Monday, September 16, 2024

เมืองจิ้งซี เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูป มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโต

กรมประชาสัมพันธ์ เมืองจิ้งซี

เมื่อไม่นานนี้ เมืองจิ้งซี เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้ส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือแปรรูปในท้องถิ่นไปยังประเทศคาซัคสถานเป็นครั้งแรก นับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการแปรรูปของเมือง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองจิ้งซีได้เร่งผลักดันการพัฒนาตามโมเดลแบบผสมผสาน คือ "การค้าชายแดน + การแปรรูปในท้องถิ่น" ด้วยการแปรรูปวัตถุดิบนำเข้าในสวนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชายแดนของเมืองจิ้งซี จากนั้นจึงจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปไปยังตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปในท้องถิ่น เมืองจิ้งซีจึงอาศัยข้อได้เปรียบจากการเป็นพื้นที่การค้าชายแดน เดินหน้าการก่อสร้างด่านหลงปังอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านกายภาพ (Hard Infrastructure) และด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน (Soft Infrastructure) ของสถานที่การค้าชายแดน พร้อมทั้งสร้างระบบ "แพลตฟอร์มเดียวและสามตลาด" ที่ครอบคลุม เพื่อทำให้กระบวนการค้าชายแดนง่ายขึ้นและเป็นมาตรฐาน ซึ่งช่วยส่งเสริมการปฏิรูปด่านหลงปังจากเศรษฐกิจทางผ่านสู่การเป็นเศรษฐกิจหน้าด่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทแปรรูปในท้องถิ่น

ณ ปัจจุบัน มีบริษัทแปรรูปท้องถิ่น 23 แห่งในเมืองจิ้งซีที่ทำการค้าชายแดน ซึ่งรวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ 9 แห่ง บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ต้องขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ผลิตภัณฑ์ถั่ว และผลิตภัณฑ์ยาแผนจีน ซึ่งครอบคลุมการแปรรูปในด้านต่าง ๆ

ข้อมูลจากกรมประชาสัมพันธ์ของเมืองจิ้งซีระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมปีนี้ สินค้าที่นำเข้าผ่านการแปรรูปในท้องถิ่นที่ด่านหลงปังนั้นมีมูลค่ารวมแตะ 2.187 พันล้านหยวน และในจำนวนนี้เป็นมูลค่าผลผลิตแปรรูปท้องถิ่นของบริษัทขนาดใหญ่ 9 แห่งสูงถึง 1.306 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 157.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมการแปรรูปท้องถิ่นได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่สำหรับเศรษฐกิจของเมืองจิ้งซี และด้วยเหตุนี้ เมืองจิ้งซีจะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปในท้องถิ่นต่อไป รวมทั้งเพิ่มการสนับสนุนบริษัทต่าง ๆ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับประกันองค์ประกอบทั้งหมดในการดำเนินโครงการ

ที่มา: กรมประชาสัมพันธ์ เมืองจิ้งซี 

The Processing Industry in Jingxi City, Guangxi Promoted to Drive Local Economic Growth

The Publicity Department of Jingxi City

Recently, the first shipment of locally processed salt-baked cashews from Jingxi City, Guangxi, was exported to Kazakhstan, marking a new breakthrough for the city's processing industry.

In recent years, Jingxi City has accelerated the implementation of a development model combining "border trading + local processing", processing imported raw materials in the Border Economic Industrial Park of Jingxi City, and then selling the finished products to domestic and international markets. To promote the development of the local processing industry, Jingxi City has leveraged the advantages of border trade in the border areas, continuously advancing the construction of the Longbang Port, improving the soft and hard infrastructure of the border trading venue, and building a comprehensive "one platform and three markets" system. This has simplified and standardized the border trade process, effectively promoting the transformation of Longbang Port from a passage economy to a port economy, creating a favorable environment for local processing enterprises.

As of now, there are 23 local processing enterprises in Jingxi City engaged in border trade, including 9 enterprises above designated scale. These enterprises mainly process products such as cold-chain aquatic products, nut products, and traditional Chinese medicine products across various processing fields.

According to the data from the Publicity Department of Jingxi City, from January to July this year, the total value of imported goods through local processing at Longbang Port reached 2.187 billion yuan. Among this, the local processing output value of nine enterprises above designated scale reached 1.306 billion yuan, a year-on-year increase of 157.94%. The local processing industry has become a new growth engine for the economy of Jingxi City. Jingxi City will further promote the development of the local processing industry, continue to increase support for enterprises, and consistently optimize the business environment to ensure that all elements of project implementation are guaranteed.

Source: The Publicity Department of Jingxi City 

Friday, September 13, 2024

อำเภอซินหัว มณฑลหูหนาน จัดการประชุม "จากระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ยสู่ทั่วโลก" ครั้งที่สอง มุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำกสิกรรมและการเรียนรู้ร่วมกันในระดับโลก

การประชุมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำกสิกรรมและการเรียนรู้ร่วมกันในระดับโลก "จากระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ยสู่ทั่วโลก" ครั้งที่สอง

อำเภอซินหัวในเมืองโหลวตี้ มณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน ได้จัดการประชุมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำกสิกรรมและการเรียนรู้ร่วมกันในระดับโลก "จากระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ยสู่ทั่วโลก" (From Ziquejie Terraces To The World) ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

ระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้านการเกษตรและชลประทาน ตั้งอยู่บนภูเขาจื่อเชว่เจี้ย พื้นที่นี้มีชื่อเสียงด้านพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์ หินแกรนิต และดินร่วนปนทราย ซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพาะปลูกแบบขั้นบันได

ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา บรรพบุรุษของชาวแม้ว เย้า ตง และฮั่น ได้ปรับตัวเข้ากับภูมิประเทศของภูเขาแห่งนี้ได้อย่างชาญฉลาด และสร้างนาขั้นบันไดที่ซับซ้อน พวกเขาใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของระดับความสูงในลำธารบนภูเขา ขุดร่องน้ำด้วยมือตามไหล่เขา ทำให้เกิดระบบชลประทานแบบไล่ระดับที่ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของนาขั้นบันได ทนต่อภัยแล้ง และมั่นคงในช่วงฝนตกหนัก นวัตกรรมทางการเกษตรนี้ช่วยให้ผู้คนหลายรุ่นมีข้าวให้เก็บเกี่ยวอย่างอุดมสมบูรณ์

การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศ อย่างองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากประเทศที่มีชื่อเสียงด้านภูมิทัศน์นาขั้นบันไดอย่างฝรั่งเศสและเปรูที่ประจำการในจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศด้านการเกษตร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว การประชุมนี้มุ่งหารือในประเด็นสำคัญ เช่น การอนุรักษ์มรดกทางการเกษตรของโลก และการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรสีเขียว โดยผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนกลยุทธ์ในการปกป้องและสืบทอดประเพณีการเกษตร เน้นย้ำถึงแนวทางที่มีความก้าวล้ำของมณฑลหูหนานในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมรดกทางการเกษตร พร้อมนำเสนอแนวทางของจีนในการอนุรักษ์มรดกทางการเกษตรในระดับโลก

