Tuesday, February 28, 2023

ผู้ให้บริการเครือข่ายแชร์ความสำเร็จหลังให้บริการ 5G รอบแรก โดย 3 ปีของ 5G เท่ากับ 5 ปีของ 4G

หัวเว่ย (Huawei) ได้จัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยความสำเร็จของธุรกิจ 5G (5G Business Success Summit) ภายในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (Mobile World Congress) หรือ MWC ประจำปีนี้ โดยคุณเผิง ซ่ง (Peng Song) ประธานฝ่ายกลยุทธ์ไอซีทีและการตลาดของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "เส้นทางอันหลากหลายสู่การสร้างรายได้จาก 5G เร่งสร้างความสำเร็จของธุรกิจ 5G" (Diverse Paths to 5G Monetization, Accelerating 5G Business Success) ซึ่งในคำกล่าวของเขานั้น เขาตั้งข้อสังเกตว่าความสำเร็จของ 5G ในสามปีแรกนั้น เทียบเท่ากับความสำเร็จที่ 4G ทำได้ในห้าปีแรก และผู้ให้บริการชั้นนำต่างเฉลิมฉลองความสำเร็จในรอบแรกของการพัฒนา 5G ซึ่งได้บ่มเพาะความเชื่อมั่นและความมั่นใจในอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้น 5G จะยังคงสามารถรักษาความสำเร็จนี้เอาไว้ได้ หากสามารถขยายคุณค่าของ 5G ไปยังภาคส่วนทีโอซี (ToC) ทีโอเอช (ToH) และทีโอบี (ToB)

ในระหว่างกล่าวปาฐกถา คุณเผิงชี้ว่าอัตราการเข้าถึง 5G ของผู้ใช้งานทั่วโลกในช่วงสามปีแรกเท่ากับการเข้าถึง 4G ในช่วงห้าปีแรก โดยผู้ให้บริการต่าง ๆ รายงานว่าผู้ใช้งานมากกว่า 20% เข้าถึง 5G ในระหว่างการติดตั้งใช้งานในรอบแรก และมีรายได้เติบโตอย่างมาก ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ คอนเทนต์ ประสบการณ์ และโมเดลธุรกิจก็มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากผู้ให้บริการและพันธมิตรเปิดรับ 5G มากขึ้น สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาด จากการตัดสินใจตามความเสี่ยง สู่การตัดสินใจตามรายได้ เพื่อรับประกันความสำเร็จทางธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น โดยหัวเว่ยพบว่าการโยกย้ายมาใช้งาน 5G อย่างรวดเร็วของผู้ใช้งานและความเร็วของการส่งข้อมูลคือหัวใจสำคัญ หากผู้ให้บริการสามารถโยกย้าย 30% ของการส่งข้อมูลไปยัง 5G eMBB ได้ภายในสามปีแล้ว ก็จะใช้เวลาไม่ถึงสี่ปีที่จะได้เห็นผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งระยะเวลานี้จะสั้นลงอีก หากผู้ให้บริการใช้บริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงไร้สาย (FWA) และทีโอบี

ทีโอซี: ประสบการณ์ที่แตกต่างคือกระบวนทัศน์ใหม่ของการสร้างรายได้จากเครือข่าย

เครือข่าย 5G ใช้ความสามารถอันทรงพลัง เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการสามารถรับประกันอัตราบิตสำหรับการดาวน์ลิงก์สำหรับผู้ใช้กลุ่มวีไอพี และประสบการณ์ที่ดีในบริการอัปลิงก์ โดยผู้ให้บริการต่าง ๆ ในจีนได้เริ่มต้นสำรวจกระบวนทัศน์นี้แล้ว

ทีโอเอช: 5G FWA คือบริการบรอดแบนด์ภายในบ้านที่ให้ผลสำเร็จรวดเร็วทันใจ ด้วยประสบการณ์คล้ายกับโครงข่ายไฟเบอร์

นับจนถึงปลายปี 2565 ผู้ให้บริการ 95 รายได้เปิดตัวบริการ 5G FWA ในเชิงพาณิชย์ สำหรับผู้ใช้งานในครัวเรือนมากกว่า 10 ล้านราย 5G FWA ติดตั้งได้รวดเร็ว ให้ประสบการณ์ที่ดี ต้นทุนต่ำ และประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง โดยได้มาแทนที่สายสัญญาณทองแดงแบบเก่าในตลาดที่พัฒนาแล้ว และเปิดใช้งานการเข้าถึงบรอดแบนด์ภายในบ้านในตลาดที่กำลังพัฒนา ผู้ให้บริการในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ต่างรายงานผลประกอบการที่น่าประทับใจ

ทีโอบี: เครือข่ายส่วนตัว 5G คือหัวใจสำคัญสู่การสำรวจตลาดดิจิทัลในพื้นที่ธุรกิจที่ไม่มีใครมาแย่งชิง

คุณเผิงเชื่อว่าผู้ให้บริการต่าง ๆ สามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อบริการที่กว้างขวางให้กับองค์กรผ่านเครือข่ายส่วนตัวแบบ 5G ได้ แย่งชิงพื้นที่ตลาดสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรที่ใหญ่กว่าตลาดสำหรับเครือข่ายเครือข่ายส่วนตัวถึงสิบเท่า สิ่งนี้จะช่วยผลักดันการขายระบบคลาวด์, ศูนย์ข้อมูล, F5G และบริการเสริมอื่น ๆ โดยตลาดเครือข่ายส่วนตัว 5G แบบ ToB นอกประเทศจีนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน เฉพาะในปี 2565 เพียงปีเดียว จำนวนเครือข่ายที่สร้างขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และความเป็นไปได้ในอนาคตยิ่งสูงมากกว่านี้

คุณเผิงกล่าวสรุปโดยเสริมว่า 5G ไม่ใช่แค่มูลค่าทางเศรษฐกิจต่อผู้ให้บริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมูลค่าทางสังคมอย่างมหาศาล หัวเว่ยได้เรียกร้องให้ผู้ให้บริการระดับโลกและพันธมิตรในอุตสาหกรรมเข้าร่วมแผนแม่บททางธุรกิจไกด์ (GUIDE) และปลดปล่อยศักยภาพของเครือข่าย 5G จาก 5Good เป็น 5Great

การสนับสนุนข้อมูล: จากสถิติล่าสุดของจีเอสเอ็มเอ (GSMA) และจีเอสเอ (GSA) นั้น นับจนถึงเดือนธันวาคม 2565 เครือข่าย 5G มากกว่า 240 เครือข่ายถูกนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ทั่วโลก มีการเปิดตัวอุปกรณ์รองรับ 5G ประเภทต่าง ๆ มากกว่า 1,700 รายการ และจำนวนผู้ใช้ 5G มีมากเกินกว่า 1 พันล้านคน นอกจากนี้แล้ว รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ 1 คน (ARPU) ของผู้ให้บริการ 20 อันดับแรกของโลกยังเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งสูงกว่าค่าพื้นฐานทั่วโลก 1%

มหกรรมเอ็มดับบลิวซี บาร์เซโลนา ประจำปี 2566 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หัวเว่ยจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่บูธหมายเลข 1H50 ณ ฟิรา แกรน เวีย ฮอลล์ 1 (Fira Gran Via Hall 1) หัวเว่ยและผู้ให้บริการระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และผู้นำความคิดเห็น จะดำดึ่งสู่ประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสำเร็จของธุรกิจ 5G, โอกาส 5.5G, การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การพลิกโฉมสู่ดิจิทัล และวิสัยทัศน์ของเราในการใช้แผนแม่บททางธุรกิจไกด์ (GUIDE) เพื่อวางรากฐานสำหรับ 5.5G และสานต่อความสำเร็จของ 5G เพื่อความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://carrier.huawei.com/en/events/mwc2023

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2011017/Mr_Peng_giving_a_keynote_speech_Business_Success_Summit_MWC.jpg 

Zoomlion to Exhibit Intelligent Human-Machine Interaction Technology and Green Manufacturing Achievements at CONEXPO-CON/AGG 2023

 Zoomlion Heavy Industry Science & Technology Co., Ltd. ("Zoomlion"; 1157.HK) is set to exhibit 22 products across seven categories, including equipment customized for the North American market, and its innovative green manufacturing technologies to CONEXPO-CON/AGG 2023 from March 14 to 18 in Las Vegas Convention Center. Zoomlion will be at booth F9615.

CONEXPO-CON/AGG is North America's largest construction trade show. Themed "Vision Creates Future," Zoomlion will highlight products most in demand with North American customers, especially in green intelligent manufacturing, localized production and sales, through showcasing products with exceptional performance, quality and technological innovation.

Zoomlion's flagship portfolio at CONEXPO-CON/AGG will feature:

  • Earthmoving Machinery: six models of the G-series excavators that cover micro to large tonnage range and the ZS090V skip steer loader will be highlighted, all meeting the North American emission standards. Audiences will also be able to experience the products through interactive human-machine demonstrations.
  • Hoisting Machinery: the ZTR1100D533 off-road crane, an ANIS-certified product, will take center stage. It has a maximum lifting height of 66 meters, combined with main and fly booms to achieve industry-leading hoisting capability.
  • Tower Crane: Zoomlion will feature its latest core components like the new CR8-H driver cabin and RB dowel joint of the R-generation tower crane designed for the high-end European and American markets.
  • Concrete Machinery: as an APCA member, Zoomlion will unveil the all-new 50X-6RZ pump truck, a 4.0 series model with a six-section boom and APD technology that reduces overall consumption and extends service life. Zoomlion's German subsidiary m-tec will also exhibit dry mixing equipment products.
  • Industrial Vehicle: the FB25H and FL25H adopt the Kubota O5 series engine and a series of advantaged design features to better meet the local market demand.

Since entering the US market in 2007, Zoomlion's globalization roadmap focuses on accelerating business model transformation and an international localization strategy. In 2012, Zoomlion established the North America R&D Center. Nowadays, its North American subsidiary has a network integrating R&D, sales and marketing, and a production base, while covering the logistics and spare parts supply in the local market.

Huawei Launches Next-Generation ICT Energy Solutions to Drive Low-Carbon Network Development


At the Mobile World Congress (MWC) 2023 held in Barcelona, the world's largest and most influential event for the connectivity industry, Bob He, President of Huawei Data Center Facility and Critical Power Product Line, launched the next-generation energy solutions for the ICT sector on February 27. These solutions are designed to assist operators worldwide in building simple, green, and intelligent networks.

Intelligent Site Power: A Key Enabler for Green and Low-Carbon Network

Traditional energy solutions for telecom sites typically result in a high total cost of ownership (TCO) and contribute significantly to network carbon emissions. In an effort to assist telecom operators in building green sites and achieving their carbon neutrality goals, Huawei has introduced the concept of 'Site Power Low-Carbon Target Network'. This innovative solution integrates power electronics and digital technologies to build sites that offer 'Intelligent Simplicity', 'Intelligent Green', and 'Intelligent Saving'.

Intelligent Simplicity: By changing the site structure from rooms to cabinets or from cabinets to poles, Huawei's solution simplifies 4G/5G deployment and improves site energy efficiency (SEE) from 60% to 97%.

