Tuesday, October 27, 2020

สถาปนิกชื่อดัง Jean Nouvel เผยโฉมยุคสถาปัตยกรรมใหม่ ผ่านแนวคิดการออกแบบรีสอร์ตระดับ 'มาสเตอร์พีซ' แห่งแรกของโลกที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิน เมืองอัลอูลา ซาอุดีอาระเบีย

 - สถาปัตยกรรมแห่งแรกของโลกที่ออกแบบตามบริบทพื้นที่และสภาพแวดล้อม จะพาผู้ มาเยือน เดินทางข้ามผ่านกาลเวลา อารมณ์และความรู้สึก พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการออกแบบที่ทุกรายละเอียดของอนาคตจะบอกเล่าเรื่องราวของภูมิทัศน์ในอดีต

- ด้วยการใช้แนวทางแบบภัณฑารักษ์ Jean Nouvel มองอัลอูลาว่าเป็น " การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างภูมิทัศน์กับประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโบราณในภูมิทัศน์แสนพิเศษ "
- การออกแบบแสดงให้เห็นถึงความทันสมัยของ Jean Nouvel ซึ่งนำวิถีชีวิตของชาวนาบาเทียนที่มีอายุนับพันปีมาถ่ายทอดผ่านงานออกแบบที่ถูกสลักกลืนไปกับหิน เพื่อแสดงความเคารพและรักษาภูมิทัศน์ของอัลอูลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก เฮกรา แหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
อัลอูลา ซาอุดีอาระเบีย

แนวคิดการออกแบบที่ทำให้องค์ประกอบของรีสอร์ตกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Sharaan Nature Reserve เมืองอัลอูลา "โครงการของเราต้องไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งที่มนุษยชาติและเวลาอุทิศให้ ต้องสรรเสริญการออกแบบและความเป็นอัจฉริยะของชาวนาบาเทียนโดยที่ไม่กล่าวเกินจริง การสร้างสรรค์นี้เป็นการทำเพื่อวัฒนธรรมอย่างแท้จริง" Jean Nouvel สถาปนิกชื่อดังชาวฝรั่งเศส กล่าว

ดูข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.multivu.com/players/uk/8801551-new-jean-nouvel-concept-designs-new-era-architecture/  

แนวคิดการออกแบบ Sharaan by Jean Nouvel Resort ที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ ทำให้เราเข้าใจวิสัยทัศน์อันกล้าหาญของสถาปนิกที่มีต่ออัลอูลา (AlUla) ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็นโอเอซิสทางวัฒนธรรมในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

รีสอร์ตแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Sharaan Nature Reserve และได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก เฮกรา (Hegra) ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของนาบาเทียน (Nabatean) ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย โดยมรดกทางสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุ 2,000 ปีแห่งนี้กำลังได้รับการชุบชีวิตโดย Jean Nouvel ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลกนับตั้งแต่ที่อารยธรรมของชาวนาบาเทียนถูกแกะสลักกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับหินทรายอายุหลายล้านปีในภูมิภาคนี้

ในการเปิดเผยแนวคิดการออกแบบดังกล่าว สถาปนิก Jean Nouvel ได้อธิบายถึงอัลอูลาว่าเป็น "การผสานอย่างลงตัวของภูมิทัศน์กับประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโบราณในภูมิทัศน์แสนพิเศษ สถานที่หนึ่งเดียวที่จะสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซเช่นนี้ได้"

Jean Nouvel เน้นย้ำความสำคัญของการอนุรักษ์ภูมิทัศน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเช่นนี้ "อัลอูลาคือพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ให้เราได้ศึกษาลำธาร ผาชัน ผืนทราย และแนวหิน ทุกๆ ลักษณะทางธรณีวิทยาและแหล่งโบราณคดีที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรักษาคุณลักษณะเฉพาะทั้งหมดไว้ และคงไว้ซึ่งเสน่ห์ความน่าดึงดูด ซึ่งเสน่ห์เหล่านี้ก็คือความโบราณและห่างไกล เราต้องปกป้องความลึกลับ ตลอดจนความหวังที่ว่าจะมีการค้นพบหลายสิ่งตามมาอีก"

