Tuesday, August 31, 2021

Chery, China's Leading Auto Brand, is Making an Official Entry Into Thailand

According to the data recently released by China Association of Automobile Manufacturers (CAAM), among the top 15 Chinese brand automobile sales from January to June, Chery is ranked first with a year-on-year growth rate of 80.4%, above the industry’s average growth rate of 25.6%. Meanwhile, Chery’s sales hit a new record: more than 420,000 vehicles (around 120,000 exported vehicles) to achieve a year-on-year increase of 168.4%. The export volume in the first half of the year has exceeded that of last year. As a leading automaker in China, Chery is now moving into Thailand.

Known as “Technology Chery”, Chery adheres to independent R&D and is the first Chinese auto brand with the ability to master core technologies of internal combustion engine, automatic transmission, chassis, etc., with 6 engines are awarded as China’s top 10 Engines. Chery has developed in-depth strategic cooperation with Huawei and other global leading technology enterprises to jointly develop future-oriented intelligent vehicles. At present, L2.5 autonomous driving technology has launched on the market, and L4 highly autonomous driving technology will be realized in 2025. Since 1999, Chery has started independent new energy technology R&D. The leader of mini BEVs – EQ1 is the first self-developed lightweight BEV with aluminum body in China.

Chery is the strongest Chinese automobile brand in the global market and the first Chinese automobile company to export vehicles, CKD parts, engines, vehicle manufacturing technology and equipment to the world. 2021 marks the 20th year of Chery’s global strategy. Chery has exported vehicles to more than 80 countries and regions, and has set up 10 overseas factories, more than 1,500 overseas distributors and service outlets, with 9.5 million users worldwide, ranking first in the number of passenger cars exported from China for 18 consecutive years.

As the most popular Chinese auto brand in In Europe, South America, the Middle East, Africa and other markets, Chery will kick-start Thai sales with focus on Chery’s manufacturing and export to ASEAN. Chery is making an official entry into Thailand with a new investment-operation mode. Smarter products and more convenient services will bring a new car experience “LIFE PLUS” to Thai consumers. Meanwhile, Chery will accelerate the development trend of new energy vehicles in Thailand and upgrade the Thai auto industry.

Photo – https://mma.prnewswire.com/media/1604255/image.jpg

Organ transplants fell by a third worldwide during first wave of COVID-19 pandemic, new study presented at ESOT Congress 2021 shows

The number of solid organ transplants performed during the first wave of COVID-19 in 2020 plunged by 31% compared to the previous year, according to a new global study presented at the European Society for Organ Transplantation (ESOT) Congress 2021.

According to modelling calculations, the slowdown in transplants resulted in more than 48,000 years of patient life loss.

The research leveraged data from 22 countries and revealed major variations in the response of transplant programmes to the COVID-19 pandemic, with transplant activity dropping by more than 90% in some countries.

Kidney transplantation showed the largest reduction across nearly all countries during 2020 compared to 2019, with the study finding a decrease in living donor kidney (-40%) and liver (-33%) transplants. For deceased donor transplants, there was a reduction in kidney (-12%), liver (-9%), lung (-17%) and heart (-5%) transplants.

The research, published today in the Lancet Public Health, highlighted how some countries managed to sustain the rate of transplant procedures whilst others experienced serious reductions in the number of transplants compared to the previous year and, in some areas, living donor kidney and liver transplantation ceased completely. Overall, there was a strong temporal association between increased COVID-19 infection rate and reductions in deceased and living solid organ transplants.

Dr Olivier Aubert, lead author of the study, commented, "The first wave of COVID-19 had a devastating impact on the number of transplants across many countries, affecting patient waiting lists and regrettably leading to a substantial loss of life."

Professor Alexandre Loupy, head of the Paris Translational Research Center for Organ Transplantation and study author, furthered, "Living donor transplantation, which reduced more substantially, requires significant resources and planning compared to deceased donors. This is extremely difficult during a pandemic and there are also major ethical concerns for the safety of the donor."

"It's clear that there are many indirect deaths associated with COVID-19 and our study confirms that the pandemic has far-reaching consequences on many medical specialties."

The estimated numbers of life-years lost were 37,664 years for patients waitlisted for a kidney, 7,370 for a liver, 1,799 years for a lung, and 1,406 for a heart, corresponding to a total 48,239 life-years lost.


ผลวิจัยในงาน ESOT Congress ประจำปี 2564 เผยโควิด-19 ระบาดรอบแรกทำให้ยอดปลูกถ่ายอวัยวะทั่วโลกในปี 2563 ลดลง 31%

ผลการวิจัยที่รวบรวมข้อมูลจากทั่วโลกซึ่งเผยแพร่ในงานประชุม European Society for Organ Transplantation (ESOT) Congress ประจำปี 2564 ระบุว่า ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกในปี 2563 ยอดการปลูกถ่ายอวัยวะแบบเป็นชิ้นส่วนลดลง 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

จากการคำนวณด้วยโมเดลคณิตศาสตร์ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในการปลูกถ่ายอวัยวะได้ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยมีจำนวนปีที่สูญเสียไปก่อนวัยอันควรราว 48,000 ปี

การวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจาก 22 ประเทศ และแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมากในแนวทางการรับมือกับโควิด-19 ของการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศต่างๆ โดยมีบางประเทศที่ยอดการปลูกถ่ายอวัยวะลดลงกว่า 90%

การปลูกถ่ายไตมียอดปลูกถ่ายลดลงมากที่สุดในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับทุกประเทศ โดยผลวิจัยพบว่า ยอดการบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตลดลง 40% สำหรับไตและ 33% สำหรับตับ ส่วนยอดปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้เสียชีวิตนั้น พบว่าลดลง 12% สำหรับไต, 9% สำหรับตับ, 17% สำหรับปอด และ 5% สำหรับหัวใจ

นอกจากนี้ ผลการวิจัยดังกล่าวยังได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Lancet Public Health โดยชี้ให้เห็นแนวทางที่บางประเทศใช้เพื่อให้สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะต่อไปได้ด้วยอัตราเดิม ในขณะที่บางประเทศกลับมียอดการปลูกถ่ายอวัยวะน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมถึงบางพื้นที่ที่ไม่มีการบริจาคไตและตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิตเลย โดยรวมแล้วผลวิจัยพบว่า มีความเชื่อมโยงในแง่เหตุการณ์ก่อนและหลัง ระหว่างอัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น และยอดการปลูกถ่ายอวัยวะแบบเป็นชิ้นส่วนที่ลดลงในภายหลัง ไม่ว่าจะมาจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตหรือผู้เสียชีวิต

ดร. Olivier Aubert หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า "การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกสร้างความเสียหายรุนแรงต่อกระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะในหลายๆ ประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ ทั้งยังนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ป่วยจำนวนมาก"

ศาสตรจารย์ Alexandre Loupy ผู้อำนวยการศูนย์ Paris Translational Research Center for Organ Transplantation และผู้ร่วมวิจัย กล่าวเสริมว่า "การปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ซึ่งมีจำนวนลดลงอย่างมาก ต้องใช้ทรัพยากรและการวางแผนมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้เสียชีวิต และมีความยุ่งยากซับซ้อนอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งยังมีประเด็นทางจริยธรรมเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้บริจาคอวัยวะด้วย"

"เห็นได้ชัดว่ามีการเสียชีวิตมากมายที่เป็นผลโดยอ้อมจากโควิด-19 และงานวิจัยของเราก็ได้ยืนยันว่า การแพร่ระบาดของโรคครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการแพทย์หลายแขนง"

จำนวนปีที่สูญเสียไปก่อนวัยอันควรของผู้เสียชีวิตที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะอยู่ที่ 37,664 ปีสำหรับไต, 7,370 ปีสำหรับตับ, 1,799 ปีสำหรับปอด และ 1,406 ปีสำหรับหัวใจ รวมทั้งหมด 48,239 ปี

Walkers ขยายบริการวิชาชีพเฉพาะด้านระดับแนวหน้าของตลาดไปยังหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน

 Walkers บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการด้านกฎหมายและบริการวิชาชีพเฉพาะด้าน ประกาศว่า Walkers Professional Services (WPS) ได้ขยายการดำเนินงานไปยังหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน โดยในช่วงปีที่ผ่านมา WPS ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากเพื่อนำเสนอบริการด้านการสนับสนุนองค์กร บรรษัทภิบาล การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ และการดูแลผลประโยชน์ ให้แก่ลูกค้าที่เป็นบริษัทและสถาบันในศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลก

กฎข้อบังคับระหว่างประเทศและภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ร่วมตลาดมีความต้องการด้านการจัดการความเสี่ยงมากขึ้น โดยต่างต้องการผู้ให้บริการด้านกฎหมาย การดูแลผลประโยชน์ และการสนับสนุนองค์กรแบบครบวงจร ด้วยเหตุนี้ WPS จึงร่วมมือกับ Walkers เพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ตลอดจนขยายการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ลูกค้าด้วยความราบรื่น

