Monday, August 31, 2020

UL ยกระดับความสามารถช่วยผู้ผลิตสินค้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ารุกตลาดเม็กซิโกได้เร็วขึ้น

กระทรวงเศรษฐกิจเม็กซิโกอนุมัติข้อตกลงยอมรับร่วมกันฉบับแรกกับ UL เพื่อเปิดทางให้ทดสอบผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์นอกประเทศเม็กซิโกได้

UL บริษัทด้านวิทยาศาสตร์ความปลอดภัยชั้นนำระดับโลก ประกาศว่า กรมการค้าด้านมาตรฐาน (DGN) ในสังกัดกระทรวงเศรษฐกิจเม็กซิโก ได้อนุมัติสิทธิ์แก่ UL ในการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าในประเทศนั้นๆ ซึ่งรวมถึงการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เสียง, วิดีโอ และเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบอุปกรณ์และไฟสำรอง (UPS) ตลอดจนการทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องซักผ้า, ตู้เย็นในครัวเรือนและพาณิชย์ รวมถึงตู้แช่แข็ง, มอเตอร์, ระบบไฟ และตัวจ่ายไฟภายนอก และระบบไฟสำรองที่จำเป็นในผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์

UL ช่วยลดเวลาและต้นทุนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เข้าสู่ตลาดเม็กซิโก ด้วยขีดความสามารถในการทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความปลอดภัยที่ศูนย์ UL หรือแล็บนอกเม็กซิโกที่ได้รับการอนุมัติจาก UL ตามมาตรฐานทางการของเม็กซิโก ซึ่งได้แก่ Norma Oficial Mexicana and Oficial Mexico Standard (NOM) และ Mexican Standard (NMX)

ข้อกำหนดด้านการทดสอบความปลอดภัย ซึ่งเป็นการทดสอบระดับนานาชาติครั้งแรก ระบุให้บริษัทที่ตรวจสอบและให้การรับรองใช้กับผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เฉพาะที่ระบุในหมวด NOM และ NMX โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบด้วย:

- NOM-001-SCFI-2018 - เครื่องใช้ไฟฟ้า
- NMX-I-163-NYCE-2016 - อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - ระบบไฟสำรอง (UPS)
- NMX-I-60065-NYCE-2015 - อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - ผลิตภัณฑ์เสียง, วิดีโอ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายคลึงกัน
- NMX-I-60950-1-NYCE-2015 - อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า เม็กซิโกซึ่งมีประชากรมากกว่า 130 ล้านคน และมีระดับรายได้และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคลาตินอเมริกา

“อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นของเม็กซิโกทำให้ดีมานด์ในสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความจำเป็นในการตรวจสอบความปลอดภัยตามกฎเกณฑ์มาตรฐานเพิ่มเติม” รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป UL ในลาตินอเมริกา กล่าว “ด้วยข้อกำหนดจาก DGN ทำให้ปัจจุบัน UL สามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้องปฏิบัติการและศูนย์ทดสอบระดับโลกที่ดีที่สุดของเรา เพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยของเม็กซิโก และสามารถเข้าสู่ตลาดเม็กซิโกได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น”

นอกจากการทดสอบความปลอดภัยแล้ว DGN ยังกำหนดให้ UL สามารถทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งรวมถึงเกณฑ์มาตรฐานสำหรับ Energy Star หรือสมาคมมาตรฐานแคนาดา ที่ศูนย์ทดสอบ UL หรือศูนย์นอกประเทศเม็กซิโก โดยมาตรฐาน Applicable NOM ประกอบด้วย:

- NOM-005-ENER-2016 - เครื่องซักผ้าในครัวเรือน
- NOM-014-ENER-2004 - มอเตอร์ทำความเย็น
- NOM-005-ENER-2016 - ตู้เย็นและตู้แช่แข็งในครัวเรือน
- NOM-017-ENER/SCFI-2014 - อุปกรณ์ตู้เย็นพาณิชย์
- NOM-017-ENER/SCFI-2014 - ตัวจ่ายไฟภายนอก
- NOM-030-ENER-2016 - ไฟ LED
- NOM-032-ENER-2013 - ระบบไฟสำรองที่จำเป็นในอุปกรณ์และเครื่องใช้

“เราทราบว่าการนำร่องภูมิทัศน์ด้านกฎเกณฑ์ของตลาดโลกเป็นงานที่ซับซ้อนและท้าทาย และโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อกำหนดนี้ ลูกค้าจะสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ของพวกเขาใกล้กับโรงงานผลิตของพวกเขา อีกทั้งช่วยลดความล่าช้าในกระบวนการผลิตอันเนื่องมาจากโรคระบาด” Helena Wolf ผู้อำนวยการอาวุโสแผนก International Certification ของ UL กล่าว “เราพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการในการเข้าสู่ตลาดทั่วโลก ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและศูนย์ทดสอบของเราทั่วโลก เพื่อรับประกันว่าการเข้าสู่ตลาดเม็กซิโกจะเป็นไปอย่างราบรื่น”

เกี่ยวกับ UL

UL ช่วยสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าเดิมด้วยการนำวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และความยั่งยืน เราสร้างความเชื่อมั่นด้วยการนำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่มาใช้อย่างปลอดภัย บุคลากรทุกคนของเราล้วนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างโลกที่ปลอดภัยกว่าเดิม ขณะที่ภารกิจทั้งหมดของเรา ตั้งแต่การวิจัยอิสระและการพัฒนามาตรฐาน การทดสอบและรับรอง ไปจนถึงการนำเสนอโซลูชันดิจิทัลและการวิเคราะห์ ล้วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก เราได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และสาธารณชน ให้ช่วยทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ UL.com และดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมไม่แสวงหาผลกำไรได้ที่ UL.org

สื่อติดต่อ:
Steven Brewster
UL
อีเมล: steven.brewster@ul.com
โทร: 1+847.664.8425

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/325015/ul_enterprise_logo.jpg

UL Advances Ability for Electronic Product and Equipment Manufacturers to Quickly Enter Mexico Market

Mexico Ministry of Economy grants UL first mutual recognition agreement to allow electronics product testing outside of Mexico

NORTHBROOK, Illinois, Aug. 28, 2020 /PRNewswire/ -- UL, a leading global safety science company, today announced that Mexico's Ministry of Economy, General Directorate of Standards (DGN), has granted UL the right to conduct safety and energy efficiency testing globally for electronic products and equipment imported into that country. These include safety tests for audio, video and information technology products and equipment and uninterruptible power systems (UPS) as well as energy efficiency tests for washing machines, household and commercial refrigerators and freezers, motors, lighting, external power supplies and products and equipment requiring stand-by power.

With the ability now to perform safety and energy efficiency tests at UL or UL-approved laboratories outside of Mexico, according to official Mexico standards, Norma Oficial Mexicana and Oficial Mexico Standard (NOM) and Mexican Standard (NMX), UL can help reduce time and cost to market for product access to the Mexican marketplace.

The safety test designation, a first for any international testing, inspection and certification company, applies to specific products and equipment as identified by the NOM and NMX categories. Product and equipment groups include:

- NOM-001-SCFI-2018 - Electronic appliances
- NMX-I-163-NYCE-2016 - Electronic equipment - uninterruptible power systems (UPS).
- NMX-I-60065-NYCE-2015 - Electronic equipment - audio, video and similar electronic apparatus
- NMX-I-60950-1-NYCE-2015 - Information technology equipment

According to The World Bank, Mexico – with a population of more than 130 million and a rise in income levels and spending power – has the 11th largest economy in the world and the second largest economy in Latin America.

"With Mexico's rising growth comes a greater demand for more consumables, contributing to an increased need for additional regulatory safety and security oversight," said Carlos Correia, senior vice president and general manager of UL in Latin America. "With this designation from the DGN, UL is now able to meet that need by utilizing our global network of best-in-class laboratories and testing facilities to help electronic product and equipment manufacturers meet necessary Mexico safety and security requirements and pave the way for a swift and smooth Mexico market entry."

In addition to safety tests, the DGN has designated that UL can now perform energy efficiency testing, including requirements for Energy Star or the Canada Standards Association, at UL facilities outside of Mexico. Applicable NOM standards include:

- NOM-005-ENER-2016 – household washing machines
- NOM-014-ENER-2004 – air-cooled motors
- NOM-015-ENER-2012 – household refrigerators and freezers
- NOM-017-ENER/SCFI-2014 – commercial refrigeration appliances
- NOM-029-ENER-2017- external power supplies
- NOM-030-ENER-2016 – LEDs
- NOM-032-ENER-2013 – equipment and appliances requiring standby power

"We know that navigating the regulatory landscape of global markets is a complex and challenging task. COVID-19 has added another layer of complexity. With this designation, customers can test their products and equipment closer to their production facilities and mitigate delays due to the pandemic," said Helena Wolf, senior director of UL's International Certification division. "We stand ready to address global market access needs, with our experts and facilities throughout the world — to help ensure a streamlined Mexico market entry."

About UL

UL helps create a better world by applying science to solve safety, security and sustainability challenges. We empower trust by enabling the safe adoption of innovative new products and technologies. Everyone at UL shares a passion to make the world a safer place. All of our work, from independent research and standards development, to testing and certification, to providing analytical and digital solutions, helps improve global well-being. Businesses, industries, governments, regulatory authorities and the public put their trust in us so they can make smarter decisions. To learn more, visit UL.com. To learn more about our nonprofit activities, visit UL.org.

Press contact:
Steven Brewster
UL
steven.brewster@ul.com
1+847.664.8425

Logo - https://mma.prnewswire.com/media/325015/ul_enterprise_logo.jpg

XCMG ส่งรถขุดลงพื้นที่ช่วยบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศจีน

อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของจีนได้สร้างความเสียหายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในมณฑลเสฉวน ชิงไห่ กานซู ยูนนาน เจียงซี เจียงซู และหูเป่ย ด้วยเหตุนี้ บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างชั้นนำอย่าง XCMG (SZ:000425) จึงยื่นมือให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในปฏิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉินในพื้นที่ประสบภัย



เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม XCMG ได้ส่งรถขุดรุ่น XE200DA จำนวนสองคัน เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในหมู่บ้านหยวนชาน เขตต้าเหอ อำเภอหวงเม่ย เมืองหวงกัง มณฑลหูเป่ย ซึ่งได้รับผลกระทบจากดินถล่ม เนื่องจากมีซากปรักหักพังเป็นจำนวนมาก รถขุดขนาดเล็กจึงไม่สามารถเคลียร์พื้นที่ได้ โดย XCMG ได้ระดมทีมงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือผู้ที่ขาดการติดต่อ 9 รายในเหตุการณ์ดินถล่ม รวมถึงเคลื่อนย้ายชาวบ้านกว่า 40 คนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ฝนที่ตกหนักหลายวันติดต่อกันในอำเภอหูโข่ว เมืองจิวเจียง มณฑลเจียงซี ส่งผลให้ระดับน้ำในทะเลสาบโป๋หยางและแม่น้ำแยงซีมีปริมาณสูงขึ้น ทำให้คันกั้นนำเกิดการรั่วซึม เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม XCMG จึงส่งรถขุด 6 คันไปช่วยสร้างคันกั้นน้ำสูง 1 เมตร ยาว 13,527 เมตร ช่วยให้นิคมอุตสาหกรรมโดยรอบที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสามารถกลับมาผลิตสินค้าและดำเนินการได้อีกครั้ง

ในฤดูน้ำหลากปีนี้ XCMG มีส่วนร่วมในปฏิบัติการบรรเทาภัยและกู้ภัยหลายครั้งทั่วประเทศจีน เช่น

- การส่งรถขุด 20 คันไปช่วยซ่อมถนนอย่างเร่งด่วนในเมืองหลงหนาน มณฑลกานซู ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม
- การส่งรถขุดไปยังอำเภอเผิงเจ๋อ มณฑลเจียงซี หนึ่งในพื้นที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด เพื่อช่วยยกระดับความสูงของคันกั้นน้ำทะเลสาบฝางเพิ่มขึ้นอีก 60 เซนติเมตร เพื่อรับมือสถานการณ์อันตรายอย่างมีประสิทธิภาพ
- ในเขตหยางตัน เมืองกว่างเต๋อ มณฑลอานฮุย คุณหวัง ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท ได้ใช้ขุดรุ่น XE200DA เคลียร์แม่น้ำและถนนให้พร้อมรองรับปฏิบัติการกู้ภัย