ในพิธีเปิดงาน มีการเปิดตัว "ฉันทมติโลกว่าด้วยการพัฒนาเกษตรกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวในพื้นที่ขั้นบันไดแบบบูรณาการ" เพื่อเน้นย้ำความสำคัญในคุณค่าของภูมิทัศน์แบบขั้นบันได การปกป้องระบบนิเวศ การอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำนาขั้นบันได และส่งเสริมการผสมผสานระหว่างการเกษตร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น รวมถึงพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ การประชุมครั้งนี้ใช้รูปแบบ "1+N" ประกอบด้วยพิธีเปิด ปาฐกถาหลัก และการประชุมย่อย 3 หัวข้อ ซึ่งการประชุมย่อยเหล่านี้มุ่งผลักดันให้ระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก พร้อมพัฒนาธุรกิจโฮมสเตย์ในท้องถิ่น และวางตำแหน่งให้จื่อเชว่เจี้ยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก 

ที่มา: การประชุมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำกสิกรรมและการเรียนรู้ร่วมกันในระดับโลก "จากระเบียงเกษตรกรรมจื่อเชว่เจี้ยสู่ทั่วโลก" ครั้งที่สอง 

เขตถงเหลียงชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์ "เมืองมังกรจีน" ข้ามโลก ข้ามกาลเวลา

รัฐบาลประชาชนเขตถงเหลียง นครฉงชิ่ง

ท่ามกลางประกายไฟระยิบระยับ เหล่านักแสดงเชิดมังกรยักษ์ให้เลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน ผาดโผนโจนทะยาน เกิดเป็นการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ ผสานระหว่างการร่ายรำของมนุษย์กับการเริงระบำของมังกร การแสดงสุดอลังการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมมังกรเขตถงเหลียงในนครฉงชิ่งทางตะวันตกของจีนสร้างความประทับใจให้กับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้เสมอ

รัฐบาลประชาชนเขตถงเหลียงแถลงข่าวในวันศุกร์ (13 ก.ย.) ระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถงเหลียงเดินหน้าสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่องในฐานะเมืองมังกรที่คึกคัก มีชีวิตชีวา และน่าอยู่ ด้วยการยกระดับการแสดงมรดกทางวัฒนธรรม "Chasing Dreams: Tongliang Dragon" ควบคู่ไปกับการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำ เช่น การแข่งขันเชิดมังกรและเชิดสิงโตจีน งานโคมไฟมังกร และการแข่งเรือมังกรในช่วงเทศกาลเรือมังกร

นอกจากนี้ ถงเหลียงยังผลักดันการจัดตั้งเขตวัฒนธรรมโดยชูแนวคิดเกี่ยวกับมังกร และการสร้างฐานการผลิตโคมไฟมังกร เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่มีอายุเก่าแก่นับพันปีในหลากหลายมิติ จึงทำให้การเดินทางไปสำรวจมังกรที่ถงเหลียงสร้างความประหลาดใจและความประทับใจใหม่ ๆ ได้ทุกครั้งที่ไปเยือน

ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา การแสดงเชิดมังกรถงเหลียงกวาดรางวัลใหญ่มาแล้วมากมายทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งยังได้ร่วมแสดงในงานเฉลิมฉลองวันชาติจีนที่กรุงปักกิ่งถึง 4 ครั้ง และเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น การแสดงนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวแทนของวัฒนธรรมมังกรจีน ด้วยแวดวงศิลปินนักเชิดมังกรที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เมืองโบราณอันจูในถงเหลียงซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองโบราณที่ยังมีชีวิต ไม่เพียงสถาปัตยกรรมน่าพิศวงอันประกอบไปด้วยพระราชวัง 9 แห่ง และวัด 18 แห่งเท่านั้น แต่ ณ ที่แห่งนี้ ยังมีการแสดงมังกรเมฆน้ำสุดอัศจรรย์ ท่ามกลางหยดน้ำที่สาดกระเซ็น มังกรเมฆน้ำล้อมรอบด้วยหมอก สร้างบรรยากาศที่เหนือจริงราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์

ทั่วทุกพื้นที่ของถงเหลียงเป็นจุดหมายปลายทางงดงามดุจภาพวาดที่ผู้มาเยือนสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทุกฤดูกาล เขตถงเหลียงขอเชิญชวนมิตรประเทศจากทั่วทุกมุมโลกมาเยี่ยมเยือน "เมืองมังกร" แห่งนี้ เพื่อสำรวจเมืองโบราณ ชมการเชิดมังกรอันน่าหลงใหล และตื่นตาตื่นใจกับโคมไฟมังกรอันตระการตา ยินดีต้อนรับสู่ถงเหลียงเพื่อสัมผัสประสบการณ์เต็มอิ่มกับวัฒนธรรมประวัติศาสตร์และประเพณีพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้

ที่มา: รัฐบาลประชาชนเขตถงเหลียง นครฉงชิ่ง 

The Second "From Ziquejie Terraces To The World" Global Farming Culture Exchange and Mutual Learning Conference Held in Xinhua County, Hunan Province

The Second "From Ziquejie Terraces To The World" Global Farming Culture Exchange and Mutual Learning Conference

On September 12, the Second "From Ziquejie Terraces To The World" Global Farming Culture Exchange and Mutual Learning Conference was held in Xinhua County, Loudi City, central China's Hunan Province.

The Ziquejie Terraces are a globally significant agricultural and irrigation heritage site. Located on Ziquejie Mountain, the area is known for its rich vegetation, granite formations, and sandy loam soil, which has excellent water retention properties -- ideal for terraced farming.

Over centuries, the ancestors of the Miao, Yao, Dong, and Han peoples skillfully adapted to the mountain's terrain, creating intricate terraced fields. By utilizing the elevation differences in the mountain streams, they channeled water through hand-dug ditches along the slopes, enabling a progressive irrigation system that ensures the terraces remain fertile -- resilient to droughts and stable during heavy rains. This agricultural ingenuity has sustained generations with an abundant rice harvest.

The conference attracted more than 200 attendees, including representatives from international organizations such as the International Union for Conservation of Nature (IUCN), and the Food and Agriculture Organization of the United Nations. Officials in China from countries like France and Peru, known for their terraced landscapes, also attended alongside domestic and foreign experts in agriculture, culture, and tourism. The conference centered on key issues like preserving global agricultural heritage and advancing green agricultural economies. Participants explored strategies for protecting and passing down farming traditions, highlighting Hunan's innovative approaches to preserving and utilizing agricultural heritage and offering China's solutions for the global preservation of agricultural heritage.

During the opening ceremony, the World Consensus on the Integrated Development of Terrace Agriculture, Culture, and Tourism was unveiled. This consensus emphasized the importance of recognizing the value of terraced landscapes, protecting their ecosystems, preserving the farming culture of the terrace, and promoting the integration of agriculture, culture, and tourism. It also called for increased international exchanges and cooperation, and innovative development models. The conference adopted a "1+N" model, consisting of an opening ceremony, keynote speeches, and three thematic forums. These parallel forums focused on promoting the Ziquejie Terraces as a UNESCO World Cultural Heritage site, advancing the local homestay industry, and positioning Ziquejie as a world-class tourism destination.

