Wednesday, January 31, 2018
TUTC คว้ารางวัลที่สุดแห่งที่พักอันเหนือความคาดหมาย ในงานประกาศรางวัล Smith Awards
The Ultimate Travelling Camp (TUTC) จากอินเดีย สร้างเกียรติประวัติด้วยการผงาดเป็นหนึ่งในผู้ชนะบนเวทีประกาศรางวัลอันทรงเกียรติในอุตสาหกรรมโรงแรม Smith Awards ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย Mr and Mrs Smith องค์กรด้านการท่องเที่ยวหรูหราชั้นนำของลอนดอน โดย TUTC Chamba Camp ณ หมู่บ้านทิกเซย์ เอาชนะที่พักระดับโลกรายอื่น ๆ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หาไม่ได้จากที่ไหน รวมถึงประสบการณ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับแขกผู้เข้าพัก
ที่พักสุดหรูหนึ่งเดียวจากอินเดียได้รับการโหวตให้เป็นผู้ชนะในสาขา 'Above and Beyond' โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึง นักออกแบบ เจนนี่ แพ็คแฮม, นักเขียนเชิงท่องเที่ยว โจฮันเนส ปอง และ ลูซี่ วิลเลียมส์ โดยที่พักซึ่งชนะรางวัลในสาขาดังกล่าวได้รับการคัดเลือกจากบริการที่เหนือความคาดหมาย (เครื่องดื่มฟรี, โต๊ะรับประทานอาหารแสนวิเศษเนื่องในวันคล้ายวันเกิด, ของว่างสำหรับการเดินทางกลับบ้าน) อีกทั้งยังรู้ดีว่าจะมอบความประทับใจแก่ผู้เข้าพักอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างไร
โจฮันเนส ปอง นักเขียนเชิงท่องเที่ยว และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ กล่าวถึง TUTC ว่าเป็น "การตั้งแคมป์อันหรูหราโอ่อ่า พร้อมทิวทัศน์อารามบนยอดเขาแบบพาโนรามา ใกล้กับเชิงเขาหิมาลัยในลาดักห์อันน่าหลงใหล และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง"
นอกจากนี้ คณะกรรมการท่านอื่น ๆ ยังยกย่อง TUTC ว่า "การให้บริการอันแสนมหัศจรรย์ของพนักงาน ณ ที่พักซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยนั้น สร้างความน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมบนหุบเขาลาดักห์ที่สูง 3,500 เมตร ตั้งแต่พ่อบ้านส่วนตัวที่ประจำอยู่ในเต็นท์ผ้าใบสุดหรูทุก ๆ หลัง จนถึงมิตรภาพของบรรดานักเต้นรำท้องถิ่นที่มอบให้ในช่วงอาหารเย็น ทุกสิ่งดูราวกับได้รับการคัดสรรมาอย่างดี หากเกิดหิวขึ้นมาช่วงกลางดึกก็แค่เปิดลิ้นชักขนมออกมา รับรองว่า เอ็ดมันด์ ฮิลลารี (ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์) จะต้องอิจฉาตาร้อนแบบสุด ๆ !"
ดัน คอร์โด ผู้ร่วมก่อตั้ง TUTC กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นที่สุดของที่สุดในสาขารางวัลที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก รางวัลนี้ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TUTC ในการมอบประสบการณ์สุดพิเศษและความหรูหราเฉพาะบุคคลแก่บรรดาผู้เข้าพักซึ่งต้องการสำรวจภูมิประเทศอันน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศอินเดีย"
บนหุบเขาสูง 3,500 เมตร บริการสุดพิเศษของ TUTC ตอบทุกโจทย์ของความพึงพอใจและความฝันของแขกคนพิเศษ ความหรูหราได้รับการถ่ายทอดผ่านเต็นท์อันงดงามที่ตกแต่งด้วยโคมระย้าซึ่งทำจากไม้, เตียงสี่เสา, ผ้าลินินอันประณีต จนถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบโบราณ เต็นท์แต่ละหลังมีห้องน้ำในตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น, อุปกรณ์อาบน้ำของ TUTC, ตู้เซฟ, บริการซักรีด, พื้นที่ส่วนตัว, ไวไฟไม่จำกัดบริเวณเต็นท์รับรอง, ระบบรักษาความปลอดภัยและพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง, ไฟฟ้า 24 ชั่วโมง, ร้านตัดเสื้อ, ห้องสมุด และบริการหัวหน้าพ่อบ้านประจำที่พักส่วนตัว
ที่มา: The Ultimate Travelling Camp (TUTC)
TUTC Crowned Winner of 'Above and Beyond' at the Mr & Mrs Smith Hotel Awards
The Ultimate Travelling Camp (TUTC), the only luxury property from India, has made it to the winners list of the most incredible hotel collections at the annual Smith Awards, hosted by Mr and Mrs Smith, London's leading authority on luxury travel. TUTC Chamba Camp, Thiksey competed with the world's best stays and emerged victorious, for its unparalleled amenities and personalised experiences offered to the guests.
The property was voted the best in the 'Above and Beyond' category, selected by a panel of travel-savvy judges, including designers Jenny Packham, travel writers Johannes Pong and Lucy Williams. The winner of this award is chosen for going above and beyond expectations (a drink on the house, the best table for your birthday, a snack for the journey home), and the one who knows exactly how to provide the feel-good factor - they're natural hosts.
Travel writer Johannes Pong, one of the panellists described TUTC as, "Absolutely magical eco-friendly glamping in palatial tents with panoramic vistas of mountain-top monasteries by the foothills of the Himalayas in Ladakh."
The panellists heaped praise on TUTC by stating, "The miracles performed by staff at this Himalayan high-ender are all the more impressive considering your surroundings: 3,500 metres up in the Ladakh Valley. From the personalised butler assigned to each ultra-luxe canvas tent to the friendliness of the local dancers who accompany dinner: everything, it seems, has already been thought of. Feeling peckish in the night? Just delve into your well-stocked snack drawer. Edmund Hillary eat your heart out!"
Commenting on this achievement, Dhun Cordo, Co-founder, TUTC said, "We are extremely elated and honoured to have made it to the best of the best in a very exclusive category. It affirms our commitment in offering outstanding experiences and personalised luxury to our guests who want to explore challenging landscapes of India."
At 3,500 metres up, TUTC's exceptional services cater to all the whims and fancies of its esteemed guests. Luxury is exemplified by the aesthetically beautiful tents furnished with wooden chandeliers, four poster beds, exquisite linen to wooden period furniture. Each tent offers en-suite bathrooms with hot showers, in-house signature wash amenities, safe deposit, laundry service, private decks, unlimited Wi-Fi at the reception tent, 24/7 security & paramedic on site, 24/7 electricity, boutique, library and services of a personal butler.
Source: The Ultimate Travelling Camp (TUTC)
“ไบค์ บูเลวาร์ด” เลือก “เน็กซัสฯ” วางระบบ SAP Hybris Sales Cloud บริหารงานทีมขาย มั่นใจระบบใหม่ช่วยปิดดีลการขายเร็วขึ้น และอัพเดทข้อมูลได้อย่างทั่วถึง ตอบสนองความต้องการกลุ่มคนรักจักรยาน
ถ้าจะเอ่ยถึงธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการปั่นจักรยานเพื่อการออกกำลังกาย เพราะถือเป็นธุรกิจที่โตขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพอย่างแท้จริง ล่าสุด “บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จํากัด” ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา และวางระบบซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ที่ได้รับความไว้วางใจจาก “บริษัท ไบค์ บูเลวาร์ด จำกัด” ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ซ่อมหรือตกแต่งรถจักรยานให้กับร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ให้เข้ามาวางระบบ SAP Hybris Sales Cloud เพื่อการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย (Sales Team Management) ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พงศกรณ์ มีทรัพย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท ของบริษัท ไบค์ บูเลวาร์ด จำกัด ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงถึงแนวความคิด เเละเหตุผลที่ต้องใช้ระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย (Sales Team Management) เข้ามาช่วยในการบริหารธุรกิจให้เหนือคู่แข่ง
รบกวนแนะนำธุรกิจ “ไบค์ บูเลวาร์ด” คร่าวๆได้ไหมคะ
เราทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องมือซ่อมรถจักรยานแบบครบวงจรจากต่างประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายในไทยครับ เราทำธุรกิจมาประมาณ 4 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็เติบโตและขยายตัวไปถึงการนำเข้าอาหารเพื่อสุขภาพของคนรักจักรยานทั้งหมดเลยครับ
จุดเด่นของ “ไบค์ บูเลวาร์ด” ที่ทำให้ลูกค้ายอมรับส่งผลให้ธุรกิจเจริญเติบโตมากขนาดนี้
จุดเด่นของเราคือจำนวนสินค้าที่ครอบคลุมครบวงจรมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และมีเครื่องมือซ่อมจักรยานมากกว่า 400 รายการ และที่สำคัญกว่านั้นคือการบริการก่อนและหลังการขายของเราจะให้ความสำคัญมาก สินค้าส่วนใหญ่ของเราจะมีการันตีรับประกันตลอดชีพหรืออายุการใช้งานครับ ทำให้ลูกค้าค่อนข้างที่จะมั่นใจและใช้บริการด้วยกันตลอดครับ
เหตุผลที่เลือก SAP Hybris Sales Cloud เข้ามาใช้การจัดการบริหารงานขาย และทีมขาย
บริษัทเราเป็นธุรกิจที่ต้องมีเซลส์ออกวิ่งขายต่างจังหวัดตลอด ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่ของเราคือการอัพเดทข้อมูลซึ่งกันและกันระหว่างผู้บริหาร ทีมงานขาย พนักงานขาย และเจ้าหน้าที่สต็อกจัดส่งสินค้า และการเช็คสต็อกสินค้าที่จะเหลือหรือขายได้ รวมถึงการดูข้อมูลการเข้าพบลูกค้าของเซลส์แต่ละคนว่าไปพบลูกค้าอย่างไร ที่ไหนบ้าง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการเบิกค่าเดินทาง อีกทั้งส่วนของฝ่ายบริหารเองก็ต้องการที่จะเห็นจำนวนและรายละเอียดลูกค้าทั้งหมดที่เซลส์ดูเเลอยู่ หรือช่วยในการวางแผนการขาย ซึ่งผมก็มองว่าตัวระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย SAP Hybris Sales Cloud นี้ ค่อนข้างที่จะตรงกับความต้องการของเรา สามารถทำให้การทำงานและบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เหตุผลที่เลือก เน็กซัสฯ เข้ามาวางระบบการจัดการบริหารงานขาย และทีมขาย
ก่อนที่ผมจะเลือกพบกับ เน็กซัสฯ ผมก็ได้ลองติดต่อดูระบบกับหลายๆเจ้า ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีความสามารถแตกต่างกัน ส่วนเหตุผลที่เลือกเน็กซัสฯ เพราะจากการที่ได้คุยงานกัน เน็กซัสฯ ค่อนข้างที่จะเข้าใจในการทำงานของธุรกิจเรามาก และให้คำแนะนำต่างๆได้ชัดทำให้ผมเเละทีมมีความเชื่อมั่น วางใจในการวางระบบครั้งนี้
ความคาดหวังและก้าวต่อไปของ “ไบค์ บูเลวาร์ด” หลังใช้งานระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย
ผมและทีมงานเองมีความตั้งใจว่าเราอยากจะขยายตลาดเข้าไปในทุกภาคและจะเพิ่มการนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนและให้บริการคนรักจักรยานให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากทำการวางระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขายนี้เสร็จสิ้นแล้ว เราคาดหวังว่าในมุมของทีมขายเราจะปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ข้อมูลต่างๆเราจะอัพเดทถึงกันได้อย่างทันที และในส่วนของบริการหลังการขายเราสามารถดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ใกล้ชิดเเละให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ
เกี่ยวกับเน็กซัสฯ
บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จํากัด เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์กว่า 19 ปี ด้านการวางระบบในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม โรงงาน การกระจายสินค้า และธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก โดยบริษัทมีโซลูชั่นประกอบด้วย โซลูชั่นระดับเอนเตอร์ไพรส์ ระดับเอสเอ็มอี และโซลูชั่นบนคลาวด์ ทั้งของ SAP และระบบเสริมอื่นๆ เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าในการบริหาร รวมถึงยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานสากล เพื่อการแข่งขันในตลาดยุคดิจิทัลนี้ รายละเอียดเพิ่มเติม www.nexus-sr.com หรือโทรศัพท์ 02-091-1900
รบกวนแนะนำธุรกิจ “ไบค์ บูเลวาร์ด” คร่าวๆได้ไหมคะ
เราทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องมือซ่อมรถจักรยานแบบครบวงจรจากต่างประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายในไทยครับ เราทำธุรกิจมาประมาณ 4 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็เติบโตและขยายตัวไปถึงการนำเข้าอาหารเพื่อสุขภาพของคนรักจักรยานทั้งหมดเลยครับ
จุดเด่นของ “ไบค์ บูเลวาร์ด” ที่ทำให้ลูกค้ายอมรับส่งผลให้ธุรกิจเจริญเติบโตมากขนาดนี้
จุดเด่นของเราคือจำนวนสินค้าที่ครอบคลุมครบวงจรมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์และมีเครื่องมือซ่อมจักรยานมากกว่า 400 รายการ และที่สำคัญกว่านั้นคือการบริการก่อนและหลังการขายของเราจะให้ความสำคัญมาก สินค้าส่วนใหญ่ของเราจะมีการันตีรับประกันตลอดชีพหรืออายุการใช้งานครับ ทำให้ลูกค้าค่อนข้างที่จะมั่นใจและใช้บริการด้วยกันตลอดครับ
เหตุผลที่เลือก SAP Hybris Sales Cloud เข้ามาใช้การจัดการบริหารงานขาย และทีมขาย
บริษัทเราเป็นธุรกิจที่ต้องมีเซลส์ออกวิ่งขายต่างจังหวัดตลอด ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่ของเราคือการอัพเดทข้อมูลซึ่งกันและกันระหว่างผู้บริหาร ทีมงานขาย พนักงานขาย และเจ้าหน้าที่สต็อกจัดส่งสินค้า และการเช็คสต็อกสินค้าที่จะเหลือหรือขายได้ รวมถึงการดูข้อมูลการเข้าพบลูกค้าของเซลส์แต่ละคนว่าไปพบลูกค้าอย่างไร ที่ไหนบ้าง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการเบิกค่าเดินทาง อีกทั้งส่วนของฝ่ายบริหารเองก็ต้องการที่จะเห็นจำนวนและรายละเอียดลูกค้าทั้งหมดที่เซลส์ดูเเลอยู่ หรือช่วยในการวางแผนการขาย ซึ่งผมก็มองว่าตัวระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย SAP Hybris Sales Cloud นี้ ค่อนข้างที่จะตรงกับความต้องการของเรา สามารถทำให้การทำงานและบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เหตุผลที่เลือก เน็กซัสฯ เข้ามาวางระบบการจัดการบริหารงานขาย และทีมขาย
ก่อนที่ผมจะเลือกพบกับ เน็กซัสฯ ผมก็ได้ลองติดต่อดูระบบกับหลายๆเจ้า ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีความสามารถแตกต่างกัน ส่วนเหตุผลที่เลือกเน็กซัสฯ เพราะจากการที่ได้คุยงานกัน เน็กซัสฯ ค่อนข้างที่จะเข้าใจในการทำงานของธุรกิจเรามาก และให้คำแนะนำต่างๆได้ชัดทำให้ผมเเละทีมมีความเชื่อมั่น วางใจในการวางระบบครั้งนี้
ความคาดหวังและก้าวต่อไปของ “ไบค์ บูเลวาร์ด” หลังใช้งานระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขาย
ผมและทีมงานเองมีความตั้งใจว่าเราอยากจะขยายตลาดเข้าไปในทุกภาคและจะเพิ่มการนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนและให้บริการคนรักจักรยานให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากทำการวางระบบการจัดการบริหารงานขายและทีมขายนี้เสร็จสิ้นแล้ว เราคาดหวังว่าในมุมของทีมขายเราจะปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ข้อมูลต่างๆเราจะอัพเดทถึงกันได้อย่างทันที และในส่วนของบริการหลังการขายเราสามารถดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ใกล้ชิดเเละให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ
เกี่ยวกับเน็กซัสฯ
บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จํากัด เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์กว่า 19 ปี ด้านการวางระบบในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม โรงงาน การกระจายสินค้า และธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก โดยบริษัทมีโซลูชั่นประกอบด้วย โซลูชั่นระดับเอนเตอร์ไพรส์ ระดับเอสเอ็มอี และโซลูชั่นบนคลาวด์ ทั้งของ SAP และระบบเสริมอื่นๆ เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าในการบริหาร รวมถึงยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานสากล เพื่อการแข่งขันในตลาดยุคดิจิทัลนี้ รายละเอียดเพิ่มเติม www.nexus-sr.com หรือโทรศัพท์ 02-091-1900
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าเพิ่มโอกาสทางตลาด เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและบริการในพื้นที่ Thailand Wellness Service Pavilion งาน STYLE : Asia’s most stylish fair
กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ขอเชิญผู้ประกอบการธุรกิจบริการสุขภาพที่มีมูลค่าสูง ธุรกิจสปา ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจกายภาพบำบัด ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการสุขภาพที่ต้องการเพิ่มช่องทางการตลาดระดับสากลสมัครเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าหรือบริการในพื้นที่พิเศษ ภายใต้ชื่อ "Thailand Wellness Service Pavilion" กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในงานแสดงสินค้า STYLE : Asia's most stylish fair ระหว่างวันที่ 19-23 เมษายน 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เพื่อร่วมขยายธุรกิจบริการสุขภาพสู่ระดับสากล
สิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม มีดังนี้
พื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ขนาดประมาณ 2x2 เมตรต่อราย)
การจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ Thailand Wellness Service Directory ประชาสัมพันธ์ธุรกิจสู่ตลาดสากล
กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) กับคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการสู่กลุ่มผู้ซื้อในตลาดระดับนานาชาติ
หมดเขตรับสมัคร : 15 กุมภาพันธ์ 2561
วิธีการรับสมัคร : สมัครทางออนไลน์ โดยการสแกน QR-Code หรือ คลิ๊กลิงค์ https://goo.gl/JHrTGt
สิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม มีดังนี้
พื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ขนาดประมาณ 2x2 เมตรต่อราย)
การจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ Thailand Wellness Service Directory ประชาสัมพันธ์ธุรกิจสู่ตลาดสากล
กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) กับคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการสู่กลุ่มผู้ซื้อในตลาดระดับนานาชาติ
หมดเขตรับสมัคร : 15 กุมภาพันธ์ 2561
วิธีการรับสมัคร : สมัครทางออนไลน์ โดยการสแกน QR-Code หรือ คลิ๊กลิงค์ https://goo.gl/JHrTGt
สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ซื้อหุ้น 28.4% ในธุรกิจส่งไฟฟ้า จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไพรเวท อีควิตี้ เป็นมูลค่า 1.01 หมื่นล้านรูปี
- ผลตอบแทน (Absolute Return) สูงที่สุดในภาคธุรกิจการไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของอินเดีย
- สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ทำผลตอบแทนเพิ่ม 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 3.5 ปี
สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ (Sterlite Power) ได้เข้าซื้อหุ้น 28.4% ในธุรกิจส่งไฟฟ้าของบริษัท จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไพรเวท อีควิตี้ (Standard Chartered Private Equity (SCPE)) ซึ่งส่งผลให้สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ถือหุ้นทั้ง 100% ในธุรกิจนี้ ทั้งนี้ เมื่อปี 2557 สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ได้ดึงดูดการลงทุน 5 พันล้านรูปี จาก SCPE ซึ่งเป็นการลงทุนจากภาคเอกชนต่างชาติครั้งแรกในภาคอุตสาหกรรมส่งไฟฟ้าของอินเดีย โดยตลอดสามปีที่ผ่านมา สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ได้เติบโตขึ้นจากเดิมที่มีเพียงสามโครงการในอินเดีย เป็น 15 โครงการทั่วอินเดียและบราซิล รวมทั้งมีการดำเนินงานอยู่ใน 26 รัฐ ครอบคลุมสองทวีป
"เราขอขอบคุณทีมงานของ SCPE สำหรับความเชื่อมั่นที่มีให้กับเรา และเราภูมิใจที่ได้มอบผลตอบแทนที่น่าดึงดูดแก่เงินลงทุนของพวกเขา การซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการย้ำให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของเราเกี่ยวกับโอกาสการเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในภาคธุรกิจส่งไฟฟ้า ผลงานอันเป็นที่ยอมรับและขีดความสามารถอันเป็นเลิศในการดำเนินการ ทำให้เราอยู่ในจุดที่พร้อมสำหรับการคว้าความได้เปรียบจากโอกาสนี้" Pratik Agarwal ซีอีโอกลุ่มบริษัทสเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ กล่าว
ขณะที่ Udai Dhawan กรรมการผู้จัดการ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไพรเวท อีควิตี้ ประจำอินเดีย ได้แสดงความเห็นถึงการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยกล่าวว่า "เราขอแสดงความยินดีกับสเตอร์ไลท์ที่สร้างแนวทางการลงทุนระดับโลกสำหรับธุรกิจส่งไฟฟ้าไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เรามีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับสเตอร์ไลท์บนเส้นทางการเติบโตนี้ และรู้สึกประทับใจในทีมบริหารคุณภาพสูงของบริษัท ตลอดจนความสามารถในการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม และประวัติผลงานด้านบรรษัทภิบาลที่น่าชื่นชมยกย่อง เราขออวยพรให้สเตอร์ไลท์ประสบความสำเร็จต่อไปตามเป้าหมายการเติบโตของบริษัท"
เกี่ยวกับ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์
สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ เป็นบริษัทชั้นนำผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งไฟฟ้าทั่วโลก โดยมีโครงการในอินเดียและบราซิลรวมเป็นระยะทางยาว 10,000 วงจรกิโลเมตร และกำลังไฟฟ้ารวม 15,000 เมกะโวลต์แอมแปร์ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านตัวนำไฟฟ้า สายไฟฟ้าแรงสูงเอ็กซ์ตร้า EHV และเส้นใยแก้วนำแสง OPGW ทั้งยังนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงข่ายที่มีอยู่เดิม บริษัทได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีแนวทางการจัดหาเงินทุนในรูปแบบใหม่ ๆ นอกจากนี้ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ยังเป็นผู้ค้ำประกันของ IndiGrid ทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ("InvIT") แห่งแรกของอินเดีย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้น BSE และ NSE
- สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ทำผลตอบแทนเพิ่ม 2 เท่า ในระยะเวลาเพียง 3.5 ปี
สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ (Sterlite Power) ได้เข้าซื้อหุ้น 28.4% ในธุรกิจส่งไฟฟ้าของบริษัท จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไพรเวท อีควิตี้ (Standard Chartered Private Equity (SCPE)) ซึ่งส่งผลให้สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ถือหุ้นทั้ง 100% ในธุรกิจนี้ ทั้งนี้ เมื่อปี 2557 สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ได้ดึงดูดการลงทุน 5 พันล้านรูปี จาก SCPE ซึ่งเป็นการลงทุนจากภาคเอกชนต่างชาติครั้งแรกในภาคอุตสาหกรรมส่งไฟฟ้าของอินเดีย โดยตลอดสามปีที่ผ่านมา สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ได้เติบโตขึ้นจากเดิมที่มีเพียงสามโครงการในอินเดีย เป็น 15 โครงการทั่วอินเดียและบราซิล รวมทั้งมีการดำเนินงานอยู่ใน 26 รัฐ ครอบคลุมสองทวีป
"เราขอขอบคุณทีมงานของ SCPE สำหรับความเชื่อมั่นที่มีให้กับเรา และเราภูมิใจที่ได้มอบผลตอบแทนที่น่าดึงดูดแก่เงินลงทุนของพวกเขา การซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการย้ำให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของเราเกี่ยวกับโอกาสการเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในภาคธุรกิจส่งไฟฟ้า ผลงานอันเป็นที่ยอมรับและขีดความสามารถอันเป็นเลิศในการดำเนินการ ทำให้เราอยู่ในจุดที่พร้อมสำหรับการคว้าความได้เปรียบจากโอกาสนี้" Pratik Agarwal ซีอีโอกลุ่มบริษัทสเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ กล่าว
ขณะที่ Udai Dhawan กรรมการผู้จัดการ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไพรเวท อีควิตี้ ประจำอินเดีย ได้แสดงความเห็นถึงการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยกล่าวว่า "เราขอแสดงความยินดีกับสเตอร์ไลท์ที่สร้างแนวทางการลงทุนระดับโลกสำหรับธุรกิจส่งไฟฟ้าไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เรามีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับสเตอร์ไลท์บนเส้นทางการเติบโตนี้ และรู้สึกประทับใจในทีมบริหารคุณภาพสูงของบริษัท ตลอดจนความสามารถในการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม และประวัติผลงานด้านบรรษัทภิบาลที่น่าชื่นชมยกย่อง เราขออวยพรให้สเตอร์ไลท์ประสบความสำเร็จต่อไปตามเป้าหมายการเติบโตของบริษัท"
เกี่ยวกับ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์
สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ เป็นบริษัทชั้นนำผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งไฟฟ้าทั่วโลก โดยมีโครงการในอินเดียและบราซิลรวมเป็นระยะทางยาว 10,000 วงจรกิโลเมตร และกำลังไฟฟ้ารวม 15,000 เมกะโวลต์แอมแปร์ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านตัวนำไฟฟ้า สายไฟฟ้าแรงสูงเอ็กซ์ตร้า EHV และเส้นใยแก้วนำแสง OPGW ทั้งยังนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงข่ายที่มีอยู่เดิม บริษัทได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีแนวทางการจัดหาเงินทุนในรูปแบบใหม่ ๆ นอกจากนี้ สเตอร์ไลท์ พาวเวอร์ ยังเป็นผู้ค้ำประกันของ IndiGrid ทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ("InvIT") แห่งแรกของอินเดีย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้น BSE และ NSE
Sterlite Power Acquires 28.4% Stake in its Transmission Infrastructure Business From Standard Chartered Private Equity for INR 1,010 Cr
- Highest absolute return in the Power and Utilities sector in India
- Standard Chartered set to make 2x returns in a short span of 3.5 years
Sterlite Power has acquired the 28.4% stake in its transmission infrastructure business from Standard Chartered Private Equity (SCPE). With this acquisition, Sterlite Power holds 100% stake in the business. Sterlite Power had attracted an investment of INR 500 Cr in 2014 from SCPE which was the first private foreign investment in the Indian transmission sector. Over the last three years, Sterlite Power has grown its portfolio from three projects in India to fifteen projects across India and Brazil, and now has a footprint in 26 states across two continents.
"We thank the SCPE team for putting their faith in us and are proud to have delivered an attractive return on their capital. With this acquisition, we reiterate our excitement about the unprecedented growth opportunity in the power transmission sector. Our track record and superior execution capabilities position us well to capitalize on this opportunity," said Pratik Agarwal - Group CEO, Sterlite Power.
Commenting on the successful investment, Udai Dhawan, Managing Director - Standard Chartered Private Equity, India, said: "We would like to congratulate Sterlite for building an excellent global platform for power transmission business. We had a great relationship with Sterlite during this growth journey and are impressed with the company's high-quality management team, excellent execution capabilities and commendable corporate governance track record. We wish Sterlite continued success in their growth ambition."
About Sterlite Power
Sterlite Power is a leading global developer of power transmission infrastructure with projects of over 10,000 circuit kms and 15,000 MVA in India and Brazil. With an industry-leading portfolio of power conductors, EHV cables and OPGW, Sterlite Power also offers solutions for upgrading, uprating and strengthening existing networks. The Company has set new benchmarks in the industry by use of cutting-edge technologies and innovative financing. Sterlite Power is also the sponsor of IndiGrid, India's first power sector Infrastructure Investment Trust ("InvIT"), listed on the BSE and NSE.
- Standard Chartered set to make 2x returns in a short span of 3.5 years
Sterlite Power has acquired the 28.4% stake in its transmission infrastructure business from Standard Chartered Private Equity (SCPE). With this acquisition, Sterlite Power holds 100% stake in the business. Sterlite Power had attracted an investment of INR 500 Cr in 2014 from SCPE which was the first private foreign investment in the Indian transmission sector. Over the last three years, Sterlite Power has grown its portfolio from three projects in India to fifteen projects across India and Brazil, and now has a footprint in 26 states across two continents.
"We thank the SCPE team for putting their faith in us and are proud to have delivered an attractive return on their capital. With this acquisition, we reiterate our excitement about the unprecedented growth opportunity in the power transmission sector. Our track record and superior execution capabilities position us well to capitalize on this opportunity," said Pratik Agarwal - Group CEO, Sterlite Power.
Commenting on the successful investment, Udai Dhawan, Managing Director - Standard Chartered Private Equity, India, said: "We would like to congratulate Sterlite for building an excellent global platform for power transmission business. We had a great relationship with Sterlite during this growth journey and are impressed with the company's high-quality management team, excellent execution capabilities and commendable corporate governance track record. We wish Sterlite continued success in their growth ambition."
About Sterlite Power
Sterlite Power is a leading global developer of power transmission infrastructure with projects of over 10,000 circuit kms and 15,000 MVA in India and Brazil. With an industry-leading portfolio of power conductors, EHV cables and OPGW, Sterlite Power also offers solutions for upgrading, uprating and strengthening existing networks. The Company has set new benchmarks in the industry by use of cutting-edge technologies and innovative financing. Sterlite Power is also the sponsor of IndiGrid, India's first power sector Infrastructure Investment Trust ("InvIT"), listed on the BSE and NSE.
Tuesday, January 30, 2018
Namirial จับมือ ThinkSmart นำเสนอระบบจัดการขั้นตอนธุรกิจอัตโนมัติครบวงจร
ผู้นำด้านการจัดการธุรกรรมดิจิทัลจากอิตาลี ขอเสนอแพลตฟอร์มแสดงขั้นตอนการทำงานด้วยกราฟฟิค พร้อมระบบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และบริการ Trust Service
Namirial ผู้นำด้านซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกรรมดิจิทัล (DTM) และบริการ Trust Service ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจผ่านระบบดิจิทัล ประกาศสร้างความร่วมมือครั้งใหม่กับ ThinkSmart ผู้นำด้านเครื่องมือแสดงขั้นตอนการทำงานด้วยกราฟฟิค ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถออกแบบและดำเนินขั้นตอนธุรกิจทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านได้โดยใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยวของเครื่องมือแบบเดิมๆ
ลุยจิ โทมาซินี ซีอีโอ Namirial กล่าวว่า "ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และบริการ Trust Service ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพลิกโฉมธุรกิจมาโดยตลอด ลูกค้าของเราตระหนักดีถึงประโยชน์ของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ แต่บ่อยครั้งก็ประสบปัญหาในการพลิกโฉมขั้นตอนธุรกิจทั้งหมดเพื่อให้รองรับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เครื่องมือจัดการขั้นตอนธุรกิจอัตโนมัติแบบเดิมๆ ก็ทำให้การพลิกโฉมธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ThinkSmart's Automation Platform (TAP) จะช่วยให้ขั้นตอนดังกล่าวง่ายขึ้นและแสดงผลเป็นกราฟฟิค โดยไม่ต้องใช้ทักษะทางเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรมแต่อย่างใด ดังนั้น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการขั้นตอนธุรกิจจึงสามารถวางขั้นตอนการทำงานเสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน จากปกติที่ต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน"
พอล เฮอร์เนอร์ ซีอีโอของ ThinkSmart กล่าวว่า "เมื่อไม่นานมานี้ ThinkSmart ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) และเราได้สร้างความร่วมมือกับ Namirial ผู้ให้บริการระบบบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และ Trust Service ชั้นนำในภูมิภาค ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจเข้าสู่ EMEA และแสดงให้เห็นแรงผลักดันของ ThinkSmart ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นบริหารจัดการธุรกรรมดิจิทัลระดับโลก"
Namirial
Namirial คือบริษัทซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการ Trust Service แก่ลูกค้ากว่า 500,000 ราย ทั้งบริการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ประทับเวลา ลงทะเบียนอีเมล ออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ และเก็บข้อมูลดิจิทัล
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.namirial.com/it
ThinkSmart
ThinkSmart LLC คือผู้นำด้านการจัดการธุรกรรมดิจิทัล (DTM) ซึ่งนำเสนอ ThinkSmart's Automation Platform (TAP) ให้แก่บริษัทที่กำลังหาทางปรับเปลี่ยนขั้นตอนธุรกิจให้เป็นระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ โซลูชั่น TAP ประกอบด้วยเครื่องมือแบบลากและวางที่ใช้งานง่าย ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถออกแบบ สร้าง และดำเนินการในแต่ละขั้นตอนการทำงานได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความสามารถในการผนวกเข้ากับระบบภายในของลูกค้า และการร่วมมือกับบริษัทด้านการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำอีกหลายราย ยังทำให้ TAP เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจด้วยเครื่องมืออัตโนมัติที่มีความคุ้มค่า ทั้งนี้ ThinkSmart ได้รับตำแหน่ง "Hot Vendor in DTM" จาก Aragon Research ในปี 2559
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ thinksmart.com
ThinkSmart LLC เป็นเจ้าของเครื่องหมาย ThinkSmart LLC และเครื่องหมายทั้งหมดของบริษัท ส่วนเครื่องหมายอื่นๆที่ปรากฏในข่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่เป็นเจ้าของ
ที่มา: Namirial
Namirial Partners With ThinkSmart to Offer Complete Front to Back Business Process Automation
Italian Based Digital Transaction Management Technology Provider Offers Graphical Workflow Platform With Integrated Electronic Signatures and Trust Services
Namirial , leading provider of Digital Transaction Management (DTM) software and trust services that help people simplify how business gets done digitally announced today a new reseller partnership with ThinkSmart, a leading provider of powerful graphically oriented workflow automation tools that enable organizations to design and deploy front to back business processes in a fraction of the time compared with traditional business process automation tools.
