Friday, March 6, 2020

Natura &Co รายงานผลกำไรเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 4


เติบโตขึ้นทั้งสามแบรนด์ในปีงบการเงินที่บริษัทประกาศซื้อธุรกิจ Avon Products, Inc.
Natura &Co รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาสที่สี่ของปี 2562 โดยรายได้เติบโตขึ้นทั้งสามแบรนด์ คือ Natura, The Body Shop และ Aesop ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 12.2%
ผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ถือเป็นการปิดท้ายปีที่ยอดเยี่ยมและเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกปีหนึ่งสำหรับ Natura &Co ซึ่งได้ประกาศซื้อธุรกิจของ Avon Products, Inc. ในเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อสร้างกลุ่มบริษัทความงามแบบ pure play รายใหญ่อันดับสี่ของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในวงการขายตรง (Direct-to-Consumer) โดยมีแบรนด์ที่โด่งดังหลายแบรนด์ในเครือ ทั้งนี้ การซื้อธุรกิจดังกล่าวเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มกราคม 2563
รายได้สุทธิรวมของ Natura &Co แตะที่ 4.7 พันล้านเรอัลในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 7.3% ในสกุลเงินเรอัล และเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ขณะที่ adjusted EBITDA อยู่ที่ 816.7 ล้านเรอัล ซึ่งเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 12.2% ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงาน (Underlying Operating Income (UOI)) ซึ่งไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งมากถึง 18.2% ในไตรมาส 4 ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.3 ล้านเรอัล โดยได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ Avon และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัท Natura &Co Holding
สำหรับทั้งปีงบการเงินที่ผ่านมา รายได้สุทธิรวมเติบโตขึ้น 7.8% ในสกุลเงินเรอัล และโต 7.0% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แตะที่ 1.44 หมื่นล้านเรอัล ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 7.5% แตะที่ 2.0 พันล้านเรอัล และ UOI เพิ่มขึ้น 5.7%
นอกจากนี้ ในไตรมาสดังกล่าว Natura &Co ยังสร้างความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในด้านความยั่งยืน โดย Natura กลายเป็นบริษัทความงามแห่งแรกในบราซิลที่ได้รับสิทธิบัตร Green Patent จากสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (INPI) จากการที่บริษัทนำสิ่งตกค้างจากความหลากหลายทางชีวภาพของบราซิลมาใช้เป็นปัจจัยการผลิต ขณะที่ The Body Shop ได้รับรางวัล Ethical Corporation's Plastics Innovation จากการดำเนินโครงการการค้าชุมชน (Community Fair Trade)
โรแบร์โต มาเกซ ประธานบริหารของ Natura &Co กล่าวว่า "ปี 2562 เป็นอีกหนึ่งปีที่มีการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ Natura &Co เราก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการสร้างเครือบริษัทเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ระดับโลกซึ่งทำธุรกิจแบบหลายช่องทางและมีเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจน ผลประกอบการล่าสุดยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการตอบสนองและให้บริการลูกค้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางจำหน่ายและระดับราคา
Natura เติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางแบรนด์ค่อย ๆ เปลี่ยนไปใช้โมเดลการขายแบบ Relationship Selling และกลยุทธ์การตลาดแบบหลายช่องทาง ด้าน The Body Shop ยังคงประสบความสำเร็จในการดำเนินแผนการปฏิรูปและเพิ่มกำไรขั้นต้น ส่วนธุรกิจของ Aesop ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่สี่ ส่งผลให้เป็นอีกปีที่เราเติบโตแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก
นอกจากนี้ ปี 2562 ยังเป็นปีที่โดดเด่น จากการที่เราได้ประกาศซื้อ Avon ซึ่งกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นก่อนกำหนดเมื่อหลังปีใหม่มานี้เอง เรายังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตและศักยภาพที่จะปลดล็อกมูลค่าเพิ่มที่สำคัญหลังการควบคุมธุรกิจ Avon จะส่งเสริมความมุ่งมั่นของเราในการสร้างเครือบริษัทที่มอบผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม ด้วยการเป็นกระบอกเสียงที่ดังขึ้นในการสนับสนุนการทำความดี โดยเราได้เริ่มต้นการเดินทางซึ่งมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การสร้างบริษัทความงามที่ไม่ใช่แค่ดีที่สุดในโลก แต่ต้องดีที่สุด “เพื่อ” โลกของเรา"
แบรนด์ Natura มีรายได้สุทธิปรับปรุงแล้วในบราซิลเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับฐานเปรียบเทียบที่นับได้ว่าท้าทายมาก ผลิตภาพต่อพนักงานขาย (productivity per consultant) ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 13 ปัจจุบันแพลตฟอร์มดิจิทัลของ Natura มีผู้ใช้มากกว่า 900,000 รายในบราซิล และยอดขายออนไลน์ของแบรนด์เติบโตขึ้นในอัตราเลขสองหลัก สำหรับรายได้สุทธิในภูมิภาคลาตินอเมริกาเติบโต 10.6% ในสกุลเงินเรอัลบราซิล และเติบโต 28.9% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยผลการดำเนินงานในอาร์เจนตินาออกมาแข็งแกร่งแม้เผชิญสภาพตลาดที่ท้าทาย เช่นเดียวกับเม็กซิโกและโคลอมเบียที่มีรายได้เติบโตขึ้น สำหรับ EBITDA และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ทั้งในบราซิลและลาตินอเมริกา ในส่วนของผลประกอบการทั้งปีนั้น ยอดขายเพิ่มขึ้น 4.0% ในบราซิล และ 13.5% ในลาตินอเมริกา (+23.9% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
ด้าน The Body Shop ยังคงเดินหน้าแผนปฏิรูป โดยรายได้สุทธิในสกุลเงินเรอัลเพิ่มขึ้น 6.7% ในไตรมาส 4 ยอดขายเติบโต 5.4% ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจของแบรนด์ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ ขณะที่ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 7.8% โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.20% สำหรับยอดขายทั้งปีขยายตัว 6.3% และ adjusted EBITDA เพิ่มขึ้น 15.5% โดยที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.90%
ขณะที่ Aesop มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยรายได้เพิ่มขึ้น 25.78% ในสกุลเงินเรอัล และโต 13.4% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ยอดขายปลีก Like-for-like เติบโต 7% ในไตรมาสดังกล่าว นอกจากนี้ Aesop ยังได้เปิดร้านใหม่เจ็ดสาขาในระหว่างไตรมาส ทำให้จำนวนร้านค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 247 แห่ง EBITDA เติบโต 44.8% ในไตรมาสเดียวกัน ขณะที่กำไรขั้นต้นเติบโต 3.60% สำหรับยอดขายทั้งปีเพิ่มขึ้น 22.5% ในสกุลเงินเรอัล และเพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อคำนวณ ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ EBITDA เพิ่มขึ้น 40.0% โดยอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว 2.10%
อัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA สุทธิของบริษัท Natura &Co อยู่ที่ 2.41 เท่า ณ สิ้นปี ลดลงจาก 2.71 เท่าในไตรมาส 4 ปี 2561 อันเนื่องมาจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง กลุ่มบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายลดหนี้ของบริษัทลงไปอยู่ในระดับก่อนซื้อ The Body Shop ที่ 1.4 เท่าภายในปี 2564
เกี่ยวกับ Natura &CoNatura &Co คือเครือบริษัทเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ระดับโลก ประกอบด้วย Avon, Natura, The Body Shop และ Aesop ซึ่งทำธุรกิจแบบหลายช่องทางและมีเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจน Natura &Co มีรายได้สุทธิ 1.34 หมื่นล้านเรอัลในปี 2561 บริษัททั้งสี่ในเครือมุ่งขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิงบวกทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นเวลา 130 ปีมาแล้วที่ Avon ได้ยืนหยัดเพื่อผู้หญิง ด้วยการให้ผู้หญิงเป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นนวัตกรรมและมีคุณภาพแก่ผู้หญิงด้วยกัน ขณะที่ Natura ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 โดยเป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติบราซิลในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงาม อีกทั้งเป็นผู้นำในธุรกิจการขายตรง สำหรับ The Body Shop ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2519 ในเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ โดย Anita Roddick และเป็นแบรนด์ความงามระดับโลกที่มุ่งสร้างความแตกต่างเชิงบวกให้เกิดขึ้นบนโลก และสุดท้าย Aesop แบรนด์ความงามสัญชาติออสเตรเลีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 โดยมีพันธกิจในการสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมสำหรับผิว ผม และร่างกาย
