Thursday, March 30, 2017
The Mikey Czech Foundation บริจาค 1 ล้านดอลลาร์ให้ Dana-Farber Cancer Institute เพื่อใช้วิจัยโรคเนื้องอกสมองในเด็ก DIPG
The Mikey Czech Foundation, Inc. ( www.mikeyczech.org ) มูลนิธิไม่แสวงผลกำไรตามมาตรา 501(c)(3) ที่ก่อตั้งโดยสตีเฟน เจ. และเจนนิเฟอร์ แอล. เชค เพื่อสนับสนุนเงินทุนในการวิจัยโรคเนื้องอกสมองในเด็ก ประกาศบริจาคเงิน 1,000,000 ดอลลาร์ให้แก่ศูนย์ประสาทและเนื้องอกวิทยาในเด็ก แห่งสถาบันมะเร็ง Dana-Farber Cancer Institute ในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งบริหารงานโดยดร.นพ.มาร์ค ดับเบิลยู. เคียแรน โดยเงินบริจาคดังกล่าวถือเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่ทางสถาบันเคยได้รับมาเพื่อใช้ในการวิจัยโรค Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG) ซึ่งเป็นเนื้องอกสมองในเด็กที่คร่าชีวิตเจมส์ ไมเคิล "ไมกี้" เชค วัย 11 ขวบ ในปี 2551
DIPG เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณก้านสมองและส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสมองของเด็กวัย 3-16 ปี โดยจะทำลายเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตาและใบหน้า รวมถึงกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืน ผู้ป่วยจะมีอาการเห็นภาพซ้อน ปิดตาไม่สนิท ใบหน้าหย่อนข้างเดียว และเคี้ยวกลืนลำบาก เนื้องอกประเภทนี้ยังส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสั่งการส่วนบนของสมอง ทำให้แขนขาอ่อนแรง พูดและเดินได้ลำบาก เมื่อเนื้องอกโตขึ้น เด็กๆจะเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมแขนขา จากนั้นจะสูญเสียความสามารถในการกลืนและหายใจ ทว่าผู้ป่วยจะยังมีสติครบถ้วนและรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดกับตัวเอง เด็กๆแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเกิน 12-14 เดือน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรค DIPG ที่ได้ผล ดังนั้น เราจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการรักษาใหม่ๆอย่างเร่งด่วน
สตีฟ เชค พ่อของไมกี้ ซึ่งเป็นประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง The Mikey Czech Foundation กล่าวว่า "การหาทางรักษาโรค DIPG จำเป็นต้องมี (1) แหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน (2) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทและเนื้องอกวิทยาชั้นนำระดับโลก และ (3) ศูนย์วิจัยที่ล้ำสมัย เราจะทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน ส่วนดร.เคียแรนและเพื่อนร่วมงานจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทและเนื้องอกวิทยาชั้นแนวหน้า ขณะที่สถาบัน Dana-Farber จะเป็นสถานที่ค้นคว้าวิจัยที่ล้ำสมัย นี่เป็นครั้งที่สองที่เราได้มอบของขวัญให้แก่ทางสถาบัน และเราหวังว่าจะมีอีกหลายครั้ง หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น อันจะนำไปสู่การกำจัดโรคร้ายนี้ให้หมดไป"
นอกจากนี้ สตีฟ เชค ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Czech Asset Management, L.P. บริษัทจัดการการลงทุนในสินเชื่อในเมืองกรีนิช รัฐคอนเนคทิคัต ซึ่งมีเม็ดเงินภายใต้การบริหารจัดการราว 4.3 พันล้านดอลลาร์ และมีศักยภาพในการร่วมลงทุนสูงมาก คุณเชคได้มอบเงินรายได้ส่วนตัวจำนวน 1% เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งแหล่งระดมทุนที่ยั่งยืนสำหรับการวิจัยโรค DIPG
ดร.นพ.มาร์ค ดับเบิลยู. เคียแรน ผู้อำนวยการศูนย์ประสาทและเนื้องอกวิทยาในเด็ก แห่งสถาบันมะเร็ง Dana-Farber Cancer Institute กล่าวว่า "การได้รับเงินสนับสนุนจาก Mikey Czech Foundation มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้เราสามารถเดินหน้าทำการวิจัยต่อไป เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโมเลกุลในโรค DIPG ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้องอกชนิดนี้ต่อต้านการรักษา ความพยายามเหล่านี้ได้ส่งผลในแง่บวกแล้ว โดยการทดลองทางคลินิกระดับชาติครั้งแรก ซึ่งเป็นการตรวจเนื้อเยื่อของเนื้องอก DIPG และจำแนกประเภทโมเลกุล