Thursday, October 8, 2020

"เซนต์ลูเซีย" ก้าวข้ามวิกฤตโควิดด้วยหลักธรรมาภิบาลที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ

 นายอัลเลน แชสเตเน็ต นายกรัฐมนตรีประเทศเซนต์ลูเซีย กล่าวว่า ความสนใจที่นักลงทุนทั่วโลกมีต่อเซนต์ลูเซียไม่ได้ถูกบั่นทอนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยในระหว่างการเปิดตัวอัตลักษณ์ใหม่และเว็บไซต์ใหม่ของโปรแกรมขอสัญชาติผ่านการลงทุนในเซนต์ลูเซีย นายกฯ แชสเตเน็ต กล่าวว่า ประเทศที่เป็นเกาะในทะเลแคริบเบียนแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการรับมือกับโรคระบาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และทำให้การสมัครเข้าร่วมโปรแกรมขอสัญชาติผ่านการลงทุนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับเลขสองหลักเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้


"วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ส่งผลให้เจ้าของธุรกิจและนักลงทุนจำนวนมากตระหนักว่าสามารถทำงานจากทางไกลและไม่จำเป็นต้องตั้งสำนักงานในเมืองใหญ่ เซนต์ลูเซียมีเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงและมีเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐอเมริกาและลอนดอน ทำให้สามารถเชื่อมกับทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย การที่เรายึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลมาตรฐานสูงสุด ประกอบกับกฎหมายการตั้งสำนักงานใหญ่ที่เอื้ออำนวย ทำให้บริษัทต่าง ๆ สนใจย้ายสำนักงานใหญ่มาที่เซนต์ลูเซีย และเรายังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายในการผลักดัน GDP ให้ขยายตัวเป็นสองเท่าภายใน 6 ปีข้างหน้า" นายกฯ แชสเตเน็ต กล่าว


เนสเตอร์ อัลเฟรด ซีอีโอของโปรแกรมขอสัญชาติผ่านการลงทุนในเซนต์ลูเซีย กล่าวว่า เซนต์ลูเซียมีทางเลือกมากมายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขอสัญชาติ เริ่มที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ "เรานำเสนอผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการลงทุนที่คุ้มค่า พร้อมสิทธิ์ในการเดินทางไปยัง 146 จุดหมายปลายทางทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่สิ่งที่ทำให้การลงทุนเชิงกลยุทธ์นี้โดดเด่นจริง ๆ ก็คือ ความทุ่มเทของเราในการรับประกันการสอบทานธุรกิจและความโปร่งใสในระดับสูงสุดของทุกตัวเลือกการลงทุน การเติบโตในระยะยาวและตัวเลือกที่เซนต์ลูเซียนำเสนอสามารถสร้างมูลค่ามหาศาลอย่างต่อเนื่องให้แก่นักลงทุนต่างชาติ"


เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เซนต์ลูเซียเป็นประเทศแรกในแคริบเบียนที่นำเสนอตัวเลือกการลงทุนใหม่ในเวลาจำกัดเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยเปิดให้มีการขอสัญชาติผ่าน COVID-19 Relief Bond จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ภายใต้เงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐในพันธบัตรรัฐบาลชนิดไม่มีดอกเบี้ย และต้องถือครองนาน 5 ปี


นายกฯ แชสเตเน็ต อธิบายว่า เงินลงทุนที่ได้รับจากโปรแกรมดังกล่าวจะเข้าสู่กองทุนเศรษฐกิจแห่งชาติที่บริหารโดยบอร์ดอิสระ และจัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ลดหนี้สิน และทำการลงทุนในประเทศ "ทุกอย่างที่เซนต์ลูเซียให้ความสำคัญก่อนเกิดโควิดยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในตอนนี้ ตั้งแต่การลงทุนด้านการศึกษา การสร้างแพลตฟอร์ม e-government การอำนวยความสะดวกทางภาษี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การปรับปรุงกองกำลังความมั่นคงและระบบยุติธรรมให้ทันสมัย ไปจนถึงการขยายตัวเลือกด้านการท่องเที่ยว โปรแกรมขอสัญชาติผ่านการลงทุนจะเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาหลายสิ่งหลายอย่าง ด้วยเหตุนี้ เราจึงประสานความร่วมมือกับหลายฝ่ายอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และองค์กรเหนือรัฐ (supra-national organization) เพื่อรับประกันว่านักลงทุนยังคงสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจลงทุนตั้งแต่ต้น"

No comments:

Post a Comment