ผลสำรวจและข้อมูลจากบิ๊กดาต้าชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงจีนนอนหลับได้ยาวนานกว่าผู้ชายถึง 21 นาทีต่อคืน
เพื่อเฉลิมฉลองให้กับวันนอนหลับโลกซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคม 2563 แบรนด์ Amazfit ของบริษัท Huami (NYSE: HMI) ได้เปิดตัวรายงาน 2019 Chinese Sleep Whitepaper[1] ในวันที่ 21 มีนาคม โดยใช้บิ๊กดาต้ามาวิเคราะห์รูปแบบการนอนของชาวจีน ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นในด้านสุขภาพและการใส่ใจกับคุณภาพการนอน Amazfit จึงได้เปิดตัว ZenBuds ในมหกรรม CES2020 ส่งผลให้ Huami สามารถคว้ารางวัล Red Dot จากเวที Red Dot Design Award 2020[2] มาได้สำเร็จ ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์สุดพิเศษซึ่งมีความสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง
รายงานชี้ผู้หญิงจีนนอนหลับได้นานกว่าผู้ชาย 21 นาทีต่อคืน
รายงาน 2019 Chinese Sleep Whitepaper ของ Huami ใช้บิ๊กดาต้ามาช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอนมากกว่า 10 ล้านระดับ [3] รวมถึงผลการสำรวจออนไลน์จากกว่า 100,000 คำถาม โดยทางบริษัทได้วิเคราะห์และศึกษาพฤติกรรมการนอนของชาวจีนในปี 2562 ในหลายมิติด้วยกัน พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนใส่ใจคุณภาพการนอนของตนเอง และปรับพฤติกรรมการนอนให้ดียิ่งขึ้น
การสำรวจพบว่า พฤติกรรมการนอนของผู้หญิงจีนนั้นดีกว่าผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อมูลระบุว่า ผู้หญิงจะสามารถนอนได้ยาวนานกว่าผู้ชายเฉลี่ย 21 นาทีต่อคืน โดยจะเริ่มนอนในเวลา 23.40 น. หรือเร็วกว่าผู้ชาย 23 นาที และตื่นก่อนผู้ชาย 2 นาที สำหรับคะแนนการนอนหลับของผู้หญิงเฉลี่ยอยู่ที่ 83.5 คะแนน เทียบกับผู้ชายที่ระดับ 81 คะแนน ส่วนในเรื่องของท่าทางการนอนนั้น ผู้ชายมักจะชอบนอนหงาย ขณะที่ผู้หญิงชอบนอนตะแคง
Amazfit ZenBuds คว้ารางวัล Red Dot จากเวที Red Dot Design Award 2020 |
ZenBuds จาก Amazfit คว้ารางวัล Red Dot Award จากการมอบคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่เปิดตัวไปในมหกรรม CES2020 ZenBuds ก็กลายมาเป็นที่จับตาในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานได้คลายความเครียดและความกดดันต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการนอน โดย ZenBuds เป็นหูฟังอัจฉริยะที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ดี ด้วยคุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนและเปิดเพลงที่มีความผ่อนคลาย ผู้ใช้งานจึงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและนอนหลับได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ฟังก์ชันการติดตามการนอนอัจฉริยะยังสามารถวิเคราะห์คุณภาพการนอนได้ในแต่ละคืน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานมีพฤติกรรมการนอนที่ดีขึ้น
ดีไซน์หูฟังแบบ In-Ear ตัดเสียงรบกวนภายนอก
ZenBuds ได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้พอดีกับรูหูของผู้ใช้งานและช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น โดยจะตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสงบตลอดคืน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังใช้งานได้ในเวลากลางวันหากต้องการสมาธิมากขึ้น
น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย
เพื่อให้สามารถใส่นอนได้ตลอดทั้งคืน ZenBuds มีน้ำหนักเบาเพียง 1.78 กรัม [4] ต่อข้าง อีกทั้งยังได้รับการออกแบบมาให้กระชับต่อรูหูและสวมใส่สบาย ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถใส่นอนได้โดยไม่รู้สึกรำคาญแม้นอนตะแคง
เล่นเสียงที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
เทคโนโลยี Knowles Balanced Armature ช่วยสร้างเสียงที่มอบความรู้สึกผ่อนคลายช่วยให้นอนหลับสบาย ด้วยการเลียนเสียงสถานการณ์และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่หลากหลาย ช่วยคลายความตึงเครียดและทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
ติดตามการนอนหลับแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ZenBuds จะเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, ตำแหน่งร่างกาย และการเคลื่อนไหว เพื่อประมวลผลเป็นรายงานคุณภาพการนอนหลับ[5] ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรู้สถานะการนอนของพวกเขาได้ดีขึ้น พร้อมมอบคำแนะนำเพื่อปรับพฤติกรรมการนอนให้ดีขึ้นด้วย
หยุดทำงานอัตโนมัติด้วยฟังก์ชั่นการตรวจจับการนอน
ZenBuds สามารถควบคุมได้ด้วยการแตะเบา ๆ หรืออาจตั้งค่าให้หยุดเล่นเสียงอัตโนมัติได้ผ่านฟังก์ชั่นการตรวจจับการนอนหลับ เพื่อให้หูฟังปิดตัวเองเมื่อพบว่าผู้ใช้งานนอนหลับแล้ว เพื่อการนอนหลับต่อเนื่องตลอดคืน
จุกซิลิโคนให้สัมผัสนุ่มสบายและเป็นมิตรกับผิว
จุกหูฟัง ZenBuds ทำมาจากวัสดุซิลิโคนที่มีความนุ่มและเป็นมิตรกับผิว มอบความสบายเหนือชั้นในการสวมใส่แม้ขณะนอนหลับ
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นาน 8-12 ชั่วโมง [6]
แบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนี้มีความสามารถการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง [7] เมื่อมีการตั้งค่าให้โปรแกรมตรวจจับการนอนหลับทำงานต่อไป หลังเพลงถูกปิดลงอัตโนมัติใน 3 ชั่วโมงอีกทั้งยังใช้งานได้ยาวนานถึง 8 คืน [8] เมื่อมีการใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ
นาฬิกาปลุกแบบ In-Ear หมดกังวลเรื่องการรบกวนคนรอบข้าง
ผู้ใช้งานจะถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงนาฬิกาปลุกจากหูฟังแบบ In-Ear ที่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความดังขึ้นทีละน้อย จึงไม่ต้องกังวลว่าเสียงนาฬิกาปลุกของคุณจะรบกวนคนรอบข้างอีกต่อไป
ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ | Amazfit ZenBuds |
วางจำหน่าย | กำหนดไว้ในปี 2020 |
ราคา | 149.90 ดอลลาร์สหรัฐ |
เวอร์ชั่นบลูทูธ | BT5.0 BLE |
กันน้ำ | N/A |
ไมโครโฟน | ไม่มี |
อายุแบตเตอรี่ | ใช้งานต่อเนื่อง 8 ถึง 12 ชั่วโมง (>68 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์ต) |
น้ำหนัก | 1.78 กรัม |
เซนเซอร์ | G sensor |
วัสดุ | ซิลิโคน |
ลำโพง | Knowles Technology |
ฟีเจอร์ | ดีไซน์เฉพาะให้ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ติดตามการนอนหลับ, เสียงนุ่มลึกเป็นธรรมชาติ, นาฬิกาปลุก |
อุปกรณ์ในกล่อง | หูฟัง 1 คู่, เคสชาร์จ 1 อัน, จุกซิลิโคน 3 คู่ (ขนาดใหญ่, กลาง, เล็ก), สายชาร์ต USB-A to Type C 1 เส้น และคู่มือการใช้งาน |
[1] https://weibo.com/ttarticle/p/show?id=2309404484526402306487
[2] งานประกาศรางวัล RedDot Award ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี นับเป็นหนึ่งในเวทีระดับโลกของแวดวงอุตสาหกรรมการออกแบบ เช่นเดียวกับงาน IDEA Award และ IF Design Award
[3] บนแอป MI Fit
[4] หูฟังแต่ละข้างมีน้ำหนักเพียง 1.78 กรัม เมื่อใส่กับจุกซิลิโคนขนาดกลาง
[5] ในแอปของ Amaz?t
[6] 8 ชั่วโมง: เมื่อปิดฟังก์ชั่นการปิดเพลงอัตโนมัติด้วยการตรวจจับการนอนหลับและวัดระดับการเต้นของหัวใจ 12 ชั่วโมง: เมื่อเปิดใช้งานตรวจจับการนอนหลับและวัดระดับการเต้นของหัวใจ โดยเพลงจะดับลงหลังจากที่เล่นต่อเนื่องนาน 3 ชั่วโมง ส่วนการตรวจับการนอนจะทำงานตลอดคืน
[7] ข้อมูลจาก Amazfit Lab ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการทดสอบที่ต่างกันไป
[8] 64 ชั่วโมงจากการชาร์จหูฟังด้วยเคสชาร์จ ข้อมูลจาก Amazfit Lab อาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการทดสอบ
[2] งานประกาศรางวัล RedDot Award ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี นับเป็นหนึ่งในเวทีระดับโลกของแวดวงอุตสาหกรรมการออกแบบ เช่นเดียวกับงาน IDEA Award และ IF Design Award
[3] บนแอป MI Fit
[4] หูฟังแต่ละข้างมีน้ำหนักเพียง 1.78 กรัม เมื่อใส่กับจุกซิลิโคนขนาดกลาง
[5] ในแอปของ Amaz?t
[6] 8 ชั่วโมง: เมื่อปิดฟังก์ชั่นการปิดเพลงอัตโนมัติด้วยการตรวจจับการนอนหลับและวัดระดับการเต้นของหัวใจ 12 ชั่วโมง: เมื่อเปิดใช้งานตรวจจับการนอนหลับและวัดระดับการเต้นของหัวใจ โดยเพลงจะดับลงหลังจากที่เล่นต่อเนื่องนาน 3 ชั่วโมง ส่วนการตรวจับการนอนจะทำงานตลอดคืน
[7] ข้อมูลจาก Amazfit Lab ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการทดสอบที่ต่างกันไป
[8] 64 ชั่วโมงจากการชาร์จหูฟังด้วยเคสชาร์จ ข้อมูลจาก Amazfit Lab อาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการทดสอบ
No comments:
Post a Comment