การลงทุนของ WPS ในด้านเทคโนโลยีและกระบวนการ ช่วยให้ลูกค้าสามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับได้อย่างสมบูรณ์ โดยความสำเร็จของบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน เบอร์มิวดา ไอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกิดขึ้นได้ด้วยการตอบสนองอย่างทันท่วงทีของทีมงานและการใช้แอปพลิเคชันดิจิทัล ซึ่งเป็นโมเดลที่ WPS จะนำมาใช้ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินเช่นกัน นอกจากนี้ บริการของ WPS ยังสอดรับกับแนวทางปฏิบัติด้านการกำกับดูแลและการให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงระดับแนวหน้าของตลาด ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากทั้งในด้านบริการทางการเงิน ประกัน และฟินเทค ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าเกี่ยวกับการกำกับดูแลในด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุม

Steven Manning ซีอีโอของ Walkers Professional Services กล่าวว่า "ลูกค้าได้บอกกับเรามานานแล้วว่าอยากให้ขยายบริการของ WPS ไปยังหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และหนึ่งแรงผลักดันสำคัญของการดำเนินการครั้งนี้ก็คือ การที่ลูกค้าสถาบันในยุโรปและเอเชียต้องการบริการวิชาชีพเฉพาะด้านแบบบูรณาการที่มีคุณภาพสูงของ WPS เพิ่มมากขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในอุตสาหกรรมบริการวิชาชีพเฉพาะด้านในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน โดยเราจะเพิ่มและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถพร้อมทั้งให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า"

การขยายธุรกิจไปยังหมู่เกาะบริติชเวอร์จินสะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ Walkers ในการทำธุรกิจในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านบริการทางการเงิน ทั้งยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในแง่ของการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานองค์กรที่พัฒนาอย่างดี

เกี่ยวกับ Walkers และ WPS

Walkers เป็นบริษัทกฎหมายระหว่างประเทศชั้นนำ เรานำเสนอบริการด้านกฎหมาย การสนับสนุนองค์กร การดูแลผลประโยชน์ และการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับให้แก่สถาบันการเงิน, ธนาคารเพื่อการลงทุน, ผู้ร่วมตลาดทุน, บริษัท Fortune 500, ผู้จัดหาแหล่งเงินกู้, ผู้ระดมทุนและผู้จัดการการลงทุน, บริษัทกฎหมายกลุ่ม Magic Circle และ AmLaw 100, สำนักงานบัญชี, คู่ค้าบริษัท, บริษัททรัสต์ และผู้ดูแลผลประโยชน์อื่น ๆ

Walkers Professional Services (WPS) นำเสนอบริการสนับสนุนองค์กร บรรษัทภิบาล การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ และการดูแลผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้าที่เป็นบริษัทและสถาบันในศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลก WPS ส่งมอบความเชี่ยวชาญและความคุ้มค่าทางการเงินระดับแนวหน้าของตลาดด้วยทีมผู้ให้บริการด้านกฎหมายและวิชาชีพเฉพาะด้านแบบครบวงจร ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย

Walkers Expands Market Leading Professional Services to the BVI

 Leading provider of legal and professional services, Walkers, has announced that Walkers Professional Services (WPS) is expanding its operations to the British Virgin Islands (BVI). In the past year, WPS has made a number of strategic senior hires with a core focus on providing corporate, corporate governance, regulatory compliance and fiduciary services to corporate and institutional clients across global financial centres.

The increase in international and domestic regulation has led to a flight to quality for many market participants gravitating towards service providers with integrated legal, fiduciary and corporate services offerings. In conjunction with Walkers, WPS can provide the necessary infrastructure and scale to comfortably navigate ever-increasing regulatory demands on behalf of its client base.

WPS' investment in technology and process driven applications ensures that clients are in compliance with regulatory requirements. The firm's success in the Cayman Islands, Bermuda, Ireland and the UAE is driven by the responsiveness of its teams and use of digital applications, a model that WPS will replicate in the BVI. The WPS service offering is also fully aligned with Walkers' market leading Regulatory and Risk Advisory practice, which is made up of multiple experts in the financial services, insurance and fintech sectors, and who advise clients on a comprehensive range of regulatory matters.

Steven Manning, CEO of Walkers Professional Services, states, "Our clients have long told us that they would value the expansion of WPS' service offering to include the BVI. One of the main drivers for this move is the increasing demand we are seeing from our institutional client base in Europe and Asia in particular for the kind of high quality, integrated professional services that WPS provides. We intend to be a major force in the professional services industry in the BVI, growing and developing talent in the jurisdiction while providing outstanding client service."

The move into the BVI market signals Walkers' ongoing commitment to the jurisdiction. The BVI is a leading centre for financial services and is internationally recognised for its robust regulatory regime and well-developed corporate infrastructure.

About Walkers & WPS

Walkers is a leading international law firm. We provide legal, corporate, fiduciary and compliance services to global financial institutions, investment banks, capital markets participants, Fortune 500 corporations, arrangers, promoters and managers, Magic Circle and AmLaw 100 law firms, accounting firms, partnerships, trust companies and other fiduciaries.

Walkers Professional Services (WPS) is a leading provider of corporate, corporate governance, regulatory compliance and fiduciary services to corporate and institutional clients across global financial centres. WPS delivers market leading expertise and value for spend through its unique integrated legal and professional services team and state of the art technology.

Adyen launches Score with GoFundMe — a machine learning tool to easily identify malicious platform users

Adyen (AMS: ADYEN), the global payments platform of choice for many of the world's leading companies, today launched Score. The company is first-to-market with a machine learning driven solution on a single platform for signaling irregular activity and monitoring platform compliance. By leveraging data insights analyzing the platform merchant's data and flagging unusual platform user behavior, Score helps Adyen's merchants prevent misuse of the platform. As Score provides insights via a broad set of risk signals, the feature is of significant support for platform merchants' compliance procedures. By improving effectiveness and reducing time spent on platform user security reviews, Score increases operational scalability for platforms.


Score is the newest addition to the company's offering for platforms. GoFundMe, the global online fundraising platform, is one of Adyen's first merchants to implement Score during the past six months.


"Score has helped us to provide the best service we can to help as many people as possible - while also ensuring our customers trust that GoFundMe is keeping them safe and protected," said Matthew Murray, Director of Risk & Compliance at GoFundMe. "We are constantly adopting the best tools to ensure we have a full and accurate picture of our risk profile, so we were pleased to be the first to try this new Score solution." 


"This is where tech and compliance meet - we're very excited about the launch of Score, as we are now able to support our platform merchants in platform user fraud and integrity monitoring. Reducing risk is a top priority for platform businesses", said Mariette Swart, CLCO of Adyen. "The feature puts our merchants in full control by offering a solution that never stops learning."


For more product information on Score, see here: https://www.adyen.com/our-solution/marketplaces-and-platforms


About Adyen

Adyen (AMS: ADYEN) is the payments platform of choice for many of the world's leading companies, providing a modern end-to-end infrastructure connecting directly to Visa, Mastercard, and consumers' globally preferred payment methods. Adyen delivers frictionless payments across online, mobile, and in-store channels. With offices across the world, Adyen serves customers including Facebook, Uber, Spotify, Casper, Bonobos and L'Oreal. Adyen continuously improves and expands its product offering as part of its ordinary course of business. New products and features are announced via press releases and product updates on the company's website.


About GoFundMe

Founded in 2010, GoFundMe is the largest global fundraising platform that empowers people to give and receive help. Since then, more than $15 billion from over 200 million donations has uplifted those with needs and dreams, while making an impact at scale. GoFundMe is building a global support system that creates an opportunity for everyone to thrive.