Huawei's 12kW Blade Power System can be mounted on poles, reducing the system's footprint from 1 square meter to 0. It takes only 2 hours to deploy. The system utilizes natural heat dissipation to achieve up to 97% SEE.

Intelligent Green: By utilizing multi-energy intelligent scheduling, we can lower the levelized cost of energy (LCOE) while increasing the proportion of green power used for sites. Huawei's iSolar 2.0 solution adopts high-voltage serial connection architecture and four-in-one solar blade products to make green power acquisition easier and reduce engineering costs by 15%. Additionally, PV optimizers are used to reduce shading losses and increase clean power generation by 20%. The solar+storage intelligent synergy can enable the green power utilization rate to reach 100%.

Intelligent Saving: Lithium batteries, which serve as both backup power sources and energy storage systems (ESSs), will be widely used at sites. Equipped with lithium batteries, telecom sites will increase revenue and reduce expenditure by leveraging new applications such as peak staggering and virtual power plants (VPPs). Huawei's Cyclic CloudLi solution, known as 200Ah@5U, offers a 50% improvement in capacity over the previous-generation product, thereby maximizing energy storage value.

Smart DC, Building the Green Future

Data centers serve as the foundation of the digital world but consume considerable amounts of energy. Huawei introduces end-to-end green data center solutions for large, small and medium-sized data centers to help operators advance their carbon neutrality goals.

Power System: As a preferred solution for power supply systems in large data centers, Huawei PowerPOD 3.0 features footprint-saving, power-saving, time-saving, and worry-free. It reduces the number of cabinets from 21 to 10 and saves 50% of floor space. Additionally, the S-ECO mode improves the efficiency to 98.4% from the previous 95.4%. By using prefabricated busbars instead of cables, delivery time is reduced from 2 months to 2 weeks. Besides, the iPower intelligent feature enables predictive maintenance, transforming reactive maintenance into proactive maintenance.

Cooling System: EHU, an indirect evaporative cooling solution, uses polymer heat exchangers and EC fans to maximize the use of free cooling sources. It reduces multiple heat exchanges to one-time heat exchange, improving cooling efficiency. Compared with traditional chilled water solutions, the EHU solution achieves a power usage effectiveness (PUE) as low as 1.15 and water usage effectiveness (WUE) as low as 0.37 in an Ireland data center project, and reduces the number of operation and maintenance items by 60%. By using modular and prefabricated architecture, the cooling system integrates multiple components into one container, shortening the delivery time by 50%.

In the future, Huawei will continue to innovate and cooperate with global partners to help operators build green and low-carbon networks amid the global transition to carbon neutrality.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/2011490/Bob_he.jpg

Fuzhou's Jasmine Tea, the Millennia-old Flower Messenger of China -- Promo Video of Fuzhou City Released


Recently, the promotional video of Fuzhou city of Fujian Province, titled "What You Did Not Know about Fuzhou -- Jasmine Tea", was released through overseas social media accounts including "Oriental.Paris", "Discover Fujian" and "Discover Fuzhou", inviting overseas friends to taste the history and customs of Fuzhou through a cup of Chinese tea, according to the Publicity Department of the CPC Fuzhou Municipal Committee.

In the promo video, scented tea with fresh fragrance is made out of a jasmine flower through ingenious craftsmanship and numerous processes. These traditional techniques have been passed down for thousands of years in Fuzhou. It not only contains the unique romance of "A jasmine flower, a lifelong attachment", it has shaped the character of Fuzhou people and instilled a great sense of family and country into them. Today, jasmine tea has gradually become a characteristic name card of this coastal modern city to go global, present its new look and build friendship.

In December 2022, "Chinese traditional tea making techniques and related customs" passed the review and was included in the Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity of the United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization (UNESCO). The jasmine tea scenting process of Fuzhou, a national intangible cultural heritage of China, is one of the representative programs of the application list.

Fuzhou's jasmine tea is a millennia-old flower messenger of China. As an important node city of the 21st Century Maritime Silk Road, Fuzhou is taking tea as a matchmaker to scale up international connections, drill down regional cooperations, and spread out fragrance, friendship, and peace to the world.

Source: The Publicity Department of the CPC Fuzhou Municipal Committee

Image Attachments Links:

Link: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=438222

Caption: Jasmine Tea -- the world-class "Intangible Cultural Heritage" has become a characteristic name card of Fuzhou

"แกรนด์ ไซโก" เปิดบูติกสาขาแรกในสิงคโปร์ที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส

 ไซโก วอทช์ คอร์ปอเรชั่น (Seiko Watch Corporation) มีความยินดีในการประกาศว่า บูติกสาขาแรกของแบรนด์แกรนด์ ไซโก (Grand Seiko) ในสิงคโปร์ ได้เปิดให้บริการแล้วในศูนย์การค้าชอปส์ (Shoppes) ที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีบริษัทในเครืออย่างแกรนด์ ไซโก เอเชียแปซิฟิก (Grand Seiko Asia-Pacific) เป็นผู้บริหารจัดการ เพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในแผนเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

บูติกของแกรนด์ ไซโก ที่สิงคโปร์ ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส:

https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M102037/202302243243/_prw_PI3fl_1wp0fU3U.jpg

แกรนด์ ไซโก ได้เปิดประตูเข้าบูติกขนาด 134 ตารางเมตรแห่งนี้อย่างเป็นทางการในพิธีเปิดตัวที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี ฯพณฯ ฮิโรชิ อิชิกาวะ (Hiroshi Ishikawa) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มของญี่ปุ่นประจำสิงคโปร์ ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน และนอกเหนือจากพิธีตัดริบบิ้นแล้ว การเปิดตัวบูติกครั้งนี้ยังมีการแสดงจากคณะกลองไทโกะ (taiko) ชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง "โคโดะ" (Kodo) ซึ่งออกเสียงเหมือนกับนาฬิการะดับรางวัลของแบรนด์อย่างแกรนด์ ไซโก โคโดะ คอนสแตนท์-ฟอร์ซ ทูร์บิญอง (Grand Seiko Kodo Constant-force Tourbillon)

การตกแต่งภายในบูติก:

https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M102037/202302243243/_prw_PI4fl_a9eh8gj5.jpg

อีเวนต์เปิดตัว:

https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M102037/202302243243/_prw_PI1fl_T47qbH6K.jpg

https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M102037/202302243243/_prw_PI2fl_MgOjG3nn.jpg

"สิงคโปร์เป็นแหล่งรวมผู้คลั่งไคล้นาฬิกาหรูที่มีความรู้และความหลงใหลมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และเรามีความยินดีที่ในตอนนี้พวกเขาเข้าถึงโลกของแกรนด์ ไซโก ได้โดยตรง" คุณอาคิโอะ ไนโตะ (Akio Naito) ประธานบริษัทไซโก วอทช์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว "เราโชคดีมากที่คว้าทำเลทองมาเป็นที่ตั้งสาขาของเราได้ และหวังที่จะต้อนรับลูกค้าของเราที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส"

เกี่ยวกับแกรนด์ ไซโก

แกรนด์ ไซโก (Grand Seiko) ถือกำเนิดขึ้นในปี 2503 โดยมีเป้าหมายเพื่อรังสรรค์สุดยอดนาฬิกาด้วยฝีมือของบริษัท นาฬิกาทุกเรือนของแกรนด์ ไซโก ประกอบในญี่ปุ่นด้วยมือของผู้มากทักษะทั้งชายและหญิง เพื่อมอบความเป็นเลิศในด้านความเที่ยงตรง ความชัดเจน และความคงทน แบบฉบับที่แกรนด์ ไซโก เป็นที่เลื่องชื่อ แกรนด์ ไซโก มีรากเหง้ามาจากมรดกของญี่ปุ่น ขณะที่ปรัชญาของแบรนด์ ซึ่งได้แก่ "The Nature of Time" (ธรรมชาติของเวลา) นั้น แสดงถึงการยกย่องจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาของชาวญี่ปุ่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งจากธรรมชาติ และรังสรรค์ขึ้นโดย "ทาคุมิ" (takumi) หรือช่างฝีมือผู้แสวงหาความชำนาญเฉพาะด้าน นาฬิกาในคอลเลกชันแกรนด์ ไซโก มีทั้งกลไกจักรกล ควอตซ์ และสปริง ไดรฟ์ (Spring Drive) สอดรับกับการออกแบบในสไตล์เฮอร์ริเทจ (Heritage) สปอร์ต (Sport) และเอลิแกนซ์ (Elegance) เช่นเดียวกับซีรีส์ใหม่อันทรงคุณค่าอย่างอีโวลูชัน ไนน์ (Evolution 9)

เกี่ยวกับแกรนด์ ไซโก เอเชียแปซิฟิก

แกรนด์ ไซโก เอเชียแปซิฟิก (Grand Seiko Asia-Pacific) ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม 2565 เป็นบริษัทแห่งที่สามที่มุ่งทำการตลาดและจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์แกรนด์ ไซโก โดยเฉพาะ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ก่อตั้งแกรนด์ ไซโก คอร์ปอเรชัน ออฟ อเมริกา (Grand Seiko Corporation of America) และแกรนด์ ไซโก ยุโรป เอสเอเอส (Grand Seiko Europe S.A.S.) ทั้งนี้ แกรนด์ ไซโก เอเชียแปซิฟิก มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยมีบทบาทสำคัญในการขยายการทำธุรกิจของแกรนด์ ไซโก ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

บูติกของแกรนด์ ไซโก ที่สิงคโปร์ ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส

ที่ตั้ง: 2 Bayfront Ave, B2M - 235, The Shoppes at Marina Bay Sands, Singapore 018972

เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 23:00 น.

https://www.grand-seiko.com/sg-en

ที่มา: ไซโก วอทช์ คอร์ปอเรชั่น

"แซดทีอี" เปิดตัวสินค้าไอทีรุ่นใหม่ พร้อมระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0 ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566

 


  • แซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส สร้างระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0 (Full-Scenario Intelligent Ecosystem 2.0) อัปเกรดใหม่ "1+2+N" เพื่อนำวิถีชีวิตดิจิทัลใหม่มาสู่ผู้บริโภค
  • แซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส จะเปิดตัวแท็บเล็ต 3 มิติโดยไม่ต้องสวมแว่นซึ่งขับเคลื่อนด้วยเอไอรุ่นแรกของโลก นูเบีย แพด 3ดี (nubia Pad 3D) และแว่นตาความจริงแต่งเติม (AR) นูเบีย นีโอวิชัน เออาร์ กลาส (nubia Neovision AR Glass) พร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์ภาพและเสียง
  • ด้วยการยึดมั่นในแนวคิด "สีเขียว อัจฉริยะ และมั่นคงปลอดภัย" แซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส จะนำเสนอรุ่นที่ 5 ของผลิตภัณฑ์บรอดแบนด์ไร้สาย (FWA) 5G ประกอบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามแนวคิดดังกล่าวนี้ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566

แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น (ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก เข้าร่วมงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 (Mobile World Congress 2023 หรือ MWC 2023) ในบาร์เซโลนา ด้วยบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคในทุกหมวด ทั้งแซดทีอี แอ็กซอน (ZTE Axon), แซดทีอี เบลด (ZTE Blade), นูเบีย (nubia) และผลิตภัณฑ์และโซลูชันเชิงอุตสาหกรรมในตระกูลบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (MBB), บรอดแบนด์ไร้สาย (FWA) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสภาวการณ์ใช้งานของผู้บริโภคและความต้องการของผู้ใช้ กลยุทธ์ของแซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส (ZTE Mobile Devices) ได้รับการยกระดับอย่างเป็นทางการ เป็นระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0 (Full-Scenario Intelligent Ecosystem 2.0) "1+2+N"

เครือข่าย 5G ซึ่งมาพร้อมกับข้อดีด้านอัตราสูง ความหน่วงต่ำ และแบนด์วิดท์การส่งถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ ได้นำการบริโภคเนื้อหาใหม่ ๆ มาในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ในการนี้แซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส ได้เปิดตัวนูเบีย แพด 3ดี (nubia Pad 3D) แท็บเล็ต 3 มิติโดยไม่ต้องสวมแว่นซึ่งขับเคลื่อนด้วยเอไอรุ่นแรกของโลก และนูเบีย นีโอวิชัน กลาส (nubia Neovision Glass) แว่นตาความจริงแต่งเติม (AR) ซึ่งมอบสุดยอดประสบการณ์ภาพและเสียง อีกทั้งยังได้ประกาศแนวคิดสำหรับผลิตภัณฑ์ MBB และ FWA อันได้แก่ "สีเขียว อัจฉริยะ และมั่นคงปลอดภัย" (Green, Intelligence & Security หรือ GIS) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์หลักอื่น ๆ รวมทั้ง FWA รุ่นที่ 5

ระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0 อัปเกรดใหม่

5G ได้ยกระดับการทำงานและชีวิตของผู้คน พร้อมทั้งดึงดูดให้คนมีอุปกรณ์เคลื่อนที่ในครอบครองมากกว่าหนึ่งเครื่อง ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของ "คลาวด์ เครือข่าย เอดจ์ และอุปกรณ์" แซดทีอี มายโอเอส (ZTE MyOS) จะทลายพรมแดนของอุปกรณ์ที่แตกต่างกันและสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกันอย่างไร้รอยต่อของระบบนิเวศอุปกรณ์ "1+2+N" ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ เทอร์มินัลสัญญาณส่วนตัวและประจำบ้าน และผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงในระบบนิเวศเดียวกัน ซึ่งจะมอบการยกระดับใหม่ของวิถีชีวิตดิจิทัล และระบบนิเวศอัจฉริยะทุกสภาวการณ์ 2.0

แซดทีอี มายโอเอส จะเอื้อให้เกิดการรับรู้และปฏิสัมพันธ์อัจฉริยะระหว่างอุปกรณ์ โดยครอบคลุมสี่สภาวการณ์ใช้งานหลัก ประกอบด้วย กีฬาและสุขภาพ ความบันเทิงภาพและเสียง ธุรกิจและการท่องเที่ยว และครอบครัวและการศึกษา เพื่อมอบประสบการณ์การบูรณาการหลายอุปกรณ์และการเชื่อมต่อหลายหน้าจอ การเชื่อมโยงข้ามอุปกรณ์ และวิถีชีวิตดิจิทัลแบบผนวกรวมสภาวการณ์ใช้งานอัจฉริยะให้แก่ผู้ใช้

นูเบีย แพด 3ดี มอบประสบการณ์ใหม่ในด้านเทคโนโลยี

นูเบีย แพด 3ดี ซึ่งพัฒนาขึ้นร่วมกันระหว่างแซดทีอีกับผู้พัฒนาระบบ 3 มิติโดยไม่ต้องสวมแว่นระดับแนวหน้าของโลกอย่างเลอา อิงค์ (Leia Inc.) มาพร้อมกับเทคโนโลยีไลท์ฟีลด์ 3 มิติ (3D Lightfield) ของเลอาที่ไม่เหมือนอื่นใด และพลังการประมวลผลด้วยเอไอที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้พร้อมรองรับสภาวการณ์ใช้งาน 3 มิติอย่างหลากหลายครบครัน ทั้งนี้โดยรองรับการติดตามใบหน้าด้วยเอไอ ซึ่งสามารถให้การมองเห็นที่ดีที่สุด (สูงสุด 8 มุมมอง) แบบเรียลไทม์ สามารถแปลงภาพจาก 2 มิติเป็น 3 มิติด้วยเอไอแบบเรียลไทม์ ตลอดจนสร้างคอนเทนต์ 3 มิติโดยเอไอด้วยกล้องหน้าหรือกล้องหลัก อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับแอป 3 มิติเอไอยอดนิยมสำหรับการสร้างสรรค์เชิงศิลปะ นูเบีย แพด 3ดีมาพร้อมกับหน้าจอ 2.5 เคขนาด 12.4 นิ้วและลำโพงที่สมมาตรสี่ตัวซึ่งรองรับระบบเสียงดอลบี เซอร์ราวด์ ซาวด์ (Dolby Surround Sound) เพื่อมอบประสบการณ์เสียงและภาพเสมือนจริง ด้วยระบบนิเวศคลังคอนเทนต์ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุปกรณ์ดังกล่าวนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานการแชทวิดีโอแบบ 3 มิติเป็นครั้งแรกของโลก ชมภาพยนตร์แบบ 3 มิติในโรงส่วนตัว เล่นเกม 3 มิติเสมือนจริง ตลอดจนสภาวการณ์ใช้งานอื่น ๆ ทั้งนี้ ด้วยชิปซีรีส์สแนปดรากอน 8 (Snapdragon 8) นูเบียแพด 3ดีมีสมรรถนะที่โดดเด่น อีกทั้งยังพร้อมมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยกระดับในทุกมิติด้วยแบตเตอรี่ขนาด 9070mAh และที่ชาร์จเร็วขนาด 33W

แว่น AR อัจฉริยะ มอบประสบการณ์หน้าจอที่พกพาได้

นูเบีย นีโอวิชัน กลาส เป็นแว่นอัจฉริยะตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองทียูวี ไรน์แลนด์ (T?V Rheinland) และการรับรองเสียงความละเอียดสูง มาพร้อมกับหน้าจอเสมือนจริงขนาด 120 นิ้วและหน้าจอแสดงผลไมโครโอแอลอีดี (Micro OLED) ด้วยความละเอียด 1920x1080 สำหรับทั้งสองตา อีกทั้งยังรองรับการปรับระยะสายตา 0-500? เพื่อมอบมุมมองคุณภาพระดับโรงภาพยนตร์โดยไม่จำเป็นต้องสวมแว่น ลำโพงคู่ในตัวระบบเสียงแบบไซโคลนิก (cyclonic) และสเตอริโอแบบฟูลเรนจ์ (full-range) มอบประสบการณ์เสียงเสมือนจริงและเที่ยงตรง นอกจากนี้ยังมีเลนส์แม่เหล็กสำหรับการสตรีมซึ่งมาในสีสันสดใส แว่นที่เท่ดูดี สวมใส่สบาย และพกพาได้นี้มาในดีไซน์โฉบเฉี่ยวไร้กรอบและมีน้ำหนักเพียง 79 กรัมเท่านั้น

แนวคิด GIS สีเขียว อัจฉริยะ และมั่นคงปลอดภัย ขับเคลื่อนการพัฒนาใหม่ของอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่

แซดทีอีเป็นผู้บุกเบิกระดับโลกในด้าน MBB และ FWA 5G โดยรายงานฉบับใหม่ของบริษัทที่ปรึกษามืออาชีพระหว่างประเทศอย่างทีเอสอาร์ (TSR) ชี้ว่า ในปี 2565 ส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ MBB และ FWA ของแซดทีอีอยู่ในอันดับหนึ่งของโลก ส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ MBB และ FWA 5G ของแซดทีอีอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน และมียอดการขนส่งสะสมระดับโลกเกิน 3 ล้านหน่วยแล้ว ทั้งนี้ในปี 2566 แซดทีอีจะยึดมั่นในแนวคิดผลิตภัณฑ์ "สีเขียว อัจฉริยะ และมั่นคงปลอดภัย" ต่อไป

การออกแบบสีเขียว การรับรู้สีเขียว และบริการสีเขียว ทำให้การบริโภคพลังงานโดยรวมของแซดทีอีลดลงอีก 10% แซดทีอีให้บริการการเข้าถึงอัจฉริยะมากขึ้น เช่นเดียวกับการควบคุมสภาวการณ์ใช้งานอัจฉริยะโดยขึ้นอยู่กับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ และหลายโหมดอัจฉริยะเพื่อกำกับอัตราการเข้าถึงและสถานะการตอบสนองของอุปกรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อทำให้การส่งข้อมูลปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น แซดทีอีได้เปิดตัวสภาวการณ์ใช้งานแบบปลอดภัยสองรายการสำหรับครัวเรือนและเด็กโดยเฉพาะ ด้วยระบบความมั่นคงปลอดภัยที่ครอบคลุมและห้องปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัยเครือข่ายที่กระจายตัวอยู่ในระดับโลก แซดทีอีได้สร้างสมรรถภาพที่จะรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของเครือข่ายทั่วโลก

ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 นี้ แซดทีอีได้เปิดตัวเอ็มซี888 โปร (MC888 Pro) ในเวอร์ชัน GIS อย่างเป็นทางการ ซึ่งลดการบริโภคพลังงานลง 10% และใช้วัสดุรีไซเคิลหลังการใช้งาน (PCR) 95% โดยเป็นผลิตภัณฑ์หลักตัวใหม่ภายใต้แนวคิดสีเขียว อัจฉริยะ และมั่นคงปลอดภัย

FWA 5G รุ่น 5 ใหม่ รองรับไวไฟ 7

แซดทีอียังได้เปิดตัว FWA 5G รุ่น 5 รองรับมาตรฐาน 3GPP R17 ใหม่ล่าสุด และใช้เสาสัญญาณอัจฉริยะ 5.0 ของแซดทีอีเพื่อเพิ่มกำลังส่งสัญญาณ 20% ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีไวไฟ 7 (Wi-Fi 7) อัตราส่งข้อมูลสูงสุดของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 21 กิกะบิตต่อวินาที ด้วยเทคโนโลยีการขยายสัญญาณ ทำให้มอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เสถียรยิ่งขึ้น และเชื่อถือได้ยิ่งขึ้นอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีเมช-รีเทิร์น (Mesh-return) ใหม่ อุปกรณ์ดังกล่าวนี้มอบการครอบคลุมทุกทิศทางทั่วทั้งบ้านพร้อมด้วยการใช้งานในสภาวการณ์อัจฉริยะ ด้วยการรองรับรีโมทควบคุมและโปรโตคอลแมทเทอร์ (Matter) FWA 5G รุ่น 5 นี้สร้างศูนย์ควบคุมบ้านอัจฉริยะอย่างแท้จริง

นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่มีการประกาศเปิดตัวใหม่ โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งแซดทีอี แอ็กซอน 40 อัลตรา (ZTE Axon 40 Ultra), แซดทีอี เบลด ซีรีส์ (ZTE Blade Series), นูเบีย แซด50 (nubia Z50), อุปกรณ์ต่อพ่วงในระบบนิเวศเดียวกัน รวมถึงแซดทีอี วอทช์ ไลฟ์ 2 (ZTE Watch Live 2), ชุดหูฟังบลูทูธ, อุปกรณ์ MBB และ FWA, เทอร์มินัล IoT และเทอร์มินัลอินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ (IoV) ได้รับการจัดแสดงในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส 2566 เช่นกัน เพื่อมอบประสบการณ์ 5G อย่างครบวงจรให้แก่ผู้บริโภคและผู้ใช้เชิงอุตสาหกรรม

5G ยังคงนำการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต ระบบนิเวศอัจฉริยะสำหรับทุกสภาวการณ์ 2.0 เป็นมาตรการสำคัญสำหรับแซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส ในการเร่งให้เกิดการบูรณาการอุปกรณ์อัจฉริยะและพาชีวิตดิจิทัลก้าวไปข้างหน้าในยุคหลัง 5G เมื่อทุกสิ่งเชื่อมต่อถึงกันอย่างอัจฉริยะ ในอนาคต แซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส จะขับเคลื่อนธุรกิจโดยยึดความต้องการของลูกค้าต่อไป ตลอดจนสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถมีวิถีชีวิตดิจิทัลที่สนับสนุนโดยการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่ออย่างครอบคลุมทุกสภาวการณ์

เกี่ยวกับแซดทีอี
แซดทีอี (ZTE) ช่วยเชื่อมโยงโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ให้บริการเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และโซลูชันแบบครบวงจร ครอบคลุมอุปกรณ์ไร้สาย แบบมีสาย อุปกรณ์ และบริการโทรคมนาคมระดับมืออาชีพทั้งหมด แซดทีอีให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก โดยทุ่มเทให้กับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะ และสร้างการเชื่อมต่อและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ แซดทีอีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.zte.com.cn/global

ติดตามเรา
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/ZTECorp
ทวิตเตอร์ www.twitter.com/ZTEPress
ลิงด์อิน www.linkedin.com/company/zte

สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น
ฝ่ายการสื่อสาร
อีเมล: ZTE.press.release@zte.com.cn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010475/1_ZTE_Mobile_Devices_Section.jpg

คำบรรยายภาพ - บริเวณจัดแสดงของแซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส

"หัวเว่ย" ขึ้นเวทีเอ็มดับบลิวซี บาร์เซโลนา ชวนภาคอุตสาหกรรมร่วมมือร่วมใจเร่งความเจริญก้าวหน้าของ 5G

คุณหลี่ เผิง (Li Peng) ประธานกลุ่มธุรกิจแคร์ริเออร์ของหัวเว่ย (Huawei) กล่าวบรรยายหลักวันนี้ ในงานเอ็มดับบลิวซี บาร์เซโลนา (MWC Barcelona) ประจำปี 2566 เกี่ยวกับการจินตนาการใหม่สำหรับธุรกิจ 5G การเสริมกำลังความครอบคลุมของ 5G และการสร้างเทคโนโลยี 5G ขึ้นใหม่ ในการบรรยายดังกล่าวนี้ คุณหลี่ได้นำเสนอมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ผู้ใช้และการพัฒนา 5G ล่าสุด โดยระบุว่าอุตสาหกรรมนี้ต้องร่วมมือกันเพื่อเร่งความเจริญก้าวหน้าของ 5G

เร่งความเจริญก้าวหน้าของ 5G ด้วยการพัฒนานวัตกรรมไม่หยุดยั้ง

5G พัฒนาอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เข้าสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์เมื่อสามปีก่อน โดย ณ สิ้นปี 2565 มีผู้ใช้ 5G กว่า 1 พันล้านคนได้ชมการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศนัดสำคัญความละเอียดสูง และกว่า 10 ล้านครัวเรือนได้เข้าถึงบรอดแบนด์ 5G แล้ว "5G ใช้เวลาเพียงสามปีในการบรรลุความก้าวหน้าอย่างที่เกิดขึ้นกับ 4G ในเวลาห้าปี ในแง่นี้ถือว่า 5G ได้ประสบความสำเร็จแล้ว" คุณหลี่ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความครอบคลุมของ 5G ยังคงเป็นไปอย่างไม่สมดุลระหว่างภูมิภาคและประเทศต่าง ๆ ผู้บริโภคบางส่วนยังคาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ 5G ที่ดีกว่านี้ ขณะที่การทำให้อุตสาหกรรมเป็นดิจิทัลก็ต้องการจาก 5G มากกว่านี้ "เพื่อบรรลุความสำเร็จยิ่งกว่านี้ของ 5G อุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องจินตนาการธุรกิจ 5G ใหม่ เสริมกำลังความครอบคลุมของ 5G และสร้างเทคโนโลยี 5G ขึ้นใหม่" คุณหลี่ กล่าวเสริม

จินตนาการธุรกิจ 5G ใหม่เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมมุ่งเน้นประสบการณ์

คุณค่าที่แท้จริงของ 5G ฝังรากอยู่ในความปรารถนาตามธรรมชาติของผู้คนที่จะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม การสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่าโดพามีนที่สมองมนุษย์หลั่งเมื่อชมวิดีโอความคมชัดสูงยาวสามนาทีมีปริมาณเท่ากับที่หลั่งออกมาระหว่างการวิ่งนาน 30 นาที

ขณะที่สมรรถนะของเครือข่าย 5G ยกระดับดีขึ้น ผู้ใช้สามารถชมวิดีโอได้ในความละเอียดสูงขึ้นและจากหลายมุมมองมากขึ้น ซึ่งสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับประสบการณ์ยุคใหม่ ขณะนี้ผู้ใช้ 70% ยินดีที่จะจ่ายเพื่อแลกกับประสบการณ์ 5G ที่ดีกว่าเดิม หมายความว่าผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายสามารถใช้โมเดลบริการเครือข่าย (network-as-a-service หรือ NaaS) เพื่อส่งเสริมการใช้งาน 5G และระบบนิเวศคอนเทนต์ที่เฟื่องฟูยิ่งขึ้น

ด้วยสมรรถนะเครือข่ายที่แข็งแกร่งขึ้น ผู้ให้บริการสัญญาณยังจะสามารถขยายสู่ตลาดบ้านและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยขณะนี้ยังคงมีสายบรอดแบนด์ทองแดง 200 ล้านเส้นที่ต้องการการอัปเกรดอย่างเร่งด่วนในทั่วโลก และธุรกิจเอสเอ็มอีกว่า 60 ล้านรายที่ต้องการเข้าถึงบริการเช่าใช้สายสัญญาณ ผู้ให้บริการสัญญาณในยุโรปรายหนึ่งมีคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (Net Promoter Score หรือ NPS) สูงกว่า 90% และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) กว่า 60% ด้วยการให้บริการบรอดแบนด์ไร้สาย (FWA) บน 5G

เสริมกำลังความครอบคลุมของ 5G เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้จำนวนมากขึ้น

ความครอบคลุมที่มากขึ้นของ 5G ช่วยให้ผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายสามารถสร้างเงินจากประสบการณ์ได้ดีขึ้น เช่นนี้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนโดยผู้ให้บริการสัญญาณ 20 อันดับแรกของโลกในการเปิดให้บริการเครือข่าย 5G โดยผู้ให้บริการกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้และการเติบโตของรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับโลกในปีที่แล้ว

ผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายระดับโลกกำลังให้ความสนใจมากขึ้นว่าจะขยายการครอบคลุมของ 5G จากนอกอาคารเข้าไปสู่ภายในอาคาร และจากเขตเมืองไปสู่พื้นที่ชานเมืองและพื้นที่ชนบทได้อย่างไร การเพิ่มความครอบคลุมของสถานีฐาน 5G และทำให้สัญญาณ 5G สามารถทะลุผ่านกำแพงและอาคารได้มากขึ้น จะทำให้ผู้ให้บริการเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น

สร้างเทคโนโลยี 5G ขึ้นใหม่เพื่อความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในด้านสมรรถนะและความครอบคลุมของเครือข่าย

จำเป็นต้องมีการพัฒนานวัตกรรมในด้านอุปกรณ์สถานีฐาน 5G เพื่อให้ความครอบคลุมที่มากขึ้น ในแง่นี้ ในปี 2565 หัวเว่ยได้เปิดตัวเมตาเอเอยู (MetaAAU) หน่วยประมวลผลเสาอากาศที่ใช้งานหรือเอเอยู (AAU) รุ่นที่สามของหัวเว่ยสำหรับสถานีฐาน 5G เมื่อเทียบกับอุปกรณ์เดียวกันนี้ในรุ่นก่อนหน้า เมตาเอเอยูมีสมรรถนะและการครอบคลุมที่สูงกว่าราว 30% จึงเป็นตัวเลือกที่เหนือชั้นสำหรับผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายที่มุ่งให้มีความครอบคลุมของ 5G ที่มากขึ้น

ในปีนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวเมตา เบลดเอเอยู (Meta BladeAAU) ซึ่งทำให้การติดตั้งใช้งานเครือข่าย 2G, 3G, 4G, และ 5G เป็นไปได้อย่างเรียบง่ายบนเสาเดียว

จาก 5G สู่ 5.5G: สมรรถนะ 10 เท่า เพื่อโอกาส 100 เท่า

ในภายภาคหน้า ผู้ให้บริการสัญญาณเครือข่ายชั้นนำกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับ 3GPP เพื่อพัฒนามาตรฐาน 5G และก้าวกระโดดสู่ 5.5G

5.5G จะขยายต่อจาก 5G แต่จะเร็วกว่า เป็นอัตโนมัติมากกว่า และอัจฉริยะกว่า 5G อีกทั้งยังรองรับย่านความถี่ได้มากกว่า

5.5G จะมีสมรรถนะเครือข่ายที่สูงกว่าเป็น 10 เท่า ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสที่มากขึ้นเป็น 100 เท่า วิดีโอแบบมุมมองอิสระ การเปลี่ยนผ่านขององค์กรธุรกิจสู่ระบบคลาวด์ เครือข่ายส่วนตัวเคลื่อนที่ IoT แบบพาสซีฟ และระบบบูรณาการเซนเซอร์กับการสื่อสาร ทั้งหมดจะพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยความก้าวหน้าเหล่านี้ใน 5G

ในตอนท้ายของการบรรยาย คุณหลี่เน้นย้ำว่า คู่ค้าทั้งหมดในอุตสาหกรรมจะต้องทำงานร่วมกันและพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเร่งการก้าวกระโดดเช่นนี้ในด้านความเจริญก้าวหน้าของ 5G

มหกรรมเอ็มดับบลิวซี บาร์เซโลนา ประจำปี 2566 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หัวเว่ยจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่บูธหมายเลข 1H50 ณ ฟิรา แกรน เวีย ฮอลล์ 1 (Fira Gran Via Hall 1) หัวเว่ยและผู้ให้บริการระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และผู้นำความคิดเห็น จะดำดึ่งสู่ประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสำเร็จของธุรกิจ 5G, โอกาส 5.5G, การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การพลิกโฉมสู่ดิจิทัล และวิสัยทัศน์ของเราในการใช้แผนแม่บททางธุรกิจไกด์ (GUIDE) เพื่อวางรากฐานสำหรับ 5.5G และสานต่อความสำเร็จของ 5G เพื่อความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://carrier.huawei.com/en/events/mwc2023

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010789/Li_Peng_President_Carrier_BG_Huawei_delivers_a_keynote_speech.jpg

คำบรรยายภาพ - คุณหลี่ เผิง ประธานกลุ่มธุรกิจแคร์ริเออร์ของหัวเว่ย กล่าวบรรยายหลักในการประชุมของสมาคมจีเอสเอ็ม 

Zekkei Fireworks Executive Committee to Hold "Fireworks Series 'Mt. Fuji 2023'" to Show World's Top-class Fireworks, Admiring Mt. Fuji Covered with Snow, Cherry Blossoms

 - "Unforgettable Experience" to 7.8 Billion People in World -

The Zekkei Fireworks Executive Committee announced that it will hold the Zekkei Fireworks Series "Mt. Fuji 2023" on Saturday, April 22, 2023, from 6:30 p.m. (after sunset). Visitors can enjoy watching Mt. Fuji, which greets the 10th anniversary this year of being registered as a World Heritage site, along with other "zekkei" (stunning views), including cherry blossoms and one of the world's best fireworks at a Fujiten resort special event space in the first station of Mt. Fuji.

