Friday, April 28, 2017

ไมโครชิพ เปิดตัว maXTouch(R) ตระกูลคอนโทรลเลอร์ใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์การพัฒนาอุปกรณ์ HMI หน้าจอใหญ่ในรถยนต์

          - คอนโทรลเลอร์ในตระกูล MXT1665T-A นำเสนอประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ HMI มัลติทัชในรถยนต์

          บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี [NASDAQ: MCHP] ผู้ให้บริการจัดหาโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์, วงจรรวมแบบผสมสัญญาณ, แอนะล็อก และ แฟลช-ไอพี วางจำหน่าย คอนโทรลเลอร์หน้าจอสัมผัสใหม่ล่าสุดในตระกูล maXTouch(R) ซึ่งรวมถึง MXT1665T-A ตระกูลคอนโทรลเลอร์ที่ได้มาตรฐานยานยนต์ สำหรับใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์ human machine interface (HMI) หน้าจอใหญ่แบบมัลติทัช เปิดโอกาสให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถสัมผัสการใช้งาน HMI แบบมัลติทัชบนหน้าจอขนาด 8 – 15 นิ้ว เฉกเช่นเดียวกับเทคโนโลยี HMI ที่พบได้ในโทรศัพท์มือถือ

       
          คำบรรยายภาพ - ขับเคลื่อนการพัฒนาอุปกรณ์ HMI หน้าจอใหญ่ในรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยี maXTouch(R) จากไมโครชิพ

          คอนโทรลเลอร์ในตระกูล MXT1665T-A ผนวกเทคโนโลยี adaptive touch ของไมโครชิพซึ่งใช้การสัมผัส self-capacitive และการสแกนการสัมผัส mutual capacitive ช่วยให้การใช้งานแบบมัลติทัชสามารถทำได้ในสถานการณ์ที่เฟรมครอบหน้าจอมีความหนา ถุงมือหนา หรือในยามที่มีความชื้นหรือเปียกน้ำ ผลิตภัณฑ์ในตระกูลผ่านการรับรองมาตรฐาน AEC Q100 จึงสามารถตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงในการพัฒนาระบบยานยนต์ได้ทั้งหมด

          MXT1665T-A ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของตระกูล MXT641T-A โดยมีฟีเจอร์ที่พัฒนาให้รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์เหมือนกัน แต่เพิ่มในส่วนของการรองรับหน้าจอขนาดใหญ่เกิน 10 นิ้วขึ้นไป โดย MXT1665T-A สามารถรองรับหน้าจอขนาด 8 – 15 นิ้ว และรองรับการหุบนิ้วเข้าหากันหรือกางออกจากกันในลักษณะที่ห่างกันน้อยมากบนหน้าจอได้

          "การเพิ่มตระกูลผลิตภัณฑ์ MXT1665T เข้ามา ช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการปรับขยายผลิตภัณฑ์ได้โดยสมบูรณ์ ทำให้สามารถออกแบบแพลตฟอร์มจำนวนมากตั้งแต่หน้าจอขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ แต่คุณภาพในเรื่องประสบการณ์การใช้งานและการแสดงผลมีความเท่าเทียมกัน" แฟนี ดูเวนเฮจ รองประธานแผนกเทคโนโลยีสัมผัสของไมโครชิพกล่าว "ขณะนี้ผู้บริโภคต้องการโซลูชั่นหน้าจอ capacitive สำหรับรถยนต์ และไมโครชิพก็เป็นผู้ผลิตคอนโทรลเลอร์หน้าจอสัมผัสรายเดียวที่นำเสนอผลิตภัณฑหลากหลายรุ่นทีได้มาตรฐานยานยนต์ พร้อมงานสนับสนุนลูกค้าที่ครอบคลุมกว้างขวางทั่วโลก"

          ทัชสกรีนคอนโทรลเลอร์ของไมโครชิพนั้นรองรับหน้าจอหลากหลายขนาด ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆสามารถปรับขนาดได้ตามการใช้งาน และท้ายที่สุดแล้วจะช่วยร่นระยะเวลาออกแบบ พร้อมลดต้นทุนด้านระบบและการพัฒนา

          ผลิตภัณฑ์ตระกูล MXT1665T-A ประกอบด้วย 3 ส่วน และพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดย MXT1665T-A รองรับเซ็นเซอร์ทัชโนด 1664 ตัว ส่วน MXT1189-A รองรับเซ็นเซอร์ทัชโนด 1188 ตัว และ MXT799T-A รองรับเซ็นเซอร์ทัชโนด 798 ตัว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ที่ http://www.microchip.com/MXT1665T_Main7302

New Family of maXTouch(R) Touchscreen Controllers Designed for Large Screen Automotive HMI Designs


          - MXT1665T -A  family from Microchip brings the user experience of multi-touch HMI into the vehicle

          A new family of  maXTouch(R) touchscreen controllers is now available from Microchip Technology Inc., a leading provider of microcontroller, mixed-signal, analog and Flash-IP solutions. The MXT1665T-A family of automotive qualified touchscreen controllers is designed for large screen automotive human machine interface (HMI) designs. The technology brings the user experience of multi-touch HMI, such as on a mobile phone, to car drivers and passengers in screen sizes from eight to 15 inches.

         
          Photo caption: Driving the HMI Revolution: maXTouch(R) Technology in Large Automotive Displays

          MXT1665T-A family carries Microchip's adaptive touch technology that utilises self-capacitive touch as well as mutual capacitive touch scanning. This combination provides the multi-touch experience even with thick cover lenses, thick gloves or in the presence of moisture and water. The product family is fully AEC Q100 qualified to address all the unique needs of automotive system designs.

          The family complements the very successful MXT641T-A family of products. It shares many of the same features developed for the automotive industry, but is able to address larger screen sizes over 10 inches. The MXT1665T-A family supports screen sizes from eight to 15 inches and also supports smaller multi-finger pinch separation.

          "With the addition of the MXT1665T Family, Microchip offers full scalability to customers, enabling them to design multiple platforms from small to large display sizes with the same quality user experience and interface," said Fanie Duvenhage, vice president of Microchip's touch division. "Consumers are demanding capacitive touch solutions in their vehicles. Microchip is the only provider of touchscreen controllers offering a large growing portfolio of automotive qualified products with a vast support infrastructure throughout the world."

          By having a large range of screen size options within Microchip's touchscreen controller families, companies are more scalable. It will ultimately shorten design time, and lower system and development cost.

          The MXT1665T-A family consists of three parts that are all available now, the MXT1665T-A supports 1664 touch node sensors, the MXT1189-A supports 1188 touch node sensors and the MXT799T-A with 798 touch node sensors. For more information, visit: http://www.microchip.com/MXT1665T_Main7302

สำนักพิมพ์ FinanzBuch Verlag ส่งหนังสือ "LUCIFER'S BANKER" ฉบับภาษาเยอรมัน วางแผง 10 เมษายน


          หลังจากเปิดตัวด้วยความสำเร็จอย่างดงามในสหรัฐอเมริกา "LUCIFER'S BANKER" ( http://www.lucifersbanker.com ) หนังสือบันทึกเรื่องราวของ Bradley Birkenfeld ผู้เปิดโปงความลับของธนาคารยูบีเอสแห่งสวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้รับความสนใจจากสำนักพิมพ์ทั่วโลก ล่าสุด สำนักพิมพ์ FinanzBuch Verlag (FBV) ของเยอรมนี ได้เปิดตัวหนังสือฉบับภาษาเยอรมันในชื่อ "DES TEUFEL'S BANKER" ในวันที่ 10 เมษายน ทั้งในเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดย Christian Jund ประธานของ FBV กล่าวว่า "เราภูมิใจมากที่ได้เปิดตัวหนังสือ Lucifer's Banker ฉบับภาษาเยอรมันเป็นเจ้าแรกในยุโรป" ขณะเดียวกัน สำนักพิมพ์ในอีกหลายประเทศก็กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาหรือบรรลุข้อตกลงในการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ทั้งในฝรั่งเศส กรีซ อิตาลี ญี่ปุ่น โปแลนด์ โรมาเนีย รัสเซีย สเปน และไทย

          นอกจากนี้ Bradley Birkenfeld ยังร่วมมือกับ Martin Schuermann ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อ และบริษัทเอเจนซี่ชั้นนำอย่าง Creative Artists Agency (CAA) ในการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของเขา ทั้งแบบมีสคริปต์และไม่มีสคริปต์

          Bradley Birkenfeld เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่าย private banking ของธนาคารยูบีเอส ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีหน้าที่ดูแลลูกค้าชาวอเมริกันผู้ร่ำรวย ซึ่งมาเปิดบัญชีเงินฝากลับๆกับทางธนาคารเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีในสหรัฐ Mr.Birkenfeld พยายามเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติของธนาคารหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ในปี 2550 เขาจึงออกมาเปิดโปงความลับดังกล่าวต่อหน่วยงานของสหรัฐหลายแห่ง ทั้งกรมสรรพากร กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และวุฒิสภา ซึ่งเขาได้รับปฏิกิริยาตอบรับที่แตกต่างกันออกไป หลังการต่อสู้ทางกฎหมายอันยาวนาน Mr.Birkenfeld กลับกลายเป็นพนักงานของธนาคารยูบีเอสเพียงคนเดียวที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐตัดสินให้จำคุก (30 เดือน) แต่หลังจากได้รับการปล่อยตัว เขาก็ได้รับเงินรางวัล 104 ล้านดอลลาร์จากกรมสรรพากรสหรัฐ ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์

          หนังสือ LUCIFER'S BANKER บอกเล่าแง่มุมที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติลับๆ ภายในภาค private banking ของสวิส ตลอดจนเครือข่ายการเมือง การทุจริต และการเงินระดับโลก ผ่านสายตาของนักเปิดโปงผู้กล้าหาญ ที่ออกมาเผยเรื่องอื้อฉาวของธนาคารยักษใหญ่และรัฐบาลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก จนได้รับชัยชนะในที่สุด

FinanzBuch Verlag: UBS Whistleblower Story Goes Global


          After a successful release in the United States, UBS Whistleblower Bradley Birkenfeld's memoirs "LUCIFER'S BANKER" ( http://www.lucifersbanker.com ) is being highly sought after by book publishers around the world. Germany's FinanzBuch Verlag will release the German version "DES TEUFEL'S BANKER" on April 10, 2017 in Germany, Austria, Liechtenstein and Switzerland. "We are very proud to be the first to launch the German version of Lucifer's Banker in Europe," stated Christian Jund (Chairman of FBV). Several international publishing deals are either signed or in development, including: France, Greece, Italy, Japan, Poland, Romania, Russia, Spain and Thailand.

          Mr. Birkenfeld has teamed up with proven industry media veteran Martin Schuermann along with the premier talent agency Creative Artists Agency (CAA) to develop both scripted and unscripted TV shows around Bradley's epic story.

          Bradley Birkenfeld was a Director at UBS private banking in Geneva, Switzerland managing high-net-worth US clients, keeping their assets in the then notorious secret Swiss numbered accounts. In 2007, after several unsuccessful attempts within UBS to change their practices of blatant billion-dollar tax evasion, Mr. Birkenfeld blew the whistle to several US agencies including: the IRS, DOJ, SEC and the US Senate only to be received with mixed reactions. After a long legal struggle, Mr. Birkenfeld was the only UBS banker sent to jail (for 30 months) by the DOJ. Weeks after his release, Mr. Birkenfeld was recognized by the IRS with a $104 million award - the largest in history.

          LUCIFER'S BANKER gives an unprecedented look into the secret Swiss private banking practices and the global network of politics, corruption and money through the eyes of a courageous whistleblower who took on the largest bank and the largest government in the world and ultimately won.

