Friday, May 30, 2025

งานแสดงสินค้าอาหารญี่ปุ่นเพื่อการส่งออก "JAPAN'S FOOD" EXPORT FAIR ประจำฤดูร้อนปี 2568 (9-11 กรกฎาคม 2568) เปิดลงทะเบียนแล้ว

 บริษัท อาร์เอ็กซ์ เจแปน จำกัด


บริษัท อาร์เอ็กซ์ เจแปน จำกัด (RX Japan Ltd.) ประกาศเตรียมจัดงานแสดงสินค้าอาหารญี่ปุ่นเพื่อการส่งออก "JAPAN'S FOOD" EXPORT FAIR -- Summer Edition ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคม 2568 นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการโตเกียว บิ๊ก ไซต์ (Tokyo Big Sight) งานนี้พร้อมต้อนรับผู้ซื้อและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วโลก เพื่อมาสำรวจผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น โดยขณะนี้เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ( https://www.jfex.jp/hub/en-gb/visit/regi.html )


งานนี้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2560 โดยบริษัท อาร์เอ็กซ์ เจแปน จำกัด และร่วมจัดโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) พร้อมได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น เพื่อช่วยส่งเสริมการส่งออกด้วยการเชื่อมโยงผู้ซื้อทั่วโลกเข้ากับผู้ผลิตอาหารญี่ปุ่น


สำหรับปีนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจากกว่า 60 ประเทศ ทั้งผู้นำเข้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และผู้ค้าส่ง งานนี้จะเป็นเวทีโดยตรงให้ได้ค้นพบและจัดหาสินค้าอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภท ทั้งแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่ ๆ


ภายในงานจะมีการจัดแสดงสินค้ากว่า 3,700 รายการ ครอบคลุมสินค้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสาเก ชา ขนมหวาน ไปจนถึงอาหารท้องถิ่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ และอาหารแปรรูป


สิ่งที่จะได้สัมผัสในปี 2568:


- ผู้แสดงสินค้ากว่า 700 ราย ที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท


- ผู้เข้าร่วมงานสามารถทดลองชิมสินค้าได้จริง ซึ่งช่วยให้ประเมินและตัดสินใจซื้อได้อย่างมีข้อมูลรองรับ


- มีการจัดสัมมนาตลอดงาน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดในอุตสาหกรรมอาหารของญี่ปุ่น


ก้าวข้ามอุปสรรคทางภาษาในการทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่น


ในการทำธุรกิจที่ญี่ปุ่น สิ่งที่ผู้ซื้อต่างชาติมักเจอคืออุปสรรคทางภาษา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทางผู้จัดงานขอมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและเข้าถึงได้ โดยผู้แสดงสินค้าทุกรายมุ่งเน้นการส่งออกและมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ รวมถึงรายละเอียดสินค้า ราคา และเอกสารอื่น ๆ ก็มีให้ในภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ไม่ว่าผู้ซื้อจะเป็นมือใหม่ในการจัดหาสินค้าอาหารญี่ปุ่น หรือเป็นผู้นำเข้าที่มีประสบการณ์ งานนี้จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดง่ายและมีประสิทธิภาพ


ใช้ระบบนัดหมายล่วงหน้า เพื่อให้การเยี่ยมชมงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

หนึ่งในสิทธิพิเศษของงานนี้คือ "ระบบนัดหมายล่วงหน้า" ที่ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถ:


- นัดหมายการประชุมล่วงหน้ากับผู้แสดงสินค้า


- เข้าถึงพอร์ทัลส่วนตัว ("My Page") เพื่อจัดการตารางเวลา


- ติดต่อผู้จัดแสดงสินค้าก่อนวันงานได้โดยตรง

ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การเยี่ยมชมเป็นไปอย่างราบรื่น ลดเวลารอ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจของคุณ


โปรแกรมการเจรจาธุรกิจเปิดรับสมัครแล้ว


ผู้ซื้อต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถเข้าร่วมโปรแกรมการเจรจาธุรกิจ (Hosted Buyer Program) ที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการจัดหาสินค้าระดับสูง และช่วยให้การจับคู่ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


สิทธิประโยชน์ที่ได้รับประกอบด้วย:


- ที่พักโรงแรมฟรีตลอดช่วงจัดงาน


- การนัดหมายทางธุรกิจล่วงหน้ากับผู้แสดงสินค้า


- สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษ


- สิทธิ์เข้าถึงระบบนัดหมายล่วงหน้าก่อนใคร


โปรแกรมนี้เปิดรับเฉพาะผู้ซื้อที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น โปรไฟล์ธุรกิจ ปริมาณการสั่งซื้อ และอำนาจในการตัดสินใจ โดยทุกใบสมัครจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคล และทางผู้จัดงานขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมที่มีคุณสมบัติเหมาะสม


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.jfex.jp/jpfood/en-gb/visit/hosted-buyers.html


ภาพรวมงาน:


- วันที่: 9-11 กรกฎาคม 2568


- สถานที่: ศูนย์นิทรรศการโตเกียว บิ๊ก ไซต์ ประเทศญี่ปุ่น


- ลิงก์ลงทะเบียน: https://www.jfex.jp/hub/en-gb/visit/regi.html


- เว็บไซต์: https://www.jfex.jp/jpfood/en-gb.html


- ผู้จัด: บริษัท อาร์เอ็กซ์ เจแปน จำกัด


- ผู้ร่วมจัด: องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO)


- สนับสนุนโดย: กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น


งานแสดงสินค้านี้คือประตูสำคัญในการเฟ้นหาผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่น และขยายเครือข่ายการจัดซื้อในเอเชีย โดยทางผู้จัดงานหวังว่าผู้ซื้อทุกท่านจะใช้โอกาสนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับบัตรเข้าชมงานได้ที่: https://www.jfex.jp/sum/en-gb/register.html?cat=visitor&ct=U2FsdGVkX1+py0YZf7lPGzL6IpkS4mIWXzdgziMMCq4=

​"JAPAN'S FOOD" EXPORT FAIR -- Registration Open for Summer 2025 Edition (July 9 to 11, 2025)

 RX Japan Ltd. announces that the 10th "JAPAN ' S FOOD" EXPORT FAIR -- Summer Edition -- is set to take place from July 9 to 11, 2025, at Tokyo Big Sight, welcoming global buyers and food industry professionals to explore Japan ' s high-quality food offerings. Registration is now open ( https://www.jfex.jp/hub/en-gb/visit/regi.html ).

