Friday, April 3, 2020

Carrier ประกาศแยกตัวเป็นบริษัทมหาชนอิสระ และเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก


แยกบริษัทออกจาก United Technologies Corp. เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ปาล์มบีชการ์เดนส์ รัฐฟลอริด้า, 3 เม.ย. 2020 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- Carrier Global Corporation (NYSE: CARR) ประกาศเปิดตัวในฐานะบริษัทมหาชนอิสระ หลังจากดำเนินการแยกตัวออกจากบริษัท United Technologies เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย โดย Carrier เป็นผู้นำในการสร้างสรรค์โซลูชันการทำความเย็นภายในอาคารซึ่งมีความสำคัญสำหรับผู้คนและโลกของเรา บริษัทจะเริ่มซื้อขายหุ้นแบบ "regular-way" ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) วันนี้ เมื่อตลาดเปิดทำการ ภายใต้ชื่อย่อหุ้น "CARR"



Carrier เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ HVAC (heating, ventilating and air conditioning), ระบบการทำความเย็น รวมทั้งระบบอัคคีภัยและความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์และบริการของ Carrier มีความจำเป็นสำหรับชีวิตสมัยใหม่ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมแบบโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน บริษัทมีการดำเนินงานครอบคลุมกว้างขวางทั่วโลก โดยมีพนักงานประมาณ 53,000 คนที่คอยให้บริการโซลูชั่นต่าง ๆ ในกว่า 160 ประเทศ Carrier ครองตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึง HVAC ในที่พักอาศัยในภูมิภาคอเมริกาเหนือ, อุปกรณ์ HVAC เชิงพาณิชย์ในตลาดหลัก ๆ, อุปกรณ์ตรวจจับไฟไหม้และดับเพลิงอัตโนมัติ, การควบคุมการเข้าออกสำหรับระบบความปลอดภัยทั่วโลก และอุปกรณ์ทำความเย็นสำหรับธุรกิจตู้คอนเทนเนอร์และรถเทรลเลอร์ขนส่งสินค้าในยุโรปและอเมริกาเหนือ

"ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้ Carrier และพนักงานทุกคนยังคงให้ความสำคัญและเดินหน้าแก้ไขความท้าทายครั้งใหญ่ ตั้งแต่การปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร การปกป้องอุปทานอาหารและยาของโลก และการทำให้ประชาชนปลอดภัยและมั่นคง ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้นำบริษัทที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ และผมภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความมานะอุตสาหะและความพร้อมรับมือของพนักงานที่มีความสามารถของเรา โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้" Dave Gitlin ประธานและซีอีโอของ Carrier กล่าว "เป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษที่ Carrier เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศ และวันนี้ ในฐานะบริษัทอิสระ เราได้กำหนดกลยุทธ์ของเราเอง รวมไปถึงวิสัยทัศน์ วัฒนธรรม และลำดับความสำคัญต่าง ๆ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เราสั่งสมและสืบทอดมานั้นไม่มีใครเสมอเหมือน และเรามุ่งหวังที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวเพื่อผู้ถือหุ้นของเรา รวมถึงมีผู้ส่วนได้ส่วนเสียทุกราย"

กลยุทธ์

ในฐานะบริษัทอิสระ Carrier จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญและยกระดับความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น โดยยึดตามลำดับความสำคัญและกลยุทธ์การดำเนินงานที่โดดเด่นและแตกต่างของบริษัท เพื่อการเติบโตและการทำกำไรในระยะยาว ซึ่งรวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ๆ การขยายต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์และความครอบคลุมทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนขยายผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล บริษัทมีความพร้อมเป็นอย่างดีกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรม การครองความเป็นผู้นำด้วยฐานที่มั่นคง ระบบปฏิบัติการที่มีวินัย และความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อนวัตกรรม

ความรับผิดชอบต่อสังคม

Carrier จะยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนที่มีความหมายแก่ชุมชนทั่วโลกผ่านทางพนักงานจิตอาสา รวมทั้งการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม Carrier ได้บริจาคเงิน 3 ล้านดอลลาร์เป็นเวลาสามปีให้แก่ The Nature Conservancy เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อช่วยให้เมืองต่าง ๆ เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดีขึ้น อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาการศึกษา STEM ออนไลน์ให้แก่เด็ก ๆ ทั่วโลก การดำเนินการดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ Carrier ในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม

"เราเป็นผู้นำของโลกในการจัดหาโซลูชันประสิทธิภาพพลังงานสำหรับอาคารทั่วโลก และเรามุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่จะขับเคลื่อนความเป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชันที่มีความยั่งยืนเพื่อโลกใบนี้ และเพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนทั่วโลกทำให้เราเป็นบริษัทที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างคุณค่าร่วมกันสำหรับธุรกิจและสังคมของเรา" Gitlin กล่าว "ในฐานะบริษัทอิสระ เราจะสามารถนำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมและความยั่งยืนที่เราได้สั่งสมมานั้น มาใช้รับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ควบคู่ไปกับการผลักดันวิสัยทัศน์และดำเนินกลยุทธ์การเติบโตให้ประสบผลสำเร็จ"

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Carrier โฉมใหม่ได้ที่ www.Corporate.Carrier.com

เกี่ยวกับ Carrier

Carrier Global Corporation เป็นบริษัทชั้นนำของโลกผู้ให้บริการนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านระบบปรับอากาศ HVAC (HVAC) การทำความเย็น ระบบอัคคีภัย ระบบความปลอดภัย และระบบอาคารอัตโนมัติ ด้วยชื่อ Carrier ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี บริษัทมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกปลอดภัยขึ้นและน่าอยู่มากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผ่านทางแบรนด์ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เช่น Carrier, Kidde, Edwards, LenelS2 และ Automated Logic ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Corporate.Carrier.com หรือติดตามเราได้ทางโซเชียลมีเดีย @Carrier