Banco Bradesco ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2560


          Bradesco (BM&FBovespa: BBDC3; BBDC4, NYSE: BBD) รายงานตัวเลขผลประกอบการที่สำคัญในไตรมาสแรกของปี 2560 โดยมุ่งเน้นไปที่งบการเงินรวมของ HSBC Bank Brasil S.A.และบริษัทย่อย (HSBC Brasil) นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา
          1. กำไรสุทธิ (Adjusted Net Income) (1) ประจำไตรมาสแรกของปี 2560 อยู่ที่ 4.648 พันล้านเรียลบราซิล (เพิ่มขึ้น 13.0% จากระดับ 4.113 พันล้านเรียลบราซิลในไตรมาสแรกของปี 2559) คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 3.19 เรียลบราซิล และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Return on Average Adjusted Shareholders' Equity) (2) ที่ 18.3%(2)
          2. เมื่อแยกตามแหล่งที่มาของรายได้ กำไรสุทธิ (Adjusted Net Income) ประกอบด้วยกำไร 3.274 พันล้านเรียลบราซิลจากกิจกรรมทางการเงินต่างๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70.4% ของทั้งหมด และอีก 1.374 พันล้านเรียลบราซิลจากธุรกิจประกัน แผนบำนาญ และพันธบัตรเพื่อการออมเงิน (Capitalization Bond) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 29.6%
          3. ณ เดือนมีนาคม 2560 Bradesco มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.78208 แสนล้านเรียลบราซิล (3) เพิ่มขึ้น 24.0% จากเดือนมีนาคม 2559
          4. มูลค่าทรัพย์สินรวม ณ เดือนมีนาคม 2560 อยู่ที่ 1.294 ล้านล้านเรียลบราซิล เพิ่มขึ้น 17.5% จากยอดคงเหลือในเดือนมีนาคม 2559 โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 1.4%
          5. ณ เดือนมีนาคม 2560 ธนาคารมีวงเงินสินเชื่อ (Expanded Loan Portfolio) (4) แตะ 5.02714 แสนล้านเรียลบราซิล เพิ่มขึ้น 8.5% จากเดือนมีนาคม 2559 โดยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยมีมูลค่า 1.71820 แสนล้านเรียลบราซิล (เพิ่มขึ้น 16.3% จากเดือนมีนาคม 2559) ขณะที่สินเชื่อลูกค้าองค์กรมีมูลค่า 3.30894 แสนล้านเรียลบราซิล (เพิ่มขึ้น 4.9% จากเดือนมีนาคม 2559)
          6. มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการอยู่ที่ 1.944 ล้านล้านเรียลบราซิล เพิ่มขึ้น 22.3% จากเดือนมีนาคม 2559
          7. ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่า 1.04558 แสนล้านเรียลบราซิลในเดือนมีนาคม 2560 เพิ่มขึ้น 12.0% จากเดือนมีนาคม 2559 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ Basel III เมื่อคำนวณตามเงื่อนไข Prudential Conglomerate อยู่ที่ 15.3% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier I Capital) ทั้งสิ้น 12.0%
          8. ธนาคารจ่ายและกันสำรองผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 1.845 พันล้านเรียลบราซิลในรูปแบบของผลประโยชน์ในส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งคำนวณจากผลกำไรที่ได้รับในไตรมาสแรกของปี 2560 โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดรายเดือน 300.551 ล้านเรียล และกันสำรอง 1.544 พันล้านเรียลบราซิล
          9. สัดส่วนดอกเบี้ยต่อรายได้อยู่ที่ 1.5900 หมื่นล้านเรียลบราซิลในไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559
          10. อัตราการค้างชำระหนี้ระยะเวลา 90 วัน อยู่ที่ 5.6% ในเดือนมีนาคม 2560 ลดลง 5.2% ไม่รวมลูกค้าองค์กรที่มีการตั้งสำรองเต็มจำนวนแล้ว (เมื่อเทียบกับ 5.5% ในเดือนธันวาคม 2559 และ 4.2% ในเดือนมีนาคม 2559)
          11. อัตราส่วนประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operating Efficiency Ratio) (5) ณ เดือนมีนาคม 2560 อยู่ที่ 40.8% (เทียบกับ 37.2% ในเดือนมีนาคม 2559) ขณะที่อัตราส่วนประสิทธิภาพหลัง "ปรับค่าความเสี่ยง" อยู่ที่ 53.1% (เทียบกับ 47.1% ในเดือนมีนาคม 2559)
          12. ค่าเบี้ยประกันภัย การจ่ายเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และรายได้จากพันธบัตรเพื่อการออมเงิน อยู่ที่ 1.7948 หมื่นล้านเรียลบราซิลในไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น 18.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 การตั้งสำรองทางเทคนิคอยู่ที่ 2.29433 แสนล้านเรียลบราซิล เพิ่มขึ้น 25.4% จากยอดคงเหลือในเดือนมีนาคม 2559
          13. การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคม แตะที่ 1.408 พันล้านเรียลบราซิลในไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสแรกของปี 2559
          14.ภาษีและเงินจ่ายสมทบ ซึ่งรวมถึงประกันสังคม แตะที่ 9.7 พันล้านเรียลบราซิลในไตรมาสแรกของปี 2560 โดยแยกเป็น 3.531 พันล้านเรียลบราซิลเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายและการเรียกเก็บจากบุคคลที่สาม และ 6.169 พันล้านเรียลบราซิล ซึ่งคำนวณจากกิจกรรมต่างๆ ที่พัฒนาโดย Bradesco Organization เทียบเท่ากับ 132.7% ของกำไรสุทธิ (Adjusted Net Income) (1)
          15. Bradesco มีเครือข่ายการให้บริการลูกค้าที่กว้างขวางในบราซิล ด้วยจำนวนสาขา 5,122 แห่ง และจุดบริการลูกค้า (PA) 3,971 จุด นอกจากนี้ ลูกค้าของ Bradesco ยังสามารถใช้บริการจากตู้เอทีเอ็ม 1,004 ตู้ที่ตั้งอยู่ตามบริษัท (PAE) จุดบริการลูกค้า Bradesco Expresso จำนวน 38,525 จุด เอทีเอ็มของ Bradesco จำนวน 36,095 ตู้ และเครือข่ายเอทีเอ็มของ Banco24Horas จำนวน 20,584 ตู้
          16. เงินเดือน บวกค่าสวัสดิการและผลประโยชน์ทั้งหมด มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4.244 พันล้านเรียลบราซิลในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 โดยมีการให้ผลประโยชน์ทางสังคมแก่พนักงานทั้ง 106,644 คนของ Bradesco Organization และผู้ที่อยู่ภายใต้การอุปการะ เป็นมูลค่า 1.133 พันล้านเรียลบราซิล ในขณะที่การลงทุนด้านการศึกษา การฝึกอบรม และโครงการพัฒนาต่างๆ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 31.451 ล้านเรียลบราซิล
          17. รางวัลและการยอมรับที่สำคัญในช่วงไตรมาส:
          - รางวัล "IT Executive of the Year" ในหมวดธนาคาร จากกรณีศึกษาเรื่อง "BIA - Bradesco Artificial Intelligence - Branch Service Center - with Watson (จัดทำโดย IT Midia ร่วมกับ Korn Ferry);
          - UniBrad ได้รับรางวัลนานาชาติ "GlobalCCU Awards" ประจำปี 2560 ในฐานะมหาวิทยาลัยบรรษัทที่ดีที่สุดในโลก (Global Council of Corporate Universities)
          - เป็นหนึ่งในผู้ชนะรางวัล "Information Technology Professional" ประจำปี 2559 ส่วนงานธนาคาร (Informatica Hoje Magazine)
          - Bradesco BBI ได้รับรางวัล "Best Investment Bank in Brazil" ประจำปี 2560 และอยู่ในลำดับแรกของการจัดอันดับการควบรวมและซื้อกิจการ หนี้ภายในประเทศ ตราสารหนี้และตราสารทุนระหว่างประเทศ ประจำปีและปีงบประมาณ 2560 (Best Investment Banks in the World Edition - Global Finance Magazine);
          - BRAM ได้รับการจัดอันดับ AMP-1 (very strong) โดย Standard & Poor's ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในการจัดอันดับคุณภาพการบริหารจัดการของ S&P Global Ratings
          - BRAM มีตำแหน่งโดดเด่นในรายงานเกี่ยวกับกองทุนหุ้นขนาดเล็กที่มีผลกำไรสูงสุดในปี 2560 (IstoE Magazine)
          - Bradesco Seguros Group ได้รับ 2 รางวัลสูงสุดใน 3 สาขาจากเวทีประกาศรางวัล "Brazil Insurer Award" ได้แก่ Best Performance, Best Sales Growth และ Global Market Leader (Editora Brasil Noticias)
          - Bradesco Seguros Group ได้รับรางวัล "Outstanding Companies" ในสาขาประกันภัย สุขภาพ เงินบำนาญ และการแปลงเป็นทุน (Centro de Inteligencia Padrao – CIP (Standard Intelligence Center) ร่วมกับนิตยสาร Consumidor Moderno) และ
          - Bradesco ขึ้นแท่นผู้นำตลาดพันธบัตรเพื่อการออมในปี 2559 (Superintendence of Private Insurance – Susep)
          Bradesco Organization มุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เรากำหนดแนวทางและกลยุทธ์ทางธุรกิจ ด้วยการใช้แนวทางดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนพิจารณาบริบทและศักยภาพของแต่ละภูมิภาค ซึ่งนำไปสู่การสร้างคุณค่าที่แบ่งปันร่วมกันในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนจุดยืนดังกล่าว เราจึงได้ให้ความสำคัญกับการยึดมั่นในแผนริเริ่มทางธุรกิจที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่น Global Compact, Equator Principles, CDP (Carbon Disclosure Program), Principles for Responsible Investment (PRI), GHG Protocol Program (Brazilian Greenhouse Gas Emissions Program) และ Companies for Climate Change (EPC) โครงสร้างการบริหารงานของเราได้แก่ คณะกรรมการเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Committee) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกคณะกรรมการบริหารและรองประธาน ซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำแก่คณะผู้บริหารในการสร้างแนวทางและการดำเนินงานในองค์กรในงานประเภทนี้ และยังมีคณะกรรมการที่มาจากหลายแผนกที่ทำหน้าที่ในการประสานงานเพื่อนำแผนกลยุทธ์มาปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จ ความยอดเยี่ยมในการบริหารธุรกิจสามารถวัดได้จากดัชนีชี้วัดความยั่งยืน เช่น Dow Jones Sustainability Index (DJSI) – "Emerging Markets" ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ตลอดจนดัชนี Corporate Sustainability Index (ISE) และ Carbon Efficient Index (ICO2) จาก B3 (ชื่อปัจจุบันของ BM&FBovespa และ CETIP)
          Fundacao Bradesco ได้เปิดโรงเรียน 40 แห่งทั่วบราซิล พร้อมโครงการทางด้านสังคมและการศึกษาที่ครอบคลุมมาตั้งแต่เมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยในปี 2560 ทางบริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 625.944 ล้านเรียลบราซิล ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับนักเรียน 104,228 คนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนของทางธนาคารในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา และการศึกษาวิชาชีพขั้นสูง) การศึกษาสำหรับเยาวชน การศึกษาผู้ใหญ่ และอาชีวศึกษา โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างอาชีพและรายได้ นอกเหนือจากการเรียนฟรีในระบบการศึกษาที่มีคุณภาพแล้ว นักเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานกว่า 43,000 คน ยังจะได้รับเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารกลางวัน รวมถึงสิทธิด้านสุขภาพและทันตกรรมอีกด้วย สำหรับระบบการเรียนการสอนทางไกล (EaD) นั้น Fundacao คาดว่าจะมีนักเรียน 630,000 คนได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ผ่านช่องทางอีเลิร์นนิ่ง "Escola Virtual" (โรงเรียนเสมือนจริง) โดยนักเรียนเหล่านี้สามารถเลือกเรียนอย่างน้อยหนึ่งวิชาที่กำหนดไว้ในตารางเรียน ขณะที่นักเรียนอีก 15,040 คนเข้าร่วมในโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่ธนาคารได้ร่วมมือกับ Program Educa+Acao ตลอดจนหลักสูตรเทคโนโลยีหลายหลักสูตร
          สามารถดูรายงานงบการเงินบนเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ Bradesco ได้ที่ bradesco.com.br/ir
          (1) เหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ ตามที่อธิบายไว้ในหน้า 8 ของรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินฉบับนี้; (2) ความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยต่อปีในไตรมาสแรกของปี 2559 ถูกคำนวณบนพื้นฐานเชิงเส้น และยังไม่รวมผลกระทบจากการปรับมูลค่าของหลักทรัพย์เผื่อขายในส่วนของผู้ถือหุ้นให้เป็นไปตามราคาตลาด (3) จำนวนหุ้น (ไม่รวมหุ้นทุนซื้อคืน) คูณราคาปิดตลาดของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในวันทำการซื้อขายสุดท้ายของช่วงดังกล่าว; (4) รวมถึงเงินค้ำประกัน, เลตเตอร์ออฟเครดิต เงินสำรองล่วงหน้าให้ลูกหนี้บัตรเครดิต, สัญญาผูกมัดร่วมในการโอนสินเชื่อ (กองทุนที่มีลูกหนี้ค้ำประกันและลูกหนี้ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน), สัญญาผูกมัดร่วมในการโอนสินเชื่อในพื้นที่ชนบทและการดำเนินงานที่ความเสี่ยงด้านเครดิต ได้แก่ สินทรัพย์เชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย หุ้นกู้และสัญญาใช้เงิน; (5) ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
          ติดต่อตัวแทนของ Banco Bradesco:
          Eduardo Braga Poterio
          โทร. +011-55-11-2194-0924
          อีเมล: eduardo.b.poterio@bradesco.com.br
          หรือ
          Carlos Tsuyoshi Yamashita
          โทร. +011-55-11-2194-0920
          อีเมล: carlos.yamashita@bradesco.com.br

