ศิลปะแห่งการผสมผสานก้าวไปอีกขั้น ดันขีดจำกัดของความเป็นไปได้ขึ้นอีกเท่าตัว
ไม่ว่าจะโปร่งใส สีดำ สีเหลือง สีน้ำเงิน หรือสีแดง Hublot มีความเชี่ยวชาญในการสร้างและขึ้นรูปแซฟไฟร์ด้วยเฉดสีสุดพิเศษสำหรับเคสนาฬิกา โดยการเปิดตัวผลงานใหม่อย่าง Big Bang Tourbillon Automatic Orange Sapphire ทำให้เป็นอีกครั้งที่ Hublot สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ของโลก ด้วยการเพิ่มสีใหม่เข้าในคลังสีของแบรนด์ผ่านการย้อมสีแซฟไฟร์ ความสำเร็จทางเทคนิคและความงามอย่างไม่เคยมีมาก่อนนี้ ผสมผสานเข้ากับกลไกการขับเคลื่อนแบบตูบิยอง (tourbillon) ใหม่ทั้งหมด โดยไม่เพียงจะมาพร้อมระบบไขลานอัตโนมัติ (ซึ่งถือว่าหายากสำหรับกลไกแบบตูบิยอง) แต่ยังเป็นการคิดค้นสถาปัตยกรรมใหม่ด้วยไมโครโรเตอร์ที่มองเห็นได้บนด้านหน้าปัด และบริดจ์แซฟไฟร์ 3 จุด การผสมผสานครั้งใหม่ของความกล้าและความโปร่งใสนี้ มีจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม: @Hublot #Hublot #BigBangTourbillonAutomatic #LVMHWatchWeek
เพื่อให้สอดรับกับจิตวิญญาณแห่งชัยชนะ Hublot ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่โดดเด่น ด้วยการเปิดตัวเคสนาฬิกาตัวแรกของโลกที่ทำด้วยแซฟไฟร์สีส้ม การผลิตของเรายังได้ยืนยันถึงความเชี่ยวชาญในการทำนาฬิกา ด้วยการเปิดตัวกลไกตูบิยองอัตโนมัติแบบใหม่ ซึ่งออกแบบและผลิตในบริษัททั้งหมด ขณะที่สถาปัตยกรรมด้านหน้าปัดที่เด่นสะดุดตาได้เน้นให้เห็นถึงนวัตกรรมการออกแบบของนาฬิกา สมกับความเป็นเจ้าแห่งศิลปะแห่งการผสมผสาน "Art of Fusion" ของ Hublot ในทุกด้าน
Ricardo Guadalupe
ซีอีโอ HUBLOT
แซฟไฟร์สีส้มครั้งแรกของโลก
ถ้าจะมีส่วนใดที่แสดงถึงความเป็นเจ้าแห่งศิลปะแห่งการผสมผสานของ Hublot อันแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นและเป็นประกายได้ทั้งหมดแล้ว ก็ต้องเป็นวัสดุชั้นยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แซฟไฟร์ที่ผลิตขึ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์ (ซึ่งมีห้องปฏิบัติการโลหะและวัสดุของตนเอง) ได้เปิดตัวนาฬิกาที่มีชื่อเสียงมาแล้วมากมายหลายรุ่น ซึ่งใช้แซฟไฟร์เป็นเคสและหน้าปัดในสีต่าง ๆ มาในแบบโปร่งใสทำให้เห็นกลไกที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็น Big Bang Unico Sapphire (โปร่งใส), All Black Sapphire, Big Bang Unico Red Sapphire กับ Blue Sapphire และตัวล่าสุดอย่าง Spirit of Big Bang Yellow Sapphire วันนี้ Hublot ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยวัสดุชั้นยอด ด้วยการปรับโฉม Big Bang Sapphire Tourbillon ใหม่หมดเป็นเฉดสีส้ม ซึ่งเป็นการย้อมสีแซฟไฟร์สีส้มครั้งแรกของโลก ที่เกิดขึ้นได้เพราะการผสมผสานกันของไทเทเนียมและโครเมียมในกระบวนการผลิตที่เปี่ยมด้วยทักษะ สีที่แปลกและเด่นสะดุดตานี้เสมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตาสำหรับแบรนด์นาฬิกาชั้นสูง และสอดคล้องกันเป็นอย่างดีกับวัฒนธรรมแห่งความเป็นเลิศของ Hublot ขอบและตัวเรือนโปร่งใสที่โดดเด่นในแซฟไฟร์สีส้มที่ขัดเงามาเป็นอย่างดี เสริมด้วยสกรูไทเทเนียมรูปตัวเอช 6 ตัว ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบ Big Bang
