ผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้ามีอยู่ทั่วโลก ภาวะวิตกกังวลส่งผลกระทบต่อประชากรโลกกว่า 284 ล้านคน ส่วนภาวะซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อประชากรโลกกว่า 264 ล้านคน [1] โดยครึ่งหนึ่งเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 14 ปี [2] และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้ Maybelline New York แบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก จึงขอใช้โอกาสนี้ช่วยจัดการกับอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จของสุภาพสตรี ด้วยการเปิดตัวโครงการระดับโลก Maybelline Brave Together เพื่อช่วยขจัดการตีตราผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า รวมถึงให้การสนับสนุนแบบตัวต่อตัว และช่วยให้ผู้คนทั่วโลกรับมือกับโลกของตนเองอย่างกล้าหาญ
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Maybelline ได้สนับสนุนการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญและจัดการสนทนากลุ่มเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิต นอกจากนี้ Maybelline ยังทำงานร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหลายแห่ง ได้แก่ CRISIS TEXT LINE, JED และ NAMI เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่ผู้ที่ต้องต่อสู้กับภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า ทั้งนี้ ในโลกที่ประชากรราว 1 ใน 5 ได้รับผลกระทบจากภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า [3] ผู้หญิงคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก [4] ขณะที่อาการทางสุขภาพจิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับการป้องกันหรือรักษา [5]
"Maybelline เชื่อมั่นในพลังของการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ และเราตระหนักดีว่าสุขภาพจิตเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เรารู้สึกพร้อมทำสิ่งนั้น" ทริชา อัยยาการี ประธานกรรมการฝ่ายแบรนด์สากลของ Maybelline New York กล่าว "เราจะใช้ชื่อเสียงระดับโลกของแบรนด์ในการขจัดการตีตราผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต และช่วยให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น เราจะยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า"
โครงการ Brave Together จับมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชั้นนำทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดการตีตราผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า จัดหาทรัพยากรและให้ความช่วยเหลือแก่คนทุกรุ่นทุกวัย รวมถึงสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้ผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าและครอบครัวรู้ว่าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง ทั้งนี้ เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะจะเปิดให้ผู้คนทั่วโลกเข้าร่วมชุมชนออนไลน์ พร้อมสัมผัสกับเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจจากผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์และเคล็ดลับต่าง ๆ ด้วย
"หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญของโครงการคือ ดร.เคธลีน ไพค์ นักจิตวิทยาคลินิก และศาสตราจารย์ประจำศูนย์การแพทย์เออร์วิงแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และวิทยาลัยสาธารณสุขโคลัมเบียเมลแมน ดร.ไพค์เป็นที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของโครงการ Brave Together และเป็นผู้นำการศึกษาระดับโลกที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Maybelline โดยเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอัตราการเกิดและสาเหตุของภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าในผู้หญิง Gen Z "โครงการลักษณะนี้เป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในตอนนี้ และดิฉันภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ Maybelline ในการออกแบบชุมชนออนไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ รับฟัง และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาวะทางอารมณ์อย่างกล้าหาญและเปิดใจ"
เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า Maybelline ได้จับมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชั้นนำอย่าง Crisis Text Line เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาในภาวะวิกฤตฟรีตลอด 24 ชั่วโมงผ่านการส่งข้อความ โดยผู้ที่ต้องการใช้บริการสามารถส่งข้อความ TOGETHER ไปที่เบอร์ 741741 เพื่อพูดคุยกับที่ปรึกษาภาวะวิกฤต
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและบ่มเพาะวัฒนธรรมการช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า Maybelline จึงให้คำมั่นมอบเงินทุน 10 ล้านดอลลาร์ตลอด 5 ปีข้างหน้า แก่องค์กรด้านสุขภาพจิตทั่วโลกที่มีเป้าหมายเดียวกันกับเราในการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง สามารถร่วมพูดคุยออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.maybelline.com/bravetogether หรืออินสตาแกรม @Maybelline และ #BraveTogether
[1] https://ourworldindata.org/mental-health#:~:text=Globally%20an%20estimated%20284%20million,experience%20anxiety%20disorders%20than%20men
[2] https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/adolescent-mental-health#:~:text=Half%20of%20all%20mental%20health,%2D19%2Dyear%2Dolds
[3] https://www.who.int/news-room/detail/13-04-2016-investing-in-treatment-for-depression-and-anxiety-leads-to-fourfold-return
[4] https://www.who.int/mental_health/prevention/genderwomen/en/
[5] https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/adolescent-mental-health
No comments:
Post a Comment