Launched in 2017, the show is organized by RX Japan Ltd. and co-organized by JETRO (Japan External Trade Organization) with support from Japan ' s Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries. The event helps boost exports by linking global buyers with Japanese food producers.

This year, the show expects participants from over 60 countries, including importers, supermarkets, restaurants, and wholesalers. The event offers a direct platform for discovering and sourcing a wide variety of Japanese food products, both traditional and innovative.

Over 3,700 products will be showcased, covering everything from sake, tea, and confectionery to regional specialties, seafood, meat, and processed foods.

What to Expect in 2025:

- 700+ exhibitors showcasing a rich lineup of products

- Attendees can sample products on-site, allowing for better evaluation and informed purchasing decisions.

- Seminars will be held throughout the event, providing valuable insights into the latest trends in Japan ' s food industry.

Overcoming Language Barriers in Japanese Food Business

When doing business in Japan, one common challenge international buyers face is the language barrier. To address this, show management ensures a smooth and accessible experience: all exhibitors are export-focused and provide English-speaking staff. Product details, pricing, and other materials are provided in English to ensure a smooth experience for overseas buyers. Whether the buyer is new to Japanese food sourcing or an experienced importer, the event makes the process easy and productive.

Maximize Participants' Visit with the Appointment Booking System

A unique benefit of the event is the "Appointment Booking System," which allows visitors to:

- Pre-book meetings with exhibitors

- Access a personalized portal ("My Page") to manage schedules

- Contact exhibitors directly before the show

This feature streamlines visits, reduces wait times, and boosts business efficiency.

Hosted Buyer Program -- Now Accepting Applications

Qualified international buyers can take advantage of the Hosted Buyer Program, designed to support high-level sourcing and facilitate effective business matching.

Benefits include:

- Complimentary hotel accommodation during the show period

- Pre-arranged business meetings with exhibitors

- Access to exclusive lounge

- Early access to the Appointment Booking System

This program is open to buyers who meet specific criteria, such as business profile, purchase volume, and decision-making authority. All applications will be reviewed individually, and show management reserves the right to select eligible participants.

For more details: https://www.jfex.jp/jpfood/en-gb/visit/hosted-buye...

Event Overview:

- Dates: July 9-11, 2025

- Venue: Tokyo Big Sight, Japan

- Registration Link: https://www.jfex.jp/hub/en-gb/visit/regi.html

- Website: https://www.jfex.jp/jpfood/en-gb.html

- Organizer: RX Japan Ltd.

- Co-organizer: Japan External Trade Organization (JETRO)

- Supported by: Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries of Japan

This fair is the perfect gateway for discovering Japanese food products and expanding the sourcing network in Asia. The organizer hopes buyers will take this opportunity -- entry badge registration form: https://www.jfex.jp/sum/en-gb/register.html?cat=vi...

Source: RX Japan Ltd.

ลอรีอัล เปิดรับสมัครชิงทุนวิจัย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ครั้งที่ 23 มอบสูงสุด 5 ทุน เปิดรับสมัครถึง 15 กรกฎาคมนี้


ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทยเดินหน้าสนับสนุนผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ ประกาศเปิดรับสมัครนักวิจัยหญิงชาวไทยชิงทุน โครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 พร้อมเปิดรับสมัครนักวิจัยหญิงชาวไทย อายุไม่เกิน 40 ปี ที่มีโครงการวิจัยอิสระด้านวิทยาศาสตร์กายภาพหรือวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่กำลังดำเนินงานอยู่ โดยโครงการฯ มอบทุนวิจัยสูงสุด 5 ทุน ทุนละ 250,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในการสนับสนุนและยกย่องบทบาทของสตรีในวงการวิทยาศาสตร์ไทย ผ่านการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่

คุณอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าวว่า “ลอรีอัล กรุ๊ป มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้หญิงผ่านหลากหลายโครงการและกองทุน เพื่อมอบโอกาส สร้างพลัง และแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิง ในส่วนแวดวงวิทยาศาสตร์ ในประเทศไทย เราได้จัดทำโครงการทุนวิจัย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” อย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 23 โดยเราตั้งใจที่สนับสนุนผลงานวิจัยของนักวิจัยสตรีไทยที่มีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม และผลักดันงานวิจัยไทยสู่ระดับสากล สอดคล้องกับปณิธานของโครงการที่ว่า ‘โลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการสตรี’”

ศ. ดร. ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ ประธานคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ โครงการ ทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในพลังของผู้หญิง และศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของผู้หญิงในโลกวิทยาศาสตร์ เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นที่แห่งโอกาสเพื่อให้เสียงของนักวิจัยหญิงชาวไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย การนำผลงานวิจัยไปใช้ และการสื่อสารผลงานวิจัยสู่วงการวิทยาศาสตร์และสาธารณชนเป็นช่องทางในการแสดงความสามารถและแบ่งปันองค์ความรู้ใหม่ ๆ สู่โลก  เป็นการเปิดประตูให้นักวิจัยหญิงทุกคนได้พัฒนาทักษะของตนเอง พร้อม ๆ กับพบปะและสร้างเครือข่ายกับผู้คนเพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อยอดผลงานวิจัย และสิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่ง คือการเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษาที่สนใจในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มองเห็นและตระหนักถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในแวดวงงานวิจัยและวิทยาศาสตร์ ขอเชิญชวนนักวิจัยสตรีทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง  สมัครเข้าร่วมโครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์”  เพื่อช่วยเสริมสร้างพลัง และจุดประกายความเป็นเลิศของเหล่าสตรีทุกคนในวงการวิทยาศาสตร์สืบไป”

