- Mercedes-Benz และ CATL ประกาศยกระดับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่
- รถซีดานหรูพลังงานไฟฟ้า Mercedes-Benz EQS เตรียมเปิดตัวปีหน้า ใช้เซลล์แบตเตอรี่ของ CATL วิ่งได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตร
- Mercedes-Benz และ CATL จะร่วมกันผลักดันการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนระดับอุตสาหกรรมในเยอรมนี
- รถซีดานหรูพลังงานไฟฟ้า Mercedes-Benz EQS เตรียมเปิดตัวปีหน้า ใช้เซลล์แบตเตอรี่ของ CATL วิ่งได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตร
- Mercedes-Benz และ CATL จะร่วมกันผลักดันการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนระดับอุตสาหกรรมในเยอรมนี
Mercedes-Benz จับมือ Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) <300750.SZ> ประกาศยกระดับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และเตรียมสร้างสรรค์เทคโนโลยีแบตเตอรี่สุดล้ำเพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz ที่จะผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก โดยผู้ผลิตรถหรูจากเมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี กำลังเร่งดำเนินกลยุทธ์ “Electric First” ด้วยการใช้ระบบ โมดูล และเซลล์แบตเตอรี่ที่ทันสมัยและเป็นกลางทางคาร์บอนของ CATL ผู้นำด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยข้อตกลงระหว่างสองบริษัทครอบคลุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่เต็มรูปแบบ ตั้งแต่เซลล์และโมดูลสำหรับ Mercedes-Benz Cars ไปจนถึงระบบแบตเตอรี่สำหรับ Mercedes-Benz Vans รวมถึงแบตเตอรี่ CATL cell-to-pack (CTP) ที่ไม่ใช้โมดูลแบบเดิม แต่ติดตั้งเซลล์ในแบตเตอรี่โดยตรง
“เรามุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เราจึงผสานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาของเราเข้ากับของพาร์ทเนอร์ เราจะใช้ระบบแบตเตอรี่สุดล้ำเพื่อสร้างสรรค์รถหรูที่วิ่งได้ไกล ชาร์จแบตได้เร็ว ปลอดภัย และยั่งยืน การร่วมงานกับ CATL จะช่วยให้เราเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้อย่างรวดเร็ว” มาร์คัส เชฟเฟอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารบริษัท Daimler AG และ Mercedes-Benz AG ผู้นำของ Daimler Group Research และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mercedes-Benz Cars กล่าว “CATL จะเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่สำหรับรถยนต์ EQ รุ่นใหม่ที่เราจะเปิดตัวตลอดหลายปีนับจากนี้”
“Mercedes-Benz เป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความพิเศษและสำคัญสำหรับ CATL เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เดินหน้าขยายและยกระดับความร่วมมือเพื่อความก้าวหน้าในอนาคตของทั้งสองบริษัท ทั้งนี้ Mercedes คิดค้นรถยนต์เมื่อกว่า 130 ปีมาแล้ว และพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อผสานกับความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ของ CATL จะถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองฝ่ายภายใต้กลยุทธ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ดร.โรบิน เจิง ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของ CATL กล่าว “เราร่วมมือกันพัฒนาและส่งมอบโซลูชันที่เชื่อถือได้และมีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก”
พัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่สุดล้ำ
เซลล์แบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญของระบบแบตเตอรี่ที่มีความซับซ้อนสูง ปฏิกิริยาเคมีในแบตเตอรี่มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพ ระยะทางการวิ่ง และอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า การสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ CATL ช่วยให้ Mercedes-Benz สามารถยกระดับการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพดีที่สุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายได้เริ่มพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่สำหรับใช้ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายรุ่นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดวงจรการพัฒนาให้สั้นลง เพิ่มระยะทางการวิ่งให้มากขึ้นด้วยการเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานในแบตเตอรี่ และลดเวลาในการชาร์จแบตให้น้อยลง ทั้งนี้ เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับลูกค้าในเซกเมนต์รถหรู จึงมีการพัฒนารถซีดานหรู Mercedes-Benz EQS ซึ่งเตรียมเปิดตัวในปีหน้า รถรุ่นนี้วิ่งได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตร ชาร์จแบตเร็วกว่ารถรุ่นอื่นในปัจจุบันสองเท่า และใช้เซลล์แบตเตอรี่จาก CATL
ซ้าย: มาร์คัส เชฟเฟอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารบริษัท Daimler AG และ Mercedes-Benz AG และขวา: ดร.โรบิน เจิง ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของ CATL
“Daimler จะเดินหน้ายกระดับความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ทันสมัยและแข็งแกร่ง เพื่อบรรลุผลสำเร็จภายใต้กลยุทธ์แห่งอนาคตซึ่งรวมถึงการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยในประเทศจีน เราได้สร้างความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้เล่นรายใหญ่ในแวดวงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสำคัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต การจัดซื้อ การวิจัยและพัฒนา” ฮูเบอร์ทุส ทรอสกา สมาชิกคณะกรรมการบริหารบริษัท Daimler AG ผู้รับผิดชอบดูแลธุรกิจในจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน (Greater China) กล่าว “เรายินดีที่ได้ยกระดับความร่วมมือกับ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลกจากจีน และจะผนวกความร่วมมือครั้งนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Electric First” และการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา เราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ Daimler สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าด้วยความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม”
