Monday, December 30, 2019

FE CREDIT มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้ผู้ถือบัตรได้เฉลิมฉลองเทศกาล TET ก่อนใคร

          เพื่อประเดิมการก้าวล่วงสู่เทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี หรือเทศกาลเต๊ด (TET) VP Bank Finance Company Limited (FE CREDIT) หนึ่งในผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามได้ประกาศมอบสิทธิพิเศษ 3 รายการให้กับสมาชิกผู้ถือบัตร

          - รับคะแนน Oi Plus เพิ่ม 15 เท่า: Oi Plus เป็นโปรแกรมสะสมคะแนนเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ามาสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของในร้านขายของชำ การเติมเงินโทรศัพท์มือถือ และกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ด้วยการมอบคะแนนสะสมคิดเป็น 1 คะแนน = 1 ดองเวียดนาม เพื่อไม่ให้ผู้ถือบัตรต้องสับสนในการคำนวณคะแนนให้ยุ่งยาก และสำหรับเทศกาลสุดพิเศษนี้ ผู้ถือบัตร FE CREDIT จะได้รับสิทธิ์สุดพิเศษด้วยคะแนนเพิ่มเติมจากการใช้จ่ายไม่ใช่แค่ 10 เท่า แต่เป็น 15 เท่าทุกครั้งที่ใช้บัตรซื้อสินค้า

          - รางวัลพิเศษสำหรับการชำระค่าบริการสาธารณูปโภค: แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของ FE มอบความสะดวกสบายแก่ผู้ถือบัตร ด้วยตัวเลือกการชำระค่าบริการสาธารณูปโภคที่ไม่ใช่เพียงแห่งเดียวแต่เป็นทั้งหมดที่มีอยู่ และในเทศกาลสุดพิเศษที่กำลังจะมาถึงนี้ ทุก ๆ การทำรายการที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคผ่านบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้นเป็น 2 ต่อ ทั้งคะแนน Oi plus points และเครดิตเงินคืนพร้อมๆ กัน

          - รับเครดิตเงินคืนพร้อมส่วนลด 5% แค่แตะ 2 ปุ่มเพื่อทำรายการเบิกเงินสด: สำหรับผู้ถือบัตรที่ต้องการใช้เงินสดอย่างเร่งด่วนในช่วงเทศกาลนี้ จะสามารถเบิกเงินสดออกมาได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ทำรายการด้วยการกดปุ่ม 2 ครั้งและรับรหัสมา สำหรับใช้ถอนเงินสดจากสาขาของธนาคารหรือที่ทำการ VN Post โดยผู้ถือบัตรที่ทำรายการในช่วงเวลาโปรโมชั่นจะได้รับเครดิตเงินคืนมูลค่า 5% ของยอดการทำธุรกรรม

          Mr. Kalidas Ghose ซีอีโอของ FE CREDIT กล่าวว่า "ในฐานะผู้นำตลาด FE CREDIT เชื่อมั่นในการช่วยให้ผู้ถือบัตรเครดิตใช้ชีวิตได้อย่างรวดเร็วและดีขึ้น"

          Mr. Nimish Dwivedi ผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจบัตรเครดิตของ FE Credit กล่าวเสริมว่า "โปรโมชั่นอันโดดเด่นเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบสิทธิประโยชน์และคุณค่าให้แก่ลูกค้าใหม่ในธุรกิจหลักของเรา"

          Ms. Winnie Wong ผู้จัดการประจำประเทศเวียดนาม กัมพูชา และลาวของ Mastercard กล่าวว่า "ในช่วงปีใหม่นี้ ผู้ถือบัตร FE CREDIT MasterCard(R) จะได้รับความสะดวกและสบายใจจากการชำระเงินออนไลน์ด้วย Mastercard (R) SecureCode(TM) ที่มอบความปลอดภัยบนโลกออนไลน์มากขึ้นอีกขั้น"

          เกี่ยวกับ FE CREDIT

          FE CREDIT เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค บริษัทได้สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งจนก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดสินเชื่อผู้บริโภคที่ไม่มีหลักประกันและบัตรเครดิต ปัจจุบัน FE CREDIT ให้บริการกู้ยืมเงินผ่านทางผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถสองล้อ สินเชื่อสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทคงทนถาวร บัตรเครดิต และประกันภัย FE CREDIT ให้บริการลูกค้าเกือบ 10 ล้านราย ทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรมากกว่า 8,500 ราย ครอบคลุมจุดให้บริการกว่า 12,000 แห่งทั่วประเทศ

          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191230/2680015-1
          คำบรรยายภาพ - โปรโมชั่นต้อนรับเทศกาล TET สำหรับผู้ถือบัตร FE Credit

รายงาน Passport Index เผยหนังสือเดินทางทรงอิทธิพลแห่งทศวรรษ

          ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นทั้งการเกิดขึ้นของเทรนด์ใหม่ ๆ หลายแบบ และการร่วงลงของผู้ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต และเมื่อกล่าวถึงการเดินทางทั่วโลก นับว่าทศวรรษที่ 2010s ได้ฝากรอยประทับไว้อย่างโดดเด่น

          จากรายงานฉบับปี 2019 ที่เผยแพร่โดย Passport Index ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางทั่วโลกระดับแนวหน้า พบว่า หนังสือเดินทางทรงอิทธิพลแห่งทศวรรษไม่ใช่หนังสือเดินทางของประเทศในยุโรปหรืออเมริกาเหนืออย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน แต่ประเทศนอกสายตาที่ไม่มีใครคาดคิด กลับขยับขึ้นสู่หัวตารางอย่างเงียบ ๆ

          รายงาน Passport Index Report 2019 พบเทรนด์ของประเทศหมู่เกาะที่ขยับอันดับสูงขึ้นจนกลายเป็นหนังสือเดินทางที่เติบโตเร็วที่สุด ขณะที่ชาติแอฟริกาไต่อันดับพ้นจากโซนท้ายตาราง และมีหลายประเทศในสหภาพยุโรปที่ยังครองตำแหน่งท็อปบนหัวตาราง

          โลกกำลังเปิดกว้างขึ้น

          ในยุคของการสร้างกำแพงและปิดพรมแดนนั้น โลกได้เปิดกว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งตรงข้ามกับการรับรู้โดยทั่วไป

          Passport Index Report 2019 เผยว่า แท้จริงแล้วโลกในปัจจุบันมีการเปิดกว้างถึง 54% โดยอ้างอิงข้อมูลจาก World Openness Score ซึ่งทาง Passport Index ได้รวบรวมขึ้น

          "จากการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยที่ 4% ต่อปี อาจเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่จะกล่าวรวมว่า ภายในปี 2035 โลกทั้งใบจะเปิดกว้างสำหรับการเดินทาง" Armand Arton ประธาน Arton Capital กล่าว

          ครองตำแหน่งสูงสุดสบาย ๆ

          ไม่น่าแปลกใจที่หลายประเทศในยุโรปยังคงวนเวียนกันอยู่ในทำเนียบท็อป 5 ของการจัดอันดับหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่แม้บางประเทศจะครองอันดับสูงสุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่วันนี้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก หนึ่งในแชมป์เก่าที่หายหน้าหายตาไปจากหัวตารางคือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความก้าวหน้าน้อยมากหรือไม่มีเลย แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะให้คำมั่นว่าจะ "ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ก็ตาม

          การผงาดของม้ามืด

          หลายประเทศตระหนักถึงความสำคัญของอำนาจแห่งหนังสือเดินทาง

          Passport Index Report 2019 เปิดเผยว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง เช่น ประเทศหมู่เกาะ และประเทศที่แยกตัวออกจากอดีตสหภาพโซเวียต ได้กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งการทลายกำแพงกั้นพรมแดน และใช้พลังอำนาจเหล่านั้นเป็นประตูสู่การเจริญเติบโต

          จากวานูอาตูถึงมอลโดวา ยูเครนถึงไต้หวัน รายชื่อที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้เผยให้เห็นการผงาดขึ้นมาอย่างโดดเด่นของบรรดาม้ามืด โดยหนังสือเดินทางส่วนใหญ่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากปี 2010 ซึ่งประเทศที่ขโมยซีนเป็นอันดับ 1 ด้วยอำนาจพาสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นถึง 161% ในช่วงระหว่างปี 2010-2019 ถือเป็น ยูนิคอร์นแห่งทศวรรษ (Unicorn of the Decade)

          ยูนิคอร์น

          ประเทศที่ครองอันดับสูงสุดในทำเนียบ Greatest Passport of the Decade หรือหนังสือเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งได้รับการยกเว้นวีซ่าจากกว่า 111 ประเทศ โดยการยกเว้นวีซ่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้เอง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทำอันดับพุ่งขึ้นจนเป็นแชมป์มานานกว่าหนึ่งปี และถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจที่สุดสำหรับการบรรลุเป้าหมายระดับชาติได้อย่างประสบความสำเร็จ

          อยู่ในทิศทางขาขึ้น

          หนังสือเดินทางเกือบทุกประเทศอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่มีอยู่สองประเทศที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในความพยายามที่จะไต่อันดับสูงขึ้นมากกว่าชาติอื่น ๆ โดยรายงาน Passport Index Report 2019 ระบุว่า แองโกลาและจีนเป็นสองประเทศที่อยู่ในอันดับต่ำสุดเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนถึงปัจจุบัน

          หนีพ้นจากท้ายตาราง

          หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นตาตื่นใจแห่งทศวรรษ คือ การได้เห็นประเทศแอฟริกาที่เคยอยู่ในอันดับท้าย ๆ ผงาดขึ้นมาอย่างโดดเด่น ซึ่งไม่เพียงอันดับสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังหนีพ้นจาก 10 อันดับท้ายตารางในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ แองโกลา บุรุนดี เกาะคอโมโรส จิบูตี และอิเควทอเรียลกินี

          ร่วงสู่ท้ายตาราง

          สงครามในซีเรียได้บีบให้ประเทศนี้ร่วงลงสู่อันดับ 3 จากท้ายในบรรดาพาสปอร์ตที่อ่อนแอที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่เมื่อปี 2010 ซีเรียไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นข้อมูลบ่งชี้สำคัญถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่มีต่ออำนาจของพาสปอร์ต ดังเห็นได้จากเยเมน ดินแดนปาเลสไตน์ และลิเบีย ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในโซน 10 อันดับสุดท้าย

          จมอยู่ท้ายตาราง

          มีความแตกต่างที่น่าตกใจในท้ายตาราง ประเทศด้อยพัฒนาที่ติดหล่มสงครามส่วนใหญ่ต่างจมอยู่ในท้ายตาราง โดยเมื่อเรามองลึกลงไปถึงความแตกต่างตั้งแต่ต้นทศวรรษถึงปลายทศวรรษ จะพบปัญหาการเมืองของโลกที่ยังคงอยู่

          ปีแล้วปีเล่า ประเทศโซนท้ายตารางในรายงาน Passport Index Report 2019 ต่างติดอยู่ในอันดับท้าย ๆ ไม่ไปไหน โดยหนังสือเดินทางของประเทศเหล่านี้เป็นใบเบิกทางให้แก่พลเมืองของตนในการเข้าประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ไม่ถึง 20%

          ผู้ชนะในปี 2019

          ในปีที่ผ่านมา หลายประเทศที่ให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ระดับโลกนั้น มีการพัฒนาขึ้นมากและมีการเติบโตอย่างน่าทึ่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำโลก โดยเพิ่มประเทศที่พลเมืองของตนสามารถเดินทางไปโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าอีก 12 ประเทศ

          ขณะที่กาตาร์ รวันดา ยูเครน มาเก๊า และอินโดนีเซีย ตามหลังมาติด ๆ โดยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดและอำนาจที่มากขึ้นของพาสปอร์ตในช่วงปีที่ผ่านมา

          อีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในรายชื่อ The Fastest-Growing Passports of 2019 หรือพาสปอร์ตที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2019 คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งบ่งชี้ว่าแชมป์พาสปอร์ตทรงอิทธิพลของโลกอาจสร้างแรงบันดาลใจให้หลายประเทศทำตามแบบอย่าง

          ปีนี้ยังได้เห็นอำนาจพาสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นของประเทศที่มีโครงการให้สัญชาติกับชาวต่างชาติที่ลงทุนในประเทศ หรือ Citizenship-by-Investment Program หนึ่งในผลประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุดของโครงการเหล่านี้คือการอนุญาตให้เดินทางได้อย่างเสรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุณค่าของการมีหนังสือเดินทางที่เข้มแข็งอยู่ในมือนั้น กำลังกลายเป็นเทรนด์ของโลกอย่างแท้จริง

          หากทศวรรษนี้สอนอะไรเราอย่างหนึ่ง สิ่งนั้นก็คือ การเข้าถึงและเสรีภาพเป็นตัวเร่งที่สำคัญสู่การพัฒนาและความก้าวหน้า มีหนทางเดียวที่นำไปสู่ผลประโยชน์และโอกาสที่ดีกว่าสำหรับอนาคตที่สดใสขึ้น ทั้งต่อประเทศชาติและพลเมือง นั่นคือการให้ความสำคัญและเพิ่มอำนาจในการเดินทางของประชาชนทั่วโลก

          เกี่ยวกับ Passport Index

          Passport Index จัดทำโดย Arton Capital และได้กลายเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางทั่วโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยให้ข้อมูลการเดินทางแบบอินเทอร์แอคทีฟ และมีความสามารถในการเปรียบเทียบ จัดอันดับ และยกระดับหนังสือเดินทาง โดยอิงตามคะแนนความสามารถในการเดินทางของหนังสือเดินทางแต่ละประเทศ

          สื่อมวลชนติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Mr. Hrant Boghossian ทางอีเมล info@passportindex.org หรือโทร. +1 514 935 6665


          รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1059802/Passport_Index_The_Greatest_Passports_of_the_Decade___The_Rise_o.jpg

The Greatest Passports of the Decade - The Rise of the freedom seekers

          This past decade, we have witnessed the rise of many new trends and the unfortunate fall of past triumphs. But when it comes to the world of global mobility— the 2010s truly left a lasting mark.

          According to a 2019 Report published by the Passport Index, the leading global mobility intelligence platform, the greatest passports of the decade are not the usual suspects within Europe, or North America, but the least expected that quietly migrated to the top of the charts.

          The 2019 Passport Index Report identified a common trend in island nations surfing slowly higher in the ranks as the fastest-growing passports, African nations swiftly escaping the lowest-ranking bottom, and many countries within the European Union remaining stagnant and comfortable at the top.

          The world is opening up

          Contrary to popular perception, in an era of building walls and closing borders, the world has considerably opened up in the past decade.

          The 2019 Passport Index Report refers to its World Openness Score, sharing that the world is in fact currently 54% open.

          "At an average increase of 4% year-over-year, it would be incredible to assume that by 2035 the entire world be open for travel," shared Armand Arton, President of Arton Capital.

          Comfortable at the top

          It comes as no surprise that several European nations have been shuffling amongst the Top 5 most powerful passports over the past decade. But although some dominated the top of the highest-ranking a decade ago, the triumphants today are vastly different. One notable absence is the USA which has received little to no progress or attention, despite President Trump's promise to "Make America Great Again".

          The rise of the underdogs

          Many countries have realized the importance of the power of their passport.

          The 2019 Passport Index Report reveals that throughout this decade, it was the understated, such as island nations and former Soviet republics, that became a testament to the power of breaking down borders as barriers and using them as gateways to growth.

          From Vanuatu to Moldova, Ukraine to Taiwan, this exciting list reveals the inspiring rise of the underdogs; with most passports jumping above 100% of their original passport power from back in 2010. And stealing the spotlight in 1st place with an outstanding 161% increase in its passport power between 2010 and 2019, is the Unicorn of the Decade.

          The Unicorn

          At the top of the rank as the world's Greatest Passport of the Decade is the United Arab Emirates, gaining a total of +111 visa waivers, most of which have taken place in the last 3 years! Triumphing and maintaining the lead for over a year to date, the UAE's meteoric rise became one of the most intriguing examples of a successfully accomplished national goal.

          On their way upwards

          The ideal direction for any nation's passport is up, but these two countries have displayed their will to strive higher unlike any other. The 2019 Passport Index Report reveals that Angola and China were two of the lowest placed countries ten years ago that made substantial leap forward to date.

          Escaped the bottom

          One of the most fascinating discoveries of the decade is witnessing the rise of the fallen in low-ranking African countries who have not only shown improvement in their ranks but have managed to escape the Bottom 10 over the past decade; including Angola, Burundi, Comoros Islands, Djibouti, and Equatorial Guinea.

          Fell to the bottom

          The war in Syria has forced it down to 3rd place as the world's weakest passport. In 2010 Syria was not even on the bottom 10 list. This is an important piece of information that relays the correlation between the economic and political state of a country and the power of its passport, and can be seen once again with Yemen, the Palestinian Territories, and Libya to round up the bottom 10 list.

          Stuck at the bottom

          At the bottom — the differences are shocking. Mostly war-inflicted and underdeveloped countries make up the countries at the lowest end of the ranking. But once we look closely at the differences at the begging and the end of this decade, the political state of our world is unveiled.

          Shifting minutely year after year, the low-ranking countries revealed in the 2019 Passport Index Report have been stuck at the bottom of the list, providing their citizens access to less than 20% of our world.

          The 2019 Winners

          This past year inspired much progress and surprising growth amongst nations adopting a global vision. The UAE preserved its global lead, adding another +12 countries to its ever-growing mobility score.

          In the meantime, others like Qatar, Rwanda, Ukraine, Macao, and Indonesia followed closely behind, showing immense growth and progress in the power of their passport this past year.

          Another country amongst the list of The Fastest-Growing Passports of 2019, is Saudi Arabia, suggesting that the leading passport may have inspired some successors.

          This year also displayed an increase of passport power with nations offering Citizenship-by-Investment Programs. One of the strongest benefits of these programs is granting the freedom of global mobility, showing beyond doubt, that the value of having strong passport in hand has truly become a global trend.

          If this decade taught us one thing; it's that access and freedom are vital catalysts to evolution and progress. There is only one way to unparalleled benefits and opportunities for a brighter future, both for a nation and its citizens, and that is enforcing the importance and power of an increased global mobility.

          About the Passport Index

          Empowered by Arton Capital, the Passport Index has become the world's most popular global mobility intelligence platform providing interactive travel requirements and the ability to compare, rank and improve passports based on their mobility scores.

          For further information: Media Contacts: Mr. Hrant Boghossian, info@passportindex.org, T +1 514 935 6665

         
https://mma.prnewswire.com/media/1059802/Passport_Index_The_Greatest_Passports_of_the_Decade___The_Rise_o.jpg

งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ CIFF (กว่างโจว) ปี 2020 ทรงอิทธิพลมากขึ้นในเวทีสากล ประกาศแผนเปิดตัวพาวิลเลียนแบรนด์นานาชาติใหม่เป็นครั้งแรก

          งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ China International Furniture Fair (Guangzhou) หรือ CIFF ครั้งที่ 45 (CIFF Guangzhou 2020) เตรียมเปิดฉากในวันที่ 18-21 มีนาคม และระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม ปีหน้าที่กว่างโจว มหกรรมดังกล่าวจะประกอบด้วยการจัดแสดงสินค้า 3 โซน ที่เน้นในตลาด 3 ภาคส่วนด้วยกัน ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน/อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน/เฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน และ CIFM/Interzum Guangzhou นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวโซน International Brand Hall เป็นครั้งแรกในการจัดแสดง Office Show ด้วย

          มหกรรมครั้งนี้มีพื้นที่จัดแสดงกว้างถึง 760,000 ตารางเมตร พร้อมให้การต้อนรับบรรดาผู้จัดแสดงสินค้าราว 4,300 ราย ตลอดจนคนในวงการที่มาเยือนงานนี้กว่า 300,000 คนจาก 200 ประเทศและดินแดน

          CIFF เป็นงานแสดงสินค้าทรงอิทธิพล ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทาง CIFF ได้พยายามส่งเสริมอิทธิพลในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความหลากหลายของสินค้าที่จัดแสดง ทั้งนี้ พาวิลเลียนแบรนด์ระดับโลกในโซนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน (ฮอลล์ 3.1-5.1) ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยมียอดผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นทุกปี

          ที่งาน CIFF Guangzhou 2020 ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Manwah, HTL, M&D, TA, KODA, Asiades, PREMIER และ ACME หรือแบรนด์น้องใหม่มาแรงอย่าง Sharda, In trading, Kappesberg, Merlino, Star และ Diamond ต่างพร้อมใจจัดแสดงสินค้าในงานนี้

          ด้วยความตั้งใจในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ฮอลล์ 9.3 ในโซน Office Show จะพลิกโฉมเป็นพาวิลเลียนแบรนด์ระดับโลกที่จะรวบรวมแบรนด์ดังทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นพื้นที่จัดแสดงในโซน "International Future Office Exhibition" CIFF ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงนี้เพื่อรื้อและท้าทายความหมายของคำว่า Office-Imagination ซึ่งจะเปลี่ยนการโต้ตอบระหว่างคนกับพื้นที่ ธรรมชาติ และสังคม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

          มหกรรม CIFF มีชื่อเสียงกว้างไกลขึ้นในแต่ละปี จนสามารถดึงดูดผู้จัดแสดงคุณภาพสูงและผู้มาเยือนได้มากมายทั้งจากจีนและต่างประเทศ โดยมหกรรม CIFF Guangzhou 2019 ที่ผ่านมานั้น ได้ให้การต้อนรับผู้มาเยือนทั้งสิ้น 297,759 รายจากกว่า 200 ประเทศและดินแดน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้นำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศ ดีลเลอร์ ผู้ค้าปลีก เครือแบรนด์ นักออกแบบ สถาปนิก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบุคคลในวงการอื่น ๆ

          ในขณะที่จำนวนผู้มาเยือนจากตลาดเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ เช่น สหราชอาณาจักร รัสเซีย อิตาลี เยอรมนี และประเทศอื่น ๆ ในแถบยุโรป ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ผู้มาเยือนจากตลาดเกิดใหม่ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน

          ที่งาน CIFF Guangzhou 2019 ประเทศที่มีจำนวนผู้ซื้อเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย และเวียดนาม รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ตัวเลขผู้มาเยือนจากตะวันออกกลางก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนยอดผู้มาเยือนจากทวีปแอฟริกาก็ปรับตัวขึ้นกว่าสองเท่าตัว

          https://www.ciff-gz.com/en/index

          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191230/2680075-1

TET Comes Early for FE CREDIT Cardholders, with a Bouquet of Incredible Offers from FE CREDIT

          To commence TET celebrations early, VP Bank Finance Company Limited (FE CREDIT), one of Vietnam's largest Credit card issuers has announced the launch of three exciting card promotions.

