Wednesday, June 26, 2024

พิพิธภัณฑ์หูหนานจัดแสดงโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของสตรีแห่งราชวงศ์ฮั่นและจักรวรรดิโรมัน

พิพิธภัณฑ์หูหนาน

ในช่วงเช้าของวันที่ 15 มิถุนายน "นิทรรศการโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของสตรีแห่งราชวงศ์ฮั่นและจักรวรรดิโรมัน" ได้เปิดฉากขึ้นที่พิพิธภัณฑ์หูหนาน โดยมีการจัดแสดงโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เสื้อคลุมยาวผ้าโปร่งไม่มีซับในสีธรรมชาติแบบสาบแหลม ซึ่งนำมาจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชมเป็นครั้งแรก สำหรับนิทรรศการนี้จะจัดไปจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม

นิทรรศการดังกล่าวร่วมกันจัดโดยพิพิธภัณฑ์หูหนานและสำนักงานบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมโรมัน ภายในนิทรรศการจัดแสดงสิ่งของมากกว่า 200 ชิ้น/ชุด จากพิพิธภัณฑ์ 19 แห่ง ซึ่งรวมถึงพิพิธภัณฑ์หูหนาน และพิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสิ่งจัดแสดงมีทั้งเครื่องสำริด เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเงินและทอง เครื่องแก้ว เครื่องหยก สิ่งทอ และประติมากรรม

นิทรรศการนี้มุ่งนำเสนอชีวิตของสตรีในสามด้านหลัก ๆ ได้แก่ ชีวิตครอบครัว สังคม และอารมณ์ของสตรีทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตกเมื่อ 2,000 ปีก่อน ด้วยการรวบรวมโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของโลกตะวันออกและตะวันตก ซึ่งเผยให้เห็นถึงคุณลักษณะทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของสตรีจากภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และการแสวงหาคุณค่าของความงามร่วมกัน

เสื้อคลุมยาวผ้าโปร่งไม่มีซับในสีธรรมชาติแบบสาบแหลม ที่มีน้ำหนักเพียง 48 กรัม แสดงถึงจุดสูงสุดของเทคโนโลยีสิ่งทอในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก และนับเป็นตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดของเสื้อผ้าชนิดบางเบาที่ถักทอขึ้นจากเส้นไหมที่ไม่ได้ย้อมสี มีปลายแขนและปกเสื้อตกแต่งด้วยผ้าไหม โดยเสื้อคลุมโบราณนี้ขุดพบในบริเวณสุสานหม่าหวังตุย ณ หลุมฝังศพหมายเลขหนึ่งซึ่งเป็นหลุมศพของท่านผู้หญิงซินจุย ภรรยาของหลี่ชาง อัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐฉางซาในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก โดยท่านผู้หญิงมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 2,200 ปีก่อน และเสียชีวิตเมื่ออายุประมาณ 50 ปี

ภายในนิทรรศการยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุอื่น ๆ เป็นครั้งแรกเช่นกัน อาทิ เศษผ้าที่มีลวดลายอ่านได้ว่า "ขอให้มีชีวิตยืนยาวและมีความสุข" ซึ่งพบในกล่องไม้ไผ่กล่องหนึ่งในหลุมฝังศพหมายเลขสามของสุสานหม่าหวังตุย จากกล่องใส่เสื้อผ้าที่มีอยู่สองใบ โดยลวดลาย "ขอให้มีชีวิตยืนยาวและมีความสุข" ถือเป็นตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดของการทอด้วยกี่ทอผ้าในลักษณะนี้

"จิตรกรรมฝาผนังปูนเปียกภาพเพอร์ซีอุสและแอนโดรเมดา" ซึ่งเป็นสมบัติโรมันอันล้ำค่าจากพิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน ก็ถูกนำมาจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมโรมัน กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "จิตรกรรมฝาผนังนี้มาจากช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยเล่าเรื่องราวในตำนานเกี่ยวกับวีรบุรุษผู้ช่วยเหลือสาวงาม" ทั้งนี้ วัตถุจัดแสดงจากยุคโรมันจำนวน 138 ชิ้น/ชุด ส่วนใหญ่มาจากพิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน และทั้งหมดจัดแสดงในประเทศจีนเป็นครั้งแรก

ที่มา: พิพิธภัณฑ์หูหนาน 

พิพิธภัณฑ์หูหนานจัดนิทรรศการดิจิทัล ถ่ายทอดศิลปะแห่งชีวิตในวัฒนธรรมราชวงศ์ฮั่นหม่าหวังตุย

พิพิธภัณฑ์หูหนาน

ปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 50 ปีของการขุดค้นสุสานราชวงศ์ฮั่น ณ หม่าหวังตุย โดยพิพิธภัณฑ์หูหนาน (Hunan Museum) ได้ร่วมมือกับห้องสมุดดิจิทัลแห่งประเทศจีน และทีมงานของศาสตราจารย์หวัง เยว่จิน (Wang Yuejin) จากห้องปฏิบัติการแคมแล็บ (CAMLab) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จัดนิทรรศการดิจิทัลเพื่อถ่ายทอดศิลปะแห่งชีวิตในวัฒนธรรมราชวงศ์ฮั่นหม่าหวังตุยอย่าง "The Art of Life - Mawangdui Han Dynasty Culture Immersive Digital Exhibition" เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2567

นิทรรศการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจแนวทางส่งเสริมวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีให้ผสมผสานกันอย่างลึกซึ้ง โดยระดมทรัพยากรทางวิชาการจากทั่วโลก และใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียล้ำสมัยเพื่อนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมของสุสานฮั่นที่หม่าหวังตุยในรูปแบบดิจิทัล ผ่านประสบการณ์มัลติมีเดียเชิงละคร ซึ่งให้ภาพรวมในเรื่องแก่นแท้ของอารยธรรมจีนโบราณและความสำเร็จทางศิลปะ นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะ จินตนาการ และโลกทัศน์ที่สะท้อนจากวัฒนธรรมของสุสานฮั่นที่หม่าหวังตุยอย่างครบถ้วน และหวังสร้างต้นแบบใหม่สำหรับการนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัลที่มีอิทธิพลระดับโลก

นิทรรศการนี้แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ๆ ได้แก่ "กาล-อวกาศ" "หยินและหยาง" และ "ชีวิต" ซึ่งจะพาเราไปสัมผัสกับความเคลื่อนไหวเบื้องหลัง "การทำงานของจักรวาล การเปลี่ยนผ่านของชีวิต" โดยจะได้เห็นโครงสร้างห้อง โบราณวัตถุนับไม่ถ้วน แนวคิดทางวัฒนธรรม และปรัชญาชีวิตของสุสานฮั่น รวมถึงได้สัมผัสกับจินตนาการอันยิ่งใหญ่และงานศิลป์ที่สะท้อนมุมมองต่อจักรวาลและชีวิตของชาวจีนโบราณ ราวกับว่าได้ออก "เดินทางข้ามกาลและอวกาศ" ที่มองเห็นและสัมผัสได้