ข้อความเตือน – ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความ โดยเฉพาะข้อความที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบัน ซึ่งถือเป็น "ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต" (forward-looking statements) ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ โดยครั้งคราว ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตอาจถูกรวมไว้ในข้อมูลอื่น ๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ทั้งปากเปล่าและเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหล่านี้มีเจตนาเพื่อที่จะให้ทราบถึงการคาดการณ์หรือแผนการในปัจจุบันของฝ่ายบริหารสำหรับการดำเนินงานและผลประกอบการในอนาคตของ Carrier ตามสมมติฐานที่เชื่อว่ามีเหตุผลสนับสนุน ณ ปัจจุบัน ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้สามารถระบุได้ด้วยการใช้คำ เช่น "เชื่อ," "คาด," "การคาดการณ์," "แผนการ," "กลยุทธ์," "โอกาส," "ประมาณการ," "โครงการ," "เป้าหมาย," "คาดหวัง," "จะ," "ควร," "เล็งเห็น," "การแนะนำ," "มุมมอง," "เชื่อมั่น" และคำอื่น ๆ ที่มีความหมายคล้ายกัน และเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหรือผลประกอบการในอนาคตของบริษัทที่แยกตัวออกจาก United Technologies ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตอาจรวมถึง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับยอดขาย กำไร กระแสเงินสด ผลประกอบการ การใช้เงินสด การซื้อหุ้นคืน อัตราภาษี และมาตรการอื่น ๆ ของผลการดำเนินงานทางการเงินหรือแผนการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กลยุทธ์ หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของ Carrier ภายหลังการแยกบริษัท เช่น ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการแยกกิจการ และข้อความอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตทั้งหมดนั้น มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากที่แสดงชัดเจนหรือโดยนัยในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต สำหรับข้อความเหล่านั้น Carrier ขออ้างสิทธิตามหลักการให้ความคุ้มครองข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต (Safe Harbor) ตามที่ระบุใน U.S. Private Securities Litigation Reform Act of 1995 ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่: (1) ผลกระทบทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมและตลาดที่ Carrier และธุรกิจของบริษัทดำเนินงานอยู่ในสหรัฐและทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เช่น สภาวะตลาดการเงิน ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ระดับความต้องการของตลาดในด้านการก่อสร้าง ผลกระทบของสภาพอากาศ ประเด็นสุขภาพจากโรคระบาด (ซึ่งรวมถึงไวรัสโคโรนาและผลกระทบต่าง ๆ ที่จะทำให้อุปทาน อุปสงค์ และการกระจายสินค้าทั่วโลกหยุดชะงัก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังคงดำเนินต่อไป และอาจส่งผลกระทบยาวนานมากขึ้นต่อการเดินทาง การพาณิชย์ และ/หรือข้อจำกัดอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และสภาพการเงินของลูกค้าและซัพพลายเออร์ของ Carrier; (2) ความท้าทายในการพัฒนา การผลิต การจัดส่ง การสนับสนุน ประสิทธิภาพ และการทำให้ผลประโยชน์ที่คาดหวังจากเทคโนโลยีขั้นสูง ตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เกิดขึ้นได้จริง (3) ระดับการเป็นหนี้ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการเป็นหนี้ที่เกิดจากการแยกบริษัท การใช้จ่ายด้านทุน และการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (4) ความพร้อมของสินเชื่อและปัจจัยในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบต่อความพร้อมดังกล่าว ซึ่งรวมถึงสภาวะตลาดสินเชื่อ และโครงสร้างเงินทุนของ Carrier (5) เวลาและขอบเขตของการซื้อคืนหุ้นสามัญในอนาคตของ Carrier ที่อาจถูกระงับได้ตลอดเวลาจากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสภาวะของตลาดและระดับของกิจกรรมการลงทุนอื่น ๆ และการใช้เงินสด (6) ความล่าช้าและการหยุดชะงักในการจัดส่งวัสดุและบริการจากซัพพลายเออร์ (7) ความพยายามลดต้นทุน การปรับโครงสร้างต้นทุน การออม และผลกระทบอื่น ๆ ที่ตามมา (8) โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจและการลงทุน (9) ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการกระจายความเสี่ยง และสมดุลของการดำเนินงานที่ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ ภูมิภาค และอุตสาหกรรมต่าง ๆ (10) ผลลัพธ์ของการดำเนินคดีทางกฎหมาย การสอบสวน และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น (11) สมมติฐานแผนบำนาญและการช่วยเหลือทางการเงินในอนาคต (12) ผลกระทบของการเจรจาข้อตกลงที่ต่อรองร่วมกันและข้อพิพาทด้านแรงงาน (13) ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐและประเทศที่ Carrier และธุรกิจของบริษัทดำเนินการอยู่ ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐ หรือการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป ที่มีต่อสภาวะทั่วไปของตลาด นโยบายการค้าโลก และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในระยะเวลาอันใกล้นี้ และในอนาคต (14) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภาษี สิ่งแวดล้อม กฎระเบียบ (รวมถึงการนำเข้า/ส่งออก) ตลอดจนกฎหมายและข้อบังคับในสหรัฐและประเทศอื่นที่ Carrier และธุรกิจของบริษัทดำเนินการอยู่ (15) ความสามารถของ Carrier ในการรักษาและว่าจ้างบุคลากรสำคัญ (16) ขอบเขต ธรรมชาติ ผลกระทบ หรือระยะเวลาของการเข้าซื้อกิจการและการถอนทุนบริษัท รวมถึงการรวมธุรกิจอื่นที่ซื้อมาร่วมกับธุรกิจเดิม การทำงานร่วมกัน โอกาสในการเติบโตและนวัตกรรม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (17) ประโยชน์ที่คาดหวังจากการแยกบริษัท (18) การกำหนดโดย IRS และหน่วยงานด้านภาษีอื่น ๆ ที่การจัดจำหน่ายหรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้องบางรายการควรถือเป็นธุรกรรมที่ต้องเสียภาษี (19) ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเป็นหนี้ที่เป็นผลมาจากธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการแยกบริษัท (20) ความเสี่ยงที่ต้นทุนของการแยกบริษัท ค่าใช้จ่ายของธุรกรรมการปรับโครงสร้าง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการแยกบริษัท จะเกินกว่าการคาดการณ์ของ Carrier และ (21) ผลกระทบจากการแยกธุรกิจของ Carrier รวมทั้งทรัพยากร ระบบ ขั้นตอน และการควบคุมของ Carrier การหันเหความสนใจของฝ่ายบริหาร และผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน และคู่ค้าทางธุรกิจอื่น ๆ รายการปัจจัยข้างต้นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับความสำคัญ โดยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากที่ระบุในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตนั้น สามารถดูได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนของ Carrier ในแบบ Form 10 และรายงานอื่น ๆ ของ Carrier ในแบบ Forms 10-K, 10-Q และ 8-K ที่ยื่นหรือจัดเตรียมให้กับ SEC เป็นครั้งคราว ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตทุกข้อความกล่าวถึงเฉพาะวันที่ข้อความนั้นถูกทำขึ้นเท่านั้น และ Carrier ไม่ขอรับผิดชอบในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน แม้จะได้รับข้อมูลใหม่ หรือมีเหตุการณ์ในอนาคตเกิดขึ้นก็ตาม เว้นแต่กฎหมายกำหนด


No comments:

Post a Comment