คำเตือนเกี่ยวกับข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคตข้อความในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ (หรือในเอกสารอ้างอิง) ที่ไม่ใช่ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงในอดีต อาจเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อความเกี่ยวกับการทำธุรกรรมระหว่าง Natura กับ Avon, ความเชื่อเกี่ยวกับมูลค่าที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมระหว่าง Natura กับ Avon, กรอบเวลาที่คาดว่าจะทำธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์, ประโยชน์และการส่งเสริมกันอันเป็นผลมาจากการทำธุรกรรม, โอกาสในอนาคตของบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการ รวมถึงข้อความอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ การคาดการณ์ การวางแผน ความตั้งใจ สถานะทางการเงิน หรือผลการดำเนินงานในอนาคตของ Avon และ Natura ในบางกรณี ข้อความคาดการณ์อนาคตจะมีการใช้คำต่างๆ เช่น ประมาณการ คาดการณ์ ทำนาย วางแผน เชื่อว่า อาจจะ คาดว่า คาดหวัง ตั้งใจว่า อาจเกิดขึ้น ความสามารถ ความคาดหมาย จะ หรือคำที่มีความหมายในลักษณะเดียวกัน หรือคำที่มีความหมายเชิงลบ ข้อความคาดการณ์อนาคตอ้างอิงจากความคาดหวังและความเชื่อของ Natura และ Avon ที่มีต่อเหตุการณ์ในอนาคต จึงมีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดหวังไว้ในตอนนี้ ปัจจัยเหล่านั้นยากที่จะคาดเดาและอาจอยู่เหนือการควบคุมของ Natura และ Avon ข้อความคาดการณ์อนาคตในประกาศนี้เป็นการให้ข้อมูล ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น หลังจากนี้อาจมีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆเกิดขึ้นอีก ซึ่ง Natura และ Avon ไม่สามารถทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือผลกระทบที่อาจมีต่อบริษัท ดังนั้น ผู้อ่านไม่ควรมองว่าข้อความคาดการณ์อนาคตเป็นการทำนายเหตุการณ์ในอนาคต ทั้ง Natura และ Avon ไม่มีภาระหน้าที่หรือข้อผูกมัดใดๆ ในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์อนาคตในประกาศนี้หรือที่อื่นหลังวันที่มีการเผยแพร่ เว้นแต่กฎหมายกำหนด เนื่องด้วยปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้ นักลงทุนควรตระหนักว่าผลลัพธ์ เหตุการณ์ หรือความคืบหน้าใดๆ ที่กล่าวถึงในข้อความคาดการณ์อนาคตในประกาศนี้ อาจไม่เกิดขึ้นจริง มีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของ Natura และ/หรือ Avon และทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ ซึ่งรวมถึง (a) ความสามารถของทั้งสองฝ่ายในการทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ หรือทำตามเงื่อนไขเพื่อให้การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและหน่วยงานกำกับดูแลตามเงื่อนไขหรือกรอบเวลาที่คาดการณ์ (b) ความสามารถของทั้งสองฝ่ายในการทำให้สำเร็จตามที่คาดหวัง ทั้งในส่วนของกรอบเวลา การบรรลุผล รวมถึงภาระภาษีและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม (c) ความเป็นไปได้ที่อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการทำธุรกรรมตามที่เคยคาดหวังไว้ หรืออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ (d) ความเสี่ยงที่ว่าการควบรวมกิจการของ Avon กับ Natura อาจล่าช้าอย่างมาก หรือมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป หรือยากลำบากกว่าที่คาดการณ์ (e) ความล้มเหลวในการบรรลุการทำธุรกรรมด้วยเหตุผลใดก็ตาม (f) ผลกระทบจากการประกาศธุรกรรมดังกล่าวที่มีต่อความสัมพันธ์กับลูกค้ารวมถึงผลการดำเนินงาน (เช่น ความยากลำบากในการรักษาความสัมพันธ์กับพนักงานหรือลูกค้า) (g) ผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นจากการที่ Natura ออกหุ้นสามัญเพิ่มในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม (h) ความเป็นไปได้ที่การทำธุรกรรมอาจใช้เงินมากกว่าที่คาดการณ์ อันเป็นผลมาจากปัจจัยหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (i) การเสียเวลาบริหารเพราะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม (j) ความเป็นไปได้ที่อาจไม่สามารถบรรลุภาระภาษีและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม (k) ปัจจัยเสี่ยงที่ระบุไว้ใน Section 4 ของเอกสารอ้างอิงปี 2561 ฉบับ 15 ที่ Natura ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์บราซิลเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 และ (l) ปัจจัยเสี่ยงที่ระบุไว้ใน Item 1A ของรายงานประจำปีล่าสุดของ Avon ใน Form 10-K รวมถึงรายงานสืบเนื่องใน Forms 10-Q และ 8-K
(เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบ ผลประกอบการในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จึงไม่รวมมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 (IFRS 16) เรื่องสัญญาเช่า อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่รวมมาตรฐานการบัญชีใหม่ IFRS 16 นั้น มีการรายงานในงบการเงินของบริษัท สำหรับผลประกอบการที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted) ไม่รวมผลกระทบที่พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถเปรียบเทียบได้ในช่วงเวลาต่าง ๆ ภายใต้การวิเคราะห์)

No comments:

Post a Comment