Logo - https://mma.prnewswire.com/media/1490851/Logo__Adyen_green_RGB_Logo.jpg


Next.e.GO ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเยอรมนี ประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 57 ล้านดอลลาร์

 Next.e.GO Mobile SE บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเยอรมนี ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับขับขี่ในเมืองที่มีราคาย่อมเยาและมีความยั่งยืนโดยอาศัยเทคโนโลยีและโรงงานขนาดเล็กสุดล้ำของบริษัท ประกาศว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท นั่นคือ nd Industrial Investments B.V. ซึ่งอยู่ในเครือบริษัทไพรเวทอิควิตี้ nd Group B.V. ประสบความสำเร็จในการปิดระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 57 ล้านดอลลาร์

การระดมทุนรอบนี้ได้รับการสนับสนุนทั้งจากนักลงทุนรายเดิมและรายใหม่ ส่งผลให้ e.GO สามารถเร่งเดินหน้าพลิกโฉมการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในเมือง ด้วยการยกระดับการผลิตรถ e.GO Life รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนารถรุ่นใหม่ ๆ และนำเสนอบริการใหม่ให้แก่ลูกค้า เช่น บริการสลับแบตเตอรี่ เป็นต้น  

การระดมทุนรอบนี้ยังตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อการเติบโตและความก้าวหน้าของ e.GO ในการก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่หนึ่งในไม่กี่รายในโลกตะวันตกที่กำลังผลิตรถและส่งมอบรถให้ลูกค้าจริง ๆ

"เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จของการระดมทุนรอบ Series C และยิ่งไปกว่านั้นคือความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทเรา ซึ่งส่งผลให้ทีมงานของ e.GO ยิ่งมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่การเดินทางในเมืองแบบปลอดคาร์บอน ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร" Ali Vezvaei ประธานคณะกรรมการบริษัท Next.e.GO Mobile SE กล่าว

Next.e.GO Mobile SE

Next.e.GO Mobile SE ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองอาเคิน ประเทศเยอรมนี คือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและระบบการเดินทางที่ยั่งยืน โดยพนักงานราว 400 คนที่มีความคล่องตัวสูงกำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นที่มีความคุ้มค่า แข็งแรงทนทาน และยั่งยืน เพื่อรองรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง

ND Group B.V.

nd Group B.V. คือบริษัทไพรเวทอิควิตี้และบริษัทโฮลดิ้งที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2551 โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีทางการเงิน เทคโนโลยีสุขภาพ สินทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์

ติดต่อ :

Next.e.GO Mobile SE
Public Relations
Lilienthalstrasse 1
52074
Aachen
โทร: +49 241 47574-227
อีเมล: presse@e-go-mobile.com

ND Group B.V.
Public Relations
Flight Forum 880
5657 DV Eindhoven,
The Netherlands
โทร: +31 40 30 40 50 1
อีเมล: press@nd.net

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1601751/Next_e_GO_Mobile_SE.jpg

German Electric Vehicle Manufacturer, Next.e.GO, successfully closes $ 57 M Series C funding round

 Next.e.GO Mobile SE, the German Electric Vehicle manufacturer company producing affordable, purpose-built and sustainable urban electric vehicles based on its disruptive technologies and unique microfactory, announced today that its majority shareholder, nd Industrial Investments B.V., part of international private equity company nd Group B.V. has successfully closed a series C equity funding round of $ 57M for the company.

The funding round, participated by existing investors as well as new ones, enables e.GO to accelerate its effort in transforming the urban electromobility, by enhancing the production of its e.GO Life platform, driving the development of additional models and offering unique value adding features to the customers including the battery swap.

The funding round also highlights the investors' confidence in e.GO's successful trajectory and the progress it has made in becoming one of the only western independent Battery Electric Vehicle companies that are actually in production and delivering cars to customers.

"We are very pleased with the success of the Series C funding but, above that, with the vote of confidence from our investors. The team at e.GO is determined, more than ever, to drive the much-needed transformation to carbon-free urban mobility by offering an electric vehicle like no other." says Ali Vezvaei, Chairman of the Board at Next.e.GO Mobile SE.

Next.e.GO Mobile SE

Next.e.GO Mobile SE, headquartered in Aachen, is a manufacturer of electric vehicles and sustainable mobility systems. Around 400 employees of Next.e.GO Mobile SE are working in agile teams on various cost-effective, particularly durable and sustainable electric vehicles for short-distance traffic.

ND Group B.V.

nd Group B.V. is a Private Equity and Holding company, headquartered in the Netherlands. Founded in 2008, the firm is primarily focused on EV, Alternative Energy, Fintech, HealthTech, Industrial assets and real estate.

Contact:

Next.e.GO Mobile SE
Public Relations
Lilienthalstrasse 1
52074 Aachen                                                                                                                                        
T +49 241 47574-227                                                                                                   
presse@e-go-mobile.com

ND Group B.V.
Public Relations
Flight Forum 880
5657 DV Eindhoven,
The Netherlands
Phone: +31 40 30 40 50 1
press@nd.net

Photo- https://mma.prnewswire.com/media/1601751/Next_e_GO_Mobile_SE.jpg

Handheld introduces new wearable RS60 Ring Scanner

 Handheld Group, a leading manufacturer of rugged mobile computers, today introduced the RS60 Ring Scanner, a comfortable hands-free scanning solution for use in warehouses, retail, distribution and other situations requiring highly mobile scanning. This device is the second in the newly introduced wearable line from Handheld following the SP500X ScanPrinter which was released earlier this month.

To view the Multimedia News Release, please click: https://www.multivu.com/players/uk/8941251-handheld-introduces-new-wearable-rs60-ring-scanner/

"The new RS60 ring scanner is all about efficiency and mobility. It can be worn on either the right or left hand so workers can maximize productivity while keeping their hands free," says Johan Hed, Handheld director of product management. "Rather than holding a scanning device, a ring scanner is wearable and lets warehouse workers simply point and click, leaving them free to also move products and packages."

RS60 ring scanner key features:

  • The efficiency of a traditional scanner and the convenience of a hands-free wearable solution
  • Super-fast 2D-imager accurately captures barcodes on the move
  • Tap to pair with any NFC enabled device or scan a barcode to connect
  • BT class 1 let workers stay connected to devices up to 100 m (300 feet) away
  • IP65 dust and water resistance, operating from 0?C to 50?C and can survive multiple drops to concrete
  • Up to 11 hours runtime
  • Enterprise-focused accessories, including a four-slot charging station and an eight-slot battery charger

"Enterprises have increasingly seen the value of equipping their workers with tools to maximize efficiency and mobility. Our new wearable line is designed to fit those needs," says Thomas Loefblad, CEO, Handheld Group. "Handheld has always been about mobile computing, and we'll be expanding our wearable product line further in the future."

Availability
Devices are in stock and available for immediate order and shipment.

Helpful links
RS60 ring scanner product info
Product video
RS60 media images
Handheld's product lineup

About Handheld
Handheld Group is a manufacturer and global supplier of rugged mobile computers, including handhelds and tablets. Handheld and its partners worldwide deliver complete mobility solutions to businesses in industries such as geomatics, logistics, forestry, public transportation, utilities, construction, maintenance, mining, military and security. Handheld Group, headquartered in Sweden, has subsidiaries in Finland, the U.K., the Netherlands, Italy, Germany, Switzerland, Australia and the USA. Learn more at www.handheldgroup.com

Photo - https://mma.prnewswire.com/media/1601070/RS60_Ring_Scanner.jpg
Video - https://www.youtube.com/watch?v=Obx762BhGHo

Handheld เปิดตัวสแกนเนอร์แบบสวมนิ้ว RS60 Ring Scanner

 Handheld Group ผู้นำด้านการผลิตคอมพิวเตอร์พกพาสุดทนทาน ประกาศเปิดตัว RS60 Ring Scanner สแกนเนอร์แบบสวมนิ้วที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายทั้งในโกดัง ร้านค้าปลีก ศูนย์กระจายสินค้า และสถานการณ์อื่น ๆ ที่ต้องสแกนในปริมาณมาก โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่สองจากเซกเมนต์อุปกรณ์สวมใส่ที่ Handheld เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เปิดตัว SP500X ScanPrinter เป็นผลิตภัณฑ์แรกไปก่อนหน้านี้

รับชมข่าวประชาสัมพันธ์รูปแบบมัลติมีเดียได้ที่ https://www.multivu.com/players/uk/8941251-handheld-introduces-new-wearable-rs60-ring-scanner/

"RS60 Ring Scanner มาพร้อมประสิทธิภาพและความคล่องตัว โดยสามารถสวมใส่ได้ทั้งนิ้วมือซ้ายและมือขวา ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีผลิตภาพสูงสุดโดยที่ทั้งสองมือไม่ต้องถืออุปกรณ์" Johan Hed ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของ Handheld กล่าว "แทนที่จะต้องถืออุปกรณ์สแกนไว้ในมือ สแกนเนอร์แบบสวมนิ้วช่วยให้คนงานในโกดังสแกนได้อย่างง่ายดายเพียงชี้นิ้วและกดปุ่มสแกน ทำให้มือว่างและสามารถยกสินค้าและบรรจุภัณฑ์ได้"

ฟีเจอร์หลักของ RS60 Ring Scanner

  • ประสิทธิภาพเทียบเท่าสแกนเนอร์ทั่วไป แต่ทำงานสะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องถืออุปกรณ์
  • สแกนสองมิติด้วยความเร็วสูง สามารถสแกนบาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ
  • แตะเพื่อจับคู่กับอุปกรณ์ NFC หรือสแกนบาร์โค้ดเพื่อเชื่อมต่อ
  • BT Class 1 ช่วยให้คนงานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไกลสุด 100 เมตร (300 ฟุต)
  • กันฝุ่นและน้ำมาตรฐาน IP65, ทำงานได้ในอุณหภูมิ 0-50 องศาเซลเซียส และหล่นกระแทกพื้นคอนกรีตได้หลายครั้งโดยไม่พัง
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 11 ชั่วโมง
  • มาพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น แท่นชาร์จ 4 ช่อง และเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 8 ช่อง

