Thursday, May 12, 2016

บริษัทถ่านหินยักษ์ใหญ่ของจีนอัพเกรดโรงงานครั้งใหญ่ ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

          เฉินหัว กรุ๊ป ผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของจีนได้เสร็จสิ้นการยกระดับโรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทในปักกิ่ง เทียนจิน และหูเป่ย ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้เป็นอย่างมาก
          การอัพเกรดโรงงานของเฉินหัวครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของจีนในการเดินหน้าเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะควบคุมปริมาณฝุ่นจากโรงไฟฟ้า 22 แห่งของบริษัทในภูมิภาคดังกล่าวไม่ให้เกิน 10 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ไม่เกิน 35 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          สำหรับมาตรฐานการควบคุมมลพิษในปัจจุบันของจีนนั้นกำหนดให้ปล่อยฝุ่นได้ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และไนโตรเจนออกไซด์ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          แถลงการณ์ของบริษัทซึ่งเผยแพร่ในวันอังคารที่ผ่านมายังระบุด้วยว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้ปริมาณฝุ่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ ที่ปล่อยออกจากโรงงานของเฉินหัวในปักกิ่ง เทียนจิน และหูเป่ย ลดลงถึง 84%, 71% และ 83% ต่อปีตามลำดับ
          เฉินหัวใช้เวลา 3 ปีในการยกระดับโรงไฟฟ้า ด้วยงบประมาณ 2.35 พันล้านหยวน (360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้า 0.01 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kwh)
          เฉินหัวยังได้วางแผนที่จะอัพเกรดโรงงานทั่วประเทศจีน เพื่อให้โรงงานทุกแห่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำเช่นเดียวกันภายในปี 2563 ซึ่งจะทำให้ปริมาณคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าลดลงเหลือ 835 กรัมต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง
          หวัง ชู่หมิน รองประธานบริษัทเฉินหัว กล่าวว่า "เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆจะถูกผลิตในจีนมากขึ้น จึงอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดโรงงานลดลงในปีต่อๆไป และทำให้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินยังคงเป็นทางเลือกที่ประหยัดสำหรับจีน"
          ความเคลื่อนไหวของเฉินหัวในการใช้ถ่านหินสะอาดนั้นมีขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะที่ประชากรผู้มีฐานะซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มความพยายามในการทำให้อากาศและน้ำกลับมาสะอาดอีกครั้ง
          ถึงแม้ว่าจีนได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด (non-fossil energy) ในการใช้พลังงานขั้นต้น เป็น 20% ภายในปี 2573 แต่พลังงานในสัดส่วนที่เหลือยังคงจะต้องมาจากถ่านหิน น้ำมันและก๊าซ
    
          ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้ถ่านหิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จีนมีอยู่มากมายนั้น สอดคล้องไปด้วยกันได้กับการใช้พลังงานหมุนเวียนที่จะเพิ่มมากขึ้น การยอมรับและนำเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดมาใช้จึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในปัจจุบัน
          "การปฏิวัติอุตสาหกรรมถ่านหินเป็นสิ่งจำเป็น และเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมการปล่อยมลพิษอาจเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ" เซี่ย เค้อชาง สมาชิกสภาวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าว
          ที่มา: Shenhua Group
          AsiaNet 64389

No comments:

Post a Comment