นักวิจัยสตรีที่สนใจสามารถสมัครเข้าชิงทุนโครงการทุนวิจัยลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2568 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.FWISThailand.com หรือสอบถามเพิ่มเติมที่อีเมล FWISTH@loreal.com

เกี่ยวกับลอรีอัล 

ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 110 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 36 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L’Oréal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน

ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 3.826 หมื่นล้านยูโรในปี 2565 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงอีคอมเมิร์ซ ตลาดทั่วไป ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าปลีก ร้านค้าในสนามบิน และร้านค้าแบบบูติกของแบรนด์ และมีพนักงาน 85,400 คนทั่วโลก ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 4,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 5,500 คน คิดค้นและพัฒนาความงามแห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำนำด้าน Beauty Tech ต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.loreal.com/en/mediaroom    

เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย 

ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์ 

  • แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก และ 3CE
  • แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้, เอสอป และ เฮเลนา รูบินสไตน์ 
  • แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
  • แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี

ข้อมูลเพิ่มเติมwww.lorealthailand.com และ www.facebook.com/lorealthailand 

ค็อกพิทจัดโปรโมชันครั้งใหญ่ “COCKPIT MID YEAR GRAND SALE” ตลอด 3 วัน มอบส่วนลดยางรถยนต์ BRIDGESTONE และ FIRESTONE สูงสุดถึง 20%


ค็อกพิท (COCKPIT) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรฟาสต์ฟิต (Fast Fit) ส่งโปรโมชันพิเศษ จัดเต็มความคุ้มค่ามอบให้กับลูกค้า พบกับส่วนลดยางรถยนต์ BRIDGESTONE และ FIRESTONE สูงสุดถึง 20% พร้อมฟรี! บริการดูแลรักษารถยนต์ สิทธิพิเศษแบบนี้มอบให้ลูกค้าคนพิเศษที่ใช้บริการค็อกพิททุกสาขาทั่วประเทศ ตลอด 3 วัน เท่านั้น! ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 – 1 มิถุนายน 2568

รายละเอียดโปรโมชัน
1.ยางรถยนต์ BRIDGESTONE ลดสูงสุด 20%

  • ส่วนลดพิเศษ 20% เฉพาะรุ่น และขนาดที่ร่วมรายการ
    • ยางรถยนต์ BRIDGESTONE TURANZA 6 ขนาดที่ร่วมรายการ: 195/65R15, 205/55R16, 215/55R17
  • ส่วนลดพิเศษ 15% ทุกขนาด และเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ
    • ยางรถยนต์ BRIDGESTONE ECOPIA H/L001
    • ยางรถยนต์ BRIDGESTONE ECOPIA EP300
    • ยางรถยนต์ BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE004
    • ยางรถยนต์ BRIDGESTONE TURANZA 6

2.ยางรถยนต์ FIRESTONE ลดพิเศษ 10%

  • ส่วนลดพิเศษ 10% เฉพาะรุ่น และขนาดที่ร่วมรายการ
    • ยางรถยนต์ FIRESTONE รุ่น F01 ขนาดที่ร่วมรายการ:
      175/70R14, 185/65R14, 175/65R14, 195/65R14, 185/55R15, 195/50R15, 175/65R15, 195/60R15, 195/65R15, 205/65R15, 185/65R15, 205/60R16, 215/60R16, 215/55R16, 195/50R16, 215/50R17
  • ยางรถยนต์ FIRESTONE รุ่น F01X ทุกขนาด
    • ยางรถยนต์ FIRESTONE รุ่น FIREHAWK SPORT ทุกขนาด

พิเศษ รับฟรี! MAGIC e-Voucher บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์เครือเซ็นทรัล มูลค่า 600 บาท เมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ BRIDGESTONE TURANZA 6 ทุกขนาด ครบ 4 เส้น


นอกจากนี้ ค็อกพิทยังมอบบริการหลังการขายให้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการที่ค็อกพิททุกสาขาทั่วประเทศ

  • ฟรี! โปรแกรมดูแลยางรถยนต์ B-care One คุ้มครองนาน 1 ปี* เปลี่ยนยางรถยนต์ฟรี 1 เส้น
    ในกรณีที่เกิดความเสียหาย เมื่อลูกค้าเปลี่ยนยางรถยนต์ BRIDGESTONE เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการครบ 4 เส้น
  • ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน B-24 ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 1 ปีเมื่อลูกค้าเปลี่ยนยางรถยนต์ BRIDGESTONE เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการครบ 4 เส้น
  • ฟรี! บริการตั้งศูนย์ล้อ มูลค่า 600 บาท

*หมายเหตุ:  เงื่อนไขของสิทธิพิเศษดังกล่าวเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cockpit.co.th/promotion

สำหรับลูกค้าที่สนใจโปรโมชันดังกล่าว กรุณานัดหมายก่อนเข้ารับบริการ และค้นหาสาขาใกล้คุณได้ที่ www.cockpit.co.th และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/CockpitTH
แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1369

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

เกี่ยวกับ ค็อกพิท

ค็อกพิท (Cockpit) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่พร้อมให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง ด้วยสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรจากผู้ผลิตชั้นนำ เเละบริการมาตรฐานจากทีมช่างผู้ชำนาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการให้บริการด้วยความุ่งมั่น คำนึงถึงความปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 260 สาขาทั่วประเทศ* (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568)

Wednesday, May 28, 2025

"เสน่ห์เจียงซู" เฉิดฉายในงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ประจำปี 2568 ณ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

 

"จะรู้ได้อย่างไรว่าฤดูใบไม้ผลิงดงามเพียงใด หากไม่ได้ไปเยือนเจียงซู!" เสียงอุปรากรจีนคุนฉวี่แผ่วเบาพลิ้วไหวราวสายลมอ่อน พัดพาความลึกลับของมณฑลเจียงซูมาเผยที่งานโอซาก้า เอ็กซ์โป (Osaka Expo) โดยระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม สัปดาห์เจียงซูในงานเวิลด์ เอ็กซ์โป (World Expo) ประจำปี 2568 ที่โอซาก้า ภายใต้แนวคิด "จับมือกับเจียงซูอันงดงาม สร้างสรรค์อนาคตสีเขียว" นั้น ได้ถักทอเรื่องราว "เสน่ห์เจียงซู" ที่มีมานับพันปี ทั้งการแสดงมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ การจัดแสดงเทคโนโลยี ไปจนถึงการเจรจาเศรษฐกิจและการค้า

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของเจียงซู ผ้าทอหยุนจิ่นหนานจิงก็เปล่งประกายงดงามดุจแพรไหม แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความวิจิตรของโลกตะวันออก ขณะที่ศิลปินชงชาบรรจงรินชาลงถ้วย ส่งกลิ่นหอมกรุ่นของชาที่สืบทอดมานับพันปี ช่างปักซูโจวใช้เข็มอันพลิ้วไหวสร้างสรรค์ปลาทองสองด้านบนผืนผ้าไหมเรียบ ๆ ได้อย่างมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ ยังมีงานฝีมือดั้งเดิมอื่น ๆ เช่น ถุงหอมสวีโจว เครื่องกระเบื้องเหยียนเฉิง และงานแกะสลักไม้ไท่โจว จัดแสดงให้ทั่วโลกได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของเจียงซูอย่างใกล้ชิด และในส่วนของพื้นที่ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอกทีฟนั้น ผู้ชมยังได้ย้อนกลับไปยังจุดดำน้ำของเรือดำน้ำ "เจียวหลง" ผ่านนิทรรศการดิจิทัล "การผจญภัยห้ามหาสมุทร" เพื่อดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีดิจิทัลอีกด้วย

"งานสัปดาห์เจียงซูจัดแสดงได้สวยงามตระการตามาก ทำให้สัมผัสกับความงดงามของมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม" ตง เออร์จุน (Dong Erjun) บล็อกเกอร์อิสระในโอซาก้า กล่าว โดยเขาไปงานโอซาก้า เอ็กซ์โป มาแล้วกว่า 10 ครั้ง และรู้สึกว่า "สัปดาห์เจียงซู" นั้นพิเศษกว่าทุกครั้ง

มิตรภาพระหว่างเจียงซูกับญี่ปุ่นนั้นหยั่งรากลึกมานับพันปีและยังคงแน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรภาพ 45 ปีอันลึกซึ้งระหว่างเจียงซูกับจังหวัดโอซาก้า เปรียบเสมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความร่วมมือระหว่างจีน-ญี่ปุ่น โดยการประชุมแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจและการค้าเจียงซูที่จัดขึ้นภายในงานเวิลด์ เอ็กซ์โปนี้ ดึงดูดสถาบันและบริษัทชั้นนำจากจีนและญี่ปุ่นเข้าร่วมได้เกือบ 60 แห่ง ช่วยให้บริษัทอย่างว่านปัง สตาร์ ชาร์จิง เทคโนโลยี (Wanbang Star Charging Technology Co., Ltd.) เร่งขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว

เสว่ เจี้ยน (Xue Jian) กงสุลใหญ่จีนประจำนครโอซาก้า ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่มณฑลเจียงซู กล่าวว่า "มณฑลเจียงซูเป็นภูมิภาคในจีนที่มีประวัติแลกเปลี่ยนกับญี่ปุ่นมายาวนานที่สุดและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมการลงทุนจากญี่ปุ่นที่หนาแน่นที่สุดในจีนด้วย" ปัจจุบัน มูลค่าการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกระหว่างเจียงซูกับญี่ปุ่นคิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยมีบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนจากญี่ปุ่นมากกว่า 3,000 แห่งในเจียงซู และเจียงซูยังลงทุนในญี่ปุ่นกว่า 460 โครงการ

ระหว่างงานนี้ ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกิจกรรม "วันเหยียนเฉิง" "วันอู๋ซี" และ "วันซูโจว" เพื่อนำเสนอภาพรวมของมณฑลเจียงซูที่ครบถ้วน สมจริง และหลากหลายมิติ โดยหลี่ ชิงส่วง (Li Qingshuang) รองผู้อำนวยการใหญ่ของสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน และหัวหน้าพาวิลเลียนจีน เชื่อว่า "สัปดาห์เจียงซู" นำเสนอภาพของมณฑลเจียงซูที่ผสมผสานทั้งความดั้งเดิมและความทันสมัย ความเปิดกว้าง และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้ทั่วโลกเข้าใจจีนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

"Charm of Jiangsu" Shines at the 2025 World Expo in Osaka, Japan

"How can one know the beauty of spring without visiting Jiangsu!" The gentle Kunqu Opera melody, like a gentle breeze, unveils the mysterious veil of the Jiangsu chapter at the Osaka Expo. From May 20th to 22nd, the Jiangsu Week at the 2025 Osaka World Expo, themed "Joining Hands with Beautiful Jiangsu, Creating a Green Future," weaves a thousand-year-old tapestry of "Charm of Jiangsu" through intangible cultural heritage performances, technological interactions, and economic and trade negotiations.

Stepping into the Jiangsu intangible cultural heritage exhibition area, Nanjing Yunjin dazzles like silk, showcasing the grandeur and beauty of the East; tea artists pour tea into cups, flowing out a millennium of tea aroma; Suzhou embroidery masters stitch with flying needles, bringing to life double-sided goldfish on plain silk… Traditional crafts such as Xuzhou fragrant bags, Yancheng porcelain carving, and Taizhou wood carving are also on display, allowing the world to touch the profound cultural heritage of Jiangsu. In the interactive experience area, audiences return to the "Jiaolong" submarine dive site through the "Five Oceans Adventure" digital exhibition, immersing themselves in the magic of digital technology.

"The display of Jiangsu Week is extremely exquisite, allowing people to fully experience the beauty of a profound cultural heritage," said Dong Erjun, a self-media blogger living in Osaka, who has visited the Osaka Expo more than 10 times and finds the "Jiangsu Week" particularly special.