Banco Bradesco 1Q17 Results

          The main figures reported by Bradesco (BM&FBovespa: BBDC3; BBDC4, NYSE: BBD) in the first quarter of 2017, with emphasis on the consolidation, from July 1, 2016, of HSBC Bank Brasil S.A. and its subsidiaries (HSBC Brasil):
          1. Adjusted Net Income (1) for the first quarter of 2017 stood at R$4.648 billion (a 13.0% increase compared to the Adjusted Net Income of R$4.113 billion recorded in the first quarter of 2016), corresponding to earnings per share of R$3.19 and return on Average Adjusted Shareholders' Equity (2) of 18.3% (2).
          2. As for the source, the Adjusted Net Income is composed of R$3.274 billion from financial activities, representing 70.4% of the total, and of R$1.374 billion from insurance, pension plans and capitalization bond operations, which together account for 29.6%.
          3. In March 2017, Bradesco's market capitalization stood at R$178.208 billion (3), showing a growth of 24.0% over March 2016.
          4. Total Assets, in March 2017, stood at R$1.294 trillion, an increase of 17.5% over the March 2016 balance. The return on Average Total Assets was 1.4%.
          5. In March 2017, the Expanded Loan Portfolio (4) reached R$502.714 billion, an increase of 8.5% over March 2016. Operations with individuals totaled R$171.820 billion (an increase of 16.3% over March 2016), while operations with companies totaled R$330.894 billion (a 4.9% increase over March 2016).
          6. Assets under Management stood at R$1.944 trillion, a 22.3% increase over March 2016.
          7. Shareholders' Equity totaled R$104.558 billion in March 2017, 12.0% higher than in March 2016. The Basel III Ratio, based on the Prudential Conglomerate stood at 15.3%, 12.0% of which is Tier I Capital.
          8. The sum of R$1,845 billion was paid and provisioned to shareholders as Interest on Shareholders' Equity for the profit generated in the first quarter of 2017, R$300.551 million of which were paid in the form of monthly installments, and R$1.544 billion were provisioned.
          9. The Interest-Earning Portion reached R$15.900 billion in the first quarter of 2017, exhibiting growth of 7.9% compared to the first quarter of 2016.
          10. The 90-day Delinquency Ratio stood at 5.6% in March 2017, being reduced to 5.2% disregarding a specific corporate client that was already fully provisioned (5.5% in December 2016 and 4.2% in March 2016).
          11. The Efficiency Ratio (ER) (5) in March 2017 was 40.8% (37.2% in March 2016), while the "risk-adjusted" efficiency ratio stood at 53.1% (47.1% in March 2016).
          12. Insurance Written Premiums, Pension Plan Contributions and Capitalization Bond Income totaled R$17.948 billion in the first quarter of 2017, up 18.2% when compared with the same period of 2016. Technical provisions stood at R$229.433 billion, an increase of 25.4% compared with the balance in March 2016.
          13. Investments in infrastructure, information technology and telecommunications amounted to R$1.408 billion in the first quarter of 2017, up 1.3% over the first quarter of 2016.
          14. Taxes and contributions paid or recorded in provision, including social security, totaled R$9.700 billion in the first quarter of 2017, of which R$3.531 billion was related to taxes withheld and collected from third parties, and R$6.169 billion, was calculated based on activities developed by the Bradesco Organization, equivalent to 132.7% of the Adjusted Net Income (1).
          15. Bradesco has an extensive Customer Service Network in Brazil, with 5,122 Branches and 3,971 Customer Service Points (PAs). The following are also available to Bradesco clients: 1,004 ATMs located on company premises (PAEs), 38,525 Bradesco Expresso customer service points, 36,095 Bradesco ATMs, and 20,584 Banco24Horas Network ATMs.
          16. Payroll, plus charges and benefits totaled R$4.244 billion in the first quarter of 2017. Social benefits provided to all 106,644 employees of the Bradesco Organization and their dependents amounted to R$1.133 billion, while investments in education, training and development programs totaled R$31.451 million.
          17. Major Awards and Acknowledgments in the period:
          - It enjoyed pride of place in the "IT Executive of the Year" award, in the Banking category, with the case entitled "BIA - Bradesco Artificial Intelligence – Branch Service Center - with Watson (Study by IT Midia in partnership with Korn Ferry);
          - UniBrad won the international award "GlobalCCU Awards 2017" for best corporate university in the world (Global Council of Corporate Universities);
          - It was one of the winners in the "2016 Information Technology Professional" award, in the Banking segment (Informatica Hoje Magazine);
          - Bradesco BBI was awarded as "Best Investment Bank in Brazil in 2017" and appeared, in 2017 and YTD, in first place in the ranking of mergers and acquisitions, domestic debt, international debt and equity (Best Investment Banks in the World Edition - Global Finance Magazine);
          - BRAM was rated AMP-1 (very strong) by the agency Standard & Poor's, which is considered the highest on the management quality scale of S&P Global Ratings;
          - BRAM features in a prominent position in the report on small-cap stock funds, for having the most profitable funds of 2017 (IstoE Magazine);
          - Bradesco Seguros Group won two trophies in three categories in the "Brazil Insurer Award": Best Performance, Best Sales Growth and Global Market Leader (Editora Brasil Not?cias);
          - Bradesco Seguros Group won the "Outstanding Companies" award in the Insurance, Health, Pension and Capitalization segment (Centro de Inteligencia Padrao – CIP (Standard Intelligence Center), in partnership with Consumidor Moderno magazine); and
          - Bradesco became the leader of the Capitalization Bond market in 2016 (Superintendence of Private Insurance – Susep).
          Bradesco Organization is fully committed to the socio-economic development of the country. We set our business guidelines and strategies with a view of incorporating the best corporate sustainability practices, considering the context and the potential of each region, thus contributing to the generation of shared value in the long term. To reinforce this position, we emphasized adherence to globally recognized business initiatives, such as: Global Compact, Equator Principles, CDP (Carbon Disclosure Program), Principles for Responsible Investment (PRI), GHG Protocol Program (Brazilian Greenhouse Gas Emissions Program) and Companies for Climate Change (EPC). Our governance structure includes the Sustainability Committee, comprised by member of the Board of Directors and Vice-Presidents, which is responsible for advising the Board of Directors on establishing guidelines and corporate actions for this area, and with the Executive Multi-departmental Committee responsible for coordinating the strategy's implementation. Excellence in business management is recognized by the main indexes of Sustainability, such as the Dow Jones Sustainability Index (DJSI) – "Emerging Markets", of the New York Stock Exchange, the Corporate Sustainability Index (ISE), and the Carbon Efficient Index (ICO2), both from B3 (current name of BM&FBovespa and CETIP).
          With a broad social and educational program put in place 60 years ago, Fundacao Bradesco operates 40 schools across Brazil. In 2017, a budget of R$625.944 million will benefit approximately 104,228 students enrolled in its schools at the following levels: Basic Education (from Kindergarten to High School and Higher Secondary Technical-Professional Education), youth and adult education; and preliminary and continued vocational training, focused on creating jobs and income. In addition to the guarantee of free, quality education, the students enrolled in the Basic Education system, numbering over 43 thousand, also receive uniforms, school supplies, meals, and medical and dental assistance. Fundacao also expects to benefit 630 thousand students via distance learning (EaD), through its e- Learning portal "Escola Virtual" (Virtual School). where students can conclude at least one of the courses offered in its schedule. Another 15,040 students are taking part in projects and actions in partnership with the Program Educa+Acao and in Technology courses.
          The Financial Statements can be found on Bradesco's Investor Relations website at bradesco.com.br/ir .
          (1) According to the non-recurring events described on page 8 of this Economic and Financial Analysis Report; (2) As of the first quarter of 2016, the annualized profitability has been calculated on a linear basis, and also, it excludes mark-to-market effect of Available-for-Sale Securities recorded under Shareholders' Equity; (3) Number of shares (excluding treasury shares) multiplied by the closing price for common and preferred shares on the last trading day of the period; (4) Includes sureties and guarantees, letters of credit, advances on credit card receivables, co-obligations in loan assignments (receivables-backed investment funds and mortgage-backed receivables), co-obligations in rural loan assignments and operations bearing credit risk – commercial portfolio, which includes debentures and promissory notes; and (5) In the last 12 months.
          CONTACT: Eduardo Braga Poterio +011-55-11-2194-0924, eduardo.b.poterio@bradesco.com.br or Carlos Tsuyoshi Yamashita, +011-55-11-2194-0920, carlos.yamashita@bradesco.com.br , both from Banco Bradesco.