          - 15X Oi Plus Points: Oi Plus is the only Rewards program, that incentivises everyday spends like groceries, mobile recharge etc. 1 point=1 VND, to ensure no confusion among cardholders. For this festive season, cardholders can get not 10X but 15X points on all spends.
          - Rewarding Utility payments: FE Mobile app provides cardholders the convenience of paying all the utility bills not just once but on a recurring basis. This festive season, all recurring payment enrolments will get a double dip benefit – Oi plus points and Cashback.
          - 2 clicks to get cash with a 5% discount: For any urgent cash needs during this season, cardholders can request cash with just 2 clicks and get a code which can be used to withdraw cash at bank branches and VN Post outlets. For all such transactions, customers will also receive a whopping 5% cashback.

          Mr. Kalidas Ghose, CEO of FE CREDIT said, "As the market leader, FE CREDIT believes in making life Fast and Enriching for its valued cardholders."

          Mr. Nimish Dwivedi, Credit Card Business Center Director of FE Credit continued, "These distinctly structured promotions are other examples of our key focus, which is to provide relevant benefits and value to our core segment of category entrants."

          Ms. Winnie Wong, Country Manager Vietnam, Cambodia and Laos, Mastercard said, "This festive season, FE CREDIT MasterCard(R) card members can enjoy togetherness and peace of mind when paying online with Mastercard (R) SecureCode(TM), which provides an additional layer of online protection."

          About FE CREDIT

          A pioneer in Consumer Finance, FE CREDIT has established a solid foundation to become the market leader in the unsecured consumer loans and credit card market. FE CREDIT currently provides consumer finance services such as personal loans, two-wheeler loans, consumer durable loans, credit cards and insurance. FE CREDIT has served nearly 10 million customers, co-operating with 8,500 partners across 12,000 Point of Sale (POS) outlets nationwide.

          Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191230/2680015-1
          Caption - TET Promotions for FE Credit Cardholders

Asianwallets รุกขยายธุรกิจสู่ญี่ปุ่น

          เมื่อไม่นานมานี้ Asianwallets ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท Globepay และ Trysee ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น โดยทั้งสามบริษัทจะร่วมกันนำเสนอ "บริการชำระเงินในประเทศ" และ "สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก" โดยพุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น

          เข้าถึงนักท่องเที่ยวจากไทยและสิงคโปร์ มุ่งสร้างระบบการชำระเงิน การบอกรับสมาชิก การจอง และการตลาดแบบปิด

          ข้อมูลสถิติจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นระบุว่า นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น 1,132,100 คนในปี 2561 เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น 468,300 คน เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ ร้านค้าพันธมิตรของ Asianwallets ในญี่ปุ่นสามารถรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 1.6 ล้านคนที่ใช้แอปชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือของประเทศตัวเองในการจับจ่ายใช้สอยในญี่ปุ่น

          Asianwallets ผสมผสาน "สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก" ของบรรดาร้านค้าพันธมิตร พร้อมเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากไทยและสิงคโปร์ผ่านสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการตลาดแบบปิด นั่นคือ "การให้บริการลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว ด้วยบริการชำระเงินที่มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก"

          Globepay ผู้ส่งเสริมการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น

          Globepay ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดยมีสาขาในจีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ธุรกิจหลักของบริษัทคือการนำเสนอบริการด้านการตลาดและการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือให้แก่ร้านค้าพันธมิตร โดย Pitt Li ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท เคยทำงานให้กับ Baidu, Gaopeng และอีกหลายบริษัท ในปี 2560 เขาได้นำทีมงานรุกสู่ตลาดการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้บริษัทเป็นพันธมิตรจากต่างประเทศรายใหญ่ของ WeBank และมีการทำธุรกรรมเฉลี่ยกว่า 1.5 พันล้านครั้ง

          Trysee แพลตฟอร์มบริการ SaaS และการชำระเงินครบวงจรในญี่ปุ่น

          Trysee ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 บริษัทมีประสบการณ์ยาวนานหลายปีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง และอีคอมเมิร์ซของญี่ปุ่น ส่งผลให้สามารถพัฒนาการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างรวดเร็ว บริษัทร่วมมือกับ WeChat Pay, Alipay และผู้ให้บริการชำระเงินรายอื่น ๆ เพื่อนำเสนอบริการชำระเงินครบวงจรให้แก่ร้านค้าพันธมิตรในญี่ปุ่น บริษัทอาศัยจุดแข็งด้านการพัฒนาระบบและการดำเนินงานเพื่อให้บริการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงบริการพัฒนาระบบและบำรุงรักษาสำหรับธุรกิจร้านอาหารและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามแดนในญี่ปุ่น

CIFF Guangzhou 2020 Grows in International Influence as it is set to debut a New International Brand Pavilion

          The 45th China International Furniture Fair (Guangzhou) (CIFF Guangzhou 2020) is scheduled to be held from March 18 to 21 and 28 to 31, 2020 in Guangzhou. The Fair will include three trade shows focused on three market segments: Home Furniture/Home Decor/Outdoor Furniture, Office Furniture, and CIFM/Interzum Guangzhou. It is also set to debut the International Brand Hall in the Office Show.

          The 760,000m2 fair is ready to welcome 4,300 exhibitors and play host to more than 300,000 professional visitors from 200 countries and regions.

          As a flagship trade fair, CIFF has continuously promoted its international influence and the diversity of its offerings. The pavilion for global brands in Home Furniture section (Hall 3.1-5.1) has garnered much attention, with foot traffic increasing yearly.

          At CIFF Guangzhou 2020, both well-known international brands, including Manwah, HTL, M&D, TA, KODA, Asiades, PREMIER and ACME, and rapidly developing new brands such as Sharda, In trading, Kappesberg, Merlino, Star and Diamond will all be present.

          As part of a constant drive for innovation, Hall 9.3 in the Office Show will transform into an international brand pavilion hosting well-known brands for the "International Future Office Exhibition." The exhibition has been designed by CIFF to deconstruct and challenge the meaning of Office-Imagination, changing people's interaction with space, nature and society in the present and the future.

          With the increasing international stature, CIFF attracts many high-quality exhibitors and professional visitors from both China and abroad. The CIFF Guangzhou 2019 hosted 297,759 visitors from more than 200 countries and regions, including international importers and exporters, dealers, retailers, brand chains, designers, architects, real estate developers and other professionals.

          While the number of visitors from prominent furniture markets UK, Russia, Italy, Germany and other European countries has continued to increase, the presence of buyers from emerging markets has also significantly increased.

          At CIFF Guangzhou 2019, the countries with the most significant growth in the number of buyers are Australia, India, Indonesia, Malaysia, the Philippines, Singapore, South Korea, Thailand and Vietnam as well as other Southeast Asian countries. The Fair has also seen steady growth in the number of visitors from the Middle East, most notably, Saudi Arabia and the UAE, while the number from Africa more than doubled.

          https://www.ciff-gz.com/en/index

          Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191230/2680075-1

"มะเร็ง" ไม่ใช่แค่เรื่องของใคร เพียงน้ำใจก็ช่วยเยียวยาได้

          ทุกวันนี้ จากการวินิจฉัยของแพทย์พบว่า มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 120,000 คนต่อปี หรือคิดเป็นประมาณ 320 คนต่อวัน และในแต่ละปี มีผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิตประมาณ 80,000 รายต่อปี หรือวันละ 220 ราย คิดเป็นจำนวน 9 คนต่อชั่วโมง หากมองย้อนไปในอดีต ถ้าผลการวินิจฉัยออกมาว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง ความรู้สึก ณ ตอนนั้น คงเหมือนถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว



          อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจแปลกใจ หากได้ยินว่า "โรคมะเร็ง" เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะสถานวิทยามะเร็งศิริราช ซึ่งเป็นสถาบันที่รวมผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษามะเร็งของโรงพยาบาลศิริราช ได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า โรคมะเร็งของผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกัน ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งชนิดเดียวกัน หรือเกิดมะเร็งในอวัยวะเดียวกัน ก็ล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นอาการที่เกิดขึ้น ระยะของโรค ผลการตอบสนองต่อการรักษา การหายขาดหรือโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งมาถึงตรงนี้ บางคนอาจมีคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมมะเร็งของแต่ละคนจึงต่างกัน

          ปัจจัยสำคัญที่กำหนดความแตกต่างดังกล่าวอย่างหนึ่งคือ ลักษณะที่ต่างกันของผู้ป่วย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ อาหารการกิน วิถีชีวิต รวมไปถึงความแตกต่างทางพันธุกรรมของแต่ละคน และการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในก้อนมะเร็งด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้โรคมะเร็งในแต่ละคนแตกต่างกันไป จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมผู้ป่วยโรคมะเร็งชนิดเดียวกัน รักษาด้วยยาสูตรเดียวกันจึงมีการตอบสนองได้ไม่เท่ากัน

          ด้วยเหตุนี้ สถานวิทยามะเร็งศิริราช จึงมีแนวคิดที่จะไขความลับนี้ โดยจัดตั้งโครงการ "การแพทย์แม่นยำในโรคมะเร็ง" เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมของชิ้นเนื้อมะเร็งจากผู้ป่วย 2,000 ราย และสร้างฐานข้อมูลพันธุกรรมมะเร็งของประเทศไทย ข้อมูลนี้ส่วนหนึ่งจะถูกใช้ในการวางแผนการรักษามะเร็งได้แบบเฉพาะบุคคล อีกทั้งข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวยังสามารถชี้ทางสว่างให้แก่การรักษามะเร็งบางชนิดที่ปัจจุบันผู้ป่วยมีโอกาสรอดน้อย และยังใช้เป็นฐานข้อมูลในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มวิจัยมะเร็งในระดับประเทศและระดับโลกได้อีกด้วย

          การถอดรหัสพันธุกรรมมะเร็งนี้ใช้ทุนวิจัยสูงราว 100,000 บาทต่อราย ซึ่งในขณะนี้สถานวิทยามะเร็งฯ สามารถเก็บรวบรวมชิ้นเนื้อมะเร็งและถอดรหัสพันธุกรรมมะเร็งไปได้เพียง 100 กว่ารายเท่านั้น จึงยังต้องการชิ้นเนื้อและทุนวิจัยสนับสนุนอีกมากเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย 200 ล้านบาทสำหรับการถอดรหัสพันธุกรรม 2,000 ราย ในการนี้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถแจ้งความจำนงในการบริจาคชิ้นเนื้อมะเร็งสำหรับใช้ในงานวิจัยดังกล่าวได้

          นอกจากนี้ ทุนวิจัยเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมากในการสนับสนุนให้โครงการดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ 200 ล้านบาท ท่านที่สนใจสามารถร่วมบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานวิจัยดังกล่าว ได้ที่

          บัญชี ศิริราชมูลนิธิ กองทุนสนับสนุนการแพทย์แม่นยำในโรคมะเร็ง (D3906)
          บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ 901-7-05999-0
          (สามารถขอรับใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ที่ Line : @Sirirajfoundation โดยส่งหลักฐานพร้อมแจ้งรหัสกองทุน D3906)



Asianwallets entering into the Japanese market

          Recently, Asianwallets has signed cooperation agreements with Japanese mobile payment providers Globepay and Trysee. The three parties will provide "local payment services" and "exclusive benefits for members" targeting Southeast Asian tourists traveling Japan.

          Reaching out to tourists from Thailand and Singapore, to build a closed loop for payments, membership, booking and marketing

          According to statistics released by the Tourism Bureau of the Japanese Government, tourists from Thailand to Japan reached 1,132,100 in 2018, a year-on-year increase of 14.7%. The number of tourists from Singapore to Japan was up to 468,300, a year-on-year increase of 8.2%. Connecting with Asianwallets means that Japanese partner merchants can support more than 1.6 million tourists to use their local mobile payment apps to pay for purchases.

          Asianwallets has targeted integration of "members' rights" of partner merchants, and reached out to tourists from Thailand and Singapore through upstream financial institutions, to realize the closed loop marketing of "tourists are the customers, and payment endows them with membership benefits".

          Globepay, Japan's mobile payment promoter

          Globepay was established in 2017 and has set up branches in China, Japan, the United Kingdom, and the United States. Its main business is to provide mobile payments and marketing services for partner merchants. Pitt Li, its founder and CEO, has previouslyworked for Baidu, Gaopeng and many other companies. In 2017, he led the team to explore the mobile payment market in Japan, the United Kingdom, and the United States, making the company a major overseas partner of WeBank and reaching the average transaction of over 1.5 billion.

          Trysee, the Japanese aggregate payment and SaaS service platform

          Trysee was founded in 2008. Thanks to its years of market operation in Japanese tourism, catering, and e-commerce industries, it can rapidly promote mobile payments. It cooperates with WeChat Pay, Alipay and local payment companies to provide aggregate payment services for Japanese partner merchants. Based on its own advantages of system development and operation, it provides services including system development and operational maintenance for Japanese restaurant chains and cross-border e-commerce platforms.



คริสตัล ลากูนส์ จับมือ NexPlan พัฒนาทะเลสาบน้ำใสเพื่อการใช้งานสาธารณะ 30 แห่งทั่วเกาหลีใต้

          เมื่อเรานึกถึงประเทศเกาหลี สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเราคือมหานครอันแออัด อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อไม่นานมานี้ คริสตัล ลากูนส์ (Crystal Lagoons) บริษัทนวัตกรรมข้ามชาติ ได้ลงนามในสัญญาที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของบริษัทในประเทศเกาหลี เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทะเลสาบน้ำใสสำหรับการใช้งานสาธารณะ หรือ Public Access Lagoons (PALs) ซึ่งสร้างและจดสิทธิบัตรโดยคริสตัล ลากูนส์


          ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า โครงการดังกล่าวจะมียอดขายต่อปีสูงกว่า 1.000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเปิดให้บริการ ลากูน PALs เหล่านี้จะรองรับประชาชนกว่า 30 ล้านคนต่อปี โดยโครงการจะได้รับการพัฒนาในหลายเมืองทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างคริสตัล ลากูนส์ กับ NexPlan

          "PALs จะเปลี่ยนทุกทำเลให้กลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของเมือง สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สภาพแวดล้อมของเมือง พร้อมเนรมิตชีวิตริมชายหาดมาอยู่ใกล้เพียงหน้าประตูบ้านของชาวเมือง" Cristian Lehuede ผู้อำนวยการบริหารของ คริสตัล ลากูนส์ กล่าว

          บริเวณโดยรอบทะเลสาบที่ใสสะอาดดุจคริสตัลนั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากมาย ซึ่งสามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คลับชายหาด ร้านค้าปลีก อัฒจันทร์สำหรับจัดคอนเสิร์ต การแสดง และฉายภาพยนตร์ ตลอดจนจนกิจกรรมความบันเทิงและวัฒนธรรมมากมาย ซึ่งจะเปลี่ยน PALs ให้กลายเป็นจุดนัดพบแห่งศวรรษที่ 21

          โครงการแรกในเกาหลีใต้จะตั้งอยู่ที่เมืองนานาชาติซงโด บนที่ดินสาธารณะที่ได้รับสัมปทาน ซึ่งจะมีทะเลสาบน้ำใสดุจคริสตัลขนาด 6.8 เอเคอร์ ล้อมรอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าปลีก อัฒจันทร์สำหรับการแสดง และอีกมากมาย ฯลฯ

          "หนึ่งในรูปแบบความบันเทิงหลักสำหรับชาวเกาหลีคือ ห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ดี PALs จะมอบประสบการณ์ใหม่แก่คนในพื้นที่ที่จะทำให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตนเอง นี่เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก โดยห้างสรรพสินค้าจะถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่โล่งเพื่อนำเสนอประสบการณ์และทางเลือกแบบใหม่ เช่น ลากูนเหล่านี้" Lehuede กล่าวเสริม

          ผู้บริหารของคริสตัล ลากูนส์ กล่าวถึงความสำเร็จของ PALs ทั่วโลก โดยระบุว่า "โครงการเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของสัญญาของคริสตัล ลากูนส์ เสน่ห์ของทะเลสาบน้ำใสอยู่ตรงที่มีคนมาใช้พื้นที่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่รวดเร็ว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและบำรุงรักษาไม่สูง คริสตัล ลากูนส์ มีโครงการ PAL จำนวน 200 โครงการที่อยู่ในระยะต่าง ๆ ของการเจรจา การก่อสร้าง และการดำเนินงาน ทั่วยุโรป เอเชีย อเมริกา และแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศไทย สเปน อิตาลี ตุรกี อินโดนีเซีย ดูไบ แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และชิลี" Cristian Lehuede ยืนยันปิดท้าย



Crystal Lagoons Partners with NexPlan to Develop 30 Public Access Lagoons in Korea

          When we think of Korea, we immediately relate it to crowded metropolises. Crystal Lagoons has recently signed one of the firm's most important contracts in the country, that entails 30 Public Access Lagoons (PAL), created and patented by the multinational innovation company.


          The annual sales for the projects are estimated to be over US$ 1.000 million and, once operational, projections indicate that these PALs alone will receive more than 30 million people on a yearly basis. The projects will be developed in several cities across the country as result of a partnership between Crystal Lagoons and NexPlan.

          "PALs transform any location into the most entertaining spot in the city, and add significant value to urban environments, creating beach life on people's doorstep," explains Cristian Lehuede, Executive Director at Crystal Lagoons.

          Attractive amenities surround these monumental crystalline bodies of water, which can be accessed via ticketed entry, such as restaurants, beach clubs, retail stores, amphitheaters as well as entertainment and cultural activities, for hosting concerts, shows and film screenings, converting PALs into the meeting spot of the 21st century.

          The first project in Korea will be located in Songdo International City, on public land granted under concession. It will include a 6.8-acre crystalline lagoon and will be surrounded by restaurants, retail stores, and an amphitheater for shows, etc.

          "One of the main forms of entertainment for Koreans are shopping malls. PALs will offer locals a new experience, allowing them to change their lifestyle. This is part of a growing, worldwide trend in which malls are being reconverted into open spaces and the need to offer new functional alternatives and experiences, such as these lagoons," adds Lehuede.

          According to the executive, the worldwide success of PALs means "they concentrate 80% of Crystal Lagoons contracts. Their allure lies in that they are used by large numbers of people. Furthermore, they allow for a rapid return on investment, since they have low construction and maintenance costs. Crystal Lagoons already has 200 PAL projects in different stages of negotiation, construction and operation throughout Europe, Asia, America and Africa, specifically Thailand, Spain, Italy, Turkey, Indonesia, Dubai, South Africa, Australia and Chile," confirms Cristi?n Lehuede.



TCL เตรียมจัดแสดงเทคโนโลยี Mini-LED เจเนอเรชั่นใหม่ในมหกรรม CES 2020

          TCL Electronics (1070.HK) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมทีวีระดับโลก และผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำ เตรียมจัดแสดงเทคโนโลยี Mini-LED เจเนอเรชั่นใหม่ รวมถึงนวัตกรรมเรือธงอีกมากมายในมหกรรม CES 2020 ที่ลาสเวกัส ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคมปีหน้า


          TCL คือหนึ่งในแบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุด บริษัทพัฒนาโซลูชันทีวีขั้นสูงและเปิดตัวทีวีรุ่นแรกของโลกที่ใช้ Mini-LED back-lights ประสิทธิภาพสูงในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปเมื่อช่วงต้นปีนี้ พร้อมกับเดินหน้าพัฒนาและผลักดันเทคโนโลยี Mini-LED เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี Quantum Contrast ที่เป็นมาตรฐานใหม่ด้านความคมชัดของทีวี โดยมีการใช้ Mini-LED หลายหมื่นดวงในทีวีรุ่นพรีเมียมของ TCL เพื่อความคมชัดอย่างเหนือชั้น บริษัทจะยกระดับมาตรฐานอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี Mini-LED เจเนอเรชั่นใหม่ในการแถลงข่าวที่งาน CES ในวันที่ 6 มกราคม 2563 โดยสื่อมวลชนชั้นนำจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันในงานนี้

          เควิน หวัง ซีอีโอของ TCL Industrial Holdings และ TCL Electronics กล่าวว่า "TCL รู้สึกยินดีที่ได้เข้าร่วมมหกรรมเทคโนโลยีสุดยิ่งใหญ่ และได้ยืนอยู่บนเวทีที่ทรงเกียรติที่สุดเพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าล่าสุดของเทคโนโลยี Mini-LED รวมถึงวิสัยทัศน์ของเราที่มีต่ออุตสาหกรรมในยุค AI และ IoT เรามุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ผมหวังว่าทีวีรุ่นใหม่จะช่วยยกระดับชีวิตของผู้บริโภคด้วยการนำความสุขไปสู่ทุกครัวเรือนทั่วโลก เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเรา"

          TCL เตรียมสตรีมการแถลงข่าวในงาน CES ผ่านโซเชียลมีเดียของบริษัท ได้แก่

          Facebook - @tclelectronicsglobal
          Twitter - @TCL_TV_Global and @TCL_USA
          YouTube - @TCL Electronics and @TCL USA

          การแถลงข่าวของ TCL:
          วันที่ 6 มกราคม 2563
          เวลา 12.00 น. ตามเวลา PST
          สถานที่ Ballroom D, Oceanside, Mandalay Bay Convention Center

          บูธของ TCL:
          วันที่ 7-10 มกราคม 2563
          บูธ #12930, Central Hall, Las Vegas Convention Center

          เกี่ยวกับ TCL
          TCL Electronics (1070.HK) คือผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทีวีระดับโลก บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2524 ในประเทศจีน และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในตลาดกว่า 160 แห่งทั่วโลก บริษัทที่ปรึกษา Sigmaintell จัดอันดับให้ TCL รั้งอันดับสองในตลาดทีวีโลกเมื่อพิจารณาจากยอดขายในช่วงไตรมาส 1-3 ปี 2562 ทั้งนี้ TCL มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย การพัฒนา และการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหลากหลายประเภท ตั้งแต่ทีวี เครื่องเสียง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม



TCL to Showcase Next Generation Mini-LED Technology at CES 2020

          TCL Electronics (1070.HK), a dominant player in the global TV industry and leading consumer electronics company, will showcase the next generation of Mini-LED technology among a full suite of flagship innovations at CES 2020 in Las Vegas, January 7–10.


          Already one of the fastest-growing consumer electronics brands thanks to its advanced TV solutions, including bringing the world's first television utilizing high-performance Mini-LED back-lights to North America and Europe earlier this year, TCL continues to improve and drive the penetration of Mini-LEDs. With Quantum Contrast technology, a new standard for TV picture quality has been established with tens of thousands of individual Mini-LEDs powering TCL's most premium models for a display that delivers unrivaled contrast and brilliant clarity. The company will raise the bar once again and unveil the next generation of Mini-LED performance at its CES press conference on January 6, 2020 where top media outlets from around the world will gather.

