- การระดมทุนรอบนี้นำโดย Wheatsheaf และ GV พร้อมการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากกลุ่มนักลงทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ และสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในห่วงโซ่คุณค่าด้านอาหารและการเกษตร
- Benson Hill จะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายการดำเนินงานเชิงพาณิชย์และระบบนวัตกรรมอาหารอย่าง CropOS(TM) ให้ครอบคลุมตลาดอาหารและส่วนประกอบอาหาร
Benson Hill บริษัทด้านเทคโนโลยีอาหาร ประกาศปิดรอบระดมทุนซีรีส์ D วงเงิน 150 ล้านดอลลาร์ นำโดย Wheatsheaf Group และ GV (ชื่อเดิม Google Ventures) โดย CropOS(TM) ระบบนวัตกรรมอาหารชั้นนำของบริษัทได้ใช้จากความหลากหลายทางพันธุกรรมของธรรมชาติเพื่อพัฒนาและจำหน่ายอาหารและส่วนประกอบที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งมอบประโยชน์แก่เกษตรกร บริษัทอาหารทุกประเภท และสุดท้ายคือผู้บริโภค การระดมทุนรอบนี้จะช่วยเร่งความพยายามของ Benson Hill ในการผลักดันการใช้งานเทคโนโลยีฐานของบริษัท ขยายการพัฒนาพันธมิตรทั่วซัพพลายเชน และเพิ่มการวางตลาดผลิตภัณฑ์
รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติแชนแนลอินเตอร์แอคทีฟได้ที่: https://www.multivu.com/players/English/8799651-benson-hill-series-d/
การระดมทุนรอบนี้ดึงดูดนักลงทุนจากหลากหลายวงการที่ต่างยอมรับในโมเดลธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของบริษัท รวมถึงศักยภาพในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและโลกผ่านความก้าวหน้าในระบบอาหาร โดยนักลงทุนใหม่และนักลงทุนเดิม ประกอบด้วย Argonautic Ventures, Caisse de depot et placement du Quebec (CDPQ), Emart, GS Group, Louis Dreyfus Company, iSelect Fund, Fall Line Capital, Mercury Fund, Prelude Ventures, Prolog Ventures, S2G Ventures ตลอดจนนักลงทุนเชิงกลยุทธ์และสำนักงานครอบครัว
Benson Hill ใช้ประโยชน์จาก Cloud Biology(R) ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ผสานพลังแห่งวิทยาศาสตร์ข้อมูล การเรียนรู้ของเครื่องจักร และ AI เข้ากับชีววิทยาของพืชและจีโนมิกส์ ขณะที่ CropOS(TM) เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยนำสาขาวิชานี้ไปสู่การปฏิบัติจริง โดยช่วยเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของ Benson Hill และความร่วมมือต่างๆ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ทางเลือกอาหารและส่วนประกอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้นตามที่ผู้บริโภคมองหา ขณะเดียวกันก็ให้ผลผลิตที่ดีตามที่เกษตรกรต้องการ
"ในฐานะบริษัท เราให้ความสำคัญกับการลงทุนในนวัตกรรมที่ให้แคลอรีและการบำรุงสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับประชากรโลกที่กำลังเติบโตในระบบอาหารที่ขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์" Stephan Dolezalek กรรมการบริหารของ Wheatsheaf Group กล่าว "เราเชื่อว่าวัฒนธรรมและพันธมิตรที่ขับเคลื่อน Benson Hill ให้ก้าวไปข้างหน้านั้น จะสร้างอิมแพคที่สำคัญต่อความท้าทายด้านสุขภาพและความยั่งยืนในระบบอาหารของเราในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของเรา"
