ชิปซี่ (Shipsy) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์อัจฉริยะแบบ SaaS เตรียมตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคแห่งนี้จะเปิดโอกาสให้ชิปซี่สนับสนุนลูกค้ารายเดิมได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และตรงตามความต้องการมากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏให้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคการค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ด่วน และบริการขนส่งออนดีมานด์ โดยรายงานหลายฉบับระบุว่า ภาคอีคอมเมิร์ซจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแตะ 2.54 แสนล้านดอลลาร์ภายในปลายปี 2569 ขณะที่วงการขนส่งอาหารออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คาดว่าจะโตขึ้นถึงสามเท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ และมีการทำธุรกรรมแตะหลัก 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ การทำธุรกิจในภูมิภาคนี้จะช่วยให้ชิปซี่คว้าโอกาสในการเติบโตได้
คุณโซฮัม โชคชี (Soham Chokshi) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งชิปซี่ กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับกระแสตอบรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราได้จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ และผู้ค้าปลีกยุคใหม่หลายรายในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคแห่งใหม่นี้จะทำให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จร่วมกับทีมงานในพื้นที่ ขณะนี้ตลาดค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และบริการขนส่งแบบออนดีมานด์กำลังคึกคัก จนทำให้ภูมิภาคนี้จำเป็นต้องมองหาหนทางปรับปรุง ยกระดับ และวางระบบอัตโนมัติรองรับการจัดส่งขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ ในการทำให้งานโลจิสติกส์มีความยั่งยืนมากขึ้น ธุรกิจเหล่านี้ก็จะหันมาเปิดรับเครื่องมือบริหารจัดการงานโลจิสติกส์อัจฉริยะด้วย"
ชิปซี่เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเร่งเพิ่มจำนวนบุคลากรมากความสามารถ โดยจะเปิดรับผู้เชี่ยวชาญจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทยเข้ามาทำงาน
ในปี 2564 ชิปซี่ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในดูไบ เพื่อสนับสนุนฐานลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 75%
ปัจจุบัน ชิปซี่ทำงานร่วมกับลูกค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว ทั้งในอุตสาหกรรมการผลิต ระบบโลจิสติกส์ด่วน ค้าปลีก จัดส่งอาหาร และควิกคอมเมิร์ซ (quick commerce) ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตยางรถรายใหญ่ที่สุดของโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมหวานรายใหญ่ที่สุด ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคแบบควิกคอมเมิร์ซชั้นนำ เครือร้านพิซซ่าเดลิเวอรีระดับโลก ผู้ค้าปลีกระดับฟอร์จูน 100 (Fortune 100) และอื่น ๆ อีกมากมาย
ชิปซี่เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด่วน เครือร้านอาหาร แบรนด์ควิกคอมเมิร์ซ และผู้ค้าปลีก ลดต้นทุนการจัดส่งขั้นสุดท้ายได้ถึง 25% ทั้งยังลดเวลาจัดส่งได้ 30% เพิ่มคะแนนความพึงพอใจ (net promoter score) ได้ 18% และลดเวลาจัดสรรออเดอร์ได้ 45% ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ดำเนินการจัดส่งได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังลดการปล่อยคาร์บอนได้ด้วย เพราะลดระยะทางที่ต้องวิ่งได้ 5% และลดจำนวนเที่ยวได้ 6%
ผู้ให้บริการ SaaS รายนี้ยังช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออก/นำเข้าลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้ 10% ลดชั่วโมงแรงงานในการดูแลงานขนส่งได้ 75% ทั้งยังทำให้มองเห็นความเคลื่อนไหวในคอนเทนเนอร์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายจิปาถะได้มากถึง 90%
ชิปซี่เปิดโอกาสให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกบริหารจัดการขนส่งสินค้าในประเทศและข้ามพรมแดนได้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการจัดส่ง ยกระดับการมองเห็นตลอดการขนส่ง บริหารจัดการคนขับได้ดีขึ้น นำระบบอัตโนมัติมาใช้ประโยชน์ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และเพิ่มประสบการณ์ลูกค้า
No comments:
Post a Comment