The friendship between Jiangsu and Japan spans a thousand years and remains fresh, with 45 years of deep friendship between Jiangsu and Osaka Prefecture, becoming a vivid epitome of China-Japan local cooperation. The Jiangsu Economic and Trade Exchange Conference, held at the World Expo, attracted nearly 60 Chinese and Japanese institutions and enterprises, allowing companies like Wanbang Star Charging Technology Co., Ltd. to accelerate their global expansion.

"Jiangsu is the region in China with the longest history of exchanges with Japan and the closest ties. It is also the region with the most concentrated Japanese investment in China," said Xue Jian, Chinese Consul General in Osaka, whose hometown is Jiangsu. Currently, the import and export trade volume between Jiangsu and Japan accounts for nearly 1/5 of the total trade volume between China and Japan, with more than 3,000 Japanese-funded enterprises in Jiangsu and over 460 investment projects in Japan.

During the event, Yancheng Day, Wuxi Day, and Suzhou Day took turns to showcase a comprehensive, real, and three-dimensional Jiangsu. Li Qingshuang, Deputy Director General of the China Council for the Promotion of International Trade and Head of the China Pavilion, believes that "Jiangsu Week" presents a Jiangsu that blends tradition and modernity, openness, and innovation, allowing the world to further understand China.

เจาะอินไซต์อาหารญี่ปุ่น เมนูและราคาไหน ถูกใจคนไทย

 


ปี 2025 “อาหารญี่ปุ่น” ยังครองใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างเหนียวแน่น ไม่ใช่แค่เพียงมื้อพิเศษในโอกาสพิเศษอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่คนไทยหลายคนนิยมเลือกรับประทานในชีวิตประจำวันตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ราเมน ชาบู ยากินิกุ และ ข้าวหน้าต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูโปรดของคนหลากหลายช่วงวัย ซึ่งความนิยมนี้เองสะท้อนผ่านการพูดถึง (Mention) และการมีส่วนร่วม (Engagement) จำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทย 

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568 เพื่อนำมาวิเคราะห์ Insight เกี่ยวกับ “เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทย” ทั้งในแง่ของความนิยมและพฤติกรรมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย

อินไซต์จานโปรด! เมนูไหนที่คนไทยชอบโพสต์

จากข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์ผ่าน Social Listening เสียงสะท้อนจากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นโพสต์รีวิวร้าน แชร์ภาพอาหาร หรือ คอมเมนต์ต่าง ๆ ช่วยให้เราไขคำตอบว่า “จานโปรด” ของคนไทยคืออะไร ความนิยมเหล่านี้สามารถวัดได้จากยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) ซึ่งช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าเมนูไหนมาแรง และเมนูไหนถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์

เมนู “Sushi” เมนูยอดฮิตของคนไทย ได้รับ Engagement สูงถึง 50.2% ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านรสชาติ วัตถุดิบ ทั้งซูชิแบบดั้งเดิมหรือแบบฟิวชัน รวมถึงประสบการณ์การรับประทานที่หลากหลาย เช่น A la carte ซูชิสายพาน แฮนด์โรลซูชิ (เทมากิซูชิ) โอมากาเสะ และ บุฟเฟต์ 

เมนู อาหารเซต ที่เรียกว่า เทโชกุ (Teishoku) ได้รับ Engagement 23.7% อาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น มักประกอบด้วย ข้าว ซุปมิโสะ อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง โดยคำนึงถึงความสมดุลของคุณค่าทางโภชนาการ จึงเป็นมื้ออาหารที่ผู้บริโภคนิยมเลือกรับประทาน

เมนู ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku)” ได้รับ Engagement 10.4% ปิ้งย่างบนเตาถ่านแบบญี่ปุ่น ทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่าน และดึงรสชาติของเนื้อที่ไม่ผ่านการปรุง อีกทั้งเป็นหนึ่งในเมนูที่อยู่ในโอกาสพิเศษของหลายคน การพบปะคนที่รัก หรือหากมาคนเดียวบางร้านก็มีบาร์สำหรับสาย Introvert อีกด้วย

เมนู ชาบู อาหารประเภทหม้อไฟ ได้รับ Engagement 10.4% เมนูโปรดของหลายคนที่ชอบน้ำซุปร้อน ๆ สามารถเลือกสรรวัตถุดิบลงไปลวกในหม้อด้วยตนเอง เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในกิจกรรมร่วมกันระหว่างมื้ออาหารกับคนที่เราทานด้วย

เมนู ราเมน ได้รับ Engagement 3.3% เมนูเส้นของญี่ปุ่น พร้อมน้ำซุปหอมๆ ที่มีรสชาติหลากหลายตามการปรุงของแต่ละจังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงการผสมผสานรสชาติแบบฟิวชันให้ถูกปากคนไทย

เมนู ข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ทงคัตสึ และเทมปุระ  ได้รับ Engagement รวมกันอยู่ที่ 2% เป็นอีกสามประเภทอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสำหรับสายของทอด กรุบกรอบ และชื่นชอบความหอมจากเครื่องเทศในแกงกะหรี่ 

10 แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตในรอบเดือน

แม้อาหารญี่ปุ่นจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคก็คือ “แบรนด์” ร้านอาหาร ด้วยจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไทย การสร้าง Branding และความน่าเชื่อถือของแบรนด์จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ทั้งในด้านคุณภาพ ไปจนถึงประสบการณ์การรับประทานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

เจาะอินไซต์อาหารญี่ปุ่น

เมนูและราคาไหน ถูกใจคนไทย

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Listening เผยพฤติกรรมคนไทยกับอาหารญี่ปุ่นที่น่าสนใจ โดย ซูชิ ขึ้นแท่นเมนูยอดฮิตด้วยยอดเอ็นเกจเมนต์สูงสุด ด้านแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม Yayoi ครองอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Sushiro และ ZEN สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่าย พบว่าคนไทยให้ความสนใจช่วงราคา 251-500 บาทต่อมื้อต่อคน มากที่สุด โดยผู้บริโภคเน้นความคุ้มค่าที่ตอบโจทย์ทั้งรสชาติและประสบการณ์ ขณะที่ยากินิกุและชาบูยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับมื้อพิเศษ