XCMG ประกาศหลักปฏิบัติในการบรรเทาภัยจากเหตุแผ่นดินไหวและภัยธรรมชาติเมื่อปี 2560 โดยยึดหลักความเป็นผู้นำร่วมกัน การบริหารจัดการระดับท้องถิ่น การตอบสนองอย่างรวดเร็ว การรวมพลและการลงมือทำด้วยความสามัคคี โดยหลักปฏิบัติดังกล่าวระบุถึงขั้นตอนในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน การแบ่งหน้าที่ การจัดสรรอุปกรณ์และทรัพยากร รวมถึงการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับดีลเลอร์และลูกค้าในท้องถิ่นที่สามารถให้เช่าเครื่องจักรและให้การสนับสนุนได้ทันที

ณ วันที่ 22 สิงหาคม ลูกค้าของ XCMG กว่า 20 รายได้ส่งรถขุดเข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยและบรรเทาภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยร่วมทำภารกิจต่าง ๆ ทั้งขุดลอกแม่น้ำ สร้างถนนในหมู่บ้าน กำจัดซากปรักหักพัง และกำจัดเศษขยะ

“XCMG ตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัทเมื่อประเทศต้องเผชิญกับความยากลำบาก ขณะที่ชีวิตของประชาชนและทรัพย์สินก็ตกอยู่ในอันตราย เรามุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านการปฏิบัติจริง” หวัง หมิน ประธานบริษัท XCMG กล่าว

เกี่ยวกับ XCMG

XCMG เป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตเครื่องจักรหนักที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 77 ปี และปัจจุบันรั้งอันดับ 4 ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรก่อสร้างของโลก บริษัทส่งออกสินค้าไปยัง 187 ประเทศและดินแดนทั่วโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn และ Instagram

BigBrainBank.org โดดร่วมวงตลาด ประเดิมส่งที่ปรึกษาการเงิน AI ส่วนบุคคลบุกเอเชีย

- เขย่าวงการด้วยการมอบประสบการณ์ผู้ใช้และผลลัพธ์จากประสบการณ์ที่เหนือกว่า



BigBrainBank.org คือบริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงิน (fintech) และเทคโนโลยีการศึกษา (edutech) สำหรับตลาดการเงินขนาดใหญ่ของโลก โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างระบบนิเวศระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับความรู้ความเข้าใจทางการเงินด้วยแพลตฟอร์มการให้ความรู้ที่ส่งเสริมตลาดทุน บริษัทการเงิน และนักลงทุนรายย่อย BigBrainBank มีบริการการวิเคราะห์โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และการให้ความรู้ด้านการเงินที่ครบถ้วน

Dato’ Brendon Yong ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ BigBrainBank.org กล่าวว่า “เราพัฒนา BigBrainBank.org ขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสให้กับผู้คนด้วยแอปอัจฉริยะซึ่งรองรับการทำงานหลากหลายอุปกรณ์อย่างแอป TheBrain - AI Trade Strategies ซึ่งดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ตลอดจนเวอร์ชันเดสก์ท็อป แอปนี้ช่วยให้นักลงทุนทั้งที่เป็นบริษัทและรายย่อยสามารถปรับปรุงผลการซื้อขายจากไอเดียการเทรดแบบต่างๆ ความเสี่ยงการลงทุน (risk on risk off) การทดสอบระบบเทรด (backtester) และฟีเจอร์ขั้นสูงอีกมากมาย”

“เราพัฒนาจุดแข็งผ่านความร่วมมือทางเทคนิคเชิงกลยุทธ์กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของโลก ขณะที่ทีมนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของเราเองยกระดับความสามารถของเราไปอีกขั้น”

วิเคราะห์ด้วยเอไอ และติดตามเทรนด์การเทรดด้วยอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์

ระบบอัลกอริทึมของ BigBrainBank.org ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับยูสเซอร์อินเทอร์เฟซที่ยอดเยี่ยมและระบบนำทางที่ไร้รอยต่อ เพื่อดึงตัววัดผลที่สำคัญจากการวิเคราะห์เทรนด์ ตลอดจนเพื่อหาแนวทางการเทรดที่มีอัตราการประสบความสำเร็จสูงกว่าและมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงพร้อมในตัว

นอกจากนี้ BigBrainBank ยังให้บริการแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่จะสร้างโอกาสในการพัฒนาทางอาชีพสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพที่มั่นคงในตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศ โดยเน้นความรู้เชิงปฏิบัติที่สามารถประยุกต์และใช้งานได้จริง ระบบการศึกษาดังกล่าวใช้ระเบียบวิธีการเรียนรู้ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ นักเรียนและสมาชิกจากนานาประเทศจึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างยืดหยุ่นไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก

BigBrainBank.org วางแผนการสำหรับการเข้าสู่ตลาดซื้อขายไว้อย่างยิ่งใหญ่ และตั้งใจจะขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในตลาดเอเชีย โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มฐานตลาดราว 35% ภายในปี 2563 นี้ “เราดำเนินกลยุทธ์ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่หลากหลายของบรรดาพันธมิตรผู้ให้บริการระบบอุตสาหกรรมในระดับแนวหน้า พร้อมทั้งสร้างระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเอง ซึ่งถือเป็นแผนแม่บทสำหรับการเติบโตของเรา” Dato Brendon Yong กล่าว

เกี่ยวกับ BigBrainBank.org และ Bonjour Technology Sdn Bhd

BigBrainBank.org ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดยทีมงานผู้อยู่เบื้องหลัง Bonjour Technology Sdn Bhd ซึ่งคร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2548 เราเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญในการให้ความรู้เกี่ยวกับการเงิน

รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20200828/2902171-1

ติดต่อ:
Caroline Ang
อีเมล: caroline@bigbrainbank.org
เว็บไซต์: bigbrainbank.org
โทร. +60122997272

แพทย์จาก Texas Cardiac Arrhythmia Institute ศึกษาบทบาทของแอปและอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะในการติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากทางไกล

แพลตฟอร์มติดตามสุขภาพระบบดิจิทัลช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงผู้ให้บริการสุขภาพและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต

แพทย์จาก Texas Cardiac Arrhythmia Institute (TCAI) at St. David's Medical Center กำลังทำการทดสอบโปรแกรมปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและแพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัลสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (A Fib) ซึ่งเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยที่สุด โดยมีการใช้แอปที่เชื่อมกับอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (wearable device) ซึ่งจะช่วยให้ตรวจพบอาการหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงช่วยยกระดับการจัดการโรคและผลลัพธ์ในการรักษาผู้ป่วย

“การติดตามสุขภาพด้วยระบบดิจิทัลทำให้เราดูแลผู้ป่วยได้ดีขึ้น ด้วยการช่วยให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ เช่นในส่วนของการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย” นายแพทย์อันเดรอา นาตาเล (F.H.R.S., F.A.C.C., F.E.S.C.) แพทย์ผู้ชำนาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจและผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการแพทย์ประจำสถาบัน TCAI กล่าว “นอกจากนี้ แพทย์จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว”

โปรแกรมติดตามสุขภาพระบบดิจิทัลที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาจะช่วยให้แพทย์สามารถระบุตัวผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว และพัฒนาแนวทางปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย เช่น การให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการกำเริบ ทั้งก่อนและหลังการจี้ไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งเป็นการทำหัตถการเพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจส่วนที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

แพลตฟอร์มติดตามสุขภาพระบบดิจิทัล RFMx ที่นำมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ มีการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะเพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยที่เข้าร่วมการศึกษา และสร้าง Health Scorecard โดยอ้างอิงข้อมูลที่ได้มาจากอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่ถูกส่งมาทุกเดือนผ่านระบบติดตามสุขภาพทางไกล โดยมีเป้าหมายในการให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ป่วยในหลายแง่มุม เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การลดความเครียด การนอนหลับ การเลิกบุหรี่ และการลดการดื่มแอลกอฮอล์

“ผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และความท้าทายที่ต้องเผชิญก็แตกต่างกัน” นายแพทย์นาตาเล กล่าว “ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินจะถูกจัดอยู่ในโปรแกรมดูแลโภชนาการและการออกกำลังกาย โดยมีเป้าหมายคือการลดดัชนีมวลกายให้ได้อย่างน้อย 10% ซึ่งแพลตฟอร์มติดตามสุขภาพระบบดิจิทัลสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้”

แพทย์ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล การวิเคราะห์ผ่านเว็บ อีเมล โทรศัพท์มือถือ แอป ข้อความผ่านมือถือ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ และเซ็นเซอร์ติดตามสุขภาพทางไกล (เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความดันโลหิต ฯลฯ) ในการติดตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย และหากจำเป็นก็สามารถให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ โปรแกรมดังกล่าวยังให้การสนับสนุนในระดับชุมชนด้วยการให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วย

ปัจจุบัน TCAI กำลังทดสอบโปรแกรมติดตามสุขภาพระบบดิจิทัลกับผู้ป่วยราว 40 คน

ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มีอัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ สามารถลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว โดยผลลัพธ์จากการศึกษา Early Treatment of Atrial Fibrillation for Stroke Prevention Trial (EAST) ได้รับการนำเสนอในการประชุม European Heart Meeting และเผยแพร่ผ่านวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม

Texas Cardiac Arrhythmia Institute physicians studying role of wearable devices, app for remote monitoring of cardiac rhythm disorders

Digital monitoring platform provides community support, access to healthcare providers to help patients implement recommended lifestyle changes

Physicians with the Texas Cardiac Arrhythmia Institute (TCAI) at St. David's Medical Center are testing a new lifestyle intervention program and digital health platform for patients with atrial fibrillation (A Fib), the most common type of cardiac arrhythmia. The program, which features an app that is linked to wearable devices, is designed to enable early detection of A Fib, as well as improve management and clinical outcomes for patients with A Fib.

"Digital monitoring allows us to better serve our patients by helping them follow prescribed plans, such as diet and exercise, to improve quality of life," Andrea Natale, M.D., F.H.R.S., F.A.C.C., F.E.S.C., cardiac electrophysiologist and executive medical director of TCAI, said. "Physicians can also receive alerts if patients experience abnormal heart rhythms, such as A Fib."

The digital monitoring program being studied allows physicians to identify patients who are at risk of A Fib and develop intervention plans, including recommended lifestyle changes to reduce the risk of recurrence, before and after a cardiac ablation procedure. Cardiac ablation is used to destroy small areas of heart tissue that are causing abnormal heart rhythms.

The RFMx digital monitoring platform being used in this study includes wearable devices to continuously track health data from willing patients. The platform integrates the data to create a Health Scorecard based on information obtained from the wearable devices that is transmitted monthly via remote monitoring. It is designed to educate and support patients in a variety of areas, including diet, exercise, stress reduction, sleep, smoking cessation and alcohol reduction.

"Every participant is different, and the challenges they face are unique," Dr. Natale said. "For example, patients who are overweight are placed in nutrition and exercise programs, and their goal is to achieve at least a 10% decrease in body mass index. Digital health platforms can measure these changes."

Doctors use telemedicine, web-based analysis, email, mobile phones, apps, text messages, wearable devices, and clinic or remote monitoring sensors (weight scales, blood pressure cuffs, etc.) to track patients' progress. Medical experts can intervene with health coaching for high-risk patients, if needed. The program also provides patients with community support for encouragement and accountability.

TCAI is currently testing the digital monitoring program on approximately 40 patients.

A recent study revealed early intervention to maintain a normal heart rhythm is associated with reduced mortality and reduced cardiovascular complications in patients with A Fib. Results of the Early Treatment of Atrial Fibrillation for Stroke Prevention Trial (EAST) were presented at the European Heart Meeting and published in the New England Journal of Medicine on Aug. 29.

Sunway Hotels & Resorts เซ็นสัญญา 3 ปีกับ Amadeus เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความภักดีของลูกค้า

- เครือโรงแรมชั้นนำของเอเชียจะใช้โซลูชั่นที่ยืดหยุ่นและราคาจับต้องได้ของ Amadeus เพื่อมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลแก่ผู้เข้าพัก

Sunway Putra Hotel is situated within easy reach to the heart of Malaysia’s capital city, Kuala LumpurThe Banjaran Hotsprings Retreat is encircled by natural caves, geothermal hot springs and pristine jungleA complete host of leisure facilities await in Sunway City Kuala Lumpur

Amadeus ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับธุรกิจโรงแรมและการบริการ ประกาศทำข้อตกลงฉบับใหม่กับ Sunway Hotels & Resorts หนึ่งในเครือโรงแรมระดับนานาชาติที่โดดเด่นที่สุดของเอเชีย เพื่อมอบโซลูชั่นเทคโนโลยีอันครอบคลุมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจองห้องพักและโปรแกรมสมาชิกสำหรับโรงแรมและรีสอร์ทอิสระ 11 แห่งของ Sunway ในมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ตลอดจนการพัฒนาในอนาคต ซึ่งรวมถึงโรงแรมแห่งใหม่ในรัฐยะโฮร์ ทางใต้ของมาเลเซีย ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564

ภายใต้ข้อตกลงระยะเวลา 3 ปี เครือโรงแรมจะนำเทคโนโลยีของ Amadeus ได้แก่ iHotelier(R) Central Reservation System, Guest Management Solutions และ Website Management Solutions มาใช้ในหลายเฟส โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานและข้อมูลแขกซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญเพื่อทำให้เป็นระบบ และให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากกลยุทธ์การเพิ่มและรักษาฐานลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ข้อมูลจากการวิจัยล่าสุดของ Amadeus พบว่า 76% ของผู้นำอุตสาหกรรมโรงแรมต่างกำลังวางแผนเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อชดเชยรายได้ที่ถูกกระทบจากธุรกิจปกติ โดย 75% ต่างมองว่าข้อมูลที่คาดการณ์ล่วงหน้าจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินแผนการฟื้นฟูธุรกิจในบริบทของโควิด-19

"ในฐานะโรงแรมอิสระ นับเป็นเรื่องท้าทายที่จะแข่งขันกับโรงแรมแบรนด์ดังขนาดใหญ่ที่เข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่า ซึ่งรวมถึงบริการเทคโนโลยีมาตรฐาน การนำโซลูชันของ Amadeus มาใช้ในธุรกิจของเราจะทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีที่เข้ากับขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ ของเราเองได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวม ขณะเดียวกันก็เข้าถึงขีดความสามารถที่จำเป็นต่อการให้บริการที่หลากหลายขึ้นแก่ลูกค้า" Dato' Tan Kia Loke กรรมการผู้จัดการอาวุโส ประจำสำนักงานประธาน Sunway Group กล่าว

โซลูชั่นด้านการโรงแรมของ Amadeus ช่วยให้ Sunway Group สามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการและความชอบของลูกค้าแต่ละราย โดย Dato' KL Tan กล่าวเสริมว่า "ในฐานะเครือโรงแรมที่มีห้องพักและวิลล่าหลากหลายแบบกว่า 3,300 ห้อง ครอบคลุมตั้งแต่สถานที่พักผ่อนเพื่อสุขภาพและความงามระดับลักชัวรีพร้อมวิลล่าส่วนตัว ไปจนถึงโรงแรมระดับ 3 ดาวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุม ความต้องการและข้อเรียกร้องของแขกผู้เข้าพักมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น การที่โซลูชั่นช่วยรวบรวมข้อมูลของแขกทั้งหมดและนำมาทำเป็นข้อมูลแขกแต่ละคนในเชิงลึกซึ่งถือเป็นข้อมูลที่มีค่าอย่างมากนั้น จะช่วยให้เราสามารถสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลและน่าจดจำ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยเพิ่มจำนวนแขกที่กลับมาใช้บริการซ้ำอีก"

Central Reservation System ของ Amadeus จะทำให้ Sunway Hotels & Resorts สามารถจัดการห้องพักและเรตห้องพักให้เป็นระบบในแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถหลักที่จำเป็นสำหรับการจัดสรรและขายห้องพักโรงแรม โดยดีไซน์ที่ปรับขนาดได้นี้ช่วยให้โรงแรมแต่ละแห่งสามารถปรับแพลตฟอร์มได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ กลยุทธ์ที่เน้น API ยังช่วยลดการโอนย้ายข้อมูลซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีราคาแพง รวมทั้งทำให้โรงแรมและรีสอร์ตในเครือนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ไปใช้ได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกัน Guest Management Solutions ของ Amadeus จะช่วยให้ Sunway Hotels & Resorts มองเห็นประวัติข้อมูลแขกในภาพรวมแบบ 360 องศา ผ่านทางฐานข้อมูลลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพและรวมศูนย์ มุมมองนี้จะช่วยให้โรงแรมสามารถปรับบริการให้ตอบโจทย์แขกผู้เข้าพักในแต่ละจุดบริการ และเปิดโอกาสใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและปรับให้เหมาะสมเพื่อมอบข้อเสนอหรือการอัปเกรดที่ตรงกับความชอบและความต้องการของแขกแต่ละคน นอกจากนี้ โซลูชันนี้ยังสามารถแนะนำแผนการเดินทางในท้องถิ่นเพื่อมอบประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การยกระดับการให้บริการเฉพาะบุคคลนี้จะช่วยกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ และสร้างความภักดีต่อแบรนด์

"เราภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับเครือโรงแรมชั้นนำของเอเชีย และตั้งตาคอยที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการเติบโตทั่วภูมิภาคของ Sunway Group" Maria Taylor, Head of Commercial, Asia Pacific, Hospitality ของ Amadeus กล่าว "โซลูชั่นที่ฉับไวไม่เคยสำคัญเท่านี้มาก่อนในการช่วยให้โรงแรมในเอเชียแปซิฟิกอยู่รอดและเติบโตได้ต่อไป ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีการท่องเที่ยวชั้นนำที่มีขอบเขตธุรกิจกว้างขวางในภูมิภาค เราจึงมีความพร้อมเป็นอย่างดีในการสนับสนุนการขยายตัวนี้ เรามอบโซลูชั่นชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ฉับไว ช่วยให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงแรมและการบริการสามารถตัดสินใจด้วยข้อมูล ซึ่งช่วยขับเคลื่อนดีมานด์ที่สร้างผลกำไรได้ อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มความภักดีในแบรนด์"

เกี่ยวกับ Amadeus

การเดินทางขับเคลื่อนความก้าวหน้า Amadeus ขับเคลื่อนการเดินทาง โซลูชั่นของ Amadeus เชื่อมโยงนักเดินทางกับเส้นทางที่พวกเขาต้องการผ่านทางตัวแทนการท่องเที่ยว เสิร์ชเอนจิ้น บริษัททัวร์ สายการบิน สนามบิน โรงแรม รถยนต์ และทางรถไฟ

เราพัฒนาเทคโนโลยีของเราด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมานานกว่า 30 ปี เราผสานความเข้าใจอันลึกซึ้งที่มีต่อรูปแบบการท่องเที่ยวของผู้คนกับความสามารถในการออกแบบและส่งมอบระบบที่ทันสมัย เชื่อถือได้ และสำคัญที่สุดตามความต้องการของลูกค้า โดยในแต่ละปีเราช่วยเชื่อมต่อผู้คน 1.6 พันล้านคนกับผู้ให้บริการท่องเที่ยวท้องถิ่นในกว่า 190 ประเทศ

เราเป็นบริษัทที่มีพนักงาน 19,000 คน กระจายอยู่ในสำนักงาน 70 แห่ง เรามีวิสัยทัศน์ระดับโลกและมีธุรกิจในตลาดท้องถิ่นที่ลูกค้าต้องการเรา

เป้าหมายของเราคือการสร้างอนาคตของการท่องเที่ยว เรามีความกระตือรือร้นในการมุ่งสู่เทคโนโลยีที่ดีกว่าที่ช่วยให้การเดินทางดีขึ้น

Amadeus คือบริษัท IBEX 35 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สเปนภายใต้ชื่อ AMS.MC นอกจากนี้บริษัทยังเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี EuroStoxx50 และติดดัชนี Dow Jones Sustainability Index ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amadeus ได้ที่ www.amadeus.com หรือ www.amadeus-hospitality.com

เกี่ยวกับ Sunway Hotels & Resorts

Sunway Hotels & Resorts บริหารโรงแรมและรีสอร์ต 11 แห่งในมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม โดยมีห้องพัก ห้องสวีท และวิลล่ารวมกว่า 3,300 ห้อง

กลุ่มธุรกิจประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์และบริการด้านการโรงแรมหลากหลายประเภท ซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารกลุ่มโรงแรมในเมืองที่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง และห้องจัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิลล่าส่วนตัว สถานตากอากาศ และโรงแรมระดับ 5 ดาว, 4 ดาว, และ 3 ดาวในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส

โรงแรมแห่งใหม่ Sunway Iskandar Puteri ในรัฐยะโฮร์ มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564 ซึ่งโรงแรมขนาด 288 ห้องนี้จะเชื่อมกับ Sunway Big Box Village ซึ่งเป็นโครงการค้าปลีกผสมเอ็กซ์ตรีมปาร์คแห่งแรก ยิ่งไปกว่านั้น Sunway Big Box Village ยังอยู่ห่างจากสะพานข้ามพรมแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์เพียงขับรถ 5 นาทีเท่านั้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sunway Hotels & Resorts ได้ที่ www.sunwayhotels.com



Sunway Hotels & Resorts signs 3-year agreement with Amadeus to boost efficiency and customer loyalty

Leading Asian hotel group will use Amadeus' flexible, affordable solutions to deliver a personalized guest experience.

Sunway Putra Hotel is situated within easy reach to the heart of Malaysia’s capital city, Kuala LumpurThe Banjaran Hotsprings Retreat is encircled by natural caves, geothermal hot springs and pristine jungleA complete host of leisure facilities await in Sunway City Kuala Lumpur

Amadeus, an industry-leading provider of hospitality technology solutions, has announced a new agreement with Sunway Hotels & Resorts, one of Asia's most prominent international hotel groups, to deliver a comprehensive technology solution enabling them to streamline reservations and loyalty programs across Sunway's 11 independent properties in Malaysia, Cambodia, and Vietnam, as well as future developments which include a new hotel in Malaysia's southern state of Johor, scheduled to launch in 2021.

As part of the 3-year agreement, the hotel group will implement Amadeus' iHotelier(R) Central Reservation System, Guest Management Solutions, and website management solutions in various phases. Collectively these products will consolidate and organise important guest and operational data as well as provide actionable insights. This is a timely move, as data-driven approaches to guest acquisition and retention are more crucial than ever – according to recent Amadeus research. 76% of senior hospitality industry leaders globally are planning to target new audiences to make up for impacted revenue from their usual business mix, with 75% sharing that forward-looking data will be critical to executing their recovery plan in a COVID-19 context.

"As independent hotels, it can be a challenge to compete with the larger branded properties that have access to more resources, including a standardized technology offering. By implementing Amadeus solutions in our business, we can implement the technology that is most relevant for our processes. This lowers our overall operational cost while having access to the capabilities we need to deliver a wide array of offerings to our guests," said Dato' Tan Kia Loke, Sunway Group Senior Managing Director for Chairman's Office.

Amadeus' hospitality solutions enable the group to offer highly personalised services to its guests. Dato' KL Tancontinued: "As a hotel group with over 3,300 guestrooms and villas across a diverse portfolio, which ranges fromluxury wellness retreats with private villas to 3-star properties with convention meeting facilities, the needs and demands of our guests vary greatly across all properties. By consolidating all guests' data and providing valuable insights on individual guest profiles, the solutions allow us to create personalized and memorable experiences, which will help towards increasing the frequency of returning guests."

Through Amadeus' Central Reservation System, Sunway Hotels & Resorts will be able to organise its portfolio, rates, and inventory in a centralised platform, providing the core capabilities needed to manage hotel distribution and merchandising. Its scalable design lets individual hotels customise the platform according to their individual needs. Additionally, an API-first approach helps reduce the pain of costly migrations, making it easier for the various properties across the group to introduce these new technologies.

Meanwhile, Amadeus' Guest Management Solutions will provide Sunway Hotels & Resorts with a 360-degree overview of their guest profiles through a streamlined and consolidated view of the guest database. This view allows its hotels to personalise each touchpoint of the guest journey and uncover more opportunities. For instance, a hotel can target guests with effective, tailored communications to deliver personalised offers or upgrades. They can also suggest local itineraries to help provide unique experiences. Ultimately, this enhanced level of personalization can help with cross-selling and loyalty strategies.

"We are proud to be working with one of Asia's leading hospitality groups, and look forward to being part of its growth plans across the region," said Maria Taylor, Head of Commercial, Asia Pacific, Hospitality, Amadeus. "Nimble solutions have never been more important to help APAC's hotels survive and thrive. As a leading travel technology provider with an extensive footprint in the region, we are well-placed to support this expansion. We provide agile, industry-leading solutions that allow hospitality companies to make data-driven decisions that help drive profitable demand, improve operational efficiency, and increase loyalty."

About Amadeus

Travel powers progress. Amadeus powers travel. Amadeus' solutions connect travelers to the journeys they want through travel agents, search engines, tour operators, airlines, airports, hotels, cars and railways.

We have developed our technology in partnership with the travel industry for over 30 years. We combine a deep understanding of how people travel with the ability to design and deliver the most complex, trusted, critical systems our customers need. We help connect over 1.6 billion people a year to local travel providers in over 190 countries.

We are one company, with 19,000 employees across 70 offices. We have a global mindset and a local presence wherever our customers need us.

Our purpose is to shape the future of travel. We are passionate in our pursuit of better technology that makes better journeys.

Amadeus is an IBEX 35 company, listed on the Spanish Stock Exchange under AMS.MC. The company is also part of the EuroStoxx50 and has been recognized by the Dow Jones Sustainability Index for the last eight years.

To find out more about Amadeus, visit www.amadeus.com or www.amadeus-hospitality.com.

About Sunway Hotels & Resorts

Sunway Hotels & Resorts operates 11 hotels and resorts in Malaysia, Cambodia and Vietnam, representing a collection of over 3,300 guestrooms, suites and villas.

The division's diverse portfolio of hospitality assets and services includes ownership and management of a cluster of hotels with large scale convention, meeting and exhibition facilities in an integrated city, to private villa destination, a wellness retreat and a portfolio of 5, 4 and 3-star hotels in mixed-use developments.

In 2021, a brand new hotel in Sunway Iskandar Puteri in Johor is expected to be opened. The 288-room hotel will be linked to Sunway Big Box Village, a first of its kind retail enclave and an extreme park. To add further, the Sunway Big Box Village is just five (5) minutes' drive from the Malaysia-Singapore border link bridge.

To find out more about Sunway Hotels & Resorts, visit www.sunwayhotels.com



XCMG Contributes Excavators to Flood Relief Initiatives across China

The flood season this summer wreaked havoc across China especially in the provinces of Sichuan, Qinghai, Gansu, Yunnan, Jiangxi, Jiangsu and Hubei. In response, leading construction machinery manufacturer XCMG (SZ:000425) has been actively providing timely assistance in disaster areas to emergency rescue operations.

XCMG Contributes Excavators to Flood Relief Initiatives across China.

On July 8, XCMG dispatched two XE200DA excavators urgently to the Yuanshan Village of Dahe Town, Huangmei County, Huanggang City of Hubei Province as an emergency response to the landslide rescue. Due to a great quantity of debris on site, smaller excavators were unable to cope. XCMG assembled an on-site service team, and all nine people who lost contact during the landslide have been rescued and more than 40 villagers were moved to a safe place.

Days of heavy rain in Hukou County of Jiujiang City, Jiangxi Province raised the water levels of Poyang Lake and Yangtze River that resulted in embankment seepage. On July 12, XCMG sent six excavators that worked round-the-clock to complete a 1-meter-tall and 13,527-meter-long levee. As a result, the industrial park affected by the flood resumed production and operation.

During the 2020 flood season, XCMG participated in multiple disaster relief and rescue operations across China, including but not limited to:

- Sending 20 excavators to carry out urgent road repair in Longnan City of Gansu Province since August 22;
- Dispatching excavators to Pengze County of Jiangxi Province, one of most hardest-hit areas, to reinforce and raise the levee of Fang Lake by 60 centimeters to effectively manage a dangerous situation;
- In Yangtan Town of Guangde City, Anhui Province, a customer Mr. Wang drove a XE200DA excavator to clear the dredge riverway and roads to ensure follow-up rescue operations.

XCMG enacted its earthquake and disaster relief protocol in 2017, following the principles of unified leadership, local management, fast response, and coordinated assembly and action. The protocol detailed emergency response procedures, personnel assignment, equipment, and resource allocation, as well as close partnership with local dealers and customers who can provide immediate equipment rental and support as a backup resource.

As of August 22, more than 20 customers of XCMG have deployed excavators to contribute to the rescue and relief of affected regions, carrying out tasks including river dredging, village road construction, demolishing dilapidated buildings and garbage cleanup.

"XCMG is concerned and aware of our responsibilities when the country is in a difficult situation and the people's lives and property are are endangered. We are committed to supporting those in the disaster area with practical actions," said Wang Min, chairman of XCMG.

About XCMG

XCMG is a multinational heavy machinery manufacturing company with a history of 77 years. It currently ranks fourth in the world's construction machinery industry. The company exports to more than 187 countries and regions around the world.

For more information, please visit: www.xcmg.com, or XCMG pages on Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn and Instagram.



Friday, August 28, 2020

West China's lake city Wanzhou awaits tourists with much to offer

Wanzhou District of west China's Chongqing Municipality is a lake city, and it made a splash in the evening of Aug. 27 with a livestreaming show put on to promote its tourism and culture products. Livestreamed in 12 online platforms, the show gained 35.42 million views and 11.27 million likes with Wanzhou's beautiful landscape and rich resources, according to the Publicity Department of Wanzhou District.

Located in the heart of the Three Gorges reservoir area, Wanzhou boasts a long history and profound culture, and has been the place attracting scholars to stop by for appreciation since ancient times. In the past 1800 years, the Chongqing culture, the Three Gorges culture, the immigrant culture, the Anti-Japanese War culture and the revolution culture have met and merged in Wanzhou, creating a unique local culture.

In 2006, the grand Three Gorges Dam was completed. After impoundment, Wanzhou witnessed the emergence of a string of lakes. Later 29 city parks and 26 city squares were built in Wanzhou, forming an interconnected waterfront space. A new city with lakes, mountains and tall buildings accompanying each other came into being. In 2016, Wanzhou's lake landscape was rated as one of the top ten new tourist attractions of the new Three Gorges.

When people come to Wanzhou, they must visit the three important landmarks. The Western Hills bell tower, which has been standing on the banks of the Yangtze River for nearly a century, is an impressive combination of Chinese and Western styles. It still rings on time. The Ba Du power plant was built and then provided power support to the industrial and mining enterprises that moved in 80 years ago. The plant's old units are still generating electricity. The ruins of Tiansheng Ancient City, which survived the Anti-Yuan War in the late Southern Song Dynasty, occupied an important position in Sichuan's city defense system and the history of the Song and Yuan wars.

The Chongqing Three Gorges Immigrant Memorial Hall is another must-go place in Wanzhou. It keeps a complete record of the history of Three Gorges immigrants and the construction of the reservoir area. A few days ago, the museum, together with Fujian Gutian Conference Memorial Hall and Hebei Xibaipo Memorial Hall, was selected as the first batch of pilot units on revolution culture as part of a national project to preserve and promote Chinese national culture.

The Wanzhou Waterfall is also worth visiting. It is called the first waterfall in Asia. The waterfall is 151 meters wide, 64.5 meters high and covers an area of 9739.5 square meters. It is one of the few waterfalls that can be viewed from all angles.

There are three popular local food: Wanzhou noodles, steamed food and roasted fish. In 2018, Wanzhou was officially recognized as the hometown of grilled fish in China.

Besides, Wanzhou is a good place to buy gifts related with the Three Gorges. The unique climate of the lakes in the Three Gorges nourishes rich Wanzhou produce, such as the local citrus, plums and tangerines sent to the space for breeding. The wooden comb brand Carpenter Tan is well known, so are the crisp and refreshing pickled mustard tuber in Yuquan and the spicy beef jerky. The Three Gorges embroidery and stones are quite distinctive while local Tiancong tea and Shixiantai liquor boast a lingering aftertaste.

The water town has witnessed longstanding peace and prosperity, echoed by the loud and exciting working songs in the old days and now by arias of slow life. In Wanzhou, one can walk in the streets for a taste of the thousand-year elegance of the Xishan Monument and the Tiansheng Ancient City. A stroll by the river bank to watch the sunset in the Western Hills or the morning light shining above forests is another good choice. Sailing on the lake to enjoy the night views and rippling waves is also recommended.

Wanzhou has always prioritized ecological conservation to boost green development. By seizing the opportunity to build the Chengdu-Chongqing economic circle, Wanzhou is making every effort to build a regional central city and an economic center in the Three Gorges Reservoir Area. It also plans to grow into a tourist distribution center and an important destination in the Great Three Gorges Reservoir Area by promoting its geographical advantages in the Three Gorges tourism as well as development prospects.

For more information, please visit http://www.wz.gov.cn/.

Source: The Publicity Department of Wanzhou District, Chongqing Municipality

AsiaNet 85306

BigBrainBank.org leaps into the trading signals market with Asia's first AI Personal Financial Advisor

- A gamechanger for superior user experience and experiential results

BigBrainBank.org is a technology-enabler that specialises in fintech-edutech for the largest financial markets in the world. Our vision is to build a global ecosystem that focuses on financial literacy with an education platform that supports the capital markets, financial corporations and retail investors. BigBrainBank offers a complete depository of artificial intelligence-driven analytics and financial education.

According to Dato' Brendon Yong, Founder and CEO of BigBrainBank.org, "We developed BigBrainBank.org to empower people by equipping them with a highly responsive and intelligent app, TheBrain – AI Trade Strategies, available on both Android and iOS appstores as well as desktop version. The app significantly helps both corporate and retail investors to improve their trading result through trade ideas, risk on risk off, backtester and a host of advanced features."

"Our strengths are driven through strategic technical collaborations with the world's leading technology providers. Our own analysts and technology experts further added in a new layer of proprietary calibrations."

Proprietary algorithmic trend monitoring and AI-powered analytics

The algorithmic system in BigBrainBank.org offers users extraordinary user interface and seamless navigation to extract important metrics in trend analysis and identify trade ideas with higher success rates and risk management measures in place.

BigBrainBank also offers a learning platform that includes a professional and lucrative pathway for those who desire to establish careers in the currency marketplace while honing practical and applicable knowhow. The education system is embedded within a blended learning methodology that combines both offline and online learning with the flexibility of global learning mobility for international students and subscribers.

BigBrainBank.org has big plans for the marketplace and intends to reach out to more regions in Asia, targeting to increase its market base by an estimated 35% by end 2020. "Our technology collaboration strategy to leverage on multi-tech partnerships with top industry system providers, while building our own proprietary system, will continue to be the mainstay of our growth masterplan." said Dato' Brendon Yong.

About BigBrainBank.org and Bonjour Technology Sdn Bhd

The team behind Bonjour Technology Sdn Bhd has been involved in the industry since 2005 while BigBrainBank.org was set up in 2018. We are a technology platform that specialises in financial education.

Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20200828/2902171-1

Contact:

Caroline Ang
Email: caroline@bigbrainbank.org
Website: bigbrainbank.org
+60122997272

Xinhua Silk Road: เมืองเฉวียนโจวของจีนออกมาตรการยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ


เมืองเฉวียนโจวในมณฑลฟูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ได้ออกชุดมาตรการใหม่เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของเมือง

เมืองเฉวียวโจวมุ่งมั่นที่จะการดึงดูดการลงทุนด้านต่าง ๆ เข้ามาในเมือง และได้ทุ่มความพยายามอย่างหนักในการดึงดูดการลงทุนด้านอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนจากโครงการใหม่ ๆ ในห่วงโซ่อุปทานมากกว่า 5.5 หมื่นล้านหยวน

นับตั้งแต่ต้นปี 2563 เมืองเฉวียนโจวได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มเพื่อบรรเทาอุปสรรค์ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งปรับปรุงกลไกลเพื่อค้นหาสิ่งที่องค์กรธุรกิจต้องการ, จัดตั้งกลุ่มทนายความเพื่อให้คำปรึกษาด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ตลอดจนมอบความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อาทิ การจ้างงาน, การจัดหาแหล่งอาหาร, วัสดุอุปกรณ์, การเงิน, การขาย, ภาษี และค่าบริการขนส่ง รวมถึงการออกประกาศเตือนถึงสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังเพิ่มวงเงินจ่ายคืนเงินประกันการว่างงานและเงินอุดหนุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของงานจากเดิมที่ 50% มาเป็น 100% ด้วย

ในขณะเดียวกัน เมืองเฉวียนโจวยังได้พยายามปรับปรุงกลไกลการบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ ซึ่งจากข้องมูล ณ สิ้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เมืองเฉวียนโจวได้ปรับลดหรือยกเว้นค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมให้กับบริษัทในเมืองไปแล้วเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.045 พันล้านหยวน, คืนเงินประกันการว่างงานและเงินอุดหนุนเสถียรภาพการทำงานไปแล้ว 276.03 ล้านหยวน โดยมีบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้มากถึง 2,814 แห่ง

นอกจากนี้ เมืองเฉวียนโจวยังเดินหน้าปรับปรุงบริการของภาครัฐ โดยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการอนุมัติงานด้านธุรการ เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้นั่นคือ “ยื่นเรื่องในที่เดียว ดำเนินการครอบคลุมทุกส่วน ประหยัดเวลา และการส่งมอบแบบเบ็ดเสร็จ”

ศูนย์บริการงานบริหารส่วนเทศบาลในเฉวียนโจว ได้จัดตั้งสำนักงานเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อดูแลการเข้าถึงตลาด การลงทุนและการก่อสร้าง บริการร้านสะดวกซื้อ ส่งเสริมความน่าอยู่ในสังคม และการดำเนินชีวิตของประชาชน เพื่อให้บริการที่ครบวงจรแก่ผู้ประกอบการธุรกิจและประชาชนทั่วไป

เมืองเฉวียนโจวยังได้จัดสรรบริการรูปแบบใหม่นั่นคือ “บริการอินเทอร์เน็ต+รัฐบาล” ซึ่งเป็นบริการที่เมืองกว่างโจวได้สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบอนุมัติงานส่วนธุรการทางออนไลน์ พร้อมทั้งนำตู้คีออสสำหรับให้บริการตนเองกว่า 200 เครื่องมาติดตั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการของทางภาครัฐแก่ประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ดูลิงก์ต้นฉบับได้ที่: https://en.imsilkroad.com/p/315749.html

PTT Plc and Plug and Play Announce Strategic Partnership to transform Thailand

BANGKOK--28 Aug--PRNewswire/InfoQuest

PTT Public Company Limited has announced a strategic partnership with Plug and Play Tech Center, the world's largest corporate innovation platform headquartered in Silicon Valley, with the intention of raising national competitiveness and transform Thailand through digital transformation under PTT's Powering Thailand's Transformation initiative.

Through this partnership, PTT hopes to create an international Innovation Ecosystem to become more than just a manufacturer and distributor. To this end, it hopes to attract potential partners such as large firms and tech start-ups globally through Plug and Play as an accelerator platform to drive its business.

"The collaboration between PTT and Plug and Play provides a great opportunity for PTT to increase its innovative potential and help PTT see more substantial results by learning from Plug and Play and its corporate partners worldwide. This will help drive PTT to make strides alongside other innovative companies on the global stage and lead Thailand to advance to an international level," said Mr. Worawat Pitayasiri, Senior Executive Vice President, Innovation and Digital, at PTT Public Company Limited.

"We are delighted that PTT will be collaborating with Plug and Play under the Smart City Program, which will bring together leading corporations from various industries, including energy and sustainability, real estate, mobility, IoT and digital health, to help provide solutions to PTT's innovation strategy, ranging from battery storage technologies, renewable energy, new mobility, and pushing Thailand towards Industry 4.0," said Mr. Shawn Dehpanah, Executive Vice President and Head of Corporate Innovation APAC of Plug and Play Tech Center.

By working with Plug and Play, PTT will have more partnership channels and earn more recognition. This will enable the company to establish direct contact with tech companies. Moreover, data obtained from different start-ups and firms can be invaluable for PTT itself in extending the company's s-curve with its ExpresSo team. Expert at innovation and tech business, PTT ExpresSo has a firm hold on three blueprints including:

1. New Energy is the idea of building a business with alternative energy for sustainability and energy security by adopting technology for effective maintenance of solar cells for example.
2. New Mobility is the notion of improving domestic transport systems to reduce pollution for better quality of life for people, including battery production for electric cars.
3. New Industry is the concept of driving Thailand's capacity to compete under Industry 4.0 management and maintain national economic security such as artificial intelligence (AI) systems for factories.

With over 32 global affiliations, the Plug and Play platform brings together over 400 leading corporations and start-ups, including DuPont, Convestro, Tetra Pak, Johnson & Johnson, Mercedes-Benz, Dyson, P&G, BNP Paribas, ExxonMobil, Yamato Holding, Bangchak Corporation, Krungthai Bank, and many more. It also facilitates over 50 business accelerations and supports more than 10,000 start-ups every year.

For more information visit www.plugandplayapac.com

Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20200827/2888297-1

Irish-based ROQU Group launches world-first 'Health Passport' digital platform to support increased global COVID-19 testing

- World-first technology developed by ROQU Group to protect society, economy, and jobs

- Irish trial commences with national partners in healthcare, agriculture, education, childcare, logistics, entertainment, and other sectors

- Irish-engineered digital platform, in partnership with advanced diagnostics, delivers test results within 15 minutes, allowing businesses to operate in a safely controlled environment

The Irish-based ROQU Group has announced the pilot launch of Health Passport, a world-first digital platform designed to facilitate increased COVID-19 testing for businesses and the public.

Engineered in Ireland, the platform combines the latest digital technologies with highly accurate and validated COVID-19 testing solutions, delivering results in as little as 15 minutes. The platform will enable businesses and individuals to quickly minimise risks related to COVID-19 and ensure they can continue daily activities.

Health Passport is launching with a trial involving a select range of national participants representing a diverse range of industry sectors: healthcare (hospital, nursing home), logistics, agriculture, education, childcare, entertainment, and others.

Supporting businesses, protecting communities

The platform has been developed to help national economies by enabling businesses to remain open through continuous proactive testing of employees, identifying positive results at the earliest stage whilst simultaneously protecting communities by offering increased testing.

"Around the world, there is continued frustration and disappointment due to COVID-19 restrictions," said Robert Quirke, President and CEO of ROQU Group, at today's launch.

"Health Passport is designed to put a safety net in place where none currently exists, allowing economies to recover and thrive in a controlled environment," said Mr Quirke. "It is a world-first innovation, proudly engineered in Ireland to the highest standards, that will enable business and society to finally move forward. The game changer has finally arrived."

Works with all official COVID-19 tests

Health Passport has been developed specifically to work in harmony with all official COVID-19 tests, including laboratory swab and blood tests, and the very latest rapid testing solutions soon to be launched.

"Using our global visibility, we are helping local companies by making the best COVID-19 testing solutions readily available to all," said ROQU's Robert Quirke. "As testing and research continues to improve, we want to ensure that Irish society and economy can easily access testing solutions that offer the highest levels of clinical validation.

"The purpose of the pilot trial is to demonstrate how Health Passport works across a variety of real-life business and social scenarios," he added.

Amid calls for increased testing for the public, ROQU says that newly engineered rapid tests can provide the solution needed to stop the spread of the virus. Where no testing solution is already in place, Health Passport is providing the very latest rapid antibody blood tests and rapid antigen swab tests, which deliver a highly accurate diagnosis in less than 15 minutes. The testing solutions are engineered, manufactured, and clinically validated in Europe.

"Current situation not sustainable"

"We are all aware that the current situation regarding viral outbreaks in businesses and communities is simply not sustainable," said Robert Quirke. "There are too many gaps in the current testing system that are hindering our ability to get the economy and normal life back on track. It is time to immediately close those gaps.

"This platform provides the breakthrough we have been waiting for and can become the standard solution for business, travel, education, healthcare, events and all aspects of daily life," said Mr Quirke. "Every person on the Health Passport platform now represents one life and one job protected."

ROQU Group has announced that, in addition to Ireland, the Health Passport platform will be launched in the US, UK, Italy, Kenya and Germany, with other locations to follow. Health Passport has been developed as part of ROQU's international philanthropic and altruistic mission.

ABOUT ROQU GROUP

Founded and headquartered in Dublin, ROQU Group works with international Governments to fulfil projects of national importance, including economic development and strategic problem-solving.

www.healthpassportireland.ie | Instagram | Facebook | YouTube | LinkedIn

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1244887/Robert_Quirke_ROQU_Health_Passport.jpg
Logo - https://mma.prnewswire.com/media/1244886/Health_Passport_Worldwide_Logo.jpg

บริษัท ROQU Group จากไอร์แลนด์ เปิดตัว “'Health Passport” แพลตฟอร์มดิจิทัลแรกของโลกเพื่อรองรับการตรวจโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น

- เทคโนโลยีแรกของโลกที่พัฒนาขึ้นโดย ROQU Group เพื่อปกป้องสังคม เศรษฐกิจ และการจ้างงาน

- เริ่มทดลองใช้แล้วในไอร์แลนด์ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับประเทศในแวดวงบริการสุขภาพ การเกษตร การศึกษา การดูแลเด็ก โลจิสติกส์ ความบันเทิง และภาคส่วนอื่น ๆ

- แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้วางระบบในไอร์แลนด์และผสานเข้ากับนวัตกรรมวินิจฉัยโรคขั้นสูง มอบผลตรวจได้ภายในเวลา 15 นาที เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ดำเนินการได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างปลอดภัย

บริษัท ROQU Group จากไอร์แลนด์ ได้ประกาศนำร่อง Health Passport ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการตรวจโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นสำหรับภาคธุรกิจและสาธารณะ

แพลตฟอร์มนี้วางระบบในไอร์แลนด์ โดยผนวกรวมเทคโนโลยีดิจิทัลอันล้ำสมัยเข้ากับโซลูชันตรวจโรคโควิด-19 ที่มีความแม่นยำสูงและผ่านการตรวจสอบมาแล้ว แพลตฟอร์มนี้มอบผลตรวจได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้มั่นใจว่าจะดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

Health Passport กำลังเปิดทดลองใช้งาน โดยมีพันธมิตรร่วมทดลองจากหลากหลายภาคส่วนของไอร์แลนด์ ทั้งบริการดูแลสุขภาพ (โรงพยาบาล สถานพยาบาล) โลจิสติกส์ การเกษตร การศึกษา การดูแลเด็ก ความบันเทิง และอื่น ๆ

สนับสนุนธุรกิจ ปกป้องชุมชน

แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่าง ๆ ด้วยการเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจสามารถเปิดให้บริการได้ผ่านการรุกตรวจโรคให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุผลตรวจที่เป็นบวกตั้งแต่เนิ่น ๆ และปกป้องชุมชนต่าง ๆ ในคราวเดียวกันด้วยการมอบการตรวจโรคที่เพิ่มขึ้น

Robert Quirke ประธานและซีอีโอของ ROQU Group กล่าวขณะเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ว่า “ทั่วโลกยังคงรู้สึกไม่พอใจและผิดหวังอันเป็นผลจากมาตรการควบคุมต่าง ๆ เพื่อป้องกันโรคโควิด-19”

“Health Passport ได้รับการออกแบบเพื่อมอบระบบตาข่ายความปลอดภัยในพื้นที่ที่ปัจจุบันยังไม่มี เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ฟื้นตัวและเจริญรุ่งเรืองได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม” คุณ Quirke กล่าว “แพลตฟอร์มนี้เป็นนวัตกรรมบุกเบิกระดับโลก ซึ่งได้รับการวางระบบอย่างน่าภาคภูมิใจในไอร์แลนด์ตามมาตรฐานสูงสุด ที่จะช่วยให้ธุรกิจและสังคมเดินหน้าต่อไปได้ในท้ายที่สุด นวัตกรรมพลิกเกมได้มาถึงแล้วตอนนี้”

รองรับการทำงานร่วมกับชุดตรวจโควิด-19 ทุกประเภท

Health Passport ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อทำงานร่วมกับชุดตรวจโรคโควิด-19 ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการเก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจในห้องแล็บและการตรวจเลือด ส่วนโซลูชันล่าสุดสำหรับการตรวจโรคอย่างรวดเร็วนั้นจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

“เราใช้วิสัยทัศน์ระดับโลกเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในประเทศต่าง ๆ ด้วยการทำให้โซลูชันตรวจโรคโควิด-19 ที่ดีที่สุดนั้นเป็นที่เข้าถึงได้ทุกคน” Robert Quirke จาก ROQU กล่าว “ในขณะที่การตรวจและวิจัยยังคงเกิดความก้าวหน้า เราต้องการทำให้มั่นใจว่า สังคมและเศรษฐกิจไอร์แลนด์สามารถเข้าถึงโซลูชันตรวจโรคที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ในระดับสูงสุดได้ไม่ยาก”

เขาเสริมว่า “การทดสอบนำร่องนี้มีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า Health Passport ทำงานอย่างไรในสถานการณ์จริงทางธุรกิจและสังคม”

ท่ามกลางการเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนการทดสอบให้กับประชาชน ROQU เปิดเผยว่า การทดสอบแบบเร็วที่ได้รับการออกแบบใหม่สามารถให้โซลูชันที่จำเป็นเพื่อจะหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในกรณีที่ยังไม่มีโซลูชันการทดสอบ Health Passport จะให้การตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีแบบรวดเร็วและการทดสอบแบบ swab test แบบเร็ว ซึ่งจะให้การวินิจฉัยที่มีความแม่นยำสูงในเวลาไม่ถึง 15 นาที โซลูชันการทดสอบถูกออกแบบ ผลิต และทำการทดสอบทางคลินิกในยุโรป

“สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่มั่นคง”

“เราทุกคนต่างรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อธุรกิจและชุมชนนั้นยังไม่มั่นคง” Robert Quirke กล่าว “มีช่องโหว่มากเกินไปในระบบการทดสอบปัจจุบันที่ขัดขวางความสามารถของเราในการทำให้เศรษฐกิจและชีวิตปกติกลับคืนมา ตอนนี้เป็นเวลาที่จะต้องปิดช่องโหว่เหล่านั้นแล้ว”

“แพลตฟอร์มนี้เป็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่เรารอคอย และสามารถเป็นโซลูชันมาตรฐานสำหรับธุรกิจ การท่องเที่ยว การศึกษา การดูแลสุขภาพ การจัดอีเวนต์ และการใช้ชีวิตประจำวัน” คุณ Quirke กล่าว “ในตอนนี้ทุกคนบนแพลตฟอร์ม Health Passport จะเป็นตัวแทนของหนึ่งชีวิตและหนึ่งงานที่ได้รับการปกป้องแล้ว”

ROQU Group ประกาศว่า นอกจากในไอร์แลนด์แล้ว จะมีการใช้แพลตฟอร์ม Health Passport ในสหรัฐ สหราชอาณาจักร อิตาลี เคนยา และเยอรมนี และจะมีใช้ในประเทศอื่น ๆ ตามมา Health Passport ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของ ROQU เพื่อการกุศลและการช่วยเหลือผู้อื่นทั่วโลก

เกี่ยวกับ ROQU GROUP

ROQU Group ก่อตั้งและมีสำนักงานใหญ่ในดับลิน บริษัททำงานร่วมกับรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เพื่อตอบสนองโครงการสำคัญระดับประเทศ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาในทางยุทธศาสตร์

www.healthpassportireland.ie | Instagram | Facebook | YouTube | LinkedIn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1244887/Robert_Quirke_ROQU_Health_Passport.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1244886/Health_Passport_Worldwide_Logo.jpg

Venture Global LNG เผยสถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจี Calcasieu Pass ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากเฮอร์ริเคน “ลอรา”

Venture Global LNG, Inc. มีความยินดีที่จะรายงานว่า สถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจี Calcasieu Pass ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในคาเมรอน รัฐลุยเซียนา ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากเฮอร์ริเคน “ลอรา” ที่ขึ้นฝั่งลุยเซียนาเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ (27 ส.ค.) และเคลื่อนผ่านโครงการโดยตรง จากการเดินสำรวจพื้นที่เกือบทั้งหมดหลังพายุพัดผ่านยืนยันว่าระบบป้องกันพายุ ซึ่งรวมถึงกำแพงล้อมรอบและระบบสูบน้ำ สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ พนักงานของเราและของบริษัทรับเหมาก่อสร้างต่างปลอดภัยทุกคน

Venture Global กำลังร่วมมือกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง Kiewit Louisiana Co. ทำการเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงฟื้นฟูสาธารณูปโภคในโครงการและในคาเมรอน ตลอดจนสนับสนุนการกลับมาทำงานของพนักงานและผู้ชำนาญการ

บ็อบ เพนเดอร์ และ ไมค์ ซาเบล ซีอีโอร่วมของ Venture Global LNG กล่าวว่า “แม้เราจะโล่งใจที่สถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจี Calcasieu Pass ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากเฮอร์ริเคน แต่เราก็ไม่ลืมว่าชุมชนโดยรอบคาเมรอนและเลคชาร์ลส์ต่างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากพายุทรงพลังเป็นประวัติการณ์ลูกนี้ ในฐานะผู้ประกอบการ เราจะประสานงานกับหลายฝ่ายในอีกหลายวันและหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ เพื่อประเมินว่าเราสามารถช่วยฟื้นฟูชุมชนได้อย่างไรบ้าง”

เกี่ยวกับ Venture Global LNG

Venture Global LNG คือผู้จัดจำหน่ายก๊าซแอลเอ็นจีต้นทุนต่ำในระยะยาวจากแหล่งก๊าซธรรมชาติในอเมริกาเหนือที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือพัฒนาสถานีส่งออกก๊าซขนาดรวม 50 ล้านตันต่อปีในรัฐลุยเซียนา ประกอบด้วยสถานีส่งออกก๊าซ Venture Global Calcasieu Pass ขนาด 10 ล้านตันต่อปี ซึ่งกำลังก่อสร้าง ณ บริเวณจุดตัดระหว่างช่องทางเดินเรือแคลคาชูกับอ่าวเม็กซิโก รวมถึงสถานีส่งออกก๊าซ Venture Global Plaquemines LNG ขนาด 20 ล้านตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ โดยตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปีทางตอนใต้ของเมืองนิวออร์ลีนส์ และสถานีส่งออกก๊าซ Venture Global Delta LNG ขนาด 20 ล้านตันต่อปี ซึ่งอยู่ติดกับ Plaquemines LNG และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.venturegloballng.com

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/825434/VENTURE_GLOBAL_LNG_INC___Logo.jpg

Venture Global LNG Reports Minimal Impacts of Hurricane Laura on Calcasieu Pass LNG

Venture Global LNG, Inc. is pleased to report that its Calcasieu Pass LNG facility under construction in Cameron, LA has sustained minimal impacts from Hurricane Laura, which made landfall in Louisiana early this morning and passed directly over the project site. A walk-through inspection of most areas of the site following the storm confirmed that the project site's robust storm protection system, including a perimeter wall and storm water pumping system, performed as designed. Most importantly, all employees and contractor personnel are safe and accounted for.

Venture Global is working with its EPC contractor, Kiewit Louisiana Co., to promptly and safely regain access to the project site and supporting facilities, restore utilities to Cameron and the project site, and incrementally support the return to work of craft and Venture Global personnel.

Bob Pender and Mike Sabel jointly stated, "While we are relieved by the minimal impacts to Calcasieu Pass LNG, we are mindful that the surrounding communities of Cameron and Lake Charles have suffered significant damage from this powerful and historic storm. As a company, we will be communicating with local stakeholders in the days and weeks to come to assess how we can support the community's recovery."

About Venture Global LNG

Venture Global LNG is a long-term, low-cost provider of LNG to be supplied from resource rich North American natural gas basins and is currently constructing or developing 50 MTPA of production capacity in Louisiana. The 10 MTPA Venture Global Calcasieu Pass facility is under construction at the intersection of the Calcasieu Ship Channel and the Gulf of Mexico. The 20 MTPA Venture Global Plaquemines LNG facility is expected to commence construction this year and is located south of New Orleans on the Mississippi River. Venture Global LNG is also developing the 20 MTPA Venture Global Delta LNG facility, adjacent to Plaquemines. More can be found at www.venturegloballng.com.

Logo - https://mma.prnewswire.com/media/825434/VENTURE_GLOBAL_LNG_INC___Logo.jpg

รับสมัครผู้ป่วยเข้าร่วมการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมในการใช้บอลลูนเคลือบยา Sirolimus รักษาโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตันบริเวณใต้เข่าครั้งแรกของโลก

บริษัท Concept Medical Inc. ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์นำส่งยาผ่านทางหลอดเลือด ประกาศรับผู้ป่วยรายแรกเข้าร่วมโครงการทดลอง FUTURE BTK (ย่อมาจาก Randomized Controlled Trial of First SirolimUs CoaTed Balloon VersUs StandaRd Balloon Angioplasty in The TrEatment of Below The Knee Artery Disease)

ผู้ป่วยรายแรกนี้เข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ในสิงคโปร์

FUTURE BTK เป็นโครงการทดลองแบบสุ่ม ควบคุมด้วยยาหลอก อำพรางสองฝ่าย และจัดขึ้นในศูนย์หลายแห่ง โดยมุ่งทดสอบประสิทธิภาพของ MagicTouch PTA ซึ่งเป็นบอลลูนเคลือบยา Sirolimus เมื่อเทียบกับบอลลูนขยายหลอดเลือดทั่วไป ในการรักษาโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตันบริเวณใต้เข่าในผู้ป่วยที่มีภาวะขาขาดเลือดขั้นวิกฤต

การรักษาผู้ป่วยภาวะขาขาดเลือดขั้นวิกฤตต้องทำการขยายหลอดเลือดบริเวณใต้เข่า การให้ยาเฉพาะจุดโดยใช้บอลลูนเคลือบยาระหว่างการขยายหลอดเลือด สามารถช่วยนำส่งยายับยั้งการเจริญของรอยโรคในหลอดเลือดแดง และช่วยป้องกันการเกิดหลอดเลือดตีบซ้ำ โดยบอลลูนเคลือบยา Sirolimus ถือเป็นบอลลูนเคลือบยารุ่นใหม่ และ MagicTouch PTA ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนำส่งและดูดซับยา Sirolimus สู่ผนังหลอดเลือด

นักวิจัยหลักของโครงการ FUTURE-BTK คือ รองศาสตราจารย์ Edward Choke จากแผนกศัลยกรรมทั่วไป (ศัลยกรรมหลอดเลือด) โรงพยาบาล Sengkang General Hospital ประเทศสิงคโปร์

รองศาสตราจารย์ Edward Choke กล่าวว่า “ภาวะขาขาดเลือดขั้นวิกฤตทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องตัดขาหรือเสียชีวิต ปัญหานี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายปีข้างหน้าเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอายุหรือโรคเบาหวาน การขยายหลอดเลือดอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษา แต่มักมีอุปสรรคเนื่องจากอัตราการเกิดหลอดเลือดตีบซ้ำและการขยายหลอดเลือดซ้ำอยู่ในระดับสูงหลังจากขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนแบบดั้งเดิม”

เขากล่าวเสริมว่า “MagicTouch PTA ซึ่งเป็นบอลลูนเคลือบยา Sirolimus ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการรักษาผ่านทางหลอดเลือดที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จสูงสุดในการป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดตีบซ้ำบริเวณใต้เข่า ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ MagicTouch PTA จากการวิจัยขนาดเล็กหลายครั้งก่อนหน้านี้มีแนวโน้มที่ดี แต่ยังต้องได้รับการยืนยันหรือหักล้างต่อไป ผมตั้งตารอที่จะทำการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม FUTURE BTK เพื่อทดสอบว่า MagicTouch PTA จะช่วยเพิ่มอัตราเปิดโล่งของหลอดเลือดบริเวณใต้เข่าในผู้ป่วยภาวะขาขาดเลือดขั้นวิกฤตได้หรือไม่ และหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายของเราที่จะลดการตัดขาให้น้อยลง”

การทดลองนี้จะรับสมัครผู้ป่วย 210 คนที่มีภาวะขาขาดเลือดขั้นวิกฤต Rutherford Class -4 ถึง -6 และจะสุ่มแบ่งกลุ่มผู้ป่วยในอัตราส่วน 2:1 ระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับการขยายหลอดเลือดด้วย MagicTouch PTA หรือบอลลูนขยายหลอดเลือดทั่วไป โดยผลลัพธ์หลักของการทดลองคือ อัตราเปิดโล่งของหลอดเลือด ณ 6 เดือน โดยพิจารณาจากอัตราส่วน Peak Systolic Velocity Ratio (PSVR) ที่ระดับ 2.4 หรือต่ำกว่า

การทดลองนี้มีการอำพรางข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อลดอคติให้เหลือน้อยที่สุด โดยผู้ป่วย ผู้ให้การรักษา ผู้วิจัย และผู้ประเมินผลการทดลอง รวมถึงนักเทคโนโลยีด้านหลอดเลือดที่ทำ Duplex Ultrasond จะไม่ทราบว่าผู้ป่วยคนใดได้รับการรักษาแบบใด และจะมีการติดตามอาการของผู้ป่วยเป็นระยะเวลาสูงสุดสองปี

www.conceptmedical.com

Enrolment initiated in World's First RCT with Sirolimus Coated Balloon for the treatment of Below-the-Knee (BTK) Peripheral Artery Disease

Concept Medical Inc., focused on vascular intervention drug delivery devices, has announced the enrolment of the first patient in the FUTURE BTK trial (Randomized Controlled Trial of First SirolimUs CoaTed Balloon VersUs StandaRd Balloon Angioplasty in The TrEatment of Below The Knee Artery Disease).

The index patient was successfully enrolled on 26th August 2020 in Singapore.

FUTURE BTK is a randomized, double blind, placebo-controlled, multi-center trial. It is aimed at determining the effectiveness of MagicTouch PTA sirolimus coated balloon versus standard balloon angioplasty for the treatment of below the knee arterial disease in critical limb ischemia (CLI) patients.

Treatment of CLI primarily involves revascularization of below the knee arteries using angioplasty. Local drug delivery using drug coated balloons (DCBs) during angioplasty can successfully deliver anti-proliferative drugs to the lesions in the artery, and prevent restenosis. Sirolimus coated balloons are considered to be the next new generation of DCBs, and MagicTouch PTA sirolimus coated balloon offers a solution which optimizes both the deliverability and the absorption of sirolimus into the vessel wall.

The principal investigator of FUTURE-BTK is Associate Professor Edward Choke from the Department of General Surgery (Vascular Surgery) at the Sengkang General Hospital, Singapore.

Associate Professor Edward Choke said, "Critical limb ischemia is a condition which puts patients at an increased risk of limb amputation and death. Its burden is likely to grow in the coming years given the rising trends in key risk factors such as age and diabetes. Effective revascularization is the cornerstone of treatment, but this is often hampered by high rates of restenosis and reintervention after conventional balloon angioplasty."

He added, "The novel MagicTouch PTA sirolimus coated balloon has emerged as one of the most promising transcatheter technologies in preventing restenosis for below-the-knee lesions. The earlier data on the efficacy of MagicTouch PTA from small studies are encouraging but these need to be confirmed or refuted. I look forward to the FUTURE BTK randomized controlled trial, which will test whether the MagicTouch PTA sirolimus coated balloon can improve the patency of below the knee arteries in CLI patients, and this will hopefully bring us closer to our goal of reducing leg amputations."

The trial will enroll 210 patients with Rutherford class-4 to -6 CLI. These subjects will be randomized in 2:1 fashion to receive either MagicTouch PTA or standard balloon angioplasty. Primary outcome will be primary patency at 6 months, defined as duplex peak systolic velocity ratio (PSVR) of 2.4 or less.

The trial is designed to follow a rigorous blinding protocol in order to minimize bias. Patients, care providers, investigators and outcome assessors, including vascular technologists performing the duplex ultrasound, will be blinded to the treatment allocations. The patients will be followed up for two years.

www.conceptmedical.com

Xinhua Silk Road: China's Quanzhou rolls out multiple measures to optimize business environment


Quanzhou City, located in southeast China's Fujian Province, has rolled out a series of measures to optimize business environment.

Quanzhou has been committed to attracting investments. It strives to realize a great breakthrough in industrial investment attraction, with the expected investment amount on newly signed industrial chain projects exceeding 55 billion yuan.

Since the beginning of this year, Quanzhou has made all-out efforts to help enterprises relieve difficulties. The city has tried to improve the mechanism to find out enterprises' needs, established a group of foreign-related lawyers to provide services for enterprises, helped them coordinate the difficulties in employment, meals, materials, financing, sales, tax and fee handling, and issued risk warnings. The reimbursement of unemployment insurance and job stabilization subsidies have been raised from 50 percent to 100 percent.

In the meantime, Quanzhou has tried to optimize the enterprise-related policy implementation mechanism to benefit enterprises. As of the end of July, the city has reduced or exempted a total of 2.045 billion yuan worth of social insurance premiums, provided 4.914 billion yuan of re-lending funding support for 817 enterprises, and reimbursed 276.03 million yuan of unemployment insurance and job stabilization subsidies, which has benefited 2,814 enterprises.

Moreover, Quanzhou strives to improve government services by streamlining administrative approval process in a bid to achieve the goal of "one submission, parallel processing, time-limited settlement and unified delivery."

The municipal administration service center in Quanzhou has set up special offices for "market access, investment and construction, convenience services, and social and people's livelihood" to provide "one-stop" services for enterprises and the general public.

Quanzhou has built a new model of "Internet + government services." The city has tried to optimize online administrative approval system and launched more than 200 self-service machines to provide 24-hour government services for the public.

Locus ได้รับเลือกเป็น Sample Vendor ในรายงาน Gartner Hype Cycle for Transportation Industry 2020

Locus บริษัทระดับโลกผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ B2B ที่ช่วยทำให้การตัดสินใจด้านโลจิสติกส์เป็นอัตโนมัติ ประกาศว่า บริษัทได้รับการยกย่องเป็น Sample Vendor ด้าน Last-Mile Delivery Solutions ในรายงาน "Hype Cycle for Transportation Industry, 2020 [1]" ของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำ

Gartner ระบุในรายงานว่า “โซลูชันเหล่านี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการกำหนดเส้นทางและเวลาแบบเดิมให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการและเปิดให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถควบคุมกระบวนการได้ โดยโซลูชันดังกล่าวส่วนใหญ่จะใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิ่งมาช่วยเร่งความเร็วในการปรับการทำงานให้เหมาะสม ตลอดจนช่วยคาดคะเนเหตุการณ์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วยข้อมูลที่ได้มาแบบเรียลไทม์”

แพลตฟอร์ม Locus ใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งและอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะ เช่น การจัดการเส้นทาง การติดตามแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ การจัดการเวลา การจัดการโกดังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดสรรและใช้งานยานพาหนะ นอกจากนี้ Locus ยังให้ความช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในการปรับเครือข่ายซัพพลายเชนแบบครบวงจรให้เหมาะสมด้วยบริการมอบคำปรึกษาเชิงกลยุทธ์

Locus ทำงานร่วมกับลูกค้าระดับหัวแถวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อเมริกาเหนือ, ยุโรป และอินเดีย มีสำนักงานกระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกา, อินเดีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยบริษัทมีบอร์ดบริหารระดับสูงประกอบด้วย ผู้บริหารจาก Amazon Web Services (AWS), Barclays Capital, Google และ BlueDart (บริษัท DHL ), และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เช่น ศาสตราจารย์จาก Carnegie Mellon University และ University of Illinois เป็นต้น

“การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ Last-Mile Logistic มีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อลูกค้าต่างก็มองว่าเทคโนโลยี Last-Mile Delivery นี้คือสิ่งเดียวที่จะมีผลต่อความสำเร็จของแบรนด์ และในความเป็นจริง เทคโนโลยีดังกล่าวก็คือตัวช่วยที่จะมาสร้างความแตกต่างระหว่างแบรนด์ทั้งหลาย” Nishith Rastogi ซีอีโอของ Locus กล่าว “เราดีใจกับการที่ได้รับยกย่องให้เป็น Sample Vendor ในรายงาน Hype Cycle for Transportation Industry 2020 ของ Gartner ครั้งนี้เป็นอย่างมาก และกำลังเฝ้ารอที่จะได้เห็นโซลูชัน Last-Mile Delivery ของเราอยู่ในรายชื่อโซลูชันที่มอบผลตอบแทนระดับสูง”

นอกจากนี้ Locus ยังได้รับยกย่องเป็น Representative Vendor ในรายงาน "Market Guide for Vehicle Routing and Scheduling" [2] เมื่อเร็ว ๆ นี้

ปัจจุบันบริษัทสามารถระดมทุน 29 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนระดับ tier-1 ซึ่งรวมถึง Tiger Global, Falcon Edge, Blume Ventures, Exfinity Venture Partners & growX และบริษัทอื่น ๆ

สมาชิก Gartner สามารถล็อกอินเพื่ออ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้บนเว็บไซต์

อ้างอิง

[1] Gartner, "Hype Cycle for Transportation Industry, 2020," Ivar Berntz, Venecia Liu, Thierry Kuperman Le Bihan, Pedro Pacheco, 13 August 2020.

[2] Gartner, "Market Guide for Vehicle Routing and Scheduling," Oscar Sanchez Duran, Bart De Muynck, 23 June 2020.

การปฏิเสธความรับผิดของ Gartner

Gartner ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิตหรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานวิจัยของบริษัท และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับสูงสุด รายงานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นของฝ่ายวิจัยของ Gartner และไม่ควรถือว่าเป็นการระบุข้อเท็จจริง Gartner ขอปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์

เกี่ยวกับ Locus

Locus คือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้การตัดสินใจในห่วงโซ่อุปทานเป็นอัตโนมัติ เพื่อการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และต่อเนื่อง

Locus ใช้แมชชีนเลิร์นนิงและอัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะ ได้แก่ การจัดการเส้นทาง การติดตามแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ การจัดการเวลา การจัดการโกดังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดสรรและใช้งานยานพาหนะ โดย Locus ช่วยสนับสนุนการขนส่งกว่า 2 ล้านครั้งต่อวันทั่วเอเชียแปซิฟิก, อนุทวีปอินเดีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.locus.sh

Locus listed as a Sample Vendor in Gartner Hype Cycle for Transportation Industry, 2020

Locus, a global B2B SaaS company that automates human decisions in logistics, today announced its recognition in Gartner's "Hype Cycle for Transportation Industry, 2020 [1]" as a Sample Vendor within the Last-Mile Delivery Solutions category. Gartner is a leading research and advisory company.

"These solutions are adaptations of traditional routing and scheduling, wherein a route could be replanned and a dispatcher would control the process. Many of these solutions use AI and machine learning to speed up the optimization process and predict occurrences and impacts based on real-time information," said Gartner in the research report.

The Locus platform uses deep machine learning and proprietary algorithms to offer smart logistics solutions like route optimization, real-time tracking, insights and analytics, beat optimization, efficient warehouse management, vehicle allocation and utilization. Locus also helps companies optimize their end-to-end supply chain network with its strategic consulting offering.

Locus presently works with top clients across Southeast Asia, North America, Europe, and India. It has offices in the USA, India, Indonesia, and Vietnam. The top management of the company includes executives from Amazon Web Services (AWS), Barclays Capital, Google, and BlueDart (a DHL company), and data scientists with PhDs from the Carnegie Mellon University and the University of Illinois, among others.

"The COVID-19 pandemic has made last-mile logistics all the more important. With increasing customer expectations, last-mile delivery technology will only become more critical for the success of companies, and in fact, will act as a key differentiator between brands," said Nishith Rastogi, CEO, Locus. "We are really happy to be named as a Sample Vendor in Gartner's Hype Cycle for Transportation Industry, 2020, and to see Last-Mile Delivery Solutions receive a 'high' benefit rating."

Locus was also recently identified as a Representative Vendor in the Gartner "Market Guide for Vehicle Routing and Scheduling" report. [2]

The company has so far raised $29 million from tier-1 investors like Tiger Global, Falcon Edge, Blume Ventures, Exfinity Venture Partners & growX ventures, among others.

Gartner subscribers can log in to read the full research on the website.

[1] Gartner, "Hype Cycle for Transportation Industry, 2020," Ivar Berntz, Venecia Liu, Thierry Kuperman Le Bihan, Pedro Pacheco, 13 August 2020.

[2] Gartner, "Market Guide for Vehicle Routing and Scheduling," Oscar Sanchez Duran, Bart De Muynck, 23 June 2020.

Gartner Disclaimer

Gartner does not endorse any vendor, product or service depicted in its research publications, and does not advise technology users to select only those vendors with the highest ratings or other designation. Gartner research publications consist of the opinions of Gartner's research organization and should not be construed as statements of fact. Gartner disclaims all warranties, expressed or implied, with respect to this research, including any warranties of merchantability or fitness for a particular purpose.

About Locus

Locus is a deep-tech platform that automates human decisions in the supply chain to provide efficiency, transparency, and consistency in logistics operations.

The platform uses deep machine learning and proprietary algorithms to offer smart logistics solutions like route optimization, real-time tracking, insights and analytics, beat optimization, efficient warehouse management, vehicle allocation and utilization. Locus powers more than two million deliveries daily across Southeast Asia, the Indian Subcontinent, Europe, and North America. Visit our website to know more!

Crown Equipment นำเสนอที่วางแขนรุ่นใหม่ "D4 Armrest" อุปกรณ์เสริมเพิ่มความสบายในการควบคุมรถยก

ผลิตภัณฑ์ D4 Armrest ของ Crown คว้ารางวัลด้านการออกแบบระดับนานาชาติ


Crown Equipment Corporation หนึ่งในบริษัทผลิตอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุรายใหญ่ที่สุดในโลก นำเสนอที่วางแขน D4 Armrest ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับรถยกถ่วงน้ำหนักแบบนั่งขับรุ่น Crown C-5 Series, Crown FC Series และ Crown SC Series โดยได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสะดวกสบายมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพโดยรวมทั้งหมด และเมื่อไม่นานมานี้ ที่วางแขน D4 Armrest ก็คว้ารางวัล GOOD DESIGNO Award ซึ่งเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงระดับสากลด้านความเป็นเลิศในการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมของ Crown

"นักออกแบบและวิศวกรของ Crown ทำการวิจัยภาคสนามอย่างเข้มข้นเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ดีไซน์ของที่วางแขนรุ่นใหม่มีความเหมาะสมกับบริบทการทำงาน ความต้องการทางสรีรวิทยา และความรู้ความเข้าใจของผู้ปฏิบัติงาน ผลลัพธ์ที่ได้คือที่วางแขนที่ตรงตามหลักการยศาสตร์มากที่สุดในอุตสาหกรรม เพื่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงาน" เดวิด ซัลทานา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Crown Equipment กล่าว "ที่วางแขนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความสบายให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิผล โดยไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานออกกะไปพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในขณะที่ผู้จัดการคลังสินค้าต้องพยายามดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีทักษะท่ามกลางภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน"

D4 Armrest สามารถปรับระดับได้ มีพื้นที่วางแขนกว้างขวาง พร้อมแผ่นรองที่ช่วยดูดซับความชื้นจากแขนของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้เมื่อเริ่มเก่าหรือฉีกขาด นอกจากนั้นยังมีปุ่มกดแตร มือจับแบบบิลท์อิน รวมถึงคันบังคับขึ้น-ลง/เดินหน้า-ถอยหลัง ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมรถยกได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิผลมากขึ้น สำหรับรถยก Crown FC Series และ Crown SC Series ลูกค้าสามารถเลือกออปชันการควบคุมแบบไบออนิกและไฮดรอลิก 4 แบบ ดังนี้

- Fingertip Option สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ควบคุมรถยกโดยเคลื่อนไหวมือน้อยและรวดเร็ว โดยผสมผสานฟังก์ชันไฮดรอลิกใช้งานง่าย ได้แก่ คันบังคับทิศทางด้วยนิ้วโป้งที่ควบคุมง่ายไม่แข็ง พร้อมที่รองข้อมือ
- Dual-lever Option สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ใส่ถุงมือหนาเพราะต้องทำงานในห้องแช่แข็ง โดยมาพร้อมคันบังคับทิศทางแบบใช้นิ้ว และคันโยกควบคุมแบบหลายแกนสองคันโยก
- Mini-lever Option สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ต้องควบคุมด้วยความแม่นยำและใช้วิธีควบคุมหลายวิธี (ใช้นิ้ว ใช้มือจับ ฯลฯ) โดยสามารถปรับได้ตามความต้องการใช้งานของผู้ปฏิบัติงาน
- Combination Option สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ Dual-lever Option มากที่สุด แต่ก็ต้องการใช้งานฟังก์ชันควบคุมไฮดรอลิกเช่นกัน

พร้อมกันนี้ บริษัทยังนำเสนอ Work Assist(R) Organisers ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมสำหรับรถยกถ่วงน้ำหนักแบบนั่งขับ โดยเป็นอุปกรณ์จัดเก็บที่มีให้เลือกสามแบบ ได้แก่ 1 ช่อง, 3 ช่อง และคลิปบอร์ดแม่เหล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพการทำงาน

เกี่ยวกับ Crown Equipment Corporation

Crown คือหนึ่งในบริษัทผลิตอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับรางวัล เทคโนโลยีและวิศวกรรมขั้นสูง ตลอดจนบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ ปรัชญาธุรกิจของ Crown คือการใช้กระบวนการบูรณาการแนวตั้งในการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและพร้อมตอบโจทย์อนาคต เพื่อเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับลูกค้า Crown ผลิตรถยกหลากหลายแบบ รวมทั้งเทคโนโลยีการจัดการฝูงพาหนะและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ

บริษัทมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกตั้งอยู่ที่เมืองนิวเบรเมน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอยู่ในออสเตรเลีย จีน เยอรมนี และสิงคโปร์ บริษัทมีพนักงานมากกว่า 16,100 คนทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายบริการและจัดจำหน่ายที่ประกอบด้วยร้านค้าปลีกมากกว่า 500 แห่ง ในกว่า 80 ประเทศ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดของ Crown ในการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ที่ crown.com



Yahsat ยกระดับศักยภาพยุคหน้าของ Thuraya ด้วยสัญญามูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

- Airbus ได้รับเลือกให้สร้าง 'Thuraya 4-NGS' ระบบสื่อสารทางไกลเคลื่อนที่ L-band ยุคใหม่

- ระบบแห่งอนาคตที่จะมาขยายความครอบคลุม เพิ่มความเร็ว พร้อมผลิกโฉมผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้เปลี่ยนไปจากเดิม

- การลงทุนจะเสริมสร้างความเป็นผู้นำของ Yahsat และ Thuraya ในอุตสาหกรรมสำหรับโซลูชันการพาณิชย์และรัฐบาลทั่วภูมิภาค EMEA และ APAC


Airbus ได้รับเลือกจาก Al Yah Satellite Communications Company (Yahsat) โอเปอเรเตอร์ดาวเทียมชั้นนำของโลกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้สร้าง Thuraya 4-NGS ระบบสื่อสารทางไกลเคลื่อนที่ยุคใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ L-band ของ Thuraya โดย Thuraya 4-NGS จะมอบขีดความสามารถและความยืดหยุ่นที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มศักยภาพและความครอบคลุมทั่วยุโรป, แอฟริกา, เอเชียกลางและตะวันออกกลาง เปิดประตูโซลูชันการเคลื่อนที่ยุคหน้าสำหรับลูกค้าทุกเซกเมนต์ รวมทั้งการป้องกันประเทศ หน่วยงานรัฐบาล และองค์กรธุรกิจ

นี่คือหลักไมล์สำคัญในความมุ่งมั่นของ Yahsat ที่จะทรานส์ฟอร์ม Thuraya และพัฒนาระบบรุ่นใหม่ซึ่งจะทำให้เกิดแพลตฟอร์มอวกาศและภาคพื้นที่สมบูรณ์แบบ นำไปสู่บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันชุดใหม่ ด้วยพื้นที่ครอบคลุมที่กว้างขึ้น ขีดความสามารถใหม่นี้จะขับเคลื่อนความเป็นผู้นำในไลน์ผลิตภัณฑ์ทางยุทธศาสตร์มากมาย เช่น โซลูชันทะเล, IoT และข้อมูล ซึ่งจะมอบศักยภาพด้านปริมาณงานที่กว้างขึ้นและความเร็วสูงสุดในตลาด ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งของ Thuraya ในตลาดเสียง MSS

ระบบยุคใหม่ของ Thuraya จะมอบโอกาสแก่ลูกค้า, พาร์ทเนอร์บริการ, ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และผู้บูรณาการ ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ทั้งในภาคพื้น ทะเล และอากาศ เพื่อสนับสนุนเซกเมนต์ลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงรัฐบาล ผู้บริโภค และองค์กร

ยิ่งไปกว่านั้น พอร์ตโฟลิโอโซลูชันอันล้ำสมัยที่สนับสนุนผู้ใช้ในรัฐบาลและหน่วยงานป้องกันประเทศยังจะช่วยเร่งความเป็นผู้นำของ Thuraya ในตลาดนี้ ทั้งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ภูมิภาค และทั่วโลก ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดที่มีอยู่ก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากเซกเมนต์อวกาศและภาคพื้นของ Thuraya ซึ่งช่วยให้บริการมีความต่อเนื่องในระหว่างหรือหลังกระบวนการทรานส์ฟอร์ม

สัญญาล่าสุดจาก Yahsat ทำให้มูลค่าการลงทุนจนถึงตอนนี้เพิ่มสูงเป็นกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วยให้มองเห็นอนาคตที่สดใสมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการเลือกดำเนินการกับ Airbus ในการสร้าง Thuraya 5-NGS (ดาวเทียมผลิตใหม่เพิ่มเติมรุ่นเดียวกับ Thuraya 4-NGS) เพื่อขยายความครอบคลุมและขีดความสามารถในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Khaled Al Qubaisi ประธานบอร์ดบริหาร Yahsat และซีอีโอของ Mubadala's Aerospace, Renewables & ICT กล่าวว่า “สัญญามูลค่ากว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ขับเคลื่อนโดย Mubadala เป็นเครื่องยืนยันตำแหน่งของเราในฐานะผู้นำ ผู้บุกเบิก และผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด เรากำลังสรรสร้างระบบนิเวศดาวเทียมที่มีความยืดหยุ่นและอเนกประสงค์เพื่อมารองรับการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต และ Thuraya 4-NGS ก็ถือเป็นหลักไมล์สำคัญในภารกิจเราที่ต้องการจัดหาโซลูชันดาวเทียมทันสมัยในราคาที่เอื้อมถึง ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย ที่อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน

Ali Al Hashemi ซีอีโอ Thuraya และผู้จัดการทั่วไปของ Yahsat Government Solutions (YGS) กล่าวเสริมว่า “Thuraya 4-NGS เป็นตัวแทนการพัฒนาขีดความสามารถด้าน L-band ที่สำคัญของเรา อันจะช่วยให้เกิดโซลูชัน FSS/MSS ที่ใช้งานได้กว้างขึ้นสำหรับลูกค้า Thuraya และ YGS นี่คือสิ่งสำคัญในการส่งมอบโซลูชันการป้องกันประเทศที่เหนือกว่า เช่น การสื่อสารในสมรภูมิ สำหรับผู้ใช้รัฐบาล ขณะเดียวกันก็มอบพอร์ตโฟลิโอ MSS ที่สมบูรณ์แก่ลูกค้าของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนพาร์ทเนอร์ทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตสู่ขั้นต่อไป”

Jean-Marc Nasr ผู้บริหาร Airbus Space Systems กล่าวว่า “การต่อยอดความสัมพันธ์กับ Yahsat ที่สามารถย้อนกลับไปได้กว่า 10 ปีนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ถึงนวัตกรรมและความยอดเยี่ยมทางวิศวกรรมของดาวเทียมวงโคจรของ Airbus นอกจากนี้ Thuraya 4-NGS ยังได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเราที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการปรับตัวในวงโคจร โครงการใหม่ของ Yahsat ได้เสริมตำแหน่งของ Airbus Defence and Space ในฐานะหมายเลขหนึ่งของโลกในด้านดาวเทียมขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า”

Thuraya 4-NGS บน Airbus Eurostar Neo Platform ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด จะรวมเข้ากับเสา L-band 12 เมตร และความจุการประมวลผลที่มีความยืดหยุ่นถึง 3,200 ช่องทาง ด้วยการแบ่งพลังงานกระจายในหลายย่าน โดยมีกำหนดใช้งานในปี 2567



Yahsat Boosts Thuraya’s Next Generation Capabilities With a Commitment Of Over Us$500 Million

- Airbus selected to build 'Thuraya 4-NGS,’ the next generation L-band mobile telecommunication system

- Future system will expand coverage, boost speeds, and transform products and solutions

- Investment will reinforce Yahsat’s and Thuraya’s leadership in the industry for commercial and government solutions across the EMEA and APAC regions


Airbus has been selected by Al Yah Satellite Communications Company (Yahsat), the UAE’s leading global satellite operator, to build Thuraya 4-NGS, the next generation mobile telecommunications system that will drive the continued advancement of Thuraya’s L-band business. Thuraya 4-NGS will deliver higher capabilities and flexibility while increasing capacity and coverage across Europe, Africa, Central Asia and the Middle East, enabling next generation mobility solutions for all customer segments, including defense, government and enterprise.

This is a major milestone in Yahsat’s commitment towards transforming Thuraya and rolling out its next-generation system, which entails a complete overhaul of its space and ground platforms, enabling a new set of services, products and solutions, across a greater coverage area. The new capabilities will drive leadership across many strategic product lines, such as maritime, IoT, and data solutions offering a wide spectrum of throughput capabilities and the highest speeds available in the market, while reinforcing Thuraya’s strengths in the MSS voice market.

Thuraya’s next generation system will provide a world of opportunities to customers, service partners, hardware manufacturers and integrators, enhancing user experience across land, sea and air to support multiple customer segments, including government, consumer and enterprise.

Furthermore, an advanced portfolio of solutions to support government and defense users will accelerate Thuraya’s leadership in this market, both within the UAE, regionally and globally. Meanwhile, all existing products and services will continue to be supported by Thuraya’s space and ground segments, enabling service continuity during and after the transformation programme.

This latest commitment from Yahsat takes its total committed investment to date to well over US$500 million, and more is anticipated in the coming years, including an option with Airbus to build Thuraya 5-NGS (an additional satellite identical to Thuraya 4-NGS), strengthening its coverage and capabilities across the Asia Pacific region.

Khaled Al Qubaisi, Chairman of Yahsat’s Board of Directors and CEO of Mubadala’s Aerospace, Renewables & ICT stated, “The half a billion US dollar commitment, underscores our position as a market leader, pioneer and disruptor. We are creating a multipurpose and flexible satellite ecosystem that is attuned for growth and future diversification and Thuraya 4-NGS is a key milestone in our ongoing mission to provide advanced yet affordable satellite solutions with levels of performance, reliability and security at the leading edge of today’s technology.”

Ali Al Hashemi, CEO of Thuraya and General Manager of Yahsat Government Solutions (YGS) continued, “Thuraya 4-NGS represents a significant evolution of our L-band capabilities, enabling a wider range of interoperable FSS/MSS solutions for Thuraya and YGS customers. This will be critical in delivering superior defense solutions, such as battlefield communications, to our government users, while offering a complete MSS portfolio to all of our current and future customers and partners to drive the next phase of innovation and growth.”

Jean-Marc Nasr, Head of Airbus Space Systems said, “Building on a relationship with Yahsat that dates back more than 10 years, our selection is testament to the innovation and engineering excellence of Airbus’ geostationary satellites. Thuraya 4-NGS, as well as being electric, will also benefit from our latest processed payload technology giving increased flexibility and adaptability over the course of its life in orbit. Yahsat’s new project reinforces Airbus Defence and Space’s position as the world’s number one in electric propulsion satellites.”

Based on the state-of-the-art all-electric Airbus Eurostar Neo Platform, Thuraya 4-NGS will incorporate a large 12-metre L-band antenna and a payload with on-board processing providing advanced routing flexibility of up to 3200 channels with dynamic power allocation over a large number of spot beams. It is scheduled for operation in 2024.