"Electronic signatures and trust services are always a subset of an overarching business transformation strategy" said Luigi Tomasini, CEO Namirial, "Our customers immediately realize the benefits of electronic signing but frequently struggle with fully transforming the overarching business processes where electronic signing fits. Traditional business process automation tools overly complicate that transformation. ThinkSmart's Automation Platform (TAP) makes that process simple and graphical with no technical or programming skills required. That means that a business analyst or process manager can implement a workflow in hours or days versus weeks or months."
"With ThinkSmart's recent expansion into EMEA, it made perfect business sense to partner with the leading provider of electronic signature and trust services in that part of the world. This alliance increases our global reach into EMEA and shows ThinkSmart's momentum as a global provider of digital transaction management solutions," said Paul Hirner, CEO ThinkSmart.
บาคมันน์ แอนด์ เวลเซอร์ แคปิตอล นำเสนอบริการให้เช่าหนังสือค้ำประกัน SBLC
บาคมันน์ แอนด์ เวลเซอร์ แคปิตอล สามารถจัดการและช่วยเหลือลูกค้าในการสร้างรายได้ ให้ส่วนลด หรือสร้างสินเชื่อด่วนประเภท Non-Recourse จากการให้เช่าหนังสือค้ำประกัน Standby Letter of Credit (SBLC) ที่ลูกค้าถืออยู่ โดยจะมีการออกสินเชื่อ Non Recourse ให้แก่ลูกค้า ไม่นานหลังจากที่ Standby Letter of Credit (SBLC) ถูกส่งไปถึง Monetizer ตามสัญญา Standby Letter of Credit Monetization
เราเสนอวิธีการส่งมอบ Standby Letter of Credit Monetization (SBLC) 1 วิธี ได้แก่
1. Bank SWIFT - เราส่งมอบ Standby Letter of Credit (SBLC) ผ่านระบบ Bank to Bank ในเครือข่าย Bank SWIFT Network โดยใช้รหัส SWIFT MT799 ตามด้วยรหัส SWIFT MT760
ขั้นตอนการปิด - SWIFT
1. หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามสัญญา Standby Letter of Credit Monetization แล้ว ลูกค้าจะแจ้งให้ธนาคารของลูกค้าส่งรหัส SWIFT MT799 ไปยังธนาคารของ Monetizer
2. ในการรับรหัส SWIFT MT799 จากธนาคารของลูกค้านั้น ธนาคารของ Monetizer จะตอบกลับด้วยรหัส SWIFT MT799
3. ในการรับรหัส SWIFT MT799 จากธนาคารของ Monetizer ธนาคารของลูกค้าจะส่ง Standby Letter of Credit (SBLC) ด้วยรหัส SWIFT MT760 ไปยังธนาคารของ Monetizer
4. สำหรับการรับ ยืนยัน และส่ง SWIFT MT760 นั้น Standby Letter of Credit Monetizer จะต้องให้สินเชื่อ Non Recourse สำหรับ LTV ตามที่ได้รับการตกลงจากธนาคารตัวแทน (Nominated Bank) แก่ลูกค้า ภายในระยะเวลาสูงสุดสี่ (4) วันทำการของธนาคาร
5. Standby Letter of Credit Monetizer ตกลงที่จะคืน Standby Letter of Credit (SBLC) ที่ปราศจากภาระผูกพัน ภายในสิบห้า (15) วันปฏิทิน ก่อนครบ 1 ปีของการเซ็นสัญญาระหว่างสองฝ่าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.bachmannwelser.com หรือโทรศัพท์ไปที่หมายเลข +44(0) 131-357-0361
สื่อมวลชนติดต่อสอบถามได้ที่:
Sarah Atkins
Media Relations Officer
Sarah.Atkins@bachmannwelser.com
ที่มา: Bachmann & Welser Capital Ltd
Bachmann & Welser Capital Offers Standby Letter of Credit Monetization (Leased SBLC)
Bachmann & Welser Capital can arrange and assist clients to monetize, discount, or create an immediate Non Recourse loan against a Leased Standby Letter of Credit (SBLC) that they control. The Standby Letter of Credit Monetization process for Leased Standby Letter of Credit (SBLC) issues Non Recourse funds to the Client shortly after the Standby Letter of Credit (SBLC) is delivered to the Monetizer.
We offer 1 Standby Letter of Credit Monetization (SBLC) settlement method:
1. Bank SWIFT - We use the Bank SWIFT Network to have the Standby Letter of Credit (SBLC) delivered Bank to Bank using SWIFT MT799 followed by SWIFT MT760.
Closing Process - SWIFT
1.After execution of the Standby Letter of Credit Monetization contract by both parties the Client will instruct his bank to send SWIFT MT799 to the bank coordinates provided by the Monetizer.
2. The Monetizers bank on receipt of the SWIFT MT799 from the client's bank will reply with a SWIFT MT799.
3. On receipt of the Monetizers bank SWIFT MT799 the Clients bank will deliver the Standby Letter of Credit (SBLC) by SWIFT MT760 to the Monetizers bank.
4. Upon receipt, confirmation and delivery of the SWIFT MT760 the Standby Letter of Credit Monetizer will within maximum four (4) banking days grant a Non Recourse Loan for the LTV as agreed from its nominated bank to the Client.
5. The Standby Letter of Credit Monetizer agrees to return the Standby Letter of Credit (SBLC) unencumbered fifteen (15) calendar days before the 1 year anniversary of the signed contract between the parties.
For More Information: Please visit http://www.bachmannwelser.com
Source: Bachmann & Welser Capital Ltd
สายการบินเคแอลเอ็มมอบโปรโมชั่น "KLM Dream Deals" ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ
สายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ จัดโปรโมชั่น "KLM Dream Deals" มอบส่วนลดสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าเมื่อจองตั๋วเครื่องบินไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั่วโลก โดยตั๋วชั้นประหยัดไปกลับกรุงเทพฯ-ยุโรป ราคาเริ่มต้นเพียง 19,420 บาท (รวมทุกอย่าง) และไปกลับกรุงเทพฯ-อเมริกา เริ่มต้นเพียง 43,985 บาท โดยสามารถเดินทางได้ระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2561
หากคุณยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี เค.แอล.เอ็ม ขอเสนอบริการแจ้งเตือนใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Price Alerts โดยคุณวาสิณี กุลวัฒน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบินแอร์ฟร้านซ์ เค.แอล.เอ็ม กล่าวว่า "Price Alerts จะส่งข้อความส่วนตัวผ่านโปรแกรม Messenger ไปให้กับลูกค้า แจ้งเตือนเมื่อราคาตั๋วเครื่องบินลดลงต่ำกว่าราคาที่ลูกค้ายินดีจ่าย เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดและเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้บินในราคาที่ดีที่สุด"
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอที่ดีที่สุดได้ที่ https://social.klm.com/pricealerts/messenger/ หรือจองตั๋วในโปรโมชั่น KLM Dream Deals ภายในวันที่ 31 มกราคม 2561 เพื่อเดินทางระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2561 รวมถึงดูเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆได้ที่ klm.co.th
เกี่ยวกับ เค.แอล.เอ็ม
สายการบิน เค.แอล.เอ็ม มีฐานการบินอยู่ที่ท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัมสคิปโฮล ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้โดยสารจำนวนมากแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินแห่งนี้ ใช้บริการสายการบิน เค.แอล.เอ็ม ได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากที่สนามบินสคิปโฮลมีอาคารผู้โดยสารอาคารเดียว จึงสามารถใช้บริการได้อย่างง่ายดาย และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน โดยนอกเหนือจากร้านค้า ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มแล้ว สนามบินสคิปโฮลยังเป็นสนามบินหนึ่งเดียวในโลกที่มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะยุคศตวรรษที่ 17 โดยนำมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
สายการบิน เค.แอล.เอ็ม ให้บริการเที่ยวบินตรงทุกวันจาก กรุงเทพฯ-ท่าอากาศยานมสเตอร์ดัมสคิปโฮล
ตารางบินกรุงเทพฯ-อัมสเตอร์ดัม (28 ตุลาคม 2560 ถึง 24 มีนาคม 2561)
- เที่ยวบิน KL876 ออกจากกรุงเทพฯ 12.15 น. และเดินทางถึงอัมสเตอร์ดัม 18.30 น.
- เที่ยวบิน KL875 ออกจากอัมสเตอร์ดัม 17.15 น. และเดินทางถึงกรุงเทพฯ 10.05 น.วันรุ่งขึ้น
เที่ยวบินดังกล่าวใช้เครื่องบิน 777-300ER (ชั้นธุรกิจ 34 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 374 ที่นั่ง)
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมและจองตั๋วออนไลน์ได้ที่ klm.co.th
- โทรจองตั๋วได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 00 1800 441 5560 (โทรฟรี) หรือ 0 2610 0800 (วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น.)
- โซเชียลมีเดีย: www.facebook.com/KLMThailand
ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและจำนวนตั๋ว ณ เวลาจอง
เฟสป้า เดินหน้าจัด “เฟสป้า เอเชีย 2018” การประชุมและสัมมนา งานใหญ่แห่งปี เจาะลึกอุตสาหกรรมการพิมพ์และป้ายแห่งอาเซียนในยุคดิจิทัล 22-24 ก.พ.นี้
เฟสป้า เอเชีย เผยรายละเอียดหัวข้อการประชุมและสัมมนา ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
การประชุมและสัมมนา ได้รับการออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจการพิมพ์และป้าย โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกตลาดการพิมพ์ดิจิทัล การพิมพ์สกรีน การพิมพ์ระดับอุตสาหกรรม การพิมพ์บนเครื่องนุ่งห่ม การพิมพ์เพื่อการตกแต่งภายใน และที่ขาดไม่ได้คือ การพิมพ์ป้ายต่างๆ
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประชุมและสัมมนาในหัวข้อต่างๆ จะได้รับข้อมูลเชิงลึกจากมุมมองที่หลากหลาย อาทิ ที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้ใช้งานจริง และผู้ประกอบการชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งพร้อมจะมาแบ่งปันความรู้อันล้ำค่าจากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจการพิมพ์อย่างครบถ้วน รูปแบบการประชุมและสัมมนา จะนำเสนอใน 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานอย่างเป็นทางการ
การประชุมและสัมมนาภายในงาน เฟสป้า เอเชีย 2018 แบ่งเป็น 23 หัวข้อ เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ จนถึงเวลา 14.30 น. ของวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ เท่านั้น
หัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจ ได้แก่
แนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์และบริการส่งอาหารออนไลน์ในประเทศไทย บรรยายโดย นางสาวสุภานี สว่างเนตร ผู้จัดการฝ่ายชาย บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง
การไฮบริดเทคโนโลยีดิจิทัลกับการพิมพ์สกรีน บรรยายโดย นายมาร์ค เจอร์เวย์ส ผู้อำนวยการกลุ่มพิมพ์สกรีน บริษัท หนิงปัว เสินโจว นิตติ้ง จำกัด
โอกาสทางการตลาดของกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมและของที่ระลึก บรรยายโดย นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน
ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจการพิมพ์บนผืนผ้าให้ประสบความสำเร็จ บรรยายโดย นายดิมิทรี ซาร์บาร์ฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟล็อกส์มอลล์ ดีทีจี เวียดนาม
การพิมพ์ระบบไฮบริดเพื่อการตกแต่งภายใน บรรยายโดย นางสาวชลกานต์ วิสุทธิ์พิทักษ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และการตลาด บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์ จำกัด
นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อการประชุมและสัมมนาที่น่าสนใจอีกมายหมาย สามารถติดตามได้ที่ https://asia.fespa.com/seminars-2017
นางรอซ กัวโนรี ผู้อำนวยการ สมาพันธ์การพิมพ์แห่งยุโรป หรือ เฟสป้า กล่าวว่า การประชุมและสัมมนาของเฟสป้า เอเชีย จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าชมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างหลากหลายครบถ้วนจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ในกลุ่มสินค้าปลีกและของที่ระลึก หรือในธุรกิจการพิมพ์เครื่องนุ่งห่ม จนถึงผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ผู้ชมงาน สามารถเลือกรับฟังในหัวข้อต่างๆ ตามความต้องการและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจจากการรับฟังข้อมูลเชิงลึกของแต่ละอุตสาหกรรมการพิมพ์ ขณะเดียวกัน เป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคอาเซียน ได้เรียนรู้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ วิสัยทัศน์ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตการพิมพ์ให้มีความพิเศษและน่าสนใจต่อไป
World Wrap Masters Asia 2018
การแข่งขันระดับเอเชีย World Wrap Masters Asia 2018 หวนกลับมาที่กรุงเทพฯอีกครั้งในปีนี้ และยัง เป็นงานที่นักหุ้มรถมือดีที่สุดจากทั่วโลก เดินทางมาร่วมประลองฝีมือ เพื่อชิงความเป็นสุดยอดของ World Wrap Masters Asia 2018 ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการจัดงานครั้งนี้ และกำลังเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ผู้ที่ชนะเลิศ จะได้รับการประกาศชื่อในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 และจะได้เข้าแข่งขันต่อไปในระดับโลก World Wrap Masters Final ในงาน FESPA Global Print Expo ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ปะทะกับผู้ชนะเลิศในการแข่งขันระดับภูมิภาคจากทั่วโลก อาทิ ภูมิภาคยูโรเซีย แอฟริกา ยุโรป และเม็กซิโก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการแข่งขัน ติดตามได้ที่ https://asia.fespa.com/wrap-masters
สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ได้แต่งตั้งกรรมการตัดสิน New World Wrap Master คนใหม่ คือ นายวิชัย นุชพุ่ม ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายหลักไว้ว่า ต้องการให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศ และทำให้ผู้คนมีทักษะและความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำธุรกิจประเภทนี้ นายวิชัย เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ ดำเนินธุรกิจการหุ้มรถนี้มานานกว่า 40 ปี ในชื่อ แดงสติ๊กเกอร์ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจหุ้มรถอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ผู้เข้าชมงาน World Wrap Masters Asia ไม่เพียงแต่ จะเป็นการเปิดโอกาสสร้างเครือข่ายกับนักหุ้มรถมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังได้แลกเปลี่ยนเทคนิคการหุ้มรถอีกด้วย ที่สำคัญ สามารถเข้าชมงานได้ ฟรี มีสาธิตและเวิร์กช็อปการหุ้มรถให้ชมทุกวันโดยนักหุ้มรถมืออาชีพ นายโอเล โซลสกิน ราฟน์ ที่จะมาให้คำแนะนำในเรื่องการตัดสติกเกอร์ หรือการใช้เทปโดยที่ไม่ต้องตัด หรือการหุ้มด้วยโครเมียม การยืดและยึดติดแบบสามเหลี่ยม และการเลือกใช้วัตถุดิบให้เหมาะสม
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ เฟสป้า เอเชีย 2018 ได้ที่ www.fespa-asia.com และสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้รหัส ASAM802
เกี่ยวกับ เฟสป้า
ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 เฟสป้า เป็นสมาพันธ์ระดับโลกที่มีสมาชิกระดับสมาคมในกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์สกรีน การพิมพ์ดิจิทัล และการพิมพ์บนวัสดุสิ่งทอ เฟสป้า มีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการพิมพ์สกรีนและการพิมพ์ระบบดิจิทัล รวมทั้ง แบ่งปันความรู้ให้แก่สมาชิกทั่วโลกเกี่ยวกับการพิมพ์สกรีนและดิจิทัล เพื่อช่วยเหลือองค์กรสมาชิกให้สามารถสร้างธุรกิจจนเติบโต และเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายการดำเนินงานของ เฟสป้า
ผู้ถือหุ้น เฟสป้า คือ กลุ่มอุตสาหกรรม เฟสป้า ได้ลงทุนกว่าล้านเหรียญยูโรในอุตสาหกรรมการพิมพ์โลกมานานกว่า 7 ปี เพื่อส่งเสริมการเติบโตของตลาด ข้อมูลเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.fespa.com
การวิจัยอุตสาหกรรมการพิมพ์ของ เฟสป้า
เป็นโครงการวิจัยระดับโลก เพื่อสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมการพิมพ์หน้ากว้าง การพิมพ์สกรีน และการพิมพ์ระบบดิจิทัล เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และครบวงจรที่สุด การวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์เป็นหลายภาษาและสามารถติดตามรายละเอียดออนไลน์ได้ที่ www.fespa.com/completemycensus
งานแสดงสินค้าของ เฟสป้า ที่จะจัดขึ้นในปี 2561 และ 2561 ประกอบด้วย
FESPA Asia, 22-24 กุมภาพันธ์ 2018, ณ ไบเทค กรุงเทพฯ ประเทศไทย
FESPA Global Print Expo, 15-18 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
European Sign Expo, 15-18 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
FESPA Award, 16 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
FESPA Africa, 12-14 กันยายน 2018, ณ กาลลาจ์เฮอร์ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้
FESPA Mexico, 19-21 กันยายน 2018, ณ เซ็นโทร ซิติบานาเม็กซ์ เมืองเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก
FESPA Eurasia, 6-9 ธันวาคม 2018, ณ ซีเอ็นอาร์ เอ็กซโป เมืองอีสตันบูล ประเทศตุรกี
FESPA Brasil, 20-23 มีนาคม 2019, ณ เอ็กซโป เซ็นเตอร์ นอร์ต เซาเปาลู ประเทศบราซิล
การประชุมและสัมมนา ได้รับการออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจการพิมพ์และป้าย โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกตลาดการพิมพ์ดิจิทัล การพิมพ์สกรีน การพิมพ์ระดับอุตสาหกรรม การพิมพ์บนเครื่องนุ่งห่ม การพิมพ์เพื่อการตกแต่งภายใน และที่ขาดไม่ได้คือ การพิมพ์ป้ายต่างๆ
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประชุมและสัมมนาในหัวข้อต่างๆ จะได้รับข้อมูลเชิงลึกจากมุมมองที่หลากหลาย อาทิ ที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้ใช้งานจริง และผู้ประกอบการชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งพร้อมจะมาแบ่งปันความรู้อันล้ำค่าจากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจการพิมพ์อย่างครบถ้วน รูปแบบการประชุมและสัมมนา จะนำเสนอใน 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานอย่างเป็นทางการ
การประชุมและสัมมนาภายในงาน เฟสป้า เอเชีย 2018 แบ่งเป็น 23 หัวข้อ เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ จนถึงเวลา 14.30 น. ของวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ เท่านั้น
หัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจ ได้แก่
แนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์และบริการส่งอาหารออนไลน์ในประเทศไทย บรรยายโดย นางสาวสุภานี สว่างเนตร ผู้จัดการฝ่ายชาย บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ในเอสซีจี แพคเกจจิ้ง
การไฮบริดเทคโนโลยีดิจิทัลกับการพิมพ์สกรีน บรรยายโดย นายมาร์ค เจอร์เวย์ส ผู้อำนวยการกลุ่มพิมพ์สกรีน บริษัท หนิงปัว เสินโจว นิตติ้ง จำกัด
โอกาสทางการตลาดของกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมและของที่ระลึก บรรยายโดย นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน
ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจการพิมพ์บนผืนผ้าให้ประสบความสำเร็จ บรรยายโดย นายดิมิทรี ซาร์บาร์ฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟล็อกส์มอลล์ ดีทีจี เวียดนาม
การพิมพ์ระบบไฮบริดเพื่อการตกแต่งภายใน บรรยายโดย นางสาวชลกานต์ วิสุทธิ์พิทักษ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และการตลาด บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์ จำกัด
นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อการประชุมและสัมมนาที่น่าสนใจอีกมายหมาย สามารถติดตามได้ที่ https://asia.fespa.com/seminars-2017
นางรอซ กัวโนรี ผู้อำนวยการ สมาพันธ์การพิมพ์แห่งยุโรป หรือ เฟสป้า กล่าวว่า การประชุมและสัมมนาของเฟสป้า เอเชีย จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าชมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างหลากหลายครบถ้วนจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ในกลุ่มสินค้าปลีกและของที่ระลึก หรือในธุรกิจการพิมพ์เครื่องนุ่งห่ม จนถึงผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ผู้ชมงาน สามารถเลือกรับฟังในหัวข้อต่างๆ ตามความต้องการและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตน รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจจากการรับฟังข้อมูลเชิงลึกของแต่ละอุตสาหกรรมการพิมพ์ ขณะเดียวกัน เป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคอาเซียน ได้เรียนรู้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ วิสัยทัศน์ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตการพิมพ์ให้มีความพิเศษและน่าสนใจต่อไป
World Wrap Masters Asia 2018
การแข่งขันระดับเอเชีย World Wrap Masters Asia 2018 หวนกลับมาที่กรุงเทพฯอีกครั้งในปีนี้ และยัง เป็นงานที่นักหุ้มรถมือดีที่สุดจากทั่วโลก เดินทางมาร่วมประลองฝีมือ เพื่อชิงความเป็นสุดยอดของ World Wrap Masters Asia 2018 ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการจัดงานครั้งนี้ และกำลังเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ผู้ที่ชนะเลิศ จะได้รับการประกาศชื่อในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 และจะได้เข้าแข่งขันต่อไปในระดับโลก World Wrap Masters Final ในงาน FESPA Global Print Expo ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ปะทะกับผู้ชนะเลิศในการแข่งขันระดับภูมิภาคจากทั่วโลก อาทิ ภูมิภาคยูโรเซีย แอฟริกา ยุโรป และเม็กซิโก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการแข่งขัน ติดตามได้ที่ https://asia.fespa.com/wrap-masters
สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ได้แต่งตั้งกรรมการตัดสิน New World Wrap Master คนใหม่ คือ นายวิชัย นุชพุ่ม ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายหลักไว้ว่า ต้องการให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศ และทำให้ผู้คนมีทักษะและความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำธุรกิจประเภทนี้ นายวิชัย เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ ดำเนินธุรกิจการหุ้มรถนี้มานานกว่า 40 ปี ในชื่อ แดงสติ๊กเกอร์ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจหุ้มรถอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ผู้เข้าชมงาน World Wrap Masters Asia ไม่เพียงแต่ จะเป็นการเปิดโอกาสสร้างเครือข่ายกับนักหุ้มรถมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังได้แลกเปลี่ยนเทคนิคการหุ้มรถอีกด้วย ที่สำคัญ สามารถเข้าชมงานได้ ฟรี มีสาธิตและเวิร์กช็อปการหุ้มรถให้ชมทุกวันโดยนักหุ้มรถมืออาชีพ นายโอเล โซลสกิน ราฟน์ ที่จะมาให้คำแนะนำในเรื่องการตัดสติกเกอร์ หรือการใช้เทปโดยที่ไม่ต้องตัด หรือการหุ้มด้วยโครเมียม การยืดและยึดติดแบบสามเหลี่ยม และการเลือกใช้วัตถุดิบให้เหมาะสม
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ เฟสป้า เอเชีย 2018 ได้ที่ www.fespa-asia.com และสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้รหัส ASAM802
เกี่ยวกับ เฟสป้า
ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 เฟสป้า เป็นสมาพันธ์ระดับโลกที่มีสมาชิกระดับสมาคมในกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์สกรีน การพิมพ์ดิจิทัล และการพิมพ์บนวัสดุสิ่งทอ เฟสป้า มีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการพิมพ์สกรีนและการพิมพ์ระบบดิจิทัล รวมทั้ง แบ่งปันความรู้ให้แก่สมาชิกทั่วโลกเกี่ยวกับการพิมพ์สกรีนและดิจิทัล เพื่อช่วยเหลือองค์กรสมาชิกให้สามารถสร้างธุรกิจจนเติบโต และเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายการดำเนินงานของ เฟสป้า
ผู้ถือหุ้น เฟสป้า คือ กลุ่มอุตสาหกรรม เฟสป้า ได้ลงทุนกว่าล้านเหรียญยูโรในอุตสาหกรรมการพิมพ์โลกมานานกว่า 7 ปี เพื่อส่งเสริมการเติบโตของตลาด ข้อมูลเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.fespa.com
การวิจัยอุตสาหกรรมการพิมพ์ของ เฟสป้า
เป็นโครงการวิจัยระดับโลก เพื่อสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมการพิมพ์หน้ากว้าง การพิมพ์สกรีน และการพิมพ์ระบบดิจิทัล เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และครบวงจรที่สุด การวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์เป็นหลายภาษาและสามารถติดตามรายละเอียดออนไลน์ได้ที่ www.fespa.com/completemycensus
งานแสดงสินค้าของ เฟสป้า ที่จะจัดขึ้นในปี 2561 และ 2561 ประกอบด้วย
FESPA Asia, 22-24 กุมภาพันธ์ 2018, ณ ไบเทค กรุงเทพฯ ประเทศไทย
FESPA Global Print Expo, 15-18 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
European Sign Expo, 15-18 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
FESPA Award, 16 พฤษภาคม 2018, ณ เมสเซ่ เบอร์ลิน เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
FESPA Africa, 12-14 กันยายน 2018, ณ กาลลาจ์เฮอร์ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้
FESPA Mexico, 19-21 กันยายน 2018, ณ เซ็นโทร ซิติบานาเม็กซ์ เมืองเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก
FESPA Eurasia, 6-9 ธันวาคม 2018, ณ ซีเอ็นอาร์ เอ็กซโป เมืองอีสตันบูล ประเทศตุรกี
FESPA Brasil, 20-23 มีนาคม 2019, ณ เอ็กซโป เซ็นเตอร์ นอร์ต เซาเปาลู ประเทศบราซิล
FESPA ANNOUNCES CONFERENCE PROGRAMME FOR FESPA ASIA 2018
The ASEAN region's premier event hosts over 20 insightful sessions for the wide format print and signage industries
FESPA Asia has released details of its conference programme ahead of the event taking place at the BITEC exhibition centre in Bangkok, Thailand, from 22-24 February 2018.
The conference programme has been created with the needs and interests of wide format print service providers (PSPs) and sign-makers in mind and will deliver key insights and market knowledge across digital, screen, industrial, textile and interior decor printing industries, as well as signage.
Delegates attending the seminars will hear exclusive insights from leading local consultants, listen to inspiring stories from end users, as well as pick up practical advice from respected industry leaders who will provide invaluable knowledge across a wide portfolio of printing applications. Visitors can attend the seminars, which will be presented in English and Thai, free of charge with a valid FESPA Asia 2018 entry ticket.
The FESPA Asia 2018 conference schedule compromises 23 individual sessions, starting at 11.00am on Thursday, 22 February and running until 14.30pm on Saturday, 24 February.
Seminars will include:
- Trends of on demand packaging for online shopping and online food delivery in Thailand by Supanee Sawangnet, Food Packaging Solutions Sales Manager, Thai Paper Co.,ltd (SCG Packaging)
- Hybrid digital technology (merging screen print and digital) by Mark Gervais, Director of Screen Print, Ningbo Shenzhou Knitting Co., LTD
- Gift and promotional product opportunities in the market by Mr Jiraboon Vityakraisign, President, Thai Gifts Premiums and Decorative Association
- How to start a successful direct to garment printing business by Dmitry Sarbaev, Managing Director, Fluxmall DTG Vietnam
- Hybrid printing for interior decoration by Cholokarn Visutipitakul, Marketing and Creative Director, Bodhi Tree Decor
The full FESPA Asia 2018 conference programme can be viewed at https://asia.fespa.com/seminars-2017
Roz Guarnori, Divisional Director, FESPA comments: "Our comprehensive seminar schedule at FESPA ASIA will provide visitors direct access to industry experts in a variety of fields. There is something for everyone – whether they're a wide format print service provider in the gift and retail sector, in the textile print business, or working in interior decor. Our visitors will be able to attend sessions and discussions that are most relevant to their business, while being inspired by insights from the wider print industry. It's a fantastic opportunity for our industry in the ASEAN region to come together to learn, collaborate and discuss the vision for the future of speciality printing."
World Wrap Masters Asia 2018
The Asia leg of the World Wrap Masters Series will return to Bangkok in 2018, where the best wrappers from around the world will showcase their skills to compete to win the title of World Wrap Master Asia 2018. World Wrap Masters Asia will be one of the main highlights at the event, and the contest is still open for entries. The winner, announced on Saturday 24 February 2018, will proceed to the World Wrap Masters Final at FESPA Global Print Expo in Berlin, Germany, from 15-18 May 2018 and will compete against the regional winners from Eurasia, Africa, Europe and Mexico.
For more details about the competition, visit https://asia.fespa.com/wrap-masters
This year's competition introduces the new World Wrap Masters judge, Vichai Nuchpoom, who has set a goal of using the global competition to help boost the knowledge of wrapping in his native Thailand. Nuchpoom is an expert in the field, with his company, Dang Sticker, regarded as one of the top wrapping businesses in Thailand, having been providing services for more than 40 years.
Visitors to the World Wrap Masters Asia also have the opportunity to network with professional wrap experts, as well as discuss the technical aspects of wrapping. Attendees will be able to enjoy free, live daily wrap demonstrations and workshops from tinting and wrap expert Ole Solskin Ravn who will share practical advice on cutting with knives and knifeless tape, wrapping with chrome, cold pre-stretch and triangles, as well as material considerations.
For more information on FESPA Asia 2018, visit www.fespa-asia.com. For free entry to the exhibition, register online using code: ASAM802
About FESPA
Founded in 1962, FESPA is a global federation of Associations for the screen printing, digital printing and textile printing community. FESPA's dual aim is to promote screen printing and digital imaging and to share knowledge about screen and digital printing with its members across the world, helping them to grow their businesses and learn about the latest developments in their fast growing industries.
FESPA Profit for Purpose
The shareholders of FESPA are the industry. FESPA has invested millions of Euros into the global printing community over the last seven years, supporting the growth of the market. For more information visit www.fespa.com
FESPA Print Census
The FESPA Print Census is a global research project to understand the wide format, screen and digital print community. It is the largest data gathering project of its kind. The survey is published in several languages and can be completed online: www.fespa.com/completemycensus
Forthcoming FESPA events include:
- FESPA Asia, 22-24 February 2018, BITEC, Bangkok, Thailand
- FESPA Global Print Expo, 15-18 May 2018, Messe Berlin, Berlin, Germany
- European Sign Expo, 15-18 May 2018, Messe Berlin, Berlin, Germany
- FESPA Awards, 16 May 2018, Berlin, Germany
- FESPA Africa, 12-14 September 2018, Gallagher Convention Centre, Johannesburg, South Africa
- FESPA Mexico, 19-21 September 2018, Centro Citibanamex, Mexico City, Mexico
- FESPA Eurasia, 6-9 December 2018, CNR Expo, Istanbul, Turkey
- FESPA Brasil, 20 – 23 March 2019, Expo Center Norte, S?o Paulo, Brazil
FESPA Asia has released details of its conference programme ahead of the event taking place at the BITEC exhibition centre in Bangkok, Thailand, from 22-24 February 2018.
The conference programme has been created with the needs and interests of wide format print service providers (PSPs) and sign-makers in mind and will deliver key insights and market knowledge across digital, screen, industrial, textile and interior decor printing industries, as well as signage.
Delegates attending the seminars will hear exclusive insights from leading local consultants, listen to inspiring stories from end users, as well as pick up practical advice from respected industry leaders who will provide invaluable knowledge across a wide portfolio of printing applications. Visitors can attend the seminars, which will be presented in English and Thai, free of charge with a valid FESPA Asia 2018 entry ticket.
The FESPA Asia 2018 conference schedule compromises 23 individual sessions, starting at 11.00am on Thursday, 22 February and running until 14.30pm on Saturday, 24 February.
Seminars will include:
- Trends of on demand packaging for online shopping and online food delivery in Thailand by Supanee Sawangnet, Food Packaging Solutions Sales Manager, Thai Paper Co.,ltd (SCG Packaging)
- Hybrid digital technology (merging screen print and digital) by Mark Gervais, Director of Screen Print, Ningbo Shenzhou Knitting Co., LTD
- Gift and promotional product opportunities in the market by Mr Jiraboon Vityakraisign, President, Thai Gifts Premiums and Decorative Association
- How to start a successful direct to garment printing business by Dmitry Sarbaev, Managing Director, Fluxmall DTG Vietnam
- Hybrid printing for interior decoration by Cholokarn Visutipitakul, Marketing and Creative Director, Bodhi Tree Decor
The full FESPA Asia 2018 conference programme can be viewed at https://asia.fespa.com/seminars-2017
Roz Guarnori, Divisional Director, FESPA comments: "Our comprehensive seminar schedule at FESPA ASIA will provide visitors direct access to industry experts in a variety of fields. There is something for everyone – whether they're a wide format print service provider in the gift and retail sector, in the textile print business, or working in interior decor. Our visitors will be able to attend sessions and discussions that are most relevant to their business, while being inspired by insights from the wider print industry. It's a fantastic opportunity for our industry in the ASEAN region to come together to learn, collaborate and discuss the vision for the future of speciality printing."
World Wrap Masters Asia 2018
The Asia leg of the World Wrap Masters Series will return to Bangkok in 2018, where the best wrappers from around the world will showcase their skills to compete to win the title of World Wrap Master Asia 2018. World Wrap Masters Asia will be one of the main highlights at the event, and the contest is still open for entries. The winner, announced on Saturday 24 February 2018, will proceed to the World Wrap Masters Final at FESPA Global Print Expo in Berlin, Germany, from 15-18 May 2018 and will compete against the regional winners from Eurasia, Africa, Europe and Mexico.
For more details about the competition, visit https://asia.fespa.com/wrap-masters
This year's competition introduces the new World Wrap Masters judge, Vichai Nuchpoom, who has set a goal of using the global competition to help boost the knowledge of wrapping in his native Thailand. Nuchpoom is an expert in the field, with his company, Dang Sticker, regarded as one of the top wrapping businesses in Thailand, having been providing services for more than 40 years.
Visitors to the World Wrap Masters Asia also have the opportunity to network with professional wrap experts, as well as discuss the technical aspects of wrapping. Attendees will be able to enjoy free, live daily wrap demonstrations and workshops from tinting and wrap expert Ole Solskin Ravn who will share practical advice on cutting with knives and knifeless tape, wrapping with chrome, cold pre-stretch and triangles, as well as material considerations.
For more information on FESPA Asia 2018, visit www.fespa-asia.com. For free entry to the exhibition, register online using code: ASAM802
About FESPA
Founded in 1962, FESPA is a global federation of Associations for the screen printing, digital printing and textile printing community. FESPA's dual aim is to promote screen printing and digital imaging and to share knowledge about screen and digital printing with its members across the world, helping them to grow their businesses and learn about the latest developments in their fast growing industries.
FESPA Profit for Purpose
The shareholders of FESPA are the industry. FESPA has invested millions of Euros into the global printing community over the last seven years, supporting the growth of the market. For more information visit www.fespa.com
FESPA Print Census
The FESPA Print Census is a global research project to understand the wide format, screen and digital print community. It is the largest data gathering project of its kind. The survey is published in several languages and can be completed online: www.fespa.com/completemycensus
Forthcoming FESPA events include:
- FESPA Asia, 22-24 February 2018, BITEC, Bangkok, Thailand
- FESPA Global Print Expo, 15-18 May 2018, Messe Berlin, Berlin, Germany
- European Sign Expo, 15-18 May 2018, Messe Berlin, Berlin, Germany
- FESPA Awards, 16 May 2018, Berlin, Germany
- FESPA Africa, 12-14 September 2018, Gallagher Convention Centre, Johannesburg, South Africa
- FESPA Mexico, 19-21 September 2018, Centro Citibanamex, Mexico City, Mexico
- FESPA Eurasia, 6-9 December 2018, CNR Expo, Istanbul, Turkey
- FESPA Brasil, 20 – 23 March 2019, Expo Center Norte, S?o Paulo, Brazil
อูโบลท์ จับมือ Depeche Mode เปิดตัวนาฬิกา 55 เรือน ในคอลเลคชั่น Big Bang สนับสนุนองค์กร charity: water
Depeche Mode หนึ่งในวงดนตรีสุดทรงอิทธิพล เป็นที่คลั่งไคล้ ทั้งยังมีผลงานเพลงขายดีที่สุดตลอดกาลด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลกนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวงเมื่อปี 2524 สำหรับปีที่ 37 ของการทำงาน Depeche Mode ได้ปล่อยบทเพลงยอดเยี่ยมออกมาแล้ว 55 เพลง นับตั้งแต่เพลง "Dreaming of Me" ในปี 2524 จนถึงเพลงล่าสุดในปีที่แล้วอย่าง "Cover Me" เพื่อยกย่องในความสำเร็จอันมหัศจรรย์นี้ อูโบลท์ ผู้ผลิตนาฬิกาสวิส จึงเปิดตัวนาฬิกา 55 เรือน ในคอลเลคชั่น Big Bang Unico ซึ่งยอดขายนาฬิกาทุกเรือนจะสมทบทุนให้กับองค์กรการกุศล charity: water ที่เป็นพันธมิตรของทั้งอูโบลท์ และ Depeche Mode
มาร์ติน กอร์ นักร้องนำแห่งวง Depeche Mode เปิดเผยว่า "เราได้รับเกียรติอย่างสูง และได้รับแรงบันดาลใจจากการสนับสนุนของอูโบลท์ที่มีต่อองค์กร charity: water ผ่านทางนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่เป็นอนุสรณ์ให้กับทุกบทเพลงของเรา"
ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของอูโบลท์ เพิ่มเติมว่า "Depeche Mode เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์เพลงร่วมสมัย เราสัมผัสได้ถึงความหลงใหล ความแข็งแกร่งกว่าที่เคย อีกทั้งความคิดสร้างสรรค์ที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งของพวกเขา อูโบลท์โชคดีที่ได้แบ่งปันคุณค่าเหล่านี้ร่วมกับ Depeche Mode ผ่านการทุ่มเทให้กับกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร charity: water คอลเลคชั่นนาฬิการุ่นใหม่อันแสนโดดเด่นทั้ง 55 เรือนนี้จะเป็นอนุสรณ์แด่การเดินทางอันแสนวิเศษของ Depeche Mode พร้อมเฉลิมฉลองให้กับความสนใจที่เรามีร่วมกันอย่างเหมาะเจาะ ที่ซึ่งนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้เติบโตขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง!"
ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของอูโบลท์ และ มาร์ติน กอร์ นักร้องนำแห่งวง Depeche Mode เปิดตัวนาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ณ ร้านบูติคของอูโบลท์ ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
นาฬิกาแต่ละเรือนประกอบด้วยแผ่นดิสก์บนหน้าปัดที่แสดงภาพหน้าปกอัลบั้มเพียงบางส่วน ขณะที่ด้านหลังตัวเรือนจะแสดงภาพปกอัลบั้มทั้งหมดรวมถึงโลโก้ของ charity: water ด้วย ซึ่งทั้ง 2 องค์ประกอบนี้จะประทับอยู่บนไพลินของกระจกหน้าปัดที่สอดรับกับกลไก UNICO อัตโนมัติอันเลื่องชื่อ นาฬิการุ่นนี้มีพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมงที่ผลิตโดยอูโบลท์ แต่ละเรือนล้วนเข้ากันเป็นอย่างดีกับสายนาฬิกาสีพิเศษสำหรับแต่ละรุ่น สมบูรณ์แบบด้วยสายรัดข้อมือสีเดียวกัน รวมถึงแกนสลักยางที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวเพลงร็อกแอนด์โรล
charity: water เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งมีพันธกิจส่งมอบน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยให้กับผู้คนในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก Depeche Mode และอูโบลท์ ได้สนับสนุนองค์กรดังกล่าวอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2556 โดยความร่วมมือครั้งแรกคือการนำน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยมอบแด่ประชาชนกว่า 30,000 ชีวิตในเนปาลและเอธิโอเปีย
ทั้งนี้ รายได้สุทธิจากการจำหน่ายนาฬิกา 55 เรือนดังกล่าวจะมอบให้กับ charity: water ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการด้านการกุศลระหว่าง Depeche Mode อูโบลท์ และองค์กร charity: water
มาร์ติน กอร์ นักร้องนำแห่งวง Depeche Mode เปิดเผยว่า "เราได้รับเกียรติอย่างสูง และได้รับแรงบันดาลใจจากการสนับสนุนของอูโบลท์ที่มีต่อองค์กร charity: water ผ่านทางนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่เป็นอนุสรณ์ให้กับทุกบทเพลงของเรา"
ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของอูโบลท์ เพิ่มเติมว่า "Depeche Mode เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์เพลงร่วมสมัย เราสัมผัสได้ถึงความหลงใหล ความแข็งแกร่งกว่าที่เคย อีกทั้งความคิดสร้างสรรค์ที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งของพวกเขา อูโบลท์โชคดีที่ได้แบ่งปันคุณค่าเหล่านี้ร่วมกับ Depeche Mode ผ่านการทุ่มเทให้กับกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร charity: water คอลเลคชั่นนาฬิการุ่นใหม่อันแสนโดดเด่นทั้ง 55 เรือนนี้จะเป็นอนุสรณ์แด่การเดินทางอันแสนวิเศษของ Depeche Mode พร้อมเฉลิมฉลองให้กับความสนใจที่เรามีร่วมกันอย่างเหมาะเจาะ ที่ซึ่งนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้เติบโตขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง!"
ริคาร์โด กัวดาลูป ซีอีโอของอูโบลท์ และ มาร์ติน กอร์ นักร้องนำแห่งวง Depeche Mode เปิดตัวนาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ณ ร้านบูติคของอูโบลท์ ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
นาฬิกาแต่ละเรือนประกอบด้วยแผ่นดิสก์บนหน้าปัดที่แสดงภาพหน้าปกอัลบั้มเพียงบางส่วน ขณะที่ด้านหลังตัวเรือนจะแสดงภาพปกอัลบั้มทั้งหมดรวมถึงโลโก้ของ charity: water ด้วย ซึ่งทั้ง 2 องค์ประกอบนี้จะประทับอยู่บนไพลินของกระจกหน้าปัดที่สอดรับกับกลไก UNICO อัตโนมัติอันเลื่องชื่อ นาฬิการุ่นนี้มีพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมงที่ผลิตโดยอูโบลท์ แต่ละเรือนล้วนเข้ากันเป็นอย่างดีกับสายนาฬิกาสีพิเศษสำหรับแต่ละรุ่น สมบูรณ์แบบด้วยสายรัดข้อมือสีเดียวกัน รวมถึงแกนสลักยางที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวเพลงร็อกแอนด์โรล
charity: water เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งมีพันธกิจส่งมอบน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยให้กับผู้คนในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก Depeche Mode และอูโบลท์ ได้สนับสนุนองค์กรดังกล่าวอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2556 โดยความร่วมมือครั้งแรกคือการนำน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยมอบแด่ประชาชนกว่า 30,000 ชีวิตในเนปาลและเอธิโอเปีย
ทั้งนี้ รายได้สุทธิจากการจำหน่ายนาฬิกา 55 เรือนดังกล่าวจะมอบให้กับ charity: water ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการด้านการกุศลระหว่าง Depeche Mode อูโบลท์ และองค์กร charity: water
Hublot and Depeche Mode to Release a Collector's Edition Series of 55 Unique Big Bang Watches to Benefit charity: water, Inspired by Each of the Band's 55 Singles
One of the most influential, beloved and best-selling musical acts of all time, Depeche Mode have sold over 100 million records worldwide and have played to more than 30 million fans since their formation in 1981. And, in their 37 year career, Depeche Mode have released an incredible 55 singles, from "Dreaming of Me" in 1981 to last year's release of "Cover Me". In tribute to this incredible achievement, the Swiss watchmaker Hublot introduces a collection of 55 unique pieces of its Big Bang Unico model, all to benefit Hublot and Depeche Mode's charity partner charity: water.
"We are greatly honoured and moved by Hublot's support of charity: water with this new collection of watches commemorating all of our singles." - Martin Gore, Depeche Mode
"Depeche Mode are iconic in the history of contemporary music. We identify with their passion, stronger now than ever, and with their constantly growing creativity. We are lucky enough to share many values with them, including thecommitment to the activities of the charity: water NGO. This new and unique collection of 55 different pieces plays tribute to their incredible career while aptly celebrating our common ground. A new collector's edition grew out of this!" - Ricardo Guadalupe, CEO of Hublot
The limited-edition series was announced at the Hublot boutique in Milan, Italy by Ricardo Guadalupe, CEO of Hublot watches, and Martin Gore of Depeche Mode.
Each of the watches features, on its dial, a disc that partially shows the image of the record cover it represents. The back of each watch features the entire cover of the single as well as the charity: water logo. These two elements are imprinted on the sapphire of the glass opening onto the famous automatic UNICO movement. Produced by the Hublot manufacture, it provides a power reserve of 72 hours. Each piece will be fitted with a strap in a colour specific to each model, completed with cuff straps in the same hue, and rock-and-roll-inspired rubber studs.
charity: water, based in New York City, is a non-profit organization whose mission is to bring clean and safe drinking water to people in developing countries worldwide. Depeche Mode and Hublot have actively supported charity: water since 2013, with their first partnership bringing safe, clean water to over 30,000 people in Nepal and Ethiopia.
Net proceeds from the sale of the 55 unique pieces will go to charity: water, as part of the larger charity initiative between Depeche Mode, Hublot and charity: water.
"We are greatly honoured and moved by Hublot's support of charity: water with this new collection of watches commemorating all of our singles." - Martin Gore, Depeche Mode
"Depeche Mode are iconic in the history of contemporary music. We identify with their passion, stronger now than ever, and with their constantly growing creativity. We are lucky enough to share many values with them, including thecommitment to the activities of the charity: water NGO. This new and unique collection of 55 different pieces plays tribute to their incredible career while aptly celebrating our common ground. A new collector's edition grew out of this!" - Ricardo Guadalupe, CEO of Hublot
The limited-edition series was announced at the Hublot boutique in Milan, Italy by Ricardo Guadalupe, CEO of Hublot watches, and Martin Gore of Depeche Mode.
Each of the watches features, on its dial, a disc that partially shows the image of the record cover it represents. The back of each watch features the entire cover of the single as well as the charity: water logo. These two elements are imprinted on the sapphire of the glass opening onto the famous automatic UNICO movement. Produced by the Hublot manufacture, it provides a power reserve of 72 hours. Each piece will be fitted with a strap in a colour specific to each model, completed with cuff straps in the same hue, and rock-and-roll-inspired rubber studs.
charity: water, based in New York City, is a non-profit organization whose mission is to bring clean and safe drinking water to people in developing countries worldwide. Depeche Mode and Hublot have actively supported charity: water since 2013, with their first partnership bringing safe, clean water to over 30,000 people in Nepal and Ethiopia.
Net proceeds from the sale of the 55 unique pieces will go to charity: water, as part of the larger charity initiative between Depeche Mode, Hublot and charity: water.