Source: The Second "From Ziquejie Terraces To The World" Global Farming Culture Exchange and Mutual Learning Conference 

เอเชียผนึกกำลังเป็นผู้นำขับเคลื่อนความยั่งยืนและความเสมอภาคของอุตสาหกรรมอาหารทะเล ในการประชุม "Tokyo Sustainable Seafood Summit 2024" จัดโดยซีฟู้ด เลกาซี่ วันที่ 8-10 ตุลาคมที่ญี่ปุ่น


 บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด

บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด (Seafood Legacy Co., Ltd.) และ นิกเกอิ อีเอสจี (Nikkei ESG) เตรียมจัดการประชุม "Tokyo Sustainable Seafood Summit" (TSSS) ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม 2567 โดยงานนี้มีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้นเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนความยั่งยืนของอาหารทะเล

รูปภาพจากการประชุม TSSS 2023:
https://cdn.kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M108348/202409035821/_prw_PI1fl_olC5735H.png

อุตสาหกรรมอาหารทะเลเผชิญกับปัญหาที่ร้ายแรงและซับซ้อนหลายประการ เช่น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และความจำเป็นในการปรับปรุงสุขภาวะของแรงงาน โดยการประชุม TSSS เป็นหนึ่งในงานใหญ่ที่สุดในเอเชียที่ซึ่งประสบการณ์และความรู้ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแบ่งปันร่วมกัน เพื่อบรรลุความยั่งยืนและความเสมอภาคในอุตสาหกรรมอาหารทะเล

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2558 การประชุม TSSS ได้รวบรวมวิทยากรชั้นนำเกือบ 400 คนจากหลากหลายภาคส่วนทั่วโลก และสำหรับปีนี้ ผู้จัดงานจะให้ความสำคัญกับประเด็นการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่มีการจัดทำรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ปัญหาสิทธิมนุษยชน การตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ด้วยเป้าหมายใหม่ปี 2573 นั่นคือ "Win the Mainstream" ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้มีความยั่งยืนมากขึ้น

สารจากวากาโอะ ฮานาโอกะ (Wakao Hanaoka) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด:
https://youtu.be/NM_eIoo2mxA?si=Qy6m3Xb0DKSBkCOw

ความเป็นมาของการประชุม TSSS และการขับเคลื่อนความยั่งยืนของอาหารทะเลในญี่ปุ่น:
https://sustainableseafoodnow.com/2024/en/tsss10th/

วิทยากรจากเอเชีย
- เว่ยเซียง ฉาง (Wei-Hsiang Chang) หัวหน้าฝ่ายการจัดการทรัพยากรประมง กรมประมงไต้หวัน
- ทาเคชิ โมริ (Takeshi Mori) อธิบดีกรมประมงญี่ปุ่น
- ปูตรา ซาเตรีย ติมูร์ (Putra Satria Timur) หัวหน้าฝ่ายประมง โครงการประมงขององค์กร Yayasan Masyarakat dan Perikanan Indonesia
- จูยอน อี (Jooyoun Lee) นักวิเคราะห์นโยบาย กองประมงทางน้ำระยะไกล กระทรวงมหาสมุทรและการประมง สาธารณรัฐเกาหลี
- จุนโร อิโตะ (Junro Ito) กรรมการตัวแทนบริษัทและรองประธานบริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings)
และวิทยากรอีกมากมาย

การประชุม Tokyo Sustainable Seafood Summit 2024
- Win the Mainstream: สร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อธรรมชาติ รับประกันความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก และเคารพสิทธิมนุษยชน
วันที่: 8-10 ตุลาคม 2567 (วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี)
*จะมีงานเลี้ยงต้อนรับในวันแรก
สถานที่: ฮอลล์ B7 ศูนย์การประชุมนานาชาติโตเกียว (Tokyo International Forum)
วิธีเข้าร่วมงาน: เข้าร่วมงานด้วยตัวเองเท่านั้น
ค่าธรรมเนียม: ฟรี (ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า)
ภาษา: บริการล่ามภาษาญี่ปุ่น-อังกฤษ สำหรับทุกเซสชัน
ผู้จัดงาน: บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด และบริษัท นิกเกอิ บิสสิเนส พับลิเคชันส์ (Nikkei Business Publications, Inc.)
ผู้ร่วมจัดงาน: มูลนิธิเดวิดและลูซิล แพคการ์ด (David and Lucile Packard Foundation) และมูลนิธิครอบครัววอลตัน (Walton Family Foundation)

เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ TSSS:
https://sustainableseafoodnow.com/2024/en/

ที่มา: บริษัท ซีฟู้ด เลกาซี่ จำกัด

NX Engineering Thailand Selected as "Workplace Accident Reduction Model Company"

NIPPON EXPRESS HOLDINGS, INC.

Nippon Express Engineering (Thailand) Co., Ltd. (hereinafter "NX Engineering Thailand"), a group company of NIPPON EXPRESS HOLDINGS, INC., was selected as a "Workplace Accident Reduction Model Company" at an occupational safety and health event held in Thailand on Monday, August 26.

NX Logo: https://kyodonewsprwire.jp/img/202409106180-O2-PQ5i0ENt

Award ceremony: https://cdn.kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M103866/202409106180/_prw_PI1fl_7YvFVPYq.jpg

This event was organized by the Workplace Accident Compensation Fund of the Thai Ministry of Labour's Social Security Office to promote occupational safety and health as well as work environment improvement. The event featured a safety seminar and an award ceremony for workplace accident reduction model companies, and was attended by approximately 600 participants, including senior political and administrative officials from the Ministry of Labour, executives from the Social Security Office, other government officials, and representatives from various companies.

Awardee companies were selected for meeting three criteria -- zero occupational accidents between 2019 and 2023, strict compliance, and good relations between the company and its employees -- and placed in one of three categories by size. NX Engineering Thailand was recognized as a workplace accident reduction model company in the category of small companies with fewer than 50 employees.

The NX Group is working to enhance its corporate value and solve social issues to realize its long-term vision of becoming a "logistics company with a strong presence in the global market." For its part, NX Engineering Thailand is committed to providing high-quality services as well as promoting the development of a workplace environment that allows employees to maximize their abilities while performing rewarding and satisfying work.

About the NX Group:

https://kyodonewsprwire.jp/attach/202409106180-O1-GummW07k.pdf

NX Group official website: https://www.nipponexpress.com/

NX Group's official LinkedIn account: https://www.linkedin.com/company/nippon-express-group/

Source: NIPPON EXPRESS HOLDINGS, INC. 

Chinese "Dragon City" Tongliang dances across time, globe

Chongqing Tongliang District People's Government

Amongst the swirling sparks, performers manipulate giant dragons with their hands, making them dash, leap, flip, and twist, creating a stunning spectacle of "humans dancing and dragon flying amidst fire." This awe-inspiring performance by the renowned dragon-related performance from Tongliang District in west China's Chongqing has never failed to amaze people from around the world.

In recent years, Tongliang has been continuously enhancing its reputation as a vibrant and livable dragon city by not only upgrading the immersive cultural heritage performance "Chasing Dreams: Tongliang Dragon", but also hosting regular events such as the Chinese dragon and lion dance competition, dragon lantern festival, and dragon boat race during the Dragon Boat Festival, Tongliang District People's Government told a press conference on Friday.

Additionally, efforts have been made to establish a dragon-themed cultural district and a dragon lantern production base, ensuring the inheritance of its millennium-old cultural heritage from various perspectives. Each journey to Tongliang in search of dragons promises new and delightful surprises.

Since the 1980s, the Tongliang dragon dance has achieved numerous accolades in major international and domestic events. The Tongliang dragon dance has made four appearances in the National Day celebrations in Beijing and has embarked on cultural exchanges in over 30 countries and regions, including the United States, France, Australia, South Korea, and Japan. With its ever-expanding circle of dragon-arts friends, it has become a distinguished representative of Chinese dragon culture.

The ancient city of Anju in Tongliang, dating back 1,500 years, is hailed as a living ancient city. It not only boasts a dazzling architectural complex of nine palaces and eighteen temples but also presents a spectacular water cloud dragon performance. Amidst the splashing water droplets, the water cloud dragon is surrounded by mist, creating an ethereal atmosphere.

The entire region of Tongliang is a picturesque destination that can be enjoyed throughout all seasons. The district sincerely invites friends from all over the world to visit the "dragon city," where they can explore the ancient city, witness the mesmerizing dragon dances, and admire the magnificent dragon lanterns. Welcome to Tongliang to gain immersive experiences in this place's unique historical culture and folk customs.

Source: Chongqing Tongliang District People's Government 

เขตไห่ชาง เมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน ดึงดูดบริษัทต่างชาติเพิ่มทุนและขยายการผลิต

ศูนย์สื่อครบวงจรไห่ชาง

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ไลฟ์ไทม์ (เซี่ยเหมิน) พลาสติก โปรดักส์ จำกัด (Lifetime (Xiamen) Plastic Products Co., Ltd.) หรือ "ไลฟ์ไทม์" ซึ่งเป็นบริษัททุนต่างชาติ ได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าสันทนาการอเนกประสงค์ที่ทำจากวัสดุไฮเทคในเขตไห่ชาง เมืองเซียะเหมิน จำนวน 6.5 ล้านชิ้นต่อปี โดยเป็นการตัดสินใจของสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมาในดินแดนที่มีอนาคตสดใสอย่างไห่ชาง การก่อสร้างโครงการใหม่ดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมในเขตไห่ชางเพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านหยวนต่อปี รายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 15 ล้านหยวนต่อปี และจะช่วยสร้างงาน 200 ตำแหน่ง

จากมุมมองของไลฟ์ไทม์ ไห่ชางเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่เหนือกว่า เครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุม สภาพแวดล้อมที่น่ารื่นรมย์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการยอมรับ รากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรม และบริการ "รับเลี้ยงเด็ก"

ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นได้ส่งเสริมกลไกแบบวงปิดและครบวงจร ด้วยการสนับสนุนของสำนักงาน 8 แห่ง (ได้แก่ การส่งเสริมธุรกิจ การสนับสนุนในระยะเริ่มต้น โครงการสำคัญ การจัดหาที่ดิน การตรวจสอบความรับผิดชอบ อุตสาหกรรม การวางแผนที่ดิน และการบริการ) โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เขตไห่ชางสามารถดึงดูดโครงการลงทุนที่สำคัญจำนวน 73 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 4.5 หมื่นล้านหยวน และบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 5%

ที่มา: ศูนย์สื่อครบวงจรไห่ชาง 

Thursday, September 12, 2024

A Foreign Enterprise Increases Capital and Expands Production in Haicang, Xiamen, China

Haicang Integrated Media Center

A foreign company, Lifetime (Xiamen) Plastic Products Co., Ltd. ("Lifetime"), announced recently to boost its annual capacity by 6.5 million pieces of multifunctional leisure products made with high-tech materials in Haicang District, Xiamen, a decision made by its American headquarters after witnessing steady growth in this promising land over the past few years. The construction of this new project will kick off soon, and the operation is expected to start at the end of 2025. It is estimated that the annual industrial output will increase by 1.3 billion yuan, the annual tax revenue will rise by 15 million yuan, and 200 jobs will be created.

From Lifetime's perspective, Haicang is a great place to do business: unparalleled location, extensive transportation network, pleasant environment, well-established facilities, a strong foundation for industries, and "baby-sitting" services.

In fact, a full-lifecycle, closed-loop mechanism has been fostered by the local government, underpinned by eight offices (i.e., business promotion, early-stage support, key projects, land acquisition, accountability inspection, industry, land planning, and service). In the first half of 2024, the district secured 73 major projects that totaled investment of nearly 45 billion yuan, and the goal of a 5% growth in GDP is achieved.

Source: Haicang Integrated Media Center 

Lead Seafood Sustainability and Equity Movement from Asia Together: Join "Tokyo Sustainable Seafood Summit 2024" Presented by Seafood Legacy Co., Set for Oct. 8-10 in Japan

Seafood Legacy Co., Ltd.

Seafood Legacy Co., Ltd. and Nikkei ESG will hold the 10th "Tokyo Sustainable Seafood Summit" (TSSS) from October 8 to 10, 2024. The event aims to become a bigger hub to strengthen the sustainable seafood movement.

Photos from TSSS 2023:
https://cdn.kyodonewsprwire.jp/prwfile/release/M108348/202409035821/_prw_PI1fl_olC5735H.png

The seafood industry faces serious and complicated issues, such as biodiversity loss and the need for workers' well-being. The TSSS is one of the largest events in Asia where experience and knowledge to solve these issues are shared to achieve sustainability and equity in the seafood industry.

Since its launch in 2015, the TSSS has brought together nearly 400 front-running speakers from various sectors across the world. This year, the organizers will focus on IUU (illegal, unreported and unregulated) fishery, human rights issues, traceability and ESG investment.

With its new 2030 goal "Win the mainstream," let's make the seafood industry more sustainable, together.

Message from Wakao Hanaoka, Founder and CEO of Seafood Legacy:
https://youtu.be/NM_eIoo2mxA?si=Qy6m3Xb0DKSBkCOw

History of TSSS and sustainable seafood movement in Japan:
https://sustainableseafoodnow.com/2024/en/tsss10th/

Guest speakers from Asia
- Wei-Hsiang Chang, section chief, Fisheries Resource Management Section, Fisheries Agency of Taiwan
- Takeshi Mori, director general, Fisheries Agency of Japan
- Putra Satria Timur, fisheries lead, Yayasan Masyarakat dan Perikanan Indonesia, Fisheries Program
- Jooyoun Lee, policy analyst, Distant Water Fisheries Division, Ministry of Oceans and Fisheries, Republic of Korea
- Junro Ito, representative director and vice president, Seven & i Holdings
and more.