Mercedes-Benz และ CATL มุ่งมั่นพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง มีคุณภาพสูง และมีความยั่งยืนสูงสุดเท่าที่จะทำได้
ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่จากกระบวนการผลิตที่เป็นกลางทางคาร์บอน
ภายใต้วิสัยทัศน์ “Ambition 2039” Mercedes-Benz กำลังพยายามบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนารถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นใหม่ที่เป็นกลางทางคาร์บอน และรุกผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนจากกระบวนการผลิตรถยนต์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ บรรดาพาร์ทเนอร์จึงตกลงว่าจะผลิตแบตเตอรี่ด้วยกระบวนการที่เป็นกลางทางคาร์บอน โดยในส่วนของ CATL นั้น บริษัทจะใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำในกระบวนการผลิต เมื่อช่วงต้นปีนี้ Mercedes-Benz และ CATL ได้เปิดตัวโครงการนำร่องที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสร้างความโปร่งใสด้านการปล่อยก๊าซที่ทำลายสภาพอากาศและสัดส่วนของวัตถุดิบทุติยภูมิในห่วงโซ่อุปทานเซลล์แบตเตอรี่ ขั้นต่อไปคือการลดการพึ่งพาวัตถุดิบใหม่ ด้วยการนำแบตเตอรี่ที่เลิกผลิตมารีไซเคิล
ฮูเบอร์ทุส ทรอสกา สมาชิกคณะกรรมการบริหารบริษัท Daimler AG ผู้รับผิดชอบดูแลธุรกิจใน Greater China
“ภายใต้กรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งใหม่นี้ CATL มุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ Mercedes-Benz AG หนึ่งในนั้นคือวิสัยทัศน์ “Ambition 2039” ซึ่งประกอบด้วยการผลิตอย่างยั่งยืนโดยใช้พลังงานหมุนเวียน การลดการปล่อยคาร์บอนในการขนส่งทั่วห่วงโซ่อุปทาน และการรับผิดชอบต่อสังคมในทุกแง่มุม CATL จะผลิตแบตเตอรี่ด้วยความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานการจัดหาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ Mercedes-Benz EQ รุ่นใหม่ ประเดิมด้วยรุ่น EQS” โจว เจี๋ย ประธานกรรมการบริษัท CATL กล่าว “ผมมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทได้สร้างสรรค์ธุรกิจที่ยั่งยืนและพลิกโฉมอุตสาหกรรมของเราอย่างรวดเร็ว”
การผลิตเทคโนโลยีแบตเตอรี่เชิงอุตสาหกรรมในเยอรมนี
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Mercedes-Benz กับ CATL ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และการผลิตเชิงอุตสาหกรรมในเยอรมนีเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น โดย CATL กำลังสร้างโรงงานในรัฐทือริงเงินเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการในยุโรป เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นให้แก่ Mercedes-Benz ตลอดจนยกระดับอุปทานให้มีความราบรื่น ซึ่งจะช่วยให้ Mercedes-Benz ได้ใช้ส่วนประกอบในประเทศมากขึ้น ด้วยการซื้อแบตเตอรี่จากโรงงานของ CATL ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองแอร์ฟูร์ท
เกี่ยวกับ CATL
Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) คือผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยมีธุรกิจครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายระบบแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานใหม่และระบบกักเก็บพลังงาน ในปี 2019 บริษัทมียอดขายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอยู่ที่ 40.25 GWh ส่งผลให้เป็นผู้นำของโลก (ข้อมูลจาก SNE Research)
โจว เจี๋ย ประธานกรรมการบริษัท CATL
CATL มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหนิงเต๋อ ประเทศจีน และมีสำนักงานสาขาในปักกิ่ง, ลี่หยาง (มณฑลเจียงซู), ซีหนิง (มณฑลชิงไห่) และอี๋ปิน (มณฑลเสฉวน) รวมถึงในมิวนิก (เยอรมนี), ปารีส (ฝรั่งเศส), โยโกฮาม่า (ญี่ปุ่น), ดีทรอยต์ (สหรัฐอเมริกา) และแวนคูเวอร์ (แคนาดา) โดยมีพนักงานกว่า 26,000 คนทั่วโลก ณ ปี 2019 นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในมณฑลฝูเจี้ยน เจียงซู ชิงไห่ และเสฉวน และกำลังก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในต่างประเทศที่เมืองแอร์ฟูร์ท ประเทศเยอรมนี ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น รหัสหุ้น 300750 เมื่อเดือนมิถุนายน 2018
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.catlbattery.com
เกี่ยวกับ Mercedes-Benz AG
Mercedes-Benz AG รับผิดชอบดูแลธุรกิจทั่วโลกของ Mercedes-Benz Cars และ Mercedes-Benz Vans โดยมี โอลา คัลเลเนียส ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร และมีพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถตู้ รวมถึงให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบขับขี่อัตโนมัติ และรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยอาศัยนวัตกรรมแห่งอนาคตของบริษัทเอง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยรถยนต์แบรนด์ Mercedes-Benz รวมถึงแบรนด์ย่อยอย่าง Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach และ Mercedes me ตลอดจนสมาร์ทแบรนด์ และแบรนด์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ EQ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Mercedes-Benz AG คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2019 บริษัทขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้เกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้อีกกว่า 438,000 คัน นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายเครือข่ายการผลิตทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40 แห่งใน 4 ทวีป พร้อมกับปรับตัวเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังพัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ใน 3 ทวีปทั่วโลก โดยมี “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจทั้งสองส่วน สำหรับบริษัทนั้น ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าอย่างมั่นคงให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน หุ้นส่วนทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม บริษัทยึดมั่นในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของ Daimler ด้วยการรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการทำธุรกิจที่มีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม และให้ความสำคัญกับห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด
No comments:
Post a Comment