"วาคอม" เปิดตัว Bamboo Tip ปากกาสไตลัสสำหรับ Android และ iOS
Bamboo Tip คือปากกาสไตลัสหัวเล็กใช้ข้ามอุปกรณ์ได้ ผู้ใช้จึงสามารถจดบันทึกบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหน้าจอทัชสกรีนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
วาคอม เปิดตัว Bamboo Tip ปากกาสไตลัสหัวเล็กรุ่นใหม่ใช้ได้กับอุปกรณ์ทั้ง Android และ iOS เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องจดบันทึกและทำงานบนอุปกรณ์หลายเครื่อง แต่เหนื่อยหน่ายกับปัญหาการจับคู่อุปกรณ์ Bamboo Tip ใช้งานง่ายและรวดเร็วบนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Android, iPhone หรือ iPad โดยที่ไม่ต้องจับคู่ใหม่เมื่อสลับอุปกรณ์ จึงเป็นปากกาสไตลัสคู่ใจสำหรับทุกคนที่ต้องการความคล่องตัว
ไมค์ เกย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจผู้บริโภคของวาคอม กล่าวว่า "ในโลกที่เชื่อมถึงกันอย่างเช่นทุกวันนี้ หลายคนใช้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต และใช้ระบบปฏิบัติการต่างๆ เพื่อบันทึกไอเดีย ผลการสังเกต ไปจนถึงแผนงานหรือแผนท่องเที่ยว Bamboo Tip จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับอุปกรณ์และระบปฏิบัติการได้อย่างไร้รอยต่อเพื่อทำภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบัน บรรดาผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการต่างทำให้อุปกรณ์ของตนมีความสามารถในการจดบันทึกและขีดเขียนมากขึ้น และ Bamboo Tip ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์มากที่สุดจากความสามารถของอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มผลของงานและเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นความจริง
Bamboo Tip ได้รับการรังสรรค์ขึ้นจากประสบการณ์นานนับสิบปีของวาคอมในด้านเทคโนโลยีปากกาและปากกาสไตลัส เพื่อการสัมผัสหน้าจอทัชสกรีนที่แม่นยำมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับอุปกรณ์โดยไม่ต้องรอให้อุปกรณ์จับคู่กับปากกาสไตลัส นั่นหมายความว่า ผู้ใช้สามารถจดบันทึกบน iPhone ร่างภาพบน ipad และนำเสนอไอเดียแก่เพื่อนร่วมงานบนอุปกรณ์ Android ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้สามารถจดจ่อกับไอเดียที่อยู่ตรงหน้า แทนที่จะต้องวุ่นวายกับการจับคู่อุปกรณ์
Bamboo Tip มาพร้อมความแข็งแรงและความสะดวกสบาย ด้วยด้ามจับชุบอะลูมิเนียมสีน้ำเงินกรมท่าสง่างามและคลิปปากกาสุดทนทาน มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมงและชาร์จง่าย จึงพกพาไปไหนมาไหนสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องไปนู่นมานี่ทั้งวันและไม่สะดวกที่จะชาร์จแบต ทั้งนี้ หลังจากชาร์จครั้งแรก เพียงแค่กดปุ่มเปิดปากกาก็พร้อมใช้งาน และจะปิดการทำงานเองหากไม่มีการใช้งานหลายนาที หรือจะกดปุ่มค้างเพื่อปิดการใช้งานก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถกดสวิตช์บริเวณด้านบนของปากกาเพื่อปรับค่าความถี่ที่ปากกาสื่อสารกับตัวอุปกรณ์
ราคาและการวางจำหน่าย
Bamboo Tip จำหน่ายในราคา 49.95 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์และร้านค้าได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป
ราคาในสกุลเงินอื่นอยู่ที่ 59.90 ยูโร* และ 6,280 เยน
*ราคายูโรรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่รองรับ สามารถดูได้ที่ www.wacom.com/comp
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทวาคอม
บริษัท วาคอม ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 เป็นบริษัทระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว: 6727) โดยมีสาขาและบริษัทในเครือกระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อรองรับงานด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ วิสัยทัศน์ของวาคอมคือการลดช่องว่างระหว่างผู้คนกับเทคโนโลยีผ่านทางเทคโนโลยีอินเทอร์เฟสที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติ ทำให้วาคอมกลายเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านแท็บเล็ตพร้อมปากกาและจอแสดงผลแบบอินเตอร์แอคทีฟ รวมทั้งสไตลัสและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลต่างๆ ที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลงนามแบบดิจิทัล จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีอันทันสมัยในอุปกรณ์รับข้อมูลป้อนเข้าที่ใช้งานง่ายของวาคอมถูกนำไปใช้สร้างสรรค์สุดยอดผลงานด้านศิลปะดิจิทัล ภาพยนตร์ สเปเชียลเอฟเฟกต์ แฟชั่น และการออกแบบทั่วโลก ทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรธุรกิจมีเทคโนโลยีอินเทอร์เฟสชั้นนำในการนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะตนได้อย่างชัดเจน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.wacom.com
Seraphim รับหน้าที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์รุ่น Eclipse (TM) ให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5MW ในประเทศจีน
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดินแห่งแรกที่มุงหลังคาด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการไจ้เหอหยวน (Zhaiheyuan Project) เชื่อมต่อกับสายไฟฟ้าในเมืองจี๋หยวน มณฑลเหอหนานได้เป็นผลสำเร็จ โครงการไจ้เหอหยวนขนาดกำลังผลิต 5 เมกะวัตต์แห่งนี้ ถือเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดที่ใช้นวัตกรรมการมุงหลังคาด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ซึ่งเป็นผลงานของ Jiangsu Seraphim Solar System Co., Ltd. ("Seraphim") ทั้งหมด
ปัจจุบันโครงการไจ้เหอหยวนซึ่งพัฒนาโดย Henan Nuanhuang Photovoltaic สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เกินกว่า 7 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ต่อปี ด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์รุ่น Poly Eclipse [TM] ของ Seraphim ซึ่งมีความสามารถในการผลิตพลังงาน 300 วัตต์ จำนวน 16,000 แผง โดยหลังจากโครงการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 7,781 ตันต่อปี
ไจ้เหอหยวนเป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านย้ายมาจากอ่างเก็บน้ำ River Mouth Reservoir โดยในวันที่โครงการดังกล่าวเชื่อมต่อกับสายไฟฟ้าในเมืองจี๋หยวน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เมืองจี๋หยวนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองได้เดินทางมาร่วมพิธีปล่อยกระแสไฟฟ้าด้วย และในโอกาสนี้ผู้นำจากคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ได้ให้ความเห็นว่าการปฏิรูปที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิดนั้นก็เพื่อทำให้ประเทศจีนมีความงดงามมากขึ้น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ในไจ้เหอหยวนไม่เพียงแต่ช่วยตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญและมาตรฐานระดับประเทศของจีนอีกด้วย
แผงเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงรุ่น Seraphim Eclipse[TM] ที่ถูกเลือกมาใช้ในโครงการนี้ ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์อย่างกว้างขวางในด้านนวัตกรรมและความคุ้มค่า โดยฐานที่ติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์รุ่น Eclipse[TM] ทั้งในและต่างประเทศในปัจจุบันสามารถผลิตพลังงานได้เกินกว่า 120 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ หลังผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดในเดือนพ.ค.2559 ผลิตภัณฑ์แผงเซลล์แสงอาทิตย์รุ่น Eclipse[TM] ได้กลายเป็นโมดูลประสิทธิภาพสูงที่ใช้เทคโนโลยีมุงหลังคาด้วยเซลล์ตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก TUV SUD และเมื่อเทียบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วๆไปแล้ว พบว่าสามารถผลิตพลังงานได้มากขึ้นอย่างน้อย 15% โดยปัจจุบันแผงเซลล์แสงอาทิตย์รุ่น Mono Eclipse[TM] สามารถผลิตพลังงานได้ 325 วัตต์ และมีประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 19.1% ขณะที่รุ่น Poly Eclipse[TM] สามารถผลิตพลังงานได้ 305 วัตต์ และมีประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 17.9% นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์รุ่น Eclipse[TM] จะใช้พื้นที่ในการติดตั้งลดลง 8% ซึ่งช่วยประหยัดค่าแรงและค่าอุปกรณ์ติดตั้งลงได้ตามสัดส่วน
เกี่ยวกับ Seraphim
Seraphim เป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก ด้วยกำลังการผลิตรวม 3 กิกะวัตต์ (GW) ทั่วโลก Seraphim เป็นองค์กรขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแผงเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูง Seraphim สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีทั้งความคุ้มค่าและคุณภาพสูงด้วยทีมวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันบริษัทมีแผงเซลล์แสงอาทิตย์มากกว่า 4 กิกะวัตต์ติดตั้งอยู่ใน 30 ประเทศ กลยุทธ์ระดับโลกของ Seraphim คือการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และมีส่วนร่วมในการสร้างโลกสีเขียวและความสมัครสมานกลมเกลียวของผู้คนบนโลก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.seraphim-energy.com
KCP Energy Saving บรรลุข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทจากจีน
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท KCP Energy Saving จำกัด ในประเทศไทย ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch และบริษัท Hengli Shengtai Graphene Technology โดยคุณ Alexandra Davis กรรมการบริษัท KCP กล่าวว่า แกรไฟต์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของธาตุคาร์บอน มีมูลค่าเชิงพาณิชย์และสามารถนำไปใช้งานเชิงอุตสาหกรรมได้อย่างหลากหลาย ทั้งในอุตสาหกรรมโลหะ เคมี เครื่องจักร เครื่องมือแพทย์ นิวเคลียร์ ยานยนต์ อากาศยาน ฯลฯ ขณะเดียวกัน แกรฟีนนาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของการใช้งานแกรไฟต์ ก็สามารถนำไปใช้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จเร็วสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ ข้อตกลงข้างต้นระบุว่า KCP จะร่วมมือกับบริษัทจากมณฑลฝูเจี้ยน เพื่อส่งเสริมการใช้แกรฟีนนาโนเทคโนโลยี
ในช่วงทศวรรษ 1760 เครื่องจักรไอน้ำได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน รูโหว่ในชั้นโอโซน ภาวะขาดแคลนพลังงาน และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม รัฐบาลนานาประเทศเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่เทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด
KCP, Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch และ Hengli Shengtai จะร่วมกันสนับสนุนการใช้แกรฟีนนาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่จะช่วยแก้ปัญหาประสิทธิภาพการผลิตต่ำและแบตเตอรี่ลิเธียมคุณภาพต่ำ ทั้งยังสามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมได้ในปริมาณมากด้วย ทั้งนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
KCP มุ่งมั่นตั้งใจที่จะใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ KCP มีความก้าวหน้าอย่างมากในการบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาด้านการวิจัย ซึ่งประกอบด้วยเจ้าของรางวัลโนเบลอย่างศาสตราจารย์ Konstantin Novoselov และศาสตราจารย์ Andre Geim แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์
คุณ Alexandra Davis กล่าวว่า KCP จะใช้ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเต็มที่ และประสบการณ์อันโชกโชน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ในช่วงทศวรรษ 1760 เครื่องจักรไอน้ำได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน รูโหว่ในชั้นโอโซน ภาวะขาดแคลนพลังงาน และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม รัฐบาลนานาประเทศเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่เทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมได้ทั้งหมด
KCP, Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch และ Hengli Shengtai จะร่วมกันสนับสนุนการใช้แกรฟีนนาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่จะช่วยแก้ปัญหาประสิทธิภาพการผลิตต่ำและแบตเตอรี่ลิเธียมคุณภาพต่ำ ทั้งยังสามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมได้ในปริมาณมากด้วย ทั้งนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
KCP มุ่งมั่นตั้งใจที่จะใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ KCP มีความก้าวหน้าอย่างมากในการบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาด้านการวิจัย ซึ่งประกอบด้วยเจ้าของรางวัลโนเบลอย่างศาสตราจารย์ Konstantin Novoselov และศาสตราจารย์ Andre Geim แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์
คุณ Alexandra Davis กล่าวว่า KCP จะใช้ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเต็มที่ และประสบการณ์อันโชกโชน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปกป้องสิ่งแวดล้อม
Monday, January 29, 2018
“เบบี้แครอทครีม” ครีมดังในโลกออนไลน์ บุกตลาดนัดสวนจตุจักร แจกจริง ให้จริง ฟรี! 1,000 คน 1,000 ซอง กับโรดโชว์แรก
เรียกกระแสความร้อนแรงได้ตั้งแต่ต้นปีสำหรับ "เบบี้แครอทครีม" ครีมซองที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในโลกโซเชียล เลือกบุกเซอร์ไพรส์ฐานแฟนคลับ พบปะกับผู้ใช้จริงและผู้ใช้หน้าใหม่ ด้วยแคมเปญแรก "BABY CARROT ROADSHOW" โรดโชว์ที่สร้างสีสันให้กับวันเสาร์ @ตลาดนัดสวนจตุจักร ให้ดูสดใส คึกครื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นำโดยกองทัพหนุ่มสาวหน้าใส ที่เดินท้าลมร้อน ไปแจก "เบบี้แครอทครีม" แบบถึงมือสาวๆ เป็นจำนวน 1,000 ซอง ด้วยขนาดจำหน่ายจริง เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผิว ปัญหาสิวหรือคนที่อยากดูแลผิวหน้า ได้นำ "เบบี้แครอทครีม" ไปทดลองใช้จริงกันแบบฟรีๆ
โดยกิจกรรม BABY CARROT ROADSHOW "เบบี้แครอทไปที่ไหนหน้าใส 1,000 คน" เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. หนุ่มสาวพร้อมด้วยทีมงานเบบี้แครอท ได้เดินขบวนสร้างความสนุกสนานตลอดเส้นทางรอบๆ ตลาดนัดสวนจตุจักร โดยเป้าหมายแคมเปญนี้คือการได้แจกเบบี้แครอทครีม ให้กับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่สนใจได้นำกลับไปทดลองใช้ มีเสียงประชาสัมพันธ์ตลอดงาน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาผิวที่เกิดจากมลภาวะ สารเคมีตกค้าง ที่นำไปสู่ปัญหาผิวอ่อนแอ สิวเรื้อรังในที่สุด
BABY CARROT CREAM จึงเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น ด้วยครีมเนื้อนุ่ม ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแล ขจัดปัญหาผิวโดยเฉพาะ ในราคาเพียง 69 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้อย่างต่อเนื่อง สารสกัดจากธรรมชาติแท้ๆ ดูแลผิวแบบไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งเบบี้แครอทครีมนี้เองเป็นตัวช่วยเปลี่ยน "ผิว" ให้กับผู้คนมาแล้วทั่วประเทศ พร้อมกับมีตัวแทนจำหน่ายกระจายสินค้า ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ภาคใด? ก็สามารถซื้อสินค้าได้กับตัวแทนจำหน่ายที่มีใบรับรองได้ทันที จัดส่งถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องเดินทางไปซื้อหรือออกแดดไปจ่ายเงิน
สำหรับใครที่พลาด "BABY CARROT ROADSHOW" ครั้งที่ 1 ไป ไม่ต้องเสียใจ เพราะเบบี้แครอท ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินทางไปแจกเบบี้แครอทครีม ให้ครบทุกแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ หากต้องการติดตามข้อมูลข่าวสาร / สั่งซื้อเบบี้แครอทครีม / สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/WonderfulskinThailand/
แล้วพบกันใหม่! ครั้งต่อไปกับ "BABY CARROT ROADSHOW"
เบบี้แครอทไปที่ไหนหน้าใส 1,000 คน
นำโดยกองทัพหนุ่มสาวหน้าใส ที่เดินท้าลมร้อน ไปแจก "เบบี้แครอทครีม" แบบถึงมือสาวๆ เป็นจำนวน 1,000 ซอง ด้วยขนาดจำหน่ายจริง เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผิว ปัญหาสิวหรือคนที่อยากดูแลผิวหน้า ได้นำ "เบบี้แครอทครีม" ไปทดลองใช้จริงกันแบบฟรีๆ
โดยกิจกรรม BABY CARROT ROADSHOW "เบบี้แครอทไปที่ไหนหน้าใส 1,000 คน" เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. หนุ่มสาวพร้อมด้วยทีมงานเบบี้แครอท ได้เดินขบวนสร้างความสนุกสนานตลอดเส้นทางรอบๆ ตลาดนัดสวนจตุจักร โดยเป้าหมายแคมเปญนี้คือการได้แจกเบบี้แครอทครีม ให้กับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่สนใจได้นำกลับไปทดลองใช้ มีเสียงประชาสัมพันธ์ตลอดงาน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาผิวที่เกิดจากมลภาวะ สารเคมีตกค้าง ที่นำไปสู่ปัญหาผิวอ่อนแอ สิวเรื้อรังในที่สุด
BABY CARROT CREAM จึงเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น ด้วยครีมเนื้อนุ่ม ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแล ขจัดปัญหาผิวโดยเฉพาะ ในราคาเพียง 69 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้อย่างต่อเนื่อง สารสกัดจากธรรมชาติแท้ๆ ดูแลผิวแบบไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งเบบี้แครอทครีมนี้เองเป็นตัวช่วยเปลี่ยน "ผิว" ให้กับผู้คนมาแล้วทั่วประเทศ พร้อมกับมีตัวแทนจำหน่ายกระจายสินค้า ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ภาคใด? ก็สามารถซื้อสินค้าได้กับตัวแทนจำหน่ายที่มีใบรับรองได้ทันที จัดส่งถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องเดินทางไปซื้อหรือออกแดดไปจ่ายเงิน
สำหรับใครที่พลาด "BABY CARROT ROADSHOW" ครั้งที่ 1 ไป ไม่ต้องเสียใจ เพราะเบบี้แครอท ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินทางไปแจกเบบี้แครอทครีม ให้ครบทุกแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ หากต้องการติดตามข้อมูลข่าวสาร / สั่งซื้อเบบี้แครอทครีม / สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/WonderfulskinThailand/
แล้วพบกันใหม่! ครั้งต่อไปกับ "BABY CARROT ROADSHOW"
เบบี้แครอทไปที่ไหนหน้าใส 1,000 คน
Honor Opens its First Flagship Store in Myanmar
YANGON, Myanmar--29 Jan--PRNewswire/InfoQuest
- Marking significant milestone for Honor's Southeast Asia expansion journey
Honor, a young, innovative, and trend-setting brand, today opens its first flagship store in Yangon, Myanmar. As the first oversea store opened in 2018, it marks a new chapter in Honor's market expansion in Southeast Asia region.
"This flagship store is a symbol of our dedication to consumers in Myanmar. We are excited to play an influential role in this region and see what Myanmar consumers make of Honor's unique brand DNA," said George Zhao, President of Honor. "Today's opening is a significant milestone for Honor's Southeast Asia expansion journey. Globally, we are confident that we will see Honor rise to become a Top 5 smartphone brand within three years, and a Top 3 within the next five years."
As a global leading e-brand for digital natives, Honor is dedicated to bringing unrivaled products with unbeatable prices to every consumer. All the products launched by Honor embodied the most trendy and cool features back at each time-period, and within young people's affordability. It's rare to see phones with so much great specifications at accessible price level, without falling behind in the intense smartphone race. The flagship store will open with four of Honor's top-rated products:
1. Honor 7X - Honor's first FullView Display smartphone is perfect for gamers who want a stunning display
2. Honor V9 Play - this minimalist Scandinavian style smartphone is great for those who love sleek design as much as a smooth user experience
3. Honor 6X - this beast of budget technology is the smartphone of choice for digital natives
4. Honor Holly 6 - this high-performance smartphone comes in at an irresistible price point, perfect as an affordable option
"Like all of Honor's products, these four phones are pioneers in three key areas, they all have completely new tech features, aesthetics and they are ready-made for a new generation of digital natives," said George Zhao. "We look forward to bringing even more iconic Honor products to Myanmar."
To celebrate the opening, visitors to the Honor Myanmar flagship store will have the chance to win various door prizes. The first 50 customers visiting the store on the opening day, January 28 received a pair of Honor earphones for free!
All visitors could participate in a free lucky draw on the opening day to stand a chance of winning one of a range of high value Honor gadgets, including 8 mobile phones, 20 smart wristbands and a selection of other Honor prizes. Customers who purchased an Honor mobile phone on the day of opening were given secret gifts and a gift voucher worth MMK 10,000.
Come and visit Honor's flagship store at No.139, Latha Street Middle Block, Latha Township, Yangon, and be the first to try out these cool gadgets!
The release is also available in Burmese language, to view it, click here .
About Honor
Honor is a leading smartphone e-brand under the Huawei Group. In line with its slogan, "For the Brave", the brand was created to meet the needs of digital natives through internet-optimized products that offer superior user experiences, inspire action, foster creativity and empower the young to achieve their dreams. In doing this, Honor has set itself apart by showcasing its own bravery to do things differently and to take the steps needed to usher in the latest technologies and innovations for its customers.