Tokyo Sustainable Seafood Summit 2024
- Win the Mainstream: Nature-Positive, Ensuring Global Food Security and Respecting Human Rights
Date: October 8-10 (Tuesday to Thursday), 2024
*There will be a reception on the first day.
Venue: Hall B7, Tokyo International Forum
How to join: In-person only
Entrance Fee: Free (pre-registration required)
Language: Simultaneous Japanese-English interpretation for all sessions
Hosts: Seafood Legacy Co., Ltd. and Nikkei Business Publications, Inc.
Co-hosts: David and Lucile Packard Foundation and Walton Family Foundation

For more information and to register, please visit the TSSS website:
https://sustainableseafoodnow.com/2024/en/

Source: Seafood Legacy Co., Ltd. 

จีนผลักดันโครงการโซลาร์เซลล์ในทะเลทราย หนุนรายได้เกษตรกร

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสำนักข่าวซินหัวสาขามองโกเลียใน

เมื่อมองจากมุมสูง โซลาร์เซลล์สีฟ้าจำนวน 196,000 แผง ก่อตัวกันเป็นรูปม้าที่กำลังวิ่งฝ่าทะเลทรายคูปู้ฉี

เมื่อเดินชมรอบ ๆ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านไฉเติงของเมืองออร์ดอส นักท่องเที่ยวต่างรู้สึกทึ่งไปกับพืชพรรณสีเขียวและแผงโซลาร์เซลล์ที่หมุนตามดวงอาทิตย์ราวกับดอกทานตะวัน แทบไม่อยากเชื่อว่าที่นี่เคยเป็นดินแดนแห้งแล้งที่ถูกเรียกว่า "ทะเลมรณะ"

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จุ่นหม่า ซึ่งแปลว่าม้าในภาษาจีนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของ "กำแพงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยักษ์" อันเป็นโครงการสุดทะเยอทะยานเพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฟื้นฟูทะเลทราย ทอดยาวตามแนวตอนเหนือของทะเลทรายคูปู้ฉีและทางใต้ของแม่น้ำเหลือง

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์นี้มีความยาวประมาณ 400 กิโลเมตร และกว้างเฉลี่ย 5 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะมีกำลังการผลิตติดตั้งถึง 100 ล้านกิโลวัตต์

การฟื้นฟูทะเลทรายด้วยพลังงานแสงอาทิตย์นั้นให้ประโยชน์มากมาย โดยแผงโซลาร์ช่วยลดการระเหยของน้ำใต้ดินได้ 20-30% ทั้งยังให้ร่มเงา และลดความเร็วลม ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ส่งผลให้พืชพรรณ เช่น หญ้าอาหารสัตว์ที่ช่วยต้านฝุ่นและทรายนั้นเติบโตได้ดี ซึ่งในพื้นที่แห้งแล้งนั้น การนำปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มารวมเข้ากับระบบน้ำหยด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับทะเลทราย

โมเดล "ผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์ควบคู่กับฟื้นฟูทะเลทราย" ซึ่งมีแผงโซลาร์ทำหน้าที่ผลิตพลังงานสะอาดด้านบน ขณะที่พืชและปศุสัตว์เติบโตอยู่ด้านล่างนั้น กำลังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้ และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น

ชาวบ้านกำลังสำรวจหาช่องทางต่าง ๆ ในการเพิ่มรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าที่ดินทะเลทราย การมีส่วนร่วมในการก่อสร้างโครงการ และการทำเกษตรพันธสัญญา (contract farming) โดยมีการส่งเสริมบรรดาบริษัทในแวดวงพลังงานใหม่และบริหารจัดการระบบนิเวศ ในการจ้างงานเกษตรกรและคนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นทั้งในช่วงก่อสร้างและดำเนินการ

หลี่ ไค (Li Kai) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานเขตดาลัด ได้ยกให้โครงการฐานพลังงานใหม่ตอนกลาง-เหนือ ณ ทะเลทรายคูปู้ฉีในเมืองออร์ดอสเป็นตัวอย่างที่โดดเด่น โดยในปี 2566 นั้น โครงการนี้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไป 2.18 ล้านแผง และจ้างงานกว่า 3,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในท้องถิ่นที่มีรายได้ตั้งแต่วันละ 300 หยวน (ราว 42 ดอลลาร์สหรัฐ) ไปจนถึง 500 หยวน

โครงการฟื้นฟูทะเลทรายด้วยพลังงานแสงอาทิตย์มักมีระบบป่าป้องกันรอบ ๆ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ โดยใช้แนวกั้นทรายแบบตาข่ายหญ้า (ใช้วัสดุเช่น ฟางข้าวสาลี ฟางข้าว และไม้รวก จัดเรียงเป็นรูปแบบตาราง เพื่อลดการกัดเซาะจากลมและรักษาความชื้น) ร่วมกับพืชตรึงทราย เพื่อให้ควบคุมการเคลื่อนที่ของทรายได้ดียิ่งขึ้น

หวัง หมิง (Wang Ming) เป็นชาวนาในหมู่บ้านผิงหยวนของเขตดาลัด ซึ่งทำการเกษตรหาเลี้ยงชีพ แต่เดิมนั้นเขามีรายได้เพียงปีละไม่กี่พันหยวน แต่งานควบคุมทรายและปลูกป่าที่ฐานพลังงานใหม่นี้ทำให้เขามีแหล่งรายได้เสริม ส่งผลให้หาเงินได้เพิ่มขึ้นปีละเกือบ 10,000 หยวน

ในฤดูใบไม้ผลินี้ เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนในการสนับสนุนโครงการก่อสร้าง โดยดูแลคนงานกว่า 30 คนและเครื่องจักรหลายเครื่อง

หวังกล่าวว่า "ตอนนี้ผมมีงานที่มั่นคงอยู่แค่หน้าบ้าน ผมมีความสุขมากครับ"

เขายังเล่าอีกว่า โครงการนี้จะติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 8 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งสำหรับเขาแล้ว งานควบคุมทรายและปลูกต้นไม้ให้โอกาสการจ้างงานที่มั่นคง

เมืองออร์ดอสที่มีทุ่งดอกทานตะวันกว้างใหญ่นั้น แต่เดิมเคยประสบปัญหาในการจัดการฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยว โดยบริษัท Inner Mongolia Three Gorges Mengneng Energy Co., Ltd. ผู้พัฒนาโครงการฐานพลังงานใหม่ตอนกลาง-เหนือ ณ ทะเลทรายคูปู้ฉีในเมืองออร์ดอสนั้น ได้เปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็นโอกาส โดยนำฟางมาใช้สร้างแนวกั้นทราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ต่อสู้กับการแปรสภาพเป็นทะเลทราย

ในแต่ละปี บริษัทฯ จะซื้อฟางทานตะวันจำนวนมากจากเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อนำมาใช้ในการต่อสู้กับการแปรสภาพเป็นทะเลทราย โดยวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ยังทำให้ชุมชนเกษตรกรในพื้นที่มีแหล่งรายได้เสริมอีกด้วย

หลิว เทียนหยุน (Liu Tianyun) รองผู้อำนวยการสำนักงานป่าไม้และทุ่งหญ้าของเมืองออร์ดอส กล่าวว่า ภายในปี 2573 โครงการ "กำแพงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยักษ์" นี้ จะสร้างงานที่มั่นคงถึง 50,000 ตำแหน่ง พร้อมเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวกว่า 20,000 หยวนต่อปี และเพิ่มมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมเชิงนิเวศรวมทั้งปีถึง 1 พันล้านหยวน

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสำนักข่าวซินหัวสาขามองโกเลียใน 

Boosting farmers' incomes with solar panels

The Inner Mongolia branch of Xinhua News Agency's News & Information Center

Viewed from above, 196,000 blue solar panels form a dynamic silhouette of a horse, galloping through the Kubuqi Desert.