"เรารู้สึกตื่นเต้นที่มีส่วนร่วมในการขยายงานของ Benson Hill เพื่อขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนของอาหาร ด้วยการผลักดันให้นวัตกรรมเทคโนโลยีสร้างคุณค่าเป็นที่ประจักษ์" Max Clegg หัวหน้า LDC Innovations ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนขององค์กรของ Louis Dreyfus Company กล่าว "พลังของจีโนมิกส์และความหลากหลายทางพันธุกรรมยังมีอีกมากให้ใช้ประโยชน์ และเราเชื่อว่าเทคโนโลยีของบริษัทและโมเดลความร่วมมือจะปลดล็อกประสิทธิภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในซัพพลายเชน ตั้งแต่เกษตรกรถึงผู้บริโภคปลายทาง"
"การเคลื่อนไหวด้านโปรตีนจากพืชกระจายอยู่ทั่วโลก" Hewie Kang ซีอีโอ Emart, Shinsegae Group กล่าว "นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Benson Hill โดยเฉพาะด้านโปรตีนและความเข้มช้นของสารอาหาร จะช่วยเร่งให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทางเลือกต่างๆ ที่มาจากพืช การลงทุนของเราสะท้อนความตั้งใจเชิงกลยุทธ์ในการทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริง ด้วยการนำเสนอทางเลือกอาหารที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพมากขึ้นแก่ผู้บริโภคทั่วโลก"
จากการระดมทุนรอบใหม่นี้ Benson Hill จะพัฒนา Cloud Biology(R) และเครื่องมือสร้างนวัตกรรมอย่าง CropOS(TM) อย่างต่อเนื่อง, ยกระดับการพัฒนาพันธมิตร, เดินหน้าสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถระดับแถวหน้า ตลอดจนเร่งวางจำหน่ายถั่วเหลืองสายพันธุ์ Ultra-High Protein ในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2021 รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ บริษัทมีสายพันธุ์ถั่วเหลืองคุณภาพสูงที่จะมอบคุณค่าระดับพรีเมียมซึ่งเป็นที่ต้องการ รวมถึงการย่อยที่ดีขึ้น, กรดไขมันโอเมกาที่ดีต่อหัวใจ และโปรตีนสูงขึ้น สำหรับป้อนตลาดอาหารที่ทำจากพืช, น้ำมันเพื่อสุขภาพ อาหารสัตว์ และตลาดเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
"ในสังคม เรายืนอยู่บนทางแยกที่ชัดเจนขึ้น ในขณะที่โรคระบาดเผยให้เห็นความเข้มแข็งและความเปราะบางในระบบอาหารของเรา" Matt Crisp ซีอีโอ Benson Hill กล่าว "ทางเลือกอาหารที่สร้างความเพลิดเพลิน ทำให้เราแข็งแรงขึ้น และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมนั้น จำเป็นต้องเข้าถึงได้สำหรับทุกคน และพลังของความหลากหลายของพืชและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูป
เรารู้สึกขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน ผู้ถือผลประโยชน์ เกษตรกร และพันธมิตร ที่ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนและโอกาสที่จะร่วมกันคิดและพัฒนาการผลิตอาหารให้ทันสมัย"
เกี่ยวกับ Benson Hill
Benson Hill ขับเคลื่อนอาหารไปข้างหน้าด้วย Cloud Biology(R) และแพลตฟอร์ม CropOS(TM) เครื่องมือสร้างนวัตกรรมอาหารระดับชั้นนำที่ผสานวิทยาศาสตร์ข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรกับชีววิทยาและพันธุศาสตร์ Benson Hill มอบพลังแก่นักนวัตกรรมในการปลดล็อกความหลากหลายทางพันธุกรรมในธรรมชาติ จากพืชไปสู่จาน ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างทางเลือกอาหารและส่วนประกอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อร่อย อีกทั้งเข้าถึงได้ในวงกว้างและยั่งยืน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ bensonhill.com หรือบนทวิตเตอร์ที่ @bensonhillinc
เกี่ยวกับ Wheatsheaf Group