"องค์กรมากมายเล็งเห็นความสำคัญของการจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้แก่คนงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคล่องตัวในระดับสูงสุด เราจึงเปิดตัวเซกเมนต์อุปกรณ์สวมใส่เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้" Thomas Loefblad ซีอีโอของ Handheld Group กล่าว "Handheld โดดเด่นเรื่องอุปกรณ์ประมวลผลแบบพกพามาโดยตลอด และเราจะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สวมใส่ต่อไปในอนาคต"  

การวางจำหน่าย
อุปกรณ์ดังกล่าวมีในสต็อก สามารถสั่งซื้อและพร้อมส่งทันที

ลิงก์ที่เป็นประโยชน์
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ RS60 Ring Scanner 
วิดีโอนำเสนอผลิตภัณฑ์ 
ภาพผลิตภัณฑ์ RS60 สำหรับสื่อมวลชน 
ผลิตภัณฑ์ของ Handheld

เกี่ยวกับ Handheld
Handheld Group คือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พกพา แท็บเล็ต และอุปกรณ์มือถือที่แข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ Handheld และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกนำเสนออุปกรณ์พกพาหลากหลายรูปแบบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ ภูมิสารสนเทศ โลจิสติกส์ ป่าไม้ ขนส่งมวลชน สาธารณูปโภค การก่อสร้าง การซ่อมบำรุง การทำเหมืองแร่ การทหาร และการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ Handheld Group มีสำนักงานใหญ่ในสวีเดน และมีสำนักงานสาขาอยู่ในฟินแลนด์ สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.handheldgroup.com

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1601070/RS60_Ring_Scanner.jpg
วิดีโอ - https://www.youtube.com/watch?v=Obx762BhGHo

TenMax และ Gojek ร่วมมือให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีการตลาดแบบ AI แก่ผู้ค้าและแบรนด์ในอินโดนีเซีย

      TenMax ประกาศความร่วมมือกับ Gojek เพื่อให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีการตลาดด้วยการใช้ AI แก่นักการตลาดในอินโดนีเซีย ช่วยให้ผู้ค้าและแบรนด์เข้าถึงแผนและตรวจสอบการตลาดดิจิทัลของตนเองได้แบบเรียลไทม์

TenMax.io บริษัทเทคโนโลยีการตลาด (Martech) ประกาศความร่วมมือกับ Gojek แพลตฟอร์มออนดีมานด์ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสนับสนุนเครือข่ายการโฆษณาของ GoGAN, Gojek ในการส่งมอบบริการโฆษณาชั้นยอดแก่แบรนด์ผู้บริโภค ผู้ขาย และตัวแทนโฆษณาทุกขนาดในอินโดนีเซีย

การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ของ TenMax และแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกของ Gojek ความร่วมมือนี้จะช่วยให้แบรนด์ ตัวแทน และผู้ค้าสามารถเข้าถึงโซลูชันการโฆษณาครบวงจรได้เพื่อวางแผน วัดผล และปรับปรุงประสิทธิภาพการตลาดดิจิทัลของตนเองให้เหมาะสมทั้งทางโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์

"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Gojek เพื่อสนับสนุน GoGAN ในอินโดนีเซียด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญของเราเข้ากับข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าของ Gojek เพื่อเปิดตัวโซลูชันสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซีย" ดร. Nathan Chu ซีอีโอของ TenMax กล่าว

Gojek ก่อตั้งโดยยึดหลักการใช้เทคโนโลยีเพื่อลบอุปสรรคในชีวิตประจำวันด้วยการเชื่อมต่อผู้บริโภคกับผู้ให้บริการสินค้าและบริการที่ดีที่สุดในตลาด ตั้งแต่การขนส่งจนถึงอาหาร และบริการอื่นๆ

"ในการร่วมมือกับ TenMax.io เราจะช่วยลดอุปสรรคของการซื้อสื่อดิจิทัลลงได้อีก ช่วยให้พันธมิตรผู้ค้าของเราและลูกค้าแบรนด์ทั่วโลกสามารถปรับแต่งการตลาดดิจิทัลของตนเองให้เหมาะสมได้ในทุกขนาด การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกบุคคลที่หนึ่งและฐานผู้ใช้ของเรา และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการตลาดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ TenMax.io เพื่อสร้างคุณค่าสำหรับระบบนิเวศ Gojek" Antoine de Carbonnel ซีซีโอของ Gojek กล่าว

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกที่เป็นสิทธิบัตรของ GoGAN สามารถช่วยเหลือนักการตลาดในมุมมองสำคัญของการซื้อสื่อแบบเป็นโปรแกรมผ่านช่องทางดังนี้:

- การซื้อสื่อหลายช่องทางการซื้อแบบครบวงจร: ซื้อพื้นที่โฆษณา Facebook/Instagram และเว็บไซต์ท้องถิ่นได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง ความสามารถในการประมูลโฆษณาแบบเรียลไทม์ (RTB) ทำให้แน่ใจว่าผู้โฆษณาจะได้รับราคาที่ดีกว่าต่อคลิกและจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาออกไปเพื่อเข้าถึงผู้ชมเป้าหมาย
- การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์และกระดานการสร้างรายงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกกับแบรนด์และตัวแทนและช่วยให้พวกเขาปรับเทียบกลยุทธ์การตลาดใหม่ได้

"เรายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับทีมของ Gojek ข้อมูลเชิงลึกช่วยให้เราฝึกอบรมและปรับแต่งอัลกอริทีม RTB ของเราได้เพิ่มขึ้น รวมถึงวางคอนเทนท์ที่ถูกต้องให้กับผู้ชมที่เหมาะสมในราคาสมเหตุสมผล หลังจากได้ผลขั้นต้นที่น่าพึงพอใจ เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรมากมายจากตัวแทนโฆษณาทั่วโลก ผู้เผยแพร่คอนเทนท์ระดับพรีเมียม และระบบนิเวศของ Gojek ทั้งหมด ตั้งแต่แบรนด์ FMCG ระดับโลก, อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์เพื่อผู้บริโภค, จนถึง SMB ระดับภูมิภาค และ MSME จนถึงแพลตฟอร์ม GoGAN ในฐานะโซลูชันสำหรับบริษัทใดๆ ในอินโดนีเซียและที่อื่นๆ" Brian Yang กรรมการผู้บริหารของ TenMax.io กล่าว

"เรามีส่วนร่วมกับแบรนด์ต่างๆ นอกภาคอาหาร รวมถึงประกันภัย, ธนาคาร, ไลฟ์สไตล์, แฟชั่น, เกม และเราตั้งตารอจะทำงานร่วมกับหน่วยงานโฆษณาเช่นกันเพื่อให้นวัตกรรมโซลูชันแก่แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก" de Carbonnel กล่าว

ปัจจุบันบริการโฆษณาบนอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ทั่วโลกสร้างรายได้หลายพันล้านต่อไตรมาสและเติบโตปีละกว่า 60% ซึ่งเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมโดยรวม Yang หวังว่าการทำงานร่วมกันจะช่วยขับเคลื่อนวงจรดังกล่าวสำหรับความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่าง TenMax และ Gojek และเป็นประโยชน์กับระบบนิเวศทั้งหมด

ตลอดความร่วมมือเชิงพาณิชย์และทางเทคนิคอย่างยาวนานกับแพลตฟอร์มโฆษณาชั้นนำ เช่น Facebook และ Google ทำให้ TenMax และบริษัทในเครืออย่าง cacafly.com ให้บริการการตลาดดิจิทัลแก่ลูกค้ากว่า 10,000 รายในไต้หวัน เวียดนาม และมาเลเซีย

เกี่ยวกับ TenMax

TenMax Ad Tech Lab ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยพัฒนาโซลูชันการตลาดดิจิทัลครบวงจรซึ่งรวมถึงระบบ DSP (Demand Side Platform), SSP (Supply Side Platform), DMP (Data Management Platform) และ Ad Exchange อนึ่ง TenMax เป็นส่วนหนึ่งของ funP Innovation Group ที่ได้รับการสนับสนุนจาก VC ชั้นนำ เช่น CDIB Capital Group และ CID Group

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1603319/tenmax_team.jpg

Digital Health Platform Doctor Anywhere Closes S$88 Million Series C Round to Deepen Southeast Asia Expansion

  • The company has experienced a 500 percent growth in the business since the start of 2020.
  • The investment will significantly bolster DA's market leadership and its mission to transform the regional healthcare landscape through technology .

