- ไฟเซอร์ครองอันดับ 1 ในภูมิภาคออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ และเป็นอันดับ 2 ในเอเชียด้านชื่อเสียงองค์กรในภาพรวมจากผลสำรวจและมุมมองผู้ป่วย
- กลุ่มผู้ป่วยในเอเชียยกให้อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในแง่ของชื่อเสียงองค์กรในเอเชีย จากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในด้านบริการสุขภาพ
ไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดเป็นอันดับหนึ่งในแง่ของการตอบสนองต่อโควิด-19 การยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ความปลอดภัยของผู้ป่วย และการให้บริการผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมคุณภาพสูง เมื่อเทียบกับบริษัทเภสัชภัณฑ์อื่น ๆ ในเอเชีย ในการสำรวจ 'ชื่อเสียงองค์กรเภสัชภัณฑ์' (Corporate Reputation of Pharma) ในผู้ป่วยกลุ่มต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในภาพรวมนั้น ไฟเซอร์ได้รับการจัดเป็นอันดับสองในด้านชื่อเสียงองค์กรในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ในเอเชีย
ไฟเซอร์ขยับตำแหน่งสูงขึ้นในการจัดอันดับจากการสำรวจ จากอันดับที่ 4 เป็นอันดับสูงสุดจากกลุ่มผู้ป่วยที่ 'ทำงาน' กับไฟเซอร์ ถือเป็นการเลื่อนอันดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563
การสำรวจนี้ ซึ่งดำเนินการโดยเพเชียนท์วิว (PatientView) ในสหราชอาณาจักร วัดประเมินหลายด้านของการดำเนินงานขององค์กรเภสัชภัณฑ์ในแง่ของชื่อเสียงองค์กรจากมุมมองของผู้ป่วย กลุ่มผู้ป่วยที่ตอบแบบสอบถามในการสำรวจนี้ทำงานในการรักษาด้านต่าง ๆ และมีสถานะพิเศษที่เหมาะสมในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ในระหว่างวิกฤตโรคระบาดนี้
แบบสำรวจนี้ได้มีการเก็บความคิดเห็นจากกลุ่มผู้ป่วย 300 กลุ่มจากทั่วทั้งเอเชีย (ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ จีนแผ่นดินใหญ่ และอื่น ๆ) เกี่ยวกับการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ในปี 2564 โดยรวมแล้วมีการสื่อสารกับผู้ป่วยชาวเอเชียเกือบ 2.7 ล้านรายในปี 2564 ทั้งนี้มีบริษัทเภสัชภัณฑ์ได้รับการประเมินรวม 31 แห่งในการสำรวจดังกล่าวนี้ในเอเชีย
กลุ่มผู้ป่วยชาวเอเชียที่คุ้นเคยกับและ/หรือทำงานร่วมกับไฟเซอร์ได้ประเมินว่า บริษัทได้ยกระดับคะแนนในทุกตัวชี้วัดในแง่ของชื่อเสียงองค์กรในปี 2564
การดำเนินงานของภาคเภสัชภัณฑ์ในการเร่งสร้างวัคซีนเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อในประสิทธิผลของอุตสาหกรรมและไฟเซอร์ทั้งในด้านนวัตกรรมและความสามารถในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย
"ผู้ป่วยเป็นเสมือนดาวเหนือของเรา ตั้งแต่จากขั้นแรกสุดของการพัฒนายาไปจนถึงการอนุมัติในขั้นสุดท้าย ตลอดจนการใช้ยาและวัคซีนของเรา เป้าหมายของเราคือการค้นพบที่เปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วย เราทำงานร่วมกับและเพื่อผู้ป่วย ผู้สนับสนุน และผู้ดูแล เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของผู้ป่วยในทุกที่ ผู้ร่วมงานในทั้งบริษัทไฟเซอร์ทำงานร่วมกับผู้ป่วยและผู้สนับสนุนผู้ป่วยในการพัฒนาวิธีการรักษาที่ก้าวหน้าและแนวทางเชิงนวัตกรรม เพื่อช่วยรับมือกับความท้าทายของผู้ป่วย ความร่วมมือในลักษณะนี้ได้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยในการวิจัยและการพัฒนา เพิ่มความหลากหลายของการศึกษาทดลองเชิงคลินิก พัฒนาสื่อให้ความรู้ที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยและโครงการสนับสนุนผู้ป่วย ตลอดจนยกระดับนโยบายการจัดลำดับความสำคัญและประเด็นผลกระทบทางสังคม ผู้ป่วยเป็นจุดสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ ทุกสิ่งที่เราทำมุ่งช่วยให้ผู้ป่วยในทุกที่มีอายุยืนยาวและมีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น" นายอานิล อาร์จิลลา (Anil Argilla) ประธานฝ่ายตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ไฟเซอร์ ไบโอฟาร์มาซูติคัลส์ กรุ๊ป (Pfizer Biopharmaceuticals Group) บริษัทไฟเซอร์ กล่าว
ดูผลการสำรวจชื่อเสียงองค์กรเภสัชภัณฑ์ (เอเชีย) ได้ที่ https://www.patient-view.com/wp-content/uploads/2022/08/PATIENTVIEW-PRESS-RELEASE-CORP-REP-Asia-final.pdf
เกี่ยวกับไฟเซอร์ : การค้นพบที่พลิกชีวิตผู้ป่วย
ที่ไฟเซอร์ (Pfizer) เราใช้วิทยาศาสตร์และทรัพยากรทั่วโลกของเราเพื่อคิดค้นการบำบัดรักษาให้ผู้คน ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาการมีชีวิตอยู่และช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นอย่างชัดเจน เรามุ่งมั่นที่จะกำหนดมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และคุณค่าในการค้นพบ การพัฒนา และการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ ซึ่งรวมถึงยาและวัคซีนที่เป็นนวัตกรรม ในทุก ๆ วัน เพื่อนร่วมงานของไฟเซอร์จะทำงานทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้วและในตลาดเกิดใหม่ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ตลอดจนพัฒนาวิธีการป้องกัน การดูแลรักษา และการบำบัดรักษาที่ท้าท้ายต่อโรคที่น่ากลัวที่สุดในยุคของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับหน้าที่ของเราในฐานะบริษัทนวัตกรรมด้านชีวเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก เราร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ รัฐบาล และชุมชนในท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนและขยายการเข้าถึงการดูแลสุขภาพทั่วโลกที่น่าเชื่อถือและอยู่ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ เป็นเวลากว่า 170 ปีแล้วที่ไฟเซอร์ได้ทำงานเพื่อสร้างความแตกต่างให้ทุกคนที่ต้องพึ่งพาเรา
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1885793/Pfizer_Logo.jpg
No comments:
Post a Comment