ในปีนี้ ผู้เข้าแข่งขันจำนวน 134 คนจากทั่วโลกซึ่งมีอายุระหว่าง 18-30 ปี ได้เข้าร่วมในการแข่งขันรอบชิงระดับภูมิภาคทั้งหมด 12 รอบ จนเหลือผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพียง 12 คน ซึ่งจะแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ปี 2020 ดูรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบได้ที่ https://www.sanpellegrinoyoungchef.com/en/finalists
S.Pellegrino เชื่อว่าผู้มีความสามารถที่มุ่งพัฒนาศิลปะด้านอาหารเป็นผู้บุกเบิกการนำศิลปะการประกอบอาหารมาใช้สร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ดังที่เห็นได้จากเชฟรุ่นใหม่ในการแข่งขันครั้งนี้ในรอบที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนี ผู้ชนะการแข่งขันภูมิภาคยุโรปกลาง Levente Koppany ได้ทำอาหารจานพิเศษซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของการเคารพธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในมอสโก ผู้ชนะการแข่งขันภูมิภาคยูโรเอเชีย Vitalii Savelev กล่าวว่าเขาเชื่อว่าเชฟสามารถสร้างผลกระทบที่ไม่ใช่แค่เพียงการทำอาหารได้
นอกจากตำแหน่งผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศที่ทุกคนปรารถนาแล้ว ยังมีรางวัล Acqua Panna Award for Connection in Gastronomy จากการโหวตของเมนเทอร์ที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้เข้าแข่งขันรุ่นใหม่ตลอดการแข่งขัน และรางวัล Fine Dining Lovers Food for Thought Award จากการโหวตของชุมชนออนไลน์ของกลุ่ม Fine Dining Lovers หรือกลุ่มผู้รักอาหารชั้นเลิศทั่วโลก
นอกจากรางวัลข้างต้นแล้ว ในปีนี้ยังมีรางวัลที่สาม ได้แก่ รางวัลด้านความรับผิดชอบต่อสังคม S.Pellegrino Award for Social Responsibility จากการโหวตของ Food Made Good ผู้เรียกร้องด้านความยั่งยืนด้านอาหารที่เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ รางวัลดังกล่าวได้มอบให้แก่อาหารที่สะท้อนหลักการที่ว่าอาหารที่ดีที่สุดควรมาจากวิถีปฏิบัติที่ยั่งยืน คณะกรรมการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมจะมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่เสนอแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืน โดยพิจารณาจากผลกระทบของอาหารแต่ละจานในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ อาหารเหลือทิ้ง การใช้ทรัพยากร สารอาหาร การร่วมมือระหว่างหลายฝ่าย การเรียกร้องสนับสนุน และนวัตกรรม
แหล่งที่มาของอาหารคือประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่เป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเชฟผู้เข้าแข่งขันจำนวนหนึ่งในสี่ได้ชูเรื่องความสำคัญของวิธีการสรรหาวัตถุดิบท้องถิ่น ประเด็นที่เป็นที่พูดถึงรองลงมาได้แก่อาหารเหลือทิ้ง ซึ่งเน้นย้ำความตระหนักรู้ของเชฟในการมุ่งลดอาหารเหลือทิ้งให้น้อยที่สุด
อีกไฮไลท์หนึ่งของการแข่งขันระดับภูมิภาคประจำปี 2019 นี้ได้แก่ความสำเร็จเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายในการแข่งขันนี้ ตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน S.Pellegrino มีความตั้งใจจะเพิ่มความเท่าเทียมทางเพศในการแข่งขัน เนื่องจากเล็งเห็นว่าวงการศิลปะอาหารยังขาดความหลากหลาย ทำให้ในการแข่งขันรอบชิงระดับภูมิภาคแต่ละรายการมีเชฟผู้หญิงเข้าร่วมแข่งขันอย่างน้อยสามคน ขณะที่คณะกรรมการของการแข่งขันทั้งหมดเองก็มีสัดส่วนผู้ชายต่อผู้หญิงเป็นครึ่งต่อครึ่งเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ คณะกรรมการในการแข่งขันระดับภูมิภาคกว่าครึ่งยังมีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
จะมีการประกาศรายชื่อเชฟชื่อดังที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการการแข่งขันรอบชิงระดับโลกในปี 2020 และรายละเอียดเพิ่มเติมอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป
No comments:
Post a Comment