ภายในนิทรรศการ ผู้เข้าชมจะได้รับประสบการณ์ที่กระตุ้นประสาทสัมผัสหลากหลาย อย่างในโซน "หยินและหยาง" จะได้สำรวจพื้นที่แห่งชีวิตทั้งสี่ภายในโลงศพชั้นนอกสี่ชั้นของสุสานหมายเลขหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราเห็นถึงความพยายามของบรรพชนจีนในการไขความลับของชีวิตอย่างไม่รู้จบ และจินตนาการอันล้ำลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทางจิตวิญญาณ ส่วนในโซน "ชีวิต" ภาพวาดบนผ้าไหมรูปตัว T ก็ย้อนสู่ "ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์" อีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอ LED ทรงกลม กราฟิกโต้ตอบ และการบูรณะโบราณวัตถุในโลกดิจิทัล ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในพิธีกรรม "จากดินสู่ฟ้า" ที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพเขียนสีบนผ้าไหม นอกจากจะได้สัมผัสกับวิถีแห่งการเปลี่ยนผ่านของชีวิตแล้ว ยังจะได้เข้าถึงความคิดและความรู้สึกของชาวจีนในอดีตเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนอีกด้วย

นิทรรศการนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีแผนเดินสายออกทัวร์ทั่วโลก

ที่มา: พิพิธภัณฑ์หูหนาน 

"Beauty Incarnation - Han and Roman Female Cultural Relics Exhibition" Kicks off

Hunan Museum

On the morning of June 15, the "Beauty Personalized - Han and Roman Female Cultural Relics Exhibition" kicked off in the Hunan Museum. Precious national cultural relics, such as genuine unlined clothes of plain yarn with curving-front, are exhibited for the first time. The exhibition will last until October 7.

The exhibition, planned jointly by the Hunan Museum and Roman Cultural Heritage Supervision Administration, displays more than 200 pieces/set exhibits from 19 museums, including the Hunan Museum and Musei Capitolini (Capitoline Museums) of Rome, Italy. Items on show include bronze works, pottery, gold and silver ware, glassware, textiles, jade ware, and sculpture.

The exhibition, with a focus on women and three main spheres of their lives - their family lives, social lives and emotional lives - presents colorful female narratives in Eastern and Western cultures 2,000 years ago. By engaging Eastern and Western cultural relics in an engaging and meaningful dialogue, it reveals the cultural characteristics of the unique beauty of women from different cultural backgrounds and their pursuit of the value of shared aesthetics.  

The unlined clothes of plain yarn with curving-front, displayed for the first time, represent the peak of textile technology in the Western Han Dynasty. With a weight of 48g, it is to date the earliest example of such thin and light clothing made of undyed plain silk with square holes and a cuff and collar decorated with silk. It was unearthed from Tomb One at Mawangdui, or the Tomb of Xinzui, who, according to historical records, was the wife of Li Cang, Prime Minister of the Changsha State of the Western Han. She lived more than 2,200 years ago, and died at around the age of 50.

Also on display for the first time is a remnant of clothing with a pattern reading "live a long and happy life". The relics of the clothing were from a bamboo box in the west of Mawangdui Tomb 3, where there were "two boxes of clothes". The characters for "live a long and happy life" are the earliest loom-woven specimens of their kind to be found in unearthed silk fabrics.

On its first public exhibition is the "Painted Plaster Mural of Perseus and Andromeda", a Roman treasure from Capitoline Museums. The director of the Roman Cultural Heritage Supervision Administration told the media, "This half-moon mural, from the second half of the 4th century AD, depicts a mythological story of heroes saving beauty." The 138 Roman pieces/sets of exhibits on display are mainly from the Capitoline Museums, all exhibited in China for the first time.

Source: Hunan Museum 

Hunan Museum Hosts "The Art of Life - Mawangdui Han Dynasty Culture Immersive Digital Exhibition"

Hunan Museum

This year marks the 50th anniversary of the archaeological excavation of the Han Tombs at Mawangdui. The Hunan Museum, together with the Digital Library of China and the team of Wang Yuejin, professor at CAMLab, Harvard University, launched "The Art of Life - Mawangdui Han Dynasty Culture Immersive Digital Exhibition" on June 8, 2024.

Intended to explore ways to advance the deep integration of culture and technology, the exhibition mobilizes academic resources from around the world and employs cutting-edge multimedia technology to present the cultural heritage of the Han Tombs at Mawangdui in digitalized form through a theatrical multimedia experience, offering a glance into the essence of early Chinese civilization and artistic achievements. The exhibition delivers a holistic display of the art, imagination, and world view as reflected by the culture of Han Tombs at Mawangdui and seeks to create a new paradigm for digital presentation of cultural heritage with global influence.

The exhibition is structured around three modules: "Time and Space", "Yin and Yang", and "Life". By revealing the dynamic process of "cosmic operations - the sublimation of life", displaying the chamber structure, numerous artifacts, cultural ideas and humanistic thoughts of the Han Tombs, and unfolding the grand imagination and artistic expression of the universe and life by ancient Chinese, it embarks the audience on a "journey through space and time" that can be seen and experienced. 

The exhibition delivers to visitors a multisensory experience. In the "Yin and Yang" section, the four life spaces contained in the four-outer-layer coffins of Tomb One allow visitors to marvel at the ancient Chinese people's endless exploration of the mystery of life and their profound imagination for spiritual sublimation. In the "Life" section, the T-shaped silk paintings relive their "glorious moments". Thanks to the immersive LED ball screen, interactive dynamic graphic design, and digital restoration of cultural relics, among other technologies, visitors feel as if they were attending the "from earth to heaven" ceremony depicted in the silk paintings. While allowing the audience to experience the transformation and ascension of life, the section also offers a glimpse into the thoughts and emotions of the Chinese ancients 2,000 years ago.

The exhibition remains open to the public until February 16, 2025, with plans for a worldwide tour.

Source: Hunan Museum 

Tuesday, June 25, 2024

อินเตอร์เนชั่นแนลเอสโอเอสเผยเคล็ดลับสุขภาพและความปลอดภัยในท้องทะเลเนื่องในวันชาวเรือโลก

วันที่ 25 มิถุนายนของทุกปีตรงกับวันชาวเรือโลก (Day of the Seafarer) เป้าหมายของวันชาวเรือโลกนั้นคือการยกย่องชาวเรือจากทั่วทุกมุมโลกที่ต่างก็เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ วันชาวเรือโลกในปีนี้จึงมุ่งเน้นไปที่เคล็ดลับด้านความปลอดภัยในท้องทะเล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของชาวเรือ MedSea หน่วยงานด้านการเดินเรือของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส (International SOS) ขอนำเสนอมาตรการสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในการป้องกันการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย และความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนเรือพาณิชย์ ควบคู่ไปกับข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความท้าทายและปัญหาด้านสุขภาพในด้านต่าง ๆ ของชาวเรือ

จากข้อมูลกรณีการให้ความช่วยเหลือของ MedSea ในปี 2566 พบว่าชาวเรือต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่หลากหลายบนเรือ

ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งมักจะเกิดจากการยกของหนักผิดวิธี การอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการทำงานซ้ำ ๆ ในอิริยาบทเดิม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหมู่ชาวเรือมาโดยตลอด โดยในปี 2566 ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นอันดับที่ 4 โดยส่วนใหญ่ (40%) เกี่ยวข้องกับอาการปวดคอและหลัง นอกจากนี้ หนึ่งในสามของปัญหาด้านสุขภาพทั้งหมดที่ทำให้ชาวเรือถูกประเมินว่า ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้นั้น เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก

ในปี 2566 ปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล โดยทะยานขึ้นจากอันดับ 6 มาเป็นอันดับ 2 ของกรณีทางการแพทย์ที่พบบ่อยครั้งที่สุดของ MedSea โดย 67% ของปัญหาเหล่านี้ต้องได้รับการประเมินเพิ่มเติมเมื่อขึ้นฝั่ง เมื่อลูกเรือไม่สามารถเข้าพบทันตแพทย์บนฝั่งได้ทันที ความเจ็บปวดและความไม่สบายที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน สมาธิ การนอนหลับ และความปลอดภัยของลูกเรือได้

นอกจากนี้ ผลกระทบของโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับชาวเรือจำนวนมากก็เป็นอีกเรื่องที่ควรจะต้องพิจารณา เพราะส่วนใหญ่โรคเหล่านี้เกิดจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยโรคเรื้อรังที่พบมากที่สุดบนเรือคือ ความดันโลหิตสูง ตามมาด้วยโรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า และโรคอ้วน หากไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง โรค NCDs อาจกลายเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพชาวเรือ นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนและแม้กระทั่งเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งทำให้เรือต้องเบี่ยงเบนเส้นทางและล่าช้า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าโรค NCDs ยังคงมีแนวโน้มลุกลามเพิ่มขึ้นต่อไปทั่วโลก ภายในปี 2593 โรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคระบบทางเดินหายใจ จะคิดเป็นสัดส่วน 86% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 90 ล้านคนต่อปี1

แม้ว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดจะเป็นปัญหาที่พบได้เป็นส่วนน้อยในกรณีทั้งหมดของ MedSea แต่ในระดับโลกก็นับเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรค NCDs คิดเป็น 17.9 ล้านคนต่อปี ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามสำคัญ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งสิ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพหัวใจ เช่น การเลิกสูบบุหรี่ จึงควรเป็นสิ่งที่ทุกคนบนเรือให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

ดร. แคทเธอรีน ซินแคลร์ ที่ปรึกษาทางการแพทย์อาวุโสของ MedSea กล่าวว่า "ในขณะที่เราร่วมเฉลิมฉลองวันชาวเรือโลกและยกย่องบทบาทที่สำคัญของชาวเรือ เราก็ต้องตระหนักถึงปัญหาสุขภาพเฉพาะตัวที่พวกเขาต้องเผชิญด้วย ชีวิตบนท้องทะเลที่ยาวนาน ความโดดเดี่ยว และการเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของลูกเรือ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งเหล่านี้ยังทำให้โรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และปัญหาสุขภาพจิตแย่ลง ในฐานะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ เราต้องมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและพัฒนาสุขภาพและสวัสดิภาพของชาวเรืออย่างต่อเนื่อง"

"องค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเดินเรือมีภาระหน้าที่ในการดูแลลูกเรือ ไม่ใช่แค่เพียงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์พื้นฐานบนเรือเท่านั้น แต่ควรขยับขยายไปสู่แผนงานการจัดการสุขภาพเชิงรุกที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ชาวเรือต้องเผชิญโดยเฉพาะ ดังนั้น การจัดทำแคมเปญสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการทำงานอย่างปลอดภัยในสภาพอากาศร้อน จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากความร้อนในหมู่ชาวเรือได้มาก"

MedSea ขอแชร์เคล็ดลับดี ๆ สำหรับองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บและโรคภัยไข้เจ็บที่พบบ่อยในหมู่ชาวเรือบนเรือพาณิชย์:

  1. การดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง: พัฒนาแผนงานเพื่อช่วยให้ชาวเรือจัดการกับโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ก่อนแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพขณะอยู่กลางทะเล เน้นให้ชาวเรือใส่ใจสุขภาพ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องให้ชาวเรือเข้าถึงการรักษาพยาบาลและมีการติดตามตรวจสอบข้อมูลสุขภาพอย่างสม่ำเสม
  2. สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพฟันและช่องปาก: กระตุ้นให้ลูกเรือดูแลสุขภาพฟันอย่างจริงจัง ผ่านสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับสุขอนามัยในช่องปาก
  3. ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก: ประเมินความเสี่ยงในการทำงาน วางมาตรการความปลอดภัย เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูกที่เกิดจากการใช้เครื่องมืออย่างไม่ถูกต้อง งานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ในอิริยาบทเดิม หรือการยกของผิดวิธี
  4. ป้องกันโรคเพลียแดด/อาการเจ็บป่วยจากความร้อน: สนับสนุนให้ดื่มน้ำและพักเป็นระยะ ๆ ลดเวลาการอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการใช้อุปกรณ์หรือสวมเสื้อผ้าป้องกัน
  5. สนับสนุนการเลิกบุหรี่: จัดทำแผนงานและแหล่งข้อมูลการเลิกบุหรี่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงผลเสียของการสูบบุหรี่

ABOUT MEDSEA

MedSea is the maritime arm of International SOS. We help ship owners, managers and operators to fulfil their Duty of Care to seafarers and build a resilient workforce.

Every year we provide telemedical assistance to thousands of seafarers worldwide, supporting all types of physical and emotional health issues. When a case cannot be solved onboard, MedSea refers to our network of 85,000+ approved and verified shoreside medical providers, ensuring that seafarers receive the highest level of care possible.

For 25+ years MedSea has been supporting the worldwide maritime community, helping to maintain happy, healthy vessels. 

DAY OF THE SEAFARER: HEALTH TIPS TO SUPPORT SAFETY AT SEA

 The Day of the Seafarer (25 June) recognises the vital contribution made by seafarers from all over the world to the global community. This year, the focus of the day is on safety tips at sea, a critical factor in seafarer wellbeing. , offers practical measures for organisations to prevent common injuries, illnesses and safety concerns onboard commercial vessels, complemented by data which highlights the diverse health challenges among seafarers.

MedSea's assistance case data from 2023 shows that seafarers suffer from a wide variety of health issues onboard.

Musculoskeletal problems, often caused by improper lifting techniques, posture and repetitive tasks, have always been a concern for seafarers. In 2023, it emerged as the fourth most common medical case type, with a significant portion (40%) involving the neck and back. Additionally, one-third of all cases where seafarers are deemed unfit for duty were attributed to musculoskeletal problems.

In 2023, dental cases saw a concerning rise, jumping from MedSea's sixth most common medical case category to the second. 67% of these cases required further shoreside evaluation. When crew members cannot be immediately attended to by a dentist onshore, the pain and discomfort they experience may affect their job performance, concentration, sleep, and safety.

It is also important to consider the impact of chronic health conditions that many seafarers suffer from, primarily due to non-communicable diseases (NCDs). Hypertension is reported to be the most common chronic condition onboard ships, followed by diabetes, depression and obesity. When incorrectly managed, NCDs pose significant health risks to seafarers, potentially leading to complications and even medical emergencies, requiring vessel diversions and delays. The World Health Organization (WHO) stated that the increasing trend of NCDs will continue worldwide. By around 2050, chronic diseases such as cancer, diabetes, cardiovascular diseases and respiratory illnesses will account for 86% of the 90 million fatalities each year[1].

Whilst cardiovascular diseases represent a much smaller number of overall MedSea cases, globally they account for most NCD deaths, or 17.9 million people annually1. This poses a significant threat as potential consequences, such as a heart attack and a stroke can be potentially life-threatening. Protecting heart health, for example through eliminating tobacco use, should be a key priority for all onboard. 

Dr Katherine Sinclaire, Senior Medical Advisor at MedSea says "As we celebrate the Day of the Seafarer and recognise their critical role, it is important to acknowledge the unique health challenges they face. Long stretches at sea, isolation and exposure to harsh environments can significantly impact crewmembers' wellbeing and exacerbate chronic conditions like hypertension, diabetes and mental health conditions. As an industry, we must continue to focus upon prevention and improving the overall health and welfare of our seafarers.

"Organisations within the Maritime industry have a Duty of Care that goes beyond basic medical facilities onboard and moves towards proactive health management programmes, designed to address the specific challenges seafarers encounter. Running awareness campaigns about safe working practices in hot environments can significantly reduce the risk of heat-related illness among seafarers".

MedSea shares top tips for organisations to prevent common injuries and illnesses among seafarers onboard commercial vessels:

  1. Chronic condition support: develop programmes to help seafarers effectively manage pre-existing chronic conditions while at sea. This could include encouraging seafarers to maintain a healthy lifestyle, eating a well-balanced diet and exercising regularly. It is also important to provide access to medical care and regularly monitor health data.
  2. Raise awareness of the importance of dental health: encourage crewmembers to be proactive with their dental care through educational materials on oral hygiene.
  3. Prevention of musculoskeletal problems: conduct job risk assessments and implement safety protocols to minimise musculoskeletal problems arising from incorrectly using tools, repetitive tasks or improper lifting techniques.
  4. Heat exhaustion/illness prevention: Encourage regular hydration and breaks, limit time spent outside during peak hours of heat and ensure use of protective clothing or equipment.

Provide smoking cessation support: offer smoking cessation programmes and resources to raise awareness of the negative impacts of smoking

ABOUT MEDSEA

MedSea is the maritime arm of International SOS. We help ship owners, managers and operators to fulfil their Duty of Care to seafarers and build a resilient workforce.

Every year we provide telemedical assistance to thousands of seafarers worldwide, supporting all types of physical and emotional health issues. When a case cannot be solved onboard, MedSea refers to our network of 85,000+ approved and verified shoreside medical providers, ensuring that seafarers receive the highest level of care possible.

For 25+ years MedSea has been supporting the worldwide maritime community, helping to maintain happy, healthy vessels.

[1] World Health Organization | Fact Sheet: Non-Communicable Diseases

“IMCAS Asia 2024 17th Edition and 12th ITCAM” งานประชุมเวชศาสตร์ความงามระดับโลก ตอกย้ำไทยเป็นศูนย์กลางทาง เวชศาสตร์ความงามระดับโลก

สมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทย (Thai Cosderm) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ IMCAS(International Master Course on Aging Science) ซึ่งเป็นองค์กรจัดงานประชุมระดับโลกด้านการแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์พลาสติก เวชศาสตร์ความงาม จากประเทศฝรั่งเศส จัดงานประชุมนานาชาติ "IMCAS Asia 2024 17th Edition and 12th ITCAM" ขึ้น ซึ่งเป็นงานประชุมเวชศาสตร์ระดับโลกที่รวบรวมแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ และแพทย์ความงามผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 315 ท่านจากทั่วโลกมาบรรยายภายในงาน เพื่อตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางทางด้านเวชศาสตร์ความงามระดับโลกของประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงาน พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมเปิดงาน ณ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ซูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ

สำหรับการประชุมนานาชาติ "IMCAS Asia 2024 17th Edition and 12th ITCAM"ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นปีที่ 6 ในระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2567 โดยมีเป้าหมาย 4 ประการ ได้แก่

  1. ส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ทางด้านเวชศาสตร์ความงามให้แก่แพทย์ไทยและนานาชาติ
  2. เสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและตอกย้ำความเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพของวงการเวชศาสตร์ความงามไทย
  3. สร้างสายสัมพันธ์แพทย์ความงามผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศผ่านเวทีการประชุมระดับโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
  4. ส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทางด้านเวชศาสตร์ความงาม


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นที่น่าดีใจที่ประเทศไทย, กรุงเทพมหานครของเราได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมระดับโลก IMCAS ASIA 2024 และได้มีโอกาสต้อนรับแพทย์ความงามจากทั่วโลกที่ลงทะเบียนในงานกว่า 2,500 คนอีกครั้ง ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมและความเป็นมหานครชั้นนำของเมืองไทย ทั้งทางด้านความปลอดภัย โครงสร้างสิ่งแวดล้อม การเดินทาง และบรรยากาศแห่งการศึกษาและความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการประชุมวิชาการระดับสากล

อนึ่ง การแพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ความงามเป็นสาขาวิชาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นที่สนใจแก่บุคลากรทางการแพทย์จากหลากหลายประเทศ กรุงเทพมหานครของเราถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางทางการศึกษาในแขนงวิชานี้และกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นอันดับหนึ่ง ของการเป็น Antiaging and Aesthetic hub of Asia จึงน่าภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แพทย์ไทยได้รับโอกาสในการแสดงความสามารถและพัฒนาความรู้ร่วมไปกับแพทย์จากนานาประเทศใน platform การประชุมที่เป็นสากล สอดคล้องกับความเป็น High tech ที่มี High touch สำหรับการดูแลคนไข้ระดับมาตรฐานสูงสุด

ผู้บริหารของสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทย ได้แก่แพทย์หญิงนลินี สุทธิพิศาล นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทย และแพทย์หญิงอัจจิมาสุวรรณจินดา แพทย์ผิวหนังและศัลยกรรมผิวหนังประธานการจัดงานและฝ่ายวิชาการของสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทย และนายแพทย์ไพศาล รัมณีย์ธร กรรมการบริหารและวิชาการของสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า งานประชุมในครั้งนี้ ทางสมาคมได้ร่วมกับ อิมคาส IMCAS (International Master Course on Aging Science) องค์กรจัดงานประชุมระดับโลกด้านการแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์พลาสติก เวชศาสตร์ความงาม และฟื้นฟูความเสื่อม จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการจัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติในรูปแบบ World Congress ทุกปีที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมมากสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อปี นอกจากนี้ IMCAS ยังได้มีการจัดการประชุมในเอเชีย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแถบเอเชียที่ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางการจัดงาน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมแบบ onsite จากทั่วโลก มากกว่า 2,500 คน รวมถึงมีการจัดแสดงเครื่องมือทางการแพทย์มากกว่า 100 บูท และมีผู้บรรยายจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 315 คน


ภายในงานประชุมวิชาการ ได้มีการอัพเดทข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเทคนิคขั้นตอนการผ่าตัด (การปลูกถ่ายเต้านม การผ่าตัดเสริมจมูก การดูดไขมัน การเติมไขมัน ฯลฯ) และการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด (การสาธิตฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก การร้อยไหม เลเซอร์ และ Obesity management and surgery aesthetics, LGBT aesthetic ฯลฯ) มีการถ่ายทอดสด การสอนด้านกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) จากโรงเรียนแพทย์ ในประเทศฝรั่งเศส มายังประเทศไทย โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแพทย์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า เพื่อที่จะสามารถฉีดได้อย่างถูกต้อง และทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้เข้ารับบริการ เนื่องจากเป็นหัตถการที่สามารถทำให้เกิดอันตราย จากภาวะฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดทำให้เกิดผิวหนังตาย สูญเสียการมองเห็น หลอดเลือดสมองอุดตัน ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด การติดเชื้อที่ผิวหนังแบบเรื้อรัง

นอกจากการถ่ายทอดสดการสอนจากฝรั่งเศสแล้ว ภายในงานยังได้มีการบรรยายเกี่ยวกับอนาคตการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูความเสื่อม (Regenerative medicine) ของประเทศไทย กล่าวได้ว่า การรักษาด้วยเซลล์, ยีน, และเอ็กโซโซม ถือเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำสมัยที่มีศักยภาพสูงในการก้าวข้ามขีดจำกัดของการรักษาในปัจจุบัน และประเทศไทยได้มีการคิดค้นนวัตกรรมทางด้านนี้ อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงเหล่านี้นั้น จำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตยาตามแนวทางของ GMP PIC/S ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาตรฐานการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเชื่อมโยงกับ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษาเป็นอย่างมาก ดังนั้น งานประชุมในเวทีระดับนานาชาติจึงมีความสำคัญอย่างมากในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับแพทย์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาเกินจริงจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้รับบริการ

ภายในงานยังมีการจัดแสดงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก รวมถึงยกระดับศักยภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เครื่องมือและการให้บริการทางการแพทย์ให้เทียบเท่ากับระดับสากล

ช่องทางอัปเดตข่าวสารสำหรับการจัดประชุมในครั้งถัดไป https://itcam.org/Home 

เว็บไซต์https://itcam.org/Home 

เฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/itcamcongress 

Monday, June 24, 2024

เขตกวนซานหู มณฑลกุ้ยโจว จัดกิจกรรม "นิเวศวิทยา +" มุ่งส่งเสริมระบบนิเวศ-การท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2567 กิจกรรม "ฤดูกาลทางนิเวศ" (Ecological Season) ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ เขตกวนซานหู ในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน นับเป็นปีที่สามติดต่อกันแล้วที่กิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นที่เขตกวนซานหู โดยสำนักประชาสัมพันธ์รัฐบาลเขตกวนซานหู สำหรับงานในปีนี้มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายในสามหัวข้อ ได้แก่ "นิเวศวิทยา + การศึกษาดูงาน" (ecology + study tour) "นิเวศวิทยา + ดนตรี" (ecology + music) และ "นิเวศวิทยา + การศึกษา" (ecology + education)

หลี่ อี้จวิน (Li Yijun) นักศึกษาจากกว่างโจวที่เข้าร่วมกิจกรรม "นิเวศวิทยา + การศึกษาดูงาน" กล่าวด้วยความคาดหวังว่า "เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนกุ้ยหยาง รู้สึกแปลกใหม่ที่ได้เห็นทิวทัศน์ของภูเขา แม่น้ำ และความเขียวขจีจากรถไฟความเร็วสูง และหวังว่าจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความงามของนิเวศวิทยาทางธรรมชาติด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ หวังว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน"

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สภาพแวดล้อมทางนิเวศของเขตกวนซานหูดีขึ้นทุกปี โดยคุณภาพอากาศได้มาตรฐานทุติยภูมิแห่งชาติ 6 ปีติดต่อกัน ขณะที่สัดส่วนน้ำผิวดินคุณภาพดีในทะเลสาบและแม่น้ำหลักอยู่ที่ระดับ 100% ส่วนคุณภาพสภาพแวดล้อมทางเสียงยังคงมีเสถียรภาพ ด้านสัดส่วนสภาพแวดล้อมทางเสียงคุณภาพดีในเมืองในเวลากลางวันและกลางคืนอยู่ที่ 100% นอกจากนี้ จำนวนสวนสาธารณะทั้งหมดยังมีมากถึง 206 แห่ง และความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัยที่มีต่อสภาพแวดล้อมทางนิเวศสูงถึง 93.63%

การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางนิเวศอย่างต่อเนื่องในเขตกวนซานหูสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยสำนักงานการท่องเที่ยวเขตกวนซานหูระบุว่า เขตกวนซานหูได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบค้างคืนจำนวน 6.39 ล้านคนในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2566 นอกจากนั้นยังมีนักท่องเที่ยวราว 420,000 คนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2567 และประมาณ 600,000 คนในช่วงวันแรงงานปี 2567

ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์รัฐบาลเขตกวนซานหู 

Call for Applications - UN Women 2024 Asia-Pacific WEPs Awards

UN Women is accepting applications for the 2024 Asia-Pacific Women's Empowerment Principles (WEPs) Awards. These biannual awards recognize private businesses of all size and sector across the Asia-Pacific region that champion gender equality in the workplace, marketplace, and community, in alignment with the WEPs.

The WEPs is a globally recognized set of 7 principles guiding businesses towards gender-responsive policies and practices across their value chains. Globally, nearly 9,700 companies have become WEPs Signatories, and in the Asia-Pacific more than 2,500 companies have committed. The Asia-Pacific WEPs Awards have become the premier regional initiative for private sector organizations to showcase their efforts for gender equality, with over 1,500 applications from 1000+ companies across 20 countries during the 2020-2022 cycles.

Organized with the continued support of the Australian Department of Foreign Affairs and Trade (DFAT), the 2024 WEPs Awards will feature six categories: Innovative Financing (highlighted for 2024), Leadership Commitment, Gender-inclusive Workplace, Gender-responsive Marketplace, Community Engagement & Partnerships, and Transparency & Reporting. Additionally, three SME Champion awards will recognize outstanding small and medium-sized enterprises.

National WEPs Awards will be held in October in India, Indonesia, Malaysia, the Philippines, Thailand, and Viet Nam. Winners from these countries and all other applicants will compete for regional honors at the 2024 Regional WEPs Awards Ceremony in November.

This is a unique opportunity for business leaders to gain national, regional and global recognition and visibility for their commitment to gender equality and to inspire broader action. Visit WEPs Awards website to apply today. 

โคโคเทล เปิดตัวคอนเซปต์แบรนด์สุดว้าว "Kokotel as Entertainment"

นิยามใหม่ของประสบการณ์การเข้าพักที่ผสานความบันเทิงสำหรับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว

โคโคเทล (Kokotel) แบรนด์โรงแรมในเครือบริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (Koko Global Hospitality Co., Ltd.) เปิดตัวคอนเซปต์แบรนด์ใหม่ "Kokotel as Entertainment" เพื่อนำเสนอบริการและมอบประสบการณ์สุด "ว้าว" ยิ่งกว่าเดิม ให้กับลูกค้ากลุ่มเพื่อนและครอบครัว

คอนเซ็ปต์แบรนด์: "Kokotel as Entertainment"

นิยามใหม่ของประสบการณ์การเข้าพักโรงแรมที่ผสานความบันเทิงสำหรับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากไอเดีย "Wow our Friends & Family" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์โคโคเทล เพราะโคโคเทลเห็นว่า ทุกทริปการเดินทางกับเพื่อน ๆ และสมาชิกในครอบครัวนั้นถือเป็นช่วงเวลาและประสบการณ์ที่น่าจดจำ โคโคเทลจึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์สุด "ว้าว" ที่จะสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนและครอบครัว

"หลังจากที่ได้ขยายโรงแรมไปกว่า 10 สาขา ภายในระยะเวลาเพียง 8 ปี ปัจจุบัน 'โคโคเทล' พร้อมแล้วที่จะสร้างความแปลกใหม่อีกครั้ง เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่  'Kokotel as Entertainment' เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่จะทำให้โรงแรมเป็นมากกว่าที่พักทั่วไป ด้วยเซอร์ไพรส์สนุกสนานมากมาย ช่วงเวลาที่น่าจดจำไม่รู้ลืม และบริการด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง เราตั้งใจสร้างประสบการณ์สุดว้าวยิ่งกว่าเดิมเพื่อแขกผู้เข้าพักไม่ว่าจะเป็นครอบครัวและเพื่อนฝูงได้พึงพอใจกับการใช้บริการโคโคเทล" เรย์ มัทสึดะ (Rei Matsuda) ซีอีโอ กล่าว

สนุกสนาน ประทับใจ และใส่ใจคุณค่าที่โคโคเทลตั้งใจมอบให้กับทุกคน

คอนเซ็ปต์ "Kokotel as Entertainment" เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2567 โดยให้ความสำคัญกับสามหัวใจหลัก ได้แก่ ความสนุกสนาน ความประทับใจ และความใส่ใจ

บริการที่มีอยู่: (มีให้บริการเฉพาะบางสาขา)

  • ความสนุกสนาน: มาสคอตน้องแกะสุดน่ารัก สไลเดอร์ และสนามเด็กเล่น นำมาซึ่งรอยยิ้มและความสนุกสนานให้กับเด็ก ๆ
  • โมเมนต์แห่งความประทับใจ: เราดูแลทุกครอบครัวด้วยห้องพักที่รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-4 คน พร้อมด้วยคาเฟ่ภายในล็อบบี้ของโรงแรมที่เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อน เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความผูกพันและความใกล้ชิดที่น่าประทับใจ
  • การดูแลใส่ใจ: พนักงานของเราให้บริการด้วยความใส่ใจ การันตีด้วยคะแนนรีวิวบนแพลตฟอร์ม OTA สูงกว่า 8.5 คะแนนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตียงที่นุ่มสบาย และห้องพักแสนสะอาด เพื่อให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่

บริการใหม่: (มีให้บริการเฉพาะบางสาขา)

นอกเหนือจากบริการที่มีอยู่แล้ว โคโคเทลยังให้บริการใหม่ ๆ ดังต่อไปนี้

  • ความสนุกสนานของว่างและขนมต้อนรับ
    โคโคเทลเสิร์ฟขนมต้อนรับให้คุณได้เลือกอย่างจุใจ เพื่อสร้างบรรยากาศการเข้าพักที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณก้าวเข้ามาในโรงแรมของเรา
  • โมเมนต์แห่งความประทับใจ: กางเกงแบบไทย ๆ ลายน้องแกะโคโคเทล
    เราได้เตรียมกางเกงแบบไทย ๆ ลายน้องแกะโคโคเทลไว้ให้แขกได้สวมใส่เป็นชุดลำลองที่เข้ากัน เพื่อเก็บภาพความทรงจำการเข้าพักที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
  • การดูแลใส่ใจบริการสิ่งอำนวยความสะดวก
    ผู้เข้าพักสามารถเลือกใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ซึ่งทางโรงแรมได้จัดเตรียมไว้ให้ เพื่อการพักผ่อนที่สะดวกสบายและปลอดภัย ตั้งแต่อุปกรณ์สำหรับเด็ก เช่น เตียงนอนสำหรับเด็กและอ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก ไปจนถึงของใช้สำหรับผู้ใหญ่ เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและครีมกันแดด เราก็มีพร้อมให้บริการ

ภาพยนตร์แอนิเมชันแนะนำแบรนด์อย่างเป็นทางการ

ขอเชิญรับชมภาพยนตร์ที่นำเสนอคอนเซปต์ของแบรนด์ ทางช่องยูทูบ (YouTube) ของเรา โดยมีมาสคอตน้องแกะโคโคเทลเป็นผู้บรรยาย ซึ่งจะพาผู้ชมไปสำรวจและทำความเข้าใจคอนเซ็ปต์แบรนด์อย่างลึกซึ้ง ด้วยรูปแบบที่สนุกสนานและให้ข้อมูลครบถ้วน โดยสามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/SDmTTsu0F_U

เกี่ยวกับโคโคเทล

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 โคโคเทลได้เติบโตอย่างต่อเนื่องปัจจุบัน มีสาขาทั้งหมด 11 สาขาในประเทศไทย และอีก 1 แห่งในประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดโคโคเทลได้วางเป้าหมายที่จะขยายสาขาไปยังประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอื่น ๆ ต่อไป สำหรับคอนเซ็ปต์ "Kokotel as Entertainment" สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาหลักของแบรนด์โคโคเทล นั่นคือ "Wow our Friends & Family" หรือการสร้างความ "ว้าว" ให้กับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว

เกี่ยวกับบริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด

โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ เป็นบริษัทบริหารโรงแรมระดับมืออาชีพที่มุ่งมั่นสร้างความประทับใจสูงสุดให้แก่เจ้าของโรงแรม ผู้เข้าพัก และพนักงานของโรงแรม บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2558 และได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโรงแรมภายใต้การบริหารมากกว่า 20 แห่งในประเทศไทย

กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.kokoglobalhospitality.com/ 

Kokotel Announces New Brand Concept "Kokotel as Entertainment"

Redefining hotel experience as entertainment for friends and families

Kokotel, a brand under Koko Global Hospitality Co., Ltd., announces the launch of its "Kokotel as Entertainment" concept. The concept introduces new contents for guests to deliver more "Wow" experiences for friends and families.

Brand Concept: "Kokotel as Entertainment"

This new brand concept goes beyond just a place to sleep, redefining hotel experience as entertainment for friends and families. This concept is inspired by Kokotel's brand philosophy of "Wow our Friends & Family". Every trip with friends and families is a once-in-a-lifetime experience. Kokotel exists to bring "Wow" moments for friends and families.

"After growing to over 10 properties in just 8 years, 'Kokotel' is now ready to be reborn. We're thrilled to launch 'Kokotel as Entertainment,' the new brand concept that elevates the guest experience beyond accommodation. With playful surprises, memorable moments, and exceptional care, we aim to create more wow moments for families and friends at Kokotel", Rei Matsuda, CEO said.

Playful, Memorable, and Caring: The Core Values Kokotel Deliver

Launched in June 2024, the "Kokotel as Entertainment" concept revolves around three core values: Playful, Memorable, and Caring.

Existing Contents: (They are limited to certain facilities.)

  • Playful: The iconic sheep mascot, slides and kids' spaces keep laughter and fun for children.
  • Memorable: Family-friendly rooms for 3-4 people and a cafe at the lobby foster connection and shared moments.
  • Caring: Exceptional staff hospitality consistently exceeding 8.5 on OTA reviews, comfortable beds, and unwavering cleanliness ensure relaxing time for guests.

New Contents (They are limited to certain facilities.)
Adding to the existing contents, Kokotel introduces these brand new offerings:

  • Playful: Welcome Snack Harvest
    Welcome snacks are available to pack as much as you like. A sweet arrival with a snack set the tone for a playful stay.
  • MemorableOriginal Thai-style pants
    Thai pants with original design are available as matching loungewear. With matching loungewear, the hotel stay will be more memorable.
  • CaringAmenity Station
    Guests can choose from a selection of amenities necessary for a safe and secure stay, from items for children such as baby bed and baths, to items for adults such as skin care and sunscreen.

Official Animated Movie
The brand's concept movie is now available on YouTube. Narrated by the Kokotel sheep mascot, this engaging video delves into the brand concept in an informative and entertaining manner. Please visit [https://youtu.be/SDmTTsu0F_U ].

About Kokotel
Since its foundation in 2016, Kokotel has grown to 11 locations in Thailand and 1 in Japan. Now, with its sights set on expansion to the Philippines and beyond, Kokotel's "Kokotel as Entertainment" campaign embodies the brand's core philosophy of "Wow our Friends & Family".

About Koko Global Hospitality Co., Ltd.

Koko Global Hospitality is a professional operating firm who maximize 'Wow" for hotel owners, guests, and staff. The company started a business in 2015 and has now grown to operate over 20 properties in Thailand.

For more information, visit https://www.kokoglobalhospitality.com/ 

"คุณหมอวี" ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง (Plastic Surgery) ประจำ Emma Clinic เข้าร่วมประชุม Structure Preservation Rhinoplasty 2024 ประเทศตุรกี

นายแพทย์ วีรกานต์ สถิตนิรามัย ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง (Plastic Surgery) ประจำ EMMA Clinic ได้เดินทางเข้าร่วมงานประชุมเทคนิคเสริมจมูก ซึ่งมีแพทย์จากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 900 กว่าคน ที่ประเทศตุรกี ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเสริมจมูก และรวมไปถึงการอัพเดทเครื่องมือใหม่ ๆ ที่นำมาปรับใช้ในการเสริมจมูกอีกด้วย


ปัจจุบัน การเสริมจมูกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ด้วยความรู้และประสบการณ์การเสริมจมูกแบบโอเพ่น ของคุณหมอวีที่เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ EMMA Clinic จึงได้พัฒนาหาความรู้ด้านเทคนิคการเสริมจมูก และอัพเดทเครื่องมือใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อที่นำมาปรับใช้ให้กับผู้รับบริการ ที่มีความสนใจในการการเสริมจมูก

คุณหมอวี เรียกได้ว่าเป็นศัลยแพทย์ที่ใส่ใจถึงรายละเอียด และให้ความสำคัญในเรื่อง การเสริมจมูกแบบโอเพ่น เข้าใจในความต้องการของผู้รับบริการได้เป็นอย่างดี และเต็มที่ในทุก ๆ เคส เพื่อผู้รับบริการสามารถแก้ไข และตอบโจทย์โครงสร้างจมูกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเข้ากับรูปหน้าของผู้รับบริการ 


Guizhou Guanshanhu District moving from "ecological beauty" to "ecology +"

The Publicity Department of Guanshanhu District Government

On June 15, 2024, the "Ecological Season" series of activities officially began in Guanshanhu District of Guiyang City, Guizhou Province. This is the third consecutive year of "Ecological Season" series activities in Guanshanhu District. Hosted by the Publicity Department of Guanshanhu District government, this year's "Ecological season" carries out a number of interesting activities around the three sections of "ecology + study tour", "ecology + music" and "ecology + education".

A student named Li Yijun from Guangzhou who participated in the "ecology + study tour" said expectantly, "This is my first time in Guiyang, I feel new to the landscape of mountains, rivers and green scenery on the high-speed train. I hope to learn more about the beauty of natural ecology by participating in this activity, and hope the ecological tour will be the a harvest of knowledge and fun."

In recent years, the ecological environment of Guanshanhu District is improving year by year. The air quality has reached the national secondary standard for six consecutive years. The proportion of good quality of surface water in major lakes and rivers has reached 100%, the acoustic environment quality remains stable, the proportion of good quality of urban acoustic environment in daytime and night is 100%, the total number of various park is 206, and the satisfaction of the district residents to the ecological environment reached 93.63%.

The continuous improvement of the ecological environment of the Guanshanhu District has also attracted tourists from all over the world. According to the tourism department of the district, Guanshanhu District has a reception of 6.39 million overnight visitors from January to November 2023, about 420,000 visitors during the Spring Festival in 2024, about 600,000 visitors during the 2024 May Day holiday.

Source: The Publicity Department of Guanshanhu District Government 

Friday, June 21, 2024

5 "Art Toy" ยอดฮิต ของแรร์ที่นักสะสมตามหา

กระแสความนิยม "อาร์ตทอย" (Art Toy) เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในไทยซึ่ง "อาร์ตทอย" ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของเล่นสำหรับเด็กเท่านั้น แต่กลายเป็นของเล่นและของสะสมที่มีการออกแบบสะท้อนถึงตัวตนและความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินผู้สร้างสรรค์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีดีไซน์คาแรกเตอร์หลากหลาย ผลิตออกมาจำกัด และด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้ "อาร์ตทอย" เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกช่วงวัย หลายคาแรกเตอร์กลายเป็นของหายากที่หลายคนตามหา แม้ราคาซื้อขายในตลาดจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม

จากกระแสความนิยม "อาร์ตทอย" บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด จึงได้นำเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 30 พฤษภาคม 2567 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ พบว่าบนโซเชียลมีเดียมีการพูดถึง (Mention) "อาร์ตทอย" 4,964 ครั้ง และได้รับการมีส่วนร่วม หรือเอนเกจเมนต์ (Engagement) รวม 2,207,642 ครั้ง โดยแพลตฟอร์ม Facebook เป็นช่องทางที่ได้รับการพูดถึงและมีเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) สูงที่สุด


ส่วน Art Toy คาแรกเตอร์ยอดนิยม 5 อันดับแรกที่คนในโซเชียลฯ มีส่วนร่วม (Engagement) และให้ความสนใจมากที่สุดในช่วงเวลาสำรวจ ได้แก่ Labubu (ลาบูบู้) 51.7%, Crybaby (ครายเบบี้) 30.4%, Molly (มอลลี่) 12.8%, POP MART x Jackson Wang 1.6%, SKULLPANDA (สคัลแพนด้า) 1.3% และ อื่นๆ 2.2% ตามลำดับ

Labubu (ลาบูบู้) : เป็นเอลฟ์เพศหญิง มีดวงตาที่ใหญ่โต หูยาวเหมือนกระต่าย ปากกว้าง ฟันหยัก ตัวเล็กแต่สูง ที่มีนิสัยซุกซนแต่ก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์จากจักรวาล The Monster ถูกสร้างโดยศิลปินชาวฮ่องกง ชื่อ Kasing Lung 

Crybaby (ครายเบบี้): เป็นคาแรกเตอร์ที่ออกแบบโดยศิลปินคนไทย ชื่อ คุณมด นิสา ศรีคำดี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "คุณมอลลี่" ทั้งนี้ Crybaby เป็นเด็กน้อยที่ทำหน้าเศร้าพร้อมกับหยดน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา 

Molly (มอลลี่) : เป็นอาร์ตทอยคาแรกเตอร์แรกที่ POP MART นำมาขาย ซึ่งมีลักษณะเป็นเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะเด่นเป็นดวงตาสีเขียวมรกตและปากคว่ำ นิสัยดื้อรั้น มีความมั่นใจในตัวเอง มุมานะ ทะนงตน แต่ก็มีความร่าเริงและฉลาดอีกเช่นเดียวกัน โดยก่อนที่จะเข้ามาเป็นโมเดลแรกของ POP MART นั้น Molly ถูกสร้างโดยศิลปินชาวฮ่องกง ชื่อ Kennys Wong ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเด็กผู้หญิงในงานการกุศลที่เขาได้ไปร่วมงาน