Image1: https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M107591/202302223203/_prw_PI1fl_m2V6WJZl.jpg

Image2: https://kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M107591/202302223203/_prw_PI2fl_nvJCVXj1.jpg

  • Event overview
    Date: April 22 (Sat.), 2023
    Start: 6:30 p.m.(after sunset) *Open: 4 p.m.
    Place: Fujiten resort special event space (in Mt. Fuji's first station, Narusawa-mura, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture)
  • "Mt. Fuji" with the sunset glow x Japanese spring's symbol "cherry blossoms" x the world's high-class "fireworks"
    Against the background of not only Mt. Fuji with snow in the evening, but also cherry blossoms which symbolize spring in Japan, representative pyrotechnicians of Japan decorate the sky with fireworks using their own traditions and professional skills. This year, the committee brings the beauty of sacred Mt. Fuji and unparalleled scenery by Japanese master craftsmanship. In Japan, there are four famous fireworks companies known as the "BIG 4" (Beniya Aoki Fireworks, Isogai Fireworks, Saiki Fireworks, and Kikuya Obata Fireworks), which all have over 100 years of history. Visitors can watch various kinds of gorgeous fireworks.
  • Experience fireworks performance with five senses
    In this event, visitors can watch the incredible scenery (Mt. Fuji, cherry blossoms, snow and fireworks) with their "eyes," listen to echo sounds of fireworks in Mt. Fuji with their "ears," feel the "smell" of fireworks with their "nose," which only visitors can enjoy at the event, perceive the vibration of fireworks with their "body," and also "taste" world-famous Japanese foods.

Video from the event in 2022: https://youtu.be/t882rd8iVq0

  • Watching fireworks while tasting Japanese foods
    Normally, this special event space seats over 10,000 people. However, for this event it is limited to up to around 2,000 people, so that visitors can spend luxurious time. Also, the committee serves "sushi," "tempura," "takoyaki" and "yakitori" which are popular Japanese foods (for VIP seats, VIP cameramen's seats, and premium seats only). In addition, a tuna-cutting show will be held for the first time in front of VIP seats. Visitors in the VIP seats will be provided with sushi topped with tuna fresh from the show.
  • Package tour for foreign tourists available
    E-tickets for the Zekkei Fireworks are on sale via each ticket sales channel.

For details, please check the official website:
https://the-zekkeihanabi.com/mt-fuji/en/

There is a package tour available for foreigners, produced by HIS:
https://bushisgo.rezio.shop/en-US/product/A-0518

The Zekkei Fireworks Executive Committee believes that Japanese fireworks should be handed down not only to future generations but also to the rest of the world. It offers Japanese fireworks made by the BIG 4 that are proud of their traditions and techniques.

For more details, please visit: https://kyodonewsprwire.jp/attach/202302223203-O1-08G11OO8.pdf

Source: The Zekkei Fireworks Executive Committee

Project LOLLIPOP at the HANEDA WEB 3.0 EXPO 2023

 The first ever gatherings of NFTs and NFT Marketplaces in Tokyo, Japan, HANEDA WEB 3.0 EXPO 2023-The Bridge to the world through Blockchain, was held last February 10-11, 2023 by Haneda Future Research Institute Inc. at the Haneda Airport. Convenient for business men and alike to travel and be able to visit the booths in the WEB3.0 EXPO.

Haneda Future Research Institute, a subsidiary of the Japan Airport Terminal Co., Ltd has organized several other events, prior to this expo. They aim to make Haneda Airport a hub to connect the world and Japan's regions. One other event organized was an NFT Art Event done last July of 2022.

Tickets were sold out! CEOs, Founders, Influencers were all present to share about their journey in terms of the WEB3.0, Metaverse, and NFT industries. An advocate of the WEB3.0 industry, Masaaki Taira, Member of the House of Representatives in Japan, gave his insights on the event and the probable contribution of the Metaverse in today's markets. Sota Watanabe, Founder of AstarNetwork, ShidenNetwork, NextWebCapital and CEO of StartaleHQ was also in attendance as he shared his take on the current situation of WEB3.0.

LOLLIPOP's Innovative Approach

A Gold sponsor, LOLLIPOP, always wants to come out with a bang! Don't be intimidated because of the one-of-a-kind black and colorful background. Behind the loot and bag tag giveaways, the project aims to bring all NFT Marketplaces together in the Metaverse. Visitors were educated about it's plans and the goals of the project.

As always, the booth stood out and became a bridge in further cultivating people for the potential of what the Metaverse has brought to the markets in the past few months. 

LOLLIPOP's Achievements at the Summit

LOLLIPOP's brand advocate, Chad, gave an impressive presentation on "LOLLIPOP's Role in the Web3/Metaverse". He stated, "The project is headed to the moon and LOLLIPOP will be an indispensable marketplace for buying and selling NFTs." Chad's speech had people recognize LOLLIPOP as a cutting-edge solution that will revolutionize the metaverse era.

About LOLLIPOP

Currently a DeFi system, with swap and stake functions, using their own LPOP token, LOLLIPOP aims to evolve into a democratic and interoperable cross-chain NFT market. Hoping to further develop the NFT marketplace by introducing a more seamless and user-friendly platform for the general public.

https://lollipoppool.org/
Twitter: @LollipopBsc

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/2011331/Lollipop_is_a_GOLD_Sponsor_in_this_event_ID_859ea802428b.jpg
Photo - https://mma.prnewswire.com/media/2010078/Lollipop_Booth_Haneda_WEB3_0_Expo_2023.jpg
Photo - https://mma.prnewswire.com/media/2010079/Chad_Navarrete_Brand_Advocate_Lollipop.jpg

CGTN: สารคดี "ดิ อาร์ต บีต" บอกเล่าเรื่องราวของจีนจากมุมมองของปรมาจารย์ด้านศิลปะ

 สารคดีชุดความยาว 6 ตอน "ดิ อาร์ต บีต" (The Art Beat) ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เมื่อวันที่ 22 มกราคม ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปินร่วมสมัยชั้นนำของจีน 6 ท่าน ซึ่งประกอบด้วยจิตรกร 5 ท่าน และวาทยากร 1 ท่าน โดยจัดทำขึ้นในหลายภาษา เพื่อแสดงให้เห็นว่าการใช้ศิลปะบันทึกจิตวิญญาณของยุคสมัยสามารถบอกเล่าเรื่องราวของจีนจากมุมมองทางวัฒนธรรมได้อย่างไร

สารคดีบอกเล่าเรื่องราวของศิลปินเหล่านี้ รวมทั้งสำรวจอิทธิพลและความคิดสร้างสรรค์ที่แสดงออกมาผ่านผลงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าศิลปินเป็นตัวสะท้อนและมีอิทธิพลต่อยุคสมัยอย่างไร ศิลปินเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจและความเข้มแข็งจากภาพวาดและดนตรีจีนโบราณ และได้กำหนดอนาคตของแวดวงศิลปะในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

"การวาดภาพเป็นการฝึกฝนตนเองรูปแบบหนึ่ง" คุณเฉิน เจียหลิง (Chen Jialing) ศิลปินแถวหน้าด้านการวาดภาพด้วยหมึกจีนโบราณ กล่าว เขามีชื่อเสียงจากการวาดภาพดอกบ๊วยด้วยลายเส้นที่อิสรเสรี เพื่อบรรยายความเป็นจริงและแสดงให้เห็นภาพของโลกรอบตัวเขา

"จิตรกรรมและชีวิตคือเส้นสองเส้นที่แยกจากกัน แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ เส้นสองเส้นก็มารวมกันเป็นเส้นเดียว" คุณเจีย กวงเจียน (Jia Guangjian) อธิการบดีสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งเทียนจิน กล่าว เขาเปิดเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจในการวาดภาพจากชีวิตจริง นอกจากนี้ เขาได้รื้อฟื้นการวาดภาพแบบลายวิถีพู่กันไร้โครงร่าง (Boneless Style) และนำมาใช้ในศิลปะร่วมสมัย

"ภาพวาดควรสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ผมตามกระแสอยู่เสมอ" คุณฟาน หยาง (Fan Yang) อาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกของสถาบันบัณฑิตศิลปะจีน กล่าว อะไรก็ตามที่ดึงดูดสายตาของเขาสามารถกลายเป็นหัวข้อของภาพวาดได้ ตั้งแต่พยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ไปจนถึงทิวทัศน์ที่งดงาม เขาอ่อนไหวต่อกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง และใช้เวลาหลายปีในการวาดภาพเพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของโลกรอบตัวเขา

"ผมพยายามบันทึกจิตวิญญาณความเป็นจีน และระบุแนวคิดทางศิลปะที่เป็นแกนหลักของศิลปะจีน" คุณหวัง หมิงหมิง (Wang Mingming) ผู้เรียนรู้การวาดภาพตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนได้รับฉายาว่า "ศิลปินเด็กอัจฉริยะ" กล่าว ปัจจุบัน คุณหวังเชื่อมั่นว่าศิลปะจีนต้องเป็นไปตามวิถีของจีน

"เราต้องรักษาแก่นแท้ของศิลปะโบราณ พร้อมกับสะท้อนถึงจิตวิญญาณและวัฒนธรรมร่วมสมัยของเรา" คุณเฟิง ต้าจง (Feng Dazhong) จิตรกรภาพวาดหมึกจีนซึ่งเกิดในครอบครัวคนงานเหมืองในมณฑลเหลียวหนิงเมื่อปี 2492 กล่าว เขาเป็นที่รู้จักจากภาพวาดเสือที่ดูน่าเกรงขาม ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "เสือที่วิจิตรงดงามมากที่สุดในโลก"

"ฉันทุ่มเทเพื่อทำให้ดนตรีคลาสสิกได้รับความนิยม นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และฉันจะทำ" คุณเจิ้ง เสี่ยวหยิง (Zheng Xiaoying) วาทยากรหญิงผู้ควบคุมวงซิมโฟนีคนแรกของจีน และนักดนตรีจีนคนแรกที่ได้แสดงในโรงละครโอเปร่าในต่างประเทศ กล่าว ศิลปินหญิงวัย 93 ปีอุทิศชีวิตเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจและจิตวิญญาณของผู้คนด้วยดนตรี ในช่วงปลายปี 2565 เธอและนักเรียนของเธอ อู่ หลิงเฟิน (Wu Lingfen) ซึ่งมีอายุรวมกัน 170 ปี ได้จัดแสดงโอเปร่าเรื่อง "ลา ทราเวียตา" (La Traviata)

สารคดีชุด "ดิ อาร์ต บีต" ซีซันแรกได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชมในต่างประเทศ ซึ่งระบุว่าสารคดีชุดนี้ "สร้างแรงบันดาลใจ" และ "น่าทึ่ง" ส่วนซีซันที่สองซึ่งจะออกอากาศในช่วงกลางปี 2566 จะนำเสนอเรื่องราวของศิลปินชาวจีนอีกหลายท่านที่พยายามอนุรักษ์และสร้างสรรค์งานศิลปะท่ามกลางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010569/image_5009787_52364766.jpg

แซดทีอีและพันธมิตรร่วมคว้ารางวัล "5G เอเนอร์จี ชาลเลนจ์ อวอร์ด" จากสมาคมจีเอสเอ็ม

 



  • สะท้อนให้เห็นว่า "5G + เหมืองอัจฉริยะ" ที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือระหว่างเหมืองถ่านหินและเทคโนโลยีไอซีที ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรม
  • นับเป็นความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีที่ผสมผสานคลื่นความถี่ 5G 700MHz และ 2.6GHz ครั้งแรกในเหมืองถ่านหินของจีน

แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศว่า บริษัทฯ พร้อมด้วยพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมืองถ่านหินต้าไห่เจ๋อ (Dahaize) ของบริษัทไชน่า โคล กรุ๊ป ส่านซี (China Coal Group Shaanxi Company) บริษัทไชน่า โคล เทคโนโลยี แอนด์ เอนจิเนียริง กรุ๊ป (China Coal Technology & Engineering Group), บริษัทไชน่า โคล อินฟอร์เมชัน เทคโนโลยี (ปักกิ่ง) (China Coal Information Technology (Beijing)), บริษัทไชน่า โมบายล์ (China mobile) และบริษัทไชน่า บรอดเน็ต (China Broadnet) ร่วมกันคว้ารางวัล "5G เอเนอร์จี ชาลเลนจ์ อวอร์ด" (5G Energy Challenge Award) ประจำปี 2566 โดยสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) จากความพยายามร่วมกันในโครงการ "เครือข่าย 5G คลื่นความถี่คู่ เพื่อการทำเหมืองอัจฉริยะ" (Dual-frequency 5G Networks for Smarter Coal Mining)

รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า "5G + เหมืองอัจฉริยะ" ที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือระหว่างเหมืองถ่านหินและเทคโนโลยีไอซีที (ICT) ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรม

ปัจจุบัน แม้การเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำเหมืองถ่านหินอัจฉริยะจะกลายเป็นความเห็นพ้องต้องกันของอุตสาหกรรม แต่ปัจจัยในเชิงลบ เช่น ความเสี่ยงสูงของบุคลากรใต้ดิน ความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่ไม่เพียงพอสำหรับการผลิต ระบบการผลิตและการจัดการที่ซับซ้อน ตลอดจนการผสานรวมธุรกิจที่ยากลำบาก ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ยากที่จะส่งเสริมเทคโนโลยี "เครือข่าย 5G ส่วนตัว 1.0" (5G private network 1.0) เพื่อการก่อสร้างในปัจจุบัน

เหมืองถ่านหินต้าไห่เจ๋อเป็นเหมืองสาธิตอัจฉริยะชุดแรก ๆ ของจีน ซึ่งได้รับการเสริมแกร่งด้วยอุปกรณ์สื่อสารภายในเหมืองที่ผสมผสานเครือข่าย 5G คลื่นความถี่ 700MHz และ 2.6GHz ที่มีความปลอดภัย และสถาปัตยกรรมเครือข่ายคลาวด์รูบแบบใหม่ โดยยกระดับความครอบคลุมของอุปกรณ์สื่อสารไปพร้อมกับรับประกันอัตราการถ่ายโอนข้อมูล (bandwidth) ขนาดใหญ่ ซึ่งเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการส่งสัญญาณไปยังเหมืองถ่านหินใต้ดิน ไม่ต้องใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงในการทำงาน ลดต้นทุนการก่อสร้างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการพัฒนาอัจฉริยะของเหมืองถ่านหินต้าไห่เจ๋อ ช่วยขจัดภาพความ "ขมขื่น สกปรก และเหนื่อยล้า" ของอุตสาหกรรมถ่านหินไปได้

ความสำเร็จของโครงการ "เครือข่าย 5G คลื่นความถี่คู่ เพื่อการทำเหมืองอัจฉริยะ" นับเป็นความสำเร็จในการใช้งานจริงของเทคโนโลยีที่ผสมผสานคลื่นความถี่ 5G 700MHz และ 2.6GHz ครั้งแรกในเหมืองถ่านหินของจีน และยังเป็นการวางรากฐานให้กับการพัฒนาในเชิงลึกของแอปพลิเคชันเชิงโต้ตอบเสมือนจริง "5G+" เทคโนโลยีกลุ่มหุ่นยนต์ รถไร้คนขับ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ การลาดตระเวนตรวจสอบอัจฉริยะ การทำเหมืองอัจฉริยะครบวงจร การขุดอุโมงค์อัจฉริยะ และการใช้งานรูปแบบอื่น ๆ ในเหมืองถ่านหิน

ในภายภาคหน้า แซดทีอีพร้อมด้วยพันธมิตรในอุตสาหกรรมจะยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการผสมผสานโครงสร้างพื้นฐาน 5G ใหม่ และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยคาดว่าจะให้การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางดิจิทัลต่อไป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมบูธของแซดทีอี (3F30, Hall 3, Fira Gran Via) ที่งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 หรือเข้าชมเว็บไซต์ https://www.zte.com.cn/global/about/exhibition/mwc23.html

เกี่ยวกับแซดทีอี
แซดทีอี (ZTE) ช่วยเชื่อมโยงโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ให้บริการเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และโซลูชันแบบครบวงจร ครอบคลุมอุปกรณ์ไร้สาย แบบมีสาย อุปกรณ์ และบริการโทรคมนาคมระดับมืออาชีพทั้งหมด แซดทีอีให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก โดยทุ่มเทให้กับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะ และสร้างการเชื่อมต่อและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ แซดทีอีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.zte.com.cn/global

ติดตามเรา
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/ZTECorp
ทวิตเตอร์ www.twitter.com/ZTEPress
ลิงด์อิน www.linkedin.com/company/zte

สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น
ฝ่ายการสื่อสาร
อีเมล: ZTE.press.release@zte.com.cn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010482/ZTE_and_its_partners_scoop_5G_Energy_Challenge_Award_from_GSMA.jpg


คาสิโอเปิดตัว G-SHOCK รุ่นใหม่น้ำหนักเบา ใส่เล่นกีฬาได้หลายประเภท


มาพร้อมกับอัลกอริทึม Polar(TM) สำหรับการวิเคราะห์การฝึกซ้อม

บริษัท คาสิโอ คอมพิวเตอร์ จำกัด (Casio Computer Co., Ltd) ประกาศเปิดตัว GBD-H2000 นาฬิกาตระกูล G-SHOCK รุ่นใหม่ที่ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน โดยเป็นส่วนหนึ่งของสายผลิตภัณฑ์ G-SQUAD ที่เน้นด้านกีฬา GBD-H2000 ออกแบบมาเพื่อรองรับกีฬาหลายประเภทและปรับให้มีน้ำหนักเบาลงเพื่อให้สวมใส่สบายยิ่งขึ้น โดยจะวางจำหน่าย 4 รุ่นด้วยกัน

GBD-H2000 เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน โดยมาพร้อมกับฟังก์ชัน GPS และเซนเซอร์ 6 ตัวเพื่อรองรับกิจกรรมกีฬาประเภทต่าง ๆ แต่น้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง GBD-H1000 ถึง 38% คาสิโอประสบความสำเร็จในการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาขึ้นโดยทำให้ตัวเรือนมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น พร้อมเสาอากาศ GPS ในตัวและฝาหลังเสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ดีไซน์แบบนี้ทำให้สวมใส่สบายข้อมือมากขึ้น GBD-H2000 เต็มไปด้วยเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์อย่างฟังก์ชัน GPS, เซนเซอร์ออปติคัลสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เข็มทิศ, เซนเซอร์ความสูง/ความกดอากาศ, เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ, เซนเซอร์จับความเคลื่อนไหว และไจโรสโคป เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้สามารถวัดระยะทาง ความเร็ว จำนวนก้าว และอีกมากมายเพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่วิ่ง ปั่นจักรยาน ไปจนถึงว่ายน้ำ

นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันการวิเคราะห์การฝึกซ้อมและการวัดผลกิจกรรม โดยบริษัทโพลาร์ อิเล็กโทร จำกัด (Polar Electro Oy) ผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมนี้ที่มีประสบการณ์เกือบ 50 ปีในการให้คำแนะนำด้านฟิตเนส, กีฬา และสุขภาพเฉพาะบุคคล ได้พัฒนาอัลกอริทึมเพื่อวัดการทำงานของหัวใจและปอด วิเคราะห์อัตราส่วนของคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน และไขมันที่ใช้เป็นพลังงาน และติดตามการนอนหลับของคุณ เมื่อเชื่อมต่อนาฬิกาเรือนนี้เข้ากับแอปคาสิโอ วอทช์ (CASIO WATCHES) ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้าในการฝึกซ้อม บันทึกข้อมูลกิจกรรม ดูคำแนะนำด้านการนอนหลับ และอีกมากมาย นอกจากนี้ นาฬิกายังมีระบบชาร์จไฟด้วยพลังงานแสงอาทิตย์* ที่ช่วยให้สามารถแสดงเวลาได้อย่างต่อเนื่องแม้ในขณะที่แบตเตอรี่เหลือน้อย ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ตัวเรือน กรอบ และสายนาฬิกาทำจากพลาสติกชีวมวล ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบจากเมล็ดละหุ่งและข้าวโพด

*Polar(TM) เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัทโพลาร์ อิเล็กโทร จำกัด

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.casio.com/intl/news/2023/0228-gbd-h2000/

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010438/GBD_H2000.jpg
คำบรรยายภาพ - GBD-H2000

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010439/GBD_H20001A_GBD_H2000_1A9_GBD_H2000_1B_GBD_H2000_2.jpg
คำบรรยายภาพ - GBD-H2000-1A/GBD-H2000-1A9/GBD-H2000-1B/GBD-H2000-2