          "TCL is thrilled to be at tech's biggest show and stand on tech's grandest stage to share our latest Mini-LED developments alongside our vision for the industry in the AI and IoT age," said Kevin Wang, CEO of TCL Industrial Holdings and TCL Electronics. "TCL is committed to offering a wider range of products to satisfy the needs of consumers and provide them with better, more personalized experiences. Like all of our products, I hope this new line of TVs improves their lives by bringing joy into homes worldwide."

          TCL's CES announcements will also be streamed through the company's social media platforms:

          Facebook - @tclelectronicsglobal
          Twitter - @TCL_TV_Global and @TCL_USA
          YouTube - @TCL Electronics and @TCL USA

          TCL Press Conference:
          January 6, 2020
          12:00pm PST
          Ballroom D, Oceanside, Mandalay Bay Convention Center

          TCL Booth:
          January 7–10, 2020
          Booth #12930, Central Hall, Las Vegas Convention Center

          About TCL
          TCL Electronics (1070.HK) is a fast-growing consumer electronics company and leading player in the global TV industry. Founded in 1981 in China, it now operates in over 160 markets globally. According to Sigmaintell, TCL ranked 2nd in the global TV market in terms of sales volume in Q1-Q3 2019. TCL specializes in the research, development and manufacturing of consumer electronics products ranging from TVs, audio and smart home products.



Friday, December 27, 2019

Sinopec ประกาศความสำเร็จของการใช้ระบบขุดเจาะแบบหมุน Sinomacs ATS I ที่แหล่งน้ำมันเซิงหลี่ มณฑลซานตง

          China Petroleum & Chemical Corporation (Sinopec) (HKEX: 386; SSE: 600028; NYSE: SNP) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ หลังจากที่ Sinomacs ATS I ระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง สามารถขุดเจาะได้ลึก 857 เมตร หลังจากทำงานติดต่อกันไม่หยุดนาน 141 ชั่วโมง ในระหว่างวันที่ 13-19 ธันวาคม ที่แหล่งน้ำมันเซิงหลี่ มณฑลซานตง ประเทศจีน



          Sinomacs ATS I มีอัตราการสะสมสูงสุด 6.6 องศาต่อ 30 เมตร คุณหลิว หรู่ซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแท่นขุดเจาะ ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพโดยรวมของระบบขุดเจาะนี้ว่าเป็น "ผลลัพธ์สำคัญที่เข้ามาแก้ปัญหาของระบบขุดเจาะแบบหมุนแบบเดิม ๆ"

          ระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ช่วยให้การขุดเจาะแหล่งก๊าซและน้ำมันใต้ดินมีความรวดเร็วขึ้นแต่ใช้ต้นทุนน้อยลง จึงเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทปิโตรเลียมเลือกใช้ในการขุดหลุมแนวนอน เพราะสามารถเจาะโดนเป้าหมายอย่างแม่นยำทุกครั้งตามที่กำหนด

          หลุมเอียง (directional well) กว่า 40% ทั่วโลกใช้ระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ แต่เทคโนโลยีนี้พัฒนาได้ยาก เพราะต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนาแบบบูรณาการหลายสาขา

          ทีมวิจัยและพัฒนาของ Sinopec เริ่มนับหนึ่งจากหลักการออกแบบและการคำนวณอันเป็นผลพวงมาจากการทดลอง การทดสอบ และการจำลองชิ้นส่วนเครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์นับครั้งไม่ถ้วน โดยระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2555

          หนึ่งปีต่อมา ระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ของ Sinopec ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการทดสอบภาคสนามทั้งสี่ส่วน ได้แก่ การตรวจสอบพื้นผิว การสื่อสารสองทาง การตรวจวัดค่าระหว่างขุดเจาะ และการบังคับทิศทางการขุดเจาะ

          นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา Sinopec ได้วิจัยและพัฒนาระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น หลังการพัฒนายาวนาน 20 ปี ในที่สุดระบบดังกล่าวก็กลายเป็นเทคโนโลยีที่สมบูรณ์ และจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเป็นที่เรียบร้อย

          เฉิน ซีคุน รองประธานและกรรมการบริหารของ Sinopec Oilfield Service Corporation กล่าวว่า "แม้แต่ในช่วงที่ตลาดปิโตรเลียมชะลอตัว Sinopec ก็ยังทุ่มเททรัพยากรมหาศาลเพื่อให้การวิจัยและพัฒนาระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ดำเนินต่อไป"

          "Sinopec จะเดินหน้าพัฒนาและส่งเสริมการใช้งานระบบขุดเจาะแบบหมุนบังคับทิศทางได้ และจะผลิตในปริมาณมากในอนาคต เพื่อผลักดันให้บริการขุดเจาะก๊าซและน้ำมันของ Sinopec เดินหน้าไปสู่การพัฒนาอย่างมืออาชีพและมีคุณภาพสูง"

          เกี่ยวกับ Sinopec Corp.

          Sinopec Corp. คือหนึ่งในบริษัทพลังงานและเคมีแบบบูรณาการรายใหญ่ที่สุดในจีน ธุรกิจหลักของบริษัทครอบคลุมการสำรวจ การผลิต การขนส่ง และการจำหน่ายปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและถ่านหิน เส้นใยสังเคราะห์ ปุ๋ย และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์และเทคโนโลยีอีกมากมาย นอกจากนี้ Sinopec ยังมุ่งมั่นในการวิจัย การพัฒนา และการใช้เทคโนโลยีพลังงาน

          พันธกิจของ Sinopec คือการ "เติมพลังให้ชีวิตสวยงาม" บริษัทยึดมั่นในกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การจัดสรรทรัพยากรแบบบูรณาการ ความร่วมมือที่เปิดกว้าง รวมถึงการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างสรรค์บริษัทพลังงานและเคมีชั้นนำระดับโลก

Sinopec Masters Sinomacs ATS I Steerable Drilling System with Major Breakthrough in SLOF Oil Field

          China Petroleum & Chemical Corporation ("Sinopec" or the "Company") (HKEX: 386; SSE: 600028; NYSE: SNP) has announced a significant breakthrough as its self-developed Sinomacs ATS I type rotary steerable drilling system drilled to a depth of 857 meters after working 141 hours non-stop from December 13 to 19 in an oil well in SLOF (Shengli Oil Field), Shandong Province.

          The build-up rate of Sinomacs ATS I reached a maximum of 6.6 degrees per 30 meters, the overall performance was commented by notable drilling rig technology expert Liu Rushan as "landmark results that solved the problems associated with traditional rotary drilling systems."

          The steerable rotary drilling system is the farsighted and fleet-footed assistant of the drill that enables faster drilling in underground gas and oil reservoirs at a lower cost. It's the preferred technology of petroleum companies to complete horizontal well drilling due to its ability to hit targets every time according to the designed track accurately.


          More than 40 percent of the directional wells in the world are implementing this system, but it's an immensely difficult technology to develop due to a large number of fields involved in the R&D process.


          The Sinopec R&D team started from scratch with a design principle and calculation born from countless experiments, tests and stimulations on the mechanical components, electronics and software. The first static push-type steerable rotary drilling system was created in December 2012.


          One year later, Sinopec's steerable rotary drilling system marked continuous success across four modules of ground monitoring, two-way communication, MWD and downhole steering control in field tests.


          Since 1999, Sinopec has researched and developed the steerable rotary drilling system independently. After 20 years, it has finally become a complete technology and equipment system with proprietary intellectual property rights.


          "Even when the petroleum market was slow, Sinopec invested tremendous resources in ensuring the R&D of the steerable rotary drilling system," said Chen Xikun, vice chairman and executive director of Sinopec Oilfield Service Corporation.

          "Sinopec will continue to develop and promoting the application of the steerable rotary drilling system to mass-produce the technology in the future so that Sinopec's gas and oil services will move towards the path of high-end and professional development."



          About Sinopec Corp.


          Sinopec Corp. is one of the largest integrated energy and chemical companies in China. Its principal operations include the exploration, production, transportation and sale of petroleum and natural gas, petrochemical and coal chemical products, synthetic fiber, fertilizer and other chemical products, as well as other commodities and technologies. In addition, Sinopec is engaged in the research, development and application of energy technologies.


          With a corporate mission of "fueling beautiful life," Sinopec pursues strategies of value-orientation, innovation-driven development, integrated resource allocation, open cooperation and green and low-carbon growth to build a world-leading energy and chemical company.

          Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191227/2679691-1
          Caption - Sinopec Masters Sinomacs ATS I Steerable Drilling System with Major Breakthrough in SLOF Oil Field

จีนจัดเทศกาลสมุนไพร “เออเจียว” ที่อำเภอตงเอ๋อ มณฑลซานตง

          เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา เทศกาลตงจือเออเจียว (Dongzhi Ejiao Festival) ครั้งที่ 13 ได้จัดขึ้นที่อำเภอตงเอ๋อ มณฑลซานตง ประเทศจีน ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของสมุนไพร "เออเจียว" งานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากแผนกสมุนไพรของสมาคมแพทย์แผนจีนแห่งประเทศจีน คณะกรรมการพิเศษด้านสมุนไพรเออเจียวของสมาคมแพทย์แผนจีนโบราณแห่งประเทศจีน ศูนย์วิจัยวิศวกรรมแห่งชาติด้านเจลาตินในการแพทย์แผนจีนโบราณ และจัดขึ้นโดยสมาคมผู้ค้าสมุนไพรเออเจียวแห่งมณฑลซานตง ร่วมกับบริษัท ตงเอ๋อ เออเจียว จำกัด (DEEJ)

          งานนี้จัดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการแพทย์แผนจีนโบราณ รวมถึงเผยแพร่แนวคิดการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนจีนโบราณ และสนับสนุนการพัฒนาบริการด้านการแพทย์แผนจีนโบราณ โดยมีการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมการแพทย์แผนจีนโบราณ เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และเจลาติน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการของสมุนไพรเออเจียวในฐานะยาบำรุงในฤดูหนาว

          ในพิธีเปิดงาน DEEJ ได้เปิดตัว Yan Zhen Qing Ejiao Cubilose ผลิตภัณฑ์เออเจียวสำเร็จรูปใหม่ล่าสุด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่คิดค้นโดย DEEJ หลังจากประสบความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ Fresh Instant Ejiao ไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหลากหลายมากขึ้น และช่วยให้ผู้บริโภคบำรุงร่างกายในฤดูหนาวได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

          ภายในงานนี้ DEEJ และสถาบันวิจัยอุปกรณ์ขั้นสูงเทียนจิน มหาวิทยาลัยชิงหัว ได้ร่วมกันลงนามจัดตั้งโครงการ Smart TCM Healthcare Project นอกจากนี้ DEEJ ได้ประกาศมาตรฐานคุณภาพสมุนไพรเออเจียว (Ejiao Quality Standards) และเจตจำนงสุจริต (Declaration of Integrity) ร่วมกับองค์กรการค้า สถาบันวิจัยและพัฒนา ผู้ผลิต และองค์กรทดสอบการดำเนินงานหลายแห่ง เช่น สมาคมแพทย์แผนจีนโบราณแห่งประเทศจีน, ศูนย์วิจัยวิศวกรรมแห่งชาติด้านเจลาตินในการแพทย์แผนจีนโบราณ, Ali Health และ JD Health โดยการประกาศมาตรฐานคุณภาพสมุนไพรเออเจียวและเจตจำนงสุจริตจะช่วยยกระดับมาตรฐานการกำหนดกฎเกณฑ์ในอุตสาหกรรมและการควบคุมตลาดสมุนไพรเออเจียว เพื่อรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์เออเจียว ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรเออเจียวอย่างมีคุณภาพสูง และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์แผนจีนโบราณอย่างมั่นคง

          ที่มา: บริษัท ตงเอ๋อ เออเจียว จำกัด (DEEJ)

          ลิงก์รูปภาพ:
          http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=354719
          http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=354730

          AsiaNet 82329

KUN and BLACKPINK LISA Join Youth With You Season 2

          Top Superstars of China and Thailand Meet on Stage

Youth Producer Representative KUN and Dance Mentor BLACKPINK LISA

          Youth With You, an iQIYI-produced show where individuals realize their dream of becoming idols, just announced its new guest lineup. KUN, crowned champion of Idol Producer with 47.64 million votes, will take over the role of EXO's LAY as the new "Youth Producers' Representative". BLACKPINK LISA and JONY J will serve as mentors for dance and rap, respectively.

          KUN and BLACKPINK LISA are both top-level superstars in Asia.

          BLACKPINK LISA trained for 5 years at YG Entertainment--of BIGBANG fame--and then skyrocketed to stardom. She attracted 20 million fans within a year, breaking into Instagram's "Most Followed Accounts" for Asian stars as the youngest artist.

          Being about the same age, KUN debuted by taking first place on Idol Producer. He perfected his singing and dancing skills for 2.5 years before the competition and through the show, became the leader of NINEPERCENT. On China's largest social media network, Weibo, KUN has gathered nearly 27 million fans, and the activeness of his followers consistently ranks first -- standing out as a super idol in China.

          Besides their enormous appeal to fans, they also make a comparable match in terms of singing and dancing abilities, especially when they take over the stage with irresistible charisma.

          BLACKPINK's popularity is evident on YouTube, where its music videos garnered more views than any other girl group. It has also made history as the first female KPOP group to be featured on the cover of Billboard magazine and to perform at the Coachella Music Festival in the United States.

          Not to be outdone, KUN released 12 original songs within the year and a half since his debut, demonstrating his talents as lyricist, composer, and producer. Of these, the music video of Pull Up topped the Billboard China V Chart for 8 consecutive weeks. Pull UP and Wait Wait Wait dominated the Fresh Asia charts for 2 months.

          Youth With You season 2 can be considered the first collaboration between beloved Chinese and Thai idols KUN and BLACKPINK LISA, and expects to attract the attention of countless viewers.

          The second season of Youth With You will pick up a 9-person group out of 100 contestants. In 4 months, KUN and LISA will be witnessing the rise of these new superstars.



บลิ๊งค์ไทยเตรียมเฮ! "ลิซ่า แบล็กพิงก์" ประกบ "คุน" เข้าร่วมรายการ Youth With You ซีซั่น 2

          ซุปเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเอเชียเตรียมโคจรพบกันบนเวที

Youth Producer Representative KUN and Dance Mentor BLACKPINK LISA

          รายการ Youth With You ที่ผลิตโดย iQIYI ซึ่งเหล่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะเข้ามาสานฝันในการเป็นไอดอล ประกาศรายชื่อแขกรับเชิญใหม่ ได้แก่ คุน (KUN) ผู้ชนะจากรายการ Idol Producer ด้วยคะแนน 47.64 ล้านโหวต ที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนเลย์ จากวง EXO ในฐานะ "Youth Producers' Representative" คนใหม่ พร้อมด้วยลิซ่า แบล็กพิงก์ และโจนี่ เจ ที่จะเข้ามาเป็นเมนเทอร์ด้านการเต้นและการแร็ป

          คุน และลิซ่า แบล็กพิงก์ ต่างเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเอเชีย

          ลิซ่า แบล็กพิงก์ เข้ารับการฝึกที่ YG Entertainment ซึ่งเป็นต้นสังกัดบอยแบนด์ตัวท็อปอย่าง BIGBANG เป็นเวลาถึง 5 ปี และประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด เธอมีแฟนคลับติดตามผลงานถึง 20 ล้านคนภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว จนก้าวขึ้นเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุด ในการจัดอันดับดาราเอเชียที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบน Instagram

          ด้วยวัยที่ไล่เลี่ยกัน คุนเดบิวต์จากการคว้าอันดับ 1 ในรายการ Idol Producer เขาฝึกฝนทักษะด้านการร้องและการเต้นจนเป็นเลิศถึง 2 ปีครึ่งก่อนเข้าร่วมการแข่งขันและตลอดการแข่งขัน จนกลายเป็นลีดเดอร์ของวง NINEPERCENT อีกทั้งคุนยังมีแฟนคลับเกือบ 27 ล้านคนบน Weibo ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน และความเคลื่อนไหวของแฟนคลับอยู่อันดับแรกอยู่เสมอ ทำให้เขาโดดเด่นในฐานะสุดยอดไอดอลของจีน

          นอกเหนือจากพลังดึงดูดแฟนคลับอันมหาศาลแล้ว พวกเขายังเป็นคู่ที่เหมาะสมในแง่ของทักษะการร้องและการเต้นอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนเวทีด้วยคาริสม่าที่ไม่อาจต้านทานได้

          ความนิยมของวง BLACKPINK เห็นได้ชัดจาก YouTube ซึ่งมียอดเข้าชมมิวสิควิดีโอสูงกว่าเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่น ๆ ตลอดจนสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป เค-ป๊อป วงแรก ที่ขึ้นปกนิตยสาร Billboard และแสดงที่งาน Coachella Music Festival ในสหรัฐอเมริกา

          ทางด้านคุนเองก็ไม่แพ้กัน เพราะเขาปล่อยเพลงถึง 12 เพลงภายในเวลาเพียงปีครึ่งนับตั้งแต่เดบิวต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในฐานะนักเขียนเพลง นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์  อีกทั้งมิวสิควิดีโอเพลง Pull Up ของเขายังติดอันดับหนึ่งบน Billboard China V Chart เป็นเวลา 8 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเพลง Pull UP และ Wait Wait Wait ครองชาร์ต Fresh Asia เป็นเวลาถึง 2 เดือน

          Youth With You ซีซั่น 2 ถือเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างไอดอลจากจีนและไทยที่เป็นที่รักอย่างคุนและลิซ่า ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมนับไม่ถ้วน

          รายการ Youth With You ซีซั่น 2 จะคัดเลือกกลุ่มไอดอล 9 คนจากผู้แข่งขัน 100 คน โดยตลอดทั้ง 4 เดือน คุนและลิซ่าจะเห็นการแจ้งเกิดของซุปเปอร์สตาร์หน้าใหม่เหล่านี้



Thursday, December 26, 2019

XCMG ติดโผ 500 แบรนด์ทรงอิทธิพลของโลกเป็นครั้งแรก

นิวยอร์ก--25 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          World Brand Lab บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก จัดอันดับให้บริษัท XCMG (SHE: 000425) ผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างชั้นนำของจีน เป็นหนึ่งใน 500 แบรนด์ทรงอิทธิพลของโลกเป็นครั้งแรก

          การจัดอันดับแบรนด์ทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2562 มีการพิจารณาอิทธิพลของแบรนด์ ส่วนแบ่งตลาด ความภักดีต่อแบรนด์ และความเป็นผู้นำในระดับโลกของแบรนด์ชั้นนำกว่า 8,000 แบรนด์ทั่วโลก และคัดเลือกจนเหลือแบรนด์ทรงอิทธิพลที่สุด 500 อันดับ โดย XCMG เป็นหนึ่งใน 40 แบรนด์จีนที่ได้รับการจัดอันดับ และเป็นหนึ่งใน 4 บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างทั่วโลกที่ติดโผดังกล่าว

          ลู่ ฉวน รองประธานบริษัท XCMG กล่าวว่า "อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฮเอนด์มีชีวิตชีวาอีกครั้งในยุคดิจิทัล อุตสาหกรรมเครื่องจักรก่อสร้างจีนพัฒนาไปมากในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากโอกาสด้านการก่อสร้างและการลงทุนมากมาย ตลอดระยะเวลา 76 ปีที่ผ่านมา XCMG สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและเป็นผู้นำในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมจนก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สากลระดับเฟิร์สคลาส"

          XCMG พัฒนาโดยยึดมั่นในแนวคิด "ทันสมัยและทนทาน" ที่หยั่งรากลึกในนวัตกรรมและความยั่งยืนขององค์กร เพื่อรับประกันความพึงพอใจของลูกค้า

          XCMG ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ได้มาตรฐาน เพื่อแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ในอุตสาหกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา

          ผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ของ XCMG มอบผลลัพธ์อันน่าประทับใจทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ โดยรถเครนตีนตะขาบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 4,000 ตันของ XCMG ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงานเกือบ 100 ครั้ง และเปิดตัวในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนตุลาคม นอกจากนี้ การเปิดตัวรถขุดเหมืองขนาด 700 ตันของ XCMG ยังทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ 4 ในโลกที่สามารถพัฒนาและผลิตรถขุดเหมืองระบบไฮดรอลิกขนาดเกิน 700 ตัน

          XCMG ดำเนินโครงการเพื่อสังคมทั่วโลก ครอบคลุม 14 โครงการ ใน 5 ภาคส่วน ซึ่งช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมาย จนถึงปัจจุบัน XCMG มีส่วนร่วมในปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติ 20 ครั้ง รวมถึงบริจาคเงิน 30 ล้านหยวน (4.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสร้างบ่อน้ำ 121 แห่งในเอธิโอเปีย ช่วยให้ชาวบ้านและเด็กนักเรียนกว่า 10,000 คนเข้าถึงแหล่งน้ำที่สะอาดปลอดภัย

          เกี่ยวกับ XCMG

          XCMG เป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตเครื่องจักรหนักที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 76 ปี และปัจจุบันรั้งอันดับ 6 ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรก่อสร้างของโลก บริษัทส่งออกสินค้าไปยัง 183 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ด้วยมูลค่าการส่งออก 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

          สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn และ Instagram

          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191224/2679167-1
          คำบรรยายภาพ - XCMG ติดโผ 500 แบรนด์ทรงอิทธิพลของโลกเป็นครั้งแรก

QingCloud ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำ รุกคืบสู่ตลาดโลก โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเป้าหมายแรก

          QingCloud (qingcloud.com) ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับองค์กร ประกาศกลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก โดยมีกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นจุดหมายแรก และถือเป็นฐานการดำเนินงานแห่งแรกนอกประเทศจีนด้วย QingCloud จะนำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์และบริการชั้นนำระดับโลกแก่บริษัทต่าง ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากศูนย์ปฏิบัติการในจาการ์ตา เพื่อผลักดันการพัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

          QingCloud เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ระดับองค์กร บริษัทมีบทบาทสำคัญในตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งของจีน รวมถึงต่างประเทศ ในฐานะผู้สนับสนุนการพลิกโฉมองค์กรธุรกิจสู่ดิจิทัล QingCloud ให้บริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการเงิน การดูแลสุขภาพ การผลิต ภาครัฐ และพลังงาน ตลอดจนการศึกษาระดับอุดมศึกษาและธุรกิจอินเทอร์เน็ตเกิดใหม่ บริษัทสั่งสมประสบการณ์มากมายในด้านการบริการและดูแลลูกค้า

          เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีพลวัตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในทวีปเอเชียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยรวมในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการนวัตกรรมเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ซึ่งด้วยความได้เปรียบในเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ QingCloud เป็นกำลังหลักในการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตเกิดใหม่ในจีนมาตั้งแต่ปี 2555 รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนการพลิกโฉมสู่ดิจิทัลของบริษัทแบบดั้งเดิม ประสบการณ์ของบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรมเป็นส่วนสำคัญในการเร่งนวัตกรรมดิจิทัลทั่วภูมิภาค

          ศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ในจาการ์ตาที่สร้างขึ้นภายในศูนย์ข้อมูลหลักของผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย มาพร้อมกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับเดียวกับผู้ให้บริการ (carrier-grade) ทั้งนี้ เพื่อที่จะนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด รวมถึงคุณภาพในการเข้าถึงเครือข่ายทั่วโลก QingCloud จึงได้ตัดสินใจร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำของอินโดนีเซีย เพื่อรับรองว่าจะสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ รวมถึงเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศได้อย่างครบถ้วน ศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้จะสนับสนุนการใช้ดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกด้วยโครงสร้างพื้นฐานใหม่ โฮสต์ใหม่ และโซลูชันการเชื่อมต่อใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของบริษัทในประเทศที่พร้อมเปิดรับนวัตกรรมและเร่งการพลิกโฉมบริษัทให้เร็วขึ้น

          QingCloud วางแผนที่จะขยายการดำเนินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปอีก ควบคู่กับการเปิดตลาดใหม่ทั่วโลก โดยมีอินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้เป็นเป้าหมายต่อไป QingCloud จะสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนต่อไป

Cloud computing technology leader QingCloud expands into global markets, with first stop in Southeast Asia

          Enterprise-grade cloud service provider QingCloud (qingcloud.com) recently announced its expansion strategy into the global markets, with Jakarta, Indonesia as the first stop. From this first base of operations outside of the home market, QingCloud will offer world-leading cloud technologies and service capabilities to the companies throughout Southeast Asia, driving their rapid development locally and worldwide.