ปี 2025 “อาหารญี่ปุ่น” ยังครองใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างเหนียวแน่น ไม่ใช่แค่เพียงมื้อพิเศษในโอกาสพิเศษอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่คนไทยหลายคนนิยมเลือกรับประทานในชีวิตประจำวันตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ราเมน ชาบู ยากินิกุ และ ข้าวหน้าต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูโปรดของคนหลากหลายช่วงวัย ซึ่งความนิยมนี้เองสะท้อนผ่านการพูดถึง (Mention) และการมีส่วนร่วม (Engagement) จำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทย 

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568 เพื่อนำมาวิเคราะห์ Insight เกี่ยวกับ “เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทย” ทั้งในแง่ของความนิยมและพฤติกรรมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย

อินไซต์จานโปรด! เมนูไหนที่คนไทยชอบโพสต์

จากข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์ผ่าน Social Listening เสียงสะท้อนจากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นโพสต์รีวิวร้าน แชร์ภาพอาหาร หรือ คอมเมนต์ต่าง ๆ ช่วยให้เราไขคำตอบว่า “จานโปรด” ของคนไทยคืออะไร ความนิยมเหล่านี้สามารถวัดได้จากยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) ซึ่งช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าเมนูไหนมาแรง และเมนูไหนถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์

เมนู “Sushi” เมนูยอดฮิตของคนไทย ได้รับ Engagement สูงถึง 50.2% ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านรสชาติ วัตถุดิบ ทั้งซูชิแบบดั้งเดิมหรือแบบฟิวชัน รวมถึงประสบการณ์การรับประทานที่หลากหลาย เช่น A la carte ซูชิสายพาน แฮนด์โรลซูชิ (เทมากิซูชิ) โอมากาเสะ และ บุฟเฟต์ 

เมนู อาหารเซต ที่เรียกว่า เทโชกุ (Teishoku) ได้รับ Engagement 23.7% อาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น มักประกอบด้วย ข้าว ซุปมิโสะ อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง โดยคำนึงถึงความสมดุลของคุณค่าทางโภชนาการ จึงเป็นมื้ออาหารที่ผู้บริโภคนิยมเลือกรับประทาน

เมนู ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku)” ได้รับ Engagement 10.4% ปิ้งย่างบนเตาถ่านแบบญี่ปุ่น ทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่าน และดึงรสชาติของเนื้อที่ไม่ผ่านการปรุง อีกทั้งเป็นหนึ่งในเมนูที่อยู่ในโอกาสพิเศษของหลายคน การพบปะคนที่รัก หรือหากมาคนเดียวบางร้านก็มีบาร์สำหรับสาย Introvert อีกด้วย

เมนู ชาบู อาหารประเภทหม้อไฟ ได้รับ Engagement 10.4% เมนูโปรดของหลายคนที่ชอบน้ำซุปร้อน ๆ สามารถเลือกสรรวัตถุดิบลงไปลวกในหม้อด้วยตนเอง เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในกิจกรรมร่วมกันระหว่างมื้ออาหารกับคนที่เราทานด้วย

เมนู ราเมน ได้รับ Engagement 3.3% เมนูเส้นของญี่ปุ่น พร้อมน้ำซุปหอมๆ ที่มีรสชาติหลากหลายตามการปรุงของแต่ละจังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงการผสมผสานรสชาติแบบฟิวชันให้ถูกปากคนไทย

เมนู “ข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ทงคัตสึ และเทมปุระ”  ได้รับ Engagement รวมกันอยู่ที่ 2% เป็นอีกสามประเภทอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสำหรับสายของทอด กรุบกรอบ และชื่นชอบความหอมจากเครื่องเทศในแกงกะหรี่ 

10 แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตในรอบเดือน

แม้อาหารญี่ปุ่นจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคก็คือ “แบรนด์” ร้านอาหาร ด้วยจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไทย การสร้าง Branding และความน่าเชื่อถือของแบรนด์จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ทั้งในด้านคุณภาพ ไปจนถึงประสบการณ์การรับประทานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

แบรนด์ประเภทอาหารEngagement (%)
Yayoiอาหารเซตสไตล์ญี่ปุ่น (Teishoku)31.1%
Sushiroซูชิ (Sushi)20.3%
ZENซูชิ (Sushi)11.2%
AKAปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku)9.6%
แบรนด์ในเครือ Oishiซูชิ (Sushi)6.5%
Mo-Mo-Paradiseชาบู (Shabu)4.6%
KOUENซูชิ (Sushi)4.5%
Kiiro Sushi ซูชิ (Sushi)4.3%
Shabushiชาบู (Shabu)4.0%
Yakiniku Likeปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku)3.9%

เมื่อวิเคราะห์จากสัดส่วนยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จะเห็นภาพความนิยมของผู้บริโภคต่อแบรนด์อาหารญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน โดยข้อมูลจาก Social Listening พบว่า แบรนด์ Yayoi ครองอันดับ 1 ด้วยยอด Engagement สูงถึง 31.1% ตามมาด้วย Sushiro ร้านซูชิสายพานชื่อดังที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับ 2 ที่ 20.3% อันดับ 3 คือ ZEN ซึ่งมียอด Engagement อยู่ที่ 11.2% AKA เป็นอันดับ 4 ที่ 9.6% และ แบรนด์ในเครือ Oishi Group อันดับ 5 ที่ 6.5% 

สำหรับแบรนด์อื่น ๆ ที่อยู่ใน Top 10 ได้แก่ Mo-Mo-Paradise (4.6%), KOUEN (4.5%), Kiiro Sushi (4.3%), Shabushi (4.0%) และ Yakiniku Like (3.9%) ตามลำดับ

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า 5 ใน 10 เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท ”ซูชิ“ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ในหัวข้อก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า “ซูชิ” คือเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ความนิยมในเมนูนี้จึงส่งผลต่อการมีส่วนร่วม (Engagement) ของแบรนด์ที่มีความโดดเด่นด้านซูชิโดยตรงอย่างชัดเจน