"แซดทีอี" เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัยที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 ด้วยแนวคิดพลิกโฉมนวัตกรรมดิจิทัล


  • แซดทีอีจะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566
  • แซดทีอีจะจัดแสดงเทคโนโลยีล่าสุดที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสุด การขยายตัวทางดิจิทัล อนาคตที่ไร้ขอบเขต และสมาร์ทไลฟ์

แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก จะเข้าร่วมในงานแสดงเทคโนโลยีและโทรคมนาคม โมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (Mobile World Congress) หรือเอ็มดับบลิวซี (MWC) ที่บาร์เซโลนา ตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 2566 โดยในงานเอ็มดับเบิลยูซี 2566 ครั้งนี้ แซดทีอีจะมาในธีม "พลิกโฉมนวัตกรรมดิจิทัล" (Shaping Digital Innovation) โดยจะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัย ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ที่โดดเด่นที่สุดคือแซดทีอีจะจัดแสดงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งแสดงถึงความก้าวหน้าล่าสุดที่ประสบความสำเร็จในด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสุด (Ultra-Efficient Network) การขยายตัวทางดิจิทัล (Digital Expansion) อนาคตที่ไร้ขอบเขต (Boundless Future) และสมาร์ทไลฟ์ ชีวิตอัจฉริยะ (Smart Life) ที่บูธ 3F30 ฮอลล์ 3 ศูนย์จัดแสดงฟีรา กราน เวีย (Fira Gran Via)

ในส่วนของการสร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน แซดทีอีจะเปิดตัวโซลูชันการใช้เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรสำหรับเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถให้การเชื่อมต่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์ โซลูชันยูนิไซต์ (UniSite) เต็มรูปแบบล่าสุดสำหรับการเข้าถึงแบบไร้สายจะช่วยให้ผู้ให้บริการปรับใช้เครือข่ายความถี่ฟูลแบนด์และ multi-RAT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่เหมาะสมและพร้อมสำหรับวิวัฒนาการขั้นสูงของ 5G โซลูชันเทอร์โบ คอร์ (Turbo Core) จะรวมความยืดหยุ่นของซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์เข้ากับการ์ดเร่งความเร็วฟังก์ชันระดับมืออาชีพ เพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุดของแต่ละบิต โซลูชันการนำส่งข้อมูล 400G ประสิทธิภาพสูงสำหรับทุกสถานการณ์ ด้วยสมรรถภาพสองเท่าและระยะการส่งสัญญาณหลักที่ยาวที่สุดในอุตสาหกรรม ไปจนถึง 10G PON แบบ 16 พอร์ตที่ครบวงจรมากที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงการ์ดคอมโบ 50G PON ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่รองรับการผสมผสานและวิวัฒนาการที่ราบรื่นของเทคโนโลยีสามรุ่น

ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจดิจิทัล แซดทีอีจะจัดแสดงบริการดิจิทัลแบบครบวงจรผ่านการผสานรวมบริการเครือข่ายคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างตลาดด้วยนวัตกรรมใหม่ ทั้งนี้สำหรับโซลูชัน ToB นั้น แซดทีอีจะจัดแสดง Mini5GC ที่เล็กที่สุดในอุตสาหกรรม สถานีฐานไร้สายที่ไม่เหมือนใครของอุตสาหกรรมพร้อมโซลูชันโหนดเอนจิน (NodeEngine) ที่มีพลังการประมวลผลในตัว เกตเวย์อุตสาหกรรมที่มีรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกตเวย์วิดีโอ และเกตเวย์ทีเอสเอ็น (Time Sensitive Networking หรือ TSN) และผลิตภัณฑ์ที่มีการเข้าถึงด้วยเครือข่ายออปติกสำหรับแคมปัสต่าง ๆ แซดทีอีจะนำเสนอโซลูชัน "บริการเครือข่ายส่วนตัว" (private network as a service) พร้อมการปรับใช้ตามต้องการ การผสานรวมบริการเครือข่ายคลาวด์ ประสิทธิภาพที่แม่นยำ และการปฏิบัติการและการบำรุงรักษา (O&M) ที่ง่ายดาย แซดทีอีจะใช้อุปกรณ์ควบคุม PLC บนคลาวด์, คู่เสมือนดิจิทัล, ระบบแมชชีนวิชัน, หุ่นยนต์ และการลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (AGV) อย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างโรงงานที่มีการเชื่อมต่อ 5G เต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการผลิตอัจฉริยะ สำหรับโซลูชัน ToH นั้น บริษัทฯ จะมอบสุดยอดประสบการณ์ความเร็วกิกะบิตพลัสทั้งบ้านโดยใช้ Wi-Fi 7 และโซลูชันเครือข่ายในบ้านแบบไฟเบอร์ทูเดอะรูม (FTTR) โดยสนับสนุนผู้ให้บริการในการนำเสนอนวัตกรรมและบริการที่เพิ่มความคุ้มค่า โดยขยายระบบนิเวศดิจิทัล

ในส่วนของการประหยัดพลังงาน แซดทีอีจะจัดแสดงโซลูชันพาวเวอร์ไพลอตโปร (PowerPilot Pro) ที่ลดการใช้พลังงานของเครือข่ายอย่างชาญฉลาดได้มากถึง 35% และประหยัดพลังงานตลอดกระบวนการ โดยรวมถึงโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ในสถานที่ทุกรูปแบบ ศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ และการจัดเก็บพลังงานอัจฉริยะแบบใหม่ ซึ่งสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานขั้นสูงสุด

การรับมือกับอนาคตที่ไร้ขอบเขต แซดทีอีวางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่แนวปฏิบัติที่เป็นนวัตกรรมในวิวัฒนาการขั้นสูงของ 5G และเครือข่ายออปติกแห่งอนาคตด้วยการแสดงนวัตกรรมล้ำสมัยจำนวนมากที่งานเอ็มดับบลิวซี 2566 แซดทีอีจะจัดแสดงระบบ RIS แบบไดนามิก ซึ่งเป็นต้นแบบฟูลดูเพล็กซ์ซับแบนด์ตัวแรกของอุตสาหกรรม โดยเป็นโซลูชันที่ผสานรวมการสื่อสาร การตรวจจับ และการประมวลผลเข้าไว้ด้วยกัน ในขณะเดียวกันแซดทีอีจะนำเสนอเครือข่ายออปติกแห่งอนาคต และจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ไฟเบอร์แบบแกนกลวงและแบ็คเพลนออปติก OXC แบบ 32 มิติมาใช้ เพื่อให้ได้ความหน่วงของข้อมูลที่น้อยลง ประสิทธิภาพการส่งข้อมูลที่สูงขึ้น และการใช้พลังงานที่ลดลง

การรับมือกับชีวิตดิจิทัลอัจฉริยะ แซดทีอีจะจัดแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาและสุขภาพ ความบันเทิงแบบเสียงและวิดีโอ ธุรกิจและการเดินทาง บ้านและการศึกษา ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ แซดทีอี แอ็กซอน (ZTE Axon), แซดทีอี เบลด (ZTE Blade), ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคในซีรีส์นูเบีย (Nubia) ทั้งหมด ตลอดจนชุดอุปกรณ์บรอดแบนด์เคลื่อนที่ (MBB), การเชื่อมต่อบรอดแบนด์แบบไร้สาย (FWA) และโซลูชันการเชื่อมโยงอุปกรณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต (IoT) นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมใหม่ที่น่าประทับใจอีกหลายรายการที่จะจัดแสดง เช่น แท็บเล็ต 3 มิติที่ไม่ต้องใช้แว่นตา AI เครื่องแรกของโลก และแว่นตา AR ที่ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงที่ยอดเยี่ยม ในฐานะซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านอุปกรณ์บรอดแบนด์ 5G แบบเคลื่อนที่ แซดทีอีจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นที่ 5 สำหรับ 5G FWA และ GIS ที่งานเอ็มดับบลิวซี 2566

ในฐานะพันธมิตรงานเอ็มดับบลิวซี การประชุมอภิปรายเกี่ยวกับนวัตกรรมอุตสาหกรรมระดับโลกในธีม "พลิกโฉมนวัตกรรมดิจิทัล" จะจัดขึ้นโดยแซดทีอีที่งานเอ็มดับบลิวซี 2566 ผู้นำจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลก ผู้บุกเบิกจากภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรง ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ปรึกษา และพันธมิตรในวงการ จะได้รับเชิญให้อภิปรายหัวข้อที่กำลังได้รับความสนใจในการประชุมครั้งนี้ รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาเครือข่ายในอนาคตและวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบดิจิทัลอัจฉริยะ นอกจากนี้ งานเอ็มดับบลิวซี 2566 ยังรวมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดโดยแซดทีอี โมบายล์ ดีไวเซส (ZTE Mobile Devices) เพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์ 5G FWA และอุปกรณ์นวัตกรรมใหม่ ๆ

ในระหว่างงานเอ็มดับบลิวซี 2566 แซดทีอียังเตรียมจัดงานเปิดตัวร่วมกับบริษัทไชน่า เทเลคอม (China Telecom) ไชน่า ยูนิคอม (China Unicom) และผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับโลกอีกหลายราย นอกจากนี้ แซดทีอีจะเข้าร่วมในการประชุมอภิปราย 5 หัวข้อที่จัดโดยสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ซึ่งแซดทีอีจะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและกรณีปฏิบัติกับผู้ให้บริการระดับโลก พันธมิตรในอุตสาหกรรม และผู้นำทางความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม รวมถึงการผลิตอัจฉริยะ ความยั่งยืน และเมตาเวิร์ส โดยมีเป้าหมายในการช่วยลูกค้าสร้างคุณค่าใหม่ให้กับอุตสาหกรรม

ในขณะเดียวกัน แซดทีอีจะสตรีมความเคลื่อนไหวของงานเอ็มดับบลิวซี 2566 แบบถ่ายทอดสดบนเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ลูกค้าทั่วโลกได้เห็นไฮไลต์ของงานโดยไม่ต้องออกจากบ้าน คุณซู จื่อหยาง (Xu Ziyang) ซีอีโอของแซดทีอีและสมาชิกหลายคนในทีมผู้บริหารจะมาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกล่าสุดบนเว็บไซต์ดังกล่าวเกี่ยวกับยุคดิจิทัลอัจฉริยะ รวมถึงแผนการของบริษัทที่จะร่วมกันส่งมอบคุณค่าใหม่ ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตของความฉลาดทางดิจิทัลท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่เร่งรัดขึ้น โดยสร้างความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลก พร้อมพัฒนาความฉลาดทางดิจิทัลและการปล่อยคาร์บอนต่ำ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมบูธของแซดทีอี (3F30, Hall 3, Fira Gran Via) ที่งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566 หรือเข้าชมเว็บไซต์ https://www.zte.com.cn/global/about/exhibition/mwc23.html

เกี่ยวกับแซดทีอี
แซดทีอี (ZTE) ช่วยเชื่อมโยงโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า บริษัทฯ ให้บริการเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และโซลูชันแบบครบวงจร ครอบคลุมอุปกรณ์ไร้สาย แบบมีสาย อุปกรณ์ และบริการโทรคมนาคมระดับมืออาชีพทั้งหมด แซดทีอีให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก โดยทุ่มเทให้กับการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะ และสร้างการเชื่อมต่อและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ แซดทีอีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.zte.com.cn/global

