษาด้านธุรกิจที่น่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับในระดับโลก สำหรับการจัดอันดับหลักสูตรธุรกิจของ FT นั้นจะพิจารณาจากปัจจัยบ่งชี้ 24 ประการซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท เพื่อประเมินความแข็งแกร่งโดยรวมของสถาบันสอนวิชาด้านธุรกิจและคุณภาพของหลักสูตร จากการประเมินดังกล่าวพบว่า Tongji SEM มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เปอร์เซ็นต์การขึ้นเงินเดือนที่อยู่ในอันดับ 3 ของโลกด้วยอัตราการขึ้นเงินเดือนถึง 105% อยู่ในอันดับ 6 ของโลกด้านการให้บริการทางอาชีพ ผู้สำเร็จการศึกษาทั้ง 100% สามารถหางานทำได้ภายใน 3 เดือน และรั้งอันดับที่ 14 ของโลกในบรรดาสถาบันธุรกิจ 100 อันดับแรกที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน ทั้งยังอยู่ในอันดับที่ 15 ในด้านความพึงพอใจโดยรวม นอกจากนี้ ในปัจจัยชี้วัดที่สำคัญ ๆ อาทิ คณะและความเป็นสากล ยังพบว่า Tongji SEM อยู่ในอันดับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


หลักสูตร MiM ของ Tongji SEM มีจุดประสงค์ที่จะบ่มเพาะบุคลากรที่เป็นหัวกะทิในด้านการบริหารจัดการ ให้มาพร้อมกับความมีวิสัยทัศน์ที่เป็นสากล ตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เปี่ยมด้วยความสามารถในการวิจัยเชิงนวัตกรรม และทักษะการแก้ปัญหาในแนวทางปฏิบัติ โดย Tongji SEM ได้เข้าไปร่วมมือกับสถาบันธุรกิจชั้นนำจำนวนมากในต่างประเทศเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอินเตอร์ และช่วยให้นักเรียนได้ปรับปรุงทัศนคติด้านความแตกต่างทางวัฒนธรรม รวมถึงเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมในมุมมองแบบสากล และในขณะเดียวกันก็ความสำคัญกับการบูรณาการวิชาการเข้ากับการปฏิบัติจริง โดยได้ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าไปฝึกงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย


นอกจากนี้ ศูนย์พัฒนาอาชีพ (Career Development Center - CDC) ของ Tongji SEM ยังเชิญให้ผู้จัดการจากภาคอุตสาหกรรมมามอบคำแนะนำด้านการวางแผนและพัฒนาอาชีพให้กับนักศึกษาในกิจกรรม "Dialogue with HR" และ "Peer Lecture" ทั้งยังได้พัฒนาหลักสูตรการให้คำปรึกษาแบบมืออาชีพออนไลน์และแพลตฟอร์มให้บริการเรื่องการหางานผ่านการมอบคำแนะนำแบบตัวต่อตัว เพื่อให้นักศึกษาได้รับการแนะนำและการสนับสนุนที่เหมาะสมครบถ้วนตั้งแต่กระบวนการฝึกงานไปจนถึงการหางานทำ


การปรับปรุงความเป็นสากลนั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ Tongji SEM ยึดมั่นมาตลอด การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ทำให้นักศึกษาต่างชาติเริ่มเข้ามาศึกษาเล่าเรียนในประเทศจีนเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อส่งเสริมการโปรโมทแบรนด์ "Studying in China" Tongji SEM จึงได้ยกระดับหลักสูตรปริญญาโทสาขาการจัดการระดับโลก (MGM) สำหรับนักศึกษาต่างชาติเมื่อปี 2019 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบ่มเพาะนักศึกษาต่างชาติให้มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการระหว่างประเทศและการทำธุรกิจในจีน ควบคู่ไปกับการสรรสร้างทักษะความเป็นผู้นำในการจัดการสภาพแวดล้อมการทำงานในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sem.tongji.edu.cn/semen/programs/mim-new/mim-overview/about-mgbm).



Xinhua Silk Road: การประชุม World Canal Cities Forum ประจำปี 2563 จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ ณ เมืองหยางโจวของจีน


การประชุม World Canal Cities Forum ประจำปี 2563 จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน


งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “ความรุ่งเรืองและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมืองริมฝั่งคลองทั่วโลก” โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จและประสบการณ์ของเมืองริมฝั่งคลองทั่วโลก พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลอ้างอิงที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาวัฒนธรรมและเมืองริมฝั่งคลองทั่วโลก


เจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการกว่า 500 คนจากในประเทศจีนและต่างประเทศ ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมืองริมฝั่งคลองให้เจริญรุ่งเรืองในระยะยาว และมีการบรรลุฉันทามติในการประชุมครั้งนี้ด้วย


หลิว ชี่เป๋า รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติชุดที่ 13 ของการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน (CPPCC) กล่าวในการประชุมครั้งนี้ว่า การอนุรักษ์ สืบสาน และทำประโยชน์จากวัฒนธรรมริมฝั่งคลองใหญ่ (Grand Canal) ของจีน กำลังอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากจีนกำลังยกระดับความพยายามในการอนุรักษ์คลองใหญ่ และได้ประกาศแผนการสร้างอุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองใหญ่ด้วย


อู๋ เจิ้งหลง ผู้ว่าการมณฑลเจียงซู กล่าวว่า มณฑลเจียงซูจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมการสร้างเส้นทางแห่งวัฒนธรรมตามแนวคลองใหญ่ (Grand Canal Cultural Belt) และพัฒนาคลองใหญ่ส่วนที่พาดผ่านมณฑลเจียงซูให้เป็นแหล่งธุรกิจวัฒนธรรมของมณฑล


นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมอีกมากมาย เช่น เทศกาล Canal Carnival ประจำปี 2563 และมหกรรมอาหาร World Canal Cities Food Expo ประจำปี 2563 ซึ่งตอกย้ำเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและความคึกคักของคลองใหญ่


การประชุมประจำปี World Canal Cities Forum จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2550 และกลายเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองริมฝั่งคลอง พร้อมกับสนับสนุนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม การพัฒนาการท่องเที่ยว การจัดการสิ่งแวดล้อม การสร้างเมือง การอนุรักษ์คลองใหญ่ รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างเมืองริมฝั่งคลอง


ลิงก์ข่าวต้นฉบับ: https://en.imsilkroad.com/p/316588.html

Xinhua Silk Road: 2020 World Canal Cities Forum held on Monday in E. China's Yangzhou


The 2020 World Canal Cities Forum kicked off on Monday in Yangzhou, east China's Jiangsu Province.


Themed on sustainable prosperity and development of cultural tourism industry of world canal cities, the forum aimed to exchange and showcase the successful practice and advanced experience of the world canal culture and provided useful references for the development of the world's canal cities and canal culture.


500 officials, experts and scholars from home and abroad discussed the topic of how the cultural tourism industry of canal cities can continue to achieve long-term, prosperous development, and reached broad consensus at the forum.


The protection, inheritance and utilization of the Grand Canal culture is in the best period of history, as China has ramped up efforts to push forward the fine protection of the Grand Canal and has issued a plan on the construction of national culture parks for the Grand Canal, Liu Qibao, vice-chairperson of the 13th National Committee of the Chinese People's Political Consultative Conference (CPPCC), said at the forum.


Wu Zhenglong, governor of Jiangsu Province, noted that Jiangsu will strive to promote the construction of the Grand Canal Cultural Belt and build the Jiangsu section of the Grand Canal into a culture business card for the province.


A variety of activities, such as the 2020 Canal Carnival and the 2020 World Canal Cities Food Expo, were also staged during the event in a bid to further demonstrate the cultural charm and show great vitality of the Grand Canal.


Founded in 2007, the annual World Canal Cities Forum has become a well-known platform for boosting cooperation among canal cities and promoting heritage protection, tourism development, environmental governance, urban construction, protection of the Grand Canal, and economic and cultural exchange among canal cities.


See the original link: https://en.imsilkroad.com/p/316588.html

UOB transforms the digital banking experience for its corporate clients with the launch of UOB Infinity

SINGAPORE--30 Sep--PRNewswire/InfoQuest


- Digital solution provides greater certainty and transparency in cross-border payments


United Overseas Bank (UOB) has transformed the digital banking experience for its corporate clients with the launch of UOB Infinity, enabling them to manage their banking needs in a simpler, smarter and more personalised manner. The Bank will roll out UOB Infinity across the region, beginning with Singapore first.


With rising demand for personalised digital experiences[1], UOB Infinity offers a customisable dashboard that enables clients to prioritise and to display information that is most important to them. The customisable dashboard presents financial information visually, thereby making it easy for clients to see state of their company's finances at a glance and in real-time.


Through UOB Infinity, clients can also manage a range of domestic and cross-border banking activities – from checking their UOB accounts across various markets to making local and international payments – conveniently and without the need to log into multiple platforms. Real-time payment receipt confirmation at the beneficiary bank also helps address the challenges that many corporate treasurers face by improving transparency and certainty of payment.


UOB Infinity's biometric login via a soft token on the mobile app also enables for faster access and simplified transaction authorisation while also ensuring security.


Ms So Lay Hua, Head of Group Transaction Banking, Group Wholesale Banking, UOB, said, "The launch of UOB Infinity is another example of our commitment to developing digital solutions that enable our clients to bank more easily and conveniently. In designing UOB Infinity, we have created an experience that is intuitive for our clients and enables them to access the financial intelligence they need quickly and easily. As part of our design approach, we engaged our clients at every step to understand what was most important to them and tapped industry best practices to create a solution that meets both the current and future needs of our clients.


"We believe that through UOB Infinity's simple and user-friendly interface, breadth of functionalities and personalised experience, we will be able to help more of our clients increase their use of digital banking services for better productivity and business performance. Not only is this essential to supporting businesses in their digital transformation efforts, it also helps in increasing their resilience and ability to make timely, data driven decisions to cope with unexpected events such as the COVID-19 pandemic."


A set of customers piloted UOB Infinity and found its ease of use and rich features drove improved experience, productivity and business performance. TeleRadio Engineering Private Limited was one of the clients that has already benefitted from the solution's ease of use and wide range of features.


Ms Vivien Tan, Chief Executive Officer at TeleRadio Engineering Private Limited, said, "I found the dashboard very useful as it provides me with an overview of my balances and transaction statuses across different accounts. The ability to customise the dashboard also makes it more convenient for me as I can opt to have an overview of my outstanding tasks and thereby act on them promptly."


Greater certainty and transparency when making cross-border payments


UOB Infinity also addresses a common concern among corporate clients – the lack of real-time tracking for cross-border payments[2]. The digital solution provides businesses with real-time notification through SMS or email when their payment has been successfully credited into the beneficiary's account, saving them the hassle of manually checking on the status of the transaction. On average, about 20 per cent of the monthly calls received by UOB from its corporate clients relate to queries on the status of their cross-border payments.


Clients are also informed of the charges for the cross-border transaction, including those from the intermediary bank. This provides businesses with greater transparency in the costs incurred for the transaction and helps to prevent instances where there is a discrepancy in the final amount received by the beneficiary due to the charges involved.


"Businesses already face many uncertainties when seizing cross-border opportunities, including the need to navigate a foreign business landscape and to build up their relationship with local suppliers. To support them in their entrepreneurial efforts, we wanted to make it easier for businesses to know when exactly their payment has been credited, eliminating the need to check for such payments manually," Ms So said.


Mobile app featuring one of the most comprehensive range of payment functionalities


As the use of electronic payments for business transactions increase, the UOB Infinity app enables corporate clients to manage all their payments needs efficiently even when on the go. Clients are able to make a wide range of payments – from local bill payments to making domestic and cross-border fund transfers through services such as PayNow, FAST and telegraphic transfers.


To further drive adoption of contactless collections, especially in the current COVID-19 pandemic, clients are also able to generate a QR code through UOB Infinity to request for payment via PayNow Corporate from their buyers. UOB has been supporting its customers in their drive towards adopting digital payments and collections. In the first half of 2020, UOB saw the number of PayNow Corporate transactions increasing by nearly nine times as compared with the same period a year ago.


The UOB Infinity mobile app can be downloaded from Google Play and the Apple App store. Clients will also be able to set up their biometrics login to access the mobile app more conveniently. Singapore users of UOB's existing business internet banking platform, UOB BIBPlus, can log into and start using UOB Infinity with the same credentials.


For more information about UOB Infinity, please visit: www.uob.com.sg/infinity.


[1] According to a report from Boston Consulting Group. The report, titled What do corporate banking customers really want?, can be accessed at: https://www.bcg.com/ru-ru/publications/2018/what-do-corporate-banking-customers-really-want.


[2] According to a SWIFT and EuroFinance survey, 64 per cent of treasurers said they want real-time payments tracking and place this at the top of their list of desired enhancements. https://www.swift.com/sites/default/files/documents/swift_corporates_surveypaper_eurofinance-final.pdf


About United Overseas Bank


United Overseas Bank Limited (UOB) is a leading bank in Asia with a global network of more than 500 offices in 19 countries and territories in Asia Pacific, Europe and North America. Since its incorporation in 1935, UOB has grown organically and through a series of strategic acquisitions. UOB is rated among the world's top banks: Aa1 by Moody's Investors Service and AA- by both S&P Global Ratings and Fitch Ratings. In Asia, UOB operates through its head office in Singapore and banking subsidiaries in China, Indonesia, Malaysia, Thailand and Vietnam, as well as branches and representative offices across the region.


