ลิ่มเลือดอุดตัน ( thrombosis) ที่เกิดจากภาวะอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) อาจเกิดขึ้นกับหนึ่งในสามของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องเข้าห้องไอซียู และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ยา opaganib มีผลต่อการลดลิ่มเลือดอุดตันในตัวแบบทดลองขั้นก่อนคลินิกของ ARDS
ยา opaganib ยังยับยั้งการจำลองตัวเองของไวรัส SARS-CoV-2 และตัวบ่งชี้ที่ส่งเสริมอาการอักเสบในตัวแบบทดลองขั้นก่อนคลินิกที่เกี่ยวข้อง
คาดว่าการทดลองยา opaganib ชนิดรับประทานในระยะที่ 2 กับกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงในสหรัฐเพื่อประเมินความปลอดภัยและสัญญาณบ่งชี้ประสิทธิภาพนั้น จะมีข้อมูลสรุปภายในปลายเดือนนี้ หลังจากที่ได้ให้ยาโดสสุดท้ายกับผู้ป่วยรายสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน
คาดว่าการศึกษาทดลอง opaganib ระดับโลกในระยะที่ 2/3 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคโควิด-19 ระดับรุนแรงซึ่งมีผู้เข้าร่วมการศึกษาแล้ว 60% จะมีข้อมูลสรุปในไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 และคาดว่าจะมีศักยภาพสำหรับการนำไปใช้งานฉุกเฉินทั่วโลกได้ต่อไป
RedHill Biopharma Ltd. (Nasdaq: RDHL) (ในที่นี้เรียกว่า "RedHill" หรือ "บริษัท") บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เฉพาะทาง ได้ประกาศผลเบื้องต้นที่มีแนวโน้มแง่บวกจากการศึกษาทดลองขั้นก่อนคลินิกของ opaganib ยายับยั้งประเภท selective inhibitor กลุ่ม sphingosine kinase 2 (SK2) แบบให้ทางปากตัวใหม่ (ให้ในปริมาณ 250mg/kg) โดยมีการลดลงของลิ่มเลือดอุดตันในภาวะอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) ในตัวแบบทดลองสัตว์ขั้นก่อนคลินิกที่ออกแบบมาเพื่อวัดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ข้อค้นพบล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นอีกศักยภาพของ opaganib ที่อาจเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 นอกจากการยับยั้งการจำลองตัวเองของไวรัส SARS-CoV-2 และการลดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง จากผลการศึกษาเบื้องต้นเหล่านี้ จะต้องมีการดำเนินการศึกษาขั้นต่อไปเพื่อประเมินระยะของขนาดยา opaganib ที่ใช้ได้ผลในเชิงสรีรวิทยาและเภสัชวิทยาในการลดลิ่มเลือดอุดตัน
"ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (ARDS) ถือเป็นผลของโรคโควิด-19 ที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากทำให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับรุนแรงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการอุดตันของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำที่เป็นอันตรายถึงชีวิตและอาการลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด แพทย์มีทางเลือกจำกัดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถรักษา ARDS โดยเฉพาะสำหรับอาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดจาก ARDS" Reza Fathi, PhD รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ RedHill กล่าว "ผลการวิจัยชี้ว่ายา opaganib ขนาด 250 mg/kg ช่วยลดขนาดและน้ำหนักของการอุดตันของลิ่มเลือดและคะแนนการอุดตันโดยรวมในตัวแบบทดลอง ARDS ขั้นก่อนคลินิก ซึ่งถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติมของคุณสมบัติการต้านไวรัสและการอักเสบของ opaganib ที่เป็นที่ทราบอยู่แล้ว และบ่งชี้ศักยภาพในการออกฤทธิ์สามรูปแบบต่อกระบวนการของกลไกการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ยา opaganib ซึ่งมุ่งเป้าที่องค์ประกอบเซลล์เจ้าบ้าน มีศักยภาพในการลดโอกาสการดื้อยาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส และก่อนปลายเดือนนี้ เราคาดว่าจะได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นข้อสรุปด้านความปลอดภัยและสัญญาณที่บ่งชี้ศักยภาพด้านประสิทธิผลของ opaganib จากการศึกษาวิจัยระยะที่ 2 ในสหรัฐ ซึ่งผู้ป่วยรายสุดท้ายเพิ่งได้รับยาโดสสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ก่อนจะได้ข้อมูลที่เป็นข้อสรุปจากการศึกษาระดับโลกระยะ 2/3 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยเป็นการศึกษาหาประสิทธิผล และมีผู้เข้าร่วมการทดลองกว่า 60% แล้ว"
"ตัวแบบทดลองภาวะอุดตันของลิ่มเลือดที่เกี่ยวข้องกับ ARDS ที่เราใช้ได้รับการอนุมัติและมีความแม่นยำสูง ผลที่เราได้เกี่ยวกับ opaganib นี้น่าประทับใจและทำให้มีความหวังได้" Sebastien Labbe, Ph.D. ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยระดับต่อยอด IPS Therapeutique Inc. ซึ่งดำเนินการศึกษาวิจัยนี้กล่าว "ผลลัพธ์ที่ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพในการให้ผลการรักษาที่ดีของการใช้ opaganib รักษาผู้ป่วยที่เป็นโควิด-19 ระดับรุนแรง ซึ่งอาจมีการพยากรณ์โรคที่มีแนวโน้มเชิงลบรุนแรง"
ลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดจาก ARDS อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องเข้าห้องไอซียูเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามของทั้งหมด หรือราว 9% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล[1] นอกจากนี้ยังสัมพันธ์กับกรณีที่มีการพยากรณ์โรคที่มีแนวโน้มเชิงลบ การศึกษาขั้นก่อนคลินิกนี้ออกแบบมาเพื่อประเมินประสิทธิผลของ opaganib ในการลดการเกิดและผลเสียของการอุดตันของลิ่มเลือดในจุดเริ่มในตัวแบบทดลองปอดอักเสบจาก lipopolysaccharide (LPS) ซึ่งเป็นตัวแบบทดลอง ARDS ที่เชื่อถือได้และสามารถเลียนแบบการอักเสบของโควิด-19[2]
ผลจากการศึกษาขั้นก่อนคลินิกของ opaganib เป็นผลในขั้นเบื้องต้น ซึ่งบริษัทได้รับจากองค์กรภายนอกอิสระหลังจากการวิเคราะห์อิสระในขั้นเบื้องต้นและยังคงต้องมีการทบทวนและวิเคราะห์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การทบทวนและวิเคราะห์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ข้อค้นพบที่ไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่เผยแพร่ในที่นี้ และอาจไม่เกิดขึ้นอีกในการศึกษาขั้นพรีคลินิกและคลินิกในอนาคต
opaganib เป็นยายับยั้งประเภท selective inhibitor กลุ่ม sphingosine kinase 2 (SK2) แบบให้ทางปากตัวใหม่ ซึ่งมีข้อบ่งชี้ว่ามีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและไวรัส โดยส่งผลต่อทั้งสาเหตุและผลของโรคโควิด-19 ด้วยการมุ่งเป้าที่การจำลองตัวเองของไวรัสในองค์ประกอบเซลล์เจ้าบ้าน ซึ่งมีศักยภาพในการลดโอกาสการดื้อยาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส
การศึกษาวิจัยระยะที่ 2 ในสหรัฐสำหรับยา opaganib ในผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมจากโควิด-19 (NCT04414618) ดำเนินการรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลองครบ 40 คนแล้ว โดยผู้ป่วยรายสุดท้ายได้รับยาโดสสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะมีข้อมูลที่เป็นบทสรุปออกมาในเดือนนี้ การศึกษาระยะที่ 2 นี้ ไม่ได้มุ่งศึกษาประสิทธิผล โดยมุ่งประเมินความปลอดภัยและศึกษาหาสัญญาณของประสิทธิผล
ในอีกโครงการศึกษาวิจัย ซึ่งเป็นการศึกษาระดับโลกในระยะ 2/3 การรับสมัครผู้ป่วยเข้าร่วมการทดลองจำนวน 270 รายสำหรับยา opaganib ในผู้ป่วยที่เป็นปอดบวมรุนแรงจากโควิด-19 (NCT04467840) ได้ดำเนินไปแล้วกว่า 60% การศึกษานี้ได้รับการอนุมัติใน 6 ประเทศและคาดได้ว่าจะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นข้อสรุปได้ในไตรมาสแรกของปี 2021 การศึกษานี้มุ่งประเมินประสิทธิผล และเพิ่งได้รับคำแนะนำอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการต่อโดยองค์กรอิสระ Data and Safety Monitoring Board (DSMB) หลังจากการทบทวนความปลอดภัยที่กำหนดไว้ก่อนแล้วกับผู้ป่วย 70 คนแรกที่ได้รับการรักษามา 14 วัน คาดว่า DSMB จะดำเนินการทบทวนความปลอดภัยรอบที่สองซึ่งได้กำหนดไว้แล้วในเดือนนี้กับผู้ป่วย 135 รายแรกที่มาถึงขั้นผลลัพธ์หลักของการศึกษาวิจัยแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยการวิเคราะห์การคาดคะเนการศึกษาเบื้องต้นแบบไม่มีการอำพรางของข้อมูลประสิทธิผลจากผู้ป่วยกลุ่มเดียวกัน โดยบริษัทจะไม่ได้ทราบข้อมูลนี้
เกี่ยวกับ Opaganib (ABC294640, Yeliva(R))
Opaganib สารเคมีชนิดใหม่ เป็นยายับยั้งประเภท selective inhibitor กลุ่ม sphingosine kinase 2 (SK2) แบบให้ทางปากตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือการส่งผลสามรูปแบบต่อกระบวนการของกลไกการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ซึ่งมุ่งเป้าองค์ประกอบของเซลล์เจ้าบ้านและอาจมีศักยภาพในการลดการดื้อยาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยเป็นยากรรมสิทธิ์ตัวแรกในประเภทนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า opaganib แสดงคุณสมบัติต้านมะเร็งและมีศักยภาพในการมุ่งเป้าที่ข้อบ่งชี้อาการทางมะเร็งวิทยา ไวรัส การอักเสบ และระบบทางเดินอาหารหลากหลายประการ
opaganib อยู่ระหว่างการประเมินในการศึกษาวิจัยระดับโลกระยะที่ 2/3 และการศึกษาระยะที่ 2 ในสหรัฐ สำหรับการรักษาโรคปอดบวมขั้นรุนแรงจากโควิด-19 opaganib ยังได้รับสถานะ Orphan Drug จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) สำหรับการรักษามะเร็งท่อน้ำดี และอยู่ระหว่างการประเมินในการศึกษาวิจัยระยะ 2a เกี่ยวกับการรักษามะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลามและการศึกษาระยะที่ 2 เกี่ยวกับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก
ข้อมูลขั้นก่อนคลินิกได้แสดงให้เห็นคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านไวรัสของ opaganib พร้อมทั้งศักยภาพในการลดอาการผิดปกติจากการอักเสบของปอด อย่างเช่น โรคปอดบวม และช่วยบรรเทาความเสียหายของอาการพังผืดสะสมในปอด opaganib ได้แสดงคุณสมบัติการต้านไวรัสที่แข็งแกร่งต่อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ด้วยการยับยั้งการจำลองตัวเองของไวรัสอย่างสิ้นเชิงในตัวแบบทดลองของเนื้อปอดและหลอดลมของมนุษย์ นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยในร่างกายมนุษย์ขั้นก่อนคลินิก[3]ยังบ่งชี้ว่า opaganib ลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) และทำให้อาการบาดเจ็บในปอดจาก Pseudomonas aeruginosa ดีขึ้นด้วยการลดระดับของ IL-6 และ TNF-alpha ในตัวอย่าง bronchoalveolar lavage fluid จากปอดและถุงลมของผู้ป่วย
opaganib ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Apogee Biotechnology Corp. จากสหรัฐ และได้ผ่านการศึกษาขั้นก่อนคลินิกที่ประสบความสำเร็จหลายครั้งในด้านมะเร็งวิทยา การอักเสบ ระบบทางเดินอาหาร และการป้องกันรังสี รวมถึงงานวิจัยขั้นคลินิกระยะที่ 1 ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีเนื้องอกในระยะลุกลาม และการศึกษาระยะที่ 1 เกี่ยวกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอิโลมา
ภายใต้กระบวนการใช้ยาโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยชีวิตอย่างมีมนุษยธรรม ผู้ป่วยที่เป็นโรคโควิด-19 ระดับรุนแรง (ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก) ได้รับการรักษาด้วย opaganib ในโรงพยาบาลชั้นนำในอิสราเอล โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าวกับผู้ป่วยกลุ่มแรกแล้ว[4] การวิเคราะห์ผลการรักษาชี้ว่ายามีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย opaganib ภายใต้การใช้ยาโดยมีจุดมุ่งหมายที่มีมนุษยธรรมในแง่ของผลการศึกษาเชิงคลินิกและตัวบ่งชี้อาการอักเสบ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมจากโรงพยาบาลเดียวกัน ผู้ป่วยทั้งหมดในกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย opaganib ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลและให้หายใจอากาศปกติได้โดยไม่ต้องใช้ท่อหรือเครื่องช่วยหายใจ ขณะที่ 33% ของกลุ่มควบคุมต้องใช้ท่อและเครื่องช่วยหายใจ เวลาที่เป็นค่ากลางของระยะเลิกใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจแบบ high-flow nasal cannula ลดเหลือ 10 วันในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย opaganib ขณะที่ของกลุ่มควบคุมคือ 15 วัน
การพัฒนายา opaganib ได้รับเงินและสัญญาสนับสนุนจากรัฐบาลกลางและหน่วยงานรัฐบาลระดับรัฐของสหรัฐ ซึ่งได้มอบให้บริษัท Apogee Biotechnology Corp. รวมถึงจาก NCI, BARDA, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ และสำนักงานพัฒนายากำพร้าของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
การศึกษายา opaganib ที่กำลังดำเนินอยู่มีการลงทะเบียนทาง www.ClinicalTrials.gov บริการเว็บไซต์ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการศึกษาวิจัยเชิงคลินิกที่ได้รับการสนับสนุนโดยภาครัฐและเอกชน
เกี่ยวกับ RedHill Biopharma
RedHill Biopharma Ltd. (Nasdaq: RDHL) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เฉพาะทางที่มุ่งเน้นโรคระบบทางเดินอาหารและการติดเชื้อ RedHill สนับสนุนยาระบบทางเดินอาหาร Movantik(R) สำหรับอาการท้องผูกจากสารโอปิออยด์ในผู้ใหญ่[5]Talicia(R) สำหรับการรักษา Helicobacter pylori (H. pylori)[6] ในผู้ใหญ่ และ Aemcolo(R) สำหรับการรักษาโรคท้องเสียในผู้ใหญ่[7] โครงการพัฒนาเชิงคลินิกขั้นสุดท้ายที่สำคัญของ RedHill ประกอบด้วย (i) RHB-204 อยู่ระหว่างการศึกษาระยะที่ 3 สำหรับการติดเชื้อมัยโคแบคทีเรียที่ไม่ใช่เชื้อวัณโรค (pulmonary nontuberculous mycobacteria - NTM) (ii) opaganib (Yeliva(R)) ยายับยั้งประเภท selective inhibitor กลุ่ม sphingosine kinase 2 (SK2) ที่มุ่งเป้าหลายข้อบ่งชี้ของโรค อยู่ระหว่างการศึกษาระยะที่ 2/3 สำหรับการรักษาโควิด-19 และการศึกษาระยะที่ 2 สำหรับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งท่อน้ำดี (iii) RHB-104 ซึ่งมีผลลัพธ์เชิงบวกจากการศึกษาระยะที่ 3 สำหรับโรคโครห์น (iv) RHB-102 (Bekinda(R)) ซึ่งมีผลลัพธ์เชิงบวกจากการศึกษาระยะที่ 3 สำหรับโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบเฉียบพลัน และจากการศึกษาระยะที่ 2 สำหรับโรคลำไส้แปรปรวน IBS-D (v) RHB-107 (upamostat) สารยับยั้ง serine protease ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาระยะ 2 และมีแผนศึกษาระยะ 2/3 สำหรับโรคโควิด-19 แบบแสดงอาการและมุ่งเป้าโรคมะเร็งและโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบชนิดอื่น ๆ และ (vi) RHB-106 ยาสำหรับการเตรียมลำไส้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ www.redhillbio.com
หมายเหตุ: ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นฉบับแปลของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับทางการของบริษัทซึ่งเป็นภาษาอังกฤษโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความสะดวก ดูข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับภาษาอังกฤษ รวมถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตได้ที่ https://ir.redhillbio.com/press-releases
[1] Sakr, Y., Giovini, M., Leone, M. et al. Pulmonary embolism in patients with coronavirus disease-2019 (COVID-19) pneumonia: a narrative review. Ann. Intensive Care 10, 124 (2020). https://doi.org/10.1186/s13613-020-00741-0.
[2] https://blog.covance.com/2020/08/using-acute-respiratory-disease-syndrome-ards-in-vivo-models-to-screen-for-coronavirus-inflammation-treatment/
[3] Xia C. et al. Transient inhibition of sphingosine kinases confers protection to influenza A virus infected mice. Antiviral Res. 2018 Oct; 158:171-177. Ebenezer DL et al. Pseudomonas aeruginosa stimulates nuclear sphingosine-1-phosphate generation and epigenetic regulation of lung inflammatory injury. Thorax. 2019 Jun;74(6):579-591.
[4] Kurd R, Ben-Chetrit E, Karameh H, Bar-Meir M, Compassionate Use of Opaganib For Patients with Severe COVID-19. medRxiv 2020.06.20.20099010; doi: https://doi.org/10.1101/2020.06.20.20099010
[5] ดูรายละเอียดข้อมูลของยา Movantik(R) (naloxegol) ได้ที่: www.Movantik.com
[6] ดูรายละเอียดข้อมูลของยา Talicia(R) (omeprazole magnesium, amoxicillin และ rifabutin) ได้ที่: www.Talicia.com
[7] ดูรายละเอียดข้อมูลของยา Aemcolo(R) (rifamycin) ได้ที่: www.Aemcolo.com.
No comments:
Post a Comment