ขับเคลื่อนการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัล ด้วยความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดใน 5G, AI และคลาวด์
หัวเว่ยได้เผยแพร่รายงานประจำปี 2562 เมื่อวานนี้ ซึ่งปรากฏให้เห็นผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายทั่วโลกได้ 8.588 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.1% เทียบรายปี หัวเว่ยยังคงเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ และทำรายได้จากยอดขายทั่วโลกได้ 8.97 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.6% เทียบรายปี ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญประการหนึ่งในการเติบโตของบริษัท โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เมืองต่าง ๆ กว่า 700 เมือง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune Global 500 มากถึง 228 แห่ง ต่างเลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรผู้พลิกโฉมสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยยังมีเครือข่ายพันธมิตรกว่า 28,000 รายทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 86% ในรายได้ทั่วโลกของกลุ่มธุรกิจ เครือข่ายพันธมิตรระดับโลกนี้ทำให้หัวเว่ย สามารถสร้างระบบนิเวศแบบพึ่งพาอาศัยกันที่ช่วยสร้างคุณประโยชน์แก่ลูกค้าและทั่วทั้งอุตสาหกรรม
ในปี 2562 ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยได้เติบโตอย่างรวดเร็ว หัวเว่ยวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการลงทุนในเทคโนโลยีไอซีทีใหม่ ๆ อย่าง 5G, AI และคลาวด์ ทำให้หัวเว่ยสามารถงัดใช้ข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อเร่งคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ยุคดิจิทัล และการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ นอกจากนี้ ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ยังได้น้อมนำหลักการ “Being Integrated” ด้วย เพื่อแบ่งปันความสำเร็จร่วมกับบรรดาพันธมิตร ผ่านนโยบายพันธมิตรที่เท่าเทียม ยุติธรรม โปร่งใส และไม่ซับซ้อน
สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ ๆ สำหรับตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ ด้วยเทคโนโลยี 5G คลาวด์ และ AI อันล้ำสมัย
ในปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้งัดใช้การบูรณาการระหว่างคลาวด์ AI และ 5G เพื่อให้บริการคลาวด์สาธารณะและโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริดที่มีความเสถียร เชื่อถือได้ และยั่งยืน โดย HUAWEI CLOUD ได้เปิดตัวบริการคลาวด์กว่า 200 รายการ และโซลูชันอีก 190 รายการ ขณะที่ผู้ใช้ระดับธุรกิจองค์กรและนักพัฒนารวมกันกว่า 3 ล้านราย กำลังใช้ HUAWEI CLOUD เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันของตนเอง
หัวเว่ยใช้คลาวด์เป็นพื้นฐาน โดยได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Huawei Horizon Digital Platform ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีไอซีทีใหม่ ๆ อย่าง IoT AI บิ๊กดาตา วิดีโอ การสื่อสารแบบหลอมรวม และ GIS เพื่อวางรากฐานสู่โลกดิจิทัลในอนาคต บริษัทวิจัยตลาดอิสระชั้นนำอย่าง Dell'Oro Group ได้ยกให้หัวเว่ยเป็นอันดับหนึ่งของโลกในแง่ของส่วนแบ่งตลาด AP ประเภท Wi-Fi 6 ในอาคาร แต่ไม่รวมอเมริกาเหนือ ระหว่างไตรมาสสามของปี 2561 และ 2562 อันเป็นผลจากคุณภาพบริการที่หัวเว่ยมอบให้ลูกค้าในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การศึกษา ค้าปลีก บริการสุขภาพ และการผลิต
นอกจากนี้ เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เปิดตัว CloudEngine 16800 สวิตช์ศูนย์ข้อมูลแรกของวงการที่สร้างขึ้นสำหรับยุค AI ซึ่งมีการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ในศูนย์ข้อมูลระดับองค์กรกว่า 150 แห่งทั่วโลก โดย OptiX ทั้งสาม ได้แก่ OptiXtrans, OptiXaccess และ OptiXstar ถูกนำไปใช้โดยบริษัทกว่า 3,800 แห่งใน 158 ประเทศและดินแดน ขณะที่รายงานจาก Gartner เมื่อเดือนกันยายน 2562 ได้ยกให้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลของหัวเว่ย ติดอันดับผู้นำของ Magic Quadrant นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวโซลูชันเรือธง 2 รายการสำหรับตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์อย่าง HiCampus และ HiDC ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัยในแวดวง 5G สื่อสัญญาณผ่านสายใยแก้ว ระบบเครือข่าย Internet Protocol (IP) และเทคโนโลยี AI และสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านความร่วมมือในขอบข่ายเทคโนโลยีต่าง ๆ
ช่วยภาครัฐและธุรกิจพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัล พร้อมเร่งความก้าวหน้าในภาคส่วนต่าง ๆ
หัวเว่ยมีประสบการณ์มากมายในการช่วยภาครัฐและธุรกิจในการก้าวสู่ยุคดิจิทัล หัวเว่ยทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก ทั้งในแวดวงสมาร์ทซิตี แคมปัส คมนาคม พลังงาน การผลิต และการศึกษา ในการเปิดตัวนวัตกรรมโซลูชันและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อไป
นับจนถึงปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการกว่า 4,200 ราย ที่รวมกันแล้วให้บริการลูกค้ากว่า 50,000 รายทั่วโลก บริษัทได้มีส่วนร่วมในโครงการสมาร์ทซิตีในเมืองต่าง ๆ กว่า 200 เมือง ในกว่า 40 ประเทศและดินแดน ทั้งยังให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินกว่า 1,000 แห่ง ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมแนวคิดการเงินที่มีความทั่วถึง นวัตกรรมบริการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และงานธนาคารแบบเปิดกว้าง หัวเว่ยให้บริการทางรถไฟเขตเมืองกว่า 170 เส้นทางใน 70 เมืองทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างระบบคมนาคมแบบบูรณาการให้กับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก หัวเว่ยต่อยอดประสบการณ์ที่บริษัทสั่งสมมาด้วยตนเองในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งผลให้หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการสร้างแคมปัสอัจฉริยะให้ลูกค้ากว่า 300 ราย หัวเว่ยงัดใช้เทคโนโลยีไอซีทีสุดล้ำ เพื่อช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตและพลังงาน สามารถยกระดับห่วงโซ่การผลิตและคุณค่า พร้อมอัปเกรดระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะของตนให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
เติมพลิงให้พันธมิตรระดับธุรกิจองค์กร พร้อมสร้างระบบนิเวศที่เจริญรุ่งเรือง
หัวเว่ยได้จัดตั้ง OpenLab รวมกัน 13 แห่งทั่วโลก เพื่อทุ่มความสนใจในตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ ใน OpenLab เหล่านี้ พันธมิตรจะได้รับการสนับสนุนในการร่วมสร้างโซลูชัน ทำการตลาด บ่มเพาะบุคลากร การเงิน ห่วงโซ่อุปทาน และระบบไอที เพื่อยกระดับศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนการพลิกโฉมเพื่อให้เกิดความสำเร็จร่วมกัน หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นในการแบ่งปันประสบการณ์ เทคโนโลยี และมาตรฐานการบ่มเพาะบุคลากร โดยได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษา มหาวิทยาลัย และพันธมิตรรายอื่น ๆ ในระบบนิเวศจากทั่วโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและเอื้ออำนวยต่อการบ่มเพาะบุคลากรมากความสามารถในสายงานไอซีที และจุดพลังความเป็นดิจิทัลในอุตสาหกรรม
ในอนาคต การบูรณาการเทคโนโลยี 5G คลาวด์ และ AI จะเข้ามามีบทบาทหลักในโลกสมัยใหม่ ซึ่งทุกสิ่งรับรู้ เชื่อมต่อ และทำงานอย่างชาญฉลาด หัวเว่ยจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุดล้ำ และคิดค้นโซลูชันเพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า โซลูชันเหล่านี้จะรองรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ และช่วยให้ลูกค้าก้าวสู่ยุคดิจิทัลเพื่อเปิดรับความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ งบการเงินทั้งหมดในรายงานประจำปี 2562 มีบริษัทบัญชีระดับ Big Four ของโลกอย่าง KPMG เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ดาวน์โหลดรายงานประจำปี 2562 ของหัวเว่ยได้ที่ www.huawei.com/en/press-events/annual-report/2019
No comments:
Post a Comment