ติดตามเรา
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/ZTECorp
ทวิตเตอร์ www.twitter.com/ZTEPress
ลิงด์อิน www.linkedin.com/company/zte

สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น
ฝ่ายการสื่อสาร
อีเมล: ZTE.press.release@zte.com.cn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010230/ZTE_Booth_MWC_Barcelona_2023.jpg


"แซดทีอี" เปิดตัวโซลูชันและผลิตภัณฑ์ซีรีส์ยูนิไซต์ที่รองรับทุกสถานการณ์การใช้งาน ณ มหกรรมโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566

 



  • ช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างเครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย มีประสิทธิภาพสูง และรองรับทุกย่านความถี่
  • ช่วยเหลือผู้ประกอบการในการสร้างเครือข่าย 5G ขั้นสูงสุดในต้นทุนต่ำสุดเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล

แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัวโซลูชันยูนิไซต์ (UniSite) บน 5G ที่รองรับทุกสถานการณ์การใช้งาน และชุดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมชั้นนำของอุตสาหกรรมรายการอื่น ๆ ในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (Mobile World Congress) ประจำปี 2566 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างเครือข่าย 5G ที่รองรับอนาคตซึ่งมีความเรียบง่าย มีประสิทธิภาพสูง และทำงานร่วมกันได้ในทุกย่านความถี่

  • วิทยุอัลตราบรอดแบนด์ (Ultra Broadband Radio หรือ UBR) 12TR แบบไตรเซกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร สำหรับโซลูชันไซต์ที่ใช้งานง่ายที่สุด

เมื่อเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ย่านความถี่ FDD ที่มีอยู่เดิมต่างกำลังเร่งวิวัฒนาการไปสู่ 5G อย่างไรก็ตาม สเปกตรัมที่มีการกระจัดกระจายสูงทำให้เกิดความท้าทายมากมาย เช่น หน่วยวิทยุจำนวนมาก พื้นที่เสาที่จำกัด และต้นทุนการบำรุงรักษาที่สูง

วิทยุอัลตราบรอดแบนด์ 12TR ของแซดทีอีมีความโดดเด่น ผสานรวมคลื่น 1.8GHz และ 2.1GHz และไตรเซกเตอร์ไว้ในกล่องเดียว ด้วยเอาต์พุตสูงพิเศษ 12?120W รับประกันทั้งประสบการณ์ RAT ที่มีอยู่เดิมและการวิวัฒนาการสู่ 5G

วิทยุอัลตราบรอดแบนด์ 12TR ที่ทำงานร่วมกับวิทยุอัลตราบรอดแบนด์ 6TR แบบไตรเซกเตอร์ความถี่ต่ำ อาศัยเพียงยูนิตวิทยุ 2 หน่วยเพื่อรองรับย่านความถี่ FDD ได้ถึง 5 ย่านความถี่ ทำให้โซลูชันของไซต์เรียบง่ายขึ้นอย่างมาก สามารถลดการใช้พลังงานได้ 30% เมื่อเทียบกับโซลูชันดั้งเดิม นอกจากนี้ เสาอากาศ โมดูลพลังงาน แบตเตอรี่ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่มีอยู่ยังสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ในระดับสูงสุด ซึ่งช่วยลดต้นทุนลงได้อีก

  • วิทยุอัลตราบรอดแบนด์พลังงานสูงแบบอนุกรมสำหรับการแชร์ RAN

ในยุค 5G การแชร์ RAN ได้กลายเป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดสำหรับผู้ให้บริการจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลิตภัณฑ์วิทยุอัลตราบรอดแบนด์แบบอนุกรมของแซดทีอี ตอบสนองความต้องการหลายย่านความถี่ การใช้พลังงานสูง และการปรับใช้ที่ง่ายดายสำหรับการแชร์ RAN ได้

ผลิตภัณฑ์วิทยุอัลตราบรอดแบนด์แบบอนุกรม รองรับการผสมกันของแถบความถี่หลายย่านของ Sub-3GHz และ Sub-1GHz รวมถึงกำลังส่งที่หลากหลายตั้งแต่ 4?120W ถึง 4?180W นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรพลังงานร่วมกันระหว่างย่านความถี่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ

ในบรรดาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ วิทยุอัลตราบรอดแบนด์แบบสามย่านความถี่ 1.8GHz + 2.1GHz + 2.6GHz มอบกำลังส่งที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ 4?180W รองรับการแชร์ RAN แบบหลายผู้ให้บริการได้อย่างยืดหยุ่น ในขณะที่วิทยุอัลตราบรอดแบนด์ 900MHz + 1.8GHz + 2.1GHz แบบสามย่านความถี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในอุตสาหกรรม ได้รวมสามย่านความถี่ FDD ที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุด เพื่อให้ใช้พื้นที่ส่งสัญญาณได้น้อยที่สุด

  • ชุดหน่วยประมวลผลเสาอากาศแบบแอคทีฟ (AAU) ขนาดใหญ่ระดับ 128TR เพื่อความจุขนาดใหญ่พิเศษในอนาคต

เพื่อรองรับความต้องการความจุขนาดใหญ่พิเศษในอนาคตของเขตเมืองที่หนาแน่น แซดทีอีได้เปิดตัวชุดหน่วยประมวลผลเสาอากาศแบบแอคทีฟขนาดใหญ่พิเศษในย่านความถี่ Sub-6GHz ซึ่งจำนวนช่องรับส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 64TR แบบเดิมเป็น 128TR และมีจำนวนเสาอากาศที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 192 เป็น 384 เพื่อให้ได้ความครอบคลุมและความจุมากขึ้น

ด้วยนวัตกรรมของสถาปัตยกรรมและอัลกอริทึม หน่วยประมวลผลเสาอากาศแบบแอคทีฟ 128TR สามารถยกระดับความครอบคลุมในเมืองที่มีความหนาแน่นได้ถึง 3dB และยังสามารถสตรีมข้อมูลดาวน์ลิงก์ได้ 32 สตรีม และสตรีมข้อมูลอัปลิงก์ได้ 24 สตรีม ทำให้ปริมาณข้อมูลรับส่งสูงสุดของเซลล์อยู่ที่ 10Gbps ยกระดับปริมาณข้อมูลรับส่งเฉลี่ยของเซลล์และประสบการณ์ของผู้ใช้งานเอดจ์ไปพร้อมกันได้

  • AAU แบนด์วิดท์คลื่นมิลลิเมตรขนาดใหญ่พิเศษและ MiCell เพื่อให้รองรับสถานการณ์การใช้งานได้มากขึ้น

แซดทีอีได้เปิดตัวหน่วยประมวลผลแบนด์วิดท์คลื่นมิลลิเมตรขนาด 8T8R พร้อมแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่พิเศษ 1.6GHz สำหรับทราฟฟิกฮอตสปอต แบ็กฮอลไซต์ไร้สาย และการเข้าถึงไร้สายแบบคงที่ (FWA) ภายในองค์กรและที่พักอาศัย มอบปริมาณข้อมูลรับส่งสูงสุดที่ 25Gbps ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นี้ยังสามารถแยกออกเป็นเซลล์ 4T4R จำนวน 2 เซลล์ได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้สามารถใช้งานเพิ่มเติมในไซต์เดียวกันได้

MiCell ซึ่งเป็นโซลูชันไมโครเซลล์แบบกระจายคลื่นมิลลิเมตรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของแซดทีอี ให้ปริมาณข้อมูลรับส่งได้ถึง 4Gbps ต่อหัว RF โซลูชันนี้สามารถตอบสนองความต้องการทราฟฟิกที่สูงเป็นพิเศษในสนามกีฬา นิทรรศการ ศูนย์กลางการขนส่ง และสถานที่อื่น ๆ และยังปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการที่หลากหลายด้วยความจุที่สูงพิเศษ เวลาแฝงต่ำ และความน่าเชื่อถือสูงในการใช้งานแบบ B2B เช่น โรงงานอัจฉริยะ

การออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยของ MiCell ได้ย้ายโมดูลความถี่ระดับกลาง (IF) จากหัว RF ไปยัง BBU เพื่อรวมทรัพยากร IF ซึ่งสามารถแชร์แบบไดนามิกโดยหัว RF ได้ทั้งหมด สถาปัตยกรรมนี้ช่วยลดความซับซ้อนของหัว RF ทำให้มีขนาดเล็กลงและมีน้ำหนักเบาขึ้นอย่างมาก รวมถึงยังลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมากเช่นกัน ด้วยนวัตกรรมข้างต้น MiCell จึงประสบความสำเร็จในการปรับใช้ที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังขยายความครอบคลุมได้ราบรื่นตามความต้องการ

  • แบ็กฮอลหลายย่านความถี่ iEasylink และ MBS เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและระยะทาง

แซดทีอีได้เปิดตัวชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคารแบบหลายย่านความถี่ขนาดกะทัดรัดพิเศษอย่าง NR9961 ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดของโซลูชันไมโครเวฟ iEasylink (ย่านความถี่อีแบนด์ x 1 และย่านความถี่ปกติ x 4) และเสาอากาศแบบหลายย่านความถี่ (รวม 3 ย่านความถี่ในที่เดียว) มาพร้อมระบบรักษาความเสถียรลำแสงมิลลิเมตร (Millimeter Beam Stabilization) โซลูชันนี้มอบการเชื่อมต่อระดับ 10Gbps ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยฮาร์ดแวร์ที่เรียบง่ายที่สุด ทำให้การติดตั้งและการจัดตำแหน่งเสาอากาศง่ายขึ้นอย่างมากถึง 67% ขณะที่ MBS สามารถปรับปรุงระยะการเชื่อมโยงย่านความถี่อีแบนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับเสาอากาศแบบดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้น การ์ดโมเด็มที่ผสานรวม IF จำนวน 4 อินเทอร์เฟซจะมีอยู่ในโมดูลาร์ IDU ซีรีส์ NR9000 ซึ่งลดการใช้พลังงานลงได้ 50% และเพิ่มการใช้ประโยชน์จากแร็คในคราวเดียวกัน

เมื่อระบบนิเวศ 5G พัฒนาต่อไป การเชื่อมต่อและบริการที่ดำเนินการโดย 5G ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งจะขับเคลื่อนวิวัฒนาการของเครือข่ายไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โซลูชันยูนิไซต์สำหรับทุกสถานการณ์การใช้งานของแซดทีอีจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างเครือข่าย 5G ขั้นสูงสุดด้วยต้นทุนที่ต่ำสุดเพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

สื่อมวลชนติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารของแซดทีอี คอร์ปอเรชัน
อีเมล: ZTE.press.release@zte.com.cn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2010348/ZTE_UniSite_All_Scenarios.jpg

คำบรรยายภาพ - แซดทีอีเปิดตัวโซลูชันและผลิตภัณฑ์ซีรีส์ยูนิไซต์ที่รองรับทุกสถานการณ์การใช้งาน ณ มหกรรมโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปี 2566