Doctor Anywhere (DA), a regional tech-led healthcare company headquartered in Singapore, announced today that it has raised its Series C financing round, led by growth equity investor Asia Partners. The round also attracted other investors including Novo Holdings, Philips and OSK-SBI Venture Partners.

At $88 million SGD (US$65.7 million), it is one of the largest private funding rounds ever raised by a healthtech company in Southeast Asia.

Existing investors also participated in the round, including Singapore-based global investor EDBI, Square Peg, IHH Healthcare, Kamet Capital and Pavilion Capital. This round brings the total capital raised by Doctor Anywhere since founding to more than $140 million SGD.

As a result of the financing, Oliver Rippel, Co-Founder and Partner of Asia Partners, and Dr Amit Kakar, Senior Partner, Head of Novo Holdings Equity Asia will come onboard DA's Board of Directors.

Since its launch in 2017, DA has grown exponentially to serve more than 1.5 million users across Southeast Asia. Over the past 18 months, the COVID-19 pandemic has also served as a catalyst to fast-track the adoption of telehealth services in the region, an innovation which enabled the healthcare industry to continue providing high-quality, affordable care to families through the crisis.

Lim Wai Mun, founder and CEO of Doctor Anywhere, said: "DA's mission is to be the largest tech-enabled omnichannel healthcare provider in Southeast Asia, and applying innovative technology to improving patient outcomes is core to our differentiated offerings. We are thrilled to attract the interest of a strong group of investors in this round, a significant milestone which is a testament to our vision and track record."

DA has built a strong ecosystem of payers, providers, and patients across its core markets. It has close to 2800 doctors and medical professionals within its network in the region, and it also works closely with major hospitals and healthcare institutions.

This latest investment will significantly bolster DA's market leadership and put the group in a leading position to further deepen its presence in its existing markets. It will also allow the group to expand into new markets, to drive its mission of transforming the regional healthcare landscape through technology.

"We will utilize this funding to further enhance our digital capabilities, and scale up on our ability to deliver quality healthcare seamlessly to our users in Southeast Asia," added Lim.

"We are deeply impressed by what Wai Mun and his team have accomplished in such a short period of time," said Oliver M. Rippel, a co-founder of Asia Partners. "As our region's leading omnichannel healthcare innovator, DA is helping the healthcare industry rise to the occasion for the challenges and opportunities in the decade ahead. We are proud to be partnering with DA to support its continued growth."

Kien T. Nguyen, a co-founder of Asia Partners, added, "DA is becoming a true regional leader in omnichannel healthcare, following the proven regionalization playbook of Southeast Asia's first generation of internet platform companies. The powerful combination of telehealth and offline care is deeply compelling to payers, providers, and patients across our region of 650 million people, and DA is leading the way."

Dr Amit Kakar, Senior Partner, Head of Novo Holdings Equity Asia, said: "We are very pleased to invest in DA and to support its mission to transform the regional healthcare landscape through technology. The pandemic accelerated a trend that was already gaining traction - the delivery of high quality, cost effective and highly accessible healthcare through digital means, regardless of where the patients are located. DA offers a leading approach to combining the online and offline realms of healthcare through an omnichannel strategy, bringing the delivery of patient care to the next level of tech-led healthcare. We look forward to leveraging this momentum and continuing to work with Wai Mun and his team, true leaders in this space."

Doctor Anywhere is currently available in Singapore, Malaysia, Thailand, Vietnam, and the Philippines. The group also recently announced the establishment of regional tech hubs in Bangalore, India, and Ho Chi Minh City, Vietnam.

About Doctor Anywhere

Doctor Anywhere is a regional tech-enabled, omnichannel healthcare company, on a mission is to make healthcare simple, accessible, and efficient for everyone. Doctor Anywhere's digital platform bridges gaps in the healthcare ecosystem through technology and innovation, enabling users to manage their health easily and effectively through the DA mobile app. Headquartered in Singapore and with a presence in six countries across the region, Doctor Anywhere now serves more than 1.5 million (and growing) users across Southeast Asia.

Profile of Series C New Investors

Based in Singapore, Asia Partners is a growth equity investment firm focused on technology and technology-enabled companies. Its US$384M fund, announced in March 2021, is the largest debut technology fund in Southeast Asia's history and included limited partners from six continents. Prior to co-founding Asia Partners, the Firm's six co-founders played leadership roles in Southeast Asia across Naspers, Sea Ltd, Bukalapak, eBay, and Vinamilk.

Based in Denmark, Novo Holdings A/S is a private limited liability company wholly owned by the Novo Nordisk Foundation. It is the holding company of the Novo Group, comprising Novo Nordisk A/S and Novozymes A/S, and is responsible for managing the Novo Nordisk Foundation's assets.

Novo Holdings is recognized as a leading international life science investor, with a focus on creating long-term value. As a life science investor, Novo Holdings provides seed and venture capital to development-stage companies and takes significant ownership positions in growth and well-established companies. Novo Holdings also manages a broad portfolio of diversified financial assets. Further information: www.novoholdings.dk.

Royal Philips (NYSE: PHG, AEX: PHIA) is a leading health technology company focused on improving people's health and well-being, and enabling better outcomes across the health continuum - from healthy living and prevention, to diagnosis, treatment and home care. Philips leverages advanced technology and deep clinical and consumer insights to deliver integrated solutions. Headquartered in the Netherlands, the company is a leader in diagnostic imaging, image-guided therapy, patient monitoring and health informatics, as well as in consumer health and home care.

Based in Malaysia, OSK-SBI Venture Partners is a fund management company jointly established by OSK Ventures International Bhd, a Malaysia-based private equity company and SBI Ventures Malaysia Sdn Bhd (a subsidiary of SBI Holdings Inc, a financial services firm based in Japan). Its main investment targets are promising private companies within the ASEAN region.

Photo: https://mma.prnewswire.com/media/1602290/DoctorAnywhere_02_2_Logo.jpg
Caption: Doctor Anywhere plans to use the funds to further enhance their digital capabilities, to deliver healthcare seamlessly to more users in Southeast Asia

แพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัล "Doctor Anywhere" ปิดการระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 88 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เดินหน้าขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

  • บริษัทมีการเติบโต 500% นับตั้งแต่ต้นปี 2563
  • เงินทุนที่ได้รับจะช่วยสนับสนุนความเป็นผู้นำตลาดของบริษัท และพันธกิจการพลิกโฉมภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพในภูมิภาคด้วยเทคโนโลยี

Doctor Anywhere (DA) ผู้นำระดับภูมิภาคด้านการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ประกาศว่า บริษัทได้ระดมทุนรอบ Series C จากกลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดย Asia Partners ร่วมด้วยนักลงทุนรายอื่น ๆ ได้แก่ Novo Holdings, Philips และ OSK-SBI Venture Partners

การระดมทุนครั้งนี้เป็นหนึ่งในการระดมทุนภาคเอกชนของบริษัทด้านสุขภาพครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมูลค่า 88 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (65.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

นักลงทุนรายเดิมก็ได้เข้าร่วมการระดมทุนรอบนี้เช่นกัน ได้แก่ นักลงทุนระดับโลกในสิงคโปร์อย่าง EDBI, Square Peg, IHH Healthcare, Kamet Capital และ Pavilion Capital ซึ่งการระดมทุนรอบนี้ทำให้ Doctor Anywhere มีเงินทุนรวมมากกว่า 140 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากการระดมทุนนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

ในโอกาสนี้ Oliver Rippel ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของ Asia Partners และ Dr. Amit Kakar หุ้นส่วนอาวุโสและผู้บริหารของ Novo Holdings Equity Asia จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัท DA

DA เติบโตอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2560 โดยปัจจุบัน DA รองรับผู้ใช้มากกว่า 1.5 ล้านคนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาก็เป็นตัวเร่งการใช้บริการดูแลสุขภาพทางไกล (Telehealth) ในราคาย่อมเยาให้แก่หลายครอบครัวท่ามกลางวิกฤตครั้งนี้

Lim Wai Mun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Doctor Anywhere กล่าวว่า "พันธกิจของ DA คือการเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพแบบหลายช่องทาง การใช้เทคโนโลยีสุดล้ำในการยกระดับผลการรักษาผู้ป่วยคือหัวใจสำคัญของบริการของเรา เรายินดีที่สามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มนักลงทุนผู้ทรงอิทธิพลในรอบนี้ อันเป็นหลักชัยสำคัญที่พิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์และผลงานของเรา"

DA สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งของผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ และผู้ป่วยทั่วทั้งตลาดหลัก โดยแพลตฟอร์มของ DA มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เกือบ 2,800 คนในภูมิภาค นอกจากนี้ DA ยังทำงานร่วมกับโรงพยาบาลและสถาบันสุขภาพขนาดใหญ่อย่างใกล้ชิด