Over more than eight decades, generations of UOB employees have carried through the entrepreneurial spirit, the focus on long-term value creation and an unwavering commitment to do what is right for our customers and our colleagues.


We believe in being a responsible financial services provider and we are committed to making a difference in the lives of our stakeholders and in the communities in which we operate. Just as we are dedicated to helping our customers manage their finances wisely and to grow their businesses, UOB is steadfast in our support of social development, particularly in the areas of art, children and education.


Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20200929/2931763-1


Caption: UOB has transformed the digital banking experience for its corporate clients with the launch of UOB Infinity


Logo - https://photos.prnasia.com/prnh/20181018/2271919-1LOGO

One to One Contacts: Customer's Success is our Success

BANGKOK--30 Sep--PRNewswire/InfoQuest


One to One Contacts Group is the leader in offering the "Total Digital Customer Interaction Management Solutions" in Thailand that responds to all dimensions of customer's requirements with the highest quality of service solutions.


One to One Contacts Group has 4 subsidiaries company which 3 of them, are in Thailand and the other one is in Cambodia. We started our business with only 5 staffs for the past 20 years to 2,200 staffs with the mission to deliver the best quality service to our clients.


Throughout these past years, our team have continuously developed new digital products to create more efficient service by blending operation with the chatbot, voice bot working together with humans to support our main business, also our team has developed dynamic platforms and mobile applications that can reduce of unnecessary work.


Last year we've stepped into a new area of business:cleaning and facility management solutions. The service we offer, is differentiated, we blend the workforce between human and cleaning robots which optimize the cost of operation by 3 factors; human, technology, and process to save cleaning costs in long term service.


As we run the client satisfaction survey for more than 15 years in order to understand more about our clients' needs and behavior to improve the service beyond customer and client expectations.


We focus on trying to be measured how to satisfy the service to each other. Since we believe that the excellent service should come from the mindset inside of each staff. With our great heart of teamwork, we have done a lot of social contribution projects such as we supported the Department of Disease Control at the beginning period of covid19 with no charge to deliver the service with accurate information at the right as it will be one part to help people understand the real situation and get the fact which will not make people be more panic in the digital era that tans of information flew a lot.


Along these years past, all of our team here are always proud to be one part of the society that can contribute our skillset to make things better and easier for people to connect. That is uncountable value for our service which always serve with our heart.


For more information, please go to www.onetoonecontacts.com or call us at +66-6-6565-5555


Contact:


Warunee Poode

+66-8-5155-6188

Warunee.p@oto.samartcorp.com


Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20200925/2928682-1

Caption - One To One Contacts 20th Anniversary Celebration

Tongji SEM Ranked 31st in FT 2020 Masters in Management Ranking

SHANGHAI--30 Sep--PRNewswire/InfoQuest


On September 28th, 2020, Financial Times officially released its 2020 Global Masters in Management (MiM) Ranking. Tongji SEM's Master in Management program ranked 31st in the world and 2nd in China. It has been ranked among the top 50 in the world for five consecutive years.


FT MiM ranking is renowned for its rigorous evaluation criteria, independent and objective data survey, comprehensive and in-depth evaluation system. It is one of the globally recognized authoritative rankings in the field of business education. The ranking consists of 24 sub-indicators in four categories to comprehensively evaluate the overall strength of business schools and the quality of the program. Tongji SEM has a prominent performance in several key indicators. In terms of Salary Percentage Increase, Tongji SEM ranked 3rdin the world with 105%; with regard to Career Service Rank, Tongji SEM ranked 6th worldwide; Employed at Three Months reaches 100% within three months after graduation, and only 14 of the world's top 100 business schools meet this standard; Overall Satisfaction ranked 15th in the world; in addition, key indicators such as faculty and internationalization have also been steadily improved.


Tongji SEM's MiM program aims to cultivate excellent management elites with international vision, social responsibility, innovative research capability, and practical problem-solving skills. Tongji SEM partners with many top foreign business schools to create an international learning environment and to enable students to fully understand the global strategic vision and develop a sense of cross-cultural perspective and social responsibility from an international perspective. Also, Tongji SEM emphasizes the integration of academic and practice by collaborating with enterprises to provide with students rich industry internship opportunities.


In addition, Tongji SEM's Career Development Center (CDC) invites managers from industry to provide professional guidance for students' career planning and development by organizing "Dialogue with HR" and "Peer Lecture"; it has also developed online professional counseling courses and employment service platforms to provide "one-to-one" counseling, providing students with comprehensive guidance and support from internship to employment.


Internationalization improvement has always been one of the most important goals of Tongji SEM. With the rapid development of China's economy, more and more overseas students come to China to study. In order to further promote the "Studying in China" branding, Tongji SEM has upgraded Master of Global Management (MGM) for international students in 2019, which aims to cultivate international students to master the theories and methods of international management and the way of doing business in China, and to devote themselves to playing the role of management leadership in a cross-cultural working environment. (for details, please refer to the website: https://sem.tongji.edu.cn/semen/programs/mim-new/mim-overview/about-mgbm).


Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1294396/Tongji_SEM_FT_2020.jpg


Caption: Tongji SEM Ranked 31st in FT 2020 Masters in Management Ranking


Photo- https://mma.prnewswire.com/media/1294397/Students_Tongji_SEM.jpg


Caption: Students of Tongji SEM’s Master in Management program


--


          Click for photo release at www.thaipr.net

Book Depository เปิดตัวแคมเปญ #RevealYourShelf ช่วยผู้อ่านค้นพบจิตวิญญาณภายในตัวเอง

ลอนดอน--30 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์


ชั้นหนังสือบอกอะไรเกี่ยวกับเจ้าของได้บ้าง


- Book Depository ออกแคมเปญใหม่ทางโซเชียลมีเดียตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 11 ตุลาคม โดยขอเชิญชวนนักอ่านทั่วโลกร่วมโชว์ชั้นหนังสือของตัวเองเพื่อเผยตัวตนจริง ๆ ออกมา

- โพสต์ภาพ “เชลฟี” บนโซเชียลมีเดีย จากนั้นเอมมา เคนนี นักจิตวิทยาชื่อดังจากสหราชอาณาจักร จะบอกคุณว่ารสนิยมในหนังสือบอกอะไรเกี่ยวกับคนนั้นได้บ้าง


หนังสือที่คนเราเลือกอ่านในเวลาว่างบอกตัวตนของเราได้ Book Depository จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเผยตัวตนของคุณเองในแคมเปญโซเชียลมีเดียระดับโลกอย่าง #RevealYourShelf เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 11 ตุลาคม


ชั้นหนังสือบอกอะไรเกี่ยวกับเจ้าของได้บ้าง


แทนที่จะทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของคน ๆ หนึ่งจากราศี ลองไปดูที่ชั้นหนังสือแทน โดยเอมมา เคนนี นักจิตวิทยาชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ผนึกกำลังกับ Book Depository เพื่อเผยว่ารสนิยมในหนังสือบอกอะไรเกี่ยวกับลักษณะนิสัยและจิตวิญญาณภายในของคน ๆ นั้นได้บ้าง


สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องลึกลับซับซ้อน คุณเอมมาเผยว่าคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มว่าเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงและชอบถูกท้าทาย ผู้ที่ชอบอ่านนวนิยายนั้นเป็นมิตร สำรวม และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ส่วนคนที่ชอบอ่านแนวดรามาและโรแมนติกเป็นคนที่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในยามวิกฤต สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวทดลองที่คาดเดายากนั้น คนกลุ่มนี้มักทำตามกฎระเบียบและเป็นผู้เจรจาที่ดี ส่วนคนที่ชอบอ่านเรื่องตลกมักจะถูกมองว่าเป็นคนอบอุ่น ดึงดูดใจ และเข้าถึงง่าย


ขอเชิญชวนผู้รักการอ่านร่วมชุมชนผู้อ่านของ Book Depository และค้นพบว่าชั้นหนังสือบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองได้บ้าง ด้วยการแชร์ภาพ “เชลฟี” บนทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม พร้อมใส่แฮชแท็ก #RevealYourShelf และ @BookDepository เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้รีโพสต์ชั้นวางหนังสือและให้คุณเอมมา เคนนี วิเคราะห์ตัวเจ้าของชั้นวางหนังสือนั้น และลุ้นรับหนังสือใหม่อีก 5 เล่มเพื่อเพิ่มเข้าคลังหนังสือของคุณเอง


ส่องชั้นหนังสือของบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก


ผู้นำระดับโลกคนไหนยกให้หนังสือเรื่อง “Mortal Fire” ของอลิซาเบธ น็อกซ์ เป็นหนังสือเล่มโปรด นักธุรกิจคนไหนแนะนำหนังสือเรื่อง “Cloud Atlas” ของเดวิด มิตเชลล์ ติดตามช่องทางโซเชียลมีเดียของ Book Depository เพื่อเดาว่าชั้นวางหนังสือที่เห็นนั้นเป็นของใคร เพื่อลุ้นรับหนังสือใหม่อีกเล่มไปฟรี ๆ


ร่วมสนุกกับ Book Depository บนเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ด้วยแฮชแท็ก #RevealYourShelf ได้จนถึงวันที่ 11 ตุลาคมนี้


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bookdepository.com

เฟซบุ๊ก: BookDepository

อินสตาแกรม: @bookdepository

ทวิตเตอร์: @bookdepository


โลโก้ - https://photos.prnasia.com/prnh/20200929/2931557-1LOGO


พบกับ “ฮาดุม” อาณาจักรแห่งความมืดมิดได้แล้ววันนี้ ใน Black Desert Mobile


พบกับ “ฮาดุม” อาณาจักรแห่งความมืดมิดได้แล้ว วันนี้ ใน Black Desert Mobile


บริษัท Pearl Abyss ได้ทำการประกาศเปิดตัวพื้นที่ใหม่ 'ฮาดุม’ อาณาจักรแห่งความมืดมิด ในโลกแห่ง Black Desert Mobile อย่างเป็นทางการ โดยเหล่านักผจญภัยสามารถเข้าร่วมสัมผัสพื้นที่ใหม่อันน่าพิศวง ที่มาพร้อมกับเควสต่างๆ ได้แล้ววันนี้ ใน Black Desert Mobile


'อาณาจักรฮาดุม’ เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความมืดมิด ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเทพเจ้าแห่งความมืด โดยเหล่านักผจญภัยจะต้องใช้ 'การคุ้มครองแห่งแสง’ ในการเข้าสู่อาณาจักรดังกล่าว ซึ่งเป็นอาณาจักรที่จะนำพาเหล่านักผจญภัยเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางในรูปแบบพิเศษที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนใน 'เอลีออน’ โลกแห่งแสงสว่าง


ในขณะเดียวกัน เวิลด์บอส ซีซั่น 3 ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเหล่านักผจญภัยจะสามารถพบกับเหล่าเวิลด์บอสทั้งหลายที่กลับมาพร้อมกับความแข็งแกร่งทวีคูณ รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนการดรอปชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักผจญภัยจะสามารถพบกับอุปกรณ์ระดับ 'ดึกดำบรรพ์’ ที่สามารถดรอปได้จากเหล่าเวิลด์บอสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยให้กับเหล่านักผจญภัยในการสร้างอาวุธและอุปกรณ์อันแข็งแกร่งของตนเอง ในโลกแห่ง Black Desert Mobile นั่นเอง


นอกจากนี้ ในอัพเดทครั้งล่าสุด ก็ยังมีสิ่งต่างๆ มากมายที่น่าสนใจได้ถูกเพิ่มเติมเข้าไปยังตัวเกม เพื่อให้เหล่านักผจญภัยได้สัมผัสการเพิ่มพลังในด้านต่างๆ ให้กับตนเอง อย่างเช่น ทักษะที่ 11, ร้านค้าพิเศษชาคาทู, การเสริมประสิทธิภาพหินแปรธาตุอัตโนมัติ เป็นต้น


ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับ Black Desert Mobile เพิ่มได้ที่เว็บไซต์ทางการ http://www.world.blackdesertm.com


เกี่ยวกับ Black Desert


Black Desert เป็นเกมแนวแอคชั่น MMORPG ในรูปแบบ Open World ของบริษัท Pearl Abyss ที่มีภาพกราฟิกสวยงามและการต่อสู้ที่ง่ายต่อการควบคุม พร้อมระบบการปรับแต่งตัวละครที่สมจริงและละเอียดที่สุดในปัจจุบัน ผู้เล่นสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และสร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เล่นเองได้อย่างสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร เรื่องราวมากมายบนโลกเสมือนจริงที่ไร้รอยต่อของ Black Desert จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เล่นทุกท่านอย่างแน่นอน