ราคาเท่าไรโดนใจเจาะลึกช่วงราคาที่ลูกค้ายอมจ่าย

นอกจากชื่อเสียงของร้านอาหารแล้ว ราคา ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเลือกบริโภคอาหารญี่ปุ่นของผู้คนในปัจจุบัน ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายตั้งแต่ร้านซูชิสายพานราคาย่อมเยา ไปจนถึงร้านโอมากาเสะสุดพรีเมียม ผู้บริโภคจึงมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนตามงบประมาณและความคาดหวังในการรับประทาน

เราจะพาไปสำรวจว่า ราคาเฉลี่ยต่อมื้อต่อคน ในช่วงราคาใดที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากผู้บริโภค โดยอ้างอิงจากจำนวน Engagement บนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เห็นแนวโน้มและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไทยที่มีต่อระดับราคาของอาหารญี่ปุ่น มาดูกันว่าราคาที่ “คุ้มค่า” ในมุมมองของคนไทยอยู่ที่เท่าไร? กันแน่!

หากมองในภาพรวมของอาหารญี่ปุ่น พบว่า ช่วงราคาที่ 251-500 บาทต่อมื้อต่อคน ได้รับ Engagement สูงถึง 40.9% (150,535 ครั้ง) รองลงมาเป็น ช่วงราคา 101-250 บาทต่อมื้อ ได้รับ Engagement 33.2% (122,349 ครั้ง) ช่วงราคา 501-1,000 บาทต่อมื้อ 23.9% (88,241 ครั้ง) และมากกว่า 1,000 บาทต่อมื้อ 2% (7,375 ครั้ง) ตามลำดับ

แต่เมื่อจำแนกตามประเภทอาหารญี่ปุ่น จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ชาวโซเชียลให้ความสนใจต่อช่วงราคาในแต่ละประเภทอาหารอย่างไร

Sushi: ช่วงราคา 251-500 บาทต่อมื้อ ได้รับ Engagement สูงถึง 60.8% สะท้อนว่าลูกค้ามองว่าเป็นช่วงราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งในแง่ของราคา คุณภาพวัตถุดิบ และประสบการณ์ในการรับประทาน

อาหารเซต: ช่วงราคา 101-250 บาทต่อมื้อ ได้รับความสนใจสูงถึง 92.8% จากยอดเอ็นเกจเมนต์สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้ใช้โซเชียลมีเดียมองว่าอาหารเซตเป็นมื้ออาหารประจำวันที่ตอบโจทย์

Yakiniku & Shabu: ช่วงราคา 501-1,000 บาทต่อมื้อ โดย Yakiniku ได้รับความสนใจ 65.1% และ Shabu 56.6% จากยอดเอ็นเกจเมนต์แสดงให้เห็นว่า อาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นและชาบูยังคงเป็นตัวเลือกมื้อสำคัญที่ลูกค้าชื่นชอบ

โซเชียลให้ความสำคัญกับอะไรเมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึง “อาหารญี่ปุ่น” บทสนทนาของผู้คนบนโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับ คุณภาพและรสชาติของอาหาร มากที่สุดเป็นอันดับแรก ด้วยจำนวนการกล่าวถึง (Mention) ที่สูงถึง 46.5% อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญไม่แพ้กันและได้รับการพูดถึงเป็นอันดับรองลงมา คือ ราคาและความคุ้มค่า ที่ได้รับการกล่าวถึง (Mention) มากถึง 42.3% 

นอกจากคุณภาพและราคาของอาหารที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นหลักแล้ว พบว่า อีกหนึ่งคีย์เวิร์ดที่ปรากฏบ่อยครั้งบนโซเชียลมีเดียและได้รับการพูดถึงไม่น้อยเลย คือ คำว่า เชฟเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ และ เจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญที่ช่วยการันตีความเป็นต้นตำรับ (authenticity) ของมื้ออาหารในสายตาผู้บริโภคชาวไทย โดยมีสัดส่วนการถูกพูดถึง (Mention) อยู่ที่ 11.2% 

จากการสำรวจความคิดเห็นและการพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นของผู้คนในโลกออนไลน์ นอกจากแบรนด์เชนชื่อดังที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดกลางและขนาดเล็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากมีเชฟชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ลงมือปรุงอาหารเอง หรือมีเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นคอยควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะร้านประเภทแฮนด์โรลซูชิ และโอมากาเสะ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เพียงรสชาติหรือราคาเท่านั้น แต่ยังมองหา “ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่นจริงๆ”

การระบุว่าเชฟหรือเจ้าของร้านเป็น “ชาวญี่ปุ่นแท้ๆ” กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในสายตาผู้บริโภค อีกทั้งยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบออริจินัล ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับมื้ออาหารในมุมมองของผู้บริโภค

กล่าวได้ว่า “เชฟและเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น” ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่อยู่เบื้องหลังคุณภาพของอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญลักษณ์ทางจิตวิทยา” ที่ช่วยสร้างความแตกต่างในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันสูงในไทยอีกด้วย

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมข้อมูลจาก DXT360 (Social Listening and Media Monitoring Platform) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568

เกี่ยวกับ DXT360

DXT360 เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้ทั้งจากโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ สื่อบรอดคาสท์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voices) คอนเทนต์จาก Influencers และ KOLs ไปจนถึงข่าวจากสื่อมวลชน ที่รวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Dashboard ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละราย (Customizable Dashboard) จึงทำให้เข้าใจและเห็น Insight ในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้เห็นทิศทางการสื่อสารของแบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Monday, May 26, 2025

“ค็อกพิท บางกะดี” จัดโปรคุ้ม ยกขบวนสินค้าคุณภาพจัดเต็ม ฉลองเปิดสาขาใหม่



ค็อกพิท (COCKPIT) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรฟาสต์ฟิต (Fast Fit) ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ค็อกพิทบางกะดี”สาขาที่ 260 ตั้งอยู่ในโลตัส บางกะดี มาพร้อมกับโปรโมชันสุดพิเศษตั้งแต่วันที่ 26-31 พฤษภาคม 2568 จัดเต็มเอาใจคนรักรถย่านบางกะดี ยกขบวนความคุ้มค่าด้วยสินค้าคุณภาพทั้งยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง แบตเตอรี่ ผ้าเบรก บริการตรวจเช็กความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมาย ให้ได้เลือกใช้บริการอย่างครบครัน 

โดยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทีมผู้บริหารบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมงานเปิด ค็อกพิท บางกะดีอย่างเป็นทางการ และกล่าวแสดงความมุ่งมั่นในการบริหารงานว่า ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ค็อกพิทมุ่งมั่นบริหารงานสู่การเป็นศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นนำและบริการจากทีมช่างมืออาชีพ เรายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายสาขาการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ผมและทีมงานทุกท่านยังคงยึดมั่นในปณิธานการบริหารงานค็อกพิท บางกะดี ให้เป็นเสมือนเพื่อนรู้ใจที่พร้อมจะพาลูกค้าไปสู่จุดหมายการเดินทางได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจ

พบกับโปรโมชัสุดคุ้มมากมายฉลองเปิดสาขาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26-31 พฤษภาคม 2568

ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์

คุ้ม ต่อเมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ครบ เส้น

  • ต่อที่ 1: ส่วนลด 10%*1 เมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ครบ 4 เส้น สามารถผ่อน 0% สูงสุดได้ 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
  • ต่อที่ 2: รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมันปตท.มูลค่า 500 บาท

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ

  • สุดคุ้ม! ชุดน้ำมันเครื่องปตท. กึ่งสังเคราะห์ และไส้กรอง เริ่มต้นที่ 750 บาท
  • ฟรี! บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
  • ฟรี! ไส้กรองรุ่นที่ร่วมรายการ
  •  ฟรี! บริการตรวจเช็กความปลอดภัยเบื้องต้น
  • พิเศษ! น้ำมันเครื่องแกลลอนเดี่ยว เพียง 555 บาท เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ
  • PTT Performa SYNTEC Plus 5W-30 ขนาด 4 ลิตร
  • PTT Performa SYNTEC Plus 10W-40 ขนาด 4 ลิตร
  • พิเศษ! น้ำมันเกียร์ AISIN รุ่นที่ร่วมรายการ รับส่วนลดเพิ่ม 100 บาท /แกลลอน
  • AISIN GL-5 75W-90 ขนาด 4 ลิตร
  • AISIN GL-4 80W-90 ขนาด 4 ลิตร
  • AISIN GL-5 80W-90 ขนาด 4 ลิตร
  • สินค้าอื่นๆ รับส่วนลด 25%
  • เมื่อเปลี่ยนแบตยี่ห้อ GS, PUMA และ MF ทุกรุ่น 
  • ผ้าเบรก Bendix และ Compact ทุกรุ่น
  • โช้คอัพ KYB และ Tokico ทุกรุ่น
  • สุดคุ้ม ล้อแม็ก Yachiyoda ซื้อ 3 แถม 1 ทุกรุ่น ทุกขนาด
  • แพ็คเกจตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เริ่มต้นเพียง 399 บาท รวมบริการ, สลับยาง, ตั้งศูนย์ และถ่วงล้อ
  • สำหรับยางขอบไม่เกิน 17 นิ้ว ราคา 399 บาท
  • สำหรับยางขอบ 18 นิ้วขึ้นไป ราคา 499 บาท
  • แพ็คเกจตรวจเช็กระยะรถยนต์ 10,000 กิโลเมตร เริ่มต้นเพียง 950 บาท ได้ทั้งชุดน้ำมันเครื่อง พร้อมไส้กรอง, ตรวจเช็กรถยนต์ 60 รายการ และสลับยางถ่วงล้อ

พิเศษ!  รับคูปองออนไลน์ส่วนลดเงินสดมูลค่า 500 บาท*2 เมื่อเพิ่มเพื่อนทางไลน์ Line OA ของค็อกพิท   
           บางกะดี: @719ymwpt

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cockpit.co.th. หรือ www.facebook.com/CockpitTH 
แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1369

หมายเหตุ:  
*1 สำหรับโปรโมชั่นส่วนลดยางรถยนต์ 10% ทุกรุ่น ทุกขนาด ยกเว้นยางรถยนต์รันแฟลตและยางรถยนต์          
  นำเข้า ซึ่งสามารถผ่อน 0% สูงสุดได้ 10 เดือน ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด และไม่สามารถใช้เป็น
  ส่วนลดเพิ่มเติมร่วมกับการแลกคะแนน S4S ได้
  (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cockpit.co.th/login)

*2 เมื่อมียอดชำระขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับบริการหรือซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ ตั้งแต่     
  วันที่ 26-31 พฤษภาคม 2568 ที่ค็อกพิททุกสาขาที่ร่วมรายการ 
  (สามารถตรวจสอบสาขาร่วมรายการได้ที่ https://www.cockpit.co.th/page/CPO)

ข้อมูลค็อกพิท บางกะดี
ที่ตั้ง: ค็อกพิท บางกะดี ตั้งอยู่ในห้างโลตัส เขตอุตสาหกรรมบางกะดี บนถนนติวานนท์ ตรงข้ามกับห้าง    
เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ จ.ปทุมธานี
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/awrWaxPxKY6EAfJG9
เวลาเปิดทำการ: ทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์: 083-442-9547
เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/CockpitBangkadi 

เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย:

บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทยจำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทางการใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก

เกี่ยวกับ ค็อกพิท 

ค็อกพิท (Cockpit) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่พร้อมให้บริการที่หลากหลาย อาทิ บริการเปลี่ยนยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง เบรก โช้คอัพ แบตเตอรี่ และการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง ด้วยสินค้าคุณภาพสูงที่คัดสรรจากผู้ผลิตชั้นนำ เเละบริการมาตรฐานจากทีมช่างผู้ชำนาญ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการให้บริการด้วยความุ่งมั่น คำนึงถึงความปลอดภัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 260 สาขาทั่วประเทศ(ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568)