Strolling around the solar power station in Chaideng Village, Ordos City, tourists marveled at the green vegetation and tracking solar panels that spun like sunflowers, and hardly believed that this was once a barren land called the "sea of death".

The solar power station of Junma, which literally means horse in Chinese, is part of the "great photovoltaic wall," an ambitious solar energy desert reclamation project, stretching along the northern edge of the Kubuqi Desert and south of the Yellow River.

Spanning about 400km in length and averaging 5km in width, upon completion, this solar marvel is set to have an installed capacity of 100 million kilowatts.

The benefits of solar-powered desert reclamation are substantial. The panels cut groundwater evaporation by 20 to 30 percent, provide shade, and reduce wind speeds, all of which support plant growth. This helps vegetation, like forage grasses that help combat dust and sand, thrive. In arid areas, integrating solar-powered water pumps with drip irrigation has proven to be an effective method for greening desert landscapes.

The "photovoltaic power generation plus desert reclamation" model -- where solar panels generate clean energy above while plants and livestock thrive below -- is also opening new income opportunities and transforming local livelihoods.

Locals are finding various ways to boost their income, such as leasing their desertified land, participating in project construction, and engaging in contract farming. New energy and ecological management companies are encouraged to hire local farmers and herders during both the construction and operation phases.

Li Kai, an official with Dalad Banner Energy Bureau, highlighted the Kubuqi Desert Ordos Central-Northern New Energy Base project as a notable example. In 2023, the project installed 2.18 million solar panels and employed over 3,000 workers, most of whom were local farmers earning between 300 (about 42 U.S. dollars) and 500 yuan per day.

Solar energy desert reclamation projects typically feature a protective forest system established around the photovoltaic power station, combining grass grid sand barriers (using materials like wheat straw, rice straw, and reeds arranged in grid patterns to mitigate wind erosion and retain moisture) with sand-fixing flora to better keep the shifting sands in check.

Wang Ming is a farmer in Pingyuan Village, Dalad Banner, who relies on agriculture for his livelihood. In the past, his annual income was only a few thousand yuan. However, the sand control and afforestation work at the new energy base has provided him an extra income source, increasing his annual earnings by nearly 10,000 yuan.

This spring, he spent nearly a month supporting the construction project, managing over 30 workers and several machines.

"I now have stable work right on my doorstep. I'm really happy," Wang said.

He also mentioned that the project is set to install 8 million kilowatts of solar power. To him, sand control and tree planting offer stable employment.

The city of Ordos, with vast sunflower fields, previously faced challenges with disposing of post-harvest straw. Inner Mongolia Three Gorges Mengneng Energy Co., Ltd., developer of the Kubuqi Desert Ordos Central-Northern New Energy Base project, has turned this challenge into an opportunity by using the straw to build sand barriers as part of their solar-powered desertification efforts.

Each year, the company buys large quantities of sunflower straw from local farmers, using it to combat desertification. This eco-friendly solution also provides an additional income stream for the local farming community.

Liu Tianyun, deputy director of the forestry and grassland bureau of Ordos, said that by 2030, the "great photovoltaic wall" project will provide 50,000 stable jobs, increase average income per capita by over 20,000 yuan annually, and boost the annual output of the ecological industry by 1 billion yuan.

Source: The Inner Mongolia branch of Xinhua News Agency's News & Information Center 

RATRI FOOD & CRAFT “ดนตรี กาแฟ เก๊กฮวย กล้วยทอด” 14-15 กันยายนนี้ ณ 155 Camp จังหวัดราชบุรี จิบกาแฟ ชอปงานคราฟต์ ชิมของอร่อย ฟังเพลงเพราะ ในบรรยากาศอันเขียวขจี ริมแม่น้ำแม่กลอง


สุดสัปดาห์นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ อิมเมจ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) 

ชวนเที่ยวงาน RATRI FOOD & CRAFT   “ดนตรี กาแฟ เก๊กฮวย กล้วยทอด”

งาน Craft and Camp ที่มีบรรยากาศอันเขียวขจี ริมแม่น้ำแม่กลอง เอาใจคนรักงานคราฟต์ ด้วยสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ จากชุมชน จังหวัดราชบุรี พบกับหลากหลายความอร่อยและกลิ่นหอมกรุ่นจากโซน BBQ พร้อมร้านเด็ด ร้านดังจากราชบุรี รวมมาไว้ในที่เดียว จิบกาแฟหอมๆ เครื่องดื่มเย็นๆ  ฟังเพลงเพราะๆ ในบรรยากาศชิลๆ เคล้าเสียงเพลง Bossa Bossom 

สนุกกับกิจกรรม CRAFTBURI DIY รับของที่ระลึกกลับบ้านกันฟรีๆ อาทิ เพนท์โอ่งมินิ เพนท์ถาดปูน ทำพวงกุญแจ 

ภายในงาน ร้านค้ายังมีการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก ใช้ภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้ร่วมกันรักษ์โลก ลดพลาสติก ลดขยะ ไปด้วยกัน 

อย่าพลาด ชมมินิคอนเสิร์ต ท่ามกลางธรรมชาติ กับศิลปินสุด Cool จาก เรนิษรา และ Newery (14 ก.ย.) Greasy cafe และ Uncle Ben (15 ก.ย.)


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ >> FACEBOOK PAGE และ TIKTOK : RATRIFOODANDCRAFT

  • https://www.facebook.com/ratrifoodandcraft 
  • https://www.tiktok.com/@ratrifoodandcraft 

จีนออกรายงานดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือโลกประจำปี 2567 สร้างเกณฑ์มาตรฐานใหม่สำหรับนวัตกรรม การบูรณาการ และการพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมท่าเรือและการขนส่งสินค้าทั่วโลก

สำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจจีน

จีนจัดทำดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือระดับโลกประจำปี 2567 (World-Class Marine Port Cluster Comprehensive Index 2024) พร้อมเผยแพร่ในโอกาสการประชุมส่งเสริมการสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือระดับโลกและระเบียงโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ณ เมืองชิงเต่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567

รายงานดัชนีการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือระดับโลก ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจจีน (China Economic Information Service) ระบุว่า กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือของจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในระดับโลก โดยตัวชี้วัดต่าง ๆ ที่มีความครอบคลุมเผยให้เห็นว่า กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือตอนกลางแห่งเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือแห่งมณฑลซานตง กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือตอนใต้แห่งเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือแห่งเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง ได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือชั้นนำระดับโลกเช่นเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรืออ่าวโตเกียวของญี่ปุ่น และกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือนิวยอร์ก-นิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐอเมริกา ด้วยการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โครงสร้างพื้นฐานขั้นสูง และความสามารถในการให้บริการแบบครบวงจร กลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือของจีนจึงพัฒนาเป็นเครือข่ายท่าเรือที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบและมีความสำคัญที่สุดในโลก ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับนานาชาติให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือเหล่านี้

ดัชนีสินค้าเทกองซินหัว-ท่าเรือซานตง (Xinhua-Shandong Port Bulk Commodity Index) มุ่งเน้นไปที่การค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้าเทกอง และได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างระบบที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงดัชนีราคา ดัชนีสินค้าคงคลัง และดัชนีโลจิสติกส์ขาเข้าและขาออก ดัชนีนี้ช่วยสนับสนุนวงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) สำหรับสินค้าเทกองทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนเพิ่มความยืดหยุ่นและความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรม ในปี 2567 ดัชนีสินค้าเทกองซินหัว-ท่าเรือซานตงได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อรวมดัชนีกิจกรรมสำหรับความจุถังน้ำมันดิบ ซึ่งสะท้อนการจัดเก็บและการขนส่งน้ำมันดิบที่ท่าเรือได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้ผู้เล่นในตลาดมีข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินกิจกรรมซื้อขาย

ขณะที่ "ดัชนีการค้าทางทะเล RCEP" (RCEP Seaborne Trade Index) วิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการค้าทางทะเลในกลุ่ม RCEP รวมทั้งแสดงแนวโน้มการค้าโลกตามความเป็นจริง ดัชนีแสดงให้เห็นว่าในปี 2566 การส่งออกสินค้าของจีนคิดเป็น 14.2% ของทั่วโลก ซึ่งยิ่งส่งเสริมสถานะของจีนในฐานะประเทศขนส่งสินค้ารายใหญ่ที่สุดเป็นเวลาเจ็ดปีติดต่อกัน โดยจีนมีส่วนสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้าทางทะเลทั่วโลกถึงหนึ่งในสาม ตอกย้ำบทบาทของจีนในฐานะ "ผู้รักษาเสถียรภาพ" การค้าโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2567 ดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ 102.3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.9 จากปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดในรอบหกปีที่ผ่านมา

ที่มา: สำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจจีน 

Wednesday, September 11, 2024

World-Class Marine Port Cluster Comprehensive Index 2024 Released - A New Benchmark of Innovation, Integration and Development for Global Port and Shipping Industry

China Economic Information Service

The Promotion Conference on Building World-Class Marine Port Cluster and International Logistics Corridors was held in Qingdao on August 27, 2024, during which the World-Class Marine Port Cluster Comprehensive Index 2024 was released.

According to the World-Class Marine Port Cluster Development Index Report released by China Economic Information Service, China's port clusters have emerged as leaders in the global industry. Based on comprehensive indicators, the Central Port Cluster of the Yangtze River Delta, the Port Cluster of Shandong Province, the Southern Port Cluster of the Yangtze River Delta and the Port Cluster of the Pearl River Delta have joined the Tokyo Bay Port Cluster of Japan and the New York-New Jersey Port Cluster of the United States, ranking among the top-tier world-class marine port clusters. With efficient operations, advanced infrastructure, and integrated service capabilities, China's port clusters have become the world's most systematically important network of connected ports, enhancing their international competitiveness.

The Xinhua - Shandong Port Bulk Commodity Index focuses on the trading and circulation of bulk commodities, and has undergone continuous upgrades to establish a comprehensive system that includes price index, inventory index, and inbound and outbound logistics index. This index has facilitated the dual circulation of bulk commodities in domestic and international markets, enhancing the resilience and security of the industrial and supply chain. In 2024, the Xinhua - Shandong Port Bulk Commodity Index has been further enriched to include an activity index for crude oil tank capacity, which accurately reflects the storage and transportation of crude oil at the ports and provides a valuable reference for market players to engage in trade activities.

The "RCEP Seaborne Trade Index" analyzes the trends of and structural changes in RCEP seaborne trade, and objectively shows the global trade trends. The Index shows that in 2023, China's cargo exports accounted for 14.2% of the global total, solidifying its position as the largest cargo trading country for seven consecutive years. China contributed one-third of the increase in global seaborne trade volume, reinforcing its role as a consistent "stabilizer" of global trade. In 2024, the Index stands at 102.3, a slight increase of 0.9 from the previous year, reaching the highest value in the past six years.

Source: China Economic Information Service 

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ครบรอบ 64 ปี "พัฒนาพลังงานเพื่อสังคมไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด"

วันที่ 11 กันยายน 2567 นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถลงผลการดำเนินงาน เนื่องในโอกาส การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคครบรอบ 64 ปี 28 กันยายน 2567 โดยมีผู้บริหาร และ พนักงาน ร่วมงานแถลงข่าว ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 4 สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 

เส้นทาง 64 ปี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เริ่มต้นจากการบุกเบิกนำไฟฟ้าสู่ประชาชน เร่งรัดพัฒนาไฟฟ้าสู่ชนบท ส่งเสริมความเจริญสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจนสามารถขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึงในพื้นที่รับผิดชอบ 74 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ)  นำเทคโนโลยีมาพัฒนาการดำเนินงานเพื่อยกระดับมาตรฐานระบบส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าและการบริการให้สามารถแข่งขันเชิงธุรกิจในระดับสากล มุ่งสู่องค์กรที่เป็นเลิศด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ร่วมสร้างคุณค่าสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อนองค์กรสู่ PEA Digital Utility และยังคงเดินหน้าบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพด้วยระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ "ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน" (Smart Energy for Better Life and Sustainability) 64 ปี แห่งการพัฒนาพลังงานเพื่อสังคมไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด

PEA Digital and Green Grid
ยกระดับระบบจำหน่ายแรงต่ำ

Meter : Advanced Metering Infrastructure (AMI) นำร่องใช้งานสำหรับลูกค้าทุกรายในพื้นที่เมืองพัทยามากกว่า 1 แสนเครื่อง

e-Meter : สับเปลี่ยนมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ทดแทนมิเตอร์จานหมุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สามารถจดหน่วยในระยะไกลผ่านระบบ Bluetooth ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล อ่านค่าง่าย ชัดเจน แม่นยำ เก็บประวัติการใช้ไฟฟ้าได้ รองรับการซื้อขายไฟในอนาคต

IoT sensors นำมาติดตั้งและใช้งานในหม้อแปลงระบบจำหน่าย พร้อมระบบบริหารจัดการหม้อแปลง (Distribution Transformer Management System : DTMS)

เสริมความมั่นคงการจ่ายไฟ

ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) PEA พัฒนาระบบไฟฟ้าด้วยระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อในระบบจำหน่าย พื้นที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แก้ไขปัญหาคุณภาพไฟฟ้าและจ่ายไฟฟ้ากรณีไฟฟ้าดับได้อย่างรวดเร็ว และพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสายเคเบิลใต้น้ำเส้นเดิมให้สูงขึ้น ต่อยอดการนำเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ใช้งานร่วมกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)

