Saturday, October 30, 2021

Toko Token (TKO) เตรียมเผาเหรียญครั้งที่ 2 เพื่อดันมูลค่าเหรียญให้สูงขึ้น


Toko Token (TKO) ซึ่งเป็นเหรียญ Native Utility Token (NUT) ของ Tokoscape ระบบนิเวศคริปโตครบวงจรที่ครอบคลุมสกุลเงินดิจิทัล (Tokocrypto) ชุมชนออฟไลน์ (T-Hub) และตลาดซื้อขาย NFT (TokoMall) ประกาศว่าจะเริ่มทำการเผาเหรียญครั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเอกสาร Litepaper ที่ระบุว่าจะทำการเผาทำลายเหรียญ TKO ทุกไตรมาส

TKO เปิดตัวผ่าน Binance Launchpad และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 โดยดึงดูดการลงทุนคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ TKO เป็นเหรียญ NUT ของ Tokocrypto สกุลเงินคริปโตที่เชื่อถือได้มากที่สุดของอินโดนีเซีย และเป็นสกุลเงินแรกของอินโดนีเซียที่ได้รับการจดทะเบียนภายใต้กระทรวงการค้าและการแลกเปลี่ยนสัญญาล่วงหน้า (BAPPEBTI)

"การเผาเหรียญประจำไตรมาสมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับมูลค่าและอุปสงค์ของ Toko Token (TKO) ซึ่งมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการความเฟ้อของเหรียญ โดยโทเคนระดับบลูชิปอื่น ๆ เช่น Binance Coin (BNB) และ Ether (ETH) ต่างก็มีการเผาเหรียญเช่นเดียวกัน" Omar Adrian Rozak ประธาน TKO International กล่าว

การเผาเหรียญเปรียบได้กับการยกเลิกสกุลเงิน

การเผาเหรียญมีลักษณะคล้ายคลึงกับการยกเลิกสกุลเงิน แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เพราะการยกเลิกสกุลเงินเป็นการแทนที่สกุลเงินเก่าด้วยสกุลเงินใหม่ แต่การเผาเหรียญจะไม่มีการทดแทนเหรียญที่ถูกเผาทำลาย เพื่อให้กลไกการควบคุมความเฟ้อของเหรียญมีประสิทธิภาพ โดยการลดจำนวนเหรียญ TKO จะช่วยลดความเฟ้อของเหรียญ ส่งผลให้เหรียญ TKO หนึ่งเหรียญสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการได้ในปริมาณมากขึ้น สรุปง่าย ๆ คือ การเผาเหรียญ TKO ประจำไตรมาสครั้งที่ 2 จะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของเหรียญ TKO จึงทำให้ผู้ถือเหรียญ TKO ถือครองมูลค่าสูงขึ้นนั่นเอง

การเผาเหรียญ TKO ประจำไตรมาสครั้งที่ 2

การเผาเหรียญ TKO ประจำไตรมาสครั้งที่ 2 จะดำเนินการโดยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ตั้งแต่วันที่ 5-10 พฤศจิกายน 2564 และในอนาคต Tokoscape จะเดินหน้าเผาเหรียญส่วนหนึ่งจากการซื้อขาย Tokocrypto เพื่อเพิ่มมูลค่าของเหรียญ โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือเหรียญ TKO

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tokoscape.com

ติดต่อ:
Anindita
อีเมล: anindita@tokocrypto.com

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1672521/GLOBAL_TKO_BURN_PRESS_RELEASE.jpg
คำบรรยายภาพ - Toko Token (TKO) เผาเหรียญครั้งที่ 2

Darwinbox appoints Ex. Alight APAC Head to fuel growth & accelerate global expansion

Shaswat Kumar joins the executive leadership team of Darwinbox, the youngest and the only Asian player to feature on Gartner's Magic Quadrant for Cloud HCM Suites 2021. The ex-Alight APAC Head comes on board as the Senior VP of Global Customer Success and Delivery.

As a company that has not just witnessed but been at the forefront of Cloud acceleration in the HR space, growth singularly means Value Realization for customers. Shaswat's addition to the leadership team is a leap towards fast-tracking Darwinbox's growth by delivering maximum value to its 600+ customers and 1.3mn users worldwide to become a global HCM leader.

Shaswat comes with 2 decades of multi-geographical and multi-cultural experience in helping businesses with their HR transformation journeys. He joined erstwhile Hewitt in its HR Effectiveness practice and in his last role at Aon was driving HR Transformation for large clients anchored on outcomes across Asia Pacific, Middle East and Africa. At Alight Solutions, he helped build a business in the region which combines future forward vision, deep domain knowledge and technology to enable outcomes for customers.

"Companies are realizing that Organizational, People and Behavioral issues are levers to drive transformative changes; this has created opportunity for HR functions and accelerated the HR Transformation programs. Large part of this transformation will get realized and enabled through right digital tools. Darwinbox with its technology, pace of innovation and customer centric approach is best positioned to leverage this and be a global HR Technology Leader with Asian heritage," said Shaswat about Darwinbox's mission. He further added, "With every interaction I have had with a Darwinian, I have been more excited by both the opportunity and consistent mindset to do right by the customer."

"Under Shaswat's leadership, we strongly believe we will be able to build a high-growth org that can scale globally. Leveraging his experience to drive and demonstrate value realization to enterprise customers through HR transformations, he will be instrumental in building our reputation as a trusted advisor for our customers," said Rohit Chennamaneni, Co-Founder, Darwinbox.

Backed by Salesforce Ventures, Sequoia India, Lightspeed India Partners, Endiya and others, Darwinbox recently became the #1 rated cloud HCM on Gartner Peer Insights with an overall rating of 4.8. Today it serves over 1.3 million employees across 90+ countries including Asia's largest conglomerates and fast-growing technology companies like Adani, Mahindra, Kotak, TVS, Arvind, JSW, JG Summit Group, Tokopedia, SBS Transit, SPI Global, Indorama to name a few.

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1671376/Shaswat_Kumar_Senior_VP_Darwinbox.jpg


Darwinbox ประกาศแต่งตั้งอดีตผู้บริหาร Alight เพื่อหนุนการเติบโตและเร่งขยายธุรกิจทั่วโลก

Shaswat Kumar ร่วมทีมคณะผู้บริหารของ Darwinbox ซึ่งเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดและมาจากเอเชียรายเดียวที่ได้รับการจัดอันดับ Magic Quadrant ด้าน Cloud HCM Suites ประจำปี 2021 ของ Gartner โดยอดีตผู้บริหารจาก Alight ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกท่านนี้เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายความสำเร็จของลูกค้าและการส่งมอบทั่วโลก

ในฐานะบริษัทที่อยู่ในแถวหน้าในการเร่งใช้ระบบคลาวด์ในวงการทรัพยากรบุคคล (HR) การเติบโตหมายถึงการสร้างคุณค่าให้เป็นจริงสำหรับผู้บริโภคอย่างชัดเจน การเพิ่มคุณ Shaswat เข้ามาร่วมทีมบริหารนับเป็นก้าวกระโดดที่จะนำไปสู่การเร่งการเติบโตของ Darwinbox ให้เร็วขึ้นด้วยการส่งมอบคุณค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้ากว่า 600 ราย และผู้ใช้ 1.3 ล้านรายทั่วโลก เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน HCM ระดับโลก

คุณ Shaswat มีประสบการณ์ด้านความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาร่วม 2 ทศวรรษ ในการช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ด้วยเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของฝ่าย HR เขาเคยร่วมงานกับ Hewitt ในด้านหลักปฏิบัติประสิทธิภาพของทรัพยากรบุคคล และบทบาทล่าสุดของเขาที่ Aon ก็ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรบุคคลให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ที่ยึดผลลัพธ์ทั่วเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ส่วนที่ Alight Solutions เขาช่วยสร้างธุรกิจในภูมิภาคที่รวมวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่อนาคต ความรู้เฉพาะที่ลึกซึ้ง และเทคโนโลยีเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์สำหรับลูกค้า

"บริษัทต่าง ๆ กำลังตระหนักว่า ประเด็นเรื่ององค์กร บุคลากร และพฤติกรรมจะเป็นคานที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สิ่งนี้สร้างโอกาสให้แก่การทำงานในฝ่าย HR และเร่งโครงการการเปลี่ยนแปลง HR ให้เร็วขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจริง และทำให้เกิดขึ้นได้ผ่านเครื่องมือดิจิทัลที่เหมาะสม Darwinbox ที่มีเทคโนโลยี ความเร็วในการสร้างนวัตกรรม และวิธีการที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางจึงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้สิ่งนี้ และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี HR ระดับโลกที่มีความเป็นเอเชีย" คุณ Shaswat กล่าวถึงภารกิจของ Darwinbox และเสริมต่อไปว่า "จากการติดต่อทุกครั้งของผมกับ Darwinian ผมรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกับทั้งโอกาส และชุดความคิดในการทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอที่ได้จากลูกค้า"