For more information, please visit Honor online at www.hihonor.com / www.hihonor.com/mm/index.html or follow us on:
https://www.facebook.com/honorglobal/
https://www.facebook.com/HonorMyanmar/
https://twitter.com/Honorglobal
https://www.instagram.com/honorglobal/
https://www.youtube.com/honorglobal
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043015-1-a
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043015-1-c
- Marking significant milestone for Honor's Southeast Asia expansion journey
Honor, a young, innovative, and trend-setting brand, today opens its first flagship store in Yangon, Myanmar. As the first oversea store opened in 2018, it marks a new chapter in Honor's market expansion in Southeast Asia region.
"This flagship store is a symbol of our dedication to consumers in Myanmar. We are excited to play an influential role in this region and see what Myanmar consumers make of Honor's unique brand DNA," said George Zhao, President of Honor. "Today's opening is a significant milestone for Honor's Southeast Asia expansion journey. Globally, we are confident that we will see Honor rise to become a Top 5 smartphone brand within three years, and a Top 3 within the next five years."
As a global leading e-brand for digital natives, Honor is dedicated to bringing unrivaled products with unbeatable prices to every consumer. All the products launched by Honor embodied the most trendy and cool features back at each time-period, and within young people's affordability. It's rare to see phones with so much great specifications at accessible price level, without falling behind in the intense smartphone race. The flagship store will open with four of Honor's top-rated products:
1. Honor 7X - Honor's first FullView Display smartphone is perfect for gamers who want a stunning display
2. Honor V9 Play - this minimalist Scandinavian style smartphone is great for those who love sleek design as much as a smooth user experience
3. Honor 6X - this beast of budget technology is the smartphone of choice for digital natives
4. Honor Holly 6 - this high-performance smartphone comes in at an irresistible price point, perfect as an affordable option
"Like all of Honor's products, these four phones are pioneers in three key areas, they all have completely new tech features, aesthetics and they are ready-made for a new generation of digital natives," said George Zhao. "We look forward to bringing even more iconic Honor products to Myanmar."
To celebrate the opening, visitors to the Honor Myanmar flagship store will have the chance to win various door prizes. The first 50 customers visiting the store on the opening day, January 28 received a pair of Honor earphones for free!
All visitors could participate in a free lucky draw on the opening day to stand a chance of winning one of a range of high value Honor gadgets, including 8 mobile phones, 20 smart wristbands and a selection of other Honor prizes. Customers who purchased an Honor mobile phone on the day of opening were given secret gifts and a gift voucher worth MMK 10,000.
Come and visit Honor's flagship store at No.139, Latha Street Middle Block, Latha Township, Yangon, and be the first to try out these cool gadgets!
The release is also available in Burmese language, to view it, click here .
About Honor
Honor is a leading smartphone e-brand under the Huawei Group. In line with its slogan, "For the Brave", the brand was created to meet the needs of digital natives through internet-optimized products that offer superior user experiences, inspire action, foster creativity and empower the young to achieve their dreams. In doing this, Honor has set itself apart by showcasing its own bravery to do things differently and to take the steps needed to usher in the latest technologies and innovations for its customers.
For more information, please visit Honor online at www.hihonor.com / www.hihonor.com/mm/index.html or follow us on:
https://www.facebook.com/honorglobal/
https://www.facebook.com/HonorMyanmar/
https://twitter.com/Honorglobal
https://www.instagram.com/honorglobal/
https://www.youtube.com/honorglobal
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043015-1-a
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043015-1-c
งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ CIFF ครั้งที่ 41 เตรียมเปิดฉากที่กว่างโจว ชูแนวคิด “เข้าใจ ตีความ และนำเสนอ”
งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและแพลตฟอร์มธุรกิจที่สำคัญที่สุดในเอเชีย China International Furniture Fair หรือ CIFF ประจำฤดูใบไม้ผลิ เตรียมเปิดฉากที่เมืองกว่างโจว โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟสตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ สำหรับเฟสแรกจะเริ่มขึ้นในวันที่ 18-21 มี.ค. และเฟสที่สองจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มี.ค.
การทำความเข้าใจตลาดเพื่อประมวลแนวโน้มของอุตสาหกรรม และการส่งมอบโซลูชั่นที่สมบูรณ์ทั้งในแง่ของรูปแบบ คุณภาพ และราคา ทำให้งาน CIFF กลายเป็นบรรทัดฐานสากลของการจัดมหกรรมในภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ให้เติบโตและมีความทันสมัยเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับทั้งผู้ร่วมจัดแสดงและผู้มาเยี่ยมชมงาน
งาน CIFF ครั้งที่ 41 นี้ได้รับความสนใจอย่างล้มหลาม โดยมหกรรมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้มาร่วมจัดแสดงทั้ง 4,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่จัดงาน 750,000 ตารางเมตร มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ในการตกแต่งบ้านทั้งหลัง พร้อมนำเสนอแง่มุมสำคัญๆในภาคอุตสาหกรรมให้กับผู้มาชมงานซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 190,000 คน
งาน CIFF เฟสแรกจะนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรทั้งสไตล์คลาสสิกและทันสมัย โดยจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆให้เลือกมากมายหลายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านและเคหะสิ่งทอ ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้งานกลางแจ้งและสันทนาการ
ปรับแต่งตามความต้องการ + มีปฏิสัมพันธ์ + การออกแบบ
นี่คือแนวทางการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ แต่เพื่อให้เป็นตามแนวทางที่ลูกค้ากำลังมองหา
ผลิตภัณฑ์ต่างๆสามารถนำเสนอให้บริการให้กับผู้ใช้งานได้ด้วยตัวมันเอง โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง Internet of Things (IoT) คลาวด์คอมพิวติ้ง และชิปอัจฉริยะ แฝงด้วยการออกแบบอย่างมีสเน่ห์
ความหรูหราที่คุ้มค่า
ผลิตภัณฑ์มากคุณภาพที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายระดับสูงและดีไซน์อันหรูหรา ในขณะเดียวกันก็มีราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ และยังผสมผสานการใช้งานกับผลิตภัณฑ์อื่นๆได้อย่างง่ายดาย
การส่งออก
ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระบุว่า มูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค. 2560 อยู่ที่ 1.264 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.2%
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบรรดาผู้ซื้อจากนานาประเทศ พื้นที่พักผ่อนอย่างห้องทานอาหารและห้องนั่งเล่นจะรวมถูกไว้ในที่เดียวกันพร้อมเก้าอี้นวมและที่นอน เพื่อให้มั่นใจว่าการมาเยือนของผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกจะเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบาย
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ciff-gz.com
งานแสดงเฟอร์นิเจอร์ CIFF ครั้งที่ 41 ภายใต้แนวคิด เข้าใจ ตีความ นำเสนอ
การทำความเข้าใจตลาดเพื่อประมวลแนวโน้มของอุตสาหกรรม และการส่งมอบโซลูชั่นที่สมบูรณ์ทั้งในแง่ของรูปแบบ คุณภาพ และราคา ทำให้งาน CIFF กลายเป็นบรรทัดฐานสากลของการจัดมหกรรมในภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ให้เติบโตและมีความทันสมัยเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับทั้งผู้ร่วมจัดแสดงและผู้มาเยี่ยมชมงาน
งาน CIFF ครั้งที่ 41 นี้ได้รับความสนใจอย่างล้มหลาม โดยมหกรรมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้มาร่วมจัดแสดงทั้ง 4,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่จัดงาน 750,000 ตารางเมตร มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ในการตกแต่งบ้านทั้งหลัง พร้อมนำเสนอแง่มุมสำคัญๆในภาคอุตสาหกรรมให้กับผู้มาชมงานซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 190,000 คน
งาน CIFF เฟสแรกจะนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรทั้งสไตล์คลาสสิกและทันสมัย โดยจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆให้เลือกมากมายหลายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านและเคหะสิ่งทอ ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้งานกลางแจ้งและสันทนาการ
ปรับแต่งตามความต้องการ + มีปฏิสัมพันธ์ + การออกแบบ
นี่คือแนวทางการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ แต่เพื่อให้เป็นตามแนวทางที่ลูกค้ากำลังมองหา
ผลิตภัณฑ์ต่างๆสามารถนำเสนอให้บริการให้กับผู้ใช้งานได้ด้วยตัวมันเอง โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง Internet of Things (IoT) คลาวด์คอมพิวติ้ง และชิปอัจฉริยะ แฝงด้วยการออกแบบอย่างมีสเน่ห์
ความหรูหราที่คุ้มค่า
ผลิตภัณฑ์มากคุณภาพที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายระดับสูงและดีไซน์อันหรูหรา ในขณะเดียวกันก็มีราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ และยังผสมผสานการใช้งานกับผลิตภัณฑ์อื่นๆได้อย่างง่ายดาย
การส่งออก
ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระบุว่า มูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค. 2560 อยู่ที่ 1.264 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.2%
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบรรดาผู้ซื้อจากนานาประเทศ พื้นที่พักผ่อนอย่างห้องทานอาหารและห้องนั่งเล่นจะรวมถูกไว้ในที่เดียวกันพร้อมเก้าอี้นวมและที่นอน เพื่อให้มั่นใจว่าการมาเยือนของผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกจะเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบาย
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ciff-gz.com
Honor Expands its Footprint in Southeast Asia
YANGON, Myanmar--29 Jan--PRNewswire/InfoQuest
Introducing state-of-the-art smartphones at an unbeatable price to consumers in Myanmar
Honor, a young, innovative, and trend-setting brand, today announces the opening of its first flagship store in Myanmar and introduces to the market its highly-rated smartphones, Honor 7X, Honor V9 Play, Honor 6X and Honor Holly 6, expanding Honor's presence in the Southeast Asia market.
"Following our launch in Malaysia last month, today marks another step forward in Honor's Southeast Asia expansion journey," said George Zhao, President of Honor. "We are delighted to officially launch in this emerging market. As an innovative and trend-setting brand for digital natives, Honor is dedicated to bringing unrivaled products with unbeatable price to the consumers in Myanmar. Looking forward, we are hoping to bring our state-of-the-art products to more fans in Southeast Asia and accelerate our global growth!"
Honor 7X -- Honor's first FullView Display smartphone
Stunning FullView Display
Featuring a stunning FullView Display and a 5.93-inch edge-to-edge, bezel-less screen design, Honor 7X provides outstanding display quality with a super-high screen-to-body ratio, enabling you to enjoy striking images on a sleek, compact phone. Its 18:9 screen delivers an impressive visual experience, especially to the gamers in the midst of the action. The smartphone also doubles the fun with a Split Screen functionality.
Professional Photography
The dual-lens 16MP + 2MP rear camera captures people and scenes in the highest definition. With Phase Detection Auto Focus (PDAF) and the latest algorithms, it can focus in as fast as 0.18 second. Combined with a large aperture (F/0.95 -- F/16) that gives images a DSLR-level depth of field effect, the Honor 7X allows everyone to become a professional photographer.
Other premium features
The device packs a range of other superior features. It is powered by an octal-core Kirin 659 processor at 2.36GHz and is equipped with 4GB RAM and EMUI5.1. The system will soon be upgraded to the latest EMUI 8.0 to further optimize user experience. This delivers superb performance when multi-tasking and gaming, and meets the needs of the most demanding apps. Even with the larger FullView Display, just a single charge of the Honor 7X 3,340 mAh battery will last for more than one full day. Honor 7X will be available in Myanmar at a competitive price of MMK 329,000.
Honor V9 Play -- a minimalist Scandinavian style smartphone
Aesthetically premium touch
The Honor V9 Play has a smooth and streamlined smartphone body, with four rounded corners that turn seamlessly into a 2.5D curved back. The intricate and inviting rear design is the result of painstaking craftsmanship on a nanoscale, involving an 8-layer coating process, 13 complex manufacturing processes, and a detailed laser process of 300 etchings in every single square millimeter.
Outstanding still image performance
With a 13 MP rear camera and F2.2 wide aperture, the Honor V9 Play offers a camera for every conceivable occasion; with a food mode, a low-light HDR mode, watermark effects and more, these features will help you explore and capture the essence of life. The 8MP front camera will sharpen your selfies, with 10 adjustable beauty settings to enhance the natural radiance of your skin.
Smoother user experience
Featuring a high performance octa-core processor, the device delivers an incredible performance under any circumstance and at an unrivaled price at MMK 189,000. With 2000+ system features and 100+ use case scenarios, the all-new EMUI 5.1 can intelligently allocate resources and optimize components to offer a smoother user experience.
Honor 6X -- a technological beast for those on a budget
Powerful dual-lens camera
Priced at MMK 219,000, Honor 6X is a powerful and versatile all-rounder, packing top-of-the-shelf features to empower millennials who want to explore the world. Featuring a dual-lens 12MP+2MP rear camera with a wide aperture (F/0.95), the Honor 6X produces professional-looking background blur to make your subjects stand out. This, coupled with a 1.25um pixel size, enables the Honor 6X to capture quality shots even in low-light settings.
Rock-solid performance
Powered by a Kirin 655 boasting an octa-core architecture, the Honor 6X is built to provide a glitch-free user experience. Kirin 655 packs four cores clocked at 2.1GHz and another four at 1.7 GHz. Supported by 3GB RAM and a powerful i5 co-processor, the Honor 6X allows you to game, browse and listen to music seamlessly, or run multiple apps at the same time.
Epic battery life
Running on a powerful 3340 mAh battery, Honor 6X offers an exceptional battery life. With its 16nm CPU and power saving technology further reducing power consumption, Honor 6X provides 2.15 days of usage and 1.54 days of heavy usage on a single full charge.
Honor Holly 6 -- Honor's most affordable smartphone
Lasts longer, for longer
Backed by a 3020 mAh capacity battery, together with Honor's smart power saving technology, Honor Holly 6 enables you to enjoy up to 13 hours of video streaming or 68 hours of music playback on a single charge. Honor Holly 6 's battery is also designed for longevity, maintaining 80% or more of its battery capacity even after 800 recharges.
Capture every stunning moment
With f/2.0 aperture, Honor Holly 6's 8 MP rear camera allows you to get high quality images even in challenging conditions. Moreover, its 5MP front camera with 84-degree wide angle lens can help you explore new ways to put yourself smack at the heart of the action.
Other premium features
Featuring a 5.0" display with a resolution of 720?1280 pixels, Honor Holly 6 provides a clear and sharp picture at an unbeatable price of MMK 129,000. In terms of its design, Honor Holly 6's rounded edges sit perfectly in your hand, enhancing your grip. The device also comes with a textured back cover, which is comfortable and silky smooth to the touch.
Honor 7X, Honor V9 Play, Honor 6X and Honor Holly 6 are available since 28 January 2018. Come to visit Honor's flagship store at No.139, Latha street middle block, Latha township, Yangon and be the first to have a try on these cool gadgets!
The release is also available in Burmese language, to view it, click here [https://photos.prnasia.com/prnk/20180129/2043017-1-b].
About Honor
Honor is a leading smartphone e-brand under the Huawei Group. In line with its slogan, "For the Brave", the brand was created to meet the needs of digital natives through internet-optimized products that offer superior user experiences, inspire action, foster creativity and empower the young to achieve their dreams. In doing this, Honor has set itself apart by showcasing its own bravery to do things differently and to take the steps needed to usher in the latest technologies and innovations for its customers.
For more information, please visit Honor online at www.hihonor.com / www.hihonor.com/mm/index.html or follow us on:
https://www.facebook.com/honorglobal/
https://www.facebook.com/HonorMyanmar/
https://twitter.com/Honorglobal
https://www.instagram.com/honorglobal/
https://www.youtube.com/honorglobal
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043017-1-a
Introducing state-of-the-art smartphones at an unbeatable price to consumers in Myanmar
Honor, a young, innovative, and trend-setting brand, today announces the opening of its first flagship store in Myanmar and introduces to the market its highly-rated smartphones, Honor 7X, Honor V9 Play, Honor 6X and Honor Holly 6, expanding Honor's presence in the Southeast Asia market.
"Following our launch in Malaysia last month, today marks another step forward in Honor's Southeast Asia expansion journey," said George Zhao, President of Honor. "We are delighted to officially launch in this emerging market. As an innovative and trend-setting brand for digital natives, Honor is dedicated to bringing unrivaled products with unbeatable price to the consumers in Myanmar. Looking forward, we are hoping to bring our state-of-the-art products to more fans in Southeast Asia and accelerate our global growth!"
Honor 7X -- Honor's first FullView Display smartphone
Stunning FullView Display
Featuring a stunning FullView Display and a 5.93-inch edge-to-edge, bezel-less screen design, Honor 7X provides outstanding display quality with a super-high screen-to-body ratio, enabling you to enjoy striking images on a sleek, compact phone. Its 18:9 screen delivers an impressive visual experience, especially to the gamers in the midst of the action. The smartphone also doubles the fun with a Split Screen functionality.
Professional Photography
The dual-lens 16MP + 2MP rear camera captures people and scenes in the highest definition. With Phase Detection Auto Focus (PDAF) and the latest algorithms, it can focus in as fast as 0.18 second. Combined with a large aperture (F/0.95 -- F/16) that gives images a DSLR-level depth of field effect, the Honor 7X allows everyone to become a professional photographer.