เกี่ยวกับบริษัท Pearl Abyss


บริษัท Pearl Abyss ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 และได้พัฒนาเกม Black Desert เกมรูปแบบ MMORPG บน PC, มือถือ และคอนโซล รวมไปถึงเกม Shadow Arena ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในรูปแบบ PC และคอนโซล ซึ่งล้วนจัดว่าเป็นเกมที่มีคุณภาพระดับโลกพร้อมกราฟิกที่สวยงามตระการตา ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ทุกอย่างในเกมถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องมือและโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท นอกจากนี้ในปี 2563 บริษัทยังได้พัฒนาโปรเจคใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Crimson Desert, DokeV และ PLAN 8 และด้วยแผนการการพัฒนามากมาย บวกกับความพยายามที่ไม่มีขีดจำกัด ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในสุดยอดผู้นำจากภูมิภาคเอเชียในตลาดเกม


ไฮเซ่นส์เปิดตัว “กงลี่” แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนใหม่



ครองอันดับ 1 ในตลาดทีวีจีนติดต่อกัน 16 ปีซ้อน


เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ไฮเซ่นส์ (Hisense) ซึ่งครองตำแหน่งผู้นำในตลาดทีวีจีนเมื่อคิดจากส่วนแบ่งการตลาดมาเป็นเวลา 16 ปีติดต่อกัน ได้ประกาศความร่วมมือกับ กงลี่ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก การประกาศล่าสุดนี้มีขึ้นเพียงไม่นานหลังการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "Leap" ซึ่งกงลี่รับบทเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติจีนที่นำทีมคว้าชัยในการแข่งขันชิงแชมป์โลก และตอนนี้เธอจะเข้ามารับบทบาทแชมป์เปี้ยนแห่งวงการทีวี


กงลี่เป็นผู้นำภาพยนตร์จีนสู่เวทีนานาชาติ ความร่วมมือระหว่างเธอกับไฮเซ่นส์ในครั้งนี้จึงจะเป็นการส่งเสริมแบรนด์จีนให้เข้าสู่เวทีโลกด้วยการดึงจุดเด่นของแต่ละฝ่ายออกมา โดยเหตุผลสำคัญที่สุดที่ไฮเซ่นส์เลือกกงลี่นั้นก็คือ จิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยมของเธอซึ่งตรงกับความน่าเชื่อถือและการให้ความสำคัญของแบรนด์ และในขณะเดียวกัน ความร่วมมือดังกล่าวยังจะส่งผลดีต่อกิจกรรมการตลาดของไฮเซ่นส์ในต่างประเทศด้วย ในฐานะหนึ่งในนักแสดงชาวจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่อง "Red Sorghum", "The Story of Qiu Ju" และ "Farewell My Concubine" ของกงลี่ได้คว้ารางวัล Golden Bear Award จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน, รางวัล Golden Lion Award จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส และรางวัล Golden Palm Award จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ตามลำดับ นอกจากนี้ เธอยังทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวด้วยความเป็นมืออาชีพอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนอีกด้วย


กงลี่เป็นที่รู้จักกันในนาม “ราชินี” ขณะที่ไฮเซ่นส์นั้นคือ ราชาแห่งตลาดทีวีจีน ข้อมูลจาก CMM ซึ่งเป็นองค์กรข้อมูลบุคคลที่สามที่น่าเชื่อถือเปิดเผยว่า ไฮเซ่นส์ครองอันดับ 1 ในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดทีวีจีนมาตั้งแต่ปี 2004-2019 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเภทหน้าจอขนาดใหญ่ระดับไฮเอนด์ 80 นิ้วขึ้นไป ขณะเดียวกัน เลเซอร์ทีวีของไฮเซ่นส์ก็ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อย่างเหนียวแน่น และเป็นผู้นำตลาดจอขนาดใหญ่อย่างเด็ดขาด อีกทั้งทีวีของไฮเซ่นส์ก็ยังเป็นผู้นำตลาดในประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ โดยผลสำรวจของ China International Publishing Group แสดงให้เห็นว่า ไฮเซ่นส์เป็นหนึ่งในแบรนด์จีนที่ชาวต่างชาติคุ้นเคยมากที่สุดมาเป็นเวลาหลายปี


การประกาศความร่วมมือนี้แต่เดิมมีการวางแผนไว้ว่าจะเปิดเผยออกมาในระหว่างการแข่งฟุตบอลยูโร 2020 แต่เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเลื่อนการประกาศมาเป็นพร้อมกับการเปิดตัวภาพยนตร์โดยความร่วมมือกับกงลี่ในครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากการเซ็นสัญญากับเบเนดิกต์ คัมเบอร์บาต์ช ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในการแข่งฟุตบอลโลก 2018 ทั้งนี้ กงลี่เป็นนักแสดงที่มุ่งมั่นและเคารพต่ออาชีพของเธอ และการแสดงนำของเธอในแต่ละเรื่องนั้นก็เป็นผลมาจากการให้ความใส่ใจกับทักษะการแสดงของเธอ ขณะที่ไฮเซ่นส์เองก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับเทคโนโลยีและคุณภาพ ทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่จากผู้บริโภคในญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนคติที่ใจเย็นและถ่อมตัวของกงลี่ยังเข้ากันได้ดีกับแบรนด์ไฮเซ่นส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่จริงจัง ดังจะเห็นได้จากโปสเตอร์ธีม "Who is Better Than Me" อันโดดเด่นสะดุดตาที่จะมาสื่อให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมั่นใจของทั้งสองฝ่ายที่เข้ากันได้ดีอย่างเหมาะเจาะ


ในวันเดียวกันนี้ ไฮเซ่นส์ยังเปิดตัวจอออกอากาศระดับไฮเอนด์ตัวแรกในจีนออกมา ซึ่งได้สร้างการเชื่อมโยงที่มีค่ากับภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพของกงลี่ในภาพยนตร์ และแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำและเป็นเอกลักษณ์ของไฮเซ่นส์ในการเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์แต่ละคน


ลิงก์ดาวน์โหลดรูปภาพ:

https://mma.prnewswire.com/media/1282504/image_1.jpg

https://mma.prnewswire.com/media/1282505/image_2.jpg

https://mma.prnewswire.com/media/1282506/image_3.jpg

https://mma.prnewswire.com/media/1282507/image_4.jpg


DITO เลือกใช้โซลูชันโทรคมนาคมของ Whale Cloud เพื่อขยายบริการในตลาดฟิลิปปินส์

หนานจิง จีน--29 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์


Whale Cloud ประกาศว่า DITO Telecommunity บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่รายใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้มอบหมายให้ Whale Cloud พัฒนาระบบไอทีรุ่นใหม่ให้กับบริษัท เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งรองรับการขยายธุรกิจในตลาดฟิลิปปินส์


DITO คือบริษัทร่วมทุนระหว่าง Udenna Group กับ China Telecom และเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหม่ล่าสุดในฟิลิปปินส์ DITO อุทิศตนให้กับการส่งมอบบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์บ้านที่มีความเร็วสูงและครอบคลุมหาใครเทียบยาก พร้อมมอบประสบการณ์ลูกค้าอันเหนือชั้น นอกจากนี้ DITO ยังวางแผนเร่งให้บริการเครือข่าย 5G ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยความเร็วสูงกว่าในปัจจุบันถึง 10 เท่า


เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของฟิลิปปินส์ DITO ตัดสินใจเลือกใช้โซลูชันโทรคมนาคมของ Whale Cloud ทั้งระบบสนับสนุนธุรกิจและระบบสนับสนุนการปฏิบัติงาน (BSS/OSS) ศักยภาพด้านบิ๊กดาต้า และบริการลูกค้าอัจฉริยะ ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของการบริหารลูกค้า การจัดทำแคตตาล็อกสินค้า การจัดการรายได้ การให้บริการเครือข่าย การดำเนินงาน การวิเคราะห์ข้อมูล การวินิจฉัยปัญหาในเครือข่าย ฯลฯ โซลูชันของบริษัทใช้สถาปัตยกรรมคลาวด์แบบกระจายศูนย์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน เพื่อรองรับการสร้างแพลตฟอร์ม Digital Intelligence Technology Operation Platform (DiTOP) ที่เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ แข็งแกร่ง และยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้ DITO มีความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจและคว้าชัยในตลาด


นอกจากนี้ Whale Cloud ยังมีบริการให้คำปรึกษาระดับมืออาชีพโดยอิง Digital Telco Maturity Map (DTMM) และ Standard Operation Process (SOP) ซึ่งจะทำให้แพลตฟอร์ม DiTOP รองรับกระบวนการทางธุรกิจและการกำหนดเส้นทางของลูกค้าได้ดีขึ้น


“ในฐานะผู้เล่นรายใหม่ในฟิลิปปินส์ เรามุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้พลิกเกมและมอบสิ่งที่ชาวฟิลิปปินส์สมควรได้รับ นั่นคือ การเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และบริการลูกค้าที่ดีขึ้น การได้ Whale Cloud มาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์นั้น เราเชื่อว่าโซลูชันดิจิทัล ความเชี่ยวชาญในการส่งมอบโซลูชัน และองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมของ Whale Cloud จะช่วยให้เราบรรลุผลสำเร็จรวดเร็วขึ้นในยุค 5G และ IoT” อัลเบิร์ต เจียง ผู้อำนวยการฝ่ายไอทีของ DITO กล่าว


“Whale Cloud ภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับ DITO เพื่อสนับสนุนความสำเร็จในการส่งมอบแพลตฟอร์ม DiTOP ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อมั่นที่ DITO มีต่อโซลูชันและบริการของเรา ทั้งยังเป็นการขยายความครอบคลุมของเราในการรองรับตลาดฟิลิปปินส์ที่เติบโตอย่างมาก เราจะเดินหน้านำเสนอบริการคุณภาพสูงเพื่อช่วยให้ DITO มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นในตลาดการสื่อสารที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง” เบน โจว ซีอีโอบริษัท Whale Cloud International กล่าว


New Region Hadum's Realm Now Available in Black Desert Mobile

SEOUL South Korea--29 Sep--PRNewswire/InfoQuest


Pearl Abyss announced today that the new region Hadum's Realm has arrived in the world of Black Desert Mobile. Adventurers can now explore this new location and its questline.


Hadum's Realm is ruled by the Goddess of Darkness and is a place where chaos and darkness reigns. This unique setting will enable Adventurers to experience a special journey that they cannot experience in Elion's Realm, the realm of light. Adventurers will need Blessings of Light in order to enter and stay in this new region.


Additionally, the third season has begun for World Bosses in Black Desert Mobile. Having returned much stronger, the World Bosses will now drop new Primal-grade gear and an increased amount of Gear Fragments. Adventurers can collect these various World Boss rewards and use them to produce more powerful weapons and gear.


Last but not least, updates such as an 11th Skill, Shakatu Special Shop, and an Auto-Enhancement function for Alchemy Stones have been added in Black Desert Mobile. These latest updates will allow Adventurers to further increase their powers in a new and exciting way.


Visit Black Desert Mobile's official website for more information.


About Black Desert


Black Desert is Pearl Abyss' open-world action MMORPG with cutting-edge visuals and skill-based combat that redefines the genre. With the most developed character customization system of any game currently on the market, users can break out of the norm and make unique characters that truly represent themselves. Its intuitive controls, beautifully designed world, and extensive lore will excite both newcomers and veterans of MMO games and action RPGs.


About Pearl Abyss


Best known for the MMORPG franchise Black Desert, Pearl Abyss is a leading developer in the game industry. Established in 2010, Pearl Abyss has since developed Black Desert for PC, mobile, and console, and is developing Shadow Arena for PC and console. All of Pearl Abyss' games are built on the company's own proprietary engine and are renowned for their cutting-edge graphics. The company is also developing Crimson Desert, DokeV, and PLAN 8 and is poised to continue its growth through 2020 and maintain its position as one of Asia's leaders in game development. More information about Pearl Abyss is available at: www.pearlabyss.com


Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1283357/Pearl_Abyss__New_Region_Hadum_s_Realm_Now_Available_in_Black_Desert_Mobile.jpg

Caption - New Region Hadum’s Realm Now Available in Black Desert Mobile

DITO Leverages Whale Cloud's Telecom Solutions to Expand its Market in the Philippines

 NANJING China--29 Sep--PRNewswire/InfoQuest


Whale Cloud announced today that DITO Telecommunity, the new major telecommunications player in the Philippines, has selected Whale Cloud to develop next-generation IT system, setting a solid foundation for the company to expand the market in the Philippines.


DITO, a joint venture between Udenna Group and China Telecom, is the newest telecommunications provider in the Philippines. DITO devotes to delivering fixed and mobile services with unparalleled network speed, coverage, and superior customer experience. Besides, DITO plans to fast track the rollout of 5G services in the coming years, with the speed offerings that are 10 times faster than what is being offered at present.


In its mission to become a leading telecommunications operator in the Philippines, DITO leverages Whale Cloud's telecom solutions covering business and operations support systems (BSS/OSS), big data capabilities and intelligent customer services required for rapid business growth, from customer management, product catalog, revenue management to network rollout, operation, data analytics, self-service diagnostic, etc. With a distributed and cloud-based architecture, our solutions are in accordance with unified technical specifications, to build a fully digitalized, robust and scalable Digital Intelligence Technology Operation Platform (DiTOP) to help DITO gain a competitive advantage in business and win the market.


In addition, Whale Cloud also provides professional consulting service based on Digital Telco Maturity Map (DTMM) and Standard Operation Process (SOP), to make DiTOP better in support of business process implementation and customer journey mapping.


"As a new player in the Philippines, we strive to be a game changer and give what the Filipinos deserve - faster connections, wider coverage, and better customer service. With Whale Cloud as our strategic partner, we believe their digital solutions, delivery track record and industry know-how will allow us to faster achieve success in the 5G and IoT era," said Albert Jiang, IT Director, DITO.


"Whale Cloud is proud to work with DITO for the successful delivery of the DiTOP. The partnership validates the confidence DITO has in our solutions and services, and expands our footprints in serving the ever-growing Philippine market. We will continue to offer high-quality services to help DITO strengthen the position in the expanding communications market," said Ben Zhou, CEO, Whale Cloud International.

เผยโฉมใหม่ "เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท" ถนนคนเดินย่านการค้าอายุ 400 ปีของจีน

 


สำนักประชาสัมพันธ์เขตเสิ่นเหอ เปิดเผยว่า หลังการปรับปรุงและพลิกโฉมอย่างต่อเนื่องตลอดสองปีที่ผ่านมา ในที่สุด “เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท” (Shenyang Middle Street) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าถนนสายแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ก็ได้อวดโฉมใหม่เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกมากมายบริเวณ “เสิ้งจิง สตรีท” (Shengjing Street) ภายใต้ธีม “Prosperous Reappearance of Shengjing Central Street”


เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท ตั้งอยู่ในเขตเสิ่นเหอ เมืองเสิ่นหยาง ถนนสายหลักมีความยาว 1,400 เมตร และมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1 ล้านตารางเมตร โดยเป็นพื้นที่การค้า 650,000 ตารางเมตร


“เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท” จัดการแสดงสามชุดใหญ่ ได้แก่ “Centennial Prosperity” “Past Events of Middle Street” และ “Flow Gathering” เพื่อถ่ายทอดความเป็นมาของถนนสายนี้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตอกย้ำความรุ่งโรจน์และเหตุการณ์สำคัญในอดีตของถนนสายสำคัญอายุ 400 ปี พร้อมเผยเรื่องราวอันน่าพิศวงของ “เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท” ซึ่งเป็นถนนคนเดินย่านการค้าสายแรก ๆ ในจีนที่ได้รับการปรับปรุงและพลิกโฉม


“เสิ่นหยาง มิดเดิล สตรีท” โฉมใหม่เน้นการตกแต่งที่ผสมผสานวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ชิง นอกจากนั้นยังมีการปูพื้นถนนใหม่ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 33,000 ตารางเมตร และปรับปรุงด้านหน้าของอาคาร 28 หลัง รวม 78 คูหาบนถนนสายหลัก รวมถึงปรับปรุงและอนุรักษ์อาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ 8 แห่ง เช่น Limin Store และ Yangtze River Photo Studio ตลอดจนอนุรักษ์ลักษณะเฉพาะและร่องรอยทางประวัติศาสตร์บนถนนเก่าแก่สายนี้


นอกจากแฟล็กชิปสโตร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์สโตร์ และสโตร์แห่งแรกของแบรนด์กว่า 170 แบรนด์แล้ว ยังมีการนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งวัฒนธรรมดั้งเดิม วัฒนธรรมใหม่ และอาหาร โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมพิพิธภัณฑ์ Van Gogh Star Art Museum ที่จัดแสดงงานศิลปะอันน่าทึ่ง รวมถึงชมการแสดงอุปรากรจีนที่ Huilan Stage เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตลอดจนชมนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์ Lihua Gold Museum ซึ่งจัดแสดงผลงานของศิลปินที่ไม่ใช่ชาวจีนโดยกำเนิด ทั้งยังสามารถเลือกซื้อของฝากสไตล์แมนจูได้ที่ Corner House


ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์เขตเสิ่นเหอ เทศบาลเมืองเสิ่นหยาง

YPO Names Xavier Mufraggi As New CEO

YPO, the global leadership community of more than 28,000 chief executives in 142 countries, today announced that Xavier Mufraggi, a member of its YPO Paris Chapter, has been appointed Chief Executive Officer, effective 1 December 2020. Mufraggi, the first non-U.S. born CEO of the noted organization of young leaders, joins YPO from Club Med, the global leader in luxury all-inclusive vacations.



With Club Med, an international subsidiary of Fosun Tourism Group ????, for the past 15 years, Mufraggi was most recently the President and CEO of Club Med Europe, Middle East, Africa Markets (EMEA), a region delivering more than USD1B revenue per year. He previously held the position of CEO for North America and the Caribbean. Under his leadership, this division emerged as a sustainable and profitable business unit, and he succeeded in digitally transforming and repositioning the brand into an upscale family vacation destination.


"I am very enthusiastic about Xavier as our new CEO to lead YPO into the future," says Anastasios (Tassos) Economou, 2020-2021 YPO Global Chairman. "Not only am I looking forward to working very closely with Xavier but to making a new friend, in the unique way we make connections amongst peers in YPO."


"YPO members are extraordinary leaders who, in addition to driving the global economy, are keenly focused on making a positive impact on the lives of their employees, their communities and the world," said Mufraggi. "I am honored to have this unique leadership opportunity to helm this exceptional organization at a time when the world needs better leaders more than ever."


A dynamic professional with a strong strategic marketing background in the food, consumer and hospitality sectors, Mufraggi began his career at Kraft Foods Europe in marketing, commercial and product development. He is a graduate of EDHEC Business School, one of the top business programs in Europe, and holds a master's degree in business management.


Mufraggi is also a board member of MUFRAGGI Materiaux, a construction tools and materials business created by his grandfather, and a French Foreign Trade Advisor. Raised in Europe, the U.S. in Washington, D.C. and the Ivory Coast, he and his family currently reside in Paris, France.


Mufraggi is succeeding Scott Mordell in the position. Mordell has been YPO's longest serving Chief Executive Officer, in the role since 2011 and an active YPO member since 1995. He announced in December 2019 that he would be departing at the end of this year.


Added Economou, "On behalf of YPO, I would like to extend my sincere gratitude to Scott for his leadership and passion for this organization over the past decade and throughout this transition."


About YPO:


YPO is the global leadership community of more than 28,000 chief executives in 142 countries who are connected by the shared belief that the world needs better leaders. Each of our members have achieved significant leadership success at a young age. Combined, they lead businesses and organizations contributing USD9 trillion in annual revenue. YPO members inspire and support each other through peer learning and exceptional experiences in an inclusive community of open sharing and trust. Visit ypo.org for more.




YPO ประกาศแต่งตั้ง Xavier Mufraggi เป็นซีอีโอคนใหม่

YPO องค์กรผู้นำระดับโลกที่เกิดจากการรวมตัวของผู้บริหารกว่า 28,000 คน ใน 142 ประเทศ ประกาศแต่งตั้งคุณ Xavier Mufraggi สมาชิกกลุ่ม YPO Paris Chapter เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ คุณ Mufraggi นับเป็นผู้นำองค์กร YPO คนแรกที่ไม่ได้เกิดในสหรัฐ โดยก่อนที่จะมาร่วมงานกับ YPO เขาทำงานให้กับ Club Med ผู้นำโลกด้านสถานที่พักผ่อนระดับหรูครบวงจร



ที่ Club Med ซึ่งเป็นบริษัทระหว่างประเทศในเครือ Fosun Tourism Group ???? คุณ Mufraggi ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอประจำภาคพื้นตลาดยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา (EMEA) โดยเขาสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทจากภูมิภาคดังกล่าวได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้น คุณ Mufraggi ดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอประจำภาคพื้นอเมริกาเหนือ และแคริบเบียน ซึ่งภายใต้การนำของเขา ทำให้แผนกดังกล่าวสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหน่วยธุรกิจที่ยั่งยืนและทำกำไรได้ นอกจากนี้ เขายังประสบความสำเร็จในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และวางตำแหน่งแบรนด์ใหม่ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดสำหรับครอบครัวระดับสูง


"ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่คุณ Xavier จะมาเป็นซีอีโอของเราเพื่อนำพา YPO ไปสู่อนาคต” คุณ Anastasios (Tassos) Economou ประธาน YPO Global ปี 2020-2021 กล่าว “นอกจากผมจะตั้งตารอคอยที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคุณ Xavier แล้ว ผมยังอยากรู้จักเพื่อนใหม่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร เพื่อที่เราจะได้สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน ๆ ใน YPO ไปด้วยกัน”


"สมาชิก YPO เป็นผู้นำที่วิเศษมาก เพราะพวกเขานอกจากจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน ชุมชน และโลกด้วย” คุณ Mufraggi กล่าว “ผมรู้สึกเป็นเกียรติกับโอกาสที่จะได้เข้ามาบริหารองค์กรสุดพิเศษแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่โลกกำลังต้องการผู้นำที่ดีกว่าที่เคยมีมา”


คุณ Mufraggi เป็นมืออาชีพผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง และมีภูมิหลังด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์อันแข็งแกร่งในธุรกิจอาหาร,ผู้บริโภค และการต้อนรับ เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่บริษัท Kraft Foods Europe ในแผนกการตลาด, พาณิชย์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ คุณ Mufraggi จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก EDHEC Business School ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันด้านธุรกิจระดับชั้นนำในยุโรป และระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ


คุณ Mufraggi ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัท MUFRAGGI Materiaux ซึ่งเป็นธุรุกิจผลิตเครื่องมือและวัสดุก่อสร้างที่ก่อตั้งขึ้นโดยคุณปู่ของเขา และยังเป็นที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสด้วย คุณ Mufraggi เติบโตในยุโรป และในสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐ และไอวอรี่ โคสต์ ปัจจุบัน เขาและครอบครัวพักอาศัยอยู่ที่กรุงปารีส


คุณ Mufraggi สืบทอดตำแหน่งซีอีโอต่อจากคุณ Scott Mordell ผู้เป็นซีอีโอที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของ YPO โดยรับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2554 และเป็นสมาชิก YPO มาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งคุณ Mordell ได้ออกมาประกาศในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในปลายปีนี้


คุณ Economou กล่าวเสริมว่า "ในนามของ YPO ผมขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับคุณ Scottt ที่เป็นผู้นำและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่องค์กรแห่งนี้มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้”


เกี่ยวกับ YPO:


YPO คือองค์กรผู้นำระดับโลกที่เกิดจากการรวมตัวของผู้บริหารกว่า 28,000 คน ใน 142 ประเทศ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าโลกต้องการผู้นำที่ดียิ่งขึ้น สมาชิกแต่ละคนล้วนประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเป็นผู้บริหารธุรกิจและองค์กรที่สร้างรายได้ต่อปีรวมกันสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สมาชิกของ YPO สร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนซึ่งกันและกันผ่านการแบ่งปันความคิดและประสบการณ์อันล้ำค่าในชุมชนที่เปิดกว้างและไว้เนื้อเชื่อใจกัน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ypo.org




Dow จับมือ Luhai เพิ่มการหมุนเวียนใช้พลาสติกในจีน

 นับเป็นความร่วมมือด้านการรีไซเคิลครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิกสำหรับ Dow

Dow (NYSE: DOW) และ Luhai บริษัทจัดการขยะครบวงจรในเมืองเซี่ยเหมินของจีน ประกาศความร่วมมือเพื่อมอบชีวิตใหม่ให้แก่ขยะพลาสติกที่เก็บรวบรวมโดย Luhai ซึ่งจะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนใช้พลาสติกในจีน ข้อตกลงนี้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนใหม่ของ Dow นั่นคือการหยุดสร้างขยะ ด้วยการเก็บรวบรวม นำกลับมาใช้ใหม่ หรือรีไซเคิลขยะพลาสติก 1 ล้านเมตริกตัน ผ่านการดำเนินงานโดยตรงของบริษัทและผ่านการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรภายในปี 2573

Luhai มีประสบการณ์ยาวนานในการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มและการจัดการขยะ โดยให้ความสำคัญกับการคัดแยกและรีไซเคิลพลาสติกหลังการบริโภคหลากหลายชนิดจากขยะที่เก็บในจีน ปัจจุบัน บริษัทกำลังเก็บขยะพลาสติกจากชุมชนต่าง ๆ ในเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน และมีแผนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศ

ภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ Dow จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์และการประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างโซลูชันการนำพลาสติกกลับมาใช้สำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิก โดยใช้ขยะพลาสติกที่เก็บรวบรวมโดย Luhai

"ขยะพลาสติกเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดในเอเชีย อย่างไรก็ดี เราสามารถแก้ปัญหาสำคัญนี้ได้ เพราะขยะพลาสติกเป็นทรัพยากรมีค่าที่สามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เรารุกแก้ปัญหานี้ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหลายรายเพื่อประยุกต์ใช้และเพิ่มมูลค่าให้วัสดุที่สำคัญนี้" Bambang Candra รองประธานฝ่ายพาณิชย์ประจำเอเชียแปซิฟิกของ Dow Packaging & Specialty Plastics กล่าว "เรารู้สึกยินดีที่ได้ Luhai มาเป็นพันธมิตรด้านการรีไซเคิล ในขณะที่เรามีความก้าวหน้าอย่างมากในการบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกัน เพื่อปิดวงจรการจัดการขยะพลาสติกและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นร่วมกัน"