ส่องความคิดการบริหารงานของ 1 ใน 50 ผู้บริหารทรงอิทธิพลของจีน




 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา นิตยสารฟอร์จูนได้ประกาศรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจจีน 50 อันดับ ประจำปี 2560 โดยเฉิน ต้าเหนียน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ LinkSure ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว ท่ามกลางผู้ประกอบการชื่อดังจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆในจีน ทั้งเหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอหัวเว่ย, หม่า ฮั่วเถิง ประธานบริษัทเทนเซนต์ และหวัง เจี้ยนหลิน ประธานว่านต๋า กรุ๊ป

          นิตยสารฟอร์จูน ระบุว่า "ผลิตภัณฑ์แอพไวไฟมาสเตอร์คีย์ (WiFi Master Key) ที่คิดค้นโดยคุณเฉิน ต้าเหนียนนั้น เป็น 1 ใน 10 แอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดที่ไม่ใช่แอพจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างไป่ตู้ อาลีบาบา และเทนเซนต์ (หรือรวมเรียกว่า BAT) โดยรายงานของเทนเซนต์ ซึ่งเผยแพร่ในเดือนส.ค. 2559 ระบุว่า ไวไฟมาสเตอร์คีย์ มีจำนวนผู้ใช้ใหม่รายวันแซงหน้าแอพโซเชียลมีเดียชั้นนำของจีนอย่าง Wechat และ QQ โดยขึ้นแท่นแอพพลิเคชั่นที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุดในจีน คุณเฉิน ต้าเหนียน บริหารบริษัทด้วยแนวทางที่ไม่เหมือนใคร โดยมุ่งเน้นการมอบอำนาจให้พนักงานและไม่ส่งเสริมให้ทำงานล่วงเวลา เพราะคุณเฉินมองว่า การทำในสิ่งที่ถูกต้องสำคัญกว่าการพยายามอย่างเต็มที่"

          ก่อนที่คุณเฉินจะได้รับเลือกให้ติดทำเนียบนักธุรกิจทรงอิทธิพล 50 อันดับในจีนนั้น เขาเคยติดรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี จำนวน 40 คน หรือ "40 Under 40" ประจำปี 2559 ของนิตยสารฟอร์จูนอีกด้วย ด้วยอิสรภาพทางการเงินที่เขาได้รับจากการเป็นผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในช่วงที่เขาทำงานให้กับบริษัท Shanda Group ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาก่อตั้งร่วมกับคุณเฉิน เทียนเฉียว ผู้เป็นพี่ชายนั้น ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาในการใช้ความร่ำรวยเพื่อแก้ปัญหาสังคมและช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น

          ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์จูน คุณเฉินได้เล่าถึงความใฝ่ฝันในการเป็นสะพานเชื่อมความแบ่งแยกในโลกดิจิทัล "การแบ่งแยกทางดิจิทัลในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกกำลังขยายตัวขึ้น แม้ว่าระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันจะมีความเป็นโลกาภิวัตน์มากขึ้น ขณะที่ผู้คนก็เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นก็ตาม"

          ในปี 2556 คุณเฉิน ต้าเหนียน ได้ก่อตั้งบริษัท LinkSure และเปิดตัวแอพไวไฟมาสเตอร์คีย์ เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี สะดวก และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก นับจนถึงเดือนมิถุนายน 2559 แอพนี้มียอดผู้ใช้งานถึง 900 ล้านคน และมียอดผู้ใช้งานประจำในแต่ละเดือน 520 ล้านคน คุณเฉิน ต้าเหนียน แสดงความหวังว่า ไวไฟมาสเตอร์คีย์จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ทั่วทุกมุมโลก เพื่อที่จะทำให้คนที่มีรายได้น้อย สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายและไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการมอบความสุขและเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองผ่านทางอินเทอร์เน็ต

          ในด้านการบริหารงานบริษัท คุณเฉิน ต้าเหนียน ให้ความสำคัญกับแนวทางแบบ "นิกายเซน" ซึ่งเขาหล่อหลอมมาจากประสบการณ์บริหารงานบริษัทที่สั่งสมมากว่า 20 ปี สำหรับเขาแล้ว การเป็นเจ้าของกิจการไม่ใช่แค่การมุ่งมั่นสร้างความสำเร็จอย่างบ้าบิ่นเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน เขาเชื่อว่า การวางกรอบโครงสร้างการทำงานภายในองค์กรอย่างเหมาะสม ทั้งในเรื่องของการมอบอำนาจและการให้รางวัล เพื่อให้พนักงานมีอิสระในการพัฒนาอาชีพการงานอย่างเต็มที่ผ่านการลองผิดลองถูกนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการบริหารบริษัท คุณเฉินกล่าวว่า "พนักงานควรเป็นเจ้าของที่มีสิทธิ์เต็มที่ในการดำเนินงานในแต่ละวัน และควรได้รับความไว้วางใจโดยการมอบอำนาจและความรับผิดชอบเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

MAKE UP FOR EVER and KEHLANI Launch AQUA XL COLOR COLLECTIONS: The 24-Hour Lasting* Athleisure Makeup Line


          #makeupforever #performincolor #athleisure

          Esteemed makeup artistry brand MAKE UP FOR EVER and R&B sensation KEHLANI team up for a global artistic collaboration, revealing the launch of two new, high performance, long-wear, waterproof color collections for the eyes. AQUA XL COLOR PAINT cream eye shadows and AQUA XL INK LINER liquid eyeliners, available worldwide May 2017.

          Discover the video here: https://youtu.be/3NoF428Jlf8

          To view the Multimedia News Release, please click:
          https://www.multivu.com/players/uk/8062351-make-up-for-ever-kehlani-launch-aqua-xl

          The artistic collaboration, which includes the launch of two collections within MAKE UP FOR EVER's AQUA XL franchise, provides KEHLANI with makeup artists and makeup for all her artistic endeavors, including tour dates and shoots. KEHLANI stars in the 2017 AQUA XL campaign visual and videos, produced in partnership with MAKE UP FOR EVER.

          "MAKE UP FOR EVER makes me feel powerful on stage because I feel like I look good - like I look like myself, so I can be confident and have fun. I also know MAKE UP FOR EVER makeup is not going to melt or come off while I'm performing, so I don't have to think about what's happening with my makeup," said KEHLANI. "I feel very honored to be part of the close-knit MAKE UP FOR EVER community. This is my first artistic collaboration with any brand and I am so happy to be in this amazing group of people who inspire me daily with their passion for makeup and for this awesome brand."

          Inspired by performers' and backstage makeup artists' needs since its 1984 beginnings, MAKE UP FOR EVER develops products to meet harsh environmental demands of discerning makeup users, and AQUA XL is no exception. The AQUA XL franchise, known for its extra-long wear, extra-pigmented colors and extra-easy glide, is tested on stage and in extreme conditions to ensure that color stays on until you take it off. The new AQUA XL COLOR PAINT, a versatile color cream eye shadow, and AQUA XL INK LINER, a rich, liquid eyeliner, are available in several vibrant and neutral shades with maximum color intensity and 24 hour wearing power.

          "We consistently support the creativity and artistic spirit of charismatic talents with bold personalities," said Nicolas Cordier, CEO, MAKE UP FOR EVER. "KEHLANI embodies the beautiful fearlessness of her generation. She is the perfect performer to represent the new AQUA XL product collections' with high performance formulas that never quit."

          An accomplished dancer with boundless energy and irresistible talent, KEHLANI epitomizes the spirit of the vibrant, unstoppable AQUA XL franchise. The two-time GRAMMY(R) Award-nominated has written several critically acclaimed tracks such as "Gangsta," featured on SUICIDE SQUAD: THE ALBUM, "CRZY" and "You Should Be Here." KEHLANI recently released her full-length debut album, SWEETSEXYSAVAGE, with great success. MAKE UP FOR EVER is proud to welcome KEHLANI in the #iamanartist call to action, encouraging people everywhere to reveal their inner artist, and to join her in all of her performances and artistic creations throughout the year.

          (*) Instrumental test method conducted on 22 women

          (Photo: http://mma.prnewswire.com/media/478376/MAKE_UP_FOR_EVER_Kehlani.jpg )

          Video: https://www.multivu.com/players/uk/8062351-make-up-for-ever-kehlani-launch-aqua-xl

          Source: MAKE UP FOR EVER

Founder and CEO of LinkSure Danian Chen Named in Fortune's 2017 List of Top 50 Most Influential Business Leaders in China

          On April 19th, Fortune released its 2017 list of the Top 50 Most Influential Business Leaders in China. The founder and CEO of LinkSure, Mr. Danian Chen, is among this outstanding group. Sharing the spotlight with Mr. Chen, are renowned Chinese entrepreneurs from a wide range of sectors, including Mr. Zhengfei Ren, CEO of Huawei, Mr. Huateng Ma, chairman of Tencent, and Mr. Jianlin Wang, chairman of Wanda Group.


          Fortune commented that "Mr. Danian Chen's brainchild app product, WiFi Master Key, is now one of top 10 apps with the most downloads in China that is not affiliated with any of the China's tech giants Baidu, Alibaba and Tencent (collectively 'BAT'). According to an official report by Tencent in August 2016, WiFi Master Key's daily new users has surpassed Chinese social media app WeChat and QQ, to become the most downloaded app in China. Mr. Danian Chen manages the company with a unique approach; he emphasizes on employee empowerment and discourages working overtime. In his opinion, doing the right thing is far more important than sheer effort."

          Prior to being named as one of the Top 50 Most Influential Business leaders in China, Mr. Danian Chen is also listed in Fortune's China "40 Under 40" 2016 list. The financial freedom which he gained from being a serial entrepreneur, and his early career- Shanda Group which he co-founded with his brother Mr. Tianqiao Chen- has inspired him to use his wealth to solve social issues and help more people.

          During his interview with Fortune, Mr. Chen shared about his dream to bridge the digital divide: "The digital divide between different regions of the world is ever expanding despite our more globalized world economy and the increased availability of Internet access today."

          In 2013, Mr. Danian Chen established LinkSure and launched WiFi Master Key, in a move to provide free, convenient and secure Internet service to users worldwide. As of June 2016, the app has 900 million users worldwide, with a MAU of 520 million users. Mr. Danian Chen hopes for WiFi Master Key to reach to every corner of the globe so that those who cannot afford Internet connection are able to access the Internet conveniently for free, thus gaining happiness and even meeting with life-changing opportunities via the Internet.

          When it comes to managing the company, Mr. Danian Chen advocates a "zen-like" approach, honed from his two decades of management experience. To him, Entrepreneurship shouldn't be about achieving success frenziedly. On the contrary, he believes that establishing a proper empowerment and reward framework that grants employees the liberty to progress through trial and error is of utmost importance for business management. "Employees should be the rightful owners operating the day-to-day business, entrusted with the powers and corresponding responsibilities to do their jobs," said Mr. Chen.



Emaar Hospitality Group เปิดตัว 5 แอปใหม่ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้เข้าพักโรงแรม



         Emaar Hospitality Group เปิดตัว 5 แอปพลิเคชันใหม่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้เข้าพักโรงแรมในเครือ นับเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมโรงแรมสู่ยุคดิจิทัลในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน


          แอปดังกล่าวโดดเด่นจากแอปอื่นๆ ที่ใช้ตามโรงแรมทั่วไป เพราะมีการแยกแอปเฉพาะสำหรับโรงแรมแต่ละแบรนด์ และรับประกันว่าแขกผู้เข้าพักจะสามารถเชื่อมต่อกับทางโรงแรมได้อย่างสะดวกสบายผ่านโทรศัพท์มือถือ
          การเปิดตัวแอปในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ดิจิทัลใหม่ล่าสุดของ Emaar ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยแนวคิด "mobile first" ผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้านั้น จะเป็นตัวพลิกเกมในอุตสาหกรรมโรงแรม อนึ่ง แอปดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดริเริ่มด้านดิจิทัลโดย Emaar Hospitality Group
          Emaar Hospitality Group เลือก Go Find It Technologies SA เป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาแอปสำหรับ Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Rove Hotels, Palace Downtown และ Manzil Downtown
 
