เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนดังกล่าว ICIS ผู้นำด้านข้อมูลข่าวสารในตลาดเคมีภัณฑ์ ได้ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษา International eChem เผยแพร่รายงานรายไตรมาสฉบับแรก เพื่อช่วยเหลือบริษัทปิโตรเคมีและนักลงทุนในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสต่างๆ อันเกิดจากความไม่แน่นอนทั่วโลก
จอห์น ริชาร์ดสัน จาก ICIS ผู้ร่วมเขียนรายงานดังกล่าว เปิดเผยว่า "การจัดทำรายงานประจำไตรมาสมีเป้าหมายสองประการ หนึ่งคือทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ สองคือนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อภาคธุรกิจและการลงทุน"
หากประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ครองตำแหน่งยาว 8 ปี และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 5 ปี หลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนตุลาคม การตัดสินใจต่างๆในตอนนี้ก็จะมีผลในระยะกลางและระยะยาว ดังนั้น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบที่รุนแรงและส่งผลในวงกว้าง ซึ่งจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างแน่นอน
War of Words เป็นรายงานฉบับแรกในชุด "การศึกษาความไม่แน่นอน" ซึ่งเขียนโดยจอห์น ริชาร์ดสัน จาก ICIS และพอล ฮอดจ์ส จาก International eChem โดยมีใจความสำคัญคือบทวิเคราะห์ 4 ห่วงโซ่มูลค่าที่สำคัญ ได้แก่ เอทิลีน โพรพิลีน เบนซีน และพาราไซลีน (PX) ซึ่งเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลาสติกทั้งหมด
ผู้ที่ตอบรับเป็นสมาชิกของ ICIS จะได้รับประโยชน์จากบทวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวระหว่างภูมิภาคที่มีอิทธิพลต่อการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ตลอดจนความเสี่ยงสำคัญๆของผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ค้า และนักลงทุนในภูมิภาคหลักๆ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายใหม่ๆของนายทรัมป์และการผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ตลอดจนการชี้แจงข้อสงสัยในประเด็นอื่นๆ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และผลกระทบที่ตามมาต่อประชาคมโลก
พอล ฮอดจ์ส กล่าวว่า "หลายสิบปีที่ผ่านมา วัตถุดิบได้ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆครึ่งค่อนโลก ก่อนจะส่งกลับมาขายในรูปของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ทว่าการค้ารูปแบบนี้น่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน"
เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่การทำธุรกิจในลักษณะนี้จะดำเนินไปได้ในอนาคต รายงานจาก ICIS และ International eChem จึงมอบข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์ที่จำเป็นให้แก่ผู้นำในแวดวงปิโตรเคมี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในอุตสาหกรรมนี้
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยได้ที่
https://www.icis.com/services/analysis/quarterly-icis-iec-study/
เกี่ยวกับ ICIS
ICIS เป็นองค์กรอิสระที่รายงานสถานการณ์ราคาในตลาดพลังงาน ปิโตรเคมี และปุ๋ยทั่วโลก เป้าหมายของเราคือช่วยให้บริษัทในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการให้ข้อมูลราคาที่เชื่อถือได้ ข่าวสารที่มีคุณค่า บทวิเคราะห์ รวมถึงให้คำปรึกษาอย่างโปร่งใส ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถตัดสินใจวางแผนและซื้อขายด้วยข้อมูลที่รอบด้านยิ่งขึ้น เรามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการนำเสนอข้อมูลราคา ข่าวสาร บทวิเคราะห์ ตลอดจนให้คำปรึกษาแก่ผู้ซื้อ ผู้ขาย และนักวิเคราะห์
ICIS มีบุคลากรมากกว่า 800 คนในสำนักงานที่กระจายอยู่ทั่วโลก ได้แก่ ฮูสตัน วอชิงตัน นิวยอร์ก ลอนดอน มงเปอลีเย ดึสเซลดอร์ฟ คาร์ลสรูเออ มิลาน มุมไบ สิงคโปร์ กว่างโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หยานไท่ โตเกียว และเพิร์ท โดยบุคลากรราว 350 คนเป็นนักข่าวที่คลุกคลีกับการรายงานราคาและข่าวสารต่างๆ นอกจากนี้ ICIS ยังมีจรรยาบรรณในการรายงานข้อมูลข่าวสาร ทั้งในแง่ของความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ ทั้งยังมีกรอบการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับข้อกำหนด IOSCO PRA Principles
ทั้งนี้ ICIS เป็นหน่วยธุรกิจของ Reed Business Information ในเครือ RELX Group plc
เกี่ยวกับ International eChem
เราเป็นที่ปรึกษาทางการค้าที่เชื่อถือได้สำหรับอุตสาหกรรมเคมีและชุมชนนักลงทุนในอุตสาหกรรมเคมีทั่วโลก ทีมงานของเรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปัญหาต่างๆ รวมถึงสภาพความเป็นจริงในอุตสาหกรรมที่ลูกค้าทำธุรกิจอยู่ เพราะเรามีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทและสถาบันการเงินรายใหญ่ทั่วโลก
เกี่ยวกับ Reed Business Information
Reed Business Information (RBI) นำเสนอข่าวสาร บทวิเคราะห์ และข้อมูลให้แก่นักธุรกิจทั่วโลก ผลิตภัณฑ์และบริการอันแข็งแกร่งของเราเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ธนาคาร ปิโตรเคมี และการบิน เราช่วยเหลือลูกค้าในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทุกวัน ทั้งนี้ RBI เป็นส่วนหนึ่งของ RELX Group ผู้นำระดับโลกด้านบริการข้อมูลและบทวิเคราะห์สำหรับลูกค้ามืออาชีพในอุตสาหกรรมต่างๆ
http://www.reedbusiness.com
เกี่ยวกับ RELX Group
RELX Group คือผู้นำระดับโลกด้านบริการข้อมูลและบทวิเคราะห์สำหรับลูกค้ามืออาชีพและลูกค้าธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ในกว่า 180 ประเทศ บริษัทมีสำนักงานใน 40 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 30,000 คน โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในอเมริกาเหนือ สำหรับบริษัท RELX PLC เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน และถือครองหุ้นของ RELX Group อยู่ 52.9% ส่วนบริษัท RELX NV เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อัมสเตอร์ดัม และถือครองหุ้นของ RELX Group อยู่ 47.1% ทั้งนี้ หุ้นดังกล่าวมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน อัมสเตอร์ดัม และนิวยอร์ก โดยใช้สัญลักษณ์ REL (ลอนดอน) REN (อัมสเตอร์ดัม) รวมถึง RELX และ RENX (นิวยอร์ก) โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ราว 3.12 หมื่นล้านปอนด์ / 3.65 หมื่นล้านยูโร / 3.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
www.relx.com
No comments:
Post a Comment