ต่อด้วยการรักษาผู้ป่วยเป็นรายบุคคลเพื่อระบุความผิดปกติในเนื้องอกของผู้ป่วยแต่ละราย (ซึ่งเป็นการทดลองครั้งแรกของโลก) ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และพบว่า DIPG จะเกิดขึ้นใน 3 กรณีที่แตกต่างกัน โดยมีลักษณะโมเลกุลที่เป็นเอกลักษณ์และมีการกลายพันธุ์แตกต่างกันไป นอกจากนั้นยังมีลักษณะบางอย่างที่พบใน DIPG เท่านั้น และไม่พบในโรคมะเร็งชนิดอื่น ทางสถาบัน Dana-Farber กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาวิธีการรักษาการกลายพันธุ์เหล่านี้ ด้วยความหวังว่าในที่สุดเราจะสามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความพยายามทั้งหมดนี้มาจากความเสียสละของผู้ป่วย ครอบครัว และมูลนิธิต่างๆ รวมถึง The Mikey Czech Foundation และจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากคนเหล่านี้"
พญ.ลอรี เอช. กลิมเชอร์ ประธานและซีอีโอของ Dana-Farber Cancer Institute กล่าวว่า "DIPG เป็นโรคร้ายที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยเด็กและครอบครัว เงินทุนจาก The Mikey Czech Foundation จะช่วยให้ดร.เคียแรน สามารถสานต่องานวิจัยที่สำคัญนี้ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งเราจะสามารถรักษาโรค DIPG ให้หายขาดได้"
เกี่ยวกับ The Mikey Czech Foundation
The Mikey Czech Foundation, Inc. เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรตามมาตรา 501(c)(3) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยครอบครัวของไมกี้ เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่การวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคเนื้องอกสมองในเด็ก รวมถึงโรค Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่พบบริเวณก้านสมองของผู้ป่วยเด็ก DIPG เป็นโรคที่มีโอกาสพบได้น้อยมาก หรือเพียงแค่ 300 เคสต่อปีทั่วสหรัฐอเมริกา วงการวิจัยจึงจัดกลุ่มเนื้องอกชนิดนี้ว่าเป็น "โรคที่พบได้น้อย" จึงขาดผู้สนับสนุนเงินทุนให้กับการวิจัยเพื่อรักษาโรคนี้ให้หายขาด ทางมูลนิธิจึงขอเป็นผู้มอบเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยด้านการสาธารณสุข การศึกษา และการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค DIPG ให้แก่สถาบันต่างๆทั่วสหรัฐอเมริกา
เกี่ยวกับ Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG)
DIPG เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณก้านสมองและส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสมอง โดยจะทำลายเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตาและใบหน้า รวมถึงกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืน ผู้ป่วยจะมีอาการเห็นภาพซ้อน ปิดตาไม่สนิท ใบหน้าหย่อนข้างเดียว และเคี้ยวกลืนลำบาก เนื้องอกประเภทนี้ยังส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสั่งการส่วนบนของสมอง ทำให้แขนขาอ่อนแรง พูดและเดินได้ลำบาก เมื่อเนื้องอกโตขึ้น เด็กๆจะเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมแขนขา จากนั้นจะสูญเสียความสามารถในการกลืนและหายใจ ทว่าผู้ป่วยจะยังมีสติครบถ้วนและรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดกับตัวเอง
อาการของผู้ป่วยมักดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดระหว่างหรือหลังการฉายรังสีที่ใช้เวลา 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม อาการต่างๆมักกลับมาอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน และจะลุกลามอย่างรวดเร็ว เด็กๆแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเกิน 12-14 เดือน และเกือบทั้งหมดจะเสียชีวิตภายใน 2-3 ปี จึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการรักษาใหม่ๆอย่างเร่งด่วน
เกี่ยวกับสถาบันมะเร็ง Dana-Farber Cancer Institute
Dana-Farber Cancer Institute เป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยและรักษาโรคมะเร็งชั้นแนวหน้าของโลก โดยเริ่มจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัดสำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2491 มาจนถึงการคิดค้นวิธีรักษาแบบใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน Dana-Farber เป็นสถาบันเพียงแห่งเดียวที่ติด 4 อันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จากการจัดอันดับโดย U.S News and World Report
Dana-Farber เป็นศูนย์กลางความร่วมมือที่หลากหลายในการลดภาระที่เกิดจากโรคมะเร็ง ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การรักษา การศึกษา การมีส่วนร่วมของชุมชน และการรณรงค์ ทั้งนี้ ศูนย์มะเร็ง Dana-Farber/Brigham and Women's Cancer Center ให้การรักษาที่ทันสมัยแก่ผู้ใหญ่ ขณะที่ศูนย์ Dana-Farber/Boston Children's Cancer and Blood Disorders Center ให้การรักษาผู้ป่วยเด็ก ส่วนศูนย์ Dana-Farber/Harvard Cancer Center เป็นศูนย์กลางการวิจัยโรคมะเร็งร่วมกันระหว่างศูนย์ศึกษาทางการแพทย์ของฮาร์วาร์ด 5 แห่ง และบัณฑิตวิทยาลัย 2 แห่ง ขณะที่ Dana-Farber Community Cancer Care ให้การรักษาผู้ป่วยมะเร็งในชุมชนนอกเขตการแพทย์ลองวูดของบอสตัน
Dana-Farber พยายามคงไว้ซึ่งความสมดุลระหว่างการค้นคว้าวิจัยและการรักษาโรคมะเร็ง งานส่วนใหญ่ของทางสถาบันคือการเปลี่ยนผลการวิจัยให้เป็นวิธีการรักษาใหม่ๆ สำหรับผู้ป่วยทั้งในประเทศและทั่วโลก
เกี่ยวกับ สตีเฟน เจ. เชค
สตีฟ เชค สั่งสมประสบการณ์ในแวดวงสินเชื่อและการเงินธุรกิจมานานกว่า 28 ปี และยังมีบทบาทในการจัดตั้งและบริหารจัดการกองทุนเครดิตประเภทกู้ยืมโดยตรง เขามีประสบการณ์ครอบคลุมทั้งในเรื่องการจัดหา การวางโครงสร้าง การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย การตรวจสอบ รวมถึงการปรับโครงสร้างสินเชื่อธุรกิจ ก่อนที่จะก่อตั้ง Czech Asset Management เขาเคยทำงานให้กับองค์กรชั้นนำมากมาย อาทิ Morgan Stanley, Credit Suisse Group AG, Donaldson, Lufkin & Jenrette (DLJ) และ Banc of America Securities LLC เป็นต้น คุณเชคและครอบครัวเป็นผู้บริจาคและผู้สนับสนุนรายสำคัญให้กับโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ (1) ผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย (2) เจ้าหน้าที่หน่วย SEAL ทั้งที่ยังประจำการและเกษียณแล้ว รวมถึงครอบครัว (3) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น (เช่น ตำรวจ นักดับเพลิง และแพทย์ฉุกเฉิน) และ (4) การมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายผู้ด้อยโอกาสทั่วสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ก่อตั้งและประธานร่วมของ The Mikey Czech Foundation, สมาชิกของ The Navy SEAL Foundation National Leadership Council, สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของ The University of Chicago Booth School of Business, สมาชิกกิตติมศักดิ์ของ Dean's Society of The University of Chicago Booth School of Business, สมาชิกของ Villanova University's President's Club & Parents Executive Committee, สมาชิกของ Aesclepian Society of Dana-Farber Cancer Institute และสมาชิกของ Dana-Farber Presidential Visiting Committee for Pediatric Oncology รวมทั้งเป็นประธานบอร์ดบริหาร Alfred Angelo, Inc. ทั้งนี้ คุณเชคสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตจาก Marquette University และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจาก University of Chicago Booth School of Business
เกี่ยวกับ Czech Asset Management, L.P.
Czech Asset Management, L.P. มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารจัดการราว 4.3 พันล้านดอลลาร์ และมีศักยภาพในการร่วมลงทุนสูงมาก บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองกรีนิช รัฐคอนเนคทิคัต โดยทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อมีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิชนิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวประเภท First Lien และ Second Lien แบบอิงกระแสเงินสดและทรัพย์สินซึ่งมีการเจรจากันภายใน ให้แก่บริษัทขนาดกลางในสหรัฐที่มีรายได้ 75-500 ล้านดอลลาร์ต่อปี และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ระหว่าง 7.5-50 ล้านดอลลาร์ต่อปี
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment