Tuesday, December 13, 2016

DHL eCommerce ใช้ความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยส่งข้าวตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ

 
DHL eCommerce ช่วยเกษตรกรไทยส่งข้าวตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ
          - DHL eCommerce ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ชาวนาทั่วประเทศโดยใช้บริการด้านอีคอมเมิร์ซสร้างโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้เกษตรกรท่ามกลางสถานการณ์ข้าวล้นตลาด

          DHL eCommerce ประเทศไทย ซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่มบริษัท Deutsche Post DHL Group (DPDHL Group) ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ นำความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์มาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยเพื่อเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้กับเกษตรกรผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยให้บริการส่งข้าวฟรีเป็นเวลา 4 เดือนท่ามกลางภาวะข้าวล้นตลาด และสถานการณ์การส่งออกข้าวที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง

          DHL eCommerce ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ แนะนำวิธีการติดตั้ง วิธีการใช้งาน และวิธีการบริหารจัดการสินค้าบนเว็บไซต์ออนไลน์ รวมถึงกระบวนการจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภคในประเทศไทยให้กับสหกรณ์ชาวนาทั่วประเทศ ผู้เชี่ยวชาญจาก DHL eCommerce ยังให้คำแนะนำและสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยด้วยการเชื่อมโยงกระบวนการขายเข้ากับ E-Commerce Portal (ระบบอีคอมเมิร์ซพอร์ทัล) บนระบบร้านค้าออนไลน์ของผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทย – BentoWeb (เบนโตะเว็บ) ที่ได้ผสานการทำงานเข้ากับ DHL eCommerce Customer Web Portal (ระบบเว็บพอร์ทัล) ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกษตรกรจะสามารถบริหารจัดการการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว จากนั้น DHL eCommerce จะเป็นผู้ไปรับข้าวจากเกษตรกรและจัดส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศไทย

          ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ BentoWeb ประกอบกับประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ระดับโลกของ DHL และความรู้ทางด้านการทำธุรกิจออนไลน์ในประเทศของ DHL eCommerce ประเทศไทย จะช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรโดยเฉพาะ กระทรวงพาณิชย์จะช่วยผลักดันและส่งเสริมโครงการนี้ และช่วยเกษตรกรลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ www.thaitrade.com/rice ในขณะที่ BentoWeb จะดูแลกระบวนการสั่งซื้อออนไลน์และการบริหารจัดการสินค้าออนไลน์ให้กับเกษตรกร โดย DHL eCommerce จะเป็นผู้ไปรับสินค้าจากแหล่งผลิตและส่งตรงไปยังผู้บริโภคที่สั่งซื้อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

          นายเกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerce ประเทศไทย กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสใช้ความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ของเราให้เกิดประโยชน์กับการประกอบอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย ในฐานะบริษัทในประเทศไทยที่ให้บริการจัดส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนต่างๆ"

          ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก โดยคาดว่าจะมีการส่งออกข้าว 25 ล้านตันในปีพ.ศ. 2559 และปีพ.ศ. 25601 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า "กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงการต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นคือความร่วมมือกับ DHL eCommerce ประเทศไทยในการช่วยเกษตรกรขายผลิตผลผ่านช่องทางออนไลน์ เราทำงานร่วมกันมาตลอด 3 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรได้ทำธุรกิจผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งผู้บริโภคในประเทศสามารถสั่งซื้อข้าวออนไลน์ และ DHL eCommerce จะเป็นผู้จัดส่งสินค้าตรงถึงมือของผู้บริโภค เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ DHL eCommerce ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนการช่วยเหลือกลุ่มสหกรณ์ชาวนา"

          สหกรณ์ชาวนาอย่างเช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์ข้าวล้นตลาด ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจาก DHL eCommerce กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงอธิบายว่า "อินเทอร์เน็ตได้เปิดโอกาสในการทำธุรกิจให้เรามากขึ้น เราสามารถติดต่อและเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งวิธีการแบบเก่าที่เราใช้อยู่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้ นอกจากนี้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดส่งเพราะได้รับการดูแลโดยผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซช่วยให้เรามีทางเลือกมากขึ้น ทำให้เราได้รับผลกระทบจากอิทธิพลในตลาดน้อยลงและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายของเราในรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างอิสระ"

          นอกจากขีดความสามารถในการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศแล้ว DHL eCommerce ยังมีบริการการจัดส่งสินค้าภายในประเทศมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานี้ เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว DHL eCommerce จึงได้เพิ่มบริการจัดส่งสินค้าภายในประเทศและต่างประเทศครบวงจรให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทย DHL eCommerce มีศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าใหญ่ในกรุงเทพฯ ขนาด 3,000 ตารางเมตร และมีเครือข่ายของศูนย์กระจายสินค้าย่อยมากกว่า 40 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศเพื่อรองรับการขนส่งทั่วทุกภูมิภาค2 ภายในปีพ.ศ. 2560 DHL eCommerce มีเป้าหมายที่จะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าให้มากขึ้นกว่าสองเท่าของที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะขยายความสามารถในการจัดส่งโดยจะเพิ่มจำนวนรถจัดส่งที่สามารถส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า3 ท่ามกลางปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการขนส่งที่หลากหลายในประเทศไทย

          DHL – The logistics company for the world

          DHL เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ซึ่งมอบบริการและความเป็นเลิศทางด้านโลจิสติกส์ทั้งการขนส่งภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางเรือ และการขนส่งด่วนทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรมผ่านกลุ่มธุรกิจต่างๆ ด้วยบุคลากรกว่า 340,000 คนใน 220 ประเทศและพื้นที่ต่างๆทั่วโลก DHL เชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจด้วยบริการที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย ซึ่งเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ที่ครบครันครอบคลุมตลาดและอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ซึ่งหมายรวมถึงอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพ อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ พลังงาน ยานยนต์และการค้าปลีก อีกทั้งความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ในตลาดที่กำลังพัฒนา DHL จึงมั่นใจว่าเราเป็น "The logistics company for the world"

          DHL เป็นส่วนหนึ่งของ Deutsche Post DHL Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 59,000 ล้านเหรียญยูโรในปีพ.ศ. 2558

          [1] http://af.reuters.com/article/commoditiesNews/idAFL4N1D12Q2

          [2]DHL eCommerce eyes Thailand's fast-growing online retail sector with the launch of its domestic delivery service, DHL, January 2016.

          [3] Ibid.



No comments:

Post a Comment