ยุทธศาสตร์ดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยังยืนของสหประชาชาติ และจะดำเนินการในตลาดที่สำคัญของจีเอ็มจี
จีเอ็มจี (GMG) บริษัทด้านการส่งเสริมสุขภาวะระดับโลก ซึ่งดำเนินการผลิต จัดจำหน่าย และขายปลีกสินค้าให้กับแบรนด์ระดับสากลและแบรนด์ในประเทศ ครอบคลุมทั้งหมวดกีฬา อาหาร และสุขภาพ ได้ประกาศกรอบยุทธศาสตร์ความยั่งยืนใหม่ "Make a Difference" (สร้างความแตกต่าง) ซึ่งจะช่วยให้จีเอ็มจีสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยรวม รวมทั้งต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการดำเนินงานของบริษัท
กรอบยุทธศาสตร์ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทอีวาย (EY) สร้างขึ้นภายใต้หลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) และยึดมั่นในสามเสาหลัก ได้แก่ โลกก้าวหน้า ประชาสดใส หัวใจเปลี่ยนแปลง (Planet Forward, Spark People and Own Change)
สามเสาหลักของยุทธศาสตร์ความยั่งยืน "Make a Difference" ประกอบด้วย
"โลกก้าวหน้า" เสาหลักนี้มีเป้าหมายในการรับประกันว่า การดำเนินงานของบริษัทจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนโลกให้ดีขึ้นสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่สำหรับธุรกิจเท่านั้น ด้วยการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน น้ำ และการจัดการขยะ
"ประชาสดใส" เสาหลักนี้มุ่งเน้นไปที่การรับประกันความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ด้วยการสนับสนุนการเติบโตในหน้าที่การงาน พร้อมทั้งรับประกันความเท่าเทียม สุขภาพ และสุขภาวะ
"หัวใจเปลี่ยนแปลง" เสาหลักนี้มีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและความเป็นเลิศด้านการดำเนินงานในทุกหน่วยธุรกิจของจีเอ็มจี
คุณโมฮัมหมัด เอ. เบเกอร์ (Mohammad A. Baker) รองประธานและซีอีโอของจีเอ็มจี ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการประกาศยุทธศาสตร์ความยั่งยืนใหม่นี้ว่า "ในฐานะบริษัทระดับโลก เราเชื่อว่าการกำหนดกรอบการทำงานด้าน ESG เป็นกุญแจสำคัญในการหล่อเลี้ยงธุรกิจให้เกิดการพัฒนา บรรเทาความเสี่ยงและอุปสรรคต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม ค่านิยมของเราจะเป็นดั่งเข็มทิศชี้ทางที่แบรนด์ของเราจะมุ่งไป ในขณะที่กรอบยุทธศาสตร์ความยั่งยืนจะเป็นดั่งกระจกสะท้อนจรรยาบรรณในการดำเนินงานของเรา ในขณะที่เราเดินหน้าขยายกิจการไปทั่วโลก"
คุณยาซีร์ อาหมัด (Yasir Ahmad) หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายบริการด้านความยั่งยืนของบริษัทอีวาย ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ กล่าวเสริมว่า "ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน "Make a Difference" ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่นนั้น แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของจีเอ็มจีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวกทั่วทั้งภูมิภาคและทั่วโลกผ่านสามเสาหลักคือ "โลกก้าวหน้า" "ประชาสดใส" และ "หัวใจเปลี่ยนแปลง" ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับประเด็นที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับจีเอ็มจีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืน"
ความสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ความยั่งยืนของจีเอ็มจีสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติในระดับโลก รวมถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยยูเออีได้จัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนผนวกรวมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติอีกด้วย
ทั้งนี้ 12 ประเทศที่จีเอ็มจีดำเนินงานอยู่ต่างมีความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนในระดับชาติ ซึ่งรวมถึงสามตลาดสำคัญ ได้แก่ ยูเออี ซาอุดีอาระเบีย และสิงคโปร์ โดยยูเออีเป็นประเทศแรกในอ่าวอาหรับที่เปิดตัวศูนย์ข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Data Hub) เพื่อติดตามและตรวจสอบความก้าวหน้าของการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน เป้าหมายและโครงการหลายอย่างภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2573 (Vision 2030) ของซาอุดีอาระเบียก็สอดคล้องกับวาระของสหประชาชาติ เช่น การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติเพื่อกระจายแหล่งพลังงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น และการนำพลังงานสะอาดมาใช้ ส่วนในสิงคโปร์นั้น รัฐบาลได้บูรณาการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนระดับชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมปี 2573 (Green Plan 2030)
ทั้งนี้ จีเอ็มจีจะเผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับแรกในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะนำเสนอผลการดำเนินงานของบริษัทในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ตลอดจนเน้นย้ำถึงความสำเร็จที่สำคัญ และกำหนดทิศทางสำหรับอนาคต
เกี่ยวกับจีเอ็มจี
จีเอ็มจี (GMG) คือบริษัทด้านการส่งเสริมสุขภาวะระดับโลก ซึ่งดำเนินการผลิต จัดจำหน่าย และขายปลีกสินค้าให้กับแบรนด์ระดับสากลและแบรนด์ในประเทศ ครอบคลุมทั้งหมวดกีฬา อาหาร และสุขภาพ บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเอาชนะตนเองเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม ปัจจุบัน บริษัทลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ จีเอ็มจี สปอร์ตส์ (GMG Sports), จีเอ็มจี ฟู้ด (GMG Food), จีเอ็มจี เฮลท์ (GMG Health) และจีเอ็มจี คอนซูเมอร์ กู๊ดส์ (GMG Consumer Goods)
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้เข้าซื้อกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตเครือเฌอองต์ (Geant) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้รับสิทธิ์ในการขยายแบรนด์เฌอองต์ (Geant), โมโนพรีซ์ (Monoprix) และ ฟรองพรีซ์ (Franprix) ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ตอนนี้จีเอ็มจีขึ้นแท่นผู้นำในอุตสาหกรรมการค้าปลีกอาหาร
ภายใต้การครอบครองและการบริหารงานของครอบครัวเบเกอร์ จีเอ็มจีได้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทแถวหน้าในระดับโลก โดยร่วมมือกับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลก
ปัจจุบัน จีเอ็มจีนำเสนอสินค้ากว่า 120 แบรนด์ในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และเอเชีย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ชั้นนำระดับประเทศ เช่น ซัน แอนด์ แซนด์ สปอร์ตส์ (Sun & Sand Sports), ดร็อปคิก (Dropkick), ซูเปอร์แคร์ ฟาร์มาซี (Supercare Pharmacy), ฟาร์ม เฟรช (Farm Fresh), คลาสสิก (Klassic) และแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น ไนกี้ (Nike), โคลัมเบีย (Columbia), คอนเวิร์ส (Converse), ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland), แวนส์ (Vans), มามา ซิตาส์ (Mama Sita's) และ แมคเคน (McCain)
เยี่ยมชมเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเราเพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่
https://gmg.com/
https://www.instagram.com/gmgvoice/
https://twitter.com/gmgvoice
https://www.facebook.com/GMGVoice/
https://www.linkedin.com/company/10077935/
No comments:
Post a Comment