Monday, September 24, 2018
เมืองจูไห่รับบทเจ้าภาพการประชุม Second 21st Century Maritime Silk Road China (Guangdong) International Communication Forum ในหัวข้อ “ยุคใหม่ เส้นทางสายไหมใหม่ และภาพลักษณ์ใหม่”
จูไห่, จีน--24 ก.ย.--ซินหัว-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
การประชุมด้านการสื่อสารระหว่างประเทศว่าด้วยเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 (มณฑลกวางตุ้ง) ครั้งที่ 2 (The second 21st Century Maritime Silk Road China (Guangdong) International Communication Forum) จัดขึ้นที่เมืองจูไห่ระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกหลายร้อยคนทั้งจากแวดวงสื่อมวลชน การเมือง และธุรกิจ โดยมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกในหัวข้อ "ยุคใหม่ เส้นทางสายไหมใหม่ และภาพลักษณ์ใหม่" (New Era, New Silk Road, New Image) พร้อมทั้งการนำเสนอแนวทางและความสำเร็จครั้งใหม่ๆในการสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะช่วยผลักดันการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ที่มีมณฑลกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า และเขตการค้าเสรีนำร่องในจีน (มณฑลกวางตุ้ง) พร้อมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของมณฑลกวางตุ้งเพื่อเปิดรับโอกาสทางการค้า ในงานนี้ เมืองจูไห่ได้นำเสนอภาพลักษณ์และแรงบันดาลใจใหม่ ๆ สู่เวทีโลกในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
"เมืองจูไห่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางทะเล นับตั้งแต่ที่มีการปฏิรูปและเปิดเมือง อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและวัฒนธรรมกับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ที่อยู่ตามเส้นทางสายไหมนี้ได้อย่างแนบแน่น เราจะมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงเมืองให้เข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในเขตเศรษฐกิจใหม่และสร้างแรงดึงดูดด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เป็นฉากหลังแห่งใหม่" นายกัว หยงฮัง เลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลเมืองจูไห่กล่าว
ข้อมูลจาก Alphaliner ที่ปรึกษาด้านการขนส่งชื่อดังระดับโลก ระบุว่า บทบาทของเมืองจูไห่ในฐานะที่เป็นเกตเวย์การค้าเชิงกลยุทธ์จะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่อเริ่มมีการเปิดใช้สะพานระหว่างมณฑลกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า โดยจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าที่ท่าเรือจูไห่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 37.3% แตะที่ 2.27 ล้าน TEU รั้งอันดับที่ 73 ของโลก และมีอัตราการขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับ 2 ทั้งนี้ บริษัท Zhuhai Port Holdings สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เพราะกระตุ้นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ข้อมูลสถิติของทางการชี้ให้เห็นว่าตัวเลข GDP ของเมืองจูไห่ เพิ่มขึ้น 9.2% จากปี 2559 แตะที่ 2.56473 แสนล้านหยวน (3.735 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2560 ซึ่งแซงหน้าเมืองอื่น ๆ ในมณฑลกวางตุ้ง
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของจูไห่ในการผลักดันการสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ ได้แก่ การกระชับความสัมพันธ์กับฮ่องกงและมาเก๊าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และขยายการเชื่อมโยงไปยังทั่วโลก
ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า จำนวนสถาบันการเงินในฮ่องกงและมาเก๊าหลั่งไหลมาที่เมืองจูไห่มากขึ้น เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2561 เขตการค้าเสรีนำร่องเฮงชิน (มณฑลกวางตุ้ง) สามารถดึงดูดบริษัทด้านการเงินจากฮ่องกงเข้ามาสูงถึง 144 แห่ง ด้วยยอดเงินทุนจดทะเบียน 5.8859 หมื่นล้านหยวน (8.576 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และบริษัทการเงินจากมาเก๊า18 แห่ง
โครงการ The Belt and Road Initiative (BRI) ที่จีนเสนอขึ้นมานั้น จะกระตุ้นให้เกิดตลาดใหม่ ๆ และแนวคิดใหม่ ๆ ทั่วโลก โธมัส เจ. ซาร์เจนท์ ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์กล่าวในการประชุมเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์จอร์จี โตโลรายา ผู้อำนวยการของคณะกรรมการแห่งชาติรัสเซียด้านการวิจัย BRICS และรองประธานมูลนิธิสันติภาพโลกด้านการทูตสาธารณะของรัสเซีย กล่าวว่า โครงการ BRI ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้แค่จีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อประเทศที่ตั้งอยู่ตามแถบเส้นทางนี้ด้วย ศาสตราจารย์ แนะนำว่า เส้นทางสายไหมทางทะเลไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่แค่กลุ่มประเทศตามแนวเส้นทางเดิมในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังต้องขยายไปถึงตอนเหนือเพื่อสร้าง "เส้นทางสายไหมแห่งขั้วโลก" และร่วมกันพัฒนาร่วมกับเขตตะวันออกไกลของรัสเซีย
เฮราลโด ลอรา กอนซาเลซ บรรณาธิการบริหารของ Mexico Reforma กล่าวว่า จีนจะสร้างโอกาสที่ครอบคลุมประเทศในลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ในขณะที่จีนกำลังเปิดประเทศสู่เวทีโลก พร้อมกับเสริมว่า สื่อหนังสือพิมพ์ของเขายินดีที่จะช่วยให้บริษัทในมณฑลกวางตุ้งเพิ่มความร่วมมือกับเม็กซิโก
เนื่องจากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่เหนียวแน่น โครงการเส้นทางสายไหมจึงได้รวบรวมบริษัททั้งในและต่างประเทศให้เป็นกลุ่มความร่วมมือที่มีอนาคตและมีความสนใจร่วมกัน เพื่อตระหนักถึงความต้องการที่จะประสานความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายผ่านการติดต่อสื่อสารระหว่างรัฐบาลและความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
เห็นได้ชัดว่าเมืองจูไห่ได้รับโอกาสอันหาได้ยากในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์เช่นนี้ ในขณะที่เมืองกำลังมุ่งหน้าสู่การเติบโตของเขตเศรษฐกิจใหม่และเส้นทางสายไหมทางทะเล
การวางแผนด้านการพัฒนาเมืองล่าสุดของเมืองจูไห่แสดงให้เห็นว่า แผนที่ของเมืองใหม่จะเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ที่ได้มีการขยายขอบเขตสะพานของมณฑลกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า การกระตุ้นการขยายตัวร่วมกันของพื้นที่ใหม่อย่างเฮงชิน ซึ่งเป็นเขตเชื่อมต่อและมีท่าเรือหงวานนั้น จะทำให้เกิดศูนย์กลางเมืองใหม่และขุมพลังทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมพื้นที่ 46.64 ตารางกิโลเมตร
อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ เมืองจูไห่ หรือที่เรียกว่าเป็น"second bid to prosper" มุ่งเน้นที่นวัตกรรมด้านความร่วมมือกับประเทศต่างๆทั่วโลกมากขึ้น และมีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศในแถบเส้นทางสายไหมทางทะเลในแง่ของเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรที่มีความสามารถ
ทุกวันนี้ เขตพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีชั้นสูงในเมืองจูไห่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้มาเยือนในเมืองนี้ เนื่องจากที่นี่มีบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นสูงกว่า 7,000 แห่ง เข้าร่วมการประมูลเพื่อเป็นเขตพื้นที่สาธิตตัวอย่างด้านนวัตกรรมอย่างเป็นอิสระของจีน ทำให้เขตพัฒนาแห่งนี้กลายเป็นขุมพลังหลักของการพัฒนาเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและมุ่งให้ความสำคัญกับทรัพยากรของภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง
ผู้เชี่ยวชาญในที่ประชุมกล่าวว่า จากการเริ่มต้นบนเส้นทางใหม่แห่งการพัฒนานั้น เมืองจูไห่จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีโอกาสและการพัฒนาเมืองที่เกิดขึ้นจากการรวมปัจจัยด้านนวัตกรรมจากทั่วโลก ทั้งนี้ สภาพแวดล้อมเชิงนิเวศที่ดีของเมืองจูไห่และศักยภาพที่มีอยู่มหาศาลจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านนวัตกรรมจากทั่วโลกเข้ามาที่เมืองนี้
ที่มา: รัฐบาลประจำเทศบาลเมืองจูไห่
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment