Friday, August 30, 2024

เทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 จัดการประกวดเรียงความในหัวข้อ "ประสบการณ์ของฉันกับอุปรากรหวงเหมย"

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสำนักข่าวซินหัวสาขาอันฮุย และสำนักงานคณะกรรมการจัดเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10

เทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 (The 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival) ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัฐบาลประชาชนมณฑลอันฮุย เตรียมเปิดฉากขึ้นที่เมืองอันชิ่ง มณฑลอันฮุย ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2567

อุปรากรหวงเหมย (Huangmei Opera) หนึ่งในห้าการแสดงงิ้วโบราณที่สำคัญของจีน ได้รับการสืบทอดและสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี โดยได้รับการยกย่องเชิดชูมากขึ้นตามกาลเวลา ในขณะที่เทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2535 และจัดติดต่อกันมาเป็นเวลานาน 32 ปี นำความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและความสุขมาสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง

เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เทศกาลนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งตอกย้ำแนวคิด "ก้าวหน้าตามยุคสมัย กลมกลืนกับประชาชน" (Advancing with the Times, Uniting with the People) และสะท้อนจิตวิญญาณของ "งานศิลปะอันยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน" (A Grand Artistic Event for All) ทางศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสำนักข่าวซินหัวสาขาอันฮุย จะร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการจัดเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 จัดการประกวดเรียงความในหัวข้อ "ประสบการณ์ของฉันกับอุปรากรหวงเหมย" (My Experience with Huangmei Opera) โดยเชิญชวนผู้ที่รักการเขียน ผู้ที่ชื่นชอบอุปรากรหวงเหมย และประชาชนจากทุกสาขาอาชีพ มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวอันยอดเยี่ยมของอุปรากรหวงเหมย และช่วยกันจินตนาการถึงอนาคตอันเรืองรองสดใสของอุปรากรหวงเหมย

รายละเอียดของการประกวดเรียงความ:

I. หัวข้อ

"ประสบการณ์ของฉันกับอุปรากรหวงเหมย"

II. ระยะเวลา

ปลายเดือนสิงหาคม 2567 ถึงปลายเดือนกันยายน 2567

III. ข้อกำหนดในการเขียนเรียงความ

1. เนื้อหาเน้นตามหัวข้อ: ผลงานเรียงความที่ส่งเข้าประกวดควรมีเนื้อหาเน้นไปที่หัวข้อ "ประสบการณ์ของฉันกับอุปรากรหวงเหมย" พร้อมนำเสนอมุมมองที่เปิดกว้างและหลากหลาย โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดสามารถแบ่งปันเรื่องราวที่ประทับใจ ช่วงเวลาที่น่าจดจำ หรือความรู้สึกจากใจจริงเกี่ยวกับอุปรากรหวงเหมย นอกจากนั้นเรายังเปิดรับข้อมูลเชิงลึกและแนวคิดเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาอุปรากรหวงเหมย โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับรูปแบบการเขียน แต่ความยาวไม่ควรเกิน 5,000 คำ

2. ความคิดริเริ่ม: ผลงานเรียงความที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นผลงานต้นฉบับและไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน การลอกเลียนหรือใช้ผลงานที่เคยเผยแพร่มาแล้วจะส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์ทันทีเมื่อตรวจพบ

3. วิธีการส่งผลงานและวันปิดรับผลงาน: โปรดส่งผลงานเรียงความในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เอกสาร Word) พร้อมข้อมูลพื้นฐานของผู้เขียน (ชื่อ ข้อมูลติดต่อ และที่อยู่) โดยต้องส่งผลงานไปยังอีเมลแอดเดรสที่กำหนดก่อนปิดรับผลงานในวันที่ 30 กันยายน 2567 พร้อมใส่หัวข้ออีเมลว่า "My Experience with Huangmei Opera Submission + ชื่อผู้เขียน"

4. รางวัล: การประกวดจะมีการมอบรางวัลที่หนึ่ง สอง และสาม รวมถึงรางวัลยอดเยี่ยม โดยผลการประกวดจะประกาศผ่านแอปพลิเคชันของสำนักข่าวซินหัว เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 และแพลตฟอร์มอื่น ๆ สำหรับผลงานที่โดดเด่นจะได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ของสำนักข่าวซินหัว นอกจากนี้ ผู้ชนะจะได้รับใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลมากมายจากผู้จัดงาน อีกทั้งยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 ด้วย

ทั้งนี้ ผู้จัดงานมีสิทธิ์นำผลงานเรียงความที่ส่งเข้าประกวดไปเผยแพร่และโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มและสื่อที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การตัดสินของสำนักงานคณะกรรมการจัดเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 ถือเป็นที่สิ้นสุด

อีเมลสำหรับส่งผลงาน: wyhmx2024@163.com

ผู้ติดต่อ: อู่หาว (Wu Hao)
โทรศัพท์: 86-556-5346628
มือถือ: 86-17755631199

ผู้ติดต่อ: เฉาเถา (Cao Tao)
โทรศัพท์: 86-551-63699092
มือถือ: 86-18956086888

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสำนักข่าวซินหัวสาขาอันฮุย และสำนักงานคณะกรรมการจัดเทศกาลศิลปะอุปรากรหวงเหมย (เมืองอันชิ่ง) ประเทศจีน ครั้งที่ 10 

คอมแพ็ค เบรก ก้าวล้ำไปอีกขั้นกับนวัตกรรมความปลอดภัย เปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุด “Compact Primo Gen 2”

“เพราะเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดให้กับทุกการขับขี่” นี่คือเหตุผลที่ คอมแพ็ค เบรก มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในทุกเส้นทาง ประกอบกับความสำเร็จสูงสุดของ Compact Primo ทั้งในและต่างประเทศ การันตีได้จากยอดขายและความนิยมตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