Wheatsheaf Group ลงทุนในธุรกิจอาหารและการเกษตรโดยใช้เงินทุนและความเชี่ยวชาญ ด้วยมุมมองที่กว้างไกลเพื่อส่งมอบผลประโยชน์ทางการค้าและสังคมที่ยั่งยืน ด้วยหนึ่งในทีมลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและก่อตั้งยาวนานที่สุดในภาคส่วนอุตสาหกรรม Wheatsheaf จับมือกับธุรกิจต่างๆ ที่บริษัทได้เข้าลงทุน เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการผลิตและจัดจำหน่ายอาหาร พัฒนาโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมเพื่อมอบอาหารที่คนเข้าถึงได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลอดภัย ซึ่งดีต่อทั้งสุขภาพของมนุษย์และสุขภาพของโลก จากการใช้โมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีเหล่านี้ในเชิงพาณิชย์ Wheatsheaf ทำงานเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่คงทนในการแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในสังคมสมัยใหม่ นั่นคือการจัดหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดย Wheatsheaf Group เป็นส่วนหนึ่งของ Grosvenor Estate
เกี่ยวกับ Louis Dreyfus Company (LDC)
LDC คือผู้ค้าและผู้แปรรูปสินค้าเกษตรชั้นนำ บริษัทใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสินทรัพย์ที่กว้างขวางและเข้าถึงได้ทั่วโลกในการให้บริการลูกค้าและผู้บริโภคทั่วโลก บริษัทจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปยังสถานที่ที่ใช้ในเวลาที่เหมาะเจาะ ทั้งปลอดภัย รับผิดชอบ และเชื่อถือได้ กิจกรรมของบริษัทครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดตั้งแต่ฟาร์มถึงส้อม ครอบคลุมไลน์ธุรกิจ (แพลตฟอร์ม) ต่างๆ โดยนับตั้งแต่ปี 1851 พอร์ตโฟลิโอของบริษัทขยายไปยังธัญพืชและเมล็ดพืชน้ำมัน, กาแฟ, ฝ้าย, น้ำผลไม้, ข้าว, น้ำตาล, การขนส่งสินค้า และตลาดทั่วโลก LDC ช่วยหล่อเลี้ยงอาหารและเสื้อผ้าให้กับประชากรราว 500 ล้านคนทุกๆ ปี โดยเป็นทั้งแหล่งที่มา, การผลิต และขนส่งสินค้าประมาณ 80 ล้านตัน บริษัทจัดโครงสร้างเป็นองค์กรเมตริกซ์ 6 ภูมิภาคตามภูมิศาสตร์ และ 8 แพลตฟอร์ม มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ และจ้างพนักงานราว 18,000 คนทั่วโลก
เกี่ยวกับ Emart
Emart บริษัทในเกาหลี เป็นผู้ค้าปลีกหลากรูปแบบ ประกอบด้วย Emart Hypermarkets, Emart Traders, โมเดลคลังสินค้า, Shinsegae Food ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานผลิตหลายแห่ง, ช่องทางการจัดจำหน่ายอาหาร, แฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ, ร้านสะดวกซื้อ Emart24, ร้านขายของชำขนาดเล็ก Emart Everyday, คอมเพลกซ์ห้างสรรพสินค้าหรู, Starbucks Korea และ SSG.COM (ห้างออนไลน์) พอร์ตโฟลิโอของบริษัทสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคในวงกว้าง โดยมาจากการเข้าร้านคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรเกาหลีใต้ทุกเดือน และผู้บริโภค 20 ล้านคนที่ถือบัตรสมาชิก นอกจากเกาหลีแล้ว Emart ยังมีธุรกิจค้าปลีกในเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม, มองโกเลีย, ฟิลิปปินส์ และจีน Emart ดำเนินงานสำนักงานในต่างประเทศหลายแห่งผ่านทางแผนก Global Sourcing ซึ่งรวมถึง Emart America Inc. บริษัทลูกในสหรัฐ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับส่งออก/นำเข้าในนามของ Emart Affiliates ทั้งหมด โดยในสหรัฐนั้น Emart มีร้านขายของชำระดับพรีเมียมในชื่อ Bristol Farms, Metropolitan Market, New Seasons Market และอื่นๆ ผ่านทางบริษัทย่อย Good Food Holdings อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ emartcompany.com
No comments:
Post a Comment