เป้าหมายของ Dow คือการดึงขยะพลาสติกออกจากสิ่งแวดล้อม พร้อมปกป้องระบบนิเวศที่ชุมชนต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ Dow ตั้งเป้าแสดงให้เห็นคุณค่าของพลาสติกรีไซเคิลด้วยการนำกลับมาใช้ในบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยเพิ่มการเก็บและรีไซเคิลขยะพลาสติกหลังการบริโภคในชุมชน

"ในฐานะผู้บุกเบิกการรีไซเคิลขยะในจีนมานานถึง 20 ปี เรามุ่งมั่นเปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และสร้างห่วงโซ่คุณค่าการจัดการขยะเพื่อมอบชีวิตใหม่ให้แก่พลาสติก เพื่อเร่งการพัฒนาเมืองปลอดขยะ" Jennifer Jiang ประธานบริษัท Luhai กล่าว "เรายินดีที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Dow เพื่อสำรวจการนำขยะพลาสติกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ ในฐานะทางออกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมของเรา ในขณะที่เราเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนต่อไป"

การเป็นพันธมิตรกับองค์กรที่อยู่ในธุรกิจการจัดการและรีไซเคิลขยะอยู่แล้ว คือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับพลาสติก โดย Dow ทำงานร่วมกับ Luhai เพื่อลดขยะพลาสติกในจีนด้วยการให้ชีวิตใหม่แก่พลาสติก มิเช่นนั้นแล้วขยะพลาสติกจะถูกทิ้งสู่สิ่งแวดล้อมหรือถูกฝังกลบในดิน


เกี่ยวกับ Dow Packaging & Specialty Plastics

Packaging and Specialty Plastics (P&SP) เป็นธุรกิจในเครือ Dow (NYSE: DOW) ที่รวมจุดแข็งในด้านการวิจัยและพัฒนา การเข้าถึงทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ในตลาดบรรจุภัณฑ์อาหาร สุขอนามัยส่วนบุคคล โครงสร้างพื้นฐาน สินค้าอุปโภคบริโภค และการขนส่ง P&SP เป็นผู้ผลิตพอลิเอทิลีนเรซิน พอลิเมอร์ชนิดพิเศษ และสารยึดติดรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกและผู้ประสานความร่วมมือทั่วห่วงโซ่คุณค่า ในด้านการพัฒนาการใช้งานพลาสติกอย่างยั่งยืน และการออกแบบวงจรชีวิตของพลาสติกที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยได้รับการสนับสนุนจาก Pack Studios สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dowpackaging.com


เกี่ยวกับ Dow

Dow (NYSE: DOW) ผสานเครือข่ายอันครอบคลุมทั่วโลก เข้ากับการบูรณาการสินทรัพย์ นวัตกรรมสำคัญ และความเป็นผู้นำทางธุรกิจ เพื่อผลักดันกำไรให้งอกงาม และก้าวขึ้นเป็นบริษัทวัสดุศาสตร์ที่เป็นที่สุดในด้านนวัตกรรม การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ความครอบคลุม และความยั่งยืน โดยธุรกิจพลาสติก สารตัวกลาง สารเคลือบ และซิลิโคนของบริษัทได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันหลากหลายให้แก่ลูกค้าในตลาดที่มีการเติบโตสูง เช่น ตลาดบรรจุภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐาน และสินค้าเพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล บริษัทมีฐานการผลิต 109 แห่ง ใน 31 ประเทศ และมีพนักงานราว 36,500 คน บริษัทมียอดขายราว 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2562 ทั้งนี้ "Dow" หรือ "บริษัท" หมายถึง Dow Inc. และบริษัทในเครือ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dow.com หรือติดตามทวิตเตอร์ @DowNewsroom


เกี่ยวกับ Xiamen Luhai Pro-environment Co., Ltd.

บริษัท Xiamen Luhai Pro-environment Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2543 และจดทะเบียนซื้อขายในตลาด National Equities Exchange and Quotations เมื่อปี 2558 (รหัสหุ้น 834562) Luhai มุ่งมั่นให้บริการจัดการขยะแข็งรีไซเคิลได้แบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งการรีไซเคิล การนำกลับมาใช้ การวิจัยด้านการประยุกต์ใช้ และธุรกิจหมุนเวียน โดยหลัก ๆ บริษัทรีไซเคิลขยะพลาสติกหลังการบริโภค ขยะพลาสติกจากอุตสาหกรรม และกล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว เพื่อนำไปผลิตเป็นพลาสติกรีไซเคิล เยื่อกระดาษรีไซเคิล ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงใหม่ และเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) เป็นต้น บริษัทมีโรงงานขนาด 21.4 เอเคอร์ในเมืองจางโจว (ขับรถ 1 ชั่วโมงจากเมืองเซี่ยเหมิน) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ฐานการรีไซเคิลทรัพยากรแห่งชาติ" ขนาด 7 หมื่นตารางเมตร และมีกำลังการรีไซเคิล 1.5 แสนเมตริกตันต่อปี บริษัทมีพนักงานกว่า 200 คนทั่วประเทศ


ZOOMLION 28th Anniversary Sale สร้างสถิติใหม่ กวาดยอดขายถล่มทลาย

 ZOOMLION 28th Anniversary Sale ทำสถิติยอดขายทะลุ 30 ล้านดอลลาร์ และผู้ชมมากกว่า 230,000 รายในอีเวนต์ถ่ายทอดสดออนไลน์ทั่วโลกครั้งแรกของบริษัท ซึ่งจัดขึ้นเพื่อลูกค้าในต่างประเทศโดยเฉพาะ



เพื่อฉลองครบรอบ 28 ปีของ ZOOMLION ห้าหน่วยธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ เครนเคลื่อนที่ เครื่องผสมคอนกรีต รถตักดิน รถกระเช้า และเครื่องจักรการเกษตร จึงได้ยกขบวนสินค้าขายดีในต่างประเทศ 20 รายการ มาลดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยกิจกรรมแจกแถม (รุ่น die-cast) เพื่อตอบแทนพาร์ทเนอร์และดีลเลอร์ทั่วโลก

ในระหว่างการไลฟ์สตรีม ผู้ดำเนินรายการของ ZOOMLION ได้สร้างสีสันและมีส่วนร่วมกับผู้ชมด้วยกิจกรรมสนุกๆ ทั้งการแจกของรางวัล และการแนะนำสินค้าโปรโมชั่น อีกทั้งยังมีพิธีกรร่วมมาพาผู้ชมไปเยียมชมโรงงานผลิต และเดินชมอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรอย่างใกล้ชิด เช่น รถเครนสี่ล้อ ZRT 850, รถกระเช้าบูมลิฟต์หักศอกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ZA14JE, รถตักดินขนาดกลาง ZE215E, รถปั๊ม 49X-6RZ และรถตัดอ้อย AC60B เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชมการถ่ายทอดสดจากทั่วโลกยังได้อวยพรวันเกิด และแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผ่านไลฟ์แชท ตลอดจนยอดสั่งซื้อที่หลั่งไหลเข้ามาระหว่างการไลฟ์สด

สำหรับใครที่พลาดชมการถ่ายทอดสด สามารถดูย้อนหลังได้ที่ http://live.totoo.top/  

LONGi ร่วมงาน Climate Week NYC 2020 ผนึกกำลังทั่วโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

 LONGi บริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำระดับโลกจากเมืองซีอาน ประเทศจีน ได้เข้าร่วมงาน Climate Week NYC เป็นครั้งแรกในปีนี้ ในฐานะสมาชิกใหม่ของโครงการ RE100 นอกจากนี้ LONGi ยังเป็นหนึ่งในบริษัททรงอิทธิพลที่สุดในโลกที่ตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล RE100 Leadership Awards ประจำปีนี้

หลี่ เจิ้นกั๋ว ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท LONGi ได้รับเชิญให้กล่าวเปิดงานระดับนานาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก คุณหลี่เป็นผู้นำธุรกิจเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของบริษัทจีนและผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์รายใหญ่ เขาได้แบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของ LONGi ในการผลิตพลังงานสะอาดในราคาที่จับต้องได้ มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และต้นทุนถูกลง

คุณหลี่ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมการอภิปรายแบบคณะในหัวข้อ “Future-fit Business Strategies for a Net-zero World” (กลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะกับอนาคต เพื่อสร้างโลกที่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์) ร่วมกับผู้นำธุรกิจอีกหล่ายท่าน เช่น Marc Engel ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายห่วงโซ่อุปทาน บริษัท Unilever, Mathias Lelievre ซีอีโอของ ENGIE Impact และศาสตราจารย์ Rebecca M. Henderson จากโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด การอภิปรายครั้งนี้ดำเนินรายการโดย Helen Clarkson ซีอีโอของ Climate Group

คุณหลี่แสดงความคิดเห็นว่า “คุณค่าของพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงถูกประเมินต่ำเกินไป” ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา LONGi มุ่งมั่นที่จะลด “ต้นทุน” ของการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น ขณะที่เทคโนโลยีกักเก็บพลังงานก็ก้าวหน้ามากขึ้น พลังงานแสงอาทิตย์จะสามารถแข่งขันได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานดั้งเดิม นอกจากนี้ คุณหลี่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ “Solar for Solar” ของ LONGi ในการใช้พลังงานสะอาดเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์พลังงานสะอาด

เมื่อถูกถามว่า LONGi ดำเนินการอย่างไรในการส่งเสริมนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม คุณหลี่ตอบว่า “ในการพิจารณาสถานที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ สัดส่วนพลังงานสะอาดในพลังงานที่ใช้ทั้งหมดในท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ เรายินดีเปิดโรงงานในสถานที่ที่มีสัดส่วนของพลังงานสะอาดสูง เช่นในมณฑลยูนนานของจีน ซึ่งพลังงานสะอาดคิดเป็นสัดส่วนถึง 92% ของไฟฟ้าที่ใช้ในท้องถิ่น”

LONGi ยึดมั่นในพลังงานสะอาดหมุนเวียนและโครงการ RE100 จึงให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 100% ในการดำเนินงานทั่วโลกภายในปี 2571 นอกจากนี้ บริษัทยังพยายามทำให้การผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมกับสนับสนุนให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในห่วงโซ่อุปทานร่วมกันสานต่อโครงการ RE100

ในขณะที่พลังงานสะอาดถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น ภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การกักเก็บพลังงาน พลังงานไฮโดรเจน สมาร์ทกริด การรีไซเคิลน้ำ และการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล จะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในฐานะส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน คุณหลี่กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนเปลงดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการเติบโตอย่างมหาศาลในอนาคต

ในระหว่างการจัดงานตลอดสัปดาห์ LONGi ได้นำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดผ่านการจัดแสดงออนไลน์เสมือนจริง ทั้งยังแบ่งปันยุทธศาสตร์ของ LONGi ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวและเทรนด์ในอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์


เกี่ยวกับ LONGi

LONGi มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองซีอาน ประเทศจีน บริษัทมุ่งมั่นผลิตผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์และจัดหาโซลูชันเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่เวเฟอร์ เซลล์ โมดูล อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์ LONGi Group พัฒนาสู่การเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสินทรัพย์รวม 8.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้กว่า 4.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562


Industry Innovator Immotor Closes $US30+ Million Series C1 Funding Round with Participation from Premier Chinese and International Investors

 Leading power battery exchange company Shenzhen Immotor Technology Co., Ltd. (Immotor) announced the closing of its series C1 funding round, raising $US 30+ million led by Southern Power Grid Capital (China) with participation from Eurozeo Group Idinvest Partners (France), PKSHA SPARX Algorithm Fund (Japan) and 57Stars(USA), while existing investors Asia Green Fund, Qingdao Yongwan Capital, Cong Bi Qiu Shi Capital and Mirae Asset Group (South Korea) continue to bet. This latest round brings immotor's total funding to more than $US 100 Million.

Daniel Huang, founder and CEO of Immotor, said that the company will use this funding to develop new power battery products, accelerate its expansion plans of deploying power battery exchange stations.

There are more than 300 million electric two-wheeler vehicle riders in China who are still using the traditional battery solution. Immotor was founded with a vision to create a revolutionized battery exchange platform including patented power batteries, advanced battery-exchange stations, convenient mobile user apps, and AI enabled big data platform support.

With 77 issued patents and 65 pending patents, Immotor is a pioneer in the power battery exchange market and is now an industry leader operating in 54 cities with over 500,000 daily battery exchange orders. As of the second quarter of 2020, Immotor's exchange stations have served cumulative orders of over 180 million which enabled travel distance of 1.8 billion kilometers in China.

"Innovation has always been in Immotor's gene," Daniel Huang commented. "With the new capital funding, we will continue to invest in cutting edge power battery technology, develop state-of-the-art products and services, enhance our mobile app and big data platform, expand our business offerings to other markets, and with our incredibly diversified multi-national investors on board, we may even explore overseas opportunities."

Immotor has been listed as the Hurun China Future Unicorns 2019 and Hurun Mountain Goats 2020, which list companies most likely to "go unicorn" within the next three years.