"ภายใต้ความเป็นผู้นำของ Shaswat เราเชื่ออย่างแรงกล้าว่า เราจะสามารถสร้างองค์กรที่มีการเติบโตสูง ซึ่งสามารถขยายธุรกิจในระดับโลกได้ ด้วยการใช้ประสบการณ์ของเขาเพื่อขับเคลื่อน และแสดงให้เห็นการสร้างคุณค่าให้เป็นจริงสำหรับลูกค้าในภาคองค์กรธุรกิจผ่านการเปลี่ยนแปลงของ HR เขาจะมีอิทธิพลในการสร้างชื่อเสียงของเราในฐานะที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือสำหรับลูกค้าของเรา" Rohit Chennamaneni ผู้ร่วมก่อตั้ง Darwinbox กล่าว

ด้วยความสนับสนุนจาก Salesforce Ventures, Sequoia India, Lightspeed India Partners, Endiya และอีกหลายบริษัท ล่าสุด Darwinbox จึงได้รับการจัดอันดับด้าน cloud HCM อันดับหนึ่งบน Gartner Peer Insights โดยได้คะแนนรวม 4.8 ปัจจุบัน บริษัทให้บริการพนักงานกว่า 1.3 ล้านคนในกว่า 90 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียและบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตรวดเร็ว อาทิ Adani, Mahindra, Kotak, TVS, Arvind, JSW, JG Summit Group, Tokopedia, SBS Transit, SPI Global, Indorama เป็นต้น

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1671376/Shaswat_Kumar_Senior_VP_Darwinbox.jpg


HPS เผยอุตสาหกรรมการชำระเงินในเอเชียแปซิฟิกเติบโตแซงหน้าภูมิภาคอื่นทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

รายงานปกขาวฉบับล่าสุดที่จัดทำโดย HPS ได้เน้นย้ำถึงจำนวนการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการใช้ตลาดสำคัญของ Cacross ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และคาดว่าจะมีการเติบโตที่รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกภายในปี 2566

อุตสาหกรรมการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เติบโตแซงหน้าภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งหมดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ปัจจุบันภูมิภาคดังกล่าวเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ทำรายได้จากการชำระเงินมากที่สุดทั่วโลก โดยสร้างรายได้ราว 6.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563

รายงานฉบับนี้ได้สรุปแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสเกี่ยวกับเทคโนโลยีการชำระเงินด้วยบัตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมบทวิเคราะห์และคำแนะนำต่าง ๆ

การค้นพบที่สำคัญประกอบด้วย

  • ความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อการชำระเงินแบบไร้รอยต่อเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโซลูชันการชำระเงินรูปแบบใหม่ สร้างโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า นอกจากนี้ การแปลงการชำระเงินเป็นรูปแบบดิจิทัลและตัวเลือกแบบไร้สัมผัสยังมีความสำคัญต่อการสนับสนุนความต่อเนื่องทางธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • เทคโนโลยีการชำระเงินด้วยบัตรหลังบ้านกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ธนาคารจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ระบบหลังบ้านมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ซึ่งรวมถึงการออกบัตรในทันที การแปลงคำขอบัตรเป็นหมายเลขบัตร การเปิดใช้งาน API และอื่น ๆ
  • ความยืดหยุ่นเป็นกุญแจสำคัญในการออกบัตรที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์บัตรต่าง ๆ เช่นบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรชำระล่วงหน้า หรือบัตรสมาชิกและบริการ ทั้งในรูปแบบบัตรจริงและบัตรเสมือนที่ออกให้บนโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ธนาคารจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีที่รองรับห่วงโซ่มูลค่าการชำระเงินได้ทั้งหมด

ดาวน์โหลดรายงาน "The Next Wave in Card Payments Technology in APAC" ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ HPS

HPS เป็นบริษัทข้ามชาติและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นการชำระเงินสำหรับผู้ออกบัตร ผู้รับบัตร ผู้ประมวลผลบัตร องค์กรขายอิสระ (ISO) ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (MNO) และผู้ให้บริการสวิตช์ระดับประเทศและระดับภูมิภาคทั่วโลก

PowerCARD เป็นชุดโซลูชันที่ครอบคลุมของ HPS ครอบคลุมห่วงโซ่มูลค่าการชำระเงินทั้งหมด ผ่านการเปิดใช้งานการชำระเงินอันทันสมัยบนแพลตฟอร์มแบบเปิด ที่ช่วยประมวลผลทุกการทำธุรกรรมจากช่องทางใดก็ได้โดยวิธีการชำระเงินใด ๆ ก็ได้ PowerCARD มีผู้ใช้งานมากกว่า 450 รายในกว่า 90 ประเทศ

HPS จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาซาบลังกาตั้งแต่ปี 2549 และมีสำนักงานตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจหลักต่าง ๆ (แอฟริกา ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายเพื่อติดต่อกับ HPS ได้ที่ communication@hps-worldwide.com

เกี่ยวกับ IBS Intelligence

IBS Intelligence (IBSi) เป็นบริษัทวิจัย ที่ปรึกษา และวิเคราะห์ข่าวที่เน้นเทคโนโลยีทางการเงินเพียงแห่งเดียวในโลก มีประวัติการทำงานยาวนานถึง 30 ปีและฐานลูกค้าทั่วโลก เรามีความภาคภูมิใจในการให้บริการผู้จัดจำหน่ายด้านเทคโนโลยีกว่า 400 รายทั่วโลก ซึ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ให้บริการวิเคราะห์รายอื่น ๆ ในวงการนี้ https://ibsintelligence.com/


Friday, October 29, 2021

Merck Drives New Innovation & Adds Capacity to Advance Next Generation Antibody-drug Conjugate (ADC) Therapies

      Merck's unique technology, ChetoSensar(TM), gives new promise to ADCs by alleviating solubility challenges 

New DOLCORE(TM) platform increases speed-to-market by up to a year

Expanded ADC clinical manufacturing facility drives next generation ADCs, building on company's 15 years of ADC Contract Development Manufacturing Organization (CDMO) experience

Reinforces company's ambition to accelerate growth in "Big Three" businesses, including its Process Solutions' CDMO services for traditional and novel modalities 

Merck, a leading science and technology company, today announced that its Life Science business sector has launched new technology and expanded capacity to advance ADC therapies. These initiatives underscore Merck's continued investment in novel modalities and support the company's efforts to double its ADC and high-potent active pharmaceutical ingredient (HPAPI) capacity in the near future.

"ADCs have experienced remarkable growth, with commercially approved ADCs tripling in the past three years," said Andrew Bulpin, head of Process Solutions, Life Science, at Merck. "We are a pioneer in this space, involved in 50 percent of the commercially approved ADCs on the market today. This latest innovation and additional capacity help bring novel treatments to cancer patients around the world and reinforce our commitment to shaping the future of these novel modalities."

With the launch of its ChetoSensar(TM) technology, Merck is one of the front runners working to address the hydrophobicity of ADCs, in tandem with its CDMO services.  Many ADC candidates have poor aqueous solubility and Merck estimates that more than 20 percent of ADC clinical terminations are caused by this issue. The company's new ChetoSensar(TM) technology improves ADC solubility, therefore giving hope to ADCs that were previously terminated.

The payloads commonly used for ADCs are highly-complex molecules that take many steps to synthesize. Based on Merck's calculations, its new DOLCORE(TM) platform significantly reduces the development and manufacturing time required, increasing speed-to-market for a novel Dolostatin-based ADC payload by up to a year. 

In addition, the company will enhance the ADC capabilities of its clinical manufacturing facility in St. Louis, Missouri, USA, in December. This facility will provide larger footprint to enable large-scale production including chromatographic purification for early phase clinical supply. This follows last year's announcementof a EUR59 million expansion of Merck's facility near Madison, Wisconsin, USA, which will double its HPAPI kilo lab capacity and enable the company to expedite the manufacture of HPAPIs, ADC linker/payloads, and complex APIs.

This innovation and additional capacity support the company's ambition to accelerate growth through investments in the "Big Three," including the Process Solutions business unit within the Life Science business sector as a key driver.  

With 15 years of experience developing and manufacturing ADCs, Merck offers unique CDMO services streamlined with a single, highly experienced provider. The company leverages its global network and deep expertise to tailor each molecule's unique journey, while creating the dynamic client partnerships drug manufacturers need to help reach their critical milestones. Merck integrates contract development and manufacturing with the industry's broadest product offering across multiple modalities. Customers can also seamlessly integrate BioReliance(R) services from the company's leading biosafety testing portfolio.  

Merck recently announced expansion projects in Darmstadt, Germany; Cork, Ireland; Buchs, Switzerland; Carlsbad, California, USA; Madison, Wisconsin, USA; Jaffrey, New Hampshire, USA; and Danvers, Massachusetts, USA. These expansions are part of an ambitious, multi-year program to increase the industrial capacity and capabilities of the Life Science business sector to support growing global demand for lifesaving medications and to make significant contributions to public health.

