ทั้งนี้ การจัดแสดงงานแบ่งออกเป็น 3 โซน บนพื้นที่ขนาด 1.18 ล้านตารางเมตร โดยมีบูธรวมทั้งสิ้น 60,250 บูธ แบ่งเป็น 59,252 บูธในโซนเนชันแนล พาวิลเลียน ร่วมด้วยบริษัท 23,938 แห่งซึ่งจัดแสดงสินค้า 16 ประเภท ภายในหอจัดแสดง 50 หอ ขณะที่ในส่วนของอินเตอร์เนชั่นแนล พาวิลเลียนนั้น ประกอบด้วยบริษัท 615 แห่งจากกว่า 40 ประเทศและภูมิภาค
การจัดงานช่วงแรกนั้นมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 ตุลาคม โดยเป็นการจัดแสดงสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ฮาร์ดแวร์ และวัสดุก่อสร้าง ช่วงที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 23-27 ตุลาคม โดยเน้นไปที่สินค้าอุปโภคบริโภคและของขวัญ สำหรับช่วงที่ 3 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน โดยจะเน้นจัดแสดงสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสิ่งทอ กระเป๋าและกระเป๋าเดินทาง สินค้าเพื่อกิจกรรมหย่อนใจและการกีฬา อาหาร เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ
ความสำคัญของงานในปีนี้เน้นไปที่การผลักดันประสิทธิภาพในการจัดแสดงและการจัดเตรียมพื้นที่ โดยโซนผลิตภัณฑ์ 124 แห่ง บนพื้นที่จัดแสดง 27 ส่วนนั้นได้รับการจัดตั้งขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ได้แก่ วัสดุอุปกรณ์ด้านการก่อสร้าง เครื่องจักร ฮาร์ดแวร์ เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เสื้อผ้า และสิ่งทอ ไปจนถึงเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกัน โซนจัดแสดงใหม่ ๆ ก็เปิดพื้นที่ให้กับอุตสาหกรรมเกิดใหม่ อย่างพลังงานใหม่ และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อสนับสนุนให้แบรนด์และบริษัทต่าง ๆ ในภาคส่วนดังกล่าวเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าด้วย
นอกเหนือการจัดแสดงสินค้าแล้ว งานแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 120 ยังประกอบด้วยการประชุมและงานอีเวนต์ 23 รายการ อาทิ การประชุมสุดยอดและเวทีอภิปรายด้านอุตสาหกรรม การวิเคราะห์แนวโน้ม การติดตามความคืบหน้าด้านการออกแบบและนวัตกรรม การแลกเปลี่ยนงานวิจัยและการพัฒนา ไปจนถึงการแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์และการตลาด
อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือภาคส่วนการออกแบบ ซึ่งแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 120 เป็นเจ้าภาพจัดงานนิทรรศการ เวทีแลกเปลี่ยนมุมมอง รวมถึงแฟชั่นโชว์ที่เข้าร่วมโดยสถาบันการออกแบบทั้งสิ้น 94 แห่งจาก 14 ประเทศและภูมิภาค
สวี่ ปิง โฆษกของงานแคนตัน แฟร์ กล่าวว่า "ปัจจุบัน งานแคนตันแฟร์มีอิทธิพลอย่างยิ่งบนโซเชียลมีเดีย เรามีผู้ติดตาม 600,000 คนบนเฟซบุ๊ก และ 20,000 คนบน LinkedIn ผ่านการสื่อสาร 7 ภาษาในทุกวัน สำหรับครั้งนี้เราจัดการประชุมทางไกล 16 ครั้ง ใน 15 ประเทศ โดยได้เรียนเชิญผู้ร่วมงานเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวเพื่อแสวงหาโอกาสและพันธมิตรด้านธุรกิจ รวมถึงหารือเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมอันหลากหลาย อีกทั้งยังเดินหน้าพัฒนาโครงการแลกเปลี่ยนทรัพยากรสื่อ (Media Resource Exchange Program) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีองค์กร 35 แห่งใน 21 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมด้วย เราหวังว่าผู้ขายและผู้ซื้อทุกท่านจะได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จในปีที่ 60 ของงานแคนตันแฟร์"
No comments:
Post a Comment