          แอป Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Palace Downtown และ Manzil Downtown เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว ส่วนแอป Rove Hotels จะเปิดให้ดาวน์โหลดในเร็วๆนี้
          โอลิวิเยร์ ฮาร์นิสช์ ซีอีโอของ Emaar Hospitality Group กล่าวว่า "นี่คือประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในการบุกเบิกกระแสดิจิทัลในอุตสาหกรรมโรงแรม ตั้งแต่นี้ไป ผู้เข้าพักจะได้รับประสบการณ์อันน่าจดจำจากโรงแรมของเราด้วยความสะดวกสบายเพียงปลายนิ้ว แอปดังกล่าวจะช่วยให้แขกสามารถเข้าถึงบริการของเราได้บนโทรศัพท์มือถือ ส่วนทางเราก็ได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ จึงสามารถให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น"
          แอปดังกล่าวมาพร้อมฟังก์ชั่นเหนือระดับ ทั้งระบบจองห้องพักโรงแรม การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมือง การใช้งานโซเชียลมีเดีย พร้อมการแจ้งข่าวสารต่างๆ เช่น การเชิญผู้ใช้งานเข้าร่วมลอยัลตี้โปรแกรม "U By Emaar" ของทางโรงแรม รวมถึงการแจ้งเตือนสิทธิพิเศษ และอื่นๆอีกมากมาย
          สำหรับข้อมูลในส่วนของ City Guides ที่จัดทำขึ้นอย่างมืออาชีพและมีการอัพเดทสม่ำเสมอนั้น จะคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของคอนเทนต์ทั้งหมดในแต่ละแอป โดยโรงแรมแต่ละแบรนด์จะสร้างคอนเทนต์ของตัวเองเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์อีเวนต์ต่างๆ รวมถึงสิทธิพิเศษที่เกี่ยวข้อง
          แอป Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Palace Downtown และ Manzil Downtown ทั้งในระบบ iOS และ Android เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วทาง App Store และ Google Play ส่วนแอป Rove Hotels จะเปิดให้ดาวน์โหลดเร็วๆนี้
            
          ติดต่อ:
          Kelly Home
          ASDA'A Burson-Marsteller
          โทร. +9714-4507-600
          อีเมล: kelly.home@bm.com
          ที่มา: Emaar Hospitality Group

Emaar Hospitality Group Sets World-first With Five Native Apps for Enhanced Digi

          DUBAI, UAE--27 Apr--PRNewswire/InfoQuest
          In a never-before example of digital transformation in the hospitality industry, Emaar Hospitality Group has launched five native applications (apps) that enhances the digital lifestyle experience for guests.
          (Photo: http://mma.prnewswire.com/media/495055/Emaar_Hospitality_Group_5_Apps.jpg )
          The apps stand apart for their focus on individual hotels under the Group as opposed to conventional industry practices, and assure end-to-end digital connectivity with the hotel for guests over their mobile phone.
          The introduction of the apps are in-line with the new digital strategy of Emaar to drive enhanced customer experiences. The 'mobile first' approach, combined with the Group's ambition to be a leader in using technology to enhance guest experience, is set to be an industry game changer. The apps are part of a series of digital initiatives implemented by Emaar Hospitality Group.
          Emaar Hospitality Group selected Go Find It Technologies SA as partner in developing the apps for Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Rove Hotels, Palace Downtown and Manzil Downtown.
          Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Palace Downtown and Manzil Downtown Apps have gone live while Rove Hotels App will go live shortly.
          Olivier Harnisch, CEO of Emaar Hospitality Group, said, "This is historic as we pioneer a digital trend for the hospitality sector. Now our guests have all the connectivity and convenience they need for a memorable experience at our hotels right at their fingertips. The apps enable them to access a host of services on their mobile phones, while providing us with real time data to deliver value-added services."
          The apps enjoy superior functionality. They are integrated with the hotels' reservation systems, offer access to city guides, are social media-friendly and push relevant information such as an invitation to join the 'U By Emaar' loyalty programme, special offers and much more.
          The professionally produced and regularly updated City Guides will account for around 30 per cent of the content within each app. Additionally, individual hotels will create their own content to engage with guests while making it easier for marketers to highlight relevant events and special offers.
          Address Hotels + Resorts, Vida Hotels and Resorts, Palace Downtown and Manzil Downtown Apps on iOS and Android are available for download on the App Store and Google Play; the Rove Hotels App will be available soon.
          Contact:
          Kelly Home
          ASDA'A Burson-Marsteller
          +9714-4507-600
          kelly.home@bm.com
          Source: Emaar Hospitality Group

ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการสาธารณูปโภคระบบดิจิทัลกว่า 3,000 ชีวิต เตรียมตบเท้าเข้าร่วมงาน Asian Utility Week ครั้งที่ 18 ที่กรุงเทพฯ

          Asian Utility Week งานสำคัญซึ่งจัดโดยบริษัท Clarion Events จะเปิดฉากขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2560 โดย Asian Utility Week เป็นงานแสดงนิทรรศการและงานประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบกิจการสาธารณูปโภคในเอเชียเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ Asian Utility Week ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้นำในเรื่องการนำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมาร์ทมิเตอร์ (AMI) รวมถึงสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในเรื่องของการรับบริการด้านพลังงาน งานในปีนี้จะมุ่งเป้าไปที่กิจการสาธารณูปโภคระบบดิจิทัลและลูกค้าเป็นสำคัญ โดยได้รับความสนใจจากบริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีจากทั่วโลก ทั้งบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทแถวหน้าในวงการ สำหรับผู้บรรยายในงานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลังงานกว่า 180 ท่าน อาทิ
          - Samuel Tan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท SP Group ประเทศสิงคโปร์
          - Datuk Seri Azman ซีอีโอบริษัท Tenaga Nasional Berhad ประเทศมาเลเซีย
          - Dexter Lee กรรมการผู้จัดการและซีอีโอบริษัท Meralco Energy ประเทศฟิลิปปินส์
          - นายไวบูลย์ ชาญเชี่ยว ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
          - Hiroshi Okamoto เจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Tokyo Electric Power Company ประเทศญี่ปุ่น
          - Song Il-keun รองประธานและหัวหน้า Energy New Business Lab สถาบัน Korea Electric Power Research Institute ประเทศเกาหลี
          - Hirokazu Yamaguchi ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Global Innovation & Investment บริษัท Tokyo Electric Power Company ประเทศญี่ปุ่น
          Roderic Mclauchlan ผู้อำนวยการจัดงาน กล่าวว่า
          ผู้ประกอบกิจการสาธารณูปโภคจำนวนมากมองว่าการปฏิวัติดิจิทัลเป็นภัยต่อการทำธุรกิจรูปแบบเดิม ทว่ามีโอกาสมากมายรออยู่ข้างหน้าสำหรับผู้ที่ปรับตัวได้ก่อนคนอื่น ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านดิจิทัลกลายเป็นเรื่องธรรมดาในภาคสาธารณูปโภค ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานบนโลกออนไลน์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเอเชีย ซึ่งกดดันให้ผู้ประกอบการแบบเดิมๆ ต้องหันมาปรับปรุงช่องทางดิจิทัลของตนเองเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ เราพบว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากต่อการกำหนดกลยุทธ์การให้บริการลูกค้า เนื่องจากลูกค้าอาจระบายความรู้สึกไม่พอใจบนโลกโซเชียลซึ่งมีผู้เข้าถึงมหาศาล ส่วนในเรื่องของสมาร์ทมิเตอร์นั้น แม้ว่าจะยังค่อนข้างใหม่ในเอเชีย แต่ผู้ประกอบการก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดี และ ณ ขณะนี้ ผู้ประกอบการที่ใช้สมาร์ทมิเตอร์และกลยุทธ์ IoT ต่างกำลังตักตวงประโยชน์จากต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงและการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาดที่ดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานและผู้ค้าสามารถเข้าร่วมงาน Asian Utility Week ได้ฟรี 
          http://www.clarionevents.com/
          ติดต่อ:
          Khairunnisa Abd-llah
          โทร. +65 6590 3970
          อีเมล: infoasia@clarionevents.com

Thursday, April 27, 2017

“World Class List” รายการท่องเที่ยวใหม่แกะกล่อง เตรียมพาไปค้นหาสุดยอดเครื่องดื่มทั่วโลก




          Carey Watkins ชายหนุ่มวัย 27 ปี รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ "World Class List" ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับวัฒนธรรมค็อกเทลตามเมืองอันคึกคักทั่วโลก เพื่อสร้างลิสต์รายชื่อสุดยอดเครื่องดื่มระดับโลก

          Carey Watkins นักดนตรีชาวออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส เอาชนะผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยคนจนได้มาเป็นผู้ดำเนินรายการท่องเที่ยวรายการนี้ ซึ่งจะฉายทาง Amazon Prime ในบางประเทศตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะพาไปสัมผัสกับวัฒนธรรมค็อกเทลทั่วโลก ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม รายการนี้สร้างสรรค์โดย World Class ผู้จัดการแข่งขันบาร์เทนเดอร์รายการใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ World Class สร้างสรรค์ขึ้นโดยบริษัท Diageo เจ้าของแบรนด์ Johnnie Walker, Tanqueray no. Ten, Ketel One และอีกมากมาย

          ตลอดรายการความยาว 5 ตอน Carey ได้เห็น ได้ทำ ได้ดื่ม และได้กินอย่างเต็มที่ใน 5 เมืองสุดคึกคักทั่วโลก ได้แก่ ซิดนีย์ ไทเป บาร์เซโลนา ซานฟรานซิสโก และเม็กซิโก โดยมีสุดยอดบาร์เทนเดอร์ที่เป็นคนถิ่นช่วยนำทาง เพื่อสร้างลิสต์รายชื่อสุดยอดเครื่องดื่มของโลก

          สุดยอดบาร์เทนเดอร์ทั้ง 5 คือผู้ชนะการแข่งขัน World Class Bartender of the Year ระดับประเทศ โดยแต่ละคนได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเมืองของตนเอง รวมถึงความหลงใหลในเครื่องดื่ม พร้อมกับฝากค็อกเทลสูตรเฉพาะของตนเองไว้ใน World Class List ด้วย

          หนึ่งในนั้นคือเครื่องดื่มรสละมุนจากออสเตรเลีย ที่ได้จากการผสมวิสกี้เข้ากับกาแฟสด และเครื่องดื่มสไตล์แคลิฟอร์เนียที่ผสมวอดก้ากับน้ำแครอทและยี่หร่า

          นอกจากนี้ Carey ยังได้สัมผัสประสบการณ์มากมายที่ลืมไม่ลง ทั้งเล่นมวยปล้ำในเม็กซิโก ใช้ฉมวกแทงปลาด้วยตัวเองเพื่อนำมาทำอาหารในซิดนีย์ และนั่งเรือชมดอกไม้ไฟในวันสิ้นปีที่อ่าวซานฟรานซิสโก

          Carey Watkins กล่าวว่า "ตอนที่รู้ว่าได้รับเลือก ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก จนลืมไปเลยว่าต้องออกไปท่องโลกตั้ง 6 สัปดาห์ และไม่คิดเลยว่ามันจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทุกอย่างดูเหลือเชื่อไปหมด"

          "ผมได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ หรือไม่เคยคิดว่าจะทำถ้าไม่ได้มาทริปนี้ ผมรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือผมชอบพบปะพูดคุยและทำความรู้จักกับผู้คน การได้เดินทางรอบโลกและลิ้มรสสุดยอดเครื่องดื่มที่เหล่าบาร์เทนเดอร์รังสรรค์ขึ้น ถือเป็นงานในฝันของจริง ผมประทับใจเครื่องดื่มทั้ง 5 ชนิด ทั้งสี กลิ่น และรส มันยอดเยี่ยมจริงๆ"

          Johanna Dalley ผู้อำนวยการสากลของ World Class กล่าวว่า "World Class List เป็นการเดินทางรอบโลกเพื่อไปหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์เจ้าถิ่นผู้รังสรรค์เครื่องดื่มอันน่าทึ่ง ทั้งยังรู้ลึกรู้จริงจนสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดของแต่ละท้องถิ่นออกมาได้ รายการนี้จึงเป็นเหมือนคู่มือที่คนรักอาหาร เครื่องดื่ม และการท่องเที่ยวต้องไม่พลาดชม"

          "เราสร้างสรรค์รายการนี้เพื่อให้โลกได้รับรู้ถึงพรสวรรค์อันเหลือเชื่อของเหล่าบาร์เทนเดอร์ พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนดื่มเครื่องดื่มดีๆ หรือลองผสมเครื่องดื่มเองที่บ้าน"

          World Class List จะฉายทาง Amazon Prime ในบางประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป นอกจากนั้นยังรับชมได้ทาง http://www.makeitworldclass.com/list สามารถติดตามเราได้ทางอินสตาแกรม @WorldClass #WorldClassList

Diageo World Class: One Man’s Globetrotting Adventure to Find the Best Cocktails on the Planet




          New Travel Documentary Series Unveils the Quest to Find The Ultimate Drinks List

          It's a tough job, but someone had to do it. A new travel series, World Class List, follows the adventures of Carey Watkins, 27, as he explores the rising trend of cocktail culture, journeying across the globe to some of the world's most dynamic cities to create the ultimate guide to better drinking.