กลไกไขลานอัตโนมัติแบบตูบิยองโฉมใหม่
เคสนาฬิกาที่ปฏิวัติวงการมาพร้อมกลไกแบบใหม่ Hublot แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการทำนาฬิกาที่ไม่มีใครเทียบ และความเชี่ยวชาญในกลไกตูบิยองซึ่งได้รับการพัฒนามาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2550 ด้วยการใช้กลไกตูบิยองแบบใหม่ที่ใจกลางแซฟไฟร์สีส้ม ออกแบบและผลิตโดย Hublot เองทั้งหมด กลไกใหม่นี้ต่างกับกลไกตูบิยองแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การไขลานด้วยมือ โดยกลไกใหม่ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองจากระบบการไขลานอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการสำรองพลังงานได้อย่างน้อย 3 วัน (72 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นการพัฒนาที่เด่นชัดสำหรับผู้สวมใส่ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมลูกปืนนาฬิกาแบบเซรามิก และเทคนิคชั้นสูงล่าสุดของ Hublot ในระบบไขลาน การผลิตยังได้ตอกย้ำถึงความเป็นเอกลักษณ์ใหม่อีกครั้ง โดยวางกลไกขับเคลื่อนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้มองเห็นไมโครโรเตอร์ได้จากด้านหน้าปัด การจัดวางรูปแบบใหม่นี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความท้าทายทางเทคนิคที่เพิ่มขึ้นสำหรับนักออกแบบเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดบทใหม่ในแง่ของความงาม ด้วยการยกระดับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของหน้าปัดและการออกแบบร่วมสมัย การขับเคลื่อนตลอดเวลาของไมโครโรเตอร์ที่อยู่บริเวณ 12 นาฬิกานั้น สะท้อนการหมุนของกลไกตูบิยองที่เป็นตัวควบคุม ซึ่งวางไว้อย่างสมมาตรที่ 6 นาฬิกา ในส่วนของไมโครโรเตอร์ทอง 22 กะรัตสีเทามาพร้อมการตกแต่งที่ประณีต (การทำขอบเอียง ปัดทำเป็นเส้นรัศมี และขัดด้วยการพ่นทราย) รวมถึงลวดลายฉลุที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hublot
นอกจากนี้ Hublot ยังสานต่อภารกิจแห่งความโปร่งใส ด้วยการใช้แซฟไฟร์ในกลไกให้มากขึ้น โดยกลไกของ Big Bang Tourbillon Automatic Orange Sapphire นั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ติดตั้งบริดจ์แซฟไฟร์ 3 จุดไว้ ได้แก่บาร์เรลบริดจ์ บริดจ์อัตโนมัติ และ Tourbillon Barrette ส่วนน้ำหนักที่เบาจากงานตัวเรือนนั้น เสริมด้วยแพลตินัมที่ผ่านการพ่นทรายขัดและฉลุลายมาแล้ว สำหรับกลไกตูบิยอง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งหมุนรอบแกนตัวเองทุก 1 นาทีเพื่อชดเชยแรงดึงดูดของโลกตามทิศทางการเคลื่อนไหว มีความโดดเด่นจากรูปทรงเรขาคณิตบริสุทธิ์ที่แง้มให้เห็นกลไกหลักของนาฬิกา ส่วนหน้าปัดนาฬิกานั้นก็โดดเด่นขึ้นไปอีกด้วยเข็มและขีดที่เคลือบสะท้อนแสงไว้ให้ สายนาฬิกายางสีส้มโปร่งใสพร้อมสายเส้นนูนนี้ เปลี่ยนสายได้ง่ายด้วยนวัตกรรม One Click อันเป็นสิทธิบัตรของแบรนด์ และหัวสายรัดไทเทเนียมแบบปรับได้ ช่วยทำให้นาฬิการุ่นพิเศษที่มีจำกัดเพียง 50 เรือนนี้สมบูรณ์แบบ
No comments:
Post a Comment