About Immotor:

Shenzhen Immotor Technology Co., Ltd. previously jointly invested by Hyundai Motor Group, Samsung Group and Mirae Asset Group, is the global leader of the intelligent green energy network for the electric two-wheeler vehicles. Established in 2015, Immotor released its "e-exchange" brand in 2017, which pioneered an innovative power battery exchange platform. Immotor is headquartered in Shenzhen, China.


หัวเว่ย ยกระดับโซลูชั่นเครือข่าย IP อัจฉริยะเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่สำหรับการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัล

 ที่งาน HUAWEI CONNECT 2020 หัวเว่ยได้จัดการประชุมสุดยอดในหัวข้อ “เร่งการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัลผ่านการเชื่อมต่ออัจฉริยะทุกสถานการณ์” (Accelerating Industry Digital Transformation Through All-Scenario Intelligent Connectivity) ซึ่งหัวเว่ยได้ประกาศที่งานประชุมนี้ว่า บริษัทได้อัปเกรดโซลูชั่นเครือข่าย IP อัจฉริยะเต็มรูปแบบ ทั้งการปรับโฉมสองแพลตฟอร์ม (ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์) การรังสรรค์สถาปัตยกรรม 3 ชั้นของเครือข่าย IP อัจฉริยะด้วย “ความจุขั้นสูง ประสบการณ์อัจฉริยะ และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ” ตลอดจนการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม “four-engines” การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เหล่านี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของหัวเว่ยในการพัฒนาโซลูชั่นที่ปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ร่วมกับพันธมิตรและลูกค้า เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่สำหรับการพัฒนาระบบดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรม

เครือข่ายการสื่อสารข้อมูลมีวิวัฒนาการ โดยค่อยๆ พัฒนาจากเครือข่ายแบบ IPv4 สำหรับการโต้ตอบระหว่างคนกับเครื่องจักรในยุค IP ไปเป็นเครือข่าย MPLS (multiprotocol label switching) สำหรับการโต้ตอบระหว่างคนกับคนในยุค IP เต็มรูปแบบ จนกระทั่งกลายมาเป็นเครือข่ายในยุค IP อัจฉริยะดังเช่นปัจจุบัน

เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนา “เครือข่าย IP อัจฉริยะ” หัวเว่ยจึงได้ประกาศการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่งานประชุมสุดยอด ดังต่อไปนี้

1. ปรับโฉมสองแพลตฟอร์ม (ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเครือข่าย IP อัจฉริยะเต็มรูปแบบ

หัวเว่ยอัปเกรดแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ซึ่งโดดเด่นด้วยเอนจิ้นเร่งความเร็ว AI ที่ติดตั้งมาในตัว เพื่อยกระดับการประมวลผลข้อมูล และด้วยเหตุนี้จึงสามารถรองรับเครือข่าย IP อัจฉริยะได้อย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่กับทุกสิ่ง อุปกรณ์แบบแยกส่วนความจุมหาศาลจึงมาพร้อมกับพอร์ต 400GE ที่สามารถจัดการกับข้อมูลดิจิทัลมหาศาลได้ ขณะที่อุปกรณ์แบบคงที่ขนาดกะทัดรัดรองรับการเข้าถึงอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 155 Mbit/s ไปจนถึง 400 Gbit/s โดยฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์เช่นนี้จะปูทางสำหรับการสร้างแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ IP ความเร็วสูงระดับอัลตราบรอดแบนด์ที่มีความชาญฉลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับลูกค้า

ในส่วนของแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์นั้น ซอฟต์แวร์อุปกรณ์ IP ดั้งเดิมเป็นบริการแบบปิดที่เชื่องช้าและไม่ตอบสนอง ดังนั้น หัวเว่ยจึงปรับโฉมระบบปฏิบัติการเครือข่าย IP โดยใช้แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง YUNSHAN ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่ว่องไวและอัจฉริยะ ทั้งยังเปิดทางสำหรับการประกอบที่ยืดหยุ่นโดยใช้ส่วนประกอบฟังก์ชั่นแบบแยกส่วนครอบคลุมทั่วทุกอุปกรณ์ ทำให้ส่งมอบได้สะดวกรวดเร็วตามความต้องการของลูกค้า YUNSHAN ประกอบด้วยอัลกอริทึม AI กว่า 20 อัลกอรึทึมที่ฝังเข้าไปในเครือข่าย IP อัจฉริยะ ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มยังมาพร้อมอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันแบบเปิด (APIs) มากกว่า 400 แบบ ซึ่งเชื่อมต่อกับ northbound NMSs ได้ง่าย จึงช่วยให้การจัดการและควบคุมอุปกรณ์เป็นไปอย่างยืดหยุ่น

2. อัปเกรดสถาปัตยกรรม 3 ชั้นของเครือข่าย IP อัจฉริยะด้วยความจุขั้นสุดยอด ประสบการณ์อัจฉริยะ และการขับเคลื่อนอัตโนมัติ

หัวเว่ยนำ AI มากำหนดนิยามใหม่ของสถาปัตยกรรมเครือข่าย IP อัจฉริยะ 3 ชั้น และอัปเกรดเป็นพอร์ต 400GE เพื่อรองรับการส่งอัลตร้าบรอดแบนด์แบบไร้สิ่งกีดขวางและการแบ่งส่วนเครือข่าย ส่งผลให้มีความจุสูงมากซึ่งเป็นการรับประกันคุณภาพแบนด์วิดท์ของเครือข่าย

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังอัปเกรด Intent Engine โดยใช้ AI เพื่อระบุจุดประสงค์เครือข่ายบริการ ปรับใช้ทรัพยากรเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านบริการอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้เครือข่ายสามารถสร้างประสบการณ์อัจฉริยะซึ่งเป็นการรับประกันว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ตามที่กำหนดไว้

Intelligence Engine ได้รับการอัปเกรดโดยใช้กราฟความรู้เพื่อติดตั้งอัตโนมัติและปรับบริการต่างๆ ในระดับเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ปัญหาเครือข่ายแบบอัตโนมัติ ซึ่งความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้าน O&M

3. สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นเครือข่าย IP อัจฉริยะแบบ “four-engine”

หัวเว่ยได้อัปเกรด iMaster NCE ซึ่งทำหน้าที่เป็นสมองของเครือข่าย IP อัจฉริยะ โดยมอบขีดความสามารถทางเทคโนโลยีแบบเปิดและตั้งโปรแกรมได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับแต่ง นำข้อมูลการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าไปใช้งานตามที่ต้องการ ทำนายข้อบกพร่อง ตลอดจนเพิ่ม southbound APIs เพื่อให้รองรับบริการของเวนเดอร์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้อัปเกรดโซลูชั่น CloudCampus, CloudFabric, CloudWAN และ HiSec จากเวอร์ชั่น 1.0 เป็น 2.0 โดยใช้เอนจิ้นทั้งสี่ ได้แก่ AirEngine, CloudEngine, NetEngine และ HiSecEngine ซึ่งโซลูชันใหม่เหล่านี้ช่วยสร้างเครือข่าย IP อัจฉริยะและมีความเร็วสูงระดับอัลตร้าบรอดแบนด์ได้มากขึ้น

4. เครือข่าย IP อัจฉริยะผ่านการตรวจสอบหลายครั้งและในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งสร้างคุณค่าใหม่ร่วมกัน

IP อัจฉริยะถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ "Intelligent IP @ Government" ซึ่งทำให้เกิดบริการภาครัฐแบบครบวงจรและการบริหารจัดการเมืองแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ซึ่งช่วยปรับปรุงอัตราการจัดการคำร้องขอในระบบออนไลน์และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล ส่วน "Intelligent IP @ Finance" ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเงินเข้าสู่ยุคธนาคาร 4.0 ด้วยการเปิดใช้บริการบนคลาวด์แบบรายวันและลดเวลาการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศลง 87% ขณะที่ "Intelligent IP @ Education" ช่วยเร่งการสร้างเครือข่าย และนำไปสู่การบรรจบกันของเครือข่ายที่หลากหลาย ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานแบบอัจฉริยะ ซึ่งช่วยเร่งการสร้างประเทศที่อุดมด้วยบุคลากรเปี่ยมความสามารถ ด้าน "Intelligent IP @ Airport" จะสร้างระบบ ID เดียวสำหรับการเดินทาง และสร้างแผนที่เดียวสำหรับปฏิบัติการต่างๆ ด้วยการตรวจจับภัยคุกคามที่อัตราความแม่นยำ 96% โดยสามารถจัดการกับความเสี่ยงภายในไม่กี่วินาทีและพบข้อผิดพลาดได้อย่างมั่นใจในอัตรา 85%

“เครือข่าย IP อัจฉริยะช่วยให้การไหลและรวมของข้อมูลดีขึ้น สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่สำหรับการเชื่อมต่อกับทุกๆ สิ่ง หัวเว่ยจะเดินหน้าสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และใช้เครือข่าย IP อัจฉริยะกับทุกอุตสาหกรรม รวมทั้งพัฒนาโซลูชั่นสำหรับทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดประสบความสำเร็จทางธุรกิจ” เควิน หู ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์การสื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าว “ในอนาคต หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรจากทุกอุตสาหกรรมให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ การเงิน การศึกษา บริการสุขภาพ และการขนส่ง เพื่อสร้างระบบนิเวศใหม่สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และสร้างคุณค่าใหม่ร่วมกัน”


Tokio Marine Indonesia Implements Shift Technology to Fight Auto Insurance Fraud

 SHIFT's Force Fraud Detection Solution to Support Insurer's Overall Fraud Fighting Initiatives

Shift Technology, a provider of AI-native fraud detection and claims automation solutions for the global insurance industry, today announced that PT Asuransi Tokio Marine Indonesia ("Tokio Marine Indonesia") has deployed Shift Technology's ("Shift") Force fraud detection solution. As a result, the technology will become a crucial element in the insurance carrier's overarching fraud prevention strategy.

Tokio Marine Indonesia is one of the largest general insurers in the country. Guided by its core mission "To be a Good Company" and driven by values that put customer satisfaction as a main priority, the insurer was seeking a solution that could serve a dual purpose and not only spot suspicious claims, but also help give claims professionals more confidence in rapidly processing legitimate claims. Utilising this technology benefits the majority of policyholders by ensuring that their claims are settled quickly and premiums remain affordable.

"Through our work with Shift, we believe we can implement a fraud fighting strategy that is as much about supporting our trustworthy customers as it is about identifying potentially fraudulent activities," explained Mr. Saloon Tham, Chief Executive Officer of Tokio Marine Asia Pte Ltd. "We are all aware that fraud negatively impacts the customer experience by lengthening the claims process and influencing rates. Adding powerful tools to help mitigate the risk of fraud is 100 percent in line with our corporate mission and values."

"The current continuation of uncertainty requires an insurance company to take the full advantage of fraud detection technology in order to control costs and manage risks; incorporating artificial intelligence into our claims handling process is significantly essential in ensuring the accuracy of claims settlement thus improving the overall claims ratio, and achieving a high level of customer satisfaction and trust," said Mr. Sancoyo Setiabudi, President Director of Tokio Marine Indonesia.

After careful evaluation of various fraud detection solutions available, Shift was selected based on the company's ability to meet the full requirements of Tokio Marine Indonesia's fraud detection and claims process improvement initiatives. In addition to wanting a solution built with artificial intelligence at its core, the insurer was also looking for a provider who could supplement the technology with a team of data scientists possessing in-depth insurance knowledge and expertise. Shift's singular focus on the insurance industry and ability to apply local expertise to address Indonesia's insurance market was also key to the insurer's decision.

"We've always believed that fraud detection is only part of the equation and that the ability to accurately and efficiently separate suspicious claims from legitimate ones is an important part of delivering exemplary customer experiences," stated Jeremy Jawish, CEO and co-founder of Shift Technology. "We're proud to be partnering with an insurer like Tokio Marine Indonesia that holds these same principles."

The ZOOMLION 28th Anniversary Sale Sets New Record

The ZOOMLION 28th Anniversary Sale has recorded an over $30 million purchases with a total of over 230,000 viewers in its first global live streaming event, which was held exclusively for its overseas customers.

To celebrate the 28th Anniversary of ZOOMLION, the five major business units of ZOOMLION: mobile crane, concrete, earthmoving, aerial work platform, and agriculture have brought 20 best-selling products overseas with the biggest discounts, plus giveaways (die-cast models) to benefit its global partners and dealers.

During the live streaming event, ZOOMLION's fabulous hosts have engaged with the audience with the giveaway activities as well as a series of introductions of the promotional products, together with its co-hosts who were able to visit the manufacturing facilities and bring the viewers with a thorough walk around the featured equipment, such as the ZRT 850 rough terrain crane, all-electric articulated boom lift ZA14JE, ZE215E median excavator, 49X-6RZ pump truck, and the sugarcane harvester AC60B, to name a few.

On top of that, the viewers from around the world have showed their birthday wishes and product interests through the live chat with active orders coming in.

If anyone happens to miss the live streaming, live replay can be found here (http://live.totoo.top/).

