ในขณะที่วันตรุษจีนกำลังใกล้เข้ามา ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งของเขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางภาคเหนือของจีน เสียงกลองได้ดังระรัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไป๋ไห่ฉวน ชาวบ้านในหมู่บ้าน เป็นสมาชิกใหม่ของคณะระบำประจำหมู่บ้าน เขาซ้อมตีกลองอย่างจริงจังหลังเสร็จงานเลี้ยงวัว และถึงขั้นซ้อมตีกลองในหัวระหว่างทำงาน เขาเปิดเผยความรู้สึกว่า "เวลาคนเรามีความสุข จะรู้สึกเหมือนได้ตีกลอง และตีเก่งด้วย"
เมื่อสามปีที่แล้ว ไป๋ไม่เคยคิดจะตีกลองเลย ตอนนั้นเขาแทบหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ภรรยาของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตอักเสบลูปัส ซึ่งมีค่ารักษาประมาณ 4,000 หยวน (ราว 584 ดอลลาร์สหรัฐ) ถึง 5,000 หยวนต่อเดือน ครอบครัวของเขาเป็นหนี้ ลูกชายต้องออกจากโรงเรียนมัธยมมาทำงานเลี้ยงวัว ครอบครัวเกือบพังจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่น ด้วยการดึงครอบครัวของเขาเข้าสู่โครงการบรรเทาความยากจน โดยเขาได้รับเงินกู้ 30,000 หยวนสำหรับเพาะพันธุ์วัว และได้รับเงินช่วยเหลืออีก 15,000 หยวน นอกจากนี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวยังได้เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมค่ารักษาของภรรยาของเขาเกือบทั้งหมด
ไป๋เลี้ยงวัวเก่ง ตอนนี้เขามีวัว 16 ตัว โดย 8 ตัวกำลังตั้งท้อง วัวเหล่านี้คือความหวังของไป๋ เขาเปิดเผยว่า "อีกไม่นานก็จะมีลูกวัว วัวตัวผู้ขายได้ 10,000 หยวนหลังผสมพันธุ์ 5 เดือน" นอกจากนี้ ไป๋ยังมีไร่ปลูกข้าวโพดขนาด 32 หมู่ (ราว 2.13 เฮกตาร์) แต่ละหมู่สามารถผลิตข้าวโพดได้ 750 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นยกระดับการชลประทานด้วยการขุดบ่อใหม่ ทั้งนี้ ในปี 2562 เขามีรายได้ 47,000 หยวน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ครอบครัวของเขาหลุดพ้นจากความยากจน และภรรยาของเขาก็ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง "ภรรยาของผมอาการดีขึ้น เรามีรายได้มากขึ้น และเรามีความสุขมากขึ้นทุกวัน"
เมื่อทางหมู่บ้านตัดสินใจตั้งคณะระบำประจำหมู่บ้าน ไป๋ได้สมัครเป็นคนตีกลอง โดยให้เหตุผลว่า "การตีกลองทำให้รู้สึกมีพลัง" ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า "เวลาตีกลอง เขาดูเป็นคนละคนเลย" ตอนนี้ไป๋กลายเป็นคนที่เอาจริงเอาจังมากกว่าแต่ก่อน เขาถึงขั้นขอคำปรึกษาจากนักตีกลองมืออาชีพเพื่อพัฒนาการแสดงของตัวเอง ทั้งนี้ ทางหมู่บ้านได้ทำการแสดงในวันเสี่ยวเหนียน หรือราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันตรุษจีน และไป๋ก็ตีกลองด้วยความมั่นใจในชีวิตที่สดใสกว่าเดิม
ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองถงเหลียว
No comments:
Post a Comment