เดินหน้าพัฒนาธุรกิจทั่วโลกอย่างมั่นคง พร้อมเร่งวางเครือข่าย 5G
ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563
ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ZTE มีรายได้จากการดำเนินงาน 2.1484 หมื่นล้านหยวน ด้านกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญอยู่ที่ 780 ล้านหยวน และกำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญอยู่ที่ 160 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.5% เมื่อเทียบรายปี ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.18 หยวน
บริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยในไตรมาสซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาของบริษัทอยู่ที่ 3.241 พันล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วน 15.1% ของรายได้จากการดำเนินงาน และเพิ่มขึ้น 1.2 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ในไตรมาสแรกของปีนี้ ZTE ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับสุขภาพของพนักงานและการให้บริการลูกค้าทั่วโลก โดยบริษัทได้สร้างและปรับปรุงแพลตฟอร์มการให้บริการลูกค้าและการทำงานทางไกลสำหรับพนักงานทุกคน นอกจากนั้นยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และกลับมาผลิตได้อีกครั้งอย่างราบรื่นโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ZTE ยังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อให้บริการด้านการสื่อสารแก่บุคลากรด่านหน้าที่ต่อสู้กับโควิด-19 โดยวางเครือข่าย 4G/5G และระบบวินิจฉัยโรคทางไกลให้แก่โรงพยาบาลหลายร้อยแห่งในประเทศจีน
ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ZTE ได้บริจาคเวชภัณฑ์เพื่อสนับสนุนเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่น ๆ ในมณฑลหูเป่ย รวมทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เครื่องช่วยหายใจ และเวชภัณฑ์ให้แก่องค์กรและโรงพยาบาลทั่วโลก นอกจากนี้ ZTE ยังร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายหลายรายในต่างประเทศ วางระบบวินิจฉัยโรคทางไกลให้แก่โรงพยาบาลหลายแห่ง และวางระบบทำงานทางไกลให้แก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนดำเนินโครงการต้านโควิด-19 อีกหลายโครงการ
ZTE ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลายรายช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการต่อสู้กับโควิด-19 โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีของบริษัท โดยเฉพาะในด้าน 5G และ AI บริษัทได้ให้บริการวินิจฉัยโรคทางไกลและวินิจฉัยโรคแบบเคลื่อนที่เทคโนโลยี 5G รวมทั้งนำเสนอโซลูชันสมาร์ทวิดีโอคลาวด์เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
ยิ่งไปกว่านั้น ZTE ยังให้บริการ “ห้องเรียนคลาวด์” เพื่อสนับสนุนการเรียนออนไลน์ ขณะเดียวกันก็นำเสนอโซลูชันทำงานทางไกลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถทำงานทางไกลในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ส่งผลให้กลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย และช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น
ZTE กำลังเร่งวางเครือข่ายใหม่ ๆ เช่น 5G และอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม โดยมีส่วนร่วมในการวางเครือข่าย 5G ของผู้ให้บริการเครือข่ายหลายราย และเดินหน้าเพิ่มศักยภาพของเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตอกย้ำความร่วมมือกับผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมต่าง ๆ สู่ระบบดิจิทัล เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน การขนส่ง การเงิน และรัฐกิจสัมพันธ์
เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปีนี้ ZTE สามารถคว้าส่วนแบ่งในการติดตั้งเครือข่าย 5G RAN, 5G SA และ 5G Transport ให้กับบริษัท China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยบริษัทได้วางเครือข่ายสาธิต 5G ในหลายเมืองทั่วประเทศจีน ซึ่งมีความครอบคลุมระดับ Giga+ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังประสบความสำเร็จในการวางเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ในยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และตลาดหลักอื่น ๆ
นอกจากนี้ ZTE ยังครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดเครือข่ายไฟเบอร์ออปติก รวมถึงในตลาด Metro WDM และ Backbone WDM บริษัทและพาร์ทเนอร์ได้ร่วมมือกันสำรวจการใช้งาน 86 รูปแบบ และดำเนินโครงการสาธิตกว่า 60 โครงการทั่วโลก พร้อมกับริเริ่มโครงการสาธิตเครือข่าย 5G อัจฉริยะอีกหลายโครงการร่วมกับผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรม
ในส่วนของอุปกรณ์เทอร์มินอล ZTE ได้เปิดตัว ZTE Axon 11 5G สมาร์ทโฟนวิดีโอรุ่นแรกที่รองรับ 5G นอกจากนั้นยังเดินหน้ายกระดับความร่วมมือด้านอุปกรณ์เทอร์มินอล 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายกว่า 30 รายทั่วโลก ตลอดจนรุกเข้าสู่ตลาดเทอร์มินอล 5G ในญี่ปุ่น ด้วยการร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำหลายราย
ZTE จะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกอย่างใกล้ชิด ตลอดจนประสานงานกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทั่วโลกเพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ครั้งนี้ บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลัก ๆ พร้อมกับแสวงหาโอกาสในการวางเครือข่ายใหม่ ๆ โดยมีเป้าหมายในการสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าและสังคม
No comments:
Post a Comment