วันนี้กับก้าวต่อไปบนเส้นทางนวัตกรรมความปลอดภัยระดับโลก และเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมการขับขี่ที่หลากหลาย การใช้งานรถยนต์ในทุกประเภท รวมถึงการใช้งานในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน คอมแพ็ค เบรก ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและคิดค้นใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ “Compact Primo Gen 2” (คอมแพ็ค พรีโม่ เจน ทู) มาพร้อมสโลแกน All in Control เพื่อให้ทุกการเดินทางอยู่ในคอนโทรลของคุณ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park โดยมีตัวแทนจำหน่ายจากทั่วประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก 

ผ้าเบรกรุ่นใหม่นี้โดดเด่นและเหนือกว่าด้วยคุณสมบัติกันน้ำ กันความชื้น ลดการกัดกร่อน ลดสนิม ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม เนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่ ZWA (Zero Water Adsorption Technology) ลิขสิทธิ์เฉพาะของ คอมแพ็ค เบรก



Compact Primo Gen 2 ตอบโจทย์ทุกการเดินทางด้วยความมั่นใจ พร้อมใช้งานทันทีหลังติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Thermal Scorched เตรียมผิวหน้าผ้าเบรกด้วยความร้อน ผ่านการทดสอบที่อุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียส ภายใต้สูตรการผลิต Premium Copper-Free Ceramic Formulation ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ตามมาตรฐานสูตรผ้าเบรกปี 2025 ช่วยให้ล้อสะอาด ฝุ่นดำน้อย และไม่ทำลายผิวหน้าจานเบรก

ส่องจุดเด่นของ Compact Primo Gen 2

จุดเด่นของ Compact Primo Gen 2 ครบเครื่องทั้ง Y Groove Technology เทคนิคผ่าร่องดิสก์เบรกรูปตัว Y ระบายฝุ่น ระบายน้ำ และระบายความร้อน ควบคู่ไปกับ Multilayer Anti-Squeal Shim Technology แผ่นชิม 3 ชั้นจากประเทศสวีเดน ช่วยลดเสียงลดแรงสะเทือนขณะเหยียบเบรก ทำให้เบรกเงียบ สมูธ เอาอยู่ทุกเส้นทาง ทั้งยังอยู่ภายใต้การออกแบบและผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม Clean Drive Formulation Design 
แน่นอนว่านี่คือ สูตรผ้าเบรกเกรดพรีเมียมที่เพียบพร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก พร้อมแล้วที่จะทำให้ทุกเส้นทางอยู่ในคอนโทรลของคุณ จัดจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านอะไหล่ชั้นนำทั่วประเทศหรือเข้ารับบริการที่ COCKPIT, AUTO1, Compact Premium Service Center, Diamond Service Center และ GRIP 

“Compact Primo Gen 2 … All in Control”

BRIDGESTONE DUELER H/T 684II ได้รับความไว้วางใจให้เป็นยางล้อมาตรฐานสำหรับสุดยอดรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จากอีซูซุ

บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์เผยว่า ผลิตภัณฑ์ "BRIDGESTONE DUELER H/T 684II" พัฒนาขึ้นเพื่อรถกระบะอเนกประสงค์และรถเอสยูวีโดยเฉพาะ มาพร้อมกับสมรรถนะการยึดเกาะถนน ควบคุมแม่นยำ พร้อมให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ แข็งแกร่งและทนทาน ได้รับเลือกให้เป็นยางล้อมาตรฐานโดยใช้ยางขนาดขอบ 20 นิ้ว เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่และความปลอดภัยตลอดการเดินทางสำหรับรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จากอีซูซุ ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

คุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DUELER H/T 684II

ผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DUELER H/T 684II เป็นยางที่ได้รับเลือกให้เป็นยางมาตรฐานติดรถชั้นนำ เพื่อรถกระบะอเนกประสงค์และรถเอสยูวีโดยเฉพาะซึ่งเป็นยางสำหรับใช้งานบนถนนเรียบที่ให้สมรรถนะการขับขี่บนถนนแห้งและถนนเปียกที่ดีโดยยังคงความนุ่มสบายในการขับขี่ และมีความแข็งแกร่งทนทาน มั่นใจในคุณภาพตลอดอายุการใช้งาน

  • หน้ายางที่กว้าง เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดี
  • ดอกยางละเอียด เพื่อการขับขี่ที่เงียบและนุ่มนวล
  • โครงสร้างยางแบบพิเศษ พัฒนาเพื่อการทรงตัวที่ดีในทางเรียบขณะขับขี่ ช่วยให้มั่นใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

จึงช่วยตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างลงตัวให้กับรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จากอีซูซุ

ผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DUELER H/T 684II สำหรับรถอเนกประสงค์ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จากอีซูซุ


รุ่นรถจากอีซูซุขนาดยาง BRIDGESTONE DUELER H/T 684II
รถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK"265/50R20

ข้อมูลของรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จากอีซูซุ


อีซูซุรุกตลาดรถเอนกประสงค์พีพีวี เดินหน้าเปิดตัวสุดยอดรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" (มิว-เอ็กซ์ "เดอะ เน็คซ์พีค") ภายใต้นิยาม "จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า" ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกจดภายใน มาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา (360? Surround View Camera) ภาพคมชัดระดับพรีเมียม เพิ่มความมั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ขับสบายด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า และเสริมความปลอดภัยเหนือขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! พร้อมการอัพเกรดครั้งใหม่เพื่อมอบประสบการณ์ความพีคที่เหนือกว่าให้ทุกคนใช้ชีวิตไปถึงขีดสุดในทุกด้าน 

"BRIDGESTONE DUELER H/T 684II", Selected as Original Equipment on the Top PPV, NEW! MU-X "THE NEXT PEAK" from ISUZU

Thai Bridgestone Co., Ltd., the leading tire manufacturer, officially announced that its "BRIDGESTONE DUELER H/T 684II", developed for multi-purpose pickup trucks and SUVs with good grip, responsive handling, and comfortable driving while being durable, has been selected as the original equipment with a rim size of 20 inches to improve the quality of your driving experience and ensure safety throughout the journey, especially for the NEW! MU-X "THE NEXT PEAK" from ISUZU,which officially launched in Thailand in June 2024.