POP MART x Jackson Wang : เป็นอาร์ตทอยที่ทาง POP MART ร่วมมือกับ Jackson Wang สร้างอาร์ตทอยทั้งหมด 6 แบบ พร้อมโมเดล Secret 1 ตัว โดยแต่ละโมเดลอ้างอิงจากประสบการณ์ของ Jackson Wang ทั้งในเรื่องงานเพลงและการแสดงคอนเสิร์ต

SKULLPANDA (สคัลแพนด้า) : เป็นคาแรกเตอร์ที่เป็นเด็กผู้หญิงหน้าหวาน มีลักษณะเด่นคือมีลูกกลม ๆ บริเวณหูทั้งสองข้าง (ลูกกลม ๆ เหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมากจากดาวเคราะห์) โดย Skullpanda มีความสามารถในการท่องเวลาไปยังอวกาศและโลกคู่ขนานได้ เพื่อตามหาตัวตนของตัวเอง ซึ่งอ้างอิงมาจากผู้สร้าง (คุณ Xiongmao) ที่กำลังออกตามหาเส้นทางศิลปะของตัวเองอยู่

Art Toy คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม?

อาร์ตทอย (Art Toy) คือของเล่นสะสมที่ถูกสร้างขึ้นโดยแบรนด์ที่ร่วมมือกับศิลปินต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้อาร์ตทอยแต่ละรุ่นแต่ละคาแรกเตอร์มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น น่าค้นหา และมีเรื่องราวที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตามสไตล์ของศิลปินแต่ละคน จุดนี้ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจเก็บสะสม จนทำให้ในบางช่วงอาร์ตทอยที่เป็นที่นิยมมาก ๆ นั้นขาดตลาดกันเลยทีเดียว อีกทั้งในบางครั้งยังมีศิลปิน ดารา หรือเซเลบริตี้นำของเล่นของสะสมเหล่านั้นออกมาโชว์หรือนำมาใช้เป็นเครื่องประดับในการแต่งกาย จึงยิ่งทำให้กระแสการสะสมอาร์ตทอยน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้บรรดาแฟนคลับพร้อมใจกันกระโดดเข้ามาในวงการการสะสมอย่างไม่ลังเล

แบรนด์ POP MART คือใครและส่งผลต่อตลาด Art Toy ในไทยอย่างไร ?

Pop Mart แบรนด์ Art Toy สัญชาติจีนที่มีการร่วมงานกับศิลปินที่หลากหลายซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถขยายสาขาไปได้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ ด้วยความที่มีการร่วมมือกับศิลปินหลายคน Art Toy จาก POP MART จึงมีหลากหลายสไตล์เช่นเดียวกัน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในไทยได้อย่างกว้างขวาง ประกอบกับวิธีการขายแบบกล่องสุ่มที่ทำให้นักสะสมรู้สึกตื่นเต้นและมีความคาดหวังกับสิ่งที่จะได้ จนทำให้ร่างกายหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) หรือสารที่ทำให้เรารู้สึกดีจากประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมของนักสะสมให้มีแรงจูงใจอยากกลับซื้อซ้ำอีก จนทำให้แบรนด์ POP MART กลายเป็นที่นิยมในที่สุด 

วิเคราะห์กลยุทธ์ของ POP MART ที่ทำให้ผู้คนหลงไหล Art Toy ผ่านกรอบความคิด *EVO

  • การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (Experience) เช่น การจัดวางหน้าร้านที่ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นขณะเดินห้าง ไม่ว่าจะเป็นการที่มีลูกค้าต่อแถวยาวออกไปจนถึงนอกร้าน หรือการจัดแสดง Art Toy ให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจ รวมถึงการติดป้าย Soldout สำหรับคาแรกเตอร์ยอดนิยม ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์และการนำกลยุทธ์มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การสร้างค่านิยม (Values) ซึ่งเป็นมากกว่าแค่การเก็บ Art Toy ไว้สะสม แต่คือการ represent ตัวตนของเจ้าของผ่านของเล่นเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บสะสม Art Toy ที่ช่วยสื่อถึงตัวตนความเป็นเด็กที่เราเก็บซ่อนเอาไว้ การแต่งตัวให้กับเหล่าตุ๊กตารุ่นต่าง ๆ ตามสไตล์ของแต่ละคน และความรู้สึกล้ำค่าจากการได้รับตัวที่เราชื่นชอบมาก ๆ หรือตัวที่มีความหายาก
  • การมอบสิ่งที่คุ้มค่าให้ผู้บริโภค (Offer) คือ การเสนอช่องทางซื้อที่หลากหลาย เช่น หน้าร้าน ออนไลน์ รวมถึงตู้กดตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อ

[*EVO กรอบความคิด EVO (Experience-Values-Offer) เป็นเครื่องมือเฉพาะของกลุ่มดาต้าเซ็ตที่จะใช้วิเคราะห์การสื่อสารของแบรนด์และเป็นตัวช่วยในการกำหนดกลยุทธ์ และวัดประสิทธิผลการสื่อสารของแบรนด์ผ่านเกณฑ์ประสบการณ์ของลูกค้า (Experience) คุณค่าของแบรนด์ (Values) และข้อเสนอของแบรนด์ (Offer)]

"ลิซ่าจุดกระแส "ลาบูบู้ฟีเวอร์ปั่นราคาในตลาด

หลังจากที่มีภาพ "ลิซ่า" ลลิษา มโนบาล ไอดอลสาวไทย สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ประดับโลกอย่าง BLACKPINK ที่โพสต์ภาพตัวเองกับลาบูบู้ (Labubu) ยิ่งทำให้ความต้องการเพิ่มมากขึ้นซึ่งอาการนี้สามารถเรียกว่า "Fear of missing out หรือ FOMO" เนื่องจากหลายคนกลัวที่จะตกกระแส ส่งผลให้เกิดความรู้สึกไม่อยากพลาดเทรนด์ และต้องการมี Labubu สักตัวมาไว้ครอบครอง อาการนี้นำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ราคาของ Labubu ถูกอัพสูงขึ้น จากราคาหลักร้อยสู่หลักพันในชั่วพริบตา และยังเกิดการแย่งกันซื้อในสังคมออนไลน์ 

ทั้งนี้ POP MART ยังใช้กลยุทธ์ FOMO ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการขายแบบกล่องสุ่ม รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น และกิจกรรมที่น่าสนใจ จนทำให้ POP MART สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นสาขาที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก 

ความนิยมของ Art Toy จาก POP MART กับการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

จากกระแสความนิยมของ POP MART ยังมีอีกสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ คือ โอกาสทางธุรกิจที่มีการใช้อาร์ตทอยที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้น ๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการทำ Marketing เพื่อส่งเสริมการขาย หรือแม้กระทั่งการใช้โปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยวิธีการส่วนใหญ่ที่ภาคธุรกิจมักจะใช้กัน คือ การสร้างกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมซื้อสินค้าของตน โดยมีรางวัลเป็นเหล่าอาร์ตทอยรุ่นต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีโครงการร่วมบริจาคโลหิตกับ POP BLOOD GIVER CAMPAIGN ของสภากาชาดไทยที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมผ่าน DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 29 เมษายน 30 พฤษภาคม 2567