งานนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์กำลังเข้าสู่ยุค Grid Parity (จุดที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เท่ากับหรือถูกกว่าไฟฟ้าจากสายส่ง) การลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) จึงกลายเป็นทิศทางการพัฒนาในปัจจุบัน การพัฒนาเทคโนโลยีโมดูลยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาซิลิคอนเวเฟอร์ขนาดใหญ่ 210 มม. ที่ผลักดันให้โมดูลมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 500W อย่างรวดเร็ว โมดูลกำลังสูงที่มาพร้อมซิลิคอนเวเฟอร์ขนาดใหญ่กำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์
ดร.เฉียง หวง รองประธานบริษัท Risen Energy กล่าวว่า “ในยุค Grid Parity การลดต้นทุน LCOE คือจุดแข็งในการแข่งขัน การที่โมดูลมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400W เป็น 500W และเป็น 600W สะท้อนถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม โดยยุค Grid Parity ทำให้การลดต้นทุน LCOE และค่าไฟกลายเป็นวาระใหม่ใน “แผน 5 ปี ระยะที่ 14” ของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์”
ภายในงาน คุณหลิว หยาเฟิง กรรมการอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Risen Energy ได้เปิดตัว G6 ซึ่งเป็นโมดูลรุ่นใหม่ในซีรีส์ TITAN โดยโมดูลซีรีส์นี้ยังคงใช้เทคโนโลยีการตัดแบ่งโมดูลโดยไม่สร้างความเสียหาย แพคเกจความหนาแน่นสูง และเทคโนโลยีมัลติบัสบาร์จากโมดูลรุ่น G5 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2562 และใช้รูปแบบการตัดแบ่งครึ่ง 6*10 ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มกำลังของโมดูลและลดความเสี่ยงที่จะเกิดจุดร้อน ยิ่งไปกว่านั้น คุณสมบัติแรงดันไฟฟ้าต่ำและกำลังไฟฟ้าสูงยังช่วยลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) ลงได้อย่างมาก
“ขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม กระแสไฟฟ้าสูงและแรงดันไฟฟ้าต่ำ” ดร.เฉียง หวง กล่าว “การลดต้นทุน LCOE คือเป้าหมายหลักที่สำคัญกว่ากำลังสูง แม้ว่าจะเผชิญความยากลำบากกว่าจะกลายเป็นกระแสหลักในตลาดก็ตาม”
No comments:
Post a Comment