"BRIDGESTONE DUELER H/T 684II" Key Features

BRIDGESTONE DUELER H/T 684II has been chosen as the original equipment for leading multi-purpose pickup trucks and SUVs. It is developed for on-road usage, providing good traction on dry and wet surfaces while maintaining comfortable driving. The tire is also durable, ensuring reliable quality throughout its lifespan.

  • Wide tread: Enhances road grip
  • Tread design: Offers a quiet and comfortable driving
  • Unique tire structure: Developed for stable on-road driving, ensuring confidence and safety throughout the journey.

Therefore, BRIDGESTONE DUELER H/T 684II notably improves performance and elevates driving safety, making it a perfect fit for the NEW! MU-X "THE NEXT PEAK" from ISUZU.

"BRIDGESTONE DUELER H/T 684II" as original equipment on the NEW! MU-X "THE NEXT PEAK" from ISUZU


Vehicle Model  from ISUZUBRIDGESTONEDUELER H/T 684II Size
The NEW! MU-X "THE NEXT PEAK"265/50R20

The NEW! MU-X "THE NEXT PEAK"from ISUZU Information



Isuzu enters the PPV market, moving forward to launch the New! MU-X "THE NEXT PEAK", a top multi-purpose vehicle under the definition "New peak…with a superior life". It comes with the new style and design both exterior and interior and the first time in the MU-X with the new! 360O Surround View Camera, premium clear images, more confident with a view under the vehicle, driving more comfortably with an electric power steering (EPS), and enhancing the safety of the driver assistance system via the latest ADAS Generation! with a new upgrade to provide the superior peak experience, allowing everyone to live life to the peak in every aspect.

About Bridgestone in Thailand:

Bridgestone is a global leader in tires and rubber building on its expertise to provide solutions for safe and sustainable mobility. In Thailand, Thai Bridgestone Co., Ltd. (TBSC) is a leading manufacturer in the Thai automotive industry, while Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd. (BSTL) is the exclusive importer & distributor, and supervises the marketing strategy for Bridgestone, Firestone and Dayton branded tires in Thailand. Bridgestone is a brand trusted by its customers, dealers and business partners. Bridgestone offers a diverse product portfolio of premium tires and advanced solutions backed by innovative technologies, improving the way people around the world move, live, work and play. 

พรอมิสเปิดตัวมาสคอต"โรโร่"สิงโตผู้เป็นมิตรพร้อมซัพพอร์ตลูกค้าด้านการเงินเต็มที่


เมื่อวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา นายมาซะคาสุ มาเอฮาระ ประธานกรรมการบริษัทพรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานเปิดตัวมาสคอต "โรโร่" อย่างเป็นทางการ

บริษัทฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งเกี่ยวกับการเปิดตัวมาสคอต ซึ่งจะเป็นตัวแทนบริษัทฯ แสดงถึงค่านิยม และวิสัยทัศน์ขององค์กรอย่างเต็มที่ โดย "โรโร่" อยู่ภายใต้คอนเซปต์สิงโตผู้เป็นมิตร พร้อมช่วยเหลือทุกคนอย่างรวดเร็ว และฉับไว แม้จะดูน่าเกรงขาม แต่ความเป็นจริง "โรโร่" นั้น เป็นสิงโตที่ใจดี อบอุ่น ที่พร้อมจะซัพพอร์ตลูกค้าและช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่

"โรโร่" เต็มไปด้วยความรู้ด้านสินเชื่อ ที่พร้อมให้คำแนะนำลูกค้า และช่วยเหลือลูกค้าในตอนที่มีปัญหา ข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลในด้านต่างๆ ของบริษัทฯ 

ชื่อนี้มีที่มา "โรโร่" มาจากเสียงคำรามของสิงโตเจ้าป่าในภาษาอังกฤษเขียนว่า "Roar" ออกเสียงว่า "รอร์" จึงนำมาตั้งเป็นโรโร่ และคำว่า "โร่" ในภาษาไทยแปลว่า เห็นชัด, ปรากฏชัด เหมือนกับสีของบริษัทที่สีหลักเป็นสีเหลืองทอง เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดก็จะเด่นขึ้นมา เปรียบเสมือนแสงสว่างในช่วงที่มืดมิดให้แก่ลูกค้า


และนอกจากนี้ "โร่โร่" จะดำเนินตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่พร้อมจะ "เคียงข้างทุกความฝัน เข้าใจทุกปัญหา และพร้อมสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ลูกค้า เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง" ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดต่อไป

#สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิส #เคียงข้างคุณทุกก้าวเดิน


Thursday, August 29, 2024

Call for Essays: "My Experience with Huangmei Opera" -- The 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival launches a themed essay contest

Anhui Branch of Xinhua News Agency's News and Information Center & The Organizing Committee Office of the 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival

The 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival, organized by the Ministry of Culture and Tourism of the People's Republic of China and the Anhui Provincial People's Government, will be held in Anqing City, Anhui Province from late September to October 8, 2024. 

Huangmei Opera, one of China's five major traditional operas, has undergone over 200 years of inheritance and innovation, growing ever more cherished and revered with time. The China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival, first held in 1992, has been celebrated for 32 years, continually bringing joy and cultural enrichment to the public.

To further enrich the festival, highlight the theme of "Advancing with the Times, Uniting with the People," and embody the spirit of "A Grand Artistic Event for All," the Anhui Branch of Xinhua News Agency's News and Information Center will join hands with the Organizing Committee Office of the 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival to launch a themed essay contest titled "My Experience with Huangmei Opera." The contest warmly invites literature enthusiasts, Huangmei Opera fans, and people from all walks of life to share wonderful stories of Huangmei Opera and help envision a bright future of artistic prosperity for Huangmei Opera.

Following is the Call for Submission:

I. Theme

"My Experience with Huangmei Opera"

II. Duration

Late August 2024 - Late September 2024

III. Essay Requirements

1. Focus on the Event Theme: Submitted essays should center around the theme "My Experience with Huangmei Opera," while embracing an open and diverse perspective. You are invited to share your touching stories, memorable moments, or heartfelt reflections related to Huangmei Opera. We also welcome your insights and thoughts on the prosperity and development of Huangmei Opera. There are no restrictions on the form of writing, but submissions should not exceed 5,000 words.