Immotor ปิดระดมทุนรอบ Series C1 มูลค่ากว่า 30 ล้านดอลลาร์ ดึงดูดนักลงทุนชั้นนำจากจีนและต่างประเทศ

บริษัท Shenzhen Immotor Technology Co., Ltd. ผู้พัฒนาตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประกาศปิดการระดมทุนรอบ Series C1 โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดยบริษัท Southern Power Grid Capital (จีน) ร่วมด้วยบริษัท Eurozeo Group Idinvest Partners (ฝรั่งเศส), PKSHA SPARX Algorithm Fund (ญี่ปุ่น) และ 57Stars (สหรัฐอเมริกา) ขณะที่นักลงทุนรายเดิมอย่าง Asia Green Fund, Qingdao Yongwan Capital, Cong Bi Qiu Shi Capital และ Mirae Asset Group (เกาหลีใต้) ก็ร่วมลงทุนในรอบนี้ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้จนถึงขณะนี้ Immotor สามารถระดมทุนได้แล้วกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



แดเนียล หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Immotor กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินทุนที่ได้ไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ใหม่ ๆ รวมถึงเร่งเพิ่มจุดวางตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่


ในประเทศจีนมีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากว่า 300 ล้านคนที่ยังใช้แบตเตอรี่แบบเดิม ๆ ด้วยเหตุนี้ Immotor จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยแพลตฟอร์มเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งประกอบด้วยแบตเตอรี่ที่จดสิทธิบัตรแล้ว ตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่สุดทันสมัย แอปมือถือใช้งานง่าย และแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้าเทคโนโลยี AI


Immotor ครอบครองสิทธิบัตร 77 ฉบับ และกำลังรอรับสิทธิบัตรอีก 65 ฉบับ นับเป็นผู้บุกเบิกตลาดตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างแท้จริง และตอนนี้บริษัทก็เป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่ให้บริการตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใน 54 เมือง โดยรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่กว่า 500,000 ครั้งต่อวัน เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2/2563 บริษัทรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปแล้วกว่า 180 ล้านครั้ง รวมเป็นระยะทางวิ่งทั้งสิ้น 1.8 พันล้านกิโลเมตรทั่วประเทศจีน


"นวัตกรรมฝังอยู่ในดีเอ็นเอของ Immotor" แดเนียล หวง กล่าว "เงินทุนก้อนใหม่ที่ได้รับมาจะช่วยให้เราสามารถเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่สุดล้ำ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัย ยกระดับแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้าและแอปมือถือ ขยายบริการไปสู่ตลาดใหม่ ๆ และเนื่องจากเราได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนนานาประเทศ เราอาจแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย"


Immotor ติดโผ Hurun China Future Unicorns 2019 และ Hurun Mountain Goats 2020 ซึ่งเป็นการรวบรวมรายชื่อบริษัทที่มีแนวโน้มสูงที่จะเป็น "ยูนิคอร์น" ภายในสามปีข้างหน้า


เกี่ยวกับ Immotor


Shenzhen Immotor Technology Co., Ltd. ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดจากการร่วมลงทุนระหว่าง Hyundai Motor Group, Samsung Group และ Mirae Asset Group คือผู้นำระดับโลกด้านเครือข่ายพลังงานสีเขียวอัจฉริยะสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2558 และเปิดตัวแบรนด์ "e-exchange" ในปี 2560 เพื่อบุกเบิกนวัตกรรมตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ ทั้งนี้ Immotor มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน




MGID ได้รับการคัดเลือกเข้าชิงรางวัล The Wires APAC 2020

ExchangeWire ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศในการประกาศรางวัล The Wires APAC 2020 แล้ว โดย MGID ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศเพื่อคว้ารางวัลสาขา "Best New Product or Service: Sell Side"



MGID ผู้บุกเบิกนวัตกรรมระดับโลกด้าน Native Advertising ประกาศว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศ เพื่อคว้ารางวัลสาขา "Best New Product or Service: Sell Side" ในการประกาศรางวัล The Wires APAC 2020 โดยรางวัล The Wires APAC ซึ่งจัดขึ้นโดย ExchangeWire นั้น มีขึ้นเพื่อยกย่องผลงานที่ดีที่สุดในการใช้เทคโนโลยีโฆษณาและเทคโนโลยีการตลาด ครอบคลุมการซื้อและขายสื่อในทุกแง่มุม ซึ่งเป็นการเชิดชูการใช้เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมล้ำสมัยในอุตสาหกรรมนี้ สำหรับปีนี้ The Wires APAC ได้ยกย่องโซลูชัน Accelerated Mobile Pages (AMP) Smart Widget ของ MGID ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ของผู้เผยแพร่โฆษณา


AMP Smart Widget เป็นโซลูชันครบวงจร เพื่อให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสามารถควบคุมการทำรายได้จากคอนเทนต์ ด้วยการทำให้มั่นใจว่าผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายจะเห็นโฆษณาและโฆษณานั้นจะไม่ทำให้รู้สึกรำคาญใจ Smart Widget จัดการทุกสิ่งให้ได้ดั่งใจในความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด โดยขับเคลื่อนด้วยอัลกอรึทึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทาง MGID กำลังรอจดสิทธิบัตร ซึ่งทำหน้าที่ผสานโฆษณารูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้เผยแพร่ โดยประเมินจากปัจจัยการสร้างรายได้ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และการได้มาซึ่งผู้ชมโฆษณารายใหม่


คุณ Vladyslav Stadnyk รองประธานฝ่าย Publisher Development ของ MGID กล่าวว่า "กิจกรรมทางออนไลน์อยู่บนอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปริมาณทราฟฟิกบนเว็บในเอเชียมาจากสมาร์ทโฟนถึง 62% การทำให้เกิดประสบการณ์ผ่านมือถือ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่สามารถตอบโจทย์ได้นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้บริโภคต้องการคอนเทนต์ที่เร็ว ตรงตามความสนใจ และไม่ทำให้รำคาญ ผู้เผยแพร่โฆษณาและเจ้าของโฆษณาจึงจำเป็นต้องสร้างสมดุลให้กับความรวดเร็วด้วยการมีปฏิสัมพันธ์อย่างแท้จริง และ AMP Smart Widget ของ MGID เกิดมาเพื่อสิ่งนี้"


เกี่ยวกับ MGID


MGID เป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมระดับโลกด้าน Native Advertising ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ให้กับผู้มีส่วนร่วมทุกรายในระบบนิเวศโฆษณา MGID ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 โดยกลายเป็นแพลตฟอร์มแนะนำคอนเทนต์ชั้นนำ ที่เข้าถึงกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายจำนวน 850 ล้านรายไม่ซ้ำกัน ด้วยยอดการแนะนำ 1.85 แสนล้านครั้งต่อเดือน แพลตฟอร์มของ MGID ช่วยให้ผู้เผยแพร่คอนเทนต์สามารถรักษาผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ของตนและสร้างรายได้จากทราฟฟิก พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและการรับรู้แบรนด์ผ่านการเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ซ้ำกัน ในเวลาและเนื้อหาที่เหมาะสม




MGID Has Been Shortlisted in The Wires APAC 2020 Awards

The shortlist for The Wires APAC 2020 awards has been announced by ExchangeWire, with MGID being selected as a finalist in the "Best New Product or Service: Sell Side" category.



MGID, the global pioneer in native advertising, announced today that it has been shortlisted as a finalist in the "Best New Product or Service: Sell Side" category for The Wires APAC 2020 awards. The Wires APAC, conducted by ExchangeWire, recognizes the very best use of ad tech and martech across all aspects of media sales and media buying, celebrating the use of technology, expertise and innovation within the industry. This year, The Wires APAC recognized MGID's Accelerated Mobile Pages (AMP) Smart Widget, designed to meet diverse publisher goals.


AMP Smart Widget is an all-in-one solution for publishers that enables them to control content monetization, by ensuring ads are placed in front of targeted consumers, without irritating them. All done at lightning page load speed. Smart Widget is powered by MGID's patent-pending artificial intelligence (AI) algorithm, which creates combinations of ad formats to achieve a publisher's goals, looking at monetization, user engagement and new visitor acquisition.


"Online activity is increasingly going mobile, with 62% of web traffic in Asia flowing through smartphones. This makes it crucial to get the mobile experience right, since consumers want fast, relevant and unobtrusive content. Publishers and advertisers need to balance speed with real engagement, and that's exactly what MGID's AMP Smart Widget was built to enable," comments Vladyslav Stadnyk, VP of Publisher Development at MGID.


About MGID


MGID is a global innovative pioneer in native advertising that drives revenue growth for all participants of the advertising ecosystem. Since its foundation in 2008, MGID has become a leading content recommendation platform, targeting 850 million unique readers with 185 billion recommendations monthly. The MGID platform helps publishers retain and monetize audiences, while driving performance and awareness for brands by connecting them to unique audiences, at the right time, with the right content.




Casio จับมือ Honda Racing เปิดตัวนาฬิกา EDIFICE รุ่นใหม่

บริษัท Casio Computer Co., Ltd. ประกาศเปิดตัวนาฬิกาโครโนกราฟโลหะรุ่นใหม่ในไลน์นาฬิกาสมรรถนะสูง EDIFICE รุ่น EFS-560HR ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ Honda Racing และมาพร้อมคอนเซปต์ "ความเร็วและอัจฉริยะ" ของทางแบรนด์

Honda Racing ดำเนินกิจกรรมด้านมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกในนามของบริษัท Honda Motor Co., Ltd. โดยบริษัทเป็นผู้จัดหาเครื่องยนต์ให้กับทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวัน Scuderia AlphaTauri™ ซึ่งเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Casio ความร่วมมือระหว่าง Honda Racing กับ EDIFICE สองแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันในการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูงระดับโลก

นาฬิกา EFS-560HR รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ นับเป็นความร่วมมือครั้งที่ 4 กับ Honda Racing โดยตัวเรือนของนาฬิกาได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีที่ผ่านการทดสอบในสนามแข่งขันที่ Honda ส่งมอบมาสู่รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล และการพัฒนาเทคโนโลยีนาฬิกาของ EDIFICE ที่ผนวกรวมคำแนะนำจากทีมแข่งรถ นอกจากนี้ เรายังใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบนาฬิกา ตั้งแต่พื้นผิวสุดพิเศษบนหน้าปัดที่คล้ายกับพื้นผิวยางมะตอยไปจนถึงการเน้นสีแดงบนเส้นรอบวงของหน้าปัดและหน้าปัดแบบฝังซึ่งหวนให้นึกถึงขอบถนนในสนามแข่งรถ

กรอบหน้าปัดของนาฬิกาทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในวงการมอเตอร์สปอร์ต ขณะที่สายนาฬิกาหุ้มด้วยผ้า CORDURA™ ซ้อนด้วยผ้า Kevlar™ เพื่อทนต่อสภาพการใช้งานที่ยากลำบากจากกลไกการแข่งรถ ส่วนกระจกทำจากคริสตัลแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน ทั้งยังมาพร้อมความสามารถในการชาร์จพลังงานด้วยแสงอาทิตย์อย่างเหนือชั้น และมีโลโก้ของ Honda Racing ปรากฏอยู่ทั้งบนหน้าปัด ฝาหลัง และสายนาฬิกา นาฬิการุ่นใหม่นี้บรรจุมาในแพคเกจสุดพิเศษที่จะสร้างความตื่นเต้นให้แก่เหล่าสาวก Honda Racing

 

Kevlar™ เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ E.I. du Pont de Nemours and Company

EFS-560HR: https://products.edifice-watches.com/asia-mea/en/_detail/EFS-560HR-1A/

Tuesday, September 29, 2020

QS เผยหลักสูตรปริญญาโทสาขาการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (TriContinent) มหาวิทยาลัยถงจี้ ติดท็อป 50 ของโลก

เซี่ยงไฮ้--28 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์


หลักสูตรปริญญาโทด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (TriContinent) โดย Tongji M.Sc. ติดอันดับที่ 41 ของโลกจากการจัดอันดับโดย QS


เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา Quacquarelli Symonds (QS) ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับหลักสูตรปริญญาโทสาขาการจัดการห่วงโซ่อุปทานประจำปี 2564 โดยสถาบันเศรษฐศาสตร์และการบริหารของมหาวิทยาลัยถงจี้ (Tongji SEM) ติดอันดับที่ 41 ของโลก


การจัดอันดับครั้งนี้อิงจากการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมจากตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น ชื่อเสียงของผู้ว่าจ้างทั่วโลก ชื่อเสียงด้านวิชาการทั่วโลก คณะ ความเป็นสากล เงินเดือนศิษย์เก่า และอื่นๆ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ถือเป็นสาขาวิชาที่สำคัญของสถาบันการศึกษาในอเมริกาเหนือและยุโรป ขณะที่สถาบัน Tongji SEM อาศัยความได้เปรียบแบบดั้งเดิมในสาขาวิชาเหล่านี้ นำไปสู่การค้นคว้าวิจัยและการสอนรูปแบบใหม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนได้รับการจัดอันดับสูงกว่าสถาบันธุรกิจหลายแห่งในเอเชีย