ความมุ่งมั่นของ Jean Nouvel ในการเคารพภูมิทัศน์และมรดกโบราณของอัลอูลาไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงแนวคิดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ "อัลอูลาควรมีความทันสมัยในระดับหนึ่ง" เขาเสนอแนะ "การจินตนาการถึงอนาคตเป็นหน้าที่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และกำหนดให้เราต้องมีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ในสถานที่ที่เป็นปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมอดีต"

Jean Nouvel อธิบายวิธีที่เขาปรับวิถีชีวิตแบบเก่าให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ของเรา ด้วยการลดผลกระทบที่มีต่อภูมิทัศน์ทางธรรมชาติและเมือง ซึ่งการจะทำสิ่งนี้ได้นั้น Jean Nouvel ได้นำเสนอรูปแบบใหม่ของสถาปัตยกรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยใช้สิ่งที่เป็นนามธรรม แกะสลักให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์แทนที่จะแข่งกันเด่น ด้วยแรงบันดาลใจจากชาวนาบาเทียน แนวคิดการออกแบบนี้เล่นกับวิถีชีวิตแบบเก่าเพื่อต่อยอดปัจจุบันและตอบสนองความท้าทายในอนาคต Jean Nouvel ผสานแนวทางที่ชาวนาบาเทียนมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ เพื่อเชื่อมโยงโลกและสร้างที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน ห่างไกลจากความร้อนในฤดูร้อน และความเย็นในฤดูหนาว

Jean Nouvel มองรีสอร์ตแห่งนี้เป็นโอกาสที่จะสร้างประสบการณ์เรื่องพื้นที่ อารมณ์และความรู้สึกให้โลดแล่นขึ้นบนพรมแดนของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และศิลปะ ที่ซึ่งเสียง ดนตรี ความดุดัน กายสัมผัส พลัง และความซับซ้อนของธรรมชาติปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่ก้อนหินที่ตัดอย่างประณีตบนระเบียง สู่รายละเอียดของกำแพงหินแต่ละด้าน ทั้งหมดกลายเป็นงานศิลปะในตัวเอง

"โครงการของเราไม่ควรเป็นอันตรายต่อสิ่งที่มนุษยชาติและเวลาอุทิศให้" Jean Nouvel ย้ำ "โครงการของเราสรรเสริญจิตวิญญาณของชาวนาบาเทียนโดยที่ไม่ต้องกล่าวเกินจริง การสร้างสรรค์นี้เป็นการทำเพื่อวัฒนธรรมอย่างแท้จริง"

Jean Nouvel ใช้แนวทางแบบภัณฑารักษ์ในความหมายของวิชาการพิพิธภัณฑ์ (museography) เพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะที่มุ่งเน้นไปที่ความสุขของการใช้ชีวิต วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ด้วยสีสันที่หลากหลาย แสง เงา ลม พายุฝน และกาลเวลา เขาเชิญนักเดินทางให้ออกเดินทางผ่านอารยธรรมหลายพันปีและภูมิศาสตร์ในทุกรายละเอียดของงานออกแบบของเขา ตั้งแต่ความรู้สึกแข็งกระด้างของก้อนหินไปจนถึงความนุ่มสบายของเก้าอี้นวม โซฟา และเบาะที่นั่ง

ผลลัพธ์ปลายทางคือ การได้เห็นผู้มาเยือนดื่มด่ำไปกับการเดินทางที่น่าจดจำผ่านกาลเวลาและพื้นที่ ซึ่งจะนำเสนอการค้นพบแก่นแท้ของอัลอูลา ด้วยประสบการณ์ดื่มด่ำล้ำลึกในความรกร้างว่างเปล่าของ Sharaan ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับแหล่งโบราณคดีหลายร้อยแห่งภายในอัลอูลา แต่ความหรูหรานี้จะไม่ทำลายภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ เพราะรีสอร์ตแห่งใหม่นี้จะใช้พลังงานที่ปลอดมลพิษ และปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืน

Sharaan by Jean Nouvel Resort จะเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาอัลอูลาของ Royal Commission for AlUla (RCU) ในฐานะจุดหมายระดับโลกสำหรับวัฒนธรรม มรดก และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รีสอร์ตแห่งนี้ได้รับการออกแบบขึ้นภายใต้ The Charter of AlUla ซึ่งเป็นเอกสารที่รวมหลักการ 12 ข้อที่กำหนดให้ RCU ต้องพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ในระยะยาว นอกจากนี้ โครงการยังจะมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่หลากหลายของภูมิภาคผ่านทาง Retreat Summit Centre และร้านอาหารต่างๆ

Amr AlMadani ซีอีโอของ RCU กล่าวว่า "แนวคิดเหล่านี้แสดงถึงความเชี่ยวชาญของ Jean Nouvel ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทางด้านสถาปัตยกรรม และเน้นย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาอัลอูลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่คงจุดเด่นด้านประวัติศาสตร์ มรดก และภูมิทัศน์ของอัลอูลา เราคือจุดหมายปลายทางที่สร้างโดยศิลปิน Sharaan by Jean Nouvel จะสืบสานมรดกนั้น เพื่อเป็นภูมิสถาปัตยกรรมที่ไร้กาลเวลาและจะคงอยู่ตลอดไปเพื่อเป็นของขวัญให้กับโลก"

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

- รีสอร์ตแห่งใหม่โดยสถาปนิก ฌอง นูแวล มีกำหนดสร้างแล้วเสร็จในปี 2024 ประกอบด้วยห้องสวีท 40 ห้อง และวิลล่า 3 หลัง นอกจากนี้ ยังมี Retreat Summit Centre อยู่ใกล้กับรีสอร์ต ซึ่งจะประกอบด้วยศาลาส่วนตัว 14 หลัง
- อัลอูลาจะเปิดแหล่งโบราณคดีให้เข้าชมอีกครั้งในวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยรวมถึงแหล่งมรดกโลก เฮกรา (Hegra) ราชอาณาจักรโบราณดาดัน (Dadan) และหุบเขากระซิบ จาบัล อิกมาห์ (Jabal Ikmah) สามารถจองได้ที่เว็บไซต์ Experience AlUla: https://experiencealula.com/  
- RCU คาดว่า ภายในปี 2035 อัลอูลาจะรองรับผู้มาเยือน 2 ล้านคนต่อปี
- รีสอร์ตแห่งใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอัลอูลาภายใต้หลักยุทธศาสตร์ 12 ข้อที่จัดทำขึ้นจาก Framework Plan และ Charter ของ RCU ซึ่งแนวทางการพัฒนานี้จะสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับมรดก ศิลปะ และวัฒนธรรม ขณะเดียวกันก็ปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อมอบโอกาสใหม่ๆ แก่ชุมชนท้องถิ่น
- ความร่วมมือนี้สนับสนุน Cultural Manifesto ของ RCU ซึ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมหลักๆ ตามที่วางแผนไว้สำหรับอัลอูลาในช่วง 10 ปีข้างหน้า
- ประวัติศาสตร์มนุษย์ของอัลอูลาเริ่มต้นเมื่อกว่า 200,000 ปีก่อน แต่เพิ่งเริ่มเปิดให้มีการท่องเที่ยวสมัยใหม่เพื่อการค้นพบความลึกและความหลากหลายของประสบการณ์และสถานที่
- นักโบราณคดีจากซาอุดีอาระเบียและทั่วโลกกำลังจะได้สำรวจภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมนี้ ในขณะที่ RCU สนับสนุนภารกิจสำคัญในการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การมอบอำนาจแก่ชุมชน และการอนุรักษ์มรดกภายใต้โครงการ Vision 2030 ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

หากสื่อมวลชนมีคำถามเกี่ยวกับ RCU
ติดต่อทีมประชาสัมพันธ์ RCU ได้ที่ publicrelations@rcu.gov.sa

สำหรับคำถามเกี่ยวกับ AJN
ติดต่อ Thomas Lozinski ที่อีเมล thomas@claudinecolin.com

เกี่ยวกับ:

เกี่ยวกับอัลอูลา
ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ห่างจากกรุงริยาด 1,100 กิโลเมตร อัลอูลาคือสถานที่ที่เป็นมรดกทางธรรมชาติและมรดกของมนุษย์ ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 23,000 ตารางกิโลเมตร รวมถึงหุบเขาโอเอซิสอันเขียวชอุ่ม ภูเขาหินทรายสูงตระหง่าน และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมโบราณที่มีอายุหลายพันปี

แหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดในอัลอูลาคือ เฮกรา แหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย โดยเมืองโบราณขนาด 52 เฮกตาร์นี้เคยเป็นเมืองสำคัญทางใต้ของราชอาณาจักรนาบาเทีย และมีสุสานที่อนุรักษ์ไว้อย่างดีมากกว่า 100 แห่ง พร้อมด้วยฟาซาดอันวิจิตรบรรจงที่ตัดเป็นเสาหินทราย งานวิจัยปัจจุบันระบุว่า เฮกราเคยเป็นเมืองหน้าด่านที่อยู่ทางใต้สุดของชาวโรมัน หลังพิชิตชาวนาบาเทียนได้ในปี ค.ศ. 106

นอกเหนือจากเฮกราแล้ว อัลอูลาเป็นที่ตั้งของสถานที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี เช่น เมืองโบราณดาดัน เมืองหลวงของดาดัน และราชอาณาจักรลิห์ยาน ซึ่งได้รับการพิจารณาเป็นหนึ่งในเมืองที่พัฒนามากที่สุดของคาบสมุทรในช่วงหนึ่งพันปีก่อนคริสตศักราช แหล่งศิลปะหินโบราณและรอยจารึกหลายพันแห่ง และสถานีรถไฟฮิจาซ

เกี่ยวกับ The Royal Commission for AlUla (RCU)
The Royal Commission for AlUla (RCU) จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาอนุรักษ์และพัฒนาอัลอูลา ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีธรรมชาติโดดเด่นและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย แผนพัฒนาระยะยาวของ RCU มีการกำหนดแนวทางที่รับผิดชอบ ยั่งยืน และยืดหยุ่นเพื่อพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งอนุรักษ์แหล่งมรดกทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็ทำให้อัลอูลาเป็นทำเลที่น่าอยู่ น่าทำงาน และน่าไปเยือน สิ่งนี้ครอบคลุมแผนริเริ่มที่หลากหลายในด้านโบราณคดี การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะ สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายสำคัญในการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การมอบอำนาจแก่ชุมชนท้องถิ่น และการอนุรักษ์มรดกตามโครงการ Vision 2030 ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

เกี่ยวกับ Ateliers Jean Nouvel (AJN)
Ateliers Jean Nouvel (AJN) คือบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประกอบด้วยทีมงาน 130 คนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากกว่า 20 ประเทศ AJN รวมแขนงวิชาสถาปัตยกรรม การวางผังเมือง การออกแบบภายใน การออกแบบภูมิทัศน์ การออกแบบกราฟิก และการออกแบบผลิตภัณฑ์ และบูรณาการให้เป็นหนึ่งเดียว ผลงานการออกแบบของ AJN นั้นมีความหลากหลายและครอบคลุมทั่วโลก ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ คอนเสิร์ตฮอลล์ ศูนย์ประชุม โรงละคร โรงแรม อาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ไปจนถึงบ้านพักส่วนตัว

เกี่ยวกับ Jean Nouvel
Jean Nouvel เกิดในปี 1945 ที่เขตฟูเมล ประเทศฝรั่งเศส เขาเคยเป็นผู้ช่วยของสถาปนิก Claude Parent และได้รับแรงบันดาลใจจากนักวางผังเมืองและนักเขียนเรียงความ Paul Virilio เขาเริ่มงานสถาปนิกครั้งแรกในปี 1970 จุดยืนที่ชัดเจนและความคิดเห็นที่ค่อนข้างยั่วยุเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในบริบทเมือง ตลอดจนความสามารถในการสร้างความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครในทุกโครงการที่รับผิดชอบ ทำให้เขามีภาพลักษณ์ที่เป็นสากล งานของเขาได้รับการยอมรับไปทั่วโลกดังเห็นได้จากรางวัลอันทรงเกียรติทั้งในฝรั่งเศสและนานาชาติ ซึ่งรวมถึงรางวัล Pritzker Prize ที่เขาได้รับในปี 2008

No comments:

Post a Comment