          Aspiring Australian musician and drinks enthusiast Carey, who lives in Los Angeles, was selected from hundreds to become the host of the new travel series, to be released on Amazon Prime in selected countries from next week. The series champions the rise of global cocktail culture and seeks to inspire people to drink better and create unforgettable experiences in the process and is created by World Class, the organisers of the world's biggest bartending competition.  World Class is an initiative created by leading spirits company Diageo, the makers of Johnnie Walker Scotch Whisky, Tanqueray no. Ten Gin and Ketel One Vodka amongst others.

          During the five-part series, Carey explores the best of what to see, do, eat and drink in five of the world's most exciting cities - Sydney, Taipei, Barcelona, San Francisco and Mexico. Led on his journey by the world's best bartenders, the result is a travel series with a twist, and the creation of the ultimate drinks list.

          The five renowned World Class bartenders - each a winner of their national World Class Bartender of the Year Competition - share their inside knowledge of their city and passion for better drinking with Carey, presenting their cocktail inspired by their experiences, to feature on the World Class List.

          Among the list is a smooth digestif from Australia made with whisky and freshly brewed coffee and a Californian brunch-time alternative to the Bloody Mary combining vodka, carrot juice and fennel.

          In his search, Carey experiences some unforgettable moments, including an energetic introduction to Mexican wrestling, spearfishing his own seafood to pair with Tanqueray gin and grapefruit in Sydney and celebrating New Year's Eve drinking cocktails under fireworks on a boat in San Francisco Bay.

          Carey Watkins said: "When I found out I'd be the host, I was just really overwhelmed. I definitely didn't comprehend the fact that I was about to travel around the world for six weeks, and by no means did I realise just how good this job was. The whole thing was incredible, and I got to do things I would never normally do.

          "The trip very quickly became unbelievable, and nine times out of ten I was doing something I hadn't done before - and would never have done. I do love to travel, but more than anything I love to meet people, to talk to people and form relationships. To combine that with travelling around the world - and learning how these bartenders hone their craft while tasting their unbelievable drinks - literally is the dream job .I was truly blown away by all five of those drinks - everything from the colours, to the smells, to the taste - they were unbelievably good."

          World Class Global Director Johanna Dalley said: "World Class List is a global tour delivered by the world's best bartenders who are the ultimate concierges in their own cities. World Class bartenders don't just create the most amazing drinks - they are the in-the-know community who can also serve up the best experiences a city has to offer. This is their little black book of what to see, do, eat and drink, making it a must-see for anyone interested in food, drink or travel.

          "We created the series to showcase incredible bartender talent and to inspire people to drink better - to try the amazing drinks on offer in bars all over the world, or to up their game and have a go at making them at home."

          World Class List will be released on Amazon Prime in selected countries from 1st May and is available to watch now on MakeItWorldClass.com/List. Follow on Instagram @WorldClass #WorldClassList.

Puma Energy ประกาศยกสถานะการเป็นสมาชิก World Economic Forum




          Puma Energy บริษัทพลังงานกลางน้ำและปลายน้ำระดับโลก มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้ยกสถานะการเป็นสมาชิก World Economic Forum สู่ระดับ Strategic Partner Associate และสืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ บริษัทจะเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on Africa ที่เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ในสัปดาห์หน้า รวมถึงการประชุม World Economic Forum on ASEAN ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในเดือนพฤษภาคมนี้

          Puma Energy บริษัทจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก จะเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on Africa ครั้งที่ 27 ที่เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ในสัปดาห์หน้า สมทบบริษัทชั้นนำระดับภูมิภาคและระดับโลกที่เข้าร่วมการประชุมเช่นกัน

          การประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "Achieving Inclusive Growth" โดยจะเปิดโอกาสให้เหล่าผู้นำระดับภูมิภาคและระดับโลกจากภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม ได้ร่วมกันหาทางออกในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน

          ปิแอร์ เอลาดารี ซีอีโอของ Puma Energy กล่าวว่า "Puma Energy รู้สึกยินดีที่ได้ยกสถานะการเป็นสมาชิกของ World Economic Forum เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างความร่วมมือในระยะยาวเพื่อประโยชน์ของประเทศเจ้าภาพและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรามีความเชี่ยวชาญด้านการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคงด้านอุปทาน และการจัดหาเชื้อเพลิงคุณภาพดีให้แก่ประเทศที่เราให้บริการ"

          สถานการณ์ในแอฟริกา: Puma Energy ประกาศขยายธุรกิจสู่ตลาดแอฟริกาใต้เมื่อเดือนมกราคม 2559 และปัจจุบันมีกิจการอยู่ใน 19 ประเทศ ตั้งแต่เซเนกัลไปจนถึงแอฟริกาใต้ พร้อมกับเดินหน้าขยายธุรกิจจากซีกโลกตะวันตกสู่ตะวันออกต่อไป Puma Energy ลงทุนเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในแอฟริกา และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มความจุในการเก็บเชื้อเพลิงอีก 464,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่มีอยู่ 726,000 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้มีความจุในการเก็บเชื้อเพลิงรวม 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีเครือข่ายสถานีบริการ 740 แห่งในภูมิภาคนี้

Puma Energy Enhances World Economic Forum Membership




          Puma Energy, the globally integrated midstream and downstream energy company, is proud to announce it has upgraded its membership of the World Economic Forum to be Strategic Partner Associate and as part of this will be attending the upcoming World Economic Forum for Africa in Durban next week, RSA as well as the World Economic Forum on ASEAN 2017 in Phnom Penh, Cambodia in May.

          Puma Energy, the fastest growing independent fuel distribution company globally, will attend the 27th World Economic Forum [https://www.weforum.org/events/world-economic-forum-on-africa-2017 ] on Africa meeting in Durban, RSA next week, and take its place among the leading regional and global companies participating on this platform.

          Under the theme 'Achieving Inclusive Growth', the meeting will convene regional and global leaders from business, government and civil society to explore solutions to create economic opportunities for all.

          CEO Pierre Eladari said, "Puma Energy is delighted to have upgraded its partnership with the World Economic Forum. We at Puma are committed to long-term partnering for the benefit of our host countries as well as our shareholders. Our expertise lies in improving infrastructure, security of supply and providing quality fuels into the countries we service."

          In Africa: Puma Energy announced expansion into the South African market in January 2016. The Group is now present in 19 countries from Senegal to South Africa and continues to expand its footprint from West to East. Puma Energy has invested close to US$2 billion in Africa and over the last two years added 464k m3 of storage capacity to the 726k m3 it already had in the region. The Group has a network of 740 retail sites and storage capacity of 1.2million m3 on the continent.

FE CREDIT จับมือ Entrust Datacard เปิดตัวบัตรเครดิตอนุมัติด่วนทันใจเจ้าแรกในเวียดนาม

          บริษัท VPBank Finance จำกัด (FE CREDIT) เปิดตัวบัตรเครดิตอนุมัติด่วนเป็นครั้งแรกในเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ถือบัตรเครดิตใบแรก พร้อมสนับสนุนการทำธุรกรรมทางการเงินแบบไร้เงินสด โดยบัตรเครดิต FE CREDIT Plus ใบนี้มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์หลากหลายรายการ อาทิ:

          - สมัครง่าย: ลูกค้าสามารถเดินเข้ามาสมัครและอนุมัติบัตรได้ง่ายๆภายใน 20 นาที
          - ออกบัตรไว: ด้วยโซลูชั่นออกบัตรด่วนทันใจ Instant Issuance จาก Entrust Datacard ซึ่งร่วมกับพาร์ทเนอร์ในเวียดนามอย่าง MK Group จึงสามารถออกบัตรเครดิต FE CREDIT Plus ให้กับลูกค้าได้ภายใน 5 นาทีหลังผ่านการอนุมัติ
          - ใช้งานได้ทันที: ผู้ถือบัตร FE CREDIT สามารถเปิดใช้บัตรเครดิตได้ทันที ณ ตู้ ATM ที่รับบัตร MasterCard หรือจุดบริการ POS ในเวียดนามและทั่วโลก

         

          FE CREDIT เริ่มใช้โซลูชั่นออกบัตรด่วน ณ ร้านแฟลกชิปแห่งหนึ่งของธุรกิจค้าปลีกสินค้าคงทนชั้นแนวหน้าในเวียดนาม และมีแผนที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบครบทุกสาขาต่อไป

          คุณคาลิดาส โกส ซีอีโอ FE CREDIT กล่าวว่า "FE CREDIT มอบสินเชื่อและบัตรเครดิตให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของเราโดยยึดหลักสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เราเน้นย้ำเสมอในการบุกเบิกตลาด บัตรเครดิตอนุมัติด่วนเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความพยามอย่างไม่หยุดยั้งของเราในการเป็นที่หนึ่งในเวียดนาม"  

          คุณนิมิช ทวิเวที ผู้อำนวยการธุรกิจบัตรเครดิตของ FE CREDIT กล่าวเสริมว่า "บัตรเครดิตอนุมัติด่วนถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแง่ของการมอบสิทธิประโยชน์ที่จะกำหนดนิยามใหม่ให้กับตลาด ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิตได้เริ่มประสบการณ์การใช้จ่ายโดยไม่ต้องพกเงินสดได้อย่างสะดวกรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที"  

          คุณอาเจย์ คูมาร์ กรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ฝ่าย Financial Instant Issuance ของ Entrust Datacard กล่าวว่า "เราตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัวบัตรเครดิต Plus Cards แบบอนุมัติด่วนของ FE CREDIT โดยโซลูชั่นของเราจะช่วยให้ FE CREDIT สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่างจากรายอื่น"

TUNG LAM DEVELOPMENT JSC วางใจเลือกใช้กระเช้าลอยฟ้าจาก POMA ให้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นภูเขาเอียนตื๋อในเวียดนาม

          อินส์บรุค, ออสเตรีย--27 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          ในระหว่างมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติ INTERALPIN กลุ่มบริษัทด้านการท่องเที่ยวสัญชาติเวียดนาม "TUNG LAM DEVELOPMENT JSC" และกลุ่มบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส "POMA" ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งด้วยกระเช้าลอยฟ้า ได้เซ็นสัญญาสร้างกระเช้ากอนโดลารุ่น MULTIX จำนวนสองชุด พร้อมใช้ตู้โดยสาร Diamond Evo รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะมีการสร้างในบริเวณภูเขาเอียนตื๋อ สถานที่แสวงบุญทางพุทธศาสนาที่สำคัญซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮาลองของเวียดนามราว 50 กิโลเมตร ภูเขาเอียนตื๋อต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ราว 3 เดือน จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากถึง 70,000 คนต่อวัน  


          TUNG LAM DEVELOPMENT JSC ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวในเอียนตื๋อ คือหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในเวียดนามของ POMA และไว้วางใจให้ POMA สร้างกระเช้ากอนโดลาเพื่อไปยังยอดเขาและพื้นที่สักการะตั้งแต่ปี 2544 โดย POMA ได้สร้างกระเช้ากอนโดลาชุดแรกในปี 2544 และชุดที่สองในปี 2549 จากนั้นในปี 2552 บริษัทได้ทำการเปลี่ยนกระเช้าชุดแรกด้วยกระเช้ารุ่น MULTIX พร้อมตู้โดยสารรุ่น Ruby ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารได้มากขึ้น