2. Originality: All submissions must be original and unpublished. Plagiarism or the use of previously published work will result in disqualification immediately on discovery.

3. Submission Method and Deadline: Please submit your essay in electronic format (Word document) along with the author's basic information (name, contact details, and mailing address). The email should be sent to the designated email address before the deadline which is September 30, 2024, with the subject line "My Experience with Huangmei Opera Submission + Author's Name."

4. Awards: The contest will select winners for first, second, and third prizes, as well as excellence awards. The results will be announced on the Xinhua News Agency's app, the official website of the 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival, and other platforms. Outstanding works will be published in related Xinhua News Agency publications. Winners will receive honorary certificates and exquisite prizes from the organizers and will be invited to participate in events related to the10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival.

The organizers reserve the right to display and promote submitted essays on relevant platforms and media. The final interpretation of this contest rests with the Organizing Committee Office of the 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival.

Submission Email: wyhmx2024@163.com.

Contact person: Wu Hao
Tel: 86-556-5346628
Mobile: 86-17755631199

Contact person: Cao Tao
Tel: 86-551-63699092
Mobile: 86-18956086888

Source: Anhui Branch of Xinhua News Agency's News and Information Center & The Organizing Committee Office of the 10th China (Anqing) Huangmei Opera Art Festival 

EBC Financial Group ยกระดับความรู้พื้นฐานการเงินในภาคใต้ของประเทศไทย

EBC Financial Group (EBC) จัดงานสัมมนาครั้งล่าสุด ณ จังหวัดยะลา ประเทศไทย กิจกรรมเน้นไปที่บรรยายให้ข้อมูลด้านการค้าจากผู้เชี่ยวชาญและการมีส่วนร่วมของชุมชนในภาคการลงทุนระดับภูมิภาคภายในงานวิทยากรพิเศษได้อธิบายถึงขั้นตอนการรักษาพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากล เพื่อลดโอกาสจากการถูกแอบอ้างจากมิจฉาชีพและลดแนวโน้มการถูกหลอกลวงของผู้ใช้งาน ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมงานได้รับรู้ช่องทางการรับข้อมูลข่าวสารและช่องทางติดต่อที่ถูกต้อง รวมถึงความพยายามในการรักษาสภาพแวดล้อมการซื้อขาย เพื่อรักษาบริการได้มาตรฐาน

งานนี้ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายและการดูแลที่มั่นคงความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญต่อการสนับสนุนมาตรการรักษาความปลอดภัยและรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบในอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เห็นกรณีต่างๆที่การร่วมมือด้านความมั่นคงได้เสริมสร้างเสถียรภาพในกับผู้ใช้งานภูมิภาคตัวอย่างเช่น ในปี 2021 ประเทศไทยได้ร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านการฝึกซ้อมร่วมกัน และในปี 2024 สำนักงานรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSA) ของสิงคโปร์ได้ต่ออายุความร่วมมือกับ FS-ISAC เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ในภาคบริการทางการเงิน ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้ประเทศและองค์กรต่างๆ สามารถรับมือต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่หลายช่องทาง และความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น การฉ้อโกงทางออนไลน์ การหลอกลวง และการฟอกเงิน ในขณะเดียวกันก็ปกป้องความสมบูรณ์ของตลาด และส่งเสริมระบบนิเวศทางการเงินที่ปลอดภัยและโปร่งใสสำหรับผู้ใช้งาน

การขยายการศึกษาทางการเงินสู่ภาคใต้ของประเทศไทย

EBC Financial Group ได้จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการมอบความรู้ด้านการเงินระดับภูมิภาค โดยเน้นการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติด้านกลยุทธ์และการใช้เครื่องมือต่างๆ กิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความรู้และอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องด้านการเงิน โดยครอบคลุมในหัวข้อบรรยายต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ตลาดขั้นสูงและกลยุทธ์เทคนิคที่จะช่วยในการตัดสินใจต่างๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาด

เพิ่มศักยภาพให้กับผู้ใช้งานผ่านความรู้และการมีส่วนร่วมในชุมชน

EBC Financial Group มุ่งมั่นที่จะขยายการสนับสนุนด้านการศึกษาและสร้างชุมชนทางการเงินที่เป็นแหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลในภาคใต้ส่วนนี้จะเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการเงินและแนะนำเทคนิคการวิเคราะห์ตลาด เช่น เทคนิคพื้นฐานเพิ่มความเข้าใจในระบบการใช้งานและพัฒนาทักษะและยังเน้นย้ำถึงความเสี่ยงและลงทุนอย่างระมัดระวัง

สำหรับอนาคต EBC มีแผนที่จะขยายโปรแกรมการศึกษาไปจังหวัดอื่นๆในภาคใต้ เช่น อำเภอหาดใหญ่ เป็นต้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในระดับภูมิภาคความพยายามนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเปิดโอกาสในการพัฒนาความรู้อย่างเท่าเทียม 

EBC Financial Group Enhances Financial Literacy and Connects Traders in Southern Thailand

EBC Financial Group (EBC) is pleased to announce the success of its recent event held in Yala. The event featured discussions on trading insights and community engagement in the regional financial sector. During the event, key speakers highlighted how financial brokers implement security measures in collaboration with cybersecurity agencies and regulators to combat impersonation and phishing scams. These insights provided attendees with a deeper understanding of the industry's ongoing efforts to maintain reliable trading environments.

The event highlighted the importance of collaboration between financial institutions and regulatory agencies in maintaining stable trading environments. These partnerships are essential for upholding security measures and ensuring regulatory compliance in the industry. Over the years, Southeast Asia has witnessed numerous instances where security cooperation has strengthened regional stability. For instance, in 2021, Thailand collaborated with the United States and Japan to enhance its cybersecurity infrastructure through joint training exercises. Similarly, in 2024, Singapore's Cyber Security Agency (CSA) renewed its partnership with FS-ISAC to strengthen cyber resilience within the financial services sector. By uniting their efforts, nations and organisations can mitigate emerging threats and cybersecurity challenges, such as online fraud, impersonation scams, and money laundering, while safeguarding market integrity and fostering a safer, more transparent financial ecosystem for all.

Expanding Financial Education Across Southern Thailand

Following the positive response to recent efforts in Southern Thailand, a series of financial literacy workshops will be introduced to provide practical training on financial strategies and tools. These sessions will focus on enhancing financial education in the region, with topics including more advanced approaches to market analysis and trading strategies that help forecast market movements.

Empowering Traders Through Knowledge and Community Engagement

EBC Financial Group is dedicated to expanding its educational initiatives and fostering a well-informed financial community in Southern Thailand. These sessions will offer guidance on financial strategies and introduce advanced market analysis techniques to enhance understanding and skills development.

In the coming months, additional educational programs will be offered in key locations, including Hat Yai, to broaden EBC's outreach. The objective is to provide valuable insights and support continuous learning within the region. Through these efforts, EBC aims to equip participants with the knowledge and tools needed for long-term success. 

Wednesday, August 28, 2024

ดีป้า ร่วมกับ คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ และ ซียู ดีโฟร์เอส เอ็นเทอร์ไพรส์ เปิดหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN รับมือเมืองผู้สูงวัยแห่งอนาคต


ดีป้า จับมือ คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ และ ซียู ดีโฟร์เอส เอ็นเทอร์ไพรส์ เปิดตัวหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยี การออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ พร้อมลงนามความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี พร้อมปั้นเมืองผู้สูงอายุแห่งอนาคต สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ สร้างชุมชมผู้ประกอบการ และนักพัฒนาเมืองยุคใหม่ และเวทีเสวนาในหัวข้อ สำรวจฉากทัศน์ใหม่สังคมไทย: ยุคทองสูงวัยหรือวิกฤตแห่งอนาคต

ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พร้อมด้วย ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ทรรศวรรณ ปรีดาวิภาต ผู้บริหาร บริษัท ซียู ดีโฟร์เอส เอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ร่วมเปิดหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยีการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ และลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Life-long Learning Ecosystem for Smart City Development) ณ ห้องสมุด คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดร.ภาสกร เปิดเผยว่า ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยีการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ


"สำหรับความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะถือเป็นการบูรณาการการทำงานของ 3 หน่วยงาน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับการพัฒนาหลักสูตรหรือการจัดอบรม เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการบริหารจัดการเมืองรองรับสังคมผู้สูงวัยแก่บุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ อีกทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนากำลังคนและบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานรอบด้านผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ผศ. สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่งสร้างหลักสูตรสร้างความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อสร้างผู้นำในด้านเทคโนโลยีการวางแผน ออกแบบ และพัฒนาเมืองผู้สูงอายุแห่งอนาคต และเพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างชุมชมผู้ประกอบการ และนักพัฒนาเมืองยุคใหม่ ให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี โดยมีคณาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงร่วมสอนในหลักสูตร

เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ถึงการรับรองสังคมผู้สูงวัย จึงได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ สำรวจฉากทัศน์ใหม่สังคมไทย: ยุคทองสูงวัยหรือวิกฤตแห่งอนาคต โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการออกแบบเพื่อทุกคน Universal Design Excellent Center คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี และ นายพงษ์วุฒิ แสงประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กลุ่มธุรกิจ ลูกค้าองค์กร บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในแนวทางการบริหารจัดการ และนโยบายที่จำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของสังคมไทยในยุคที่ประชากรสูงวัยกำลังเป็นส่วนสำคัญ

รศ. ไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการออกแบบเพื่อทุกคน Universal Design Excellent center คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ และเป็นผู้อำนวยการหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยีการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ  กล่าวว่า "ผู้สูงอายุกำลังจะยึดเมือง การปรับตัวของเมืองไทยต่อการเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์แล้วในปี พ.ศ. 2565 (ประชากรไทยกว่า 20% มีอายุ 60 ปีขึ้นไป) และประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสุดยอด (Super-Aged Society) ในปี พ.ศ.2576  (ประชากรไทยกว่า 28% จะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป) ไม่ใช่แค่ตัวเลขสถิติ แต่เป็นความจริงที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ปัจจุบัน เมืองไทยหลายแห่งยังไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ เมืองหลายแห่งยังขาดความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นทางเดินเท้าที่ไม่เหมาะสม การขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน หรือระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่เอื้อต่อการเดินทางของผู้สูงวัย สภาพแวดล้อมเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุในไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ เราจะปรับเมืองให้เป็น Smart และ Safety สำหรับทุกคนได้อย่างไร? คำตอบไม่ใช่เพียงแค่การติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่คือการพัฒนาเมืองให้เป็น เมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน ที่ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการของประชากรสูงวัย แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อทุกช่วงวัย"

ดังนั้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จึงได้จัดโครงการนำร่องหลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยีการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ ณ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีวัตถุประสงค์หลัก ในการส่งเสริมเพื่อสร้างการรับรู้ สร้างการมีส่วนร่วมที่สอดคล้องและเป็นประโยชน์ให้เกิดความร่วมมือกันในการยกระดับทักษะด้านการออกแบบอย่างยั่งยืนให้แก่ ผู้บริหารระดับสูง นักพัฒนาเมือง เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ผู้ที่สนใจการพัฒนาการออกแบบเมืองสู่ความยั่งยืน สถาปนิก วิศวกร ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักออกแบบเมือง  รวมถึงบุคลากรของหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

รศ.ดร.สุธี อนันต์สุขสมศรี รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ความร่วมมือ ดีป้า และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย ในเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย โดยเฉพาะการพัฒนาหลักสูตร "Smart Sustainable City for Silver GEN" ที่จะนำเสนอแนวทางการออกแบบและพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนที่เน้นความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ใช่เพียงเพื่อประโยชน์ของผู้สูงวัย แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับคนทุกวัยในสังคมไทย



ไฮไลต์หลักสูตร:

- 8 วิทยากรชั้นนำด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ

- 5 แนวคิดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้นักพัฒนาเมืองยุคใหม่

- 3 สัปดาห์เจาะลึกเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมการออกแบบเมืองแห่งอนาคต

กำหนดระยะเวลาการศึกษาของหลักสูตรโดยความร่วมมือระหว่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กับ ซียู ดีโฟร์เอส เอ็นเทอร์ไพรส์ และ ดีป้า อบรมในประเทศไทย ระหว่าง 22 พฤศจิกายน - 23 พฤศจิกายน และวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 24 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม (กิจกรรม ณ ประเทศญี่ปุ่น 6 วัน) หลักสูตร Smart Sustainable City for Silver GEN เจาะลึกเทคโนโลยีการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืนเพื่อผู้สูงอายุ เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ - 10 ตุลาคม 2567  ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม 139,000 บาท/ท่าน พิเศษสำหรับหน่วยงานเอกชนสามารถลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้ถึง 250%

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook: CUD4S สอบถามข้อมูลได้ที่ Line OA: @cud4s โทร 02-218-4316 Email: contact@cud4s.ac.th โดยลงทะเบียนผ่าน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScKR4UNrxTiLVdeDVybQfjUsYEncLi-_y4tFUOmOa6o-6U_uQ/viewform 

มณฑลหูหนานจัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปีการขุดค้นทางโบราณคดีสุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่น

พิพิธภัณฑ์หูหนาน

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีการขุดค้นทางโบราณคดีสุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่น (Mawangdui Han Tombs) และในโอกาสนี้ เพื่อนำเสนอผลสำเร็จในการอนุรักษ์ การวิจัย และการใช้ประโยชน์จากการขุดค้นทางโบราณคดีสุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่น ตลอดจนส่งเสริมอิทธิพลของอารยธรรมจีนในระดับโลก งานสัมมนาวิชาการนานาชาติได้เปิดฉากขึ้น ณ นครฉางซา ในช่วงเช้าของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา พิธีเปิดจัดขึ้นโดยรัฐบาลประชาชนมณฑลหูหนาน ร่วมด้วยสำนักประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลหูหนาน สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมณฑลหูหนาน และสำนักงานบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลหูหนาน ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงพิพิธภัณฑ์หูหนาน ทั้งนี้ เหมาเว่ยหมิง รองเลขาธิการคณะกรรมการฯ มณฑลหูหนาน และผู้ว่าการมณฑลหูหนาน และหลี่ฉวิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน โดยมีบุคคลสำคัญอีกหลายท่านเข้าร่วมงาน เช่น หยางห่าวตง สมาชิกคณะกรรมการถาวรของคณะกรรมการฯ มณฑลหูหนาน และรัฐมนตรีประจำสำนักประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการฯ มณฑลหูหนาน

ในพิธีเปิดงาน บริษัทถ่ายทำสารคดีรายใหญ่ของจีน China Central Newsreel & Documentary Film Studio (Group) ได้บริจาคคลิปวิดีโอความคมชัดสูงของแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีสุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่นให้แก่พิพิธภัณฑ์หูหนาน นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอบันทึกม้วนไม้ไผ่และจารึกผ้าไหมที่ขุดพบจากสุสานหม่าหวังตุย และสิ่งทอจากหลุมฝังศพหมายเลข 1 พร้อมด้วยผลวิจัยใหม่เกี่ยวกับโบราณวัตถุเหล่านี้ ขณะเดียวกันยังได้มีการเปิดตัวสารคดี Mawangdui's Immortal Years เป็นครั้งแรก เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการขุดค้น การอนุรักษ์ การวิจัย และการจัดนิทรรศการสุสานหม่าหวังตุย นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์หูหนานได้ลงนามข้อตกลงกับสถาบัน 6 แห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง และสถาบันตุนหวง เพื่อริเริ่มโครงการสหวิทยาการร่วมกัน

นับเป็นเวลานานครึ่งศตวรรษที่เหล่าผู้พิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรมหลากหลายช่วงวัยได้ทุ่มเทความพยายามและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่ออนุรักษ์และศึกษาสุสานหม่าหวังตุย ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จด้านการวิจัยที่สำคัญมากมาย โดยมีการค้นพบโบราณวัตถุจากสุสานรวมทั้งสิ้น 26,937 ชิ้น นอกจากนี้ ตัวอย่างซากศพมนุษย์ รวมถึงร่างของท่านผู้หญิงซินจุย ยังได้รับการเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีด้วยวิธีการปกป้องแบบสามระดับ ทั้งในระดับองค์รวม ระดับเซลล์ และระดับโมเลกุล ซึ่งสามารถลดการสลายตัวของโปรตีนและการสูญเสียแคลเซียมไอออนในกระดูกได้สำเร็จ นอกจากนี้ โบราณวัตถุอื่น ๆ เช่น จารึกผ้าไหม สิ่งทอ เครื่องเขิน และเครื่องไม้ ก็ได้รับการอนุรักษ์ในเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพสูงด้วยเช่นกัน จนถึงปัจจุบัน โบราณวัตถุจำนวน 948 ชิ้นได้ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบดิจิทัลความละเอียดสูง ซึ่งประกอบด้วยรูปภาพ 7,779 ภาพ และแบบจำลองสามมิติ 285 แบบ ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานสำหรับฐานข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุของสุสานหม่าหวังตุย

เป้าหมายในอนาคตคือการบันทึกข้อมูลให้เป็นรูปแบบดิจิทัลครบ 100% โดยครอบคลุมเศษชิ้นส่วนทุกชิ้น เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโบราณวัตถุของสุสานหม่าหวังตุย ทั้งนี้ งานสัมมนาวิชาการที่จัดขึ้นสองวัน มีหัวข้อหลักคือ "โบราณวัตถุของสุสานหม่าหวังตุย วัฒนธรรมฮั่น และจีนร่วมสมัย" ซึ่งประกอบด้วยงานสัมมนาย่อย 4 หัวข้อ ได้แก่ การวิจัยโบราณคดียุคราชวงศ์ฮั่นและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน-ต่างประเทศ การวิจัยประวัติศาสตร์ศิลปะและอุดมการณ์ยุคราชวงศ์ฮั่น การวิจัยบันทึกม้วนไม้ไผ่และจารึกผ้าไหมยุคราชวงศ์ฮั่น และการวิจัยทางการแพทย์ยุคราชวงศ์ฮั่น โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่เข้าร่วมงานได้แบ่งปันและหารือเกี่ยวกับแนวคิด มุมมอง และความสำเร็จในการอนุรักษ์และสืบทอดโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมเหล่านี้

งานสัมมนาวิชาการนานาชาติครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการมากกว่า 300 คน จากมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และพิพิธภัณฑ์กว่า 100 แห่ง ใน 8 ประเทศ ซึ่งในโอกาสนี้ กระทรวงวัฒนธรรมและกีฬาของประเทศกรีซ และสำนักงานตัวแทนยูเนสโกประจำประเทศจีน รวมถึงสถาบันอื่น ๆ ตลอดจนนักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ได้ส่งจดหมายและคลิปวิดีโอแสดงความยินดีกับงานนี้

สุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่นเป็นที่ฝังศพของหลี่ชาง อัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐฉางซาในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก รวมถึงสมาชิกในครอบครัวอีกสามคน สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการเก็บรักษาศพของท่านผู้หญิงซินจุย (ภริยาของหลี่ชาง) ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาเป็นเวลานานถึงสองพันปี รวมถึงการค้นพบเสื้อคลุมยาวผ้าโปร่งที่บางเบาราวปีกจั๊กจั่น และจารึกผ้าไหมกว่า 130,000 คำ ซึ่งบางส่วนมีข้อความที่เคยคิดว่าหายสาบสูญไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ การขุดค้นทางโบราณคดีสุสานหม่าหวังตุยแห่งยุคราชวงศ์ฮั่นจึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ไม่ใช่แค่ในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในระดับโลกด้วยเช่นกัน

ที่มา: พิพิธภัณฑ์หูหนาน 

International Academic Seminar on the 50th Anniversary of the Archaeological Excavation of Mawangdui Han Tombs Kicks off

Hunan Museum

This year marks the 50th anniversary of the archaeological excavation of Mawangdui Han Tombs. To fully showcase the fruitful results in the preservation, research, and utilization of the archaeological excavation of Mawangdui Han Tombs and raise the global clout of Chinese civilization, the opening ceremony of the international academic seminar kicked off in Changsha on the morning of August 18. Hosted by the People's Government of Hunan Province, the ceremony was undertaken by the Publicity Department of the Hunan Provincial Committee, the Hunan Provincial Department of Culture and Tourism, and the Cultural Heritage of Hunan, with other participating units including the Hunan Museum. Mao Weiming, Deputy Secretary of the Hunan Provincial Committee and Provincial Governor, and Li Qun, Deputy Minister of the Ministry of Culture and Tourism of the People's Republic of China and Director of the National Cultural Heritage Administration, delivered speeches at the opening ceremony. Present at the event were leaders including Yang Haodong, a member of the Standing Committee of the Hunan Provincial Committee, and Minister of the Publicity Department of the Hunan Provincial Committee.

At the opening ceremony, the China Central Newsreel & Documentary Film Studio (Group) donated academic HD video footage of the Mawangdui Han Tombs archaeological excavation sites to the Hunan Museum. The bamboo slips and silk manuscripts unearthed from the Mawangdui Han Tombs and textiles from Han Tomb No.1, along with new research findings on these artifacts, were unveiled. The documentary Mawangdui's Immortal Years, which captures the excavation, preservation, research, and exhibition of Mawangdui Han Tombs, also premiered. Additionally, the Hunan Museum signed agreements with six institutions, including the Hong Kong University of Science and Technology and the Dunhuang Academy, to launch collaborative interdisciplinary projects.

For half a century, generations of dedicated guardians have poured immense effort and wisdom into preserving and studying the Mawangdui Han Tombs, leading to significant research achievements. A comprehensive inventory of the artifacts unearthed from the tomb revealed a total of 26,937 items. The human remains specimens, including the well-preserved body of Lady Xin Zhui, have been effectively safeguarded through a three-tiered protection approach at the holistic, cellular, and molecular levels. This method has successfully mitigated the dissolution of proteins and the loss of calcium ions in the bones. Other artifacts, such as silk manuscripts, textiles, and lacquer and wooden artifacts, have also received fundamental and highly effective preservation. To date, 948 artifacts have been captured in high-resolution digital formats, encompassing 7,779 images and 285 3D models, laying the foundation for the Mawangdui Han Tombs artifact knowledge base.

The future goal is to achieve 100% digitization, including all fragments, to create a comprehensive knowledge graph of the Mawangdui Han Tombs artifacts. The 2-day academic seminar, with its theme focused on "Mawangdui Han Tomb Relics, Han Culture, and Contemporary China", consists of four sub-seminars devoted to Han Dynasty archaeology and Sino-foreign cultural exchange research, Han Dynasty art and ideological history research, Han Dynasty bamboo slips and silk manuscripts research, and Han Dynasty medical research respectively. The participating experts and scholars shared and discussed innovative ideas, perspectives, and achievements in the preservation and inheritance of cultural relics.

The international academic seminar, arousing wide concern at home and abroad, is attended by more than 300 experts and scholars from over 100 universities, research institutes, and museums from 8 countries. The Greek Ministry of Culture and Sports, and the Representative Office of UNESCO in China, among other institutions, as well as renowned scholars, sent congratulatory letters and videos to the event.

The Mawangdui Han Tombs marks where Li Cang, the Chancellor of the Changsha Kingdom during the Western Han Dynasty, and his three family members were buried. The tomb is renowned for the remarkable preservation of Lady Xin Zhui (the wife of Li Cang), a female corpse that has remained intact for over two millennia, the discovery of an ancient Chinese gown as thin as a cicada's wing, and over 130,000 words of silk manuscripts, some containing lost texts. It has gained wide recognition as one of the most significant archaeological discoveries of the 20th century, not only in China but globally.

Source: Hunan Museum 

Tuesday, August 27, 2024

บริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยผลสำรวจเศรษฐีไทยสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น

บริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย เผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับความสนใจและความตั้งใจในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นของกลุ่มคนไทยที่มีรายได้สูง

ผลการสำรวจกลุ่มคนไทยที่มีรายได้สูงในกรุงเทพฯ พบว่า กลุ่มผู้มีฐานะของไทยมีความสนใจที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นอย่างมาก เพื่อตอบรับแนวโน้มดังกล่าว บริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จึงเตรียมเข้าร่วมงานมหกรรมรวมพลคนชอบญี่ปุ่นครั้งยิ่งใหญ่ "NIPPON HAKU BANGKOK 2024" เพื่อสนับสนุนและนำเสนอโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

สรุปผลการสำรวจ:

  1. ขนาดของตลาด: ผลสำรวจชี้ว่า กลุ่มผู้มีรายได้สูงชาวไทยในกรุงเทพฯ ประมาณ 45,000 คน สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น
  1. แหล่งลงทุนยอดนิยม: ในกลุ่มนักลงทุนไทยที่มีฐานะและถือครองอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศนั้น 24% ถือครองอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ (36%)
  2. มูลค่าการลงทุน: ช่วงราคาของอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นที่นักลงทุนนิยมลงทุนมากที่สุดคือ 4-5 ล้านบาท และ 10-25 ล้านบาท โดยเกือบ 60% ของนักลงทุนเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ช่วงราคาดังกล่าว
  3. ผลตอบแทนที่คาดหวัง: 58% ของนักลงทุนผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มองว่าผลตอบแทน 4% จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นมูลค่าราว 6 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ

รายละเอียดการสำรวจ:

  • ระยะเวลา: 26 มิถุนายน 2567 - 5 กรกฎาคม 2567
  • ผู้เข้าร่วม: กลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูงในกรุงเทพฯ (จำนวน 156 คน)
  • กลุ่มเป้าหมาย: ผู้มีรายได้สูงที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ (รายได้ครัวเรือนตั้งแต่ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป)
  • ข้อมูลประชากร: ผู้ชายและผู้หญิงชาวไทย อายุ 30-50 ปี
  • พื้นที่: กรุงเทพฯ (กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ)
  • วิธีการ: สำรวจออนไลน์โดยใช้เว็บแพเนลของอินเทจ ประเทศไทย (INTAGE Thailand)

แผนในอนาคต:

จากผลสำรวจที่ได้ บริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด วางแผนที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่นักลงทุนต่างชาติที่มีรายได้สูง โดยก้าวแรกของแผนนี้คือการเข้าร่วมงาน "NIPPON HAKU BANGKOK 2024" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน 2567 ที่พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ทางริโนซี่จะออกบูธเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่นักลงทุนที่สนใจอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมโอกาสการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นให้มากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับบริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด:

บริษัท ริโนซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย โดยมีแพลตฟอร์มที่ครบวงจรสำหรับทั้งชาวญี่ปุ่นที่พำนักในไทยและนักลงทุนต่างชาติ บริษัทให้บริการ "dearlife by RENOSY" ซึ่งเป็นบริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำสำหรับชาวญี่ปุ่นในไทย นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์ม "RENOSY" ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการซื้อ บริหารจัดการ และปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น ด้วยบริการที่หลากหลายนี้ ริโนซี่จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในหรือนอกประเทศ

เว็บไซต์: https://www.dlife.co.jp/ 

RENOSY (Thailand) Co., Ltd. Conducts Survey on Japanese Real Estate Investment Interests Among Wealthy Thai Residents

RENOSY (Thailand) Co., Ltd., a leading provider of real estate services in Thailand, has announced the results of a comprehensive survey on the investment intentions of wealthy Thai residents in Japanese real estate.

The survey, conducted among high-income individuals residing in Bangkok, reveals a strong interest in Japanese real estate among the Thai elite. In response to this trend, RENOSY (Thailand) Co., Ltd. will participate in the upcoming "Bangkok Nippon Haku 2024," a major Japanese exhibition, to further promote Japanese real estate investment opportunities.

Key Survey Findings:

  1. Market Size: The survey estimates that approximately 45,000 high-income individuals in Bangkok are interested in investing in Japanese real estate.
  2. Investment Destinations: Among wealthy Thai investors with overseas real estate holdings, 24% own properties in Japan, making it the second most popular destination after Singapore (36%).
  3. Investment Amounts: The most common investment ranges for Japanese properties are between 4-5 million THB and 10-25 million THB, with nearly 60% of investors focusing on these price brackets.
  4. Expected Returns: 58% of experienced real estate investors found a return of 4% on properties priced at around 6 million THB in Japan to be attractive.

Survey Details:

  • Period: June 26, 2024 - July 5, 2024
  • Participants: High-income individuals in Bangkok (N=156)
  • Target Audience: High-income residents of Bangkok (household income of 100,000 THB or more per month)
  • Demographics: Thai men and women aged 30-50
  • Area: Bangkok (Krung Thep Mahanakhon, Pathum Thani, Samut Prakan)
  • Method: Online survey using INTAGE Thailand web panel

Future Plans:

Based on these survey results, RENOSY (Thailand) Co., Ltd. plans to implement targeted marketing strategies aimed at affluent international investors. The first step in this strategy will be participating in the "Bangkok Nippon Haku 2024" exhibition, held from August 30 to September 1, 2024, at Siam Paragon's Paragon Hall. RENOSY will set up a booth to provide information and support to investors interested in Japanese real estate, further promoting investment opportunities in Japan.

About RENOSY (Thailand) Co., Ltd.:

RENOSY (Thailand) Co., Ltd. is a leading provider of real estate services in Thailand, offering a comprehensive platform for both Japanese expatriates and international investors. The company operates "dearlife by RENOSY," a top Japanese expat leasing service in Thailand, and also offers a robust platform for purchasing, managing, and renovating real estate in Japan through its AI-driven "RENOSY" platform. This wide range of services ensures that RENOSY meets the diverse needs of its clients, both residents and non-residents.

Website: https://www.dlife.co.jp/