- FarEye เร่งขยายธุรกิจทั่วโลกในขณะที่องค์กรต่าง ๆ เดินหน้าพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
FarEye แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์โลจิสติกส์ชั้นนำที่สามารถทำนายและติดตามสถานะการขนส่งได้อย่างโปร่งใสชัดเจน ประกาศระดมทุนเพิ่มอีก 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบ Series D จากกลุ่มนักลงทุนที่นำโดย The Fundamentum Partnership ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับบริษัทเทคโนโลยีระยะกลางจากอินเดีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจชื่อดังอย่าง นานดาน นิเลกานี และ ซานจีฟ อักการ์วาล และ KB Global Platform Fund บริษัทด้านการลงทุนชั้นนำจากเกาหลี โดยเงินทุนก้อนนี้จะช่วยให้ FarEye สามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลกได้เร็วขึ้น เพื่อรองรับการพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สู่ระบบดิจิทัล ตลอดจนรองรับความต้องการขององค์กรและผู้บริโภคที่อยากได้รับประสบการณ์การขนส่งสินค้าที่รวดเร็วขึ้น สะดวกสบายขึ้น และมีความโปร่งใสในระดับสูง โดยห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์เหล่านี้
FarEye ทำงานร่วมกับลูกค้าองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมห่วงโซ่อุปทานและมอบประสบการณ์การขนส่งอันเหนือชั้นให้แก่ลูกค้า โดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของบริษัทช่วยเปลี่ยนวิธีการขนส่ง การติดตามสถานะ และการเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายสินค้าให้อยู่ในรูปของระบบดิจิทัล ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์พร้อมกับสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
คูชาล นาฮาตา ซีอีโอของ FarEye กล่าวว่า "แรงสนับสนุนและความไว้วางใจจากนักลงทุน ลูกค้า และหุ้นส่วนของเรา ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับแพลตฟอร์มโลจิสติกส์เพื่อแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงลูกค้า และสิ่งแวดล้อม เราเล็งเห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจต่างต้องการติดตามสถานะการขนส่งได้อย่างโปร่งใสชัดเจนแบบเรียลไทม์เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และด้วยเม็ดเงินที่ได้มาล่าสุดนี้ เราจะเดินหน้าลงทุนบ่มเพาะบุคลากรมากความสามารถทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคเหล่านี้ ทั้งนี้ ด้วยปณิธานในการผลักดันให้ FarEye เป็นหนึ่งในองค์กรที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากที่สุดในโลก เราจึงมุ่งมั่นทำให้ทุกการขนส่งน่าพึงพอใจสำหรับผู้บริโภค"
ซานจีฟ อักการ์วาล ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundamentum กล่าวถึงการลงทุนครั้งนี้ว่า "การลงทุนด้านโลจิสติกส์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกประเทศ FarEye สามารถจับจังหวะของอุตสาหกรรมนี้และมีทรัพยากรเพียบพร้อมในการก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลก ผมเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท และทีมงานของบริษัทก็มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ FarEye ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์"
นับเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่ FarEye สามารถระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก ส่งผลให้บริษัทได้รับเงินทุนรวม 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงขณะนี้ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา FarEye ระดมทุนได้ 24.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบ Series D จากกลุ่มนักลงทุนนำโดย M12 (กองทุนร่วมลงทุนของ Microsoft) ร่วมด้วย Eight Roads Ventures, Honeywell Ventures และนักลงทุนรายเดิมอย่าง SAIF Partners
FarEye มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการชูสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการขยายธุรกิจไปทั่วโลก เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้แต่งตั้ง อามิต แบกกา ผู้คร่ำหวอดในวงการจากบริษัท Blue Yonder ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ ในขณะที่ FarEye กำลังรุกขยายธุรกิจทั่วโลก คุณแบกกาได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ภาคสนามในสิงคโปร์ พร้อมกับลงทุนพัฒนาทีมขาย ทีมบริการ ทีมโซลูชัน และทีมสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้า ตลอดจนเร่งลงทุนขยายธุรกิจไปยังทวีปยุโรปและอเมริกา
คิมชอนซู กรรมการผู้จัดการ (หัวหน้ากลุ่มลงทุนสากล) ของ KB Investment กล่าวว่า "โลจิสติกส์คือส่วนสำคัญของเศรษฐกิจทุกประเทศ แต่ก็เป็นภาคส่วนที่ยากต่อการพัฒนา เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ FarEye ในการช่วยให้ลูกค้าองค์กรอย่างเช่น DHL และ Walmart สามารถติดตามสถานะการขนส่งได้อย่างโปร่งใสชัดเจนและยืดหยุ่น ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายเพื่อจัดการทุกขั้นตอนของการขนส่ง เงินทุนก้อนใหม่จะช่วยให้ทีมงานของ FarEye สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าองค์กร ด้วยการดึงผู้ที่มีความสามารถจากทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งท้ายที่สุดจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพด้านการทำนายและการให้บริการลูกค้า เราหวังว่าจะได้ทำประโยชน์ให้กับลูกค้าองค์กรทั่วโลกทั้งในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิดและหลังจากนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การขนส่งอย่างราบรื่นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อธุรกิจ เราประทับใจอย่างยิ่งกับการตอบสนองของ FarEye ต่อสถานการณ์โรคระบาด ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์โลจิสติกส์"
No comments:
Post a Comment