          จุดสูงสุดของภูเขาเอียนตื๋อมีความสูง 1,068 เมตร โดยทางขึ้นค่อนข้างชันและเดินทางลำบาก ในอดีตจึงมีนักท่องเที่ยวราว 10,000 คนต่อปีเท่านั้น แต่เมื่อมีการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานอย่างมืออาชีพ ประกอบกับการสร้างกระเช้ากอนโดลาชุดในปี 2544 จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

          ในช่วง 2-3 ปีให้หลัง ภูเขาเอียนตื๋อต้อนรับนักท่องเที่ยวมากถึง 1.7 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีนักท่องเที่ยวมากที่สุด และนักท่องเที่ยวต้องรอนาน 3-4 ชั่วโมงจึงจะได้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า

          ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงลงนามในสัญญาฉบับใหม่เพื่อสร้างกระเช้ากอนโดลาเพิ่มอีก 2 ชุด ซึ่งจะส่งผลให้มีกระเช้าทั้งหมด 4 ชุดคอยให้บริการผู้มาเยือนภูเขาเอียนตื๋อ สัญญาฉบับนี้ได้ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของสองบริษัทที่มีมาตั้งแต่ปี 2544 และได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ TUNG LAM DEVELOPMENT JSC มีต่อ POMA

          TUNG LAM DEVELOPMENT JSC เลือกใช้กระเช้ากอนโดลารุ่น MULTIX ที่สามารถถอดตัวยึดได้ โดยกระเช้าล่างจะใช้ตู้โดยสารรุ่น Diamond ซึ่งมี 10 ที่นั่ง ขณะที่กระเช้าบนจะใช้ตู้โดยสารเดิมรุ่น Ruby ซึ่งมี 9 ที่นั่ง ส่วนกระเช้าชุดแรกที่เคยใช้ Ruby จะเปลี่ยนมาใช้ตู้โดยสารรุ่น Diamond EVO แบบ 8 หรือ 10 ที่นั่ง มีพื้นกระจก ไฟแอลอีดี และระบบเสียง ซึ่งตู้รุ่นใหม่นี้ได้รับการพัฒนาและผลิตที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท Sigma Composite (ธุรกิจตู้โดยสารในเครือ POMA Group) ในเมืองแวแร็ง ประเทศฝรั่งเศส โดยมาพร้อมน้ำหนักที่เบากว่าเดิม ความสบายที่เพิ่มขึ้น ดีไซน์ใหม่ เบาะหนังอย่างดี และประตูบานเลื่อนสุดทันสมัย ทั้งนี้ บริษัทมีตู้โดยสารหลากหลายรุ่นเพื่อรองรับความต้องการของสกีรีสอร์ทและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

          การอนุรักษ์ภูเขาเอียนตื๋อและระบบนิเวศโดยรอบคือเป้าหมายหลักของโครงการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการในช่วงปลายปีนี้

          เกี่ยวกับ POMA
          POMA Group คือผู้นำด้านการขนส่งด้วยกระเช้าลอยฟ้า โดยได้สร้างกระเช้ามาแล้วกว่า 8,000 ชุดทั่วโลกตลอดระยะเวลา 80 ปี POMA ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งด้วยกระเช้าลอยฟ้า ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงสถานที่ลาดชันที่มีหิมะปกคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความบันเทิง วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรม ทั้งนี้ POMA มีผลประกอบการ 286 ล้านยูโร สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง poma.net และ twitter.com/pomaropeways  

          สื่อมวลชลติดต่อ
          Alternative Media
          Alexandre Berard
          อีเมล: alex@alternativemedia.fr
          โทร. +33608613697

          สามารถรับชมภาพความคมชัดสูงและปลอดค่าลิขสิทธิ์ได้ที่ http://www.alternativemedia.fr

          ที่มา: POMA

Vietnamese Company TUNG LAM DEVELOPMENT JOINT STOCK CO., LTD has Renewed its Confidence in POMA for Yen Tu Mountain in Vietnam

          INNSBRUCK, Austria--27 Apr--PRNewswire/InfoQuest

          During the international trade show INTERALPIN, the Vietnamese tourism group TUNG LAM DEVELOPMENT JSC and the French group POMA - specialist in ropeway transport - signed an amendment to the contract for two new MULTIX gondola lifts in order to supply new Diamond Evo VIP cabins. These new MULTIX gondola lifts will be installed at Yen Tu Mountain, an important Buddhist pilgrimage site located 50 km from Ha Long, Vietnam. During the famous Yen Tu Spring Festival, the site and its pagodas welcome up to 70,000 tourists per day over a three-month period beginning in February.

       


          TUNG LAM DEVELOPMENT JSC is one of POMA's biggest customers in Vietnam. The company is in charge of tourist development at the Yen Tu spiritual site and has been trusting POMA with the construction of its ropeways to access the top of the mountain and the sacred area since 2001. POMA built the first gondola lift in 2001 and a second in 2006. The initial gondola lift was replaced in 2009 by a new MULTIX lift with Ruby cabins in order to increase capacity.

          The highest point at Yen Tu Mountain can be found at around 1,068m and the access to the top is rather steep and difficult. Before 2001, the site only welcomed approximately 10,000 visitors annually. This amount of visitors has increased sharply from 2001 thanks to a professional management of the tourism infrastructures coupled with the installation of the first gondola lift.

          In recent years, Yen Tu has welcomed up to 1.7 million tourists with a peak season during the Lunar New Year Festival. Pilgrims have to wait from 3 to 4 hours before using the existing gondola lifts.

          As a result, both partners have signed a new contract for the construction of two new gondola lifts in order to deliver a much better service. This agreement reinforces the strong partnership that has existed between the two companies since 2001. With four installations in service at Yen Tu in the future, TUNG LAM DEVELOPMENT JSC has proven its trust in POMA.

          TUNG LAM DEVELOPMENT JSC chose two MULTIX detachable-grip gondola lifts. The lower lift will be equipped with 10-seater Diamond cabins, and the higher lift will reuse the existing 9-seater Ruby cabins. The first lift that was using Ruby gondolas will be equipped with Diamond EVO 8/10 cabins with glass floor, led lights and sound system. The new generation of Diamond EVO cabins has been developed and manufactured in Veyrins, France, at the Sigma Composite headquarters (the cabin division of the POMA Group) and provides more light, higher comfort, newer design, VIP leather seating, and modern sliding-door access. The cabins come in several versions for ski resorts and tourist sites.

          The preservation of the exceptional Yen Tu site and its ecosystem were the main focus of the final project. The work has just begun, and the commissioning of the two new gondola lifts is scheduled for the end of this year.

          About POMA: With over 8,000 lifts built worldwide in the past 80 years, the POMA Group is a leading player in ropeway transportation solutions. All over the globe, POMA has already demonstrated their knowhow and expertise in ropeway transportation from urban areas to snowy slopes for the tourist, entertainment, science and industrial sectors. POMA's turnover is EUR286 million. Follow us on: poma.net and twitter.com/pomaropeways

          Press Contact: Alternative Media - Alexandre Berard

          Email. alex@alternativemedia.fr - Tel. +33608613697

          High definition, royalty-free images available on http://www.alternativemedia.fr

          Source: POMA

Almost Twice as Many People Prefer Relaxing Vacations to Active Ones, Shows GfK Survey

          - Internationally, 59 percent of people prefer a relaxing vacation, while 35 percent prefer an active one
          - Brazil, South Korea and Japan lead for favoring relaxing vacations; Italy, France and Spain lead for active holidays
          - Teenagers are the most energetic, with 43 percent preferring active vacations

          In a  17-country online survey conducted by GfK, well over half (59 percent) of people say they prefer a vacation "where I relax and take it easy". This compares to just over a third (35 percent) who prefer "an active vacation where I do or see lots of things". Only six percent are not sure which type they prefer.

          Internationally, there is next to no difference between men and women in these preferences. Men are potentially very slightly more lazy in their holiday choice than women - standing at 60 percent of men prefering a relaxing vacation, compared to 58 percent of women. But for active holidays, men and women stand neck and neck at 35 percent each.

          Families with teenagers slightly more inclined to active holidays than others

          The presence of children in the household appears to make only limited difference to people's holiday preferences, compared to the international average. For those with children under six years old in the household, or those with children aged between six and twelve, just under two thirds (62 percent) favor relaxing vacations and just over a third favor active ones.

          For people with teenagers in the household, relaxing holidays become slightly less popular, falling to 57 percent, while active holidays rise to 39 percent.

          Teenagers most inclined to energetic vacations; those aged in their forties are most inclined to lazy ones

          Internationally, the biggest differences we see are when it comes to age groups. Teenagers are the most inclined to favor active holidays, with 43 percent selecting this and 51 percent preferring a relaxing holiday. The preference for active vacations then drops steadily with each age band, ending with those aged in their fifties, and those aged 60 or over, both standing at just one third (33 percent) favoring active holidays.

          However, the age group with the highest percentage saying they prefer relaxing holidays is not the oldest two age groups - it is those aged in their forties, standing at 64 percent. Compare this to those aged 60 or over, where 57 percent say they favor relaxing vacations.

          Nearly half of Italians and French prefer active holidays, while over two thirds of Brazilians and South Koreans want to relax

          Italy (45 percent), France (44 percent) and Spain (43 percent) lead in having the highest percentage of their online population who prefer active vacations where they do and see lots of things.

          In contrast, Brazil (71 percent), South Korea (66 percent) and Japan (also 66 percent) lead for having the highest percentages preferring a relaxing vacation where they take it easy.

          Laurence Michael, global lead of travel and hospitality research at GfK, comments, "The value of these findings for the travel industry lies in combining this self-reported data with our travel insights, which are based on live forward booking data from a growing number of sales points. With this multi-layered approach, we understand what is being booked and by whom - helping our clients to fine-tune their audience segmentation and identify customer potential, both globally and at country-specific level."

          Download GfK's complimentary report showing full findings for each of the 17 countries: http://www.gfk.com/global-studies/global-study-overview

          For more information, please visit http://www.gfk.com or follow GfK: https://twitter.com/GfK .



Pilatus Clinical Services ต้อนรับ คาเลด เอล-เกนดี เข้าร่วมทีมบริหาร

          Pilatus Clinical Services หนึ่งในผู้นำด้านยาชีววัตถุคล้ายคลึง (biosimilar) และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบ (comparator) ระดับโลก มีความยินดีที่ได้ต้อนรับคุณคาเลด เอล-เกนดี (Mr Khaled El-Gendy) เข้าร่วมทีมบริหาร ในตำแหน่ง Vice President, Global Head of Business Development โดยคุณคาเลดจะนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานในแวดวงนี้มาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจของบริษัท

         

          คุณคาเลดคร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมมานานกว่า 20 ปี โดยเคยดำรงตำแหน่ง Associate Director for Comparator Sourcing, Head of Commercial Operations ซึ่งดูแลการจัดหาผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบให้กับหนึ่งในผู้นำตลาดอุปกรณ์การทดลองทางคลินิก สำหรับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผ่านมาของคุณคาเลดนั้น รวมถึงการบริหารทีมจัดหาผลิตภัณฑ์ทดลองทางคลินิกระดับโลกมาแล้วหลายทีม ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้คุณคาเลดยังได้ขับเคลื่อนการขยายส่วนแบ่งการตลาด ผ่านการจัดทำและดำเนินแผนกลยุทธ์ความร่วมมือกับบริษัทชีวเวชศาสตร์และองค์กรค้นคว้าวิจัยทางคลินิก (CRO) หลายแห่ง ก่อนหน้านี้คุณคาเลดร่วมงานกับบริษัท โรช มาเป็นเวลา 14 ปี ทั้งในฟินแลนด์และสำนักงานใหญ่ของโรชในเมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ โดยดูแลงานขายอุปกรณ์การทดลองทางคลินิกให้แก่บุคคลที่สามหรือบริษัทภายนอกทั่วโลก

          คุณคาเลดมีความเชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจแบบ "เอนด์ทูเอนด์" ซึ่งอธิบายให้เห็นถึงการบริหารงานที่เสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่จำกัด โดยใช้ประโยชน์จากการวางแผนกลยุทธ์ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่กับการรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับผู้จัดหาผลิตภัณฑ์

          เควิน วูล์ฟ ผู้อำนวยการบริษัท กล่าวว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณคาเลดได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมเรา ประสบการณ์ของคุณคาเลดทั้งในฐานะของผู้จัดหาผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบ และในฐานะลูกค้า จะสามารถชี้แนะแนวทางให้แก่ทีมงานของ Pilatus ในการเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้าของเราได้อย่างไม่ต้องสงสัย"

          คุณคาเลดเป็นชาวฟินแลนด์เชื้อสายอียิปต์ และมีประวัติการศึกษาที่โดดเด่น โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขา Global Health จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ และปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก



Khaled El-Gendy Joins Pilatus Clinical Services Management Team

          Pilatus Clinical Services, one of the leading global biosimilar and comparator sourcing specialists, is delighted to welcome Mr Khaled El-Gendy to its management team. Bringing a wealth of experience to this space, Khaled will serve as our Vice President, Global Head of Business Development.

         

          Khaled has over 20 years of pharmaceutical industry experience. Previously, Khaled was the Associate Director for Comparator Sourcing, Head of Commercial Operations for one of the market leaders for clinical trial supply. His responsibilities, amongst others, included the managing of multiple global commercial teams in the EU, USA and APAC regions for the sourcing of clinical trial products. He also drove market share expansion through the design and implementation of strategic partnerships with various biopharmaceutical companies and CROs. Prior, Khaled spent 14 years at Roche, both in Finland as well as in Roche's HQ in Basel where he led the global sales of clinical trial supplies to third parties.

          Khaled is a true believer in the "End2end" business model which describes the thorough completion of work managed within a specified timeframe. This approach utilises tailored strategies that prioritises the needs of customers whilst maintaining and developing excellent relationships with suppliers.

          Kevin Wolfe, Company Director, comments, "We are very pleased to announce the addition of Khaled to our team. His experiences as both a supplier of clinical trial comparator products as well as a customer will no doubt give the Pilatus team insight into how we can bring even more value to our clients."

          Khaled is a citizen of Finland, with roots back in Egypt. With a well-rounded academic background, Khaled is now currently pursuing his doctorate to complement his post-graduate degree in Global Health from the University of Edinburgh.



Miral เผยความคืบหน้าของสวนสนุก “Warner Bros. World Abu Dhabi” บนเกาะยาส

          การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 60% เตรียมเปิดตัวในปี 2561 ตามกำหนด

          Miral ผู้เนรมิตสถานที่ท่องเที่ยวในอาบูดาบี เปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นของสวนสนุก Warner Bros. World Abu Dhabi โดยระบุว่าจะมีโซนต่างๆ ให้ผู้มาเยือนได้สนุกสนานถึง 6 โซนด้วยกัน ได้แก่ โซน Metropolis และ Gotham City ที่ได้แรงบันดาลใจจากจักรวาลของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่และตัวร้ายของ DC พร้อมด้วยโซน Cartoon Junction, Bedrock และ Dynamite Gulch ที่สร้างขึ้นตามการ์ตูนดังของ Looney Tunes และ Hanna-Barbera รวมถึงโซน Warner Bros. Plaza ที่จะชวนให้นึกถึงยุคทองของวงการฮอลลีวู้ด โดยเหล่าตัวการ์ตูนและเรื่องราวต่างๆ จะถูกเนรมิตให้มีชีวิตขึ้นมา ณ สวนสนุกแห่งนี้

        



          สวนสนุก Warner Bros. World Abu Dhabi บนเกาะยาส มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2561 และจะเป็นศูนย์รวมความเร้าใจชั้นนำของโลก อันประกอบด้วยเครื่องเล่นสุดล้ำ ความบันเทิงแบบอินเตอร์แอคทีฟสำหรับทุกคนในครอบครัว และการแสดงสดที่ไม่มีใครเหมือน สวนสนุกในร่มแห่งนี้จะรวบรวมตัวการ์ตูนยอดนิยมและเรื่องราวต่างๆ มาไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การต่อสู้ผจญภัยของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ DC ไปจนถึงโลกแปลกประหลาดมหัศจรรย์ของ Looney Tunes    

          โมฮัมเหม็ด อับดุลลา อัล ซาบี ซีอีโอของ Miral กล่าวว่า "Miral มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศว่า เพียงหนึ่งปีหลังประกาศแผนสร้างสวนสนุก Warner Bros. World Abu Dhabi บนเกาะยาส เราและพาร์ทเนอร์ก็มีความก้าวหน้าอย่างมากในการก่อสร้างสวนสนุก โดยสร้างไปแล้วถึง 60%และยังเดินหน้าต่อไปเพื่อเปิดตัวในปี 2561 เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับ 6 โซนใน Warner Bros. World Abu Dhabi ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความพยายามในการทำให้เกาะยาสเป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเพื่อทุกคนในครอบครัว"

          เมื่อก้าวเข้าสู่ Warner Bros. Plaza ผู้มาเยือนจะถูกดึงดูดเข้าไปในยุคทองของวงการฮอลลีวู้ด หลังจากที่เดินผ่านอุโมงค์ Warner Bros. Shield ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับอาคารแนวอาร์ตเดโคที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งถนน พร้อมด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงประวัติอันยาวนานของ Warner Bros.

          ขณะที่โซน Metropolis เปิดโอกาสให้แฟนๆ ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ได้เดินเล่นไปตามถนนของเมืองเมโทรโพลิสในเรื่อง Superman ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าสุดทันสมัย และในโซน Gotham City ผู้มาเยือนจะได้เดินเตร็ดเตร่ไปตามตรอกมืดๆ ของเมืองก๊อตแธมในเรื่อง Batman ที่มีกิจกรรมลุยๆ สำหรับทุกคนในครอบครัวรออยู่ โดยนับเป็นครั้งแรกที่แฟนซูเปอร์ฮีโร่ในตะวันออกกลางจะได้สัมผัสโลกเหล่านี้

          สำหรับโซน Cartoon Junction จะรวมพลพรรคตัวการ์ตูนที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ทั้ง Bugs Bunny, Scooby-Doo และอีกมากมาย ซึ่งจะพาทุกคนโลดแล่นไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์ ขณะที่โซน Dynamite Gulch จะพาทุกคนโบยบินสู่ดวงดาวและดำดิ่งลงไปในห้วงเหวลึกที่สนุกสุดเร้าใจ ปิดท้ายด้วยโซน Bedrock ที่ทุกคนจะได้ร่วมสำรวจโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ครองโดยไดโนเสาร์และนกยักษ์ แล้วมาร้อง "ยับบา ดับบา ดู" ไปพร้อมกับ The Flintstones

          แพม ลิฟฟอร์ด ประธาน Warner Bros. Consumer Products กล่าวว่า "Warner Bros. World Abu Dhabi เป็นสวนสนุกสุดล้ำที่นำตัวการ์ตูนและเรื่องราวอันโดดเด่นของเรามารวมไว้ในที่เดียวเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง เราได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์หลายรายเพื่อสร้างโลกที่สมจริงในทุกรายละเอียด และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้แบ่งปันประสบการณ์แปลกใหม่เหล่านี้กับแฟนๆ ของ Warner Bros. ในปีหน้า"

          สวนสนุก Warner Bros. World Abu Dhabi ตั้งอยู่บนเกาะยาส หนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านความบันเทิง การพักผ่อนหย่อนใจ และการทำธุรกิจชั้นนำของโลก โครงการก่อสร้างสวนสนุกแห่งนี้มีความคืบหน้าไปมาก ด้วยฝีมือของวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ คนงาน และช่างฝีมือ 5,500 ชีวิต สวนสนุกแห่งนี้จะกินพื้นที่ 1.65 ล้านตารางฟุต และมี 6 โซน ซึ่งประกอบด้วยเครื่องเล่น 29 เครื่อง รวมถึงการแสดงต่างๆ และสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย

          Warner Bros. World Abu Dhabi ซึ่งได้รับการพัฒนาด้วยความร่วมมือของ Warner Bros. Consumer Products และ DC Entertainment จะเข้ามาเติมเต็มสวนสนุกบนเกาะยาสที่มีอยู่แล้วหลายแห่ง ได้แก่ Ferrari World Abu Dhabi, Yas Waterworld, CLYMB และ SeaWorld Abu Dhabi ที่จะเปิดให้บริการในปี 2565 นอกจากนี้ บนเกาะยาสยังมีสถานที่ทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Yas Marina Circuit, โรงแรม 7 แห่ง, พื้นที่จัดอีเวนต์ตลอดปี, สถานที่จัดการแสดงสดและคอนเสิร์ต, สนามกอล์ฟ 18 หลุม, ท่าเทียบเรือ, ชายหาด และ Yas Mall แหล่งช็อปปิงที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

          เกี่ยวกับ Miral

          Miral เป็นผู้เนรมิตสถานที่ท่องเที่ยวในอาบูดาบี และดึงดูดผู้คนด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ Miral เป็นผู้พัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์บนเกาะยาส ตั้งแต่แหล่งบันเทิง โรงแรม สถานที่พักผ่อนและเล่นกีฬา ร้านอาหาร ห้างร้าน ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ปัจจุบัน เกาะยาสเป็นที่ตั้งของ Ferrari World Abu Dhabi, Yas Waterworld, Yas Links Golf Course, Yas Mall, Yas Marina Circuit, Yas Marina และโรงแรม 7 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Yas Viceroy รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.miral.ae 

          เกี่ยวกับ Warner Bros. Entertainment

          Warner Bros. Entertainment ในเครือ Time Warner คือผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงทุกรูปแบบบนสื่อปัจจุบัน สื่อเกิดใหม่ และแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเป็นสตูดิโอครบวงจรและเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย นอกจากนั้นยังเป็นแถวหน้าของอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งในด้านการผลิตภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ และโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายดีวีดี คอนเทนต์ดิจิทัล แอนิเมชั่น หนังสือการ์ตูน วิดีโอเกม การขายลิขสิทธิ์สินค้าและเครื่องหมายการค้า รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์และการแพร่ภาพในระดับสากล

          เกี่ยวกับ Warner Bros. Consumer Products

          Warner Bros. Consumer Products ในเครือ Warner Bros. Entertainment เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านการค้าปลีกและจัดจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์

          เกี่ยวกับ DC Entertainment

          DC Entertainment เป็นเจ้าของผลงานอันเลื่องชื่อในจักรวาล DC (Superman, Batman, Green Lantern, Wonder Woman, The Flash), Vertigo (Sandman, Fables) และ MAD โดยทำหน้าที่สร้างสรรค์ผลงานให้กับ Warner Bros. Entertainment และ Time Warner ทั้งนี้ DC Entertainment ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ในเครือ Warner Bros. เพื่อสร้างสรรค์ตัวละครและเรื่องราวต่างๆ และเผยแพร่ผ่านสื่อหลากหลายประเภท เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ สินค้าอุปโภคบริโภค โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และเกมอินเตอร์แอคทีฟ เป็นต้น DC Entertainment ตีพิมพ์หนังสือการ์ตูน นวนิยายภาพ และนิตยสารหลายพันหัวต่อปี และเป็นผู้พิมพ์หนังสือการ์ตูนภาษาอังกฤษรายใหญ่ที่สุดของโลก