Microgrid : PEA พัฒนาต้นแบบไมโครกริดในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อลดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง อำเภอสบเมย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นระบบจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย และโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก บนพื้นที่เกาะพะลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ตามนโยบายของรัฐบาล

PEA Green Finance

ESG BOND : PEA เป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานแห่งแรกที่จัดทำ Framework สอดคล้องตามมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของอาเซียน (ASEAN Taxonomy) ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเป็นครั้งแรก อายุพันธบัตร 5 ปี วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท  โดยนำเงินที่ได้มาลงทุนโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการ

พัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Micro Grid) บนพื้นที่เกาะพะลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี PEA เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียวด้วยการออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนประโยชน์ของประเทศและโลกเป็นสำคัญ






PEA Digital Service

PEA พัฒนาช่องทางดิจิทัล (Platform Digital) เพื่อให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง PEA Smart Plus, PEA e-Service และ LINE Official "PEAThailand" ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มุ่งเน้นให้บริการที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน เพิ่มช่องทางการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้ไฟฟ้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ ตรวจสอบค่าไฟฟ้า ชำระค่าไฟฟ้า ขอใช้ไฟฟ้าใหม่ ขอขยายเขตไฟฟ้า ขอรับใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และพบกับการใช้บริการออนไลน์รูปแบบใหม่เพิ่มบริการอีก 29 รายการผ่าน www.sabuy.pea.co.th เร็วๆ นี้

PEA Green Business

PEA Volta : PEA สนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าโดยติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้ามากกว่า 400 สถานี ครอบคลุม 75 จังหวัดทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า และให้บริการเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าพิกัดสูง (EV SUPER CHARGE) ขนาด 360 kW ซึ่งเป็นเครื่องอัดประจุพิกัดสูงที่สุดในประเทศไทย (SUPER CHARGE) สามารถใช้งานผ่าน PEA Volta Application ประกอบด้วย ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ อาทิ ค้นหาสถานีชาร์จ ควบคุมการเริ่มหรือหยุดการอัดประจุแบบ Real time และชำระค่าบริการ

นอกจากนี้ PEA ยังมีบริการอัดประจุผ่าน PEA Volta Platform ระบบบริหารสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กผ่าน Termfai Platform โดยมี Pupaplug เต้ารับสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าพิกัด 3.7 kW และ Pupapump Ac charger 7.7 kW และในไม่ช้า PEA จะเพิ่มการบริการอัดประจุที่สถานี PEA Volta ให้กลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน (Volta Fleet) โดยผู้ใช้รถไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องโหลด App บริหารค่าใช้จ่ายผ่านระบบ Master Account และ Account ย่อย



SOLAR ROOFTOP : PEA ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายภาครัฐ ส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยให้บริการติดตั้ง บำรุงรักษา บริการจัดการพลังงานในองค์กร ได้แก่ Renewable Energy : RE ในรูปแบบ ESCO Model Guaranteed Rebate และ Energy Efficiency : EE ในรูปแบบ ESCO Model Shared Saving

REC :  PEA จัดหาใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) สำหรับองค์กรที่มีเป้าหมายจะมุ่งสู่ความยั่งยืน หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ที่ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานสะอาดและองค์กรที่ได้รับผลกระทบการส่งออกจากมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

CARBONFORM : PEA พัฒนาแพลตฟอร์ม CARBONFORM เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และเป็นเครื่องมือการขับเคลื่อนเป้าหมาย Carbon Neutrality พร้อมเชิญชวนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคลในพื้นที่รับผิดชอบของ PEA 74 จังหวัด ใช้งานแพลตฟอร์ม CARBONFORM ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ บริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างละเอียด ติดตามความคืบหน้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเรียลไทม์ วิเคราะห์แหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วางแผนกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ




PEA Sustainability Society

โครงการ 1 ตำบล 1 ช่างไฟฟ้า PEA ร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้ความรู้ สร้างรายได้ให้ช่างไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย เป็นช่างไฟฟ้าประจำตำบล ซึ่งผ่านการฝึกอบรม 18 ชั่วโมง และมีแผนงานขยายผลดำเนินโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 ช่างไฟฟ้า ตามภารกิจกระทรวงมหาดไทยที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs โดยร่วมกับ 4 กระทรวง 3 หน่วยงาน จัดอบรมช่างไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนช่างไฟฟ้าในท้องถิ่นให้สามารถบริการซ่อมแซมไฟฟ้าตามมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งในปี 2569 จะมีช่างไฟฟ้าที่ผ่านการอบรมจากโครงการครบทุกหมู่บ้านในพื้นที่ 74 จังหวัด

โครงการ PEA LED เพื่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทย ติดตั้งหลอดประหยัดพลังงานชนิด LED ส่องสว่างโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยว ประหยัดค่าไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ระยะที่ 2 ขยายเขตไฟฟ้าให้เกษตรกร 55,876 ราย ในพื้นที่ทำกินทางการเกษตรและพื้นที่ห่างไกลให้มีไฟฟ้าใช้ครอบคลุมทุกครัวเรือน โดยในปี 2567 - 2571 PEA จะดำเนินโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ระยะที่ 3 ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

โครงการ PEA ส่งเสริมพลังงานทดแทนเพื่อวิสาหกิจชุมชน สนับสนุนโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้อบแห้งผลผลิตทางการเกษตรให้มีมาตรฐานตามความต้องการของตลาด สร้างรายได้ให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

มาตรการขยายระยะเวลาการงดจ่ายไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มียอดการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาท ต่อ เดือน และค้างชำระค่าไฟฟ้าได้ไม่เกิน 3 บิลเดือน ระยะเวลามาตรการดังกล่าวสิ้นสุดถึงบิลค่าไฟเดือนพฤศจิกายน 2567

PEA Next Move

ก้าวต่อไปของ PEA ยังคงมุ่งเน้นระบบโครงข่ายและระบบจำหน่ายที่มั่นคง รองรับการขยายตัวของลูกค้าอุตสาหกรรมและการเพิ่มขึ้นของพลังงานสะอาด สร้างพันธมิตรกับเครือข่าย Startup เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ยกระดับผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ รวมถึงเตรียมความพร้อมของระบบเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพลังงานในอนาคตด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของ Grid Modernization วางแผนการดำเนินงาน Green Tech Fund เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุนพร้อมทั้งนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินงานของ PEA และยกระดับการพัฒนาองค์กรไปสู่ Carbon Neutrality

PEA เดินหน้าพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้บริการพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องครบวงจรและมีประสิทธิภาพ มั่นคง ปลอดภัย เชื่อถือได้ มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมสีเขียวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยการจัดงานในครั้งนี้ PEA สามารถขายคืนคาร์บอนเครดิตได้ 8 ตันคาร์บอนฟุตพริ้นท์