การระดมทุนครั้งล่าสุดนี้จะช่วยสนับสนุนความเป็นผู้นำตลาดของ DA ได้อย่างมาก และผลักดันให้บริษัทเป็นผู้นำในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดปัจจุบัน นอกจากนั้นยังช่วยให้บริษัทสามารถขยายไปสู่ตลาดใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจในการพลิกโฉมภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพในภูมิภาคด้วยเทคโนโลยี

"เราจะใช้เงินทุนนี้ในการยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลของเรา และขยายขีดความสามารถในการมอบการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างราบรื่นให้แก่ผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" Lim Wai Mun กล่าวเสริม

"เรารู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่ Lim Wai Mun และทีมงานทำสำเร็จในช่วงเวลาสั้น ๆ" Oliver M. Rippel ผู้ร่วมก่อตั้ง Asia Partners กล่าว "ในฐานะนักนวัตกรรมการดูแลสุขภาพแบบหลายช่องทางชั้นนำในภูมิภาค DA กำลังช่วยเหลืออุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสในอนาคตข้างหน้า และเราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ DA เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"

Kien T. Nguyen ผู้ร่วมก่อตั้ง Asia Partners กล่าวเสริมว่า "DA กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบหลายช่องทางระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง หลังเดินตามแนวทางการขยายธุรกิจระดับภูมิภาคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตรุ่นแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การผสมผสานอันทรงพลังระหว่างการดูแลสุขภาพออนไลน์กับออฟไลน์มีความน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ และผู้ป่วยทั่วภูมิภาคที่มีประชากร 650 ล้านคน และ DA ก็เป็นผู้นำในด้านนี้"

Dr. Amit Kakar หุ้นส่วนอาวุโสและผู้บริหารของ Novo Holdings Equity Asia กล่าวว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงทุนใน DA และสนับสนุนภารกิจการพลิกโฉมภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพในภูมิภาคด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสถานการณ์โรคระบาดก็ทำให้เทรนด์ที่ติดลมบนแล้วได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นการมอบการดูแลสุขภาพคุณภาพสูง คุ้มค่า และเข้าถึงง่ายผ่านช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่ที่ใดก็ตาม DA นำเสนอแนวทางที่ผสมผสานการดูแลสุขภาพออนไลน์และออฟไลน์ผ่านกลยุทธ์แบบหลายช่องทาง ซึ่งจะช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยไปสู่การดูแลสุขภาพโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เราจะใช้ประโยชน์จากแรงผลักดันนี้และเดินหน้าทำงานร่วมกับ Lim Wai Mun และทีมงาน ซึ่งเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในด้านนี้"

ปัจจุบัน Doctor Anywhere ให้บริการในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ประกาศการจัดตั้งศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับภูมิภาคในบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย และนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

เกี่ยวกับ Doctor Anywhere

Doctor Anywhere เป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านการดูแลสุขภาพแบบหลายช่องทางด้วยเทคโนโลยี โดยมีภารกิจคือการทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และมีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน แพลตฟอร์มดิจิทัลของ Doctor Anywhere เชื่อมช่องว่างในระบบนิเวศการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการสุขภาพของตนเองได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพผ่านแอปมือถือ DA ทั้งนี้ Doctor Anywhere มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ และดำเนินธุรกิจใน 6 ประเทศ โดยให้บริการผู้ใช้มากกว่า 1.5 ล้านคน (และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ) ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประวัติของนักลงทุนรายใหม่ในการระดมทุนรอบ Series C

Asia Partners ซึ่งตั้งอยู่ในสิงคโปร์ เป็นบริษัทด้านการลงทุน Growth Equity ที่เน้นลงทุนในเทคโนโลยีและบริษัทเทคโนโลยี เมื่อเดือนมีนาคม 2564 บริษัทได้จัดตั้งกองทุนมูลค่า 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นกองทุนเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรวบรวมหุ้นส่วนจำกัดจาก 6 ทวีป ทั้งนี้ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททั้ง 6 คนล้วนเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทชั้นนำ ได้แก่ Naspers, Sea Ltd, Bukalapak, eBay และ Vinamilk ก่อนที่จะมาร่วมกันก่อตั้ง Asia Partners

Novo Holdings A/S ซึ่งตั้งอยู่ในเดนมาร์ก เป็นบริษัทเอกชนจำกัดของ Novo Nordisk Foundation และเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ Novo Group ซึ่งประกอบด้วย Novo Nordisk A/S และ Novozymes A/S โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการทรัพย์สินของ Novo Nordisk Foundation

Novo Holdings ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักลงทุนชั้นนำในแวดวงชีววิทยาศาสตร์ทั่วโลก และมีเป้าหมายในการสร้างมูลค่าระยะยาว โดย Novo Holdings เป็นผู้จัดหาเงินทุนในช่วงเริ่มต้นธุรกิจและเงินร่วมลงทุนให้แก่บริษัทที่อยู่ในระยะพัฒนา ทั้งยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่เติบโตและมั่นคงแล้ว นอกจากนี้ Novo Holdings ยังบริหารจัดการสินทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลายอีกด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.novoholdings.dk

Royal Philips (NYSE: PHG, AEX: PHIA) เป็นบริษัทเทคโนโลยีสุขภาพชั้นนำที่มุ่งยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน พร้อมมอบผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและการป้องกันโรค ไปจนถึงการวินิจฉัย การรักษา และการดูแลสุขภาพที่บ้าน บริษัทใช้เทคโนโลยีขั้นสูงรวมถึงข้อมูลเชิงลึกทางคลินิกและผู้บริโภคเพื่อนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการ บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ และเป็นผู้นำด้านภาพวินิจฉัย (diagnostic imaging) ภาพนำวิถี (image-guided therapy) การติดตามอาการผู้ป่วย ข้อมูลด้านสุขภาพ รวมถึงสุขภาพผู้บริโภคและการดูแลสุขภาพที่บ้าน

OSK-SBI Venture Partners ซึ่งตั้งอยู่ในมาเลเซีย เป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ก่อตั้งโดย OSK Ventures International Bhd (บริษัทไพรเวทอิควีตี้ในมาเลเซีย) และ SBI Ventures Malaysia Sdn Bhd (บริษัทในเครือ SBI Holdings Inc. ผู้ให้บริการทางการเงินในญี่ปุ่น) โดยเน้นลงทุนในบริษัทเอกชนในอาเซียนที่มีอนาคตสดใส

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1602290/DoctorAnywhere_02_2_Logo.jpg
คำบรรยายภาพ: Doctor Anywhere วางแผนใช้เงินทุนในการยกระดับความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อส่งมอบบริการดูแลสุขภาพที่ราบรื่นให้แก่ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Peking University HSBC Business School จับมือ Cambridge Judge Business School เปิดตัวหลักสูตรบริหารธุรกิจร่วมในเซินเจิ้น ประเทศจีน

      เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา Peking University HSBC Business School และ University of Cambridge Judge Business School ได้ประกาศโครงการความร่วมมือในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เพื่อขยายความร่วมมือด้านการศึกษาทางธุรกิจที่มีอยู่เดิมระหว่างทั้งสองสถาบัน

สถาบันทั้งสองแห่งได้ประกาศแผนการพัฒนาความร่วมมือระยะยาวในด้านธุรกิจและการจัดการในเดือนมีนาคม 2563 โดยเริ่มจากการเปิดตัวหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้บริหาร 2 หลักสูตรด้วยกันที่เน้นด้านนวัตกรรมและการจัดการระดับนานาชาติ

โครงการความร่วมมือที่ว่านี้ประกอบด้วยหลักสูตรบริหารธุรกิจ Global Executive MBA (GEMBA) หลักสูตรใหม่จาก Cambridge Judge Business School และหลักสูตรปริญญาโท/ประกาศนียบัตรด้าน China Studies for Economics and Management (MCS/CCS) จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

Cambridge Judge Business School จะนำเสนอหลักสูตรบริหารธุรกิจ Global Executive MBA (GEMBA) หลักสูตรใหม่ผ่านคณาจารย์ของ Cambridge Judge และวิทยากรรับเชิญ โดยการเรียนการสอนมากกว่า 50% จะมีขึ้นในเซินเจิ้น ปริญญา MBA และหลักสูตรแกนกลางของโปรแกรม GEMBA จะเทียบเท่ากับหลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจ Executive MBA (EMBA) ที่ดำเนินการใน Cambridge มาตั้งแต่ปี 2552 และจะดำเนินต่อไปควบคู่กับโปรแกรม GEMBA ใหม่นี้

นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Cambridge Judge เปิดสอนหลักสูตร MBA ภาคปกตินอกเมืองเคมบริดจ์ นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งคณะวิชาบริหารธุรกิจ เมื่อโปรแกรม GEMBA จะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2566

ส่วนโปรแกรม MCS/CCS ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง จะมีขึ้นพร้อมกันในเซินเจิ้นผ่านคณาจารย์และวิทยากรรับเชิญ โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อเน้นความรู้ระดับมืออาชีพเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และการจัดการองค์กรของจีน นำเสนอวิสัยทัศน์ที่ลึกซึ้งและรอบด้านของจีนในมุมมองระดับโลก