          QingCloud, a technologically leading provider of enterprise-grade cloud services, plays an important role in the Chinese cloud computing market as well as internationally. As an enabler of enterprise-level digital transformation, QingCloud serves customers from a wide range of industries, including finance, healthcare, manufacturing, government and energy as well as higher education and emerging Internet sectors, having accumulated rich experience in customer practices and services.

          Southeast Asia has been the most dynamic region among Asian economies over the recent years. With the overall Internet penetration rate in the region constantly improving, Southeast Asia is seeing increasing demands for technological innovation. Since 2012, with its advantages in technology and innovation, QingCloud has been a key driver in the development of the emerging Internet industry in China, as well as a contributor to the digital transformation of traditional companies. The company's experience across multiple industries has been playing an important role in accelerating digital innovation across the region.

          The new facility in Jakarta, built within the main data center of Indonesia's largest telecommunication operator, comes equipped with full carrier-grade reliability and security. In order to offer the best possible connection solutions and quality of access to networks worldwide, QingCloud chose to team up with the country's leading operator, assuring coverage of the whole of the Indonesian archipelago as well as link ups to all overseas lines. The facility supports digital implementation in Southeast Asia and across the world with new infrastructure, new hosts and new connection solutions that meet the needs of local companies as they embrace innovation and accelerate their transformation.

          QingCloud plans to further expand into the Southeast Asia, while opening up new markets worldwide with India, Africa and South America as the next targets on their roadmap. The company will continue to cooperate with its partners to promote technological innovation and the sustainable development of the digital economy.

JA Solar Will Supply 490MW Modules for Huanghe Hydropower Development's UHV Transmission Project

          JA Solar, a leading manufacturer of high-performance photovoltaic products, announced that it won the bid for supplying 490MW of high-efficiency modules for Huanghe Hydropower's ultra-high voltage (UHV) Transmission Project in Qinghai Province. The project, with a scale of 3.1GW, is the world's leading UHV demonstration project. This is also of great significance for the application of new technologies and exploration of deploying renewable energy projects with UHV.

          JA Solar will supply its mono PERC 9BB half-cell bifacial double-glass modules for the project, facilitating the integration of advanced solar products and the UHV power grid. With a mass production output power of 410W and conversion efficiency of 20.4%, this advanced product incorporates some of the leading technologies, including bifacial cell, 9BB, half-cell and double-glass structure. Specifically, 9BB technology decreases resistance loss; half-cell technology enables better performance in shaded conditions; and the double glass structure allows better adaptability to different environments. Additionally, gallium doping technology is applied to the silicon wafers for effectively mitigating light induced degradation (LID). All of these technologies ensure that the module optimizes power-generating performance. With its strong reliability and environmental adaptability, JA Solar's advanced module has passed the testing of TUV Nord and Intertek, and is ideal for reducing balance of system (BOS) cost and LCOE.

          Mr. Jin Baofang, Chairman of the Board of Directors of JA Solar, stated, "Huanghe Hydropower Development Co., Ltd is a large comprehensive energy company under the State Power Investment Corporation. It has 20-year experience in the construction and development of photovoltaic power stations and has maintained a long-term cooperative relationship with JA Solar. We are honored to cooperate with Huanghe Hydropower on the pioneering project, and will continue to work with our cooperative partners to promote the large-scale application of high-efficiency products to enable the industry to reach grid parity globally."

JA Solar จัดหาโมดูล 490MW ให้โครงการ UHV Transmission Project ของบริษัท Huanghe Hydropower Development

          JA Solar ผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงระดับแนวหน้าของโลก ชนะการประมูลจัดหาโมดูลประสิทธิภาพสูง 490MW ให้แก่โครงการ ultra-high voltage (UHV) Transmission Project ของบริษัท Huanghe Hydropower Development ในมณฑลชิงไห่ ประเทศจีน โครงการดังกล่าวมีขนาด 3.1GW และเป็นโครงการสาธิต UHV ชั้นนำของโลก ทั้งยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในส่วนของการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และการสำรวจโครงการพลังงานหมุนเวียนแบบ UHV

          JA Solar จะจัดหาโมดูล mono PERC แบบกระจกสองชั้นสองหน้าแบ่งครึ่งเซลล์เทคโนโลยี 9BB ให้แก่โครงการดังกล่าว เพื่อบูรณาการโมดูลประสิทธิภาพสูงกับกริดไฟฟ้า UHV โมดูลดังกล่าวมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 410W และมีประสิทธิภาพการแปลงพลังงาน 20.4% มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย เช่น เทคโนโลยี 9BB โครงสร้างกระจกสองชั้น เซลล์แบบสองหน้า และเซลล์แบบแบ่งครึ่ง โดยเทคโนโลยี 9BB ช่วยลดการสูญเสียกำลังไฟฟ้าให้กับความต้านทาน ส่วนเซลล์แบบแบ่งครึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในที่ร่ม และโครงสร้างกระจกสองชั้นช่วยให้ปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีการโดปซิลิคอนเวเฟอร์ด้วยแกลเลียมเพื่อลดการเสื่อมสภาพเพราะแสง (LID) เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยรับประกันว่าโมดูลจะผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โมดูลของ JA Solar มีความน่าเชื่อถือสูงและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี โดยผ่านการทดสอบจาก TUV Nord และ Intertek ทั้งยังช่วยลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบอื่น ๆ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE)

          คุณจิน เป๋าฟาง ประธานคณะกรรมการบริษัท JA Solar กล่าวว่า "บริษัท Huanghe Hydropower Development เป็นบริษัทพลังงานครบวงจรรายใหญ่ในเครือ State Power Investment Corporation บริษัทมีประสบการณ์ยาวนาน 20 ปีในการก่อสร้างและพัฒนาสถานีพลังงานแสงอาทิตย์ และมีความสัมพันธ์อันดีกับ JA Solar มานาน เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ Huanghe Hydropower ในโครงการสำคัญนี้ และเราจะเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่น ๆ ในการส่งเสริมการใช้โมดูลประสิทธิภาพสูงในวงกว้าง เพื่อผลักดันให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เท่ากับหรือถูกกว่าไฟฟ้าจากสายส่ง (Grid Parity)"

ผลสำรวจของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น เผยผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกทานมากขึ้น ออกกำลังกายน้อยลง และน้ำหนักขึ้นราว 3 กิโลกรัมในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่

          เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น (Herbalife Nutrition) บริษัทโภชนาการระดับโลก เผยผลสำรวจพฤติกรรมการทานอาหารช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2562 (Asia Pacific Holiday Eating Survey 2019) โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 5,500 คนในออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า คริสต์มาสและปีใหม่เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ท้าทายความตั้งใจของผู้บริโภคในการเดินหน้าออกกำลังกายและกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด




          สตีเฟน คอนจี รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น กล่าวว่า "เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันกินอาหารอร่อย ๆ ผู้คนมากมายจึงทิ้งเป้าหมายการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ เรานำเสนอความท้าทายสำคัญ ๆ ที่ผู้บริโภคต้องเผชิญในช่วงเทศกาล ด้วยหวังว่าจะช่วยให้ผู้บริโภคมองเห็นพฤติกรรมของตนเอง เพื่อให้สามารถรักษาเป้าหมายอย่างแน่วแน่ในช่วงเทศกาลดังกล่าว"

          การทานมากเกินไปและออกกำลังกายน้อยลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่งผลให้ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกน้ำหนักขึ้นเฉลี่ย 3 กิโลกรัม ในส่วนของการลดน้ำหนักนั้น ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกกว่าครึ่งหนึ่ง (54%) เผยว่าจะทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ 46% เผยว่าจะพยายามออกกำลังกายให้มากขึ้นเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลไปแล้ว

          แม้จะมีความพยายามในการลดน้ำหนัก ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกเกือบหนึ่งในสี่ (24%) กลับไม่สามารถลดน้ำหนักได้หลังผ่านพ้นเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไปแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการรักษาพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพตลอดช่วงเทศกาลเป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่ดีกว่าในระยะยาว

          เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ขอแนะนำดังนี้

          1. ทานก่อนฉลอง : ความหิวจะทำให้คุณอยากทานทันทีที่ไปถึงงานเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้คุณทานมากเกินไป ก่อนไปงานเลี้ยง คุณควรทานอาหารสุขภาพที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น อัลมอนด์อบไม่ใส่เกลือ โปรตีนบาร์ หรือโยเกิร์ต
          2. เน้นทานลีนโปรตีนและผัก : แทนที่จะทานอาหารแบบเน้นข้าวและคาร์โบไฮเดรต คุณควรเลือกอาหารจานหลักที่ประกอบด้วยลีนโปรตีนหรือสลัดกับผักแทน
          3. ทานแต่น้อยและทานช้า ๆ : เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณของอาหาร รวมถึงทานแต่น้อยและทานช้า ๆ ซึ่งจะช่วยตอบสนองความอยากอาหารได้ดีกว่า ทั้งยังช่วยให้สมองของคุณรับรู้ความอิ่มก่อนที่คุณจะทานต่อไปอีก
          4. จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มรสหวาน : การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มรสหวานมากเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำหนักขึ้น ดังนั้นคุณควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวและเลือกดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มไม่หวานแทน

          สรุปผลสำรวจ

          เมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการทานและการออกกำลังกายของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกช่วงเทศกาลคริสต์มาส :

          - ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มทานมากกว่าปกติมากที่สุด (94%) ตามมาด้วยฮ่องกง (92%) ญี่ปุ่น (89%) และคนไทย (87%) โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 86%
          - ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่าปกติ (77%) และงดทานอาหารเพื่อสุขภาพ (67%) มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

          เมื่อถึงเวลาฉลองปีใหม่ :

          - ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มทานมากกว่าปกติมากที่สุด (94%) ตามมาด้วยไทย (93%) อินโดนีเซีย (88%) และญี่ปุ่น (88%)
          - ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่าปกติ (78%) และงดทานอาหารเพื่อสุขภาพ (66%) มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

          ขณะที่ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกทานมากขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เกือบครึ่งหนึ่ง (49%) เผยว่ารู้สึกผิดที่ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพน้อยลงในช่วงเวลาดังกล่าว

          ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกเผยว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไก่งวงยัดไส้ เค้ก และขนมอบต่าง ๆ เป็นอาหารที่หยุดทานยากที่สุดในเทศกาลคริสมาสต์ ขณะที่ขนมหวาน เค้กข้าว และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอาหารที่หยุดทานยากที่สุดในช่วงปีใหม่

          ออกกำลังกายเอาไว้ทีหลังในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่

          เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกมากกว่าสามในห้ามีแนวโน้มออกกำลังกายน้อยลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และมากกว่าครึ่งหนึ่ง (56%) เผยว่าจะงดออกกำลังกายจนกว่าเทศกาลจะผ่านพ้นไป

          ชาวอินโดนีเซียมีแนวโน้มออกกำลังกายน้อยที่สุดในช่วงคริสต์มาส (73%) และชาวเวียดนามมีแนวโน้มออกกำลังกายน้อยที่สุดในช่วงปีใหม่ (73%) ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มงดออกกำลังกายช่วงคริสต์มาสมากที่สุด (60%) และชาวเวียดนามมีแนวโน้มงดออกกำลังกายช่วงปีใหม่มากที่สุด (68%)

          ดูภาพตารางขนาดใหญ่ได้ที่
          Figure 1: https://photos.prnasia.com/prnk/20191217/2672373-1-e
          Figure 2: https://photos.prnasia.com/prnk/20191217/2672373-1-f
          Figure 3: https://photos.prnasia.com/prnk/20191217/2672373-1-g

          เกี่ยวกับ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น

          เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น เป็นบริษัทระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนด้วยผลิตภัณฑ์โภชนาการคุณภาพสูงและโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้จำหน่ายอิสระมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองทางวิทยาศาสตร์ในกว่า 90 ประเทศ พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลจากผู้จำหน่ายอิสระ รวมถึงนำเสนอแนวทางในการสนับสนุนชุมชนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ยังมุ่งมั่นนำพาโภชนาการและการศึกษาไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วโลก ผ่านโครงการขจัดความหิวโหยของบริษัท

          สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ IAmHerbalifeNutrition.com

          บริษัทสนับสนุนให้นักลงทุนเยี่ยมชมเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ที่ ir.herbalife.com ซึ่งมีการอัปเดตข้อมูลทางการเงินและข้อมูลใหม่ ๆ สม่ำเสมอ

          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191224/2672373-1-q
          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191224/2672373-1-r
          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191224/2672373-1-s
          รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191224/2672373-1-t

บริษัทเทคโนโลยีจากจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กระชับสัมพันธ์ชื่นมื่น ปิดฉากการประชุม PingWest SYNC SEA 2019

การประชุม PingWest SYNC SEA 2019 ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ธีม "Shape the Future" งานนี้เป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่สื่อออนไลน์ด้านเทคโนโลยีรายใหญ่จากจีนที่มีนักข่าวอยู่ทั่วโลกอย่าง PingWest จัดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจากจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก

Thomas Luo ผู้ร่วมก่อตั้ง ซีอีโอ และหัวหน้ากองบรรณาธิการของ PingWest กล่าวในระหว่างพิธีเปิดการประชุมว่า "เป้าหมายของเราคือการทะลายกำแพงที่ขวางกั้น รวมถึงแนะนำให้บริษัทเทคโนโลยีและนักลงทุนของจีนที่ต้องการขยายตลาดในต่างประเทศได้รู้จักกับผู้ประกอบการและระบบนิเวศเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

การประชุมสุดยอดด้านเทคโนโลยีครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานคับคั่ง ประกอบไปด้วยผู้นำและนักลงทุนในอุตสาหกรรมกว่า 300 ราย ตั้งแต่บริษัทชั้นนำ เช่น Ant Financial, Alibaba Cloud, Google Cloud, Twitter และ ZEGO Technology ไปจนถึงบริษัทที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจร่วมลงทุน เช่น Sequoia Capital, Plug and Play Tech Center และ Golden Gate Ventures ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมได้หารือกันอย่างเจาะลึกในหลายหัวข้อ เช่น การใช้ Data Intelligence (การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้ AI ในอุตสาหกรรมฟินเทคที่กำลังเติบโต การประมวลผลคลาวด์ การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ บล็อกเชน และการลงทุนในทุกระยะของการเติบโต

Caixin และ Lianhe Zaobao (Nanyang Sin-Chew United Morning News) เป็นหนึ่งในสื่อชั้นนำ 20 รายของจีนและสิงคโปร์ที่เข้าร่วมงานและรายงานข่าวการประชุม PingWest SYNC SEA 2019

ภายในงาน ผู้นำอุตสาหกรรมจากทั่วโลกได้นำเสนอมุมมอง ตลอดจนอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของนวัตกรรมและแนวโน้มที่จะเข้ามากำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรม Wu Shilin หัวหน้าฝ่ายธุรกิจทั่วโลกของ Zoloz บริษัทชั้นนำด้านการยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ ซึ่งได้รับการบ่มเพาะโดย Ant Financial ได้เล่าถึงรายละเอียดของกลยุทธ์ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทสำหรับการใช้ข้อมูลในอนาคตและการจดจำตัวตนด้วยไบโอเมตริก โดยบริษัทให้บริการเทคโนโลยี electronic Know Your Customer (e-KYC) แก่ธนาคารชั้นนำและสถาบันการเงินทั่วโลก

นาย Wu กล่าวว่า การยืนยันตัวตนทางดิจิทัลเริ่มต้นจากการใช้ปัจจัยเดียว (single factor) ได้แก่ ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน จากนั้นจึงถูกยกระดับความปลอดภัยด้วยการเพิ่มปัจจัย เช่น SMS โทเค็น สมาร์ทการ์ด ปัจจุบัน อัตลักษณ์ทางดิจิทัลพัฒนาเข้าสู่การพิสูจน์ตัวตนง่าย ๆ ในสมาร์ทโฟนด้วยเทคโนโลยีการจดจำตัวตนโดยไบโอเมตริกซ์ ซึ่งตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถอาศัยความได้เปรียบจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือความเร็วสูงที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในภารกิจของบริษัทคือ การช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินให้บริการได้มากขึ้นและดีขึ้นแก่ประชาชนกว่า 1.7 พันล้านคนทั่วภูมิภาคที่ไม่เคยทำธุรกรรมธนาคารมาก่อน และทำให้พวกเขาสามารถเปิดบัญชีใหม่ สมัครสินเชื่อ และลงทุนออนไลน์บนสมาร์ทโฟนของตนเอง ขณะเดียวกันก็ช่วยให้สถาบันการเงินประหยัดเวลาหลายล้านชั่วโมงด้วยการปรับปรุงบริการของตนให้ดีขึ้น

ในระหว่างการประชุมว่าด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระดับองค์กร Lawrence Lu กรรมการผู้จัดการบริษัท Tongdun Technology ประจำภูมิภาคเอเชียและสิงคโปร์ กล่าวถึงรายละเอียดของความเสี่ยงด้านการทุจริตที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตกำลังเติบโต นอกจากนี้ เขายังได้เผยถึงวิธีการที่บริษัทต่าง ๆ สามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวผ่านความช่วยเหลือของปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง

ข้อมูลสถิติจากแหล่งที่มาต่าง ๆ เผยให้เห็นว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับความเสียหายจากการฉ้อโกงหรือหลอกลวงมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% และคิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนาย Lu ได้นำเสนอข้อมูลการวิเคราะห์ของ Tongdun Technology ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การโจมตีแบบ Bot Attack เป็นวิธีการโกงที่แพร่หลายที่สุดในภูมิภาค คิดเป็น 64.2% ครอบคลุมหกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการสำรวจ

Tongdun Technology ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ลดความเสี่ยงได้ด้วยการรวมอัลกอริทึมที่ก้าวล้ำเข้าไว้ในระบบการจัดการความเสี่ยง เพื่อบ่งชี้รูปแบบการโกงที่น่าสงสัยและธุรกรรมที่เป็นการทุจริต "เรามั่นใจว่า เทคโนโลยีของเราสามารถช่วยให้ลูกค้าสถาบันบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริตฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ" Lawrence Lu กล่าวในระหว่างการประชุม SYNC SEA 2019 ช่วงเช้า

อุตสาหกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวทั้งในแง่ของการลงทุนและการให้บริการ โดย Alibaba Cloud และ Google Cloud ซึ่งเป็นสองผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งรายใหญ่ที่สุด ได้เข้าร่วมการประชุมของ PingWest ในครั้งนี้ด้วย

Dr. Derek Wang ผู้จัดการทั่วไปของ Alibaba Cloud ประจำสิงคโปร์ กล่าวว่า คลาวด์ช่วยเสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยผลักดันบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Alibaba มอบความช่วยเหลือมากมายเพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ

"ไม่ว่าบริษัทขนาดใหญ่หรือ SMEs ต่างมีความต้องการเพิ่มขึ้นที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง Alibaba จะให้คำปรึกษาและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีที่จำเป็น" นาย Wang กล่าว พร้อมกับเสริมว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นที่จะช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นทุกขนาดและทุกพื้นความรู้เติบโตได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมถ่ายทอดความสำเร็จต่อไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก ปัจจุบัน Alibaba Cloud มีพื้นที่ให้บริการ 56 แห่งทั่วโลก ซึ่ง 7 แห่งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

Mark Johnson หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านองค์กรธุรกิจของ Google Cloud ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า Google Cloud ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์จากสหรัฐ ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงของบริษัทเพื่อช่วยลูกค้าวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ดีขึ้น และตรวจพบภัยคุกคามได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น

การประชุม PingWest 2019 SEA ยังมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างนักลงทุนท้องถิ่นและทั่วโลกกับบริษัทและผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Pieter Kemps ตำแหน่ง Principal จาก Sequoia Capital กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพมหาศาล บริษัทจึงได้มุ่งความสนใจ ตลอดจนทุ่มเวลาและเงินลงทุนมาที่ตลาดนี้มากขึ้น
"เทคโนโลยีต่าง ๆ จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเฟื่องฟู ดังเห็นได้จากเงินทุนใหม่ ๆ ที่กำลังไหลเข้ามาในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนตระหนักดีว่า บริษัทเทคโนโลยีในภูมิภาคนี้สามารถบรรลุอัตราการเติบโตได้เท่ากับบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในปัจจุบัน" Russ Neu หุ้นส่วนที่บริษัท Quest Ventures กล่าว

นอกจากการประชุมช่วงเช้าแล้ว ในช่วงค่ำของวันที่ 6 ธันวาคม ยังมีกิจกรรมล่องเรือรับประทานอาหาร ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Bank of Singapore และได้เชิญเหล่าผู้นำอุตสาหกรรม ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ บริษัทเงินทุนเข้าร่วมงาน ภายในงานมีการพูดคุยครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น การลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทคโนโลยี AI ฟินเทค และไลฟ์สไตล์ โดยในขณะที่อร่อยกับอาหารและไวน์เลิศรส รวมทั้งสนุกกับการเล่นเกมแบบอินเทอร์แอคทีฟ บรรดาผู้เข้าร่วมงานยังได้กระชับความสัมพันธ์กับ PingWest เพื่อสานต่อความร่วมมือข้ามพรมแดนด้วย

เกี่ยวกับ  PingWest Beijing
เว็บไซต์: