Science Based Targets initiative อนุมัติเป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ Ferrero

Ferrero มุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของบริษัท ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ก่อนถึงวันครบรอบห้าปีความตกลงปารีสในวันที่ 12 ธันวาคมปีนี้ Ferrero ภูมิใจที่ได้ประกาศว่าองค์กรอิสระ Science Based Targets initiative (SBTi) ได้อนุมัติเป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ Ferrero ซึ่งบริษัทเพิ่งประกาศในรายงานความยั่งยืนฉบับที่ 11

Ferrero มุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของบริษัทให้เหลือครึ่งหนึ่ง (ครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2) และมุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 43% ต่อการผลิตผลิตภัณฑ์แต่ละตันในทุกขอบเขตภายในปี 2573 โดยใช้ปี 2561 เป็นปีฐาน นอกจากนี้ SBTi ยังได้อนุมัติเป้าหมายของ Ferrero ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของความตกลงปารีส (Paris Agreement)ในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

Science Based Targets initiative เป็นความร่วมมือระหว่าง CDP, United Nations Global Compact, World Resources Institute (WRI) และ the World Wide Fund For Nature (WWF) โดยปัจจุบันมีบริษัทกว่า 1,000 แห่งทั่วโลกที่เข้าร่วมอยู่ในโครงการระดับแนวหน้าของโลกโครงการนี้ และสำหรับเป้าหมายของ Ferrero ที่มุ่งจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศานี้นั้นถือเป็นหมุดหมายที่ทะเยอทะยานที่สุดที่มีในกระบวนการของ SBTi ในปัจจุบัน

เพื่อบรรลุเป้าหมายแรกนี้ Ferrero ได้พัฒนาแผนยุทธศาสตร์เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงงาน คลังสินค้า และสำนักงานหลักของบริษัท โดยแผนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้กับการดำเนินงานของ Ferrero ทั่วโลก รวมถึงแผนในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น ซึ่ง Ferrero ทำสำเร็จแล้วในยุโรป โดย 100% ของพลังงานไฟฟ้าที่ซื้อจากกริดไฟฟ้าได้รับการรับรองว่าเป็นพลังงานหมุนเวียน ส่วนในการดำเนินงานทั่วโลกของบริษัทนั้น 64% ของพลังงานไฟฟ้าที่ Ferrero ซื้อมาใช้งานในปัจจุบันได้รับการรับรองว่าเป็นพลังงานหมุนเวียน

สำหรับเป้าหมายรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประการที่สองของ Ferrero ซึ่งเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 3 บริษัทจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พัฒนาโซลูชั่นที่ก่อให้เกิดผลกระทบจากก๊าซคาร์บอนน้อยลง ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

"ด้วยการอนุมัติของ SBTi เราภูมิใจที่ได้เป็นอีกบริษัทที่ร่วมกับบริษัทอื่น ๆ ในการทำตามเป้าหมายที่มีพื้นฐานจากหลักวิทยาศาสตร์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะที่อุตสาหกรรมเป็นส่วนหนึ่งของทางออกด้วยการจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและร่วมมือกับคู่ค้าทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานของเรา" Mario Abreu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของ Ferrero กล่าว

"เราขอขอบคุณ SBTi ที่พิจารณาเป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเราและเห็นว่าเราเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีแผนยุทธศาสตร์ที่มีความท้าทายที่สุด"

"เราขอแสดงความยินดีกับ Ferrero ที่ตั้งเป้าการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สอดคล้องกับการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของความตกลงปารีส" Cynthia Cummis ผู้อำนวยการฝ่ายการบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคเอกชน จาก World Resources Institute ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของ Science Based Targets initiative กล่าว

"ด้วยการตั้งเป้าหมายจากหลักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ Ferrero ได้ก้าวเป็นผู้นำในภาคอาหารและเครื่องดื่มแปรรูปสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์"

Ferrero จะรายงานความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างโปร่งใสทาง www.ferrerosustainability.com และรายงานความยั่งยืนประจำปี (Ferrero Sustainability Report)โดยบริษัทต่าง ๆ ต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทและความคืบหน้าเกี่ยวกับเป้าหมายของบริษัทต่อ SBTi ในทุกๆปี

เกี่ยวกับ Ferrero:

Ferrero ถือกำเนิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ อย่างอัลบา ในแคว้นปิเยมอนเต ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2489 ปัจจุบัน Ferrero เป็นผู้นำในตลาดขนมหวานทั่วโลก ด้วยผลประกอบการรวมกว่า 1.14 หมื่นล้านยูโร

Ferrero Group ดำเนินกิจการอยู่ทั่วโลกด้วยพนักงานกว่า 41,000 คน และโรงงานผลิต 31 แห่ง Ferrero เป็นผู้ผลิตแบรนด์ขนมในดวงใจของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่นหลากหลายแบรนด์ อาทิ Nutella, Ferrero Rocher, Tic Tac, Kinder และ Raffaello ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ในกว่า 170 ประเทศ

ความสดใหม่และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน การทำเกษตรแบบยั่งยืน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมและการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของ Ferrero

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ferrero.com หรือ www.ferrerosustainability.com