All Merck news releases are distributed by email at the same time they become available on the Merck website. Please go to www.merckgroup.com/subscribe to register online, change your selection or discontinue this service. 

About Merck
Merck, a leading science and technology company, operates across healthcare, life science and electronics. Around 58,000 employees work to make a positive difference to millions of people's lives every day by creating more joyful and sustainable ways to live. From advancing gene-editing technologies and discovering unique ways to treat the most challenging diseases to enabling the intelligence of devices - the company is everywhere. In 2020, Merck generated sales of EUR 17.5  billion in 66 countries.

Scientific exploration and responsible entrepreneurship have been key to Merck's technological and scientific advances. This is how Merck has thrived since its founding in 1668. The founding family remains the majority owner of the publicly listed company. Merck holds the global rights to the Merck name and brand. The only exceptions are the United States and Canada, where the business sectors of Merck operate as EMD Serono in healthcare, MilliporeSigma in life science, and EMD Electronics.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1671958/Merck_Germany_Next_Gen_ADCs.jpg

TCL เปิดตัว Mini LED TV พร้อมเทคโนโลยี AMD FreeSync(TM) Premium ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้เกมเมอร์

 


Mini LED 4K TV รุ่น C825 ใหม่จาก TCL เปิดโอกาสให้เล่นเกมได้ลื่นไหลและสมจริงกว่าเดิม

TCL Electronics (1070.HK) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมทีวีระดับโลกและบริษัทสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำ ประกาศนำเทคโนโลยี AMD FreeSync(TM) Premium Technology มาไว้ใน Mini LED 4K TV รุ่นใหม่ของ TCL อย่าง C825 เพื่อให้เกมเมอร์สัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมด้วยภาพอันเหนือชั้น โดยภาพไม่ฉีดขาด กะพริบน้อย และความหน่วงต่ำ

Shaoyong Zhang ซีอีโอของ TCL Electronics กล่าวว่า "เราได้คิดค้นหาวิธีสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดให้ลูกค้าของเรา ด้วยการสำรวจหาสิ่งที่กวนใจเกมเมอร์ ทั้งความหน่วงของอินพุต ปัญหาภาพฉีก และภาพซ้ำระหว่างเล่นเกมและเล่นภาพเคลื่อนไหว แล้วเราก็พบทางแก้ เราได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สร้างประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกสมจริงอย่างที่สุด นั่นคือ TCL Mini LED 4K TV C825 TV รุ่นใหม่ของเรา ซึ่งให้เกมเพลย์ที่ลื่นไหลสุดยอด ทั้งยังได้รับการรับรอง AMD FreeSync(TM) Premium ด้วย"

AMD FreeSync(TM) Premium ตอบโจทย์เกมเมอร์ตัวยงที่มองหาประสบการณ์การเล่นเกมระดับพรีเมียมที่มีอัตรารีเฟรชสูง การรับรองดังกล่าวทำให้เกมเมอร์มองหาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังการันตีด้วยว่า TCL Mini LED 4K TV C825 มอบสมรรถนะภาพที่ลื่นไหลและไม่มีสิ่งแปลกปน

C825 มาพร้อมกับหน้าจอ Mini LED สมรรถนะสูงที่ให้ความสว่างขั้นสุด เพื่อให้จุดสำคัญต่าง ๆ ปรากฏให้เห็นได้อย่างโดดเด่น และให้สมรรถนะ HDR ที่รุ่มรวยและสมจริงมากขึ้น ขณะที่เทคโนโลยี Quantum Dot ช่วยรับประกันวอลุมสี 100% ซึ่งประกอบด้วยสีและเฉดต่าง ๆ กว่าหลักพันล้าน และเมื่อผสานเข้ากับ Variable Refresh Rate, Auto Low Latency Mode และ eARC แล้ว ทีวีรุ่น C825 ก็ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงอันเป็นเลิศสำหรับการเล่นเกม ทั้งยังทำให้รายการทีวีและภาพยนตร์น่าอภิรมย์กว่าเดิม

TCL สนับสนุนวงการเกมมาอย่างยาวนาน โดยเป็น Official TV Partner อย่างเป็นทางการกับเกม Call of Duty: Vanguard ทีวีของ TCL มีเทคโนโลยีแสดงผลขั้นสูงและได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วมากมาย ในการขับเคลื่อนวงการจอภาพสำหรับการเล่นเกม เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ตื่นตาอย่างเหนือชั้นกว่าด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ การรับรอง AMD FreeSync(TM) Premium ทำให้เกมเมอร์วางใจ TCL Mini LED 4K TV C825 ได้ว่าจะได้ประสบการณ์การเล่นเกมระดับพรีเมียมอย่างแน่นอน

รูปลักษณ์และฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันตามประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ

เกี่ยวกับ TCL Electronics

TCL Electronics (1070.HK) คือผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทีวีระดับโลก บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2524 และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในตลาดกว่า 160 แห่งทั่วโลก ผู้นำด้านการวิจัยเทคโนโลยีอย่าง OMDIA ได้จัดอันดับให้ TCL รั้งอันดับ 2 ในแง่การครองส่วนแบ่งในตลาด LCD TV ทั่วโลกในปี 2563 ทั้งนี้ TCL มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย การพัฒนา และการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหลากหลายประเภท ตั้งแต่ทีวี เครื่องเสียง ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1673664/image_5005564_10213738.jpg

Sangfor EPIC 2021: การประชุมออนไลน์ระดับโลกเกี่ยวกับคลาวด์และความปลอดภัยทางไซเบอร์



Sangfor Technologies เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดนวัตกรรม Sangfor EPIC ในวันที่ 21 ต.ค. 2021 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระดับโลกและผู้นำทางความคิดด้านเทคโนโลยีได้หารือเกี่ยวกับโซลูชันการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์และไซเบอร์ที่ล้ำหน้าที่สุดในปีนี้ งานนี้มีผู้เข้าร่วมที่ลงทะเบียนมากกว่า 2,800 คน จาก 25 ภูมิภาคที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล, ภาคอุตสาหกรรม, การศึกษา, องค์กร และการเงิน

การประชุมสุดยอดนวัตกรรมประจำปีนี้ออกแบบมาเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีการพัฒนาหรืออัปเดตสำหรับปีถัดไป ซึ่งผู้เข้าร่วมงานยังรวมถึงเหล่าผู้บริหารไอทีชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมวิสัยทัศน์และผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยของ Sangfor

วิทยากรในงาน Sangfor EPIC 2021 ได้แก่ Chris Morris รองประธาน IDC APAC, Jason Yuan รองประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศของ Sangfor และมีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับ Rick Lei Li ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงของ Coca-Cola SCMC และ Wilbertus Darmadi ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงของ Toyota Astra Motor ซึ่งทั้งสองท่านเป็นลูกค้าของ Sangfor นอกจากนี้ Sangfor ยังจัดเวิร์กช็อปร่วมกับผู้นำอุตสาหกรรม IDC ซึ่งผู้เข้าร่วมได้ถามเกี่ยวกับการประมวลผลแบบคลาวด์และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ตลอดจนการจัดการระบบคลาวด์และบริการระดับมืออาชีพ รวมถึง Bob Ghaffari และ William McDonald จาก Intel ที่ไขข้อกระจ่างเกี่ยวกับ Secure Access Service Edge

ขณะเดียวกัน Sangfor ใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัวบริการ Sangfor Managed Cloud Services ซึ่งให้ความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นของระบบคลาวด์สาธารณะ และการรักษาความปลอดภัย การควบคุม แบบบริการคลาวด์ส่วนตัว

Sangfor MCS นำเสนอบริการในรูปแบบ Infrastructure-as-a-Service (IaaS), Platform- as-a-Service (PaaS) และ Security-as-a-Service (SECaaS) โดยลูกค้าสามารถเลือกโฮสต์ สโตร์เรจ และระบบเครือข่ายบนคลาวด์ของตัวเองได้ (dedicated resource) หรือจะเป็นบริการคลาวด์ส่วนตัว (Private cloud) และการสำรองข้อมูล ทั้งหมดที่กล่าวมา

นอกจากนั้น งานเสมือนจริงครั้งนี้ยังเปิดให้มีการพูดคุยผ่านไลฟ์แชทที่บูธและระหว่างการสัมมนาเชิงโต้ตอบกับตัวแทน Sangfor ที่พร้อมจะตอบคำถามเชิงลึกจากผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ในการประชุม Network Detection and Response Platform (Cyber Command), Sangfor's NGAF Next Generation Firewall และ Sangfor Hyper Converged Infrastructure

Sangfor EPIC ภูมิใจที่ได้รับการสนับสนุนจาก Intel และ Sundray ทำให้สามารถจัดงานเชิงโต้ตอบแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบได้อย่างปลอดภัยและไร้ค่าธรรมเนียม และ Sangfor ยังภูมิใจที่ได้เสนอบริการสนับสนุนหลายภาษา เช่น บาฮาซา ไทย กวางตุ้ง อังกฤษ อิตาลี เกาหลี และสเปน ผู้ที่สนใจสามารถย้อนรับชมการประชุม EPIC ได้ที่เว็บไซต์ Sangfor EPIC

ปี 2564 เป็นขอบเขตด้านไอทีใหม่สำหรับองค์กรส่วนใหญ่ และ Sangfor ต้องการ "ปกป้องการเดินทางของคุณสู่ระบบคลาวด์" โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และพันธมิตรด้านไอทีสำหรับทุกอุตสาหกรรมในทุกภูมิภาค

ติดตาม Sangfor ได้ที่ www.sangfor.com หรืออีเมล marketing@sangfor.com

Xinhua Silk Road: China's iconic sedan brand Hongqi outshines at Financial Street Forum 2021



Hongqi, an iconic sedan brand under China's leading automaker FAW Group, has made a sparkling appearance at annual Financial Street Forum 2021 held in Beijing as official vehicle of the event.

Starting from 2018, Hongqi has continuously strengthened its positive and youthful brand image and established the brand concept of Chinese-style of new noble and refined, conveying the product's pursuit of quality and aesthetics. In 2021, through innovative brand activities, Hongqi, in conjunction with top IPs such as the Palace Museum, has delivered the unique charm of Hongqi brand products to the public.

It is worth mentioning that the Palace Museum and Hongqi recently established a joint innovation laboratory. The two parties merged traditional techniques with modern innovation, and launched the H9 plus Taihe edition. The move opened a new chapter in the cross-industry cooperation between culture and automobile.

The fast-growing Chinese market and the auto industry have brought opportunities for Chinese auto brands. In the context of consumption upgrades and intelligence transformation,Hongqi has embraced the wave of new energy and intelligent connectivity, taking E-HS9 model as the  brand's first C-plus class full-size smart pure electric SUV, which gained widespread attention and praise in domestic and overseas high-end new energy vehicle markets.

In terms of sports innovation marketing, in August this year, Hongqi announced that it would present Hongqi H9 products or the right to use it to every athlete in the Chinese Olympic delegation who won a medal in the Tokyo 2021 Olympics. In September, General Administration of Sport of China signed a contract with Hongqi to formally deliver the domestically-made snowmobile equipment developed by FAW Hongqi  to the Winter Sports Center.

Hongqi, literally meaning red flag, was established in 1958 and has been used for parades at national celebrations and features symbolic importance in China's auto industry.

Original Link: https://en.imsilkroad.com/p/324481.html

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673458/image_1.jpg
Caption - Photo shows Hongqi car at Financial Street Forum 2021 annual meeting venue

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673454/image_2.jpg
Caption - Photo shows the new energy vehicle Hongqi E-HS9 at 2021 Financial Street Forum venue

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673457/image_3.jpg
Caption - Photo shows Hongqi H9plusTaihe customized car

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673455/image_4.jpg
Caption - Photo shows Hongqi E-HS9 to be sent to Norway market

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673456/image_5.jpg
Caption - Photo shows the Hongqi H9 at the delivery ceremony to China's Olympic athletes

HUAWEI CONNECT 2021 - ASIA PACIFIC: Huawei are committed to be the preferred partner for digital transformation



Huawei's first flagship event for Asia-Pacific (APAC) region ICT industry - HUAWEI CONNECT 2021 - ASIA PACIFIC launched today, themed "Dive into Digital in Asia-Pacific", explores how digital technology can better integrate with business scenarios and industry know-how to address critical business challenges, and how stakeholders can work together more effectively to foster an open industry ecosystem and drive shared success.

This event has featured three keynotes and opening remarks with around 15 CXOs from government and commercial sectors across APAC like Sunseap Group, KBank, University Malaya, Union Bank, Toyota Astra, Bank Central Asia (BCA), UCARS and government guests to share their vision and experience on digital transformation in APAC.

In Jeffery Liu, the President of Huawei Asia-Pacific keynote, he spoke that digital transformation is more real and urgent than ever. Huawei will leverage innovative ICT technologies to help customers accelerate digital transformation. In Asia Pacific, Huawei will focus on the 4 areas: Cloud services, Low-carbon development, Innovative digital infrastructure, building partner ecosystem and training digital talents. Huawei are committed to be the preferred partner for digital transformation in the region.

Jeffery said, "In Asia Pacific, HUAWEI CLOUD operates in 7 Availability Zones and have local service teams in over 10 countries. Huawei combines digital and electronic technologies to develop innovative digital power services by using energy as efficiency as possible, and minimize the carbon footprint of ICT infrastructure by leveraging clean power generation, electric transportation, and smart energy storage, supporting our customers to save energy and protect the environment. Every year Huawei invests over 10% of revenue into R&D, deliveries value to the industry and society through innovation, help our customers go digital with innovative and reliable products and solutions. In the next five years, we will continue to train over 100 thousands ICT professionals in Asia-Pacific to strengthen the talent root for digital transformation."

In the sharing session of Digital Leadership, Professor Alex Siow from NUS shared on how emerging digital technologies has changed various industries, and how these technologies will evolve along with the effects of the pandemic. "Digital leadership is the strategic use of a company's digital assets to achieve business goals and digital leaders shall explore on how technology can be used to help their business become much more responsive to the needs of their customers and the ever-changing business requirements. Digital leaders must lead the way in digital transformation and help the customers more digital and more agile for the adoption of rapid acceleration of technological changes," said Professor Alex Siow.

The event is honored to invite key companies like PSA Corporation Ltd, Sunway Berhad Malaysia, Integrated Health Information System (IHIS) Singapore, Singapore Press Holdings (SPH) and Prof. Dr. De Creme from NUS to participate in the open panel discussion, shared their thoughts on thriving as a digital enterprise and to help the industry leaders approach business transformation from different perspective. During the panel discussion, Ho Vee Leung, Head of Infocomm Technology & Data from PSA shared the benefits of technology, like how 5G, which is capable of large bandwidth and low latency wireless transmission, enables real time control of mobile equipment in the open port environment, and how Intelligent IoT technology has enabled energy consumption within the terminals to be better managed and optimized, balancing peak and trough demand and reducing the risk of power-related disruptions. Alan Goh, Assistant Chief Executive of IHIS also shared how IHIS utilized technology to create value in healthcare industry. Alan shared the example of the vaccination programme in Singapore and how they integrated technology to enable real-time updates of the vaccination process. Kevin Khoo, CIO from Sunway Berhad Malaysia shared his rich experience in managing a large conglomerate in digital transformation journey and the importance of close partnership with vendor. Glen Francis, CTO of SPH mentioned that leadership and stakeholder alignment is important especially when building new technology tool or platform in the organization and communication is an important part in overcoming the challenges of digital transformation journey.

At the discussion, Nicholas Ma, the President Huawei Asia Pacific Enterprise BG pointed out that Digital transformations is not a plug-and play strategy revealing immediate results. Two areas are essentially important for digital transformation, one is the organization and the other is technology. To tackle the skills issue and improve organizational agility, Huawei will continue invest in digital talents cultivation and work closely with partners to provide more scenario based solutions in their digital transformation journey. "As new technologies like Cloud, and AI continue to be mature, the application of digital technologies is expanding beyond the office and into production systems of the industries, which will change or improve productivity. Together with our partners, we take the time to truly make the best use of our leading technologies and solution, to understand our customers' businesses, particularly the challenges they are facing, and then develop tailored solutions to support them. To do this, we have built 13 Open Labs around the world to support joint innovation, in Asia Pacific, we have OpenLabs in Singapore and Thailand," further shared by Nicholas Ma.

Brandon Wu, CTO of Huawei Asia Pacific Enterprise BG mentioned that Huawei plans to provide enterprises with a consistent experience while using cloud-native applications that are not constrained by geographical, cross-cloud, or traffic limitations. Huawei is also leveraging ICT innovations for energy saving and sustainability, by introducing green sites, improving data center network efficiency, and binging green connectivity by extending more optical connections to home and campus networks, to further reduce power consumption.

Brandon Wu also elaborated latest innovations that Huawei will bring to the market:

  1. Huawei OptiXsense Solution and a product model EF3000 which is able to measure the vibration of the laser, to sense the environment changes of the object under monitoring, to significantly reduce the false alarms.
  2. Digital Offices, powered by intelligent "Office Twins" - Wi-Fi 6e AP and HUAWEI IdeaHub. They will supercharge your meeting room experiences and office productivity with ubiquitous gigabit and seamless collaboration.
  3. The industry's first deterministic IP network solution, which supports multi-hop networking of tens of thousands of nodes, so it can deliver deterministic IP network performance, making lights-out digital factories a reality.
  4. Hybrid Optical transmission network (OTN), by combining both the technology advantages between PON and OTN together, Huawei introduced H-OTN for the first time to the market, the packet loss can now be minimized and the reliability can reach five 9s for mission-critical services.
  5. OceanStor Pacific, the industry first distributed storage for High Performance Data Analytics (HPDA). This solution breaks the silos of data processing between big data, AI, high performance computing, and streamlined multiple storage capabilities into one single devicewith adaptive data flow for large and small size IOs.

Dive into Digital, Dive into Asia Pacific. For more information about Huawei Connect 2021 - Asia Pacific, please visit: https://bit.ly/3lD47lz

About Huawei

Founded in 1987, Huawei is a leading global provider of information and communications technology (ICT) infrastructure and smart devices. We have more than 197,000 employees, and we operate in more than 170 countries and regions, serving more than three billion people around the world.

Our vision and mission is to bring digital to every person, home and organization for a fully connected, intelligent world. To this end, we will drive ubiquitous connectivity and promote equal access to networks; bring cloud and artificial intelligence to all four corners of the earth to provide superior computing power where you need it, when you need it; build digital platforms to help all industries and organizations become more agile, efficient, and dynamic; redefine user experience with AI, making it more personalized for people in all aspects of their life, whether they're at home, in the office, or on the go. For more information, please visit Huawei online at www.huawei.com or follow us on:

http://www.linkedin.com/company/Huawei  
https://twitter.com/HuaweiEntAPAC
https://www.facebook.com/HuaweiEnterpriseAPAC
http://www.youtube.com/Huawei

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673577/HUAWEI_CONNECT_2021___ASIA_PACIFIC_Huawei_committed_preferred_partner.jpg

TCL Mini LED TV Disrupts Gaming Experience with AMD FreeSync(TM) Premium Technology



New TCL Mini LED 4K TV C825 Delivers Smoother More Immersive Gameplay

TCL Electronics (1070.HK), one of the leading players in the global TV industry and a leading consumer electronics company today announces that it is including AMD FreeSync(TM) Premium Technology in the TCL Mini LED 4K TV C825 to ensure gamers enjoy superior visual gaming experiences with no tearing, low flicker and low lantecy.

 "We set out to create the best gaming experience for our customers by identifying the issues that frustrate gamers - input latency, screen tearing, and stuttering during gaming and video playback - then we found solutions. Through continuous innovation, we created the ultimate immersive experience - the new TCL Mini LED 4K TV C825 TV delivers incredibly smooth gameplay and has AMD FreeSync(TM) Premium certification." said Shaoyong Zhang, CEO of TCL Electronics.

AMD FreeSync(TM) Premium caters to serious gamers looking for a premium, high refresh rate gaming experience. The certification enables gamers to easily identify and select the right products and reffirms that the TCL Mini LED 4K TV C825 delivers fluid, artifact-free imagery performance.

C825 features a high-performance Mini LED display that delivers incredible brightness, for dramatic highlights and richer, more lifelike HDR performance, while Quantum Dot technology ensures 100% colour volume comprising over a billion colours and shades. Combined with Variable Refresh Rate, Auto Low Latency Mode and eARC. C825 now delivers an excellent audiovisual experience for gaming, and makes TV shows and movies even more entertaining.

A long-time supporter of the gaming community TCL is the Official TV Partner of Call of Duty: Vanguard. With its advanced display technology and award-winning TVs, TCL is propelling gaming displays to ensure unrivalled immersive experiences with the highest benchmark possible. Now with AMD FreeSync(TM) Premium certification, gamers can choose TCL Mini LED 4K TV C825 and expect premium gaming experiences.

*Product appearances and fuctionalities vary in countries/regions.

About TCL Electronics

TCL Electronics (1070.HK) is a fast-growing consumer electronics company and a leading player in the global TV industry. Founded in 1981, it now operates in over 160 markets globally. According to OMDIA, TCL ranked global No.2 in TCL brand LCD TV market share in 2020. TCL specializes in the research, development and manufacturing of consumer electronics products ranging from TVs, audio and smart home appliances.

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1673664/image_5005564_10213738.jpg

Yili เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Ausnutria เร่งขยายธุรกิจนมแพะและผลิตภัณฑ์โภชนาการ



เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท Inner Mongolia Yili Industrial Group Co., Ltd. ("Yili Group" หรือ "Yili") ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ประกาศเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Ausnutria Dairy Co. Ltd. ("Ausnutria Dairy" หรือ "Ausnutria") ผู้นำในธุรกิจนมผงจากนมแพะ และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดยถือเป็นการเข้าซื้อและควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้

Yili Group จะผนึกกำลังกับ Ausnutria Dairy ผ่านทาง Hong Kong Jingang Trade Holding Co., Ltd. ("Jingang") ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อรุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและผลิตภัณฑ์โภชนาการ

ทั้งนี้ Jingang จะซื้อหุ้น 531 ล้านหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายเก่าในราคา 10.06 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 30.89% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Ausnutria นอกจากนี้ Ausnutria จะออกหุ้นใหม่ 90 ล้านหุ้นให้แก่ Jingang ในราคา 10.06 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยหากการทำธุรกรรมทั้งสองเสร็จสมบูรณ์ Jingang จะถือหุ้นบริษัท Ausnutria รวมทั้งสิ้น 621 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 34.33% ของหุ้นที่บริษัทออกทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้ Yili กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงรายเดียวของบริษัท

บริษัทนมยักษ์ใหญ่จับมือกับผู้นำด้านนมแพะ ผนึกกำลังสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

พาน กัง ประธานบริษัท Yili Group กล่าวว่า ทั้งสองบริษัทมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน และ Yili ยอมรับในคุณค่า การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และทีมงานที่เป็นแกนหลักของ Ausnutria โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Yili จะแสดงจุดแข็งอย่างเต็มที่ทั้งในแง่ของขนาด การสร้างแบรนด์ ช่องทางต่าง ๆ และห่วงโซ่อุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ Ausnutria พัฒนาอย่างมั่นคงในระยะยาว

หยาน เว่ยปิน ประธานบริษัท Ausnutria กล่าวว่า นักลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่าง Yili ไม่เพียงช่วยประสานพลังในห่วงโซ่อุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังมอบพลังให้แก่ Ausnutria ในแง่ของการบริหารจัดการและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้วย

การเป็นพันธมิตรจะเสริมแกร่งความเป็นผู้นำของ Yili ในตลาดนมผง และช่วยให้บริษัทเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์โภชนาการ

นมผงสำหรับทารกเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีมูลค่าสูง Yili จึงให้ความสนใจและจะดึงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ในอนาคต เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ Jinlingguan ของ Yili ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในแง่ของอัตราการเติบโตผ่านทุกช่องทางในตลาดจีน ขณะเดียวกัน Yili ยังครองส่วนแบ่งมากขึ้นในตลาดนมผงสำหรับทารกที่ทำจากนมแพะ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ Jinlingguan UITSTEKEND GEITENMELK ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้น ยังโดดเด่นด้วยคุณภาพระดับพรีเมียมและมียอดขายพุ่งถึง 200%

ในฐานะผู้นำตลาดนมผงสำหรับทารก Ausnutria จึงคว้าโอกาสในตลาดนมแพะ โดย Kabrita แบรนด์นมผงจากนมแพะของ Ausnutria ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงในตลาดนมผงสำหรับทารกของจีน นอกจากนี้ Ausnutria ยังคว้าอันดับหนึ่งด้านยอดขายนมผงจากนมแพะทั่วโลก

เมื่อการทำธุรกรรมระหว่างสองฝ่ายเสร็จสมบูรณ์ การพัฒนาในระยะยาวของ Ausnutria จะได้รับการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน Yili ก็จะบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์ได้เร็วขึ้น หลังจากกำหนดให้นมผงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ ทั้งสองบริษัทจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันในแง่ของการจัดซื้อวัตถุดิบ การตลาด จุดแข็งด้านทำเลที่ตั้ง รวมถึงการวิจัยและพัฒนา

ทั้งนี้ Ausnutria มีผลิตภัณฑ์โภชนาการหลากหลายครอบคลุม เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรไบโอติกส์ และอาหารเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ โดยบริษัทกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โภชนาการและผู้ให้บริการด้านสุขภาพระดับไฮเอนด์ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัยและครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมด ซึ่ง ณ จุดนี้ การผนวกรวมทรัพยากรที่ดีที่สุดจากทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้ Yili เข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์โภชนาการได้ง่ายขึ้น

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1672909/1.jpg 

คุณ Chen Zhiping รองประธาน ZTE โชว์เส้นทางดิจิทัลเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน


ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค ประกาศในวันนี้ว่า คุณ Chen Zhiping รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการสร้างแบรนด์ของ ZTE ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "เส้นทางดิจิทัลเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน" (A Digital Road to Carbon Neutrality) พร้อมแบ่งปันวิธีที่ ZTE ใช้ช่วยเหลือบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ และส่งเสริมการตระหนักถึงเป้าหมายของสังคมในการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของ ZTE บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

คุณ Chen กล่าวว่า "เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและความท้าทายด้านการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษในอุตสาหกรรมทั้งหมด เราเชื่อว่าการทำให้เป็นดิจิทัลจะช่วยเหลืออุตสาหกรรมดั้งเดิมได้"

ในฐานะผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ZTE ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อปูทางสู่เส้นทางเศรษฐกิจดิจิทัลสีเขียว และส่งเสริมความสำเร็จของเป้าหมายคาร์บอนแบบคู่ผ่านการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซัพพลายเชนสีเขียว โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสีเขียว และอุตสาหกรรมสีเขียว

เนื้อหาปาฐกถาฉบับเต็มของคุณ Chen มีดังนี้

ในปี 2563 นอกจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว คุณรู้สึกได้บ้างหรือเปล่าว่าอุณหภูมิผิดปกติไป ในเดือนมิถุนายน 2563 เมืองแห่งหนึ่งในไซบีเรียแถบอาร์กติกเซอร์เคิลมีอุณหภูมิสูงถึง 38 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงสุดในอาร์กติกเซอร์เคิลที่เคยมีการบันทึกไว้ หากอุณหภูมิโลกถูกจำกัดมิให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาแล้ว เราก็จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียและความเสี่ยงจำนวนมากที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้

ปัจจุบัน ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้กลายเป็นฉันทามติทั่วโลก

นับจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา 137 ประเทศทั่วโลกได้เสนอเป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ขณะที่องค์กรมากกว่า 1,200 แห่งได้ให้คำมั่นที่จะเข้าร่วมกับ SBTi โดยมียักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกเป็นผู้นำในการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ และประเทศจีนเองก็ได้ประกาศความมุ่งมั่นและเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไว้ด้วยเช่นกัน

เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

หากเราต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วโลก อุตสาหกรรมดั้งเดิมจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในการลดปริมาณการบริโภค อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารคิดเป็น 2% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดในโลกทุกปี โดยเมื่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีการใช้งานมากขึ้น การลดการปล่อยมลพิษของธุรกิจยังเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ขณะที่ ITU (International Telecommunication Union) ประกาศว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะลดการปล่อยมลพิษลง 45% ภายในปี 2573

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้เทคโนโลยี 5G บิ๊กดาต้า การประมวลผลคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในทุกด้านของการดำเนินชีวิต

เรายกระดับประสิทธิภาพของการจัดสรรทรัพยากร การผลิต และคุณภาพชีวิตได้ ผ่านการเชื่อมต่อข้อมูล การจัดเก็บ การคำนวณ และการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลการวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้อุตสาหกรรมอื่น ๆ ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ZTE ขอเป็นตัวอย่างโดยเลือกใช้เส้นทางการพัฒนาสีเขียวในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

ในฐานะผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก ZTE ส่งเสริมการจัดการด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมในสำนักงานและการปฏิบัติงานด้านการผลิต เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

บริษัทได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กร เช่น การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรัพยากรและพลังงาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต (บ่มเร่งด้วยความร้อน) ทำให้ประหยัดพลังงานต่อปีได้กว่า 30 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง เราเริ่มการจัดการการติดตามการปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด เราส่งเสริมเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะและระบบไฟอัจฉริยะเพื่อลดการใช้ไฟฟ้า และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกสบายสำหรับพนักงานในคราวเดียวกัน การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้มีปริมาณไฟฟ้าต่อปีเกิน 3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทยังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกมากกว่า 160 ราย เพื่อสร้างเครือข่ายวัฏจักรสีเขียวทั่วโลก

เป้าหมายด้านคาร์บอนของเรายังขึ้นอยู่กับกระบวนการแยกคาร์บอนออกจากผลิตภัณฑ์และบริการต้นทางอีกด้วย เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรต้นทางและปลายทาง เพื่อร่วมกันบรรลุการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษในการเลือกวัสดุ การรีไซเคิลวัสดุ และการขนส่ง

จนถึงปัจจุบัน ซัพพลายเออร์ชั้นนำกว่า 40 รายได้พัฒนาแผนกลยุทธ์การลดคาร์บอน ซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่จะมาจากพันธมิตรที่มีความมุ่งมั่นในเป้าหมายระยะเวลา 5-10 ปีข้างหน้า การจัดการระบบจัดซื้อยังช่วยส่งเสริมการลดก๊าซคาร์บอนสำหรับซัพพลายเออร์ในหลาย ๆ ด้านอย่างจริงจัง ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการพัฒนาที่สร้างคาร์บอนปริมาณต่ำและยั่งยืนอย่างต่อเนื่องในซัพพลายเชนของเรา

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสีเขียวช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างเครือข่ายการปล่อยคาร์บอนปริมาณต่ำ

สำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแล้ว ไซต์แบบไร้สายและศูนย์ข้อมูลมีสัดส่วนการใช้พลังงานมากที่สุด การปล่อยก๊าซคาร์บอนนั้นทำให้ลดลงได้โดยการใช้พลังงานสีเขียว การสร้างไซต์สีเขียว และศูนย์ข้อมูลสีเขียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกระบวนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของเครือข่ายการสื่อสาร ZTE ได้นำเสนอเครือข่ายพลังงาน "คาร์บอนเป็นศูนย์" รูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด "ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพ ชาญฉลาด และเชื่อถือได้" เพื่อเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น

ปริมาณการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นทุกปี และการใช้งาน 5G ที่มีอยู่มาก ทำให้สัดส่วนของการใช้พลังงานของไซต์ต่อการใช้พลังงานของเครือข่ายทั้งหมดนั้นเกิน 45% ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษ

ในฐานะซัพพลายเออร์อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำ ZTE Corporation ได้รวมแนวคิดเรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการสร้างคาร์บอนปริมาณต่ำไว้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของไซต์งาน และการนำโซลูชันเหล่านี้ไปใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องสำหรับการสร้างไซต์งานสีเขียว

ขณะเดียวกัน ความก้าวหน้าในด้านบริการข้อมูลและบริการคลาวด์ที่หลากหลาย ยังทำให้ศูนย์ข้อมูลเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไอที อุปกรณ์ทำความเย็น ระบบจ่ายไฟและระบบแจกจ่าย รวมถึงอุปกรณ์ให้แสงสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์ทำความเย็นที่ใช้พลังงานไปกว่า 80% ของการใช้พลังงานทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โซลูชัน ZEGO ของ ZTE ช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานของอุปกรณ์เหล่านี้ได้

ในปัจจุบัน โซลูชัน UniSite, PowerPilot และ iEnergy ที่ ZTE นำเสนอผ่านแนวปฏิบัติด้านดิจิทัล ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเครือข่ายของผู้ให้บริการทั่วโลก ซึ่งช่วยให้พวกเขาประหยัดและลดการใช้พลังงานได้

  • ZTE ปรับใช้โซลูชัน UniSite+ ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นโซลูชันไซต์ที่ใช้งานง่ายที่สุดในอุตสาหกรรมปัจจุบัน ทำให้ลด radio unit ลงได้ 60% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับโซลูชันแบบดั้งเดิม
  • บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโซลูชันประหยัดพลังงาน PowerPilot AI ในมาเลเซีย ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 7 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
  • ด้วยความร่วมมือกับลูกค้า ZTE ได้สร้างศูนย์ข้อมูลย่อยแบบแยกส่วนอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียในเขตผิงซาน เมืองเซินเจิ้น โดยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 60 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในแต่ละปี

ความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ZTE ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการและบริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรม ในการสำรวจสถานการณ์การใช้งานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และสร้างวิธีการปฏิบัติรูปแบบใหม่ที่นำไปทำซ้ำในสเกลใหญ่ได้

  • เพื่อเป็นการแนะนำการใช้งานพลังงานสีเขียว China Southern Power Grid ร่วมกับ China Mobile และ ZTE ได้สร้างโซนสาธิตขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับการใช้งานสมาร์ทกริด 5G ในประเทศจีนในเขตหนานซาของเมืองกวางโจว บริการดังกล่าวช่วยผลกระทบของการเข้าถึงพลังงานใหม่บนโครงข่ายไฟฟ้าได้อย่างมาก ขณะที่ความน่าเชื่อถือในการส่งพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นสี่เท่าในอนาคตข้างหน้า
  • สำหรับอุตสาหกรรมถลุงแร่ที่ใช้พลังงานสูง ZTE และ Aluminium Corporation of China ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ ซึ่งช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่า 90 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในแต่ละปี
  • สำหรับอุตสาหกรรมการขนส่ง ZTE และ Guangzhou Mobile ได้เปิดตัวเมืองสาธิตการขนส่งอัจฉริยะ 5G แห่งแรกของโลก ซึ่งรวมถึงรถไฟอัจฉริยะความเร็วสูง รถไฟใต้ดินอัจฉริยะ สายส่งรถบัส 5G การเชื่อมโยงเครือข่ายอัจฉริยะ 5G และการตรวจสอบนโยบายถนน 5G ส่งผลให้ประสิทธิภาพการขนส่งโดยรวมเพิ่มขึ้น 10%

นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมการผลิต ZTE ยังได้สร้างโรงงานอัจฉริยะ 5G ระดับโลกในเขตปิ่นเจียง เมืองหนานจิง ซึ่งเป็นโรงงานสาธิตสำหรับแนวคิด "การผลิตอัจฉริยะโดยเทคโนโลยี 5G" ทำให้ลดการใช้พลังงานลง 40% สร้างตัวอย่างเชิงสาธิตด้านการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษสำหรับการผลิตขั้นสูง

ปัจจุบัน ZTE และพันธมิตรยังคงดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ 5G+ อย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินโครงการสาธิตมากกว่า 60 โครงการทั่วโลก

ZTE นำกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนมาใช้อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษในการผลิตและการดำเนินงานขององค์กร ช่วยผู้ประกอบการในการสร้างเครือข่ายคาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร และส่งเสริมอุตสาหกรรมแนวตั้งอย่างแข็งขันเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ จนถึงตอนนี้ ZTE ได้ปรับใช้สิทธิบัตรนวัตกรรม 5G ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 500 รายการ เพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และสร้างเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในอนาคต ZTE จะยังคงวิจัยพลังงานใหม่ วัสดุใหม่ และส่วนประกอบใหม่ เพื่อสร้างความก้าวหน้าในเทคโนโลยีหลัก วางรากฐานทางเทคนิคที่มั่นคงสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับความลึกและครอบคลุมของเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง นอกจากนี้ ZTE จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และการลดการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และช่วยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนทั้งหมดในสังคม

การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนนั้น ต้องใช้กระบวนการระยะยาวและความพยายามร่วมกันของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ZTE ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างเส้นทางดิจิทัลสีเขียวด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออนาคตที่สดใส

Kwai ประกาศความร่วมมือกับ Amazfit โปรโมทการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั่วโลก

แบรนด์นาฬิกาสวมใส่อัจฉริยะอันดับหนึ่งในบราซิล มีจำนวนผู้เข้าชมวิดีโอบน Kwai แล้วกว่า 218 ล้านครั้ง


Kwai โซเชียลมีเดียรูปแบบวิดีโอสั้นในบราซิล ประกาศความร่วมมือกับ Amazfit ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะระดับโลก เพื่อโปรโมทการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Amazfit ทั่วโลก

ในระหว่างแคมเปญดังกล่าว ผู้ใช้ Kwai สามารถเข้าร่วมชาเลนจ์ติด Hashtag บนแอป Kwai เพื่อชิงรางวัลผลิตภัณฑ์สุดพิเศษจาก Amazfit เหล่าผู้สร้างคอนเทนต์บน Kwai ได้อัปโหลดวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญนี้กว่า 32,000 รายการที่มีการรับชมรวมกันกว่า 218 ล้านครั้ง โดยเมื่อวันที่ 14 และ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้เชิญกลุ่มผู้สร้างคอนเทนต์ของ Kwai ร่วมเปิดงานฉลองผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Amazfit บนการสตรีมสดของแต่ละคน


Paulo Fernandes ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ Kwai ประจำทวีปอเมริกา กล่าวว่า "ความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Amazfit แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการนำแบรนด์อันเป็นที่รักมายัง Kwai เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิงที่ใช้งานง่ายขณะที่ผู้ใช้ของเรากำลังใช้เวลาว่างบน Kwai"


Kuaishou บริษัทแม่ของ Kwai ได้บุกเบิกการหลอมรวมกันของโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซในจีน โดยเมื่อนับเฉพาะปี 2563 เพียงปีเดียวแล้ว ยอด GMV รวมของการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซบน Kuaishou อยู่ที่ 3.81 แสนล้านหยวน หรือเกือบ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ


Austin Peng ผู้อำนวยการธุรกิจประจำภูมิภาคของ Amazfit กล่าวว่า "เรามีความสุขอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับ Kwai และเราพึงพอใจอย่างมากกับผลจากความร่วมมือและ Hashtag Challenge เราหวังที่จะร่วมมือมากกว่าเดิมกับ Kwai ในอนาคต เพื่อช่วยให้ผู้คนมากยิ่งขึ้นได้เพลิดเพลินกับสุขภาพอัจฉริยะและใช้ชีวิตตามแพสชันของตนเอง"


เกี่ยวกับ Kwai Brazil


Kwai เป็นแอปพลิเคชันฟรีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในบราซิล ช่วยให้คนทั่วไปสร้างคอนเทนต์และแบ่งปันวิดีโอของตนเองทางออนไลน์ได้แบบง่าย ๆ ครอบคลุม และเข้าถึงได้ ในจักรวาลการโต้ตอบที่ช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกัน Kwai มีภารกิจในการทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น Kwai เชื่อว่าทุก ๆ เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตสมควรจะได้รับการแบ่งปัน แอปเปิดให้ดาวน์โหลดได้บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่านทาง App Store  และ Google Play  ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kwai.com 


เกี่ยวกับ Amazfit


Amazfit คือแบรนด์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะชั้นนำระดับโลกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์มากมาย ทั้งสมาร์ทวอทช์และสายรัดข้อมือ หูฟังออกกำลังกาย และอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้าอัจฉริยะและเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ สโลแกนของแบรนด์คือ Up Your Game โดยเราสนับสนุนให้ลูกค้าทำในสิ่งที่รักและแสดงพลังของตัวเองอย่างเต็มที่ Amazfit เป็นแบรนด์ของบริษัท Zepp Health (NYSE: ZEPP) และส่งมอบผลิตภัณฑ์กว่า 100 ล้านรายการนับตั้งแต่ปี 2557 โดยวางจำหน่ายในกว่า 90 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.amazfit.com


รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1671219/Amazfit_Partners_Kwai_Brazil_Kick_New_Product_Launch_Campaign.jpg

คำบรรยายภาพ - Amazfit จับมือ Kwai ในบราซิล เพื่อเปิดตัวแคมเปญการออกผลิตภัณฑ์ใหม่

KIIT & KISS partner with UNESCO MGIEP for online course on social and emotional learning

The Kalinga Institute of Industrial Technology (KIIT) and Kalinga Institute of Social Sciences (KISS) have signed a partnership agreement with the UNESCO Mahatma Gandhi Institute of Education for Peace and Sustainable Development (MGIEP) to provide the online Self-directed Emotional Learning for Empathy and Kindness (SEEK) course for KIIT-KISS staff and students in a phased manner.


KIIT Deemed-to-be-University and KISS Deemed-to-be-University will be among the first universities worldwide to implement the MGIEP SEEK course, which has also been endorsed by the University Grants Commission (UGC), Government of India.


The course, based on the Compassionate Integrity Training, is developed by UNESCO MGIEP and Life University, USA. It seeks to build 21st century emotional intelligence skills and contribute to fulfilling the goals of the India National Education Policy to impart social and emotional learning to create engaged global citizens. The course takes approximately 40 hours to complete and is made of 10 skills in 3 series.


The signing ceremony was graced by Dr. Anantha Duraiappah, Director, UNESCO MGIEP; Dr. Achyuta Samanta, Founder, KIIT & KISS; Shri Satya Tripathi, Chancellor - KISS Deemed-to-be-University, and representatives from many embassies in Delhi and UN offices.


In his speech Dr. Anantha Duraiappah said, "SEEK is about finding yourself, being comfortable with yourself and being kind. I welcome the partnership with KIIT-KISS and look forward to their staff and students taking this resiliency-based course and truly hope they find it useful for cultivating greater self-compassion and contributing to the development of more peaceful and sustainable societies."


Dr. Samanta said, "KIIT & KISS are based on the ethos of Compassion, Kindness and Humanitarianism. We are glad to partner with UNESCO MGIEP to equip our students and staff with Emotional Intelligence skills that help in building emotional resilience, especially when humanity is passing through testing times."


Shri Tripathi said, "The SEEK course will be deployed for 1,000 Faculty and Staff and 11,000 students in Phase 1 with all future students undertaking the course for credits in 2022."


UNESCO MGIEP focuses on achieving the UN Sustainable Development Goal 4.7 towards education for building peaceful and sustainable societies across the world by developing programmes that promote social and emotional learning, innovate digital pedagogies and empower the youth.


Media Contact:

Dr. Shradhanjali Nayak

director.pr@kiit.ac.in


Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1672883/KIIT_KISS_UNESCO_MGIEP.jpg

สถาบัน KIIT & KISS จับมือ UNESCO MGIEP เปิดตัวหลักสูตรออนไลน์ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม

สถาบัน Kalinga Institute of Industrial Technology (KIIT) และสถาบัน Kalinga Institute of Social Sciences (KISS) ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบัน UNESCO Mahatma Gandhi Institute of Education for Peace and Sustainable Development (MGIEP) เพื่อจัดหลักสูตรออนไลน์การเรียนรู้ทางอารมณ์เพื่อความเห็นใจและความเมตตาต่อตัวเอง (Self-directed Emotional Learning for Empathy and Kindness หรือ SEEK) สำหรับเจ้าหน้าที่และนักเรียนของ KIIT และ KISS แบบค่อยเป็นค่อยไป


สถาบัน KIIT Deemed-to-be-University และ KISS Deemed-to-be-University เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก ๆ ของโลกที่ใช้หลักสูตร MGIEP SEEK ซึ่งได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัย University Grants Commission (UGC) ของรัฐบาลอินเดีย


หลักสูตรซึ่งอิงจากการฝึกอบรม Compassionate Integrity Training นี้ พัฒนาโดยสถาบัน UNESCO MGIEP และ Life University ในสหรัฐ โดยพยายามที่จะสร้างทักษะความฉลาดทางอารมณ์ในศตวรรษที่ 21 และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของนโยบายการศึกษาแห่งชาติของอินเดีย เพื่อถ่ายทอดการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมเพื่อสร้างพลเมืองโลกที่มีส่วนร่วม โดยหลักสูตรนี้จะใช้เวลาเรียนประมาณ 40 ชั่วโมงและประกอบด้วย 10 ทักษะใน 3 บท


ดร. Anantha Duraiappah ผู้อำนวยการ UNESCO MGIEP, ดร. Achyuta Samanta ผู้ก่อตั้ง KIIT & KISS, คุณ Shri Satya Tripathi อธิการบดีสถาบัน KISS Deemed-to-be-University และตัวแทนจากสถานทูตหลายแห่งในเดลีและสำนักงานสหประชาชาติ (UN) ต่างให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีลงนาม


ดร. Anantha Duraiappah กล่าวสุนทรพจน์ว่า "หลักสูตร SEEK มุ่งเน้นการค้นหาตัวเอง การมีความสุขกับตัวเอง และมีเมตตา ผมยินดีต้อนรับความร่วมมือกับ KIIT และ KISS และเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่และนักเรียนของสถาบันได้เรียนรู้ในหลักสูตรที่เน้นความยืดหยุ่นนี้ อีกทั้งยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเขาจะพบว่าหลักสูตรนี้มีประโยชน์ต่อการปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจในตนเองมากขึ้น และมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่สงบสุขและยั่งยืนมากขึ้น "


ขณะเดียวกัน ดร. Samanta กล่าวว่า "สถาบัน KIIT & KISS ยึดมั่นในพื้นฐานของความเห็นใจ ความเมตตา และมนุษยธรรม เรายินดีที่จะร่วมมือกับ UNESCO MGIEP เพื่อให้นักเรียนและเจ้าหน้าที่ของเรามีทักษะความฉลาดทางอารมณ์ที่ช่วยสร้างความยืดหยุ่นทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มนุษยชาติกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการทดสอบ"


คุณ Shri Tripathi กล่าวว่า "หลักสูตร SEEK จะนำไปใช้สำหรับคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ 1,000 คนและนักศึกษา 11,000 คนในระยะที่ 1 ซึ่งนักศึกษาใหม่ทุกคนจะต้องเข้าเรียนหลักสูตรนี้เพื่อสะสมหน่วยกิตในปี 2565"


ทั้งนี้ สถาบัน UNESCO MGIEP ได้มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของยูเอ็น (4.7) ในด้านการศึกษาเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขและยั่งยืนทั่วโลก โดยการพัฒนาโครงการที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ สร้างสรรค์การสอนแบบดิจิทัล และส่งเสริมเยาวชน


สื่อมวลชนติดต่อ:

ดร. Shradhanjali Nayak

อีเมล: director.pr@kiit.ac.in


รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1672883/KIIT_KISS_UNESCO_MGIEP.jpg

PR Newswire Launches Inaugural ESG Communications Handbook in APAC


      PR Newswire today released its ESG Communications Handbook, the company's first whitepaper dedicated to Environmental, Social, and Governance communications in Asia-Pacific.

This handbook, which is a resource for investor relations professionals, public relations professionals and board secretaries, covers the importance of ESG and information disclosure by listed companies, shares how companies can develop effective strategies and offers best practices on communicating ESG activities to the media.

Download the PR Newswire's ESG Communication Handbook here (https://misc.prnasia.com/atd/custeventreg.php?event_id=594).

ESG initiatives can shape and influence investors and the public's perception of brands. In recent years, more listed companies are starting to pay attention to crafting ESG strategies and publishing data. The pandemic has accelerated interest in this burgeoning field, with more companies showing their commitment to areas such as sustainability, corporate social responsibility, and diversity, equity and inclusion (DEI).

In the first half of 2021, PR Newswire distributed a growing number of press releases related to topics such as climate change and carbon neutrality across the APAC region. The number of releases distributed increased from 23 in January to 284 in June. Industries that are more active in ESG communications include energy, business technology, industrial automation, health/medical/biotech, consumer products and retail, and finance and insurance.

Click here (https://misc.prnasia.com/atd/custeventreg.php?event_id=594) to download PR Newswire's ESG Communications Handbook or start with the key takeaways below.

Ten pointers:

The ESG Communications Handbook shares ten pointers on how brands can develop effective strategies. They include having employees as ESG ambassadors, who are excited to advocate for their company, as well as considering the long-term benefits of socially responsible efforts. One of them is having a robust workforce strategy that improves employee engagement and attracts high-quality talent, which boosts productivity and leads to a virtuous cycle of higher profitability.

Eight trendsetters:

How are companies leading the way when it comes to ESG communications? Some have set standards in the quality of sustainability disclosures, while others have linked senior executive bonus payouts to the attainment of ESG goals, and improved employee benefits in the wake of a pandemic. The handbook shares best practices from eight global companies from the investment, technology, consumer electronics, finance, manufacturing, and energy industries.

Three strategies:

PR and IR professionals can establish a strong ESG communications strategy by consistently integrating it in their daily management and operations. We find out best practices from two leading companies, Microsoft and Ping An Insurance Group.

Eight types of content:

Over the past two years, PR Newswire has distributed a growing number of ESG-related press releases in Asia-Pacific. We identified eight common types of press releases to help brands craft news angles for their news. These include announcing key wins at industry awards, and sharing results of initiatives such as building environmentally friendly factories and introducing green solutions.

Rounding out the handbook, we invited two IR professionals to share their insights into ESG communications. Dr Eva Chan, Founding Chairman and Fellow Member of Hong Kong Investor Relations Association. She says: "With regard to sustainability reporting, I would like to see more companies not only highlight positive aspects of their performance but also negative aspects such as where they have missed targets. I think The Stock Exchange of Hong Kong (HKEX)'s 'comply or explain' regulations will go some way to addressing this issue."

Richard Sheng, Secretary of Board of Directors and Brand Director at Ping An Insurance (Group) Co. of China Ltd., a company dually listed on the HKEX and the Shanghai Stock Exchange, says, "ESG is an important tool for financial enterprises to support societal progress. Ping An strives for transparency, openness, timeliness and credibility in the disclosure of ESG information. We will continue to share our ESG practices with investors, customers, the media, and governments to help investors make informed decisions."

For more trends and best practices on developing an effective ESG communications strategy, download PR Newswire's ESG Communications Handbook here (https://misc.prnasia.com/atd/custeventreg.php?event_id=594).

About PR Newswire

PR Newswire, a Cision Ltd. company, is a leading global provider of news distribution and earned media software and services. In conjunction with Cision's cloud-based communications product suite, PR Newswire's services enable marketers, corporate communicators, and investor relations officers to identify key influencers, engage target audiences, craft and distribute strategic content, and measure meaningful impact. Combining the world's largest multi-channel, multi-cultural content dissemination network with comprehensive workflow tools and platforms, PR Newswire powers the stories of organizations around the world. PR Newswire serves tens of thousands of clients from offices in the Americas, Europe, the Middle East, Africa and Asia-Pacific regions. Visit www.prnasia.com for more information.

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1672530/PR_Newswire_s_ESG_Communications_Handbook.jpg
Caption: PR Newswire's ESG Communications Handbook

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1672531/ESG_related_press_releases__Jan___Jun_2021.jpg
Caption: ESG-related press releases (Jan - Jun 2021)