Other premium features
The device packs a range of other superior features. It is powered by an octal-core Kirin 659 processor at 2.36GHz and is equipped with 4GB RAM and EMUI5.1. The system will soon be upgraded to the latest EMUI 8.0 to further optimize user experience. This delivers superb performance when multi-tasking and gaming, and meets the needs of the most demanding apps. Even with the larger FullView Display, just a single charge of the Honor 7X 3,340 mAh battery will last for more than one full day. Honor 7X will be available in Myanmar at a competitive price of MMK 329,000.
Honor V9 Play -- a minimalist Scandinavian style smartphone
Aesthetically premium touch
The Honor V9 Play has a smooth and streamlined smartphone body, with four rounded corners that turn seamlessly into a 2.5D curved back. The intricate and inviting rear design is the result of painstaking craftsmanship on a nanoscale, involving an 8-layer coating process, 13 complex manufacturing processes, and a detailed laser process of 300 etchings in every single square millimeter.
Outstanding still image performance
With a 13 MP rear camera and F2.2 wide aperture, the Honor V9 Play offers a camera for every conceivable occasion; with a food mode, a low-light HDR mode, watermark effects and more, these features will help you explore and capture the essence of life. The 8MP front camera will sharpen your selfies, with 10 adjustable beauty settings to enhance the natural radiance of your skin.
Smoother user experience
Featuring a high performance octa-core processor, the device delivers an incredible performance under any circumstance and at an unrivaled price at MMK 189,000. With 2000+ system features and 100+ use case scenarios, the all-new EMUI 5.1 can intelligently allocate resources and optimize components to offer a smoother user experience.
Honor 6X -- a technological beast for those on a budget
Powerful dual-lens camera
Priced at MMK 219,000, Honor 6X is a powerful and versatile all-rounder, packing top-of-the-shelf features to empower millennials who want to explore the world. Featuring a dual-lens 12MP+2MP rear camera with a wide aperture (F/0.95), the Honor 6X produces professional-looking background blur to make your subjects stand out. This, coupled with a 1.25um pixel size, enables the Honor 6X to capture quality shots even in low-light settings.
Rock-solid performance
Powered by a Kirin 655 boasting an octa-core architecture, the Honor 6X is built to provide a glitch-free user experience. Kirin 655 packs four cores clocked at 2.1GHz and another four at 1.7 GHz. Supported by 3GB RAM and a powerful i5 co-processor, the Honor 6X allows you to game, browse and listen to music seamlessly, or run multiple apps at the same time.
Epic battery life
Running on a powerful 3340 mAh battery, Honor 6X offers an exceptional battery life. With its 16nm CPU and power saving technology further reducing power consumption, Honor 6X provides 2.15 days of usage and 1.54 days of heavy usage on a single full charge.
Honor Holly 6 -- Honor's most affordable smartphone
Lasts longer, for longer
Backed by a 3020 mAh capacity battery, together with Honor's smart power saving technology, Honor Holly 6 enables you to enjoy up to 13 hours of video streaming or 68 hours of music playback on a single charge. Honor Holly 6 's battery is also designed for longevity, maintaining 80% or more of its battery capacity even after 800 recharges.
Capture every stunning moment
With f/2.0 aperture, Honor Holly 6's 8 MP rear camera allows you to get high quality images even in challenging conditions. Moreover, its 5MP front camera with 84-degree wide angle lens can help you explore new ways to put yourself smack at the heart of the action.
Other premium features
Featuring a 5.0" display with a resolution of 720?1280 pixels, Honor Holly 6 provides a clear and sharp picture at an unbeatable price of MMK 129,000. In terms of its design, Honor Holly 6's rounded edges sit perfectly in your hand, enhancing your grip. The device also comes with a textured back cover, which is comfortable and silky smooth to the touch.
Honor 7X, Honor V9 Play, Honor 6X and Honor Holly 6 are available since 28 January 2018. Come to visit Honor's flagship store at No.139, Latha street middle block, Latha township, Yangon and be the first to have a try on these cool gadgets!
The release is also available in Burmese language, to view it, click here [https://photos.prnasia.com/prnk/20180129/2043017-1-b].
About Honor
Honor is a leading smartphone e-brand under the Huawei Group. In line with its slogan, "For the Brave", the brand was created to meet the needs of digital natives through internet-optimized products that offer superior user experiences, inspire action, foster creativity and empower the young to achieve their dreams. In doing this, Honor has set itself apart by showcasing its own bravery to do things differently and to take the steps needed to usher in the latest technologies and innovations for its customers.
For more information, please visit Honor online at www.hihonor.com / www.hihonor.com/mm/index.html or follow us on:
https://www.facebook.com/honorglobal/
https://www.facebook.com/HonorMyanmar/
https://twitter.com/Honorglobal
https://www.instagram.com/honorglobal/
https://www.youtube.com/honorglobal
Photo - https://photos.prnasia.com/prnh/20180129/2043017-1-a
Thailand's KCP Energy-Saving Co., Ltd. has reached a strategic cooperation with several companies from China
BANGKOK--29 Jan--PRNewswire/InfoQuest
Recently, KCP Energy Saving Co., Ltd. of Thailand announced a strategic cooperation agreement with Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch and Hengli Shengtai Graphene Technology Co., Ltd. KCP's director Alexandra Davis said that graphite, an allotrope of elemental carbon, has a wide range of industrial applications and commercial value. It can be widely used in metallurgy, chemical, machinery, medical equipment, nuclear, automotive, aerospace and other fields. Graphene nanotechnology is a breakthrough in the physical application of graphite, a technology that can be used to develop new energy-fast lithium-ion batteries for automobiles. The agreement points out that KCP will combine the graphite field in Fujian, China to promote the application of graphene nanotechnology.
In the 1760's, the first industrial revolution which represented by the steam engine swept the world. During the second Industrial Revolution, the steam engine was replaced by an internal combustion engine. With the progress of science and technology, the contradiction between humans and nature has resulted in warmer temperatures, the hole in the ozone layer, energy depletion and other environmental degradation. This has caused concern for many national governments. Mankind cannot fully solve the global problem of environmental degradation by using technology yet.
KCP, Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch and Hengli Shengtai will jointly promote the application of graphene nanotechnology. Graphene nanotechnology is a key technology to manufacture lithium batteries for new energy electric vehicles, solving the problem of low manufacturing efficiency and poor quality lithium batteries in electric vehicles, with the mass production of lithium batteries. New energy vehicles is also conducive to protecting the environment.
KCP is committed to using science and technology to solve the problem of deterioration of the environment. With research advisors, 2004 Nobel laureate, Professor Geim of the University of Manchester, and Professor Konstantin Novoselov, KCP has made breakthrough technology progress in the field of science and technology in recent years.
Alexandra Davis said that in order to protect the environment, KCP will use the latest scientific research, combined with the mature technology environmental protection experience.
Recently, KCP Energy Saving Co., Ltd. of Thailand announced a strategic cooperation agreement with Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch and Hengli Shengtai Graphene Technology Co., Ltd. KCP's director Alexandra Davis said that graphite, an allotrope of elemental carbon, has a wide range of industrial applications and commercial value. It can be widely used in metallurgy, chemical, machinery, medical equipment, nuclear, automotive, aerospace and other fields. Graphene nanotechnology is a breakthrough in the physical application of graphite, a technology that can be used to develop new energy-fast lithium-ion batteries for automobiles. The agreement points out that KCP will combine the graphite field in Fujian, China to promote the application of graphene nanotechnology.
In the 1760's, the first industrial revolution which represented by the steam engine swept the world. During the second Industrial Revolution, the steam engine was replaced by an internal combustion engine. With the progress of science and technology, the contradiction between humans and nature has resulted in warmer temperatures, the hole in the ozone layer, energy depletion and other environmental degradation. This has caused concern for many national governments. Mankind cannot fully solve the global problem of environmental degradation by using technology yet.
KCP, Zhongshang Guoneng Group Xiamen Branch and Hengli Shengtai will jointly promote the application of graphene nanotechnology. Graphene nanotechnology is a key technology to manufacture lithium batteries for new energy electric vehicles, solving the problem of low manufacturing efficiency and poor quality lithium batteries in electric vehicles, with the mass production of lithium batteries. New energy vehicles is also conducive to protecting the environment.
KCP is committed to using science and technology to solve the problem of deterioration of the environment. With research advisors, 2004 Nobel laureate, Professor Geim of the University of Manchester, and Professor Konstantin Novoselov, KCP has made breakthrough technology progress in the field of science and technology in recent years.
Alexandra Davis said that in order to protect the environment, KCP will use the latest scientific research, combined with the mature technology environmental protection experience.
iPoint ขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์และบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ
- บริษัทซอฟต์แวร์จากเมืองรอยทลิงเง็น ขยายผลงานการลงทุนด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยโซลูชั่น LCA และ MFCA
iPoint-systems ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์ก ได้กลายเป็นบริษัทในเครือของ IPoint Group ส่งผลให้บริษัทซอฟต์แวร์และให้คำปรึกษาซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองรอยทลิงเง็น ประเทศเยอรมนีแห่งนี้ ได้ขยายกลุ่มโซลูชั่นไปในสาขาการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์และการทำบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ
สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อมในเมืองฮัมบูร์กได้ช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการเดินหน้าสู่การผลิตอย่างยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2535 เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเหล่านั้น โดยทางสถาบันนำเสนอซอฟต์แวร์และบริการเกี่ยวกับการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (LCA) การทำบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ (MFCA) ประสิทธิภาพทรัพยากรและพลังงาน รอยเท้านิเวศและรอยเท้าคาร์บอน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และห่วงโซ่การสร้างคุณค่า
"เรารู้สึกยินดีมากที่จะได้นำโซลูชั่นที่มีชื่อเสียงของสถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์ก มาให้บริการภายใต้เครือของเรา" จอร์ก วัลเดน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iPoint-systems gmbh กล่าว "การขยายกลุ่มโซลูชั่นของ iPoint ถือเป็นก้าวสำคัญเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ของเราในการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครบวงจรสำหรับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากนี้ สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์กยังนำความเชี่ยวชาญข้ามอุตสาหกรรม ตลอดจนเครือข่ายการวิจัยและลูกค้าที่ทรงคุณค่ามาสู่ iPoint Group อีกด้วย"
แจน เฮดมันน์ กรรมการผู้จัดการ ifu เน้นย้ำว่า "เราร่วมกันมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จ 40 ปี ด้วยผลงานโซลูชั่นที่เป็นผู้นำตลาด สำหรับในอนาคต เราต้องการที่จะพัฒนาโซลูชั่นเหล่านั้นไปด้วยกันเพื่อลูกค้าของเรา ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการวิจัยทดลองและทดสอบ"
iPoint และ ifu ร่วมมือกันมาตั้งแต่ปี 2556 ในโครงการวิจัย "MultiMaK" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเครื่องมือประเมินและออกแบบชิ้นส่วนประกอบยานยนต์น้ำหนักเบาและใช้วัสดุหลายชนิดสำหรับการผลิตในปริมาณมากโดยใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีโครงการ "Live LCA" ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2560 ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่น ๆ จากภาคอุตสาหกรรมและการวิจัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถรวมข้อมูลการบริโภควัสดุและพลังงานที่มีอยู่มาใช้คำนวณ LCA และ MFCA ซึ่งช่วยลดต้นทุนการทำฉลากสิ่งแวดล้อม EPD และ LCA ลงถึง 90%
เกี่ยวกับ iPoint
iPoint-system เป็นผู้จัดหาซอฟต์แวร์และให้คำปรึกษาชั้นนำเพื่อการปฏิบัติตามมาตรการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเพื่อความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ บริษัทมากกว่า 50,000 แห่งจากทั่วโลกไว้วางใจให้ iPoint เป็นผู้จัดการ ติดตาม วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลจากทั่วเครือข่ายการสร้างคุณค่า บริการซอฟต์แวร์และการให้คำปรึกษาของ iPoint จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปฏิบัติตามหรือเป็นผู้นำในด้านกฎระเบียบและข้อกำหนด อาทิ REACH, RoHS, WEEE, ELV, EHS, กฎหมายเกี่ยวกับแร่ที่อยู่ภายใต้ข้อขัดแย้งและกฎหมายที่เกี่ยวกับทาสยุคใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาที่อยู่ในกระแสและความท้าทายในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่อุปทาน และการดูแลองค์กร มุมมองรอบด้านและเป็นองค์รวมของ iPoint สะท้อนกระบวนการจัดการวัฏจักรชีวิตของระบบดิจิทัลที่ไม่เพียงแต่จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่คุณค่า และแบรนด์อีกด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.ipoint-systems.com และ http://www.ifu.com
สื่อมวลชนติดต่อ
Dr. Katie Boehme
หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์
บริษัท iPoint-systems gmbh
โทร. +49(0)7121-1-44-89-60
อีเมล: katie.boehme(at)ipoint-systems.com
ที่มา: iPoint-systems gmbh
iPoint-systems ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์ก ได้กลายเป็นบริษัทในเครือของ IPoint Group ส่งผลให้บริษัทซอฟต์แวร์และให้คำปรึกษาซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองรอยทลิงเง็น ประเทศเยอรมนีแห่งนี้ ได้ขยายกลุ่มโซลูชั่นไปในสาขาการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์และการทำบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ
สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อมในเมืองฮัมบูร์กได้ช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการเดินหน้าสู่การผลิตอย่างยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2535 เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเหล่านั้น โดยทางสถาบันนำเสนอซอฟต์แวร์และบริการเกี่ยวกับการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (LCA) การทำบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ (MFCA) ประสิทธิภาพทรัพยากรและพลังงาน รอยเท้านิเวศและรอยเท้าคาร์บอน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และห่วงโซ่การสร้างคุณค่า
"เรารู้สึกยินดีมากที่จะได้นำโซลูชั่นที่มีชื่อเสียงของสถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์ก มาให้บริการภายใต้เครือของเรา" จอร์ก วัลเดน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iPoint-systems gmbh กล่าว "การขยายกลุ่มโซลูชั่นของ iPoint ถือเป็นก้าวสำคัญเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ของเราในการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครบวงจรสำหรับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากนี้ สถาบันไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม ifu ในเมืองฮัมบูร์กยังนำความเชี่ยวชาญข้ามอุตสาหกรรม ตลอดจนเครือข่ายการวิจัยและลูกค้าที่ทรงคุณค่ามาสู่ iPoint Group อีกด้วย"
แจน เฮดมันน์ กรรมการผู้จัดการ ifu เน้นย้ำว่า "เราร่วมกันมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จ 40 ปี ด้วยผลงานโซลูชั่นที่เป็นผู้นำตลาด สำหรับในอนาคต เราต้องการที่จะพัฒนาโซลูชั่นเหล่านั้นไปด้วยกันเพื่อลูกค้าของเรา ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการวิจัยทดลองและทดสอบ"
iPoint และ ifu ร่วมมือกันมาตั้งแต่ปี 2556 ในโครงการวิจัย "MultiMaK" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเครื่องมือประเมินและออกแบบชิ้นส่วนประกอบยานยนต์น้ำหนักเบาและใช้วัสดุหลายชนิดสำหรับการผลิตในปริมาณมากโดยใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีโครงการ "Live LCA" ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2560 ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่น ๆ จากภาคอุตสาหกรรมและการวิจัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาโซลูชั่นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถรวมข้อมูลการบริโภควัสดุและพลังงานที่มีอยู่มาใช้คำนวณ LCA และ MFCA ซึ่งช่วยลดต้นทุนการทำฉลากสิ่งแวดล้อม EPD และ LCA ลงถึง 90%
เกี่ยวกับ iPoint
iPoint-system เป็นผู้จัดหาซอฟต์แวร์และให้คำปรึกษาชั้นนำเพื่อการปฏิบัติตามมาตรการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเพื่อความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ บริษัทมากกว่า 50,000 แห่งจากทั่วโลกไว้วางใจให้ iPoint เป็นผู้จัดการ ติดตาม วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลจากทั่วเครือข่ายการสร้างคุณค่า บริการซอฟต์แวร์และการให้คำปรึกษาของ iPoint จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปฏิบัติตามหรือเป็นผู้นำในด้านกฎระเบียบและข้อกำหนด อาทิ REACH, RoHS, WEEE, ELV, EHS, กฎหมายเกี่ยวกับแร่ที่อยู่ภายใต้ข้อขัดแย้งและกฎหมายที่เกี่ยวกับทาสยุคใหม่ รวมไปถึงการพัฒนาที่อยู่ในกระแสและความท้าทายในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่อุปทาน และการดูแลองค์กร มุมมองรอบด้านและเป็นองค์รวมของ iPoint สะท้อนกระบวนการจัดการวัฏจักรชีวิตของระบบดิจิทัลที่ไม่เพียงแต่จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่คุณค่า และแบรนด์อีกด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.ipoint-systems.com และ http://www.ifu.com
สื่อมวลชนติดต่อ
Dr. Katie Boehme
หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์
บริษัท iPoint-systems gmbh
โทร. +49(0)7121-1-44-89-60
อีเมล: katie.boehme(at)ipoint-systems.com
ที่มา: iPoint-systems gmbh
Subscribe to:
Posts (Atom)