ในขณะที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีการมอบใบปริญญาหรือประกาศนียบัตรแยกให้แก่นักศึกษา โครงการความร่วมมือนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสกับบรรยากาศทางธุรกิจของทั้งย่านเคมบริดจ์และแถบแม่น้ำเพิร์ลของเซินเจิ้น ผสมผสานการศึกษาด้านธุรกิจเข้ากับวัฒนธรรมธุรกิจและการจัดการของจีน

ศาสตราจารย์ Christoph Loch ซึ่งจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งคณบดีประจำ Cambridge Judge ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้หลังดำรงตำแหน่งมา 10 ปี กล่าวว่า "Cambridge Judge Business School มีความภาคภูมิใจในหลักสูตร Executive MBA (EMBA) ที่สามารถดึงดูดนักศึกษาจากทั่วโลกให้เข้าร่วมในหลักสูตรที่มีต้นกำเนิดจากเคมบริดจ์ โปรแกรม Global EMBA แบบคู่ขนานนี้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาจะมีโอกาสเข้าร่วมในการศึกษาเกี่ยวกับจีนที่ Peking University HSBC Business School ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา"

ศาสตราจารย์ Hai Wen คณบดีผู้ก่อตั้ง Peking University HSBC Business School กล่าวว่า "โปรแกรมความร่วมมือซึ่งจัดโดย Peking University HSBC Business School และ Cambridge Judge Business School มอบโอกาสที่หายากสำหรับการศึกษาในสถาบันบริหารธุรกิจชั้นนำถึงสองแห่งที่เป็นตัวแทนของฝั่งตะวันออกและตะวันตก นักศึกษาจะได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความรู้หลักและรับประสบการณ์ตรงในสภาพแวดล้อมธุรกิจร่วมสมัยในประเทศจีน"

โปรแกรม GEMBA จะเริ่มเปิดสอนในเดือนมกราคม 2566 และโปรแกรม MCS/CCS จะเริ่มเปิดสอนในเดือนกันยายน 2565 สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการรับสมัครคาดว่าจะประกาศเพิ่มเติมในปลายปีนี้

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://english.phbs.pku.edu.cn/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

Cambridge Judge Business School
Charles Goldsmith
หัวหน้าฝ่ายสื่อสัมพันธ์
Cambridge Judge Business School, University of Cambridge
+44 (0)7912 162279 c.goldsmith@jbs.cam.ac.uk

Peking University HSBC Business School
Mao Na
ผู้อำนวยการสำนักงานระหว่างประเทศ
HSBC Business School, Peking University
+86 755 2603 3097 maona@phbs.pku.edu.cn

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1604120/20210830110300.jpg

คำบรรยายภาพ - Peking University HSBC Business School และ Cambridge Judge Business School

CASETiFY ร่วมกับ Coca-Cola(R) เพื่อเปิดตัว Coke's 1971 Unity Collection

      วันนี้ แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก CASETiFY ประกาศเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ร่วมกับ Coke(R) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Unity Collection ปี 1971 คอลเลกชั่นใหม่นี้นำเสนออุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีที่ได้รับแรงบันดาลใจแบบย้อนยุคและปรับแต่งได้เองที่หลากหลาย เพื่อเฉลิมฉลองข้อความสากลแห่งสันติภาพและความสามัคคีที่เกิดจากโฆษณาทีวี Hilltop อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ออกในปี 1971 ลูกค้าทั่วโลกได้รับเชิญให้ลงชื่อเข้าร่วมที่ www.casetify .com/cokeunity สำหรับสิทธิ์เข้าถึงร้านค้าคอลเลกชั่นก่อนใคร เริ่มในวันที่ 3 กันยายนนี้

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโฆษณาที่ก้าวล้ำของ Coca-Cola CASETiFY ได้กลับมารวมตัวกับไอคอนแบรนด์เครื่องดื่มอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวซีรีส์ความร่วมมือครั้งแรกในปี 2020 เพื่อสร้างแคปซูลคอลเลกชั่นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Coke's 1971 Unity Collection การร่วมงานกันนี้นำเสนอสีสันย้อนยุคที่เด่นชัดซึ่งสนับสนุนข้อความอันทรงพลังของโค้กเรื่องสันติภาพ ความรัก และความสามัคคี ผ่านชุดของลวดลายสติกเกอร์สุดเก๋ การออกแบบโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื้อเพลงสั้นๆ เพื่อเป็นการยกย่องเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่างสูงจากโฆษณาบนยอดเขา ลูกค้าสามารถเลือกซื้อการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ได้จากสินค้าขายดีของ CASETiFYหลายรายการ รวมถึงเคส Neon Sand ทรายนีออนสีทูโทน เคสกระจกสะท้อนแสง และเคสกันกระแทกแบบพิเศษหลากหลายสีซึ่งผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 50% และ ให้การป้องกันการตกกระแทกสูงถึง 2 เมตร โบนัสเพิ่มเติมคือตอนนี้เคสกันกระแทก ได้ถูกเคลือบทับด้วยสารเคลือบต้านจุลชีพที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วหรือที่เรียกว่า DEFENSiFY ซึ่งฆ่าแบคทีเรีย 99% บนพื้นผิวของเคส

Wes Ng ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง CASETiFY กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Coca-Cola อีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการฉลองโฆษณาอันโด่งดังของพวกเขาที่เชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก ข้อความแห่งการมองโลกในแง่ดีและการรวมเป็นหนึ่งสะท้อนถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังคอลเลกชั่นนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับคุณค่าหลักสองประการของแบรนด์สำหรับทั้ง CASETiFY และ Coca-Cola"

CASETiFY ยังเชิญชวนลูกค้าให้เผยแพร่ข้อความแห่งความสามัคคีด้วยการทำงานร่วมกันของ Coca-Cola เป็นครั้งแรกที่เสนอตัวเลือกการปรับแต่งลายเซ็น ลูกค้าจะสามารถปรับแต่งเคสโทรศัพท์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยชื่อหรืออักษรย่อของตนเองได้ ทำให้เคสนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง อุปกรณ์เสริมในคอลเลกชั่นขายปลีกในราคา $40+ USD (ประมาณ 1,300 บาท) และจะวางจำหน่ายในอุปกรณ์ iPhone, AirPods, Apple Watch และ Samsung

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลเลกชั่นและความพร้อมให้บริการ โปรดไปที่ www.casetify.com/cokeunity ผลิตภัณฑ์จัดส่งไปทั่วโลกในกว่า 100 ประเทศ โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับซื้อทางออนไลน์ ในแอพ CASETiFY Co-Lab ใหม่ (พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วใน App Store) และที่ CASETiFY Studio ที่ร่วมรายการ หากต้องการรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดตัว CASETiFY Co-Lab โปรดไปที่ CASETiFY.com และติดตามบน Instagram, Facebook, TikTok และ Twitter

เกี่ยวกับ CASETiFY

CASETiFY เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกและเป็นที่ตั้งของแพลตฟอร์มแรกและใหญ่ที่สุดสำหรับอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีที่ปรับแต่งได้เอง สร้างขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพสูงสุดและการออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุด ผลิตภัณฑ์ของ CASETiFY เปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคลของคุณให้เป็นอุปกรณ์เสริมที่บางเฉียบและป้องกันการตกหล่น CASETiFY เป็นที่รู้จักจากศิลปินชั้นนำและครีเอทีฟโฆษณาสำหรับโปรแกรม Co-Lab เปิดโอกาสให้แบรนด์และบุคคลต่างๆ ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครกับคนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CASETiFY ร้านค้า พันธมิตร และผลิตภัณฑ์ของ CASETiFY โปรดไปที่ www.CASETiFY.com

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1603502/image.jpg
คำบรรยายภาพ - CASETiFY เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีโฆษณาทีวีบนยอดเขาที่มีชื่อเสียงของแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลก CASETiFY พลิกโฉมตำนานที่ชวนให้นึกถึงอดีตด้วยคอลเลกชั่นอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีพิเศษ

โนวัค ยอโควิช ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของ Hublot

      โนวัค ยอโควิช เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Hublot (อูโบลท์) เคียงข้างนักกีฬาระดับตำนานอย่างเปเล่, คีเลียน เอ็มบัปเป้, ยูเซน โบลต์ และดัสติน จอห์นสัน โดยนักเทนนิสมือหนึ่งของโลกได้ตัดสินใจรับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของผู้ผลิตนาฬิกาสวิสสุดหรูเพียงไม่กี่วันก่อนระเบิดศึก US Open

"เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สุดยอดนักกีฬาอย่างโนวัค ยอโควิช มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Hublot อันงดงามของเรา เขาสร้างประวัติศาสตร์ในวงการเทนนิสด้วยความโดดเด่น ความแตกต่าง และความเป็นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายึดถือมาโดยตลอด วันนี้จึงเป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Hublot" ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของ Hublot กล่าว

"ในฐานะนักกีฬาที่มุ่งมั่นสร้างประวัติศาสตร์ในวงการเทนนิส ผมภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Hublot ซึ่งประกอบด้วยนักกีฬาที่สร้างตำนานในหลายประเภทกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเปเล่ หรือ ยูเซน โบลต์ และเราจะคว้าชัยชนะไปพร้อมกับ Hublot" โนวัค ยอโควิช กล่าว

โนวัค ยอโควิช เป็นนักเทนนิสชาวเซอร์เบียที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เขาคว้าแชมป์ ATP ประเภทชายเดี่ยว 85 รายการ รวมถึง Grand Slam 20 รายการ, Masters 5 รายการ, Masters 1000 อีก 36 รายการ และโอลิมปิก เขาขึ้นสู่ตำแหน่งมือหนึ่งของโลกในการจัดอันดับของ ATP เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 หรือสิบปีที่แล้ว และทุกวันนี้ก็ยังรั้งตำแหน่งมือหนึ่งของโลกด้วยสถิติ 337 สัปดาห์ นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเทนนิสเพียงหนึ่งเดียวในยุค Open ที่คว้าแชมป์ Grand Slam มากกว่าสองทัวร์นาเมนต์ และในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะพยายามทุบสถิติ Grand Slam ด้วยการคว้าแชมป์รายการที่ 21 ในศึก US Open

โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือหนึ่งของโลกผู้เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ ได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นครอบครัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Hublot โดยเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกับแบรนด์นาฬิกาสวิส หนึ่งในนั้นคือความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและความสำเร็จ ทีมงาน Hublot มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และขอต้อนรับชายผู้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักเทนนิสยอดเยี่ยมตลอดกาล เกม-เซต-แมตช์ สำหรับโนวัค ยอโควิช และ Hublot! 

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1603910/Hublot_Novak_Djokovic.jpg 
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1176881/Hublot_Logo.jpg

สี จิ้นผิง เน้นย้ำเสริมสร้างความรู้สึกร่วมของชุมชนเพื่อรวมชาติจีนเป็นหนึ่ง

      สำนักข่าว CCTV+ รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมว่าด้วยกิจการชาติพันธุ์ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยผู้นำจีนได้เน้นย้ำถึงการส่งเสริมให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาติจีน พร้อมใช้แนวทางที่ถูกต้องตามแบบฉบับของจีนในการกำกับดูแลกิจการชาติพันธุ์

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ทางเดียวที่จีนจะสามารถต้านทานการแทรกซึมและการบ่อนทำลายชาติจากความคิดหัวรุนแรงและการแบ่งแยกดินแดน และประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์จะบรรลุจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ก็ด้วยการกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาติจีน และทุกกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกันปกป้องความมั่นคงของชาติและเสถียรภาพของสังคม

ด้วยวิธีการดังกล่าวเท่านั้นที่จะสามารถเป็นหลักประกันอุดมการณ์อันทรงพลังเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประเทศจีน ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสียังได้ผลักดันความพยายามในการสร้างชุมชนชาติจีนที่มีอนาคตร่วมกัน ด้วยการยกย่องและส่งเสริมอัตลักษณ์ของชาติ และด้วยการสร้างความผูกพันระหว่างคนในชาติ

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ทุกกลุ่มชาติพันธุ์พึงตระหนักว่าผลประโยชน์ของจีนอยู่เหนืออื่นใดเสมอ ด้วยการผลักดันให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาติจีนโดยรวม

ทั้งนี้ การปกป้องผลประโยชน์ของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ก็เท่ากับเป็นการปกป้องผลประโยชน์โดยรวมของประเทศจีน สีกล่าว

เขาเน้นย้ำด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นลัทธิคลั่งชาติของชาวฮั่น หรือกลุ่มชาติพันธุ์ท้องถิ่น ต่างก็ไม่เอื้อต่อการพัฒนาชุมชนชาติจีน

ประธานาธิบดีสีเรียกร้องให้มีการส่งเสริมการใช้มาตรฐานการพูดและการเขียนภาษาจีน อนุรักษ์ภาษาพูดและภาษาเขียนของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนเคารพและปกป้องการเรียนรู้และการใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนของกลุ่มชาติพันธุ์

ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสนับสนุนให้ทุกกลุ่มชาติพันธุ์พัฒนาไปสู่ความเป็นสังคมนิยมที่ทันสมัย ตลอดจนสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ

ประธานาธิบดีสียังได้เน้นย้ำให้มีการปรับปรุงระบบและศักยภาพในการกำกับดูแลกิจการชาติพันธุ์ให้ทันสมัยขึ้น อีกทั้งเรียกร้องให้มีการเพิ่มความพยายามในการป้องกันความเสี่ยงร้ายแรงและอันตรายที่ซ่อนอยู่

โดยระบุว่า ลัทธิแบ่งแยกดินแดนและลัทธิสุดโต่งทางศาสนาควรถูกกำจัดออกไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการเสริมสร้างความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ

ลิงก์วิดีโอ: https://www.youtube.com/watch?v=IA2C588d_ZM

HotForex เปิดตัวโบนัสต้อนรับ 50% สำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า

      โบรกเกอร์ทางเลือกระดับโลก ตอนนี้เสนอให้ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในบางประเทศได้รับโบนัสต้อนรับ 50% จากการฝากครั้งแรกอย่างน้อย 50 ดอลลาร์ในบัญชี Micro ใหม่บน MT4

HotForex โบรกเกอร์ Forex และสินค้าโภคภัณฑ์บน CFDs ที่ได้รับรางวัล มอบโอกาสให้เทรดเดอร์ทั้งรายเก่าและรายใหม่ เริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายด้วยโบนัสต้อนรับ 50% จากการฝากครั้งแรกอย่างน้อย 50 ดอลลาร์ เข้า  บัญชี Micro ใหม่บน MT4

โฆษกของ HotForex แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า: "เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มอบข้อเสนอโบนัสอื่นๆ ให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินฝากครั้งแรกของพวกเขา และทำให้พวกเขาเริ่มเส้นทางการซื้อขายด้วยพลังการซื้อขายที่มากกว่า 50%"

HotForex ยังได้เสนอ โบนัสอื่นๆ อีกสามโครงการ  - โบนัส 100% Supercharged, โบนัสช่วยเหลือ 30% และโบนัสเครดิต 100% - เพื่อให้เทรดเดอร์มีโอกาสเพิ่มเงินฝากเป็นสองเท่า ปกป้องเงินทุนของพวกเขาจากการขาดทุน และรับเงินคืนทุกวันเพื่อเพิ่มกำลังการซื้อขาย

ทำไมต้องเลือกโบนัสต้อนรับ 50%?

  • เพิ่มยอดเงินของคุณ 50%
  • รับโบนัสด้วยเงินฝากเพียง $50
  • ใช้ได้กับบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ
  • ใช้ได้กับบัญชี Micro บน MT4
  • ลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน

เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและรับโบนัสนี้ วันนี้, เยี่ยมชมเว็บไซต์ HotForex และอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขของโบนัสอย่างละเอียด

โปรดทราบว่าโบนัสต้อนรับ 50% มีให้สำหรับลูกค้าที่อาศัยอยู่ในประเทศต่อไปนี้: อินเดีย เม็กซิโก โคลอมเบีย ไทย ฟิลิปปินส์ จอร์แดน สิงคโปร์ โมร็อกโก แอลจีเรีย เซเนกัล ตูนิเซีย ญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้

เกี่ยวกับ  HotForex

HotForex เป็นโบร๊กเกอร์หลากหลายสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยการเปิดบัญชีจริงแล้วกว่า 2.5 ล้านบัญชีจริงทั่วโลก ซึ่งได้รับรางวัลในอุตสาหกรรมมากกว่า 50 รางวัลตลอดประวัติศาสตร์สิบปี บริษัทนำเสนอประเภทบัญชีที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม แพลตฟอร์ม เครื่องมือ และแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา นอกเหนือจากการบริการลูกค้าที่โดดเด่นและเงื่อนไขการซื้อขายที่เหนือชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าบุคคลธรรมดาและลูกค้าสถาบันในการซื้อขาย Forex และ CFD ออนไลน์

คำเตือนด้านความเสี่ยง :

การซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ เช่น Forex และอนุพันธ์ อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกราย เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อเงินทุนของคุณ 

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1602665/HotForex.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/830182/HotForex_Logo.jpg

ติดต่อสื่อ :
HF Markets Ltd
marketing@hotforex.com
+44 (0)20 3097 8571