เพื่อสร้างนักเรียนที่มีคุณภาพด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานด้วยวิสัยทัศน์ระดับนานาชาติ Tongji SEM ได้จับมือกับมหาวิทยาลัย Kuehne Logistics University (KLU) ของเยอรมนีและมหาวิทยาลัย University of Tennessee-Knoxville (UTK) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อเปิดหลักสูตรปริญญาโทแบบ Double-Degree ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ การเรียนรู้ในระดับนานาชาติถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของสาขานี้ คณะที่มาพร้อมด้วยเนื้อหาเชิงวิชาการขั้นสูง และประการณ์การลงมือทำจริงที่เข้มข้นจากทั้ง 3 มหาวิทยาลัยนี้ รวมถึงเนื้อหาในคอร์สเรียน มุ่งเน้นไปที่การสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง นอกจากนี้ นักเรียนยังจะมีโอกาสได้ฝึกงานในบริษัทจีน เยอรมัน และอเมริกัน เพื่อสัมผัสประสบการณ์การบริหารจัดการหาวงโซ่อุปทานภายใต้บริบทแห่งโลกาภิวัตน์


ศาสตราจารย์ LI Yuan คณบดีประจำ Tongji SEM กล่าวว่า “พวกเราต่างยึดมั่นในการสำรวจการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในระดับนานาชาติที่มีความหลากหลาย ไปจนถึงการผนวกรวมด้านวิชาการเข้ากับภาครัฐและอุตสาหกรรมธุรกิจ และสร้างระบบนวัตกรรมความร่วมมือรอบด้าน เรามีความยินดีที่ได้เห็นหลักสูตรปริญญาโทร่วมสามมหาวิยาลัยด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานติดอันดับสากล พิสูจน์ให้เห็นว่าระบบของ Tongji SEM นั้นเป็นที่ยอมรับในตลาดการศึกษาระดับนานาชาติ”


YUAN Tianhua ศิษย์เก่าที่จบการศึกษาจากหลักสูตรนี้ในปี 2562 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ Accenture ดูแลด้านการนำซอฟต์แวร์ ERP มาใช้สำหรับองค์กรประจำบริษัทที่ปรึกษา ก่อนเข้าร่วมหลักสูตร การคิดค้นโซลูชั่นในอุดมคติ สมบูรณ์ และดีที่สุดสำหรับองค์กรจากมุมมองเชิงกลยุทธ์และการบริหาร ถือเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ไม่ต่างจากการให้คำแนะนำในระดับภายในและภายนอกของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการศึกษา เธอได้มีความเข้าใจที่ครบถ้วนถ่องแท้มากขึ้นในหลักการของซอฟต์แวร์ ERP และการยกระดับห่วงโซ่อุปทานโดยรวม ซึ่งรวมถึงโลจิสติกส์และบริการหลังการขาย โครงการนี้ได้มอบวิธีการคิดที่ครอบคลุมสำหรับการแนะนำองค์กรให้แก่เธอเพื่อส่งเสริมการผนวกรวมของห่วงโซ่อุปทาน การยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจ และการไปสู่การใช้ต้นทุนอย่างคุ้มค่าในโลกแห่งความเป็นจริง ขณะเดียวกัน แผนการของเธอได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ



Huawei และ Sunline ร่วมออกโซลูชัน Digital Loan One Box ไร้การสัมผัส

เซี่ยงไฮ้--28 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์


Huawei และ Sunline ร่วมออกโซลูชัน Digital Loan One Box ไร้การสัมผัส


ในงาน HUAWEI CONNECT 2020 Sunline และ Huawei ร่วมเปิดตัว Digital Loan One Box Solution โซลูชันไร้การสัมผัสระดับโลกสำหรับบริการทางการเงิน โดยจะให้บริการโซลูชันดังกล่าวในหลายประเทศและดินแดน เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และแอฟริกา ที่ซึ่งความครอบคลุมทางการเงินเป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วน


Digital Loan One Box ใช้กลยุทธ์แบบเปิด ซึ่งเปิดทางให้สถาบันการเงินออกบริการไร้การสัมผัสในขอบเขตที่กว้างขวาง เช่น ผลิตภัณฑ์สินเชื่อออนไลน์, E-KYC ของลูกค้า, การประเมินความเสี่ยง, การเบิกจ่ายเงิน และขั้นตอนหลังกู้เงิน โซลูชันดังกล่าวตอบสนองความจำเป็นเร่งด่วนของทั้งสถาบันการเงินและลูกค้าสำหรับบริการการเงินดิจิทัล ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่หลายประเทศกำลังต่อสู้อย่างต่อเนื่อง


ในฐานะที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ สถาบันการเงินต้องการบริการการเงินดิจิทัลออนไลน์ไร้การสัมผัส โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ธนาคารทั่วโลกเผชิญความท้าทายคล้ายกันในด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน นั่นคือต้นทุนและความเสี่ยงอันมหาศาลในการแทนที่ระบบเก่า งบประมาณที่จำกัด และผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนจากการลงทุนปฏิรูป ขาดประสบการณ์ธุรกิจและเทคโนโลยีแบบเปิด การแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น และดีมานด์บริการไร้การสัมผัสที่หนุนโดยโรคระบาด ฯลฯ


การเงินไร้การสัมผัสหมายถึงบริการที่ลูกค้าและธนาคารไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว แต่ผ่านการติดต่อสื่อสารหลากช่องทาง โดยรองรับบริการแบบปลั๊กอิน ธุรกิจแบบบิวต์อิน และฟีเจอร์ที่พร้อมใช้งานทันที


Digital Loan One Box Solution สร้างบนโครงสร้างพื้นฐาน Huawei FusionCube Hyper-Converged ใช้ EDSP ซึ่งเป็นกรอบงานธนาคารแบบไมโครเซอร์วิสระดับองค์กรที่ออกโดย Sunline ในปี 2020 โซลูชันนี้รองรับการปรับขนาดแนวนอนแบบไดนามิกตามความต้องการของธุรกิจและระบบ นอกจากนี้ ยังมอบสายการผลิตเพื่อส่งมอบแบบต่อเนื่องให้แก่ DevOps เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านการพัฒนาที่คล่องตัวของสถาบันการเงิน บริการธนาคารไร้การสัมผัสทำให้ระบบแบงก์กิงสะดวกสบายขึ้น ขณะเดียวกันก็คงความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ทันเวลา และมืออาชีพ ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจ ความภักดี และการรักษาลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การเชื่อมต่อของระบบนิเวศทางการเงินช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและชื่อเสียงของสถาบันการเงิน นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังมอบ TCO ที่คุ้มค่า ซึ่งตอบสนองความคาดหวังด้านการลงทุนของพวกเขาด้วย


Digital Loan One Box มอบประสิทธิภาพความเร็วสูงสุดในขอบเขตเหล่านี้:


- การเปิดบัญชีทางไกลแบบเรียลไทม์ และการพิสูจน์ตัวตนโดยใช้ไบโอเมตริกในหลายช่องทาง (MFA)

- การเริ่มขอสินเชื่อออนไลน์ การอนุมัติ และเบิกจ่ายอย่างรวดเร็ว (สมัคร 3 นาที, อนุมัติสินเชื่อ 1 วินาที และไม่ต้องเข้ามาดำเนินการด้วยตนเอง)

- การคิดโปรโมชันและแคมเปญการตลาดแบบเรียลไทม์

- ขั้นตอนหลังการกู้ที่ยืดหยุ่น ประเมินการขยายเงินกู้ทันที

- อัปเดตข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์และบริการแบบ non-stop

- API แบบเปิดตามมาตรฐาน ให้พาร์ทเนอร์ในเครือข่ายเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

- ผลิตภัณฑ์มาตรฐานสูงที่ลูกค้าเข้าใจได้โดยง่าย

- ติดตั้งได้เร็วโดยที่สามารถใช้งานได้ภายใน 2 เดือน


“ท่ามกลางโรคระบาดที่ยังไม่ยุติ โซลูชันนี้มาในช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสถาบันการเงิน โดยสามารถตอบสนองความต้องการในการปล่อยสินเชื่อและการกู้ยืมที่มีประสิทธิภาพสำหรับทั้งสถาบันการเงินและลูกค้าในช่วงเวลาที่พิเศษนี้ โดยในอุตสาหกรรมนั้น เราจะเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศระดับโลกและโซลูชันบนเงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ว่าจะจาก 2C ไปยัง 2B ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกต่อไป” Jason Cao ประธานหน่วยธุรกิจบริการการเงินระดับโลก กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของ Huawei กล่าว “เมื่อผนึกกำลังกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมแล้ว เราจะเริ่มด้วย 5G และคว้าโอกาสใน 5 โดเมนเทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่ การเชื่อมต่อ คลาวด์ คอมพิวติง AI และแอปพลิเคชันอุตสาหกรรม ซึ่งท้ายที่สุดเราจะมอบโซลูชันและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใช้กับเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลสำหรับลูกค้าทางการเงิน”


Hongan Li รองประธานอาวุโสของ Sunline กล่าวเสริมว่า “Sunline คือบริษัทบริการ IT สำหรับงานธนาคารระดับโลก เราเดินหน้าสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้นำในฟินเทคและเสริมสร้างการเชื่อมต่อของชีวิต โดยในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนี้ เราตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี บริการดิจิทัล และบริการการเงินแบบเปิดที่เข้าถึงได้ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ Sunline และ Huawei จึงออกโซลูชัน Digital Loan One Box Solution ซึ่งออกแบบเพื่อสถาบันการเงินและลูกค้า โดยเฉพาะผู้ที่ขาดขีดความสามารถทางเทคโนโลยี ตั้งอยู่บนกรอบไมโครเซอร์วิสระดับองค์กรของ Sunline สำหรับธนาคาร โดยแพลตฟอร์มที่คล่องตัวนี้มีความยืดหยุ่นสูง มีโครงสร้างแบบ Loose Coupling ประสิทธิภาพสูง และปรับใช้แบบกระจายได้ ซึ่งตอบสนองความต้องการของทั้งธุรกิจและระบบด้านการปรับขนาดแนวนอนแบบไดนามิกของสถาบันการเงินทุกขนาด เป้าหมายของเราคือการมอบโซลูชันที่ใช้งานได้จริงและเป็นประโยชน์ในช่วงเวลาที่พิเศษนี้”


Huawei และพาร์ทเนอร์ของบริษัท ช่วยสถาบันการเงินไปถึงจุดสูงสุดทางดิจิทัลใหม่ในด้านความครอบคลุมทางการเงิน นวัตกรรมทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และระบบธนาคารแบบเปิด ซึ่งบรรลุการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบและความคล่องตัวในการบริการ โดยนับจนปัจจุบัน Huawei ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์โซลูชันและบริการกว่า 5,400 รายทั่วโลก เพื่อสนับสนุนลูกค้าทางการเงินกว่า 1,600 รายใน 60 ประเทศและดินแดน เมื่อผนึกกำลังกันแล้ว เราได้จัดตั้งระบบนิเวศที่มีการขยายขอบเขตครอบคลุมมากขึ้น


Sunline คือผู้ให้บริการโซลูชันฟินเทคระดับท็อป บริษัทมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิวัติบริการทางการเงินและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม นับจนปัจจุบัน Sunline ให้บริการสถาบันการเงินระดับโลกกว่า 800 ราย ด้วยโซลูชัน IT สายการเงินครอบคลุมบริการธุรกิจหลัก ธุรกิจการเงินอินเทอร์เน็ต บิ๊กดาต้า และการบริหารจัดการ


ในฐานะผู้บุกเบิกในกลุ่มซัพพลายเออร์ฟินเทคของจีน Sunline ได้จัดตั้งสำนักงานสาขาและสำนักงานบริการในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกงนับตั้งแต่ปี 2016 บริษัทได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางสำหรับความเข้มแข็งในนวัตกรรม ผู้นำตลาด และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยติดทำเนียบท็อป 3 เวนเดอร์แพลตฟอร์มงานธนาคารของเอเชียแปซิฟิกในรายงาน Forrester's Global Banking Platform Deals Survey เมื่อปี 2019 ส่วนปีนี้นิตยสาร Global Brands Magazine ยกให้ Sunline เป็นบริษัทฟินเทคที่มีนวัตกรรมสูงสุดในเอเชียปี 2020 และยังมีชื่ออยู่ในการจัดอันดับ 2020 IDC China FinTech 50 List ด้วย


มหกรรม HUAWEI CONNECT 2020 เป็นงานใหญ่ประจำปีที่หัวเว่ยจัดขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลก โดยงานในปีนี้จัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 23-26 กันยายน HUAWEI CONNECT เป็นเวทีเปิดกว้างที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรของเราก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลง รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ในงานปีนี้ ผู้ถือผลประโยชน์ในอุตสาหกรรม ICT ไม่ว่าจะเป็นผู้นำความคิด ผู้นำธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี องค์กรชั้นนำ พาร์ทเนอร์จากระบบนิเวศต่าง ๆ ผู้ให้บริการและนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ต่างได้แชร์ข้อมูลอินไซต์เกี่ยวเทรนด์ปัจจุบันและโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาระบบดิจิทัลในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และโซลูชัน ICT ที่ล้ำสมัยมากมาย เพื่อแสดงนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จด้วยความพยายามร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างและมั่นคง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ถือผลประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด และจะสร้างคุณค่าใหม่ให้กับทุกอุตสาหกรรม